ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'ยูทูบ' ชนะคดีเผยแพร่วีดีโอต่อต้านอิสลาม
    May 19, 2015 Last update May 19, 2015 20:20

    ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ กลับคำตัดสินของศาลชั้นต้น อนุญาตให้ยูทูบและผู้เผยแพร่ข้อมูลออนไลน์ทุกเจ้า สามารถเผยแพร่ภาพยนตร์ "อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิม" ทางเว็บไซต์ต่อไปได้
    ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ กลับคำตัดสินของศาลชั้นต้น อนุญาตให้ยูทูบและผู้เผยแพร่ข้อมูลออนไลน์ทุกเจ้า สามารถเผยแพร่ภาพยนตร์ "อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิม" ทางเว็บไซต์ต่อไปได้

    ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ กลับคำตัดสินของศาลชั้นต้น อนุญาตให้ยูทูบและผู้เผยแพร่ข้อมูลออนไลน์ทุกเจ้า สามารถเผยแพร่ภาพยนตร์ "อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิม" ทางเว็บไซต์ต่อไปได้ โดยศาลได้ให้เหตุผลว่า ยูทูบไม่จำเป็นต้องนำวีดีโอต่อต้านศาสนาอิสลามดังกล่าวออก เพราะหากทำเช่นนั้นจะถือว่าเป็นการไม่เคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งถือเป็นสิทธิพื้นฐาน ทั้งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านมุสลิม

    ก่อนหน้านี้ยูทูบได้นำภาพยนตร์ "อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิม" ออกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ เมื่อปี 2012 ส่งผลให้เกิดการประท้วงอย่างรุนแรงจากชาวมุสลิมในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในอียิปต์และลิเบีย เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงอ้างว่า ภาพยนตร์นำเสนอภาพของศาสดามูฮัมมัดในแง่ลบ มีทั้งฉากรัก และเพศสัมพันธ์ในภาพยนตร์ รวมถึงสื่อว่าศาสดามูฮัมหมัดเป็นคนรักเพศเดียวกัน ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง นอกจากนี้ในบางประเทศยังได้ปิดกั้นเว็บไซต์ยูทูบ เพื่อไม่ให้ได้รับชมภาพยนตร์ตัวอย่างอีกด้วย

    การประท้วงที่ขยายวง ทำให้หนึ่งในนักแสดงของภาพยนตร์ ซินดี ลี การ์เซีย ฟ้องศาลให้บังคับให้ยูทูบถอนวีดีโอออก เพราะเธอถูกขู่ฆ่า ทั้งๆที่เธอแสดงบทเล็กๆในภาพยนตร์เท่านั้น โดยเธอกล่าวว่า เธอไม่มีเจตนาที่จะดูหมิ่นศาสนาเลย

    การ์เซียบอกว่าข้อตกลงในการแสดงภาพยนตร์ดังกล่าวใช้ชื่อเรื่องว่า "เดสเซิท วอริเออร์" (Desert Warriors) ซึ่งเธอถูกทำให้เชื่อว่า บทภาพยนตร์มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นไปในอียิปต์เมื่อ 2,000 ปีก่อน ซึ่งไม่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับศาสดาของศาสนาอิสลาม หรือกลุ่มมุสลิมเลย แต่ผู้สร้างภาพยนตร์ได้พากษ์เสียงทับบทแสดงที่เธอพูด เและเปลี่ยนชื่อภาพยนตร์ เป็น "อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิม" ส่งผลให้ผู้สร้างภาพยนตร์ถูกจับคุก 1 ปี ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร

    การที่ศาลตัดสินเช่นนี้ ทำให้เกิดคำถามอีกครั้งถึงขอบเขตของเสรีภาพในการแสดงความเห็น และการแพร่ Hate Speech โดยมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าวีดีโอที่ส่งเสริมการเกลียดชังชาวยิว จะถูกลบออก แต่หากเป็นการส่งเสริมการเกลียดชาวมุสลิม กลับมีสิทธิ์ได้รับการเผยแพร่ ขณะที่อีกบางส่วนก็มองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังไม่เข้าข่าย Hate Speech


    https://www.voicetv.co.th/read/207498
     
  2. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เรียกร้องประชุมซัมมิต'มาดูโร-ทรัมป์'คลายวิดฤตเวเนฯ แต่สหรัฐฯปฏิเสธทันควัน
    เผยแพร่: 27 ก.พ. 2562 23:34 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


    จอร์จ อาร์เรียซา รัฐมนตรีต่างประเทศเวเนซุเอลา
    เอเอฟพี - รัฐมนตรีต่างประเทศเวเนซุเอลาในวันพุธ(27ก.พ.) เรียกร้องให้มีการเจรจาโดยตรงระหว่างประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เพื่อช่วยคลี่คลายวิกฤตในประเทศ

    เสียงเรียกร้องจาก จอร์จ อาร์เรียซา รัฐมนตรีต่างประเทศ มีขึ้นระหว่างการกล่าวปราศรัยต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งถูกบอยคอตต์จากผู้แทนทูตหลายราย ในนั้นรวมถึงจากละตินอเมริกาและยุโรป

    "เราเสนอเส้นทางเจรจา แม้กระทั่งกับสหรัฐฯ ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีมาดูโร ทำไมพวกเขาไม่ลองพบปะกันดูล่ะ?" อาร์เรียซากล่าว

    สหรัฐฯไม่อยู่ในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หลัง ทรัมป์ ตัดสินใจถอนตัวจากองค์กรแห่งนี้เมื่อปีที่แล้ว แต่ โรเบิร์ด วู้ด ผู้แทนอเมริกา ว่าด้วยการลดอาวุธ (Conference on Disarmament) ของสหประชาชาติ ลุกหนีออกจากห้องประชุม ตอนที่ เฟลิกซ์ พลาเซนเซีย ผู้แทนอีกคนของเวเนซุเอลา ขึ้นไปกล่าวบนโพเดียม

    ชาติละตินอเมริกาและยุโรปหลายประเทศ และผู้แทนทูตชาติอื่นๆ ก็เข้าร่วมการวอล์คเอาต์ของวู้ดเช่นกัน

    ในเวลาต่อมา เมื่อถูกถามเกี่ยวกับแนวโน้มของการประชุมซัมมิตระหว่างทรัมป์กับมาดูโร นายวู้ดบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์ เตรียมพบปะกับประธานาธิบดีที่ชอบธรรมของเวเนซุเอลา และนั่นก็คือนายฮวน กวยโด"

    สหรัฐฯเป็นผู้นำรณรงค์ทางการทูตสนับสนุน กวยโด ผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งประกาศตนว่าเป็นประธานาธิบดีรักษาการและได้รับการรับรองจากนานาประเทศราว 50 ชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในอียู

    อาร์เรียซา ประณามสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นการรณรงค์ก้าวร้าวโดยสหรัฐฯเพื่อปั่นหัวเวเนซุเอลา ในนั้นรวมถึงการจู่โจมระดับสากลต่อทรัพย์สินในต่างแดนของรัฐบาล

    เขาบอกว่าการกระทำของสหรัฐฯนั้นกำลังพรากอาหารและยาไปจากประชาชนตาดำๆของเวเนซุเอลา และเรียกร้องคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ส่งเสียงให้ดังยิ่งขึ้นคัดค้านการปิดกั้นของอเมริกา

    วู้ด ตอบโต้ว่า "มันเป็นความเสื่อมเสียที่ปล่อยให้พวกตัวแทนของมาดูโร ขึ้นกล่าวปราศรัยตามองค์กรต่างๆของสหประชาชาติ" พร้อมระบุการวอล์คเอาต์ในวันพุธ(27ก.พ.) ทั้งในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนและที่ประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ คือการส่งสารที่เข้มแข็งที่สุด "อดีตรัฐบาลของมาดูโร ไม่ควรได้รับอนุญาตให้ยังเป็นตัวแทนของประชาชนชาวเวเนซุเอลาต่อไป"

    อเมริกาได้ยกระดับกดดันรัฐบาลของมาดูโร ด้วยการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานเจ้าหน้าที่ระดับสูง และสัญญาว่าจะให้ข้อยกเว้นกับพวกเจ้าหน้าที่ที่ให้การรับรอง กวยโด ในฐานะผู้นำที่แท้จริงของพวกเขา

    จากข้อมูลของสหประชาชาติพบว่ามีประชาชนราว 2.7 ล้านคนที่หลบหนีออกจากเวเนซุเอลา นับตั้งแต่วิกฤตทางการเมืองและเศรษฐกิจปะทุขึ้นในประเทศแห่งนี้เมื่อปี 2015

    https://mgronline.com/around/detail/9620000020522
     
  3. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไม่ใช่แค่การบินไทย!สายการบินหลายแห่งได้รับผลกระทบ จากวิกฤตแลกหมัดสอยเครื่องบินปากีฯ-อินเดีย เผยแพร่: 28 ก.พ. 2562 01:01 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


    รอยเตอร์ - สายการบินหลายแห่ง ในนั้นรวมถึงเอมิเรตส์และกาตาร์ แอร์เวย์ส ระงับเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่ปากีสถานในวันพุธ(27ก.พ.) หลังประเทศในเอเชียใต้แห่งนี้ปิดน่านฟ้า อันเนื่องจากวิกฤตความตึงเครียดระดับสูงกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินเดีย

    เอติฮัด, ฟลายดูไบ, กัล์ฟแอร์, ศรีลังกา แอร์ไลน์ส และแอร์แคนาดา ก็ต่างระงับเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่ปากีสถานเช่นกัน ขณะที่จากข้อมูลติดตามเที่ยวบิน พบว่าทางสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส, บริติช แอร์เวย์ส และอื่นๆถูกบังคับให้เปลี่ยนเส้นทางการบิน

    เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียรายหนึ่งเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า สายการบินต่างๆที่บินผ่านอินเดียและปากีสถาน เพื่อมุ่งหน้าสู่ยุโรป,ตะวันออกกลางและเอเชีย ประสบความวุ่นวาย โดยบางเที่ยวบินต้องใช้เส้นทางผ่านเมืองมุมไบ แถบชายฝั่งทางตะวันตกของอินเดีย มุ่งหน้าลงไปทางใต้มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงน่านฟ้าปากีสถาน

    ปากีสถานปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและสอยเครื่องบินรบของอินเดีย 2 ลำในวันพุธ(27ก.พ.) หนึ่งวันหลังจากเครื่องบินรบอินเดียเปิดฉากโจมตีภายในปากีสถานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามปี 1971 กระตุ้นให้เหล่ามหาอำนาจของโลก ออกมาเรียกร้อง 2 ชาติที่ครอบครองนิวเคลียร์ ให้อดทนอดกลั้น

    ความตึงเครียดระหว่าง 2 ฝ่ายพุ่งสูงขึ้น นับตั้งแต่เกิดเหตุพวกนักรบที่ซุกซ่อนในปากีสถาน ใช้คาร์บอมบ์ฆ่าตัวตายโจมตีดินแดนแคชเมียร์ของอินเดีย คร่าชีวิตตำรวจหน่วยเสริมกำลังรบของอินเดียอย่างน้อย 40 นายเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ แต่สถานการณ์เสี่ยงโหมกระพือยิ่งขึ้นไปอีกจากเหตุการณ์ในวันอังคาร(26ก.พ.) เมื่อ อินเดีย ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศแก้แค้น ที่พวกเขาบอกว่ามีเป้าหมายถล่มค่ายฝึกแห่งหนึ่งของพวกนักรบ

    มาร์ค มาร์ติน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทที่ปรึกษามาร์ติน ระบุว่าด้วยที่ในแต่ละวันมีเที่ยวบินราวๆ 800 เที่ยวที่ใช้เส้นทางการบินอินเดีย-ปากีสถาน ดังนั้นมันจึงเป็นเส้นทางที่สำคัญอย่างยิ่ง "คุณไม่อาจบินข้ามจีนได้ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องบินผานปากีสถานและอินเดีย และลงไปทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย การสัญจรเกือบทั้งหมดที่มุ่งหน้าไปกรุงเทพฯและสิงคโปร์ จะต้องบินผ่านอิหร่าน จึงเป็นไปได้ที่ต้องบินอ้อม"

    สายการบินระหว่างประเทศที่ปกติแล้วมักใช้เส้นทางที่ผ่านน่านฟ้าอินเดียและปากีสถานจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทาง ในนั้นรวมถึงสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส, ฟินน์แอร์, บริติช แอร์เวย์ส, แอโรฟลอต และแอร์อินเดีย

    ส่วนกาตาร์ แอร์เวย์ส ระบุในถ้อยแถลงว่าพวกเขาระงับเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่เมืองต่างๆ 8 แห่งทั้งในอินเดียและปากีสถานเป็นการชั่วคราว "สืบเนื่องจากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตามแนวชายแดนอินเดีย-ปากีสถาน" และเที่ยวบินที่มีเส้นทางผ่านน่านฟ้าอินเดียและปากีสถาน อาจต้องประสบกับความล่าช้า เนื่องจากต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางใหม่ในพื้นที่

    การบินไทย แจ้งยกเลิกเที่ยวบินที่ทำการบินไปยังปากีสถาน และเที่ยวบินยุโรป 11 จุดบิน เนื่องจากการประกาศปิดน่านฟ้าปากีสถานกะทันหันจากสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างกับชาติเพื่อนบ้าน

    กัลฟ์แอร์ บอกว่าทางสายการบินระงับเที่ยวบินทั้งหมดทั้งขาเข้าและออกจากปากีสถาน สืบเนื่องจากการปิดน่านฟ้า ขณะที่ ฟลายดูไบ สายการบินต้นทุนต่ำระบุกำลังอยู่ระหว่างทบทวนตารางเดินทาง ส่วนเอมิเรตส์และเอติฮัดก็เผยเช่นกันว่าได้ระงับเที่ยวบินบางเที่ยวที่มุ่งหน้าสู่ปากีสถาน

    ทุกเที่ยวบินจากกรุงคาบูลสู่อินเดียถูกยกเลิกจนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบเพิ่มเติม ส่วนแอร์อินเดีย สายการบินแห่งรัฐอินเดีย ยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดไปจนถึงสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สายการบินประจำคาบูล

    แอร์แคนาดา เผยว่าระงับบริการเที่ยวบินมุ่งสู่อินเดียชั่วคราว สืบเนื่องจากการปิดน่านฟ้าของปากีสถาน ส่วนเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่ยุโรปของสายการสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ก็จำเป็นต้องแวะพักเติมเชื้อเพลิง ขณะที่ บริติช แอร์เวย์ส บอกว่ากำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

    ก่อนหน้านี้ในวันพุธ(27ก.พ.) ทางการอินเดียเผยว่าสนามบินหลายแห่งทางตอนเหนือของประเทศจำเป็นต้องระงับให้บริการชั่วคราว เป็นผลให้เที่ยวบินภายในประเทศหลายสิบเที่ยวต้องยกเลิก หลังเครื่องบินรบของปากีสถานบินข้ามพรมแดนเข้าสู่ฝั่งแคชเมียร์ของอินเดีย อย่างไรก็ตามล่าสุดสนามบินต่างๆเหล่านั้นกลับมาเปิดบริการได้อีกครั้ง

    https://mgronline.com/around/detail/9620000020531
     
  4. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาพระทึก!!เครื่องบินส่วนตัวลื่นไถลตกรันเวย์น้ำแข็ง หวิดเกิดโศกนาฏกรรม(ชมคลิป)
    เผยแพร่: 28 ก.พ. 2562 04:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์



    รัสเซียทูเดย์ - สื่อต่างประเทศเผยแพร่วีดีโอน่าขนลุกในวันพุธ(27ก.พ.) เป็นภาพวงจรปิดเหตุการณ์เครื่องบินส่วนตัวขนาดเล็กลำหนึ่ง กำลังลื่นไถลหลุดจากรันเวย์ของสนามบินในกรุงมอสโก เคราะห์ดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บใดๆ


    วิดีโอดังกล่าวเป็นภาพวินาทีที่เครื่องบินส่วนตัวกอล์ฟสตรีมลำหนึ่ง กำลังไถลไปด้านข้างเป็นระยะทางนับร้อยเมตร หลังการลงจอด ก่อนไปแน่นิ่งบนลานที่เต็มไปด้วยหิมะของสนามบินเชเรเมเตียโว รอดพ้นจากการเกิดอุบัติเหตุเลวร้ายอย่างหวุดหวิด เมื่อวันอังคาร(26ก.พ.)ที่ผ่านมา

    เครื่องบินลำดังกล่าวซึ่งบินมาจากกรุงบากู เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจาน บรรทุกผู้โดยสาร 3 คนและลูกเรือ 2 คน อย่างไรก็ตามเคราะห์ดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ขณะที่เครื่องบินได้รับความเสียหายฐานล้อหักระหว่างการลงจอดรุุนแรง



    เบื้องต้นยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าต้นตอของอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากความผิดพลาดของนักบินหรือสภาพรันเวย์ที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง จนเกือบก่อโศกนาฏรรมเลวร้าย ขณะที่สภาพอากาศอุ่นในมอสโกสัปดาห์นี้ทำให้หิมะละลาย แต่เมื่อคืนวันจันทร์(25ก.พ.) อุณหภูมิกลับลดลงฉันพลัน ทำให้เกิดน้ำแข็งเกาะอยู่บนรันเวย์หรือตามท้องถนนสายต่างๆ

    หลังเกิดอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่สนามบินต้องปิดรันเวย์ดังกล่าาวและจำเป็นต้องยกเลิกเที่ยวบิน 15 เที่ยว

    สำหรับท่าอากาศยานเชเรเมเตียโว เป็นสนามบินที่มีผู้ใช้บริการคับคั่งที่สุดในรัสเซีย โดยรองรับพวกผู้โดยสารมากกว่า 45 ล้านคนในปี 2018 ทั้งนี้มันเคยถูกประกาศให้เป็นสนามบินที่ตรงต่อเวลามากที่สุดในยุโรป และน้อยครั้งที่จะปิดบริการ แม้บางครั้งต้องเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายซัดถล่มกรุงมอสโก

    https://mgronline.com/around/detail/9620000020539
     
  5. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    ... “สงคราม อินเดีย-ปากีสถาน ระเบิดเวลาที่อังกฤษไข่ทิ้งไว้”

    ... "อดีต ช่วงแรก เขตปกครองโดยบริษัทอินเดียตะวันออก"

    ... ตั้งแต่ปี คศ.1612 “บริษัทอินเดียตะวันออก” ได้ตั้งบริษัททำการค้าในหลายๆ แห่งบริเวณชายฝั่งทางตะวันออกของอินเดีย ซึ่ง “บริษัทอินเดียตะวันออก” นี้มี “กองเรือและกองทัพทหาร เป็นของตนเอง” ( นึกถึงวอลล์สตรีทและบริษัทน้ำมันใหญ่ในปัจจุบัน ) โดยได้รับการยินยอมจาก “เหล่ามหาราชา” ซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองรัฐพื้นเมืองในอินเดีย อย่างไรก็ตาม อังกฤษไม่ใช่ชาติเดียวที่เข้ามาทำประโยชน์ในอินเดีย แต่ยังมีชาติอื่นอย่างฮอลแลนด์ และฝรั่งเศส ในช่วงกลางของคริสต์ศตวรรษที่ 18 เมืองในปกครอง (Presidency towns) ของอังกฤษทั้งสิ้น 3 แห่งคือ มัทราส, บอมเบย์ และกัลกัตตา เริ่มเติบโตมากขึ้น

