ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MOREMOVE


    #มอร์มูฟเป็นข่าว ไม่มีอะไรที่คนเราจะทำไม่ได้ถ้าตั้งใจจริงและลงมือทำ!! อย่างการ #ลดขยะเหลือศูนย์ โดยล่าสุด Potato Head Beach Club ในบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ขอทำเป็นแบบอย่าง ด้วยการออกแบบร้านอาหารของพวกเขาในนาม #Ijen ด้วยไอเดีย ‘ขยะเหลือศูนย์’ กับการใช้ทรัพยากรทุกอย่างอย่างคุ้มค่าสุดๆ เพื่อสร้างผลกระทบต่อโลกน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประกาศพร้อมปันความรู้สู่โรงแรมอื่นๆ ที่สนใจ


    Source : https://www.creativecitizen.com/potato-head-beach-club/


    อนึ่ง พวกเขาได้เริ่มดำเนินการกันตั้งแต่การออกแบบร้านเลยทีเดียว โดยออกแบบร้านให้เป็นแบบ open air เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับธรรมชาติและลดการใช้พลังงานไฟฟ้าแบบไม่จำเป็น ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังออกแบบองค์ประกอบการตกแต่งด้วยวัสดุรีไซเคิล เช่น เฟอร์นิเจอร์ที่ขึ้นรูปจากชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์เก่า การนำเศษจานชามแตกหักมาผสมซีเมนต์เพื่อทำเป็นพื้นร้าน การนำขวดไวน์ใช้แล้วมาทำเป็นภาชนะบรรจุเทียน เป็นต้น


    ทั้งนี้ นอกจากการนำวัสดุเหลือใช้-ขยะมาออกแบบตกแต่งร้านแล้ว ในส่วนของเมนูอาหารก็เรียกว่าใส่ใจกันตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกวัตถุดิบที่จะใช้ของสดจากเกษตรกรท้องถิ่นเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้าน รวมถึงการเลือกวัตถุดิบทางทะเลโดยทำงานร่วมกับ Bali Sustainable Seafood ที่สมาชิกชาวประมงจะใช้วิธีตกปลาและคัดเลือกปลาที่โตเต็มวัยในการนำมาทำเป็นอาหาร สำหรับในฟากของเชฟ พวกเขาเลือกใช้เทคนิคการทำอาหารที่ลดการปล่อยคาร์บอนฟุตปริ้นสู่ชั้นบรรยากาศ มีการแยกขยะตามประเภทเพื่อนำไปกำจัดอย่างเหมาะสม อาทิ เศษอาหารจะถูกนำไปทำเป็นอาหารในฟาร์มปศุสัตว์และทำเป็นปุ๋ยแก่ต้นไม้ ส่วนขยะแห้งก็จะถูกขนส่งไปยังองค์กร Ecobali เพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลต่อไป


    โดยเรื่องนี้ Karen Day ผอ.แผนกสื่อสารจาก Potato Head Beach Club บอกถึงความตั้งใจของพวกเขาไว้ว่า เราอยากพิสูจน์ว่าทุกอย่างเป็นไปได้เสมอหากตั้งใจจริงและเราหวังว่าสิ่งที่เราทำจะเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนรวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนในอุตสาหกรรมเดียวกันได้สามารถทดลองนำไปใช้ ซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่าปัญหามลพิษจากขยะทั้งพลาสติกและอาหารเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก ส่งผลกระทบต่อทั้งผืนดินและท้องทะเล ซึ่งพวกเราเห็นปัญหานี้แล้วในบาหลี ตอนนี้เราดีใจที่มีคนติดต่อเข้ามาถามถึงวิธีที่เราใช้กับร้านของเราเพื่อนำไปใช้กับธุรกิจของพวกเขา.


     
  2. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วอนช่วยเหลือ‼️นศ.สาวปี 1 ม.พะเยา ผู้ยากไร้ จู่ๆ ตามองไม่เห็น ขาดเงินรักษาอาการ ที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่
    .
    อย่าลืม!!
    ติดดาว ⭐ ตั้ง See First หรือ เห็นโพสต์ก่อน ในเพจของเรา จะได้ไม่พลาดข่าวสารในเชียงใหม่ เเละภาคเหนือ
    .
    อ่านข่าวอื่นๆได้ที่ www.chiangmainews.co.th

     
  3. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เปิดคำพิพากษา “ดิสธร วัชโรทัย” ปั้นเอกสารเท็จขอพระราชทานเครื่องราชฯ เจ้าของ “แม่กิมลั้ง” เพชรบุรี
    เผยแพร่: 9 มี.ค. 2562 10:50 ปรับปรุง: 9 มี.ค. 2562 12:05 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


    เผยคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งจำคุก 2 ปี 6 เดือน “ดิสธร วัชโรทัย” อดีตข้าราชการประจำสำนักพระราชวัง พบจัดทำเอกสารรับรองบริจาคเท็จ เจ้าของ “แม่กิมลั้ง” บริจาคให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ 25 ล้าน แล้วทำเรื่องขอพระราชทานเครื่องราชฯ ทั้งที่จริงเป็นเพียงนำส่วนลดขายสินค้า 20% จากการขายน้ำพริกและขนมโมจิมาใส่ แต่ตอนยื่นภาษีบริจาคจริงแค่ 3 หมื่น