    • ในปี คศ1757 แคว้นเบงกอลขัดแย้งกับบริษัทฯจนเกิดเป็นยุทธการที่ปลาศี อังกฤษได้รับชัยชนะและเริ่มยุคการปกครองของบริษัทในอินเดีย บริษัทประสบความสำเร็จในการมีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนส่วนมากในอนุทวีปอินเดีย ดินแดนเหล่านี้ถูกเรียกว่า เขตปกครอง (Presidency) “บริหารโดยบริษัท” ( เป็นเอกชนอังกฤษ ที่ครองอาณานิคม โดยมีรัฐบาลสนับสนุนช่วยเหลือ ) ภายใต้การกำกับของรัฐสภาอังกฤษ

    • หลังจากเกิดเหตุกบฏซีปอยในปี คศ1857 รัฐสภาอังกฤษได้ตราพระราชบัญญัติรัฐบาลอินเดีย คศ 1858 อำนาจการปกครองในอินเดียถูกโอนจากบริษัทไป “ขึ้นตรงกับสมเด็จพระราชินีนาถ” ในการนี้ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียได้สถาปนาพระองค์เป็นจักรพรรดินีนาถแห่งอินเดีย ( รัฐบาลอังกฤษเข้ามาบริหารเองแทนเอกชน ) ซึ่งได้ทรงตั้งข้าหลวงต่างพระองค์ไปปกครองอินเดียโดยมีที่ทำการรัฐบาลอยู่ในกัลกัตตา เขตปกครองทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็น มณฑล รู้จักในชื่อ การปกครองโดยตรงในอินเดีย (Direct rule in India)

    ... "อดีต ช่วง 2 บริติชราช หรือ ราชาชาวอังกฤษ British Raj "

    ... เป็น “การปกครองโดยพระมหากษัตริย์ของสหราชอาณาจักร” ( ไม่ใช่เอกชน บริษัทอินเดียตะวันออกแล้ว ) หรือ พวกบริทิช ในอนุทวีปอินเดียระหว่างปี คศ1858 ถึง 1947 ประกอบด้วยการปกครองสองรูปแบบ คือ ดินแดนที่ปกครองโดยเจ้าพื้นเมือง กับดินแดนที่ปกครองโดยรัฐบาลกลางที่ถูกเรียกว่า บริติชอินเดีย แต่ไม่ว่าจะปกครองแบบไหน ดินแดนทั้งหมดล้วนอยู่ในบังคับของสหราชอาณาจักร

    ... "อดีต ช่วง 3 แยกประเทศ อินเดีย ปากีสถาน"

    ... กระแสเรียกร้องเอกราชของอินเดียจากอังกฤษมีมานานหลายครั้ง ชัดเจนมากตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อังกฤษย่อยยับจากสงคราม ดังนั้นในปี 1947 ก็ได้มีการแบ่งอินเดียแบ่งออกเป็นสองประเทศในเครือจักรภพคืออินเดีย (ประเทศอินเดียในปัจจุบัน) และปากีสถาน (ประเทศปากีสถานและประเทศบังกลาเทศในปัจจุบัน) ส่วนพม่านั้นได้แยกตัวออกจากรัฐบาลบริติชอินเดียในปี คศ 1937 และถูกปกครองโดยตรงจากรัฐบาลสหราชอาณาจักรตั้งแต่บัดนั้น

    ... ก่อนที่ “อังกฤษ” จะถอนตัวออกจากอินเดีย ซึ่งเป็นดินแดนที่เคยมองว่าเป็น “อัญมณีล้ำค่า” ในบรรดาชาติอาณานิคมของอังกฤษ ในสมัยนั้นอินเดียมีประชากรเกือบ 400 ล้านคน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู โดยมีประชากรที่นับถืออิสลามมีอยู่ราว 1 ใน 4 “อังกฤษตัดสินใจแบ่งดินแดนโดยใช้ ศาสนา”

    ... “นายชวาหะร์ลาล เนห์รู” ซึ่งต่อมาได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของ “อินเดีย” ไม่เห็นด้วยในการใช้ศาสนามาแบ่งประเทศ แต่ “นายมูฮัมหมัด อาลี จินนาห์” ซึ่งต่อมากลายเป็นข้าหลวงใหญ่คนแรกของ “ปากีสถาน” ยืนกรานว่า ชาวมุสลิมต้องมีชาติของตัวเอง

    ... ชาวอังกฤษที่อยู่วงในบอกว่า 'การแบ่งประเทศและเอกราชมาพร้อมกัน' และ 'อย่างหนึ่งเป็นต้นทุนของอีกอย่าง' ( ข่าวของบีบีซี )

    ... “ลอร์ด เมาท์แบตเทน” ซึ่งเกี่ยวข้องกับราชวงศ์อังกฤษ ได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจนี้ โดยเขาคิดว่าต้องจัดการให้ลุล่วงอย่างเร็วที่สุด จึงจะเป็นผลดีที่สุด ดังนั้นเส้นแบ่งประเทศจึงถูกร่างขึ้นภายในเวลาเพียง 5 สัปดาห์ วันที่ทั้งสองฝ่ายได้รับเอกราชคือ วันที่ 14 และ 15 สิงหาคม 1947

    ... ในช่วงก่อนที่อินเดียและปากีสถานจะได้รับเอกราช เกิดการปะทะกันระหว่างชาวฮินดู และชาวมุสลิม แต่ไม่มีใครคาดว่าจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นในการแบ่งประเทศ มีผู้ลี้ภัยอย่างน้อย 12 ล้านคน อพยพจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง ( ชาวฮินดูจะย้ายจากปากีสถานไปอินเดีย ส่วนชาวมุสลิมจะย้ายจากอินเดียไปปากีสถาน ) มีผู้เสียชีวิต 5 แสนถึง 1 ล้านคน และมีผู้หญิงหลายหมื่นคนถูกลักพาตัว ข่มขืนระหว่างทาง

    ... นับตั้งแต่แยกจากกัน ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดีย-ปากีสถานก็ยังไม่พัฒนาขึ้น นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างกรรมสิทธิ์ใน “แคชเมียร์ “ ( หรือ กัศมีร์ ) โดยหลังได้เอกราชไม่กี่สัปดาห์ ทั้งสองประเทศก็เริ่มสู้รบกัน เพื่อแย่งชิงหุบเขาแคชเมียร์

    .... “ปากีสถานและอินเดีย” ต่างฉลองเอกราช แต่สองวันหลังจากนั้น เมื่อมีการประกาศว่าเส้นพรมแดนอยู่ที่ไหน ทั้งสองฝ่ายต่างไม่พอใจ

    ... “นายมูฮัมหมัด อาลี จินนาห์” บอกว่า ดินแดนที่ปากีสถานได้มีลักษณะเหมือน "มอดแทะ" แบ่งเป็น 2 ปีก มีอินเดียขวางกั้นด้วยพรมแดน 2,000 กิโลเมตร

    … “สงครามอินเดีย-ปากีสถาน คศ 1947หรือ สงครามกัศมีร์ครั้งที่หนึ่ง เป็นสงครามระหว่างประเทศอินเดียและประเทศปากีสถานเพื่อแย่งชิงรัฐชัมมูและกัศมีร์ ถือเป็นสงครามอินเดีย-ปากีสถานครั้งแรกจากสี่ครั้ง สงครามเริ่มขึ้นไม่กี่สัปดาห์ภายหลังรัฐสภาอังกฤษแบ่งบริติชราชออกเป็นสองรัฐเอกราช

    ... “รัฐชัมมูและกัศมีร์” (Jammu and Kashmir ) เป็นรัฐมหาราชาซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือ คั่นระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับประเทศใดระหว่างทั้งสอง “มหาราชาฮารี ซิงห์” ผู้นับถือฮินดู ได้เผชิญหน้ากับการลุกฮือของชาวมุสลิมในรัฐของพระองค์ ทำให้ทางการต้องสังหารหมู่ชาวมุสลิมในรัฐชัมมูจำนวนมาก พระองค์เริ่มสูญเสียการควบคุมในภาคตะวันตกของรัฐ จนกระทั่งในวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1947 กองกำลังชนเผ่ามุสลิม ก็ข้ามพรมแดนเข้ามาจากฝั่งปากีสถาน โดยอ้างว่าเข้ามาเพื่อหยุดยั้งการกบฏในภาคตะวันตกเฉียงใต้ กองกำลังนี้ได้หมายจะไปยังศรีนคร แต่ก็ถูกขัดขวางตั้งแต่เมื่อถึงเมืองอุรี ซึ่งเป็นเมืองชายแดนติดกับปากีสถาน ทำให้ มหาราชาฮารี ซิงห์ได้ร้องขอกำลังเสริมไปยังรัฐบาลอินเดีย อินเดียได้ส่งกำลังทหารมาช่วยเหลือ แลกกับการที่รัฐชัมมูและกัศมีร์จะเข้าเป็นหนึ่งในรัฐของอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่นับถือฮินดูเหมือนกัน

    ... หลังสงครามดำเนินมากว่าหนึ่งปี สงครามครั้งนี้สิ้นสุดลงจากข้อตกลงหยุดยิง ปากีสถานสามารถยึดเอาดินแดนราว 1 ในสามของรัฐชัมมูและกัศมีร์

    ... ต่อมาในปี 1971 ปากีสถานตะวันออกแยกตัวเป็นเอกราช กลายเป็นประเทศบังกลาเทศ

    ... นับตั้งแต่แยกจากกัน สงครามแย่งชิงหุบเขาแคชเมียร์ ถือเป็นความขัดแย้งที่ยังหาทางออกไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นผลพวงจากความไม่ลงตัวในการแบ่งแยกประเทศ ที่ “อังกฤษ” ได้วางระเบิดเวลาเอาไว้นานหลายสิบปี

    .

    .
    ... https://www.bbc.com/thai/international-40815819
    https://th.wikipedia.org/wiki/บริติชราช
    https://th.wikipedia.org/wiki/เขตปกครองและมณฑลของบริติชอินเดีย
    https://th.wikipedia.org/wiki/สงครามอินเดีย-ปากีสถาน_ค.ศ._1947

     
  6. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Richard Whitt

    กำลังมุ่งไปสู่สมรภูมิสงครามการค้า

    Understanding the Most Favoured Nation (MFN) Status and Trade between India and Pakistan

    • ระบบสิทธิพิเศษทางการค้าระหว่างประเทศกำลังพัฒนา กำหนดให้ใช้มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศโดยไม่เลือกประติบัติ หรือ Non-Discrimination คือ...ให้การปฏิบัติต่อสินค้าจากประเทศสมาชิกอย่างเท่าเทียมกัน (MFN)

    • สถานการณ์ล่าสุด...'รัฐบาลอินเดียมีมติถอดถอนปากีสถานออกจากสถานะสิทธิประโยชน์ทางการค้า ยกเลิกพันธกรณีภายใต้สนธิสัญญาข้อตกลงที่จะร่วมมือระหว่างสองฝ่าย' และเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากปากีสถานถึง 200 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่...'อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์อาหารจากผักและผลไม้' ซึ่งคาดการณ์ได้ว่า...จะส่งผลกระทบต่อการค้าทวิภาคีที่มีมูลค่ากว่า 2,610 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    • ทั้งนี้...การดำเนินการดังกล่าวของอินเดียเป็นการตอบโต้ปากีสถาน หลังจากที่กลุ่มก่อการร้าย Jaish-e-Muhammed (JeM) ซึ่งเป็นกลุ่มมุสลิมแบ่งแยกดินแดนแคชเมียร์มีฐานที่มั่นในปากีสถาน ใช้ระเบิดรถยนต์โจมตีขบวนรถของหน่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสำรองส่วนกลาง หรือ CRPF ของอินเดีย บนทางหลวงของเมือง Pulwama รัฐจัมมูร์และแคชเมียร์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 ส่งผลให้ตำรวจสิ้นชีพอย่างน้อย 40 นาย ซึ่งอินเดียเชื่อว่าปากีสถานให้การสนับสนุนกลุ่ม JeM โดยเป็นที่พักพิงและหลบซ่อนของกลุ่มดังกล่าวในการปฏิบัติการบ่อนทำลายความมั่นคงของอินเดีย

    • บรรณานุกรม :

    Credit : https://kashmirreader.com/2019/02/25/understanding-the-most-favoured-nation-mfn-status-and-trade-between-india-and-pakistan/

     
  7. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Visudhi Punya


    แผ่นดินไหวขนาด 5.4
    ที่ Surian อินโดนีเซีย
    ลึก 10 กม.

    เมื่อวันที่ 27-02-2019
    เวลา 06.27 น.

     
  8. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Visudhi Punya


    แผ่นดินไหวขนาด 5.0
    ที่ Mohean อินเดีย
    ลึก 114.2 กม.

    เมื่อ 28-02-2019
    เวลา 07.00 น.

     
  9. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจนจิรา จันทรเสนา

    อินเดีย-ปากีสถาน กับการชักธงชาติลงที่ชายแดน Wagah Border ซึ่งจะจัดขึ้นทุกๆเย็น มีคนมารอชมจำนวนมาก
     
  10. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    ฝนตกหนักจากช่วงสุดสัปดาห์ ในเทนเนสซีตะวันออก สหรัฐอเมริกา 26 กพ 2019
    ภาพจากโดรนแสดงหลุมยุบขนาดใหญ่ ในพาวเวลล์ เจ้าหน้าที่บอกว่ามันอาจจะลึกถึง 60 ฟุต








    Heavy rains from the weekend still taking a toll on East Tennessee. USA 26Feb2019

    Drone footage of a massive sinkhole in Powell. Officials say it could be up to 60 feet deep.
     
  11. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    อียิปต์

    อุบัติเหตุทางรถไฟที่สถานีในไคโรทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 รายและบาดเจ็บอีก 43 คน

    มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 คนและบาดเจ็บอีกหลายสิบคนเมื่อหัวรถจักรชนกับโช้คอัพ และลุกเป็นไฟที่สถานีรถไฟหลักของกรุงไคโรเมื่อวันพุธ

    อัยการอียิปต์กล่าวว่าการสอบสวนเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าคนขับรถออกจากรถไฟ เพื่อพูดคุยกับคนขับรถอีกคนไม่บีบเบรคมือซึ่งทำให้รถจักรที่ไม่มีผู้ดูแล เร่งและชนเข้ากับพื้นคอนกรีต

    ภาพจากกล้องรักษาความปลอดภัยจากด้านในสถานี Ramses ในเมืองหลวงแสดงให้เห็นว่ารถไฟไม่หยุด เมื่อมันมาถึงชานชาลาที่หก หักผ่านเครื่อง dampers และราวโลหะและระเบิดเป็นลูกบอลไฟขนาดใหญ่
     
  12. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    สหรัฐอเมริกา

    น้ำท่วมอย่างรุนแรงที่โดรนจับภาพบ้านจมน้ำ ใน Guerneville, Sonoma County มันถูกโพสต์ ในกรณีฉุกเฉินในพื้นที่ และชุมชนอื่น ๆ ตามแนวแม่น้ำ Russian ในแคลิฟอร์เนีย 27 กุมภาพันธ์
     
  13. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ราคาน้ำมันโลกร่วงหนัก หลังมะกันผลิตน้ำมันดิบสูงถึง 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน วันที่ 22 February 2019 - 16:18 น.

    REUTERS/Toru Hanai/File Photo
    สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ หลังจากสหรัฐอเมริกาผลิตน้ำมันดิบออกมามากถึง 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน (บีพีดี) ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐเท่าที่เคยผลิตมา สำนักงานสารสนเทศพลังงาน (อีไอเอ) ระบุในรายงานประจำสัปดาห์ว่า สหรัฐผลิตน้ำมันดิบออกมาสูงถึง 12 ล้านบีพีดีเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ข่าวระบุว่า จำนวนการผลิตที่มากดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ซื้อขายล่วงหน้าในตลาดโลกอยู่ที่ 66.87 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงไป 20 เซนต์ หรือราว 0.3 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับราคาขายตอนปิดตลาดวันก่อนหน้า เช่นเดียวกับตลาดเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต ที่ราคาน้ำมันดิบซื้อขายล่วงหน้าอยู่ที่ 56.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 12 เซนต์หรือ 0.2 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับราคาปิดก่อนหน้า ส่งผลกระทบกับยุทธศาสตร์ของกลุ่มโอเปคที่ใช้วิธีลดกำลังการผลิตเพื่อดึงราคาน้ำมันดิบโลกให้สูงขึ้น

    https://www.prachachat.net/world-news/news-293388
     
  14. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Feb 28) อดีตทนายทรัมป์ให้การต่อรัฐสภา ระบุทรัมป์ "เหยียดผิว โกง และหลอกลวง" !! นายไมเคิล โคเอน อดีตทนายความของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นให้การต่อคณะกรรมาธิการสืบสวนของรัฐสภาสหรัฐฯ ในวันพุธ โดยในช่วงหนึ่ง เขากล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ คือ "คนเหยียดผิว คนโกง และคนหลอกลวง"
    นายโคเอน เริ่มขึ้นให้การโดยกล่าวว่า ที่ปรึกษาคณะหาเสียงของทรัมป์ ได้ติดต่อกับผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ WikiLeaks นายจูเลียน อัสซานจ์ เรื่องการเปิดเผยข้อมูลอีเมล์ของคณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครต เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของนางฮิลลารี คลินตัน ซึ่งเป็นคู่แข่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะนั้น

    นายโคเอน ระบุด้วยว่า ปธน.ทรัมป์ ได้สั่งให้ตนพูดโกหกต่อรัฐสภา เกี่ยวกับการเจรจาธุรกิจของบริษัท Trump เพื่อสร้างอาคารระฟ้าในกรุงมอสโก ในช่วงที่กำลังหาเสียงเลือกตั้ง ปธน. แม้ทรัมป์ ได้กล่าวไว้ตอนนั้นว่า เขาไม่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับรัสเซีย

    อดีตทนายความของทรัมป์ผู้เคยทำงานกับทรัมป์มานานกว่า 10 ปี ยังบอกด้วยว่า ตัวทรัมป์เองไม่เคยคิดว่าเขาจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ที่เขาลงสมัครก็เพียงเพราะต้องการทำให้ชื่อเสียงโด่งดังทางธุรกิจเท่านั้น และว่า ในความคิดของเขามีแต่เรื่องการสร้างความมั่งคั่งและอำนาจ เพื่อผลประโยชน์ด้านการตลาด แต่ไม่เคยมีความคิดในเรื่องการบริหารประเทศเลย

    คำให้การของนานโคเอนครั้งนี้มีขึ้นก่อนที่เขาจะต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปี หลังจากที่เขายอมรับผิดว่าละเมิดกฎหมายการเลือกตั้งและโกหกต่อรัฐสภาสหรัฐฯ จากกรณีที่เขาเป็นผู้จ่ายเงินค่าปิดปากให้กับสตรีสองคนที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์ลับกับโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าการเลือกตั้ง ปธน.เมื่อปี ค.ศ. 2016

    เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายโคเอนให้การว่า ปธน.ทรัมป์ เป็นผู้เซ็นเช็ค 11 ใบจากบัญชีส่วนตัวให้กับตน ในขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว โดยนายโคเอนยังมอบสำเนาเช็คหนึ่งใบมูลค่า 35,000 ดอลลาร์ ให้กับคณะกรรมาธิการด้วย