    เมื่อวันที่ 8 มี.ค. สำนักข่าวอิศรา เผยแพร่คำพิพากษาคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก นายดิสธร วัชโรทัย อดีตข้าราชการประจำสำนักพระราชวัง เป็นระยะเวลา 5 ปี แต่ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุให้บรรเทาโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่งหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตร่วมกันแจ้งข้อความเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายและร่วมกันฉ้อโกงอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 341 ประกอบมาตรา 83 เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2561 ที่ผ่านมา ขณะที่อัยการมีความเห็นไม่อุทธรณ์คำพิพากษา เนื่องจากจำเลยมีความผิดตามฟ้องและลงโทษจำเลยตามฟ้องนั้นชอบแล้ว

    คดีนี้ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายดิสธร จำเลย บรรยายฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง สังกัดสำนักพระราชวัง มีหน้าที่รับผิดชอบการปฏิบัติราชการในตำแหน่งหน้าที่ กับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายพิเศษในกิจกรรมอื่น ๆ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มอบหมาย เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2551 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้จำเลย ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ช่วยเลขาธิการพระราชวัง ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามที่ได้รับมอบหมายพิเศษจากพระมหากษัตริย์แทนเลขาธิการพระราชวัง

    ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2556 เวลากลางวัน จำเลยในฐานะประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ได้ทุจริตร่วมกับนางพิริยาภรณ์ โรจนวิทิตพงศ์ พวกของจำเลยซึ่งหลบหนี ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง โดยหลอกลวงกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ด้วยการร่วมกันแสดงข้อความอันเป็นเท็จ อาศัยโอกาสที่จำเลยมีอำนาจหน้าที่ดังกล่าว จัดทำเอกสารและรับรองข้อความในแบบหนังสือรับรองแสดงรายการบริจาคทรัพย์สิน (แบบ นร.2) อันเป็นเท็จ โดยรับรองว่านางพิริยาภรณ์ พวกของจำเลย ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ฝ่ายบรรเทาทุกข์ กระทำความดีความชอบบริจาคทรัพย์สินเพื่อประโยชน์สาธารณกุศล เป็นเงิน 25,296,880 บาท โดยจำเลยกับพวกนำส่วนลดราคา 20% ในการขายสินค้าประเภทน้ำพริก และขนมโมจิของนางพิริยาภรณ์ ที่จำหน่ายให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ช่วงปี 2551-2556 จากยอดขายสินค้ารวม 126,184,400 บาท คิดเป็นส่วนลด 25,296,880 บาท แล้วนำส่วนลดดังกล่าวมาเป็นหลักฐานว่า นางพิริยาภรณ์บริจาคเงินให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ อันเป็นความเท็จ

    เพราะส่วนลดในราคาในขายสินค้าอันเป็นประโยชน์ในทางการค้าตามปกติทั่วไป โดยความจริงแล้วไม่มีการนำเงินส่วนลดจำนวนดังกล่าวบริจาคให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ แต่อย่างใด จำเลยกับพวกทราบดีว่า การกระทำดังกล่าวมิใช่การบริจาคที่จะรับการพิจารณาให้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แต่จำเลยต้องการให้นางพิริยาภรณ์ เป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ จำเลยลงนามในฐานประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เสนอรับรองชื่อนางพิริยาภรณ์ว่า เป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ส่งไปยังกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อเสนอต่อไปยังหน่วยราชการที่มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอรายชื่อที่สมควรจะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริตของจำเลย

    การหลอกลวงและการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริตของจำเลยดังกล่าวเป็นเหตุให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ หลงเชื่อว่านางพิริยาภรณ์บริจาคเงินจริง และมีการเสนอชื่อนางพิริยาภรณ์ไปตามลำดับชั้น จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2556 คณะกรรมการพิจารณาการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2556 ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้ว มีมติอนุมัติขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังกล่าว ให้แก่นางพิริยาภรณ์ และโดยการหลอกลวงโดยทุจริตของจำเลยกับพวก ทำให้นางพิริยาภรณ์ได้รับพระราชทานาเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังกล่าว จำนวน 1 สำหรับ ราคา 14,014 บาท โดยไม่มีสิทธิที่จะได้รับแต่อย่างใด

    จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลพิเคราะห์รายงานการสอบสวนและสำนวนการสอบสวนแล้ว เห็นว่า จำเลยและนางพิริยาภรณ์ รู้อยู่แล้วว่า นางพิริยาภรณ์มิได้เป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังกล่าว แต่จำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริตร่วมกับนางพิริยาภรณ์ หลอกหลวงกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

    เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2556 จำเลยอาศัยโอกาสปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ จัดทำเอกสารและรับรองข้อความในแบบหนังสือรับรองแสดงการบริจาคทรัพย์สิน (แบบ นร.2) อันเป็นเท็จ โดยรับรองว่า นางพิริยาภรณ์ ได้กระทำคุณงามความดี บริจาคทรัพย์สินเพื่อประโยชน์สาธารณกุศล 25,296,880 บาท ด้วยวิธีนำส่วนลด 20% ในการขายสินค้าน้ำพริก และขนมโมจิ ของนางพิริยาภรณ์ ที่จำหน่ายให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ตั้งแต่ปี 2551-2556 จากยอดสุทธิ 126,184,400 บาท มาแสดงเป็นหลักฐานว่าบริจาคเงินให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะส่วนลดราคาดังกล่าวเป็นการขายสินค้า อันเป็นประโยชน์ทางการค้าปกติ ความจริงแล้วไม่มีการนำเงินส่วนลดดังกล่าวมาบริจาคให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯแต่อย่างใด

    นางพิริยาภรณ์ เดิมชื่อ นางอำไพ เดชอุดม เป็นเจ้าของกิจการร้านขนมหม้อแกงเมืองเพชรบุรี แม่กิมลั้ง ซึ่งขายน้ำพริกและขนมโมจิให้แก่ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ โดยเอกสารที่ใช้ประกอบข้ออ้างว่ามีการบริจาคทรัพย์สิน ระบุว่า ปี 2551 บริจาค 4.5 ล้านบาทเศษ ปี 2552 บริจาค 3.7 ล้านบาทเศษ ปี 2553 บริจาค 3.8 ล้านบาทเศษ ปี 2554 บริจาค 10.5 ล้านบาทเศษ ปี 2555 บริจาค 2.5 ล้านบาทเศษ และปี 2556 บริจาค 56,000 บาท

    แต่เมื่อนำไปตรวจสอบเปรียบเทียบกับข้อมูลการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดาของกรมสรรพากรแล้วพบว่า ปี 2551 นางพิริยาภรณ์ ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ระบุว่า บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯแค่ 30,000 บาท และขอใช้สิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาคตามแบบแสดงรายการดังกล่าว 176,303 บาท และในปี 2552-2556 ไม่ปรากฏหลักฐานว่า ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของนางพิริยาภรณ์ ได้ขอใช้สิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาคให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯแต่อย่างใด

    พยานหลักฐานส่วนนี้บ่งชี้ให้เห็นว่า ที่ร้านขนมหม้อแกงเมืองเพชรบุรี แม่กิมลั้ง ให้ส่วนลดแก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ นั้น เป็นการให้ส่วนลดอันเป็นประโยชน์ในทางการค้าปกติ นางพิริยาภรณ์ไม่ได้คิดว่าเงินส่วนลดดังล่าวเป็นเงินบริจาค มิฉะนั้นแล้ว นางพิริยาภรณ์ย่อมนำยอดเงินดังกล่าวไปขอใช้สิทธิหักลดหย่อนในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้ว และจากการให้ปากคำของพยาน ได้ความว่า หากสั่งซื้อสินค้าปริมาณมาก จะได้รับส่วนลดอยู่แล้วเป็นปกติ สำหรับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เป็นลูกค้าสั่งซื้อสินค้าเป็นประจำ การสั่งซื้อสินค้าแต่ละครั้งมีปริมาณมาก หลายครั้งที่ซื้อเกินกว่า 10,000 ชุดในคราวเดียวกัน จึงเป็นธรรมดาที่ต้องได้รับส่วนลดมากกว่า 10%

    ประกอบกับผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่พนักงานสอบสวนตามบันทึกคำให้การของผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษหรือพยานว่า ตาม พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ พ.ศ.2538 มาตรา 8 (2) การกระทำความดีความชอบที่จะนำมาเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ต้องเป็นการกระทำความชอบที่เป็นการบริจาคทรัพย์สินเพื่อสาธารณประโยชน์ ส่วนลดในการขายสินค้าอันเป็นประโยชน์ทางการค้าปกติทั่วไปไม่ใช่การบริจาคทรัพย์สินไม่อาจนำเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้ กรณีนางพิริยาภรณ์ ไม่มีคุณสมบัติ

    แต่เพราะจำเลยทำหนังสือรับรองแสดงรายการบริจาคทรัพย์สิน (แบบ นร.2) ลงวันที่ 26 ก.พ. 2556 ระบุว่า นางพิริยาภรณ์ บริจาคทรัพย์สินเพื่อประโยชน์สาธารณกุศล โดยได้ลดเปอร์เซ็นต์ในการขายให้กับองค์กรสาธารณกุศลต่าง ๆ ทำให้กรมพัฒนาสังคม ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หลงเชื่อว่า นางพิริยาภรณ์ บริจาคเงินจริง และนำเสนอชื่อนางพิริยาภรณ์ไปตามลำดับชั้น กระทั่งได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังกล่าว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้อง

    พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) 341 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกจำเลย 5 ปี จำเลยให้การรับสารภพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุให้บรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน

    อนึ่ง เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2560 สำนักพระราชวัง ได้มีคำสั่งลงโทษไล่ นายดิสธร ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือน ตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ออกจากราชการเนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง หลังพบว่าได้กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงหลายกรณี อาทิ ใช้อำนาจสั่งการให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ แสดงเอกสารรับรองว่าบุคคลภายนอกได้บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เป็นจำนวนเงิน 25 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าตามปกติ โดยไม่ได้มีการบริจาคเงินจำนวนดังกล่าวจริงแต่อย่างใด และนายดิสธร ยังได้นำเอกสารรับรองการบริจาคดังกล่าวเสนอต่อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นทุติยดิเรกคุณาภรณ์ ให้แก่บุคคลภายนอก อันเป็นการฉ้อโกงเครื่องราชอิสริยาภรณ์

    และนายดิสธร ในฐานะรองเลขาธิการพระราชวัง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลกองพระราชพาหนะ ได้นำรถยนต์ในพระปรมาภิไธยไปใช้จนเกิดอุบัติเหตุ และแอบอ้างพระปรมาภิไธยเพื่อยกเว้นภาษีการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ แล้วนำรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศไปใช้ทดแทนรถยนต์คันเดิมที่ประสบอุบัติเหตุ โดยไม่ปรากฏหลักฐานการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายรถยนต์คันใหม่และไม่มีหลักฐานการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันเดิมแต่อย่างใด

    นอกจากนี้ นายดิสธร ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาของตนเอง เมื่อหญิงตั้งครรภ์กลับพาหญิงคนดังกล่าวไปทำแท้ง นอกจากนั้น เมื่อหญิงคนดังกล่าวตั้งครรภ์เป็นครั้งที่สอง นายดิสธรก็ยังบังคับข่มขืนใจเพื่อให้ไปทำแท้งอีกครั้ง แต่หญิงคนดังกล่าวไม่ยินยอม นายดิสธรจึงบังคับหญิงคนดังกล่าวให้แต่งงานกับชายอื่น ซึ่งไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน

    อีกทั้ง นายดิสธร ได้นำดินที่ขุดทิ้งจากโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ซึ่งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ขอรับบริจาคจากสภาสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในกิจการของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ แต่ นายดิสธร กลับนำดินดังกล่าวไปขายให้แก่โครงการหมู่บ้านจัดสรรและยังนำดินส่วนหนึ่งไปถมในพื้นที่ของครอบครัวตนเอง ซึ่งมิได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ขอรับบริจาค พฤติกรรมดังกล่าวของนายดิสธร เป็นการกระทำผิดราชสวัสดิ์ และเป็นความผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จึงเห็นสมควรได้รับโทษไล่ออกจากราชการ
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000023732
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Mar 9) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 22.99 จุด เหตุนักลงทุนผิดหวังข้อมูลจ้างงาน : ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่น่าผิดหวัง
    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,450.24 จุด ลดลง 22.99 จุด หรือ -0.09% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,743.07 จุด ลดลง 5.86 จุด หรือ -0.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,408.14 จุด ลดลง 13.32 จุด หรือ -0.18%
    ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงสู่แดนลบ เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมา หลังจากผิดหวังกับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาดในสหรัฐ
    หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปิดลบ โดยกลุ่มพลังงานนำตลาดร่วงลงเกือบ 2%
    หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลบ 1.43% และหุ้นเชฟรอน ลดลง 0.26%
    สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 20,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานร่วงลงสู่ระดับ 3.8% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.9%
    ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.4% ในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนม.ค. และเมื่อเทียบรายปี ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.4% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2552 และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.2% จากระดับ 3.1% ในเดือนม.ค.
    ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้นเกินคาด 18.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.230 ล้านยูนิต จากระดับ 1.037 ล้านยูนิตในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะอยู่ที่ระดับ 1.197 ล้านยูนิตในเดือนม.ค.
    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช
    - Stocks post 5-day losing streak, notch worst week of 2019 after anemic jobs report : https://www.cnbc.com/2019/03/08/sto...lls-in-focus-after-china-exports-plummet.html
     
  5. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฉี่จักจั่นแล้วไง ชาวบ้านยังคงดื่มน้ำใต้ต้นสะตอ เชื่อศักดิ์สิทธิ์-ขอหวยได้ 9 มี.ค. 2562


    ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

    จากกรณีพบต้นสะตอมีละอองน้ำปริศนาตกจากยอดไม้ตลอดเวลาที่หน้าบ้านของนายอรุณ หนูรอด เลขที่ 259 บ้านควนโท่ ม.10 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง สร้างความฮือฮาให้แก่ชาวบ้านทั้งใน และนอกพื้นที่ที่ทราบข่าว ต่างพากันมาดูปรากฏการณ์ดังกล่าวมากมาย และพากันแห่รองน้ำไปให้ผู้ป่วยดื่มกิน และล้างหน้า ล้างตัว เชื่อว่า รักษาโรคได้ ซึ่งต่อมาทางนายอำเภอและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่นำตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบ พร้อมย้ำเตือนว่า ห้ามนำไปดื่มกิน เพราะละอองน้ำดังกล่าวเป็นฉี่ของแมลงจักจั่น หวั่นจะมีสารอันตรายปนเปื้อน ขอให้รอผลตรวจออกมาแน่ชัดเสียก่อนนั้น (อ่านข่าว : เฉลยแล้ว ปริศนาละอองน้ำจากต้นสะตอ ที่แท้คือ ฉี่จักจั่น ย้ำไม่ควรดื่ม)