    อย่างไรก็ตาม นายโคเอนกล่าวว่า ตนไม่มีหลักฐานที่ยืนยันการติดต่อกันระหว่างคณะหาเสียงของทรัมป์กับรัสเซียเพื่อช่วยให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นข้อกล่าวหาสำคัญในการสืบสวนของอัยการพิเศษ โรเบิร์ต มุลเลอร์ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา

    ด้าน ปธน.ทรัมป์ ซึ่งเวลานี้ร่วมประชุมสุดยอดกับผู้นำเกาหลีเหนืออยู่ที่เวียดนาม ทวีตข้อความโจมตีอดีตทนายความของตนว่า โกหกและให้การเท็จต่อรัฐสภา เพียงเพื่อให้ตนเองได้รับการลดหน่อนโทษเท่านั้น

    Source: VOA Thai

    - Michael Cohen: Ex-lawyer tells Congress Trump directed lies : https://www.bbc.com/news/world-us-canada-47389621
     
  15. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Feb 28) สายการบินหลายสิบแห่งปรับเส้นทางบินเลี่ยงอินเดีย-ปากีฯ : สายการบินชั้นนำของโลกหลายสิบแห่ง ปรับเส้นทางบิน หรือระงับเที่ยวบิน เลี่ยงน่านฟ้าอินเดียและปากีสถาน เพื่อความปลอดภัย หลังปากีสถานเปิดศึกอินเดีย ยิงเครื่องบินขับไล่อินเดียร่วง ก่อนประกาศปิดน่านฟ้าทั่วประเทศ
    สายการบินเอมิเรตส์และกาตาร์ แอร์เวย์ส ระงับเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่ปากีสถานในวันพุธ(27 ก.พ.) หลังจากปีกีสถานประกาศปิดน่านฟ้า เนื่องจากวิกฤตความตึงเครียดระดับสูงกับอินเดีย ประเทศเพื่อนบ้าน เช่นเดียวกับสายการบินเอทิฮัด ฟลายดูไบ กัลฟ์แอร์ ศรีลังกา แอร์ไลน์ส และแอร์แคนาดา
    ขณะที่สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส บริติช แอร์เวย์ส และสายการบินอื่นๆถูกบังคับให้เปลี่ยนเส้นทางการบินเพื่อความปลอดภัย
    เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย ระบุว่า การประกาศปิดน่านฟ้าของปากีสถานอันเนื่องจากมาจากความขัดแย้งกับอินเดีย สร้างความวุ่นวายแก่สายการบินต่างๆที่บินผ่านอินเดียและปากีสถาน เพื่อมุ่งหน้าสู่ยุโรป ตะวันออกกลางและเอเชีย โดยบางเที่ยวบินต้องใช้เส้นทางผ่านเมืองมุมไบ แถบชายฝั่งทางตะวันตกของอินเดีย มุ่งหน้าลงไปทางใต้มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงน่านฟ้าปากีสถาน
    ปากีสถาน ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและยิงเครื่องบินรบของอินเดีย 2 ลำหลังจากเครื่องบินรบอินเดีย เปิดฉากโจมตีภายในปากีสถานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามปี 2514 ส่งผลให้มหาอำนาจของโลก ออกมาเรียกร้อง 2 ชาติที่ต่างก็มีนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองอดทนอดกลั้น
    ความตึงเครียดของ 2 ประเทศรุนแรงขึ้น นับตั้งแต่เกิดเหตุนักรบที่กบดานอยู่ในปากีสถาน ใช้คาร์บอมบ์ฆ่าตัวตายโจมตีดินแดนแคชเมียร์ของอินเดีย คร่าชีวิตตำรวจหน่วยเสริมกำลังรบของอินเดียอย่างน้อย 40 นายเมื่อวันที่ 14 ก.พ. แต่ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นอีกเมื่ออินเดีย ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อแก้แค้นด้วยการถล่มเป้าหมายที่เป็นค่ายฝึกแห่งหนึ่งของนักรบกลุ่มจาอิช อี โมฮัมเหม็ด (เจ็ม) ซึ่งมีฐานอยู่ในปากีสถาน
    Source : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    เพิ่มเติม
    - In India-Pakistan conflict, there's a long-simmering online war, and some very good hackers on both sides : https://www.cnbc.com/2019/02/27/ind...4neudofqcre0-6wVzLF2zRnZ8alurKF6ecup8CUnznC6Y
     
  16. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Feb 28) ประธานเฟดแถลงคองเกรสวันที่ 2 ย้ำไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย,เล็งยุติปรับลดงบดุลปีนี้: นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 ในวันนี้ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ที่เขากล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ มีความคล้ายคลึงกับที่เขากล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้

    นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดจะใช้ความอดทนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการตัดสินใจด้านนโยบายอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดได้รับ
    นายพาวเวลยังกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยง ซึ่งเฟดกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะปรับนโยบาย หากมีความจำเป็น

    นายพาวเวลระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปีที่แล้ว โดยมีการเติบโตใกล้ระดับ 3% และจะชะลอตัวลงเล็กน้อยในปีนี้ ขณะที่การจ้างงานและเงินเฟ้ออยู่ใกล้ระดับเป้าหมายของเฟด

    นายพาวเวลกล่าวว่า แม้ว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) เป็นเวลา 35 วันจะสร้างความยากลำบากต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาล และชาวสหรัฐจำนวนมาก แต่ก็ได้ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่มากนัก และจะได้รับการชดเชยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

    นายพาวเวลระบุว่า เฟดจะจับตาเศรษฐกิจจีนและยุโรป รวมทั้งการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า

    นายพาวเวลยังกล่าวว่า เฟดพร้อมที่จะปรับรายละเอียดของการปรับลดงบดุล โดยจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและการเงิน ส่วนในระยะยาว ขนาดงบดุลของเฟดจะถูกกำหนดจากอุปสงค์สำหรับการก่อหนี้ของเฟด ซึ่งได้แก่ สกุลเงิน และทุนสำรองธนาคาร

    นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดใกล้ที่จะประกาศกำหนดเวลาในการยุติการปรับลดงบดุล และเขายืนยันว่าเฟดจะยุติการปรับลดงบดุลภายในปีนี้ หลังจากที่เฟดได้เริ่มการปรับลดงบดุลในเดือนต.ค.2560 โดยขณะนั้นงบดุลของเฟดมีมูลค่าสูงกว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ และขณะนี้อยู่ที่ระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งในการปรับลดงบดุลนั้น เฟดจะปล่อยให้พันธบัตรจำนวนหนึ่งครบอายุโดยไม่มีการนำรายได้ไปลงทุนในพันธบัตรใหม่ ซึ่งวงเงินการปรับลดงบดุลสูงสุดคือ 5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน

    ขณะเดียวกัน ในช่วงตอบข้อซักถามของคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ นายพาวเวลยืนยันว่า การตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการของเฟด โดยไม่ถูกกดดันจากปัจจัยการเมือง แม้ว่าเฟดถูกโจมตีจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    - Powell Says Fed Is Close to Agreement on Plan to End Portfolio Runoff : https://www.wsj.com/articles/jerome...5BP_O5-xkyzQP84dbtv8rdaco_KovSCR8dmFKZczZfsW4
     
  17. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Feb 27) จีนเรียกร้องอินเดีย-ปากีสถานอดกลั้น หลีกเลี่ยงการทำให้สถานการณ์บานปลาย : กระทรวงการต่างประเทศของจีนเรียกร้องให้อินเดียและปากีสถานใช้ความอดกลั้น และหลีกเลี่ยงการกระทำที่จะทำให้สถานการณ์บานปลาย

    ทั้งนี้ นายลู่ กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า ทั้งอินเดียและปากีสถานต่างก็เป็นประเทศที่มีความสำคัญในเอเชียใต้ ซึ่งจีนหวังว่าประเทศทั้งสองจะรักษาเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค โดยทำการเจรจาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย

    ที่ผ่านมา จีนนับเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดต่อปากีสถาน โดยได้มีการจัดส่งอาวุธให้ แต่จีนก็หวังพัฒนาความสัมพันธ์กับอินเดียเช่นกัน
    กองทัพอากาศของปากีสถานยิงเครื่องบินรบของอินเดียตก 2 ลำในวันนี้ พร้อมกับจับกุมตัวนักบิน หลังจากที่เมื่อวานนี้ เครื่องบินรบของอินเดียได้ถล่มฐานที่มั่นของกลุ่มติดอาวุธในปากีสถาน ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ทั้งสองฝ่ายได้ทำสงครามกันในปี 2514

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    - India and Pakistan say they've launched airstrikes against each other. Here's what you need to know : https://www.cnbc.com/2019/02/27/ind...WSdb4XN79JICg12fZhBtC_MmTEetiL0BRSqvw-2OmecQw
     
  18. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Feb 27) ส่องอนาคตเศรษฐกิจโสมแดง หลัง 'ซัมมิต' : เกาหลีเหนือได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบควบคุม จากส่วนกลาง แต่ระยะหลังคิม จอง อึน แสดงทีท่าว่าเปิดกว้างมากขึ้น เช่น การไปชมโรงงานผลิตเครื่องสำอางชินอุยจู เมื่อหลายเดือนก่อน ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าวเสมอถึงโอกาส การพัฒนาเศรษฐกิจของโสมแดง

    คิม ฮเย ยอง ผู้จัดการชินอุยจู คอสเมติกส์ แฟคทอรี ของเกาหลีเหนือ กำหมัดแน่นเมื่อถูกถามถึงโรงงานคู่แข่ง ในกรุงเปียงยาง เธอกระแทกกำปั้นเข้าหากัน พร้อมยืนยันเสียงแข็ง "เราไม่ยอมแพ้หรอก"ที่โรงงานแห่งนี้พนักงานสวมหน้ากาก ถุงมือ และเน็ตคลุมผมสีขาวยืนอยู่หน้าเครื่อง ผลิตแชมพู ครีม เคล็นเซอร์ และผลิตภัณฑ์ อื่นๆ หลายชิ้นมีส่วนผสมของโสมเป็นหลัก สินค้าบางแพ็กเกจดูคล้ายแบรนด์ตะวันตก อย่างแพนทีนหรือเฮดแอนด์โชว์เดอร์