    ล่าสุด (8 มีนาคม 2562) อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า ยังคงมีชาวบ้าน ทั้งเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ และคนแก่ แห่กันมาดูละอองน้ำดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการแจ้งจากทางนายอำเภอแล้วว่า ไม่ควรดื่มกิน แต่ชาวบ้านก็ไม่เชื่อมีการนำผ้าสามสีมาผูกต้นสะตอ แล้วนำสายสิญจน์มาผูกต้นไว้ โดยทุกคนต่างนั่งเฝ้ารอน้ำที่หล่นมาจากต้นสะตอ ด้วยการใช้กะละมังวางอยู่ใต้โคนต้น แล้วนำพลาสติกมาขึงโดยรอบ เพื่อให้น้ำไหลลงกะละมัง ทันทีที่น้ำหล่นลงมา ชาวบ้านต่างนำช้อนตักน้ำดื่มกิน บางคนนำน้ำขึ้นมาล้างหน้า ล้างตัวตัว เพราะเชื่อว่านี่คือน้ำศักดิ์สิทธิ์ รักษาโรคได้ บางคนก็ยกมือไหว้ท่วมหัวเพื่อขอพรโชคลาภ


    ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว


    ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

    โดยนางอุบล หนึ่งในชาวบ้านที่เดินทางมาดื่มน้ำดังกล่าว เผยว่า ตนเดินทางมาจาก จ.กระบี่ เชื่อว่าน้ำที่หล่นลงมาเป็นน้ำบริสุทธิ์ เพราะก่อนหน้านี้ มีคนแก่นำน้ำฝนไปกินแล้วหายป่วยจึงเชื่อสนิทใจ จึงอยากมาให้เห็นกับตาตัวเอง อีกทั้งเมื่อตนกินน้ำแล้วรู้สึกว่าเป็นน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์จริง ๆ ส่วนที่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า เป็นฉี่แมลงจักจั่น ตนไม่เชื่อเพราะตั้งแต่มาดู ยังไม่เห็นจักจั่นสักตัว ตนรู้จักตัวจักจั่นดีว่าเป็นแบบไหน ในเมื่อไม่เห็น จึงเชื่อว่านี่คือน้ำศักดิ์สิทธิ์


    ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

    ด้าน นายสมดีน ชาวบ้านในพื้นที่ ยอมรับว่า ไม่รู้ว่าน้ำมาจากไหน แต่เชื่อว่าไม่ใช่ฉี่จากแมลงจักจั่นอย่างแน่นอน เพราะที่ต้นสะตอไม่เห็นมีจักจั่นสักตัว ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าน้ำมาจากไหน ตนเองไม่รู้ แต่หลังจากกินน้ำแล้ว รู้สึกว่ามันสบายตัว กระชุ่มกระชวย รสชาติก็เหมือนน้ำเปล่า ซึ่งชาวบ้านแถวนี้ก็แห่มากินกันเยอะ บางคนเอาไปให้คนป่วย เคล็ดขัดยอก กินก็หาย คนที่เป็นแผลหรือเป็นผดผื่นคัน กินน้ำก็หาย

    ขณะที่นางผิน ชาวบ้านในพื้นที่อีกราย กล่าวว่า ถ้าเป็นฉี่จักจั่นจริง ๆ คงต้องมีจักจั่นเป็นล้านตัว น้ำถึงตกลงมาได้จำนวนมากขนาดนั้น


    ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว


    ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

    https://hilight.kapook.com/view/184999
     
  6. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150

    พระนักทำนายดวงเมืองฯ ชี้ จะเกิดเหตุการณ์"แผ่นดินเดือด"อีกครั้ง!
    โดย ไทยรัฐออนไลน์9 มี.ค. 2562 15:04 น.

    "มหาภูติพันอ้น" พระครูอมรธรรมทัต เจ้าอาวาสวัดพันอ้น พระยอดนักทำนายดวงเมืองเชียงใหม่ ปีนี้เปลี่ยนมาใช้วิธีเขียนแทนพูด ทำนายขยายวงถึงดวงประเทศ ชี้ปีนี้การเมืองขัดแย้ง แผ่นดินเดือด คนที่เห็นต่าง จะออกมาประท้วง

    วันที่ 9 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูอมรธรรมทัต เจ้าอาวาสวัดพันอ้น ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พระสงฆ์ ที่ได้ชื่อว่า เป็นยอดแห่งนักทำนายชะตาบ้านเมืองเชียงใหม่ ที่จะทำนายเตือนภัยในทุกๆ ปี และแม่นยำมามาก แต่ปีนี้ใช้การเขียนเป็นข้อความเตือนภัยผ่านสื่อมวลชน ไปถึงผู้คนที่เกี่ยวข้องในชะตาฟ้าดินของบ้านเมือง ซึ่งในครั้งนี้ไม่เฉพาะเชียงใหม่ แต่ขยายไปทั่วประเทศ รวมถึงประเทศที่อยู่บนโลกนี้

    ทั้งนี้ พระครูอมรธรรมทัต เจ้าอาวาสวัดพันอ้น ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เลขานุการศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา จังหวัดเชียงใหม่ ได้เขียนฝากข้อความเตือนถึงสถานการณ์บ้านเมืองในปี พ.ศ.2562 เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 5 เมษายน ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ไปจนถึงวันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563 ปีนี้ ดาวจันทร์ (2) ธาตุดินตกภิงคะ ดาวพฤหัสบดี (5) ธาตุดินตามรณะ ธาตุดินเสียทั้งคู่ สภาพอากาศจะแห้งแล้ง ภัยแล้งจะคุกคามหนัก เกษตรกรจะเดือดร้อน จะเกิดแผ่นดินไหว ดินยุบตัว แผ่นดินทรุดตัว สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นในทั่วทุกมุมโลกอย่างเช่น ประเทศฝรั่งเศส กรีซ ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง จีน พม่า เป็นต้น

    ส่วนประเทศไทยก็มีผลกระทบไม่น้อยเหมือนกัน จังหวัดที่เกิดความเสียงสูงเช่น จังหวัดกาญจนบุรี เพชรบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ กำแพงเพชร แพร่ เชียงราย พะเยา ลำปาง แม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงใหม่ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน อำเภอที่จะได้รับผลกระทบเช่นอำเภอเมือง สะเมิง สารภี ไชยปราการ ฝาง แม่อาย และแม่แจ่ม

    ดาวอังคาร (3) ธาตุลม ตกปุ่ติ ปีนี้อากาศแห้งเเลัง สภาพอากาศจะร้อนจัด ก่อให้เกิดลมพายุพัดอย่างรุนแรง ต้นไม้หักโค่น บ้านเรือนพังเสียหาย ดินโคลนถล่ม ปีที่แล้วแต่ละประเทศประสบอุทกภัย แต่ปีนี้แต่ละประเทศจะประสบวาตภัยลมพายุจะสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก

    การเงิน (2) ขาดสภาพคล่อง คนไม่กล้าลงทุน เพราะลงทุนไปแล้วมีความเสี่ยงต่อการขาดทุน การค้าขายจะฝืดเคือง เศรษฐกิจจะชะลอตัว ยอดการขายจะลดลงอันเนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนลดลง ผู้ประกอบการบางรายต้องปิดตัวลงเพราะทนต่อการขาดทุนต่อเนื่องไม่ไหว เศรษฐกิจตกต่ำประชาชนจะเดือดร้อน

    สถานการณ์โลก จะเกิดความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะประเทศผู้นำของโลก เช่น สหรัฐอเมริกา กับประเทศจีน (ดาวอาทิตย์ 1 ปะทะ ดาวอังคาร 3 คู่ศัตรู) ต่างแสดงศักยภาพการเป็นผู้นำเบอร์ 1 ของโลก

    สถานการณ์บ้านเมือง ในประเทศไทย จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินเดือด แผ่นดินจะร้อนระอุลุกเป็นไฟขึ้นอีกคำรบหนึ่ง ความขัดแย้งของนักการเมือง รวมทั้งประชาชนที่เห็นต่างจะลุกขึ้นมาประท้วงก่อการจลาจล และเป็นช่องทางให้ทหาร (ดาว3) ออกมาเคลื่อนไหวสร้างอิทธิพลอีกครั้งหนึ่ง สรุปคือบ้านเมืองจะวุ่นวายอีก

    สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ศาสนสถานจะถูกทำลาย เช่น ศาลหลักเมือง อนุสาวรีย์ วัดโบสถ์มัสยิด สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาจะถูกทำลายจากผู้ก่อการร้าย นักบวชพระภิกษุสงฆ์ที่มีชื่อเสียงจะมรณภาพมากกว่าทุกปี ศีลธรรมจะเสื่อมลง (ดาว 5 ตกมรณะ) ผู้คนจะเห็นแก่ตัว คิดถึงประโยชน์ส่วนตัวหรือพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ประเภทเอาดีใส่ตัว โยนความชั่วใส่ผู้อื่น

    กิเลสตัณหาความอยาก (ดาว 6 อยู่อธิบดี) ผู้คนจะถูกกิเลสตัณหาความทะยานอยากเข้าครอบงำ ทำให้คนผิดศีลผิดธรรม ก่อคดีสะเทือนขวัญเพิ่มมากขึ้น