    "หลายคนต้องชอบสินค้าที่เราทำ" คิมยืนยัน

    วันนี้ (27 ก.พ.) คิม จอง อึน ผู้นำ เกาหลีเหนือเริ่มประชุมครั้งที่ 2 กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่กรุงฮานอย เวียดนาม ก่อนหน้านั้นทรัมป์เคยอ้างว่าถ้าเกาหลีเหนือผู้โดดเดี่ยวละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์"จะกลายเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ ประเทศหนึ่งของโลกไม่แพ้ใคร" ซึ่งใน ความเป็นจริงกว่าจะเป็นอย่างนั้นได้ก็ทั้งยาก และซับซ้อน เกาหลีเหนือจึงต้องพยายาม ยืนบนขาของตนเอง ตอนประชุมใหญ่พรรคแรงงาน ครั้งล่าสุดคิมประณาม "สายลมชั่วช้า แห่งเสรีภาพกระฎมพี การปฏิรูป และการ เปิดกว้างกำลังพัดเข้ามาใกล้บ้านเรา" ชัดเจนว่าคำพูดนี้หมายถึงจีนที่ได้พลัง ตลาดทุนนิยม ภายใต้ชื่อ "สังคมนิยม ด้วยบุคลิกของจีน" ส่งผลให้แดนมังกร มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก

    สื่อทางการโสมแดงแสดงความเห็น วิจารณ์ปีศาจทุนนิยมอยู่เนืองๆ ว่าจะก่อ ให้เกิดหายนะอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ แต่ในทางปฏิบัติคิมแอบปฏิรูป เศรษฐกิจอยู่เงียบๆ มาหลายปีแล้ว เช่น อนุโลมให้พ่อค้าเอกชนค้าขายในตลาดมืดได้ ยอมยืดหยุ่นให้กับรัฐวิสาหกิจ และแสร้ง มองไม่เห็นกิจกรรมของบริษัทเอกชน รวมถึงกระตุ้นให้โรงงานแข่งขันกัน สร้างความหลากหลายขององค์กรและ บูรณาการกันในแนวดิ่ง

    เมื่อเดือน มิ.ย.2561 คิม จอง อึน ควงภริยา รี ซอล จู ไปชมโรงงานชินอุยจู คิม ยกย่องนวัตกรรมของที่นี่ที่ดึงดูดผู้บริโภค ได้ดี ผู้จัดการโรงงานวัย 54 ปีเล่าว่า ท่านผู้นำอนุมัติให้เปิดร้านทั่วประเทศ สร้างช่องทางใหม่ให้นักช้อป

    "เราผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการ ผู้บริโภคแล้ว ก็ต้องเปิดร้านให้ลูกค้ากับผู้ผลิต ได้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น เพื่อรับใช้ประชาชน" คิม ผู้จัดการโรงงานเล่าถึงนโยบายของคิม ผู้นำ

    ผลของการปฏิรูปเห็นชัดที่สุดในเปียงยาง ที่ที่ชนชั้นกลางนิยมนั่งร้านกาแฟ เข้ายิม และ ใช้สมาร์ทโฟนกันเกร่อ แต่ที่นี่ไม่ใช่ภาพสะท้อน แดนโสมแดงทั้งประเทศ เมืองหลวงเป็นที่อยู่ ของชนชั้นนำผู้มีอภิสิทธิ แต่ป้ายโฆษณาและป้ายร้านค้ายังมีให้เห็นไม่มากนัก

    ผลของการปฏิรูปโดยรวมยังผสมผสาน เกาหลีเหนือถูกคว่ำบาตรมาหลายครั้ง ผลพวงจากการทำโครงการอาวุธนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ ธนาคารกลางเกาหลีใต้รวบรวมไว้ได้พบว่า ปี 2560 เศรษฐกิจโสมแดงหดตัวลง 3.5%

    ย้อนกลับไปช่วงหลังสงครามเกาหลี ปี 2493-2496 เกาหลีเหนือมั่งคั่งกว่า เกาหลีใต้ เนื่องจากสหภาพโซเวียต คอยสนับสนุน และอดีตเจ้าอาณานิคม ญี่ปุ่นตัดสินใจทำอุตสาหกรรมที่นี่ เพราะมีแร่ธาตุมากและมีศักยภาพ ทำเขื่อนผลิตไฟฟ้า

    แต่สถานการณ์พลิกผันเมื่อ เกาหลีเหนือ ที่ได้ชื่อว่ารัฐควบคุมเศรษฐกิจ เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จัดการ เศรษฐกิจผิดพลาดมานานหลายปี ยิ่งสหภาพโซเวียตล่มสลายก็ยิ่งเสื่อมถอย เกาหลีใต้ประเมินว่า ปัจจุบันรายได้เฉลี่ย ของเกาหลีเหนือไม่ถึง 1 ใน 20 ของตน

    รัฐบาลปักกิ่ง ผู้คุ้มครองและ คู่ค้าหลักของเปียงยาง ก็กดดัน มานานแล้วให้พันธมิตรรายนี้ ทำเศรษฐกิจแบบเดียวกับที่ปักกิ่งทำ

    เมืองชินอุยจูเองก็สะท้อนถึง ความตรงข้ามชนิดสุดขั้ว ฝั่งตรงข้าม แม่น้ำยาลูคือเมืองต้านตงของจีน ที่มีตึกสูงไฟสว่างไสว แต่ห่างออกไป ไม่กี่กิโลเมตร ชาวชนบทเกาหลีเหนือ ยังใช้เกวียนเทียมวัว

    ด้วยสภาพภูมิศาสตร์เช่นนี้ หมายความว่าเศรษฐกิจเกาหลีเหนือ จะต้องผูกพันกับจีน ทั้งคู่ค้าขายกัน กว่า 90% แต่รัฐบาลเปียงยางใช้นโยบาย ชาตินิยมจ๋า เห็นได้จากอุดมการณ์จูเช ที่แปลว่า "การพึ่งพาตนเอง" นักการทูต ในเปียงยางหลายคนพูดว่า เกาหลีเหนือ ระแวดระวังในการพึ่งพาจีน และไม่ต้องการ พึ่งสหรัฐสร้างความมั่งคั่งในอนาคต หากทรัมป์จะให้สัญญาแบบนั้น

    เปียงยางสนใจตัวอย่างเวียดนาม มากที่สุด ที่นี่รัฐบาลคอมมิวนิสต์ ได้ประโยชน์จากระบบตลาด พร้อมๆ กับควบคุมอำนาจทางการเมืองไว้ ทั้งหมด

    ปีที่แล้วคิมประกาศชัดว่า เกาหลีเหนือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เสร็จสมบูรณ์แล้ว ต่อไปนี้จะให้ ความสำคัญกับการสร้างเศรษฐกิจ สังคมนิยมเป็นหลัก

    ถ้อยแถลงปีใหม่เขาก็พูดแต่เรื่อง เศรษฐกิจ แม้นักวิเคราะห์กล่าวว่า ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเกิดการปฏิรูป ใหม่ๆ หลายอย่างในช่วงที่เปียงยาง เจรจากับวอชิงตัน

    "คิมไม่ได้ควบคุมเพียงอย่างเดียว เขายังกังวลเรื่องเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งนี่คือหัวใจของนักปฏิบัตินิยม เหล่าผู้นำเกาหลีเหนือรู้ดีว่าจำเป็นต้องกำจัดมาตรการคว่ำบาตรออกไปให้ได้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงข้อจำกัดภายในที่มี" แอนเดรย์ อะพรามานิยัน นักวิจัย จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดกล่าว และต่อให้ไม่มีมาตรการคว่ำบาตร การลงทุนต่างชาติในแดนโสมแดง ก็เห็นแล้วว่าแสนยาก โครงสร้างพื้นฐาน ในประเทศเก่ามาก ไฟฟ้าติดๆ ดับๆ การคมนาคมย่ำแย่ นักวิจัยให้ข้อมูลว่า การทุจริตแพร่ไปทุกหย่อมหญ้า ไม่มี กฎหมายสำหรับภาคธุรกิจ

    ในอดีต โอราสคอม บริษัทโทรคมนาคมอียิปต์ เคยทุ่มเงินหลาย ร้อยล้านดอลลาร์มาตั้ง "โครยอลิงค์" เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่แห่งแรก ของเกาหลีเหนือ มีเพียงรัฐบาลเปียงยาง เท่านั้นที่จะตั้งบริษัทมาแข่งได้ แต่ก็ ไม่ทำเงิน โฮลซิมลาฟาร์จ บริษัทก่อสร้าง รายใหญ่ขาดทุนมหาศาลเมื่อปี 2560

    นักวิเคราะห์เตือนว่า หากทรัมป์คิม ทำข้อตกลงให้เกาหลีเหนือปลดขีปนาวุธข้ามทวีปที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐ แลกกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรก็กระตุ้นภาคธุรกิจได้ไม่มาก

    "เกาหลีเหนือมีนิวเคลียร์ แม้ยกเลิก มาตรการคว่ำบาตรก็ใช่ว่าจะดึงดูด การลงทุนภาคเอกชนได้มากนัก เพราะ ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านยังเสี่ยง ไร้สันติภาพ การจะทำอะไรกับเกาหลีเหนือต้องระมัดระวังสูงสุด" พอล ชอยจากโบรกเกอร์ซีแอลเอสเอเตือนนักลงทุน