    คนที่เกิดวันจันทร์ วันพฤหัสบดี และวันอังคารต้องระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ จิตใจฟุ้งซ่านขาดสมาธิ เจ็บป่วย มีอุบัติเหตุ หน้าที่การงานติดขัดมีปัญหาและอุปสรรค คนเกิดวันจันทร์ทีมี่อายุย่าง 23-27-30-34-37-41-44-48-51-55-5862-65-69-72 ต้องระมัดระวังให้มาก คนเกิดวันอังคารที่มีอายุย่าง 21-2428-31-35-38-42-45-49-52-56-59-63-66-70 ต้องระมัดระวังไม่ควรประมาท คนเกิดวันพฤหัสบดีที่มีอายุย่าง 23-26-30-33-37-40-44-47-51-54-58-61-65-68-72 ต้องระมัดระวังให้มาก ควรหมั่นทำบุญตักบาตรถวายสังฆทาน ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนทุกคน และควรไหว้พระสวดมนต์วัดรากวัดยอดของตนเองเสริมดวงชาตาเพื่อให้แคล้วคลาดปลอดภัย และผ่อนหนักให้เป็นเบา

    สำหรับพระครูอมรธรรมทัต เจ้าอาวาสวัดพันอ้น เชียงใหม่ ในทุกๆ ปีจะออกมาทำนายชะตาบ้านเมือง ซึ่งแต่เดิมก็ทักทำนายเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และแทบจะ 100 เปอร์เซ็นต์จะเป็นไปตามคำทาย แต่ในปีนี้ปรากฏว่า พระครูธรรมทัต ไม่ยอมพูด แต่เขียนพิมพ์เอกสารแจกให้และขอไม่ให้ถาม แต่ให้อ่านจากแผ่นเอกสารที่แจกให้โดยใช้นามแฝงว่า"มหาภูติพันอ้น"
    https://www.thairath.co.th/content/1515085
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150


    แผ่นดินไหวขนาด 3.1
    จุดศูนย์กลาง : อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี (Amphoe SiSawat, Kanchana
    วันที่ - เวลา (ประเทศไทย) : 09 มีนาคม 2562 14:13 น.
    วันที่ - เวลา (UTC) : 09 มีนาคม 2562 07:13 Z.
    ละติจูด, ลองจิจูด : 14.94, 99.14
    ลึกจากผิวดิน : 1 กิโลเมตร

    https://www.tmd.go.th/earthquake.php?id=8887
     
  8. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐอเมริกา - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคง ‘เปิดกว้าง’ สำหรับการพูดคุยกับเปียงยางในประเด็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงเผยท่ามกลางกระแสข่าวว่าเกาหลีเหนือเริ่มฟื้นฟูโครงการพัฒนาขีปนาวุธแล้วบางส่วน

     
  9. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Mar 9) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นไปด้วยดี: ประธานาธิบดี Trump กล่าวว่าหากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นไปด้วยดี จะส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก (“very big spike”) โดยผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความเห็นว่าประธานาธิบดี Trump พยายามผลักดันผู้เจรจาให้บรรลุข้อตกลงโดยเร็ว เพื่อกระตุ้นการปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงฐานเสียงในการเลือกตั้งปี 2020
    อย่างไรก็ดี นาย Larry Kudlow, Director of the U.S. National Economic Council ไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดดังกล่าว และให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC เช้าวันนี้ ว่าทั้งสองฝ่ายยังคงเจรจาข้อตกลงผ่านทาง video conference และทางโทรศัพท์ พร้อมย้ำว่าการเจรจากำลังดำเนินไปได้ด้วยดี
    Source: BoTSS
    เพิ่มเติม
    - Beijing is worried that Trump may walk away from the table, like he did with North Korea
    https://www.cnbc.com/2019/03/08/beijing-is-worried-that-trump-may-walk-away-from-trade-talks.html
     
  10. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อย่ามองคนแต่เพียงภายนอก

     
  11. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เพื่อประชาธิปไตยหรือเพื่ออะไร

     
  12. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มีแต่คนอยากมีอำนาจ และความยิ่งใหญ่

     
  13. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถ้าทำแล้วไม่ได้อะไรกันเลยจะยอมทำไหม

     
  14. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถ้ารัฐบาลไม่มียุทธศาสตร์ ชาวบ้านจะเหนื่อย และในอีก 2 ปีข้างหน้า ชาวสวนทุเรียนก็จะประสบเหตุเดียวกับยางพารา

    ไทย เสี่ยงเกิดภัยแล้ง ในปี ’62 และ ’63

    ผู้เขียน ศิริประภา เย็นยอดวิชัย
    เผยแพร่ วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2561
    นักวิจัยไทย ระดมข้อมูลจากศูนย์วิจัยทั่วโลก พยากรณ์โอกาสเสี่ยงการปลูกพืชพันธุ์ต่างๆ ในไทย โดยมีตัวแปรสำคัญคือ “ภาวะโลกร้อน”

    อาจารย์เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ (Climate Change and Disater Center) มหาวิทยาลัยรังสิต และในฐานะคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ รวมทั้งยังเป็นผู้ทำงานวิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “เทคโนโลยีชาวบ้าน” ถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่มีผลต่อภาคเกษตรกรรมของไทยนั้น ได้รับผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยที่สูงขึ้น จากภาวะโลกร้อนอย่างต่อเนื่อง

    “ปัจจุบัน อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจากอุณหภูมิปกติ อยู่ที่ 0.87 องศาเซลเซียส สูงกว่ายุคอุตสาหกรรรม โดยคาดการณ์ว่า หลังจากนี้ อุณหภูมิจะสูงขึ้นอีกจากหลายปัจจัย เช่น ถ้าสภาพการแข่งขันในทุกๆ ด้านยังสูงอยู่ หมายถึง ถ้าต่างคนต่างผลิตอาวุธ หรือใช้พลังงานฟอสซิลมากอยู่เช่นนี้ อีก 80 ปี นับจากปัจจุบันโลกจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยมากขึ้น เหมือนกับที่คุยกันที่ข้อตกลงปารีส คุยกันว่าจะให้ลดน้อยลงกว่า 2 องศา ปัจจุบัน จะเลยเส้นสีแดงแล้ว มันจะไปเร็วกว่าที่เราคาดการณ์ อันนี้สาเหตุแรก สาเหตุที่สอง บนโลกใบนี้มีความแปรปรวนอยู่แล้วเป็นช่วงๆ อย่างเช่น ปรากฏการณ์เอลนิโญ่ ลานิญ่า โลกร้อนทำให้แปรปรวนขึ้น มันเปลี่ยนแปลงเร็ว เช่น บ้านเราอยู่ๆ ฝนตกหนัก ที่แล้งๆ ก็แล้งจริงๆ” อาจารย์เสรี อธิบายถึงปัจจัยและสาเหตุที่ทำให้โลกร้อนขึ้น

    สำหรับข้อมูลที่น่าสนใจคือ ประเทศไทย มีความเปราะบาง มีโอกาสเสี่ยงต่อความแปรปรวนทางสภาพอากาศในอันดับที่ 9 ส่วนประเทศที่เปราะบาง อันดับ 1 คือ ฮอนดูรัส รองลงมา ได้แก่ เฮติ เมียนมา นิการากัว ฟิลิปปินส์ บังกลาเทศ ปากีสถาน เวียดนาม ไทย และโดมินิกัน รีพับบลิก เป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งอาจารย์เสรี นำฐานข้อมูลมาจากเว็บไซต์แอคคิวเวทเตอร์ดอทคอม (AccuWeather.com) โดยเป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลที่รวบรวมสภาวะอากาศและด้านภัยธรรมชาติจากทั่วโลก

    อย่างไรก็ตาม อาจารย์เสรี ยังเล่าให้ฟังอีกว่า ประเทศไทย เคยประกาศนโยบายเป็นครัวของโลก แต่สวนทางกับที่ศูนย์วิจัยจากต่างประเทศประเมินประเทศไทย เพราะฉะนั้นไทยจึงต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของโลก อย่างเช่น กรณีทุเรียน ถ้าน้ำดีก็ให้ผลผลิตดี ซึ่งตอนนี้คนไทยหันไปปลูกทุเรียน โดยรัฐบาลไม่มีนโยบายอะไรให้เขา ทั้งๆ ที่การทำสวนทุเรียนนั้น ต้นทุเรียนจะกินน้ำมากถึง 2 เท่า และน้ำส่วนใหญ่ที่เป็นพื้นที่ปลูกทุเรียน อาทิ จังหวัดระยอง และจันทบุรี ก็ใช้น้ำร่วมกับพื้นที่ภาคอุตสาหกรรม ถ้ารัฐบาลไม่มียุทธศาสตร์ ชาวบ้านจะเหนื่อย และในอีก 2 ปีข้างหน้า ชาวสวนทุเรียนก็จะประสบเหตุเดียวกับยางพารา



    “อย่างผลกระทบต่อทุเรียนต้องใช้งานวิจัยของญี่ปุ่น ซึ่งพยากรณ์ไว้เพื่อประกอบการวิเคราะห์จนได้ผลออกมาว่า สวนทุเรียน มีประสบการณ์ในปี 2559 เกษตรกรต้องหาซื้อน้ำกัน ประเด็นคือว่า ปีหน้า (ปี 2562) กับปีโน้น (2563) จะต้องมีแหล่งน้ำเป็นของตัวเอง เพราะน้ำมาเยอะ ส่วนในปีนี้ ในช่วง 4 เดือน คือเดือนพฤษภามถึงเดือนสิงหาคม ฝนมาดี ต้องทำบ่อเก็บน้ำไว้เป็นทางเลือก เพราะทุเรียนขาดน้ำไม่ได้ ถ้าไม่มีฝน คุณจะเอาน้ำจากไหน พื้นที่ต้องมากขึ้นด้วย เพราะต้องโค่นยางปลูกทุเรียน และควรจะปลูกพืชผลแบบผสมผสาน ถ้าฝนไม่มาคุณก็ได้กิน เช่น ปลูกผลไม้ทนแล้ง ถ้าน้ำมาดีก็ได