    5 เลขน่ารู้ แดนโสมแดง

    การประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่าง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เปิดฉาก ขึ้นแล้วในวันนี้ (27 ก.พ.) ผลการประชุม ย่อมส่งผลต่อแดนโสมแดงไม่มากก็น้อย ต่อไปนี้คือตัวเลขน่ารู้ในมิติเศรษฐกิจ และสังคมของเกาหลีเหนือ

    สัดส่วนแรงงานภาคเกษตร 67% ประชาชนถูกคุมขังตามอำเภอใจ ในค่ายปรับทัศนคติมากถึง 120,000 คนรายงานของแอมเนสตีอินเตอร์เนชันแนล ประจำปี 2560-2561 ระบุว่า ภายใต้สภาพที่ ต่ำกว่ามาตรฐานนานาชาติ นักโทษถูกบังคับ ใช้แรงงาน ซ้อมทรมาน และได้รับการ ปฏิบัติอย่างย่ำแย่อีกนานัปการ

    แม้ระยะหลังผู้คนในเปียงยาง จะใช้โทรศัพท์มือถือกันมากขึ้น แต่ข้อมูล ทางการล่าสุดถึงปี 2560 ระบุว่า ประชาชน ที่ใช้โทรศัพท์มือถือมี 15% น้อยสุด เป็นอันดับ 2 รองจากเอริเทรีย ทั้งยัง เป็นรองเอริเทรียในแง่ของประเทศที่ ควบคุมสื่อมากที่สุดในปี 2558

    ตั้งแต่ปี 2549 เกาหลีเหนือทดสอบ อาวุธนิวเคลียร์มาแล้ว 6 ครั้ง ล่าสุด เดือน ก.ย.2560 ทั้งหมดทำขึ้นที่โรงงาน ปุงกเย-รีใกล้ชายแดนจีน แม้เปียงยางกล่าวว่า ทำลายโรงงานไปแล้วในเดือน พ.ค.2561 แต่ผู้สังเกตการณ์นานาชาติไม่สามารถยืนยันได้

    รายได้ประชาชาติต่อหัว (จีเอ็นไอ) ปี 2560 อยู่ที่ 1,300 ดอลลาร์เท่ากับ ในปี 2559 ขณะที่เกาหลีใต้มากกว่าถึง 23 เท่า อยู่ที่ราว 30,000 ดอลลาร์ ปี 2560 เศรษฐกิจเกาหลีเหนือหดตัว 3.5% ย่ำแย่ ที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ เทียบกับปี 2559 ที่เศรษฐกิจโต 3.9%

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  19. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Feb 27) ทีเอ็มบีและธนชาต ประกาศแผนรวมกิจการ ยกระดับบริการทางการเงิน ขยายฐานลูกค้าสู่ 10 ล้านคน : ตัวแทนผู้ถือหุ้นหลักพร้อมด้วยผู้บริหารจากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงานแถลงข่าววันนี้ถึงการลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่าง ING Groep N.V. (ING), บมจ.ทุนธนชาต (TCAP), Bank of Nova Scotia (BNS), ธนาคารธนชาต (TBANK) และธนาคารทหารไทย (TMB)

    ระหว่าง TMB และ TBANK เพื่อร่วมยกระดับการให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้า และมุ่งสู่การเป็นธนาคารชั้นนำของไทย ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงดังกล่าว เป็นบันทึกข้อตกลงที่ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Non-binding MOU) ระหว่างคู่สัญญา 5 ฝ่าย ได้แก่ Bank of NovaScotia (BNS), ING Groep N.V. (ING), ธนาคาร ธนชาต (TBANK), บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) และธนาคารทหารไทย (TMB)

    โดย MOU นี้ เป็นพื้นฐานในการเริ่มต้นการเข้าตรวจสอบสถานะการเงิน (Due Diligence) และการเจรจาร่วมกันเกี่ยวกับสัญญาหลัก (Definitive Agreement) ระหว่างคู่สัญญา ทั้งนี้ เมื่อการรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์ คาดว่า ING จะเป็นผู้ถือหุ้นหลัก เช่นเดียวกันกับ TCAP โดยที่แต่ละรายจะมีสัดส่วนการถือหุ้นมากกว่า 20% ในธนาคารภายหลังการรวมกิจการ และคาดว่ากระทรวงการคลังจะคงสถานะผู้ถือหุ้นใหญ่ต่อไปเช่นกัน

    สำหรับโครงสร้างการรวมกิจการที่แน่นอนนั้นจะมีการตกลงร่วมกันต่อไปในภายหลัง ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้วิธีการโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer) เพื่อให้ธนาคารภายหลังการรวมกิจการอยู่ภายใต้หลักนิติบุคคลเดียวตามกฎสถาบันการเงิน 1 รูปแบบ (Single Presence Rule) ของธนาคารแห่งประเทศไทย

    โดยผู้ร่วมเป็นสักขีพยานในงานแถลงข่าวร่วมกันในวันนี้ ประกอบด้วยนายจุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลังในฐานะตัวแทนประธานกรรมการธนาคาร TMB Mr.Philippe G.J.E.O. Damas ประธานกรรมการบริหาร TMB และนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหารจาก TCAP

    ขณะที่ตัวแทนผู้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงและผู้บริหารจากทั้ง 2 ธนาคาร ประกอบด้วย Mr. Mark Newman, Head of Challengers & Growth Markets Asia ผู้แทนของ ING นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TCAP นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TMB และ นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TBANK

    นายจุมพล ริมสาคร และ Mr. Philippe G.J.E.O. Damas ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นว่า “ในฐานะตัวแทนคณะกรรมการของธนาคารทีเอ็มบี มองว่าแผนการรวมกิจการในครั้งนี้มีความลงตัวเหมาะสม เป็นการผนึกกำลังอย่างชัดเจนซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทำให้ธนาคารมีความมั่นคงมากขึ้นทั้งยังสอดคล้องกับแนวคิดของภาครัฐในการส่งเสริมการรวมกิจการเพื่อเพิ่มขนาดกิจการและศักยภาพในการแข่งขัน”

    นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กล่าวเสริมว่า “TCAP สนับสนุนแผนการรวมกิจการในครั้งนี้ เพราะทำให้ธนาคารหลังการรวมกิจการมีศักยภาพมากขึ้น มีเงินทุนมากเพียงพอ มีช่องทางการให้บริการที่เพิ่มขึ้นมากเป็นเท่าตัว ธนาคารธนชาตเองในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการให้บริการสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ เป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาด เมื่อรวมกับ TMB ที่มีจุดเด่นในการระดมเงินฝาก จะทำให้ธนาคารหลังรวมกิจการมีต้นทุนการทำธุรกิจที่สามารถแข่งขันได้ดีขึ้น มีศักยภาพในการสนับสนุนลูกค้าได้มากขึ้น

    ทั้งหมดนี้ นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อ ลูกค้า คู่ค้า พนักงาน และผู้ถือหุ้นแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมธนาคารไทย และระบบเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย เรียกได้ว่าก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้มีส่วนร่วมทุกฝ่าย”

    Mr. Mark Newman กล่าวว่า “ING สนับสนุนแผนการรวมกิจการนี้ โดยคาดว่าจะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่า 20% ในธนาคารภายหลังการรวมกิจการ และคงบทบาทการเป็นผู้ถือหุ้นหลัก ทั้งยังมีความยินดีที่จะได้เห็นฐานผู้ถือหุ้นที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นจากดีลนี้”

    “ING เชื่อมั่นว่า การรวมกิจการระหว่างสองธนาคารจะทำให้เกิดสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่ดี และมีบทบาทที่สำคัญมากยิ่งขึ้นต่ออุตสาหกรรมธนาคารไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อลูกค้าในประเทศไทย โดยทั้งสองธนาคารนั้นมีจุดแข็งที่ส่งเสริมกัน ซึ่งจะทำให้ธนาคารภายหลังการรวมกิจการจะมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า โดยเฉพาะฐานลูกค้ารายย่อย และด้วย Scale หรือขนาดกิจการที่ใหญ่ขึ้น ผสานกับศักยภาพการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมทั้งการมี Balance Sheet Optimization หรือการบริหารและใช้ประโยชน์จากงบดุลได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น” Mr. Mark กล่าวเสริม

    นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TCAP กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นว่า ทีมผู้บริหารของทั้ง 2 ธนาคาร จะทำให้การรวมกิจการครั้งนี้สำเร็จไปด้วยดีด้วยการผนึกกำลังความเชี่ยวชาญชำนาญของทรัพยากรบุคคลเข้ากับจุดแข็งที่มีอยู่ของทั้ง 2 ธนาคาร นำมาสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับธนาคาร ลูกค้า พนักงาน และผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ เรายังเล็งเห็นถึงประโยชน์และผลตอบแทนที่จะได้รับจากการเป็นผู้ถือหุ้นในธนาคารที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีศักยภาพในการเติบโตมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะช่วยเสริมความเป็นFinancial Holding Company ชั้นนำของไทยให้กับ TCAP อีกด้วย

    ในขณะเดียวกัน การรวมกิจการก็จะทำให้มูลค่าตลาดรวมของหลักทรัพย์ (Market Capitalization) เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เป็นหลักทรัพย์ที่ขนาดใหญ่ขึ้นและมีสภาพคล่อง ถือเป็นเรื่องดีต่อผู้ถือหุ้นและเพิ่มความน่าสนใจให้กับนักลงทุนทั่วไป

    ในด้านทรัพยากรบุคคลนั้น เราเล็งเห็นว่า การรวมกันจะยิ่งทำให้พนักงานของทั้ง 2 ธนาคารได้รับโอกาสมากกว่าเดิมจากความท้าทายใหม่ๆ เพราะธนาคารจะมีฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น มีผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานของทั้ง 2 ธนาคาร จึงมั่นใจได้ว่าพนักงานจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม”

    ในขั้นตอนต่อไปที่คู่สัญญาคาดว่าจะเริ่มโดยทันทีนั้นได้แก่ การตรวจสอบสถานะการเงิน (Due Diligence) และเตรียมการเจรจาตกลงเกี่ยวกับสัญญาหลัก (Definitive Agreement) ซึ่งเงื่อนไขหลักที่เกี่ยวข้องจะรวมถึงการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง การได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น การได้รับความยินยอมจากบุคคลที่สาม การปรับโครงสร้างทางธุรกิจของ TBANK ความสำเร็จในการเพิ่มทุนด้วยจำนวนที่เพียงพอต่อการเข้าทำรายการของ TMB โดยคาดว่าการรวมกิจการจะแล้วเสร็จภายในปี 2562 นี้

    ทั้งนี้ ก่อนการรวมกิจการ ได้มีการพิจารณาว่าเมื่อมีการลงนามในสัญญาหลัก (Definitive Agreement) TBANK จะดำเนินการปรับโครงสร้างทางธุรกิจโดยจะเสนอขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยและเงินลงทุนอื่น ทั้งในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมิได้เป็นบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้มีความเหมาะสมกับจุดประสงค์ของการรวมกิจการ โดยคาดว่า บริษัท หลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัทบริหารสินทรัพย์ ที เอส จำกัด และ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) รวมถึงเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปทุมไรซ์มิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) และเงินลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์บางบริษัทจะถูกเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นปัจจุบัน ซึ่งได้แก่ ทุนธนชาต และ/หรือ BNS และ/หรือ ผู้ถือหุ้นรายย่อย

    และสำหรับทาง TMB นั้น จะเป็นฝ่ายดำเนินการจัดหาเงินทุน มูลค่าประมาณ 1.30-1.40 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ประมาณ 70% ของเงินทุนที่ต้องจัดหาทั้งหมดนั้น จะมาจากการออกหุ้นเพิ่มทุน และส่วนที่เหลือจะดำเนินการจัดหาด้วยการออกตราสารหนี้

    ในส่วนของการออกหุ้นเพิ่มทุนนั้น จะแบ่งสรรเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ โดยหุ้นเพิ่มทุนส่วนแรกมูลค่าประมาณ 50,000-55,000 ล้านบาทจะเป็นการออกหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ TCAP และ BNS โดยในเบื้องต้น คาดว่าหุ้นเพิ่มทุนของ TMB จะมีมูลค่าเท่ากับ 1.1 เท่าของมูลค่าทางบัญชีที่ปรับปรุงล่าสุดภายหลังจากการเพิ่มทุนและกระบวนการต่างๆ ที่จะมีการกำหนดไว้ต่อไปในสัญญาหลัก สำหรับหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือประมาณ 40,000-45,000 ล้านบาทนั้น TMB จะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นปัจจุบันของธนาคารโดยได้รับการ

    สนับสนุนจากผู้ถือหุ้นหลักในปัจจุบันของธนาคาร รวมทั้งอาจจะมีการออกหุ้นเพื่อเสนอขายหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นปัจจุบันรายอื่นๆ หรือนักลงทุนรายใหม่ในวงจำกัดอีกด้วย ด้าน 2 ผู้บริหาร นายปิติ ตันฑเกษม CEO จาก TMB และ นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ CEO จาก TBANK ได้แสดงวิสัยทัศน์ร่วมกันว่า "ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด คือ การนำพาและขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าให้เกิดการพัฒนาและการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์ทางการเงินที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้น เป็นองค์กรเอกชนที่มีธรรมาภิบาลและเป็นบรรษัทที่ดี (Good Corporate Governance and Good Corporate Citizenship)

    เราเล็งเห็นถึงโอกาสจากการรวมกิจการที่จะนำเอาจุดแข็งที่แตกต่างมาต่อยอด โดย TMB มีจุดเด่นเรื่อง Deposit Franchise และรูปแบบการให้บริการด้านการเงินที่แตกต่างจากธนาคารแบบดั้งเดิม (Traditional Bank)

    ขณะที่ TBANK เป็นผู้นำด้านสินเชื่อลูกค้ารายย่อย โดยเฉพาะธุรกิจเช่าซื้อ ดังนั้น ผู้บริหารและพนักงานจากทั้ง 2 ธนาคาร จึงยินดีที่จะได้มีโอกาสร่วมมือกันพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ และยกระดับประสบการณ์ทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นไปอีกให้กับลูกค้า ในขณะเดียวกัน ด้วยขนาดกิจการที่ใหญ่ขึ้นก็จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยภายหลังการรวมกิจการ ธนาคารจะมีฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้นแตะระดับ 10 ล้านคน”

    นายประพันธ์ กล่าวเสริมว่า “ในช่วงการควบรวมการดำเนินงาน (Business Integration) ทั้ง 2 ธนาคารจะดำเนินการด้วยความพยายามอย่างที่สุดที่จะลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า พนักงาน และผู้ถือหุ้น โดยในระหว่างนี้ทั้งสองธนาคารจะยังคงใช้แบรนด์เดิมไปก่อน เมื่อรวมกิจการแล้วเสร็จจึงจะมีการศึกษาถึงแบรนด์ใหม่ โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการของธนาคารภายหลังการรวมกิจการ”

    อนึ่ง ข้อตกลงตาม MOU นี้เป็นเพียงข้อตกลงในการเจรจาเบื้องต้นแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย อาจเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังการทำ Due Diligence ซึ่งรายละเอียดเพิ่มเติมจะมีการแจ้งให้ทราบเมื่อมีการลงนามในสัญญาหลัก

    ทั้งนี้ ลูกค้าของทั้ง 2 ธนาคารจะยังคงสามารถทำธุรกรรมกับแต่ละธนาคารผ่านช่องทางบริการที่ใช้อยู่เป็นประจำได้ตามปกติ ทั้งที่สาขา และช่องทางอิเล็กทรอนิกส์

    Source: การเงินธนาคาร
    https://www.moneyandbanking.co.th/n...4_84Mohg_1UvAnRlV22-qmqC46WwNcMGqw2pW3sikRZH0
     
  20. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,297
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เริ่มแล้ว! องค์การเภสัชฯ ปลูกกัญชาถูกกฎหมาย-รักษาโรค ครั้งแรกของอาเซียน
    วันที่ 27 ก.พ. 2562 เวลา 15:45 น.

    เมล็ดพันธุ์กัญชา สายพันธุ์ลูกผสมระหว่างสายพันธุ์ไทยและสายพันธุ์ฝรั่งเศส ที่นำเข้ามา 300 เม็ดๆ ละ 700 บาท จากนั้นนำมาเพาะพันธุ์ในห้องแล็บขององค์การเภสัชกรรม จนเป็นต้นกล้า ก่อนนำมาปลูกแบบเทคโนโลยีระบบรากลอย ปลูกในอาคารบนพื้นที่ 100 ตารางเมตร ขององค์การเภสัชกรรม อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ใช้เงินลงทุนถึง 10 ล้านบาท ซึ่งการปลูกแบบนี้เป็นหนึ่งในการปลูกกัญชาเกรดมาตรฐานทางการแพทย์ หรือ Medical Grade จะทำให้ได้สารสกัดต้นแบบกัญชา ที่มีคุณภาพสูง มีปริมาณและสัดส่วนของสารสำคัญ ที่ใช้ในการออกฤทธิ์ คือ THC และ CBD เป็นไปตามความต้องการใช้ของแพทย์ในแต่ละโรคที่จะทำการศึกษาวิจัย

    ก่อนหน้านี้องค์การเภสัชกรรมได้นำกัญชาของกลางมาสกัด เพื่อทำการวิจัยและพัฒนาในเบื้องต้น แต่เมื่อตรวจคุณภาพกัญชาของกลางพบว่า มีปริมาณสารปนเปื้อนสูงกว่ามาตรฐาน ทำให้ไม่สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบได้

    การปลูกในครั้งนี้จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือน คาดว่าประมาณเดือนกรกฎาคม 2562 จะสามารถนำมาสกัดเป็นสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์ และผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยาจากกัญชาชนิดน้ำมันหยดใต้ลิ้น (Sublingual Drop) ได้ประมาณ 2,500 ขวด ขวดละ 5 มิลลิลิตร หรือประมาณ 10,000 ขวดต่อปี

    ซึ่งประโยชน์ของสารสกัดจากกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์นั้น THC มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท แก้ปวด ต้านอาเจียน และลดการอักเสบ CBD ระงับอาการวิตกกังวลและมีฤทธิ์ต้านการชัก โดยนำมาใช้ทางการแพทย์และการวิจัย ในกลุ่มที่ใช้เพื่อการรักษาโรค ได้แก่ ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด โรคลมชักรักษายากในเด็กและโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง อาการปวดประสาทที่รักษาด้วยวิธีต่างๆ ไม่ได้ผล กลุ่มที่น่าจะใช้เพื่อควบคุมอาการ ได้แก่ โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ โรคปลอกประสาทอักเสบ โรควิตกกังวล ผู้ป่วยที่ดูแลแบบประคับประคอง ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย

    องค์การเภสัชกรรมยังมีโครงการปลูกกัญชาทางการแพทย์ในระดับกึ่งอุตสาหกรรม ระยะที่ 2 ขยายพื้นที่เป็น 1,000 ตารางเมตร มีทั้งปลูกในอาคารและโรงเรือนปลูกพืช และระยะที่ 3 ผลิตสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ในระดับอุตสาหกรรม โดยเริ่มการปลูกและผลิตสารสกัดระดับอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ที่อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้เดือนมกราคม 2564

    https://news.ch7.com/detail/329000/...JvlGRL5HlIlRW1yUIi0X1xfSoZTuTyrBiI_tOHZemCFxs
     

แชร์หน้านี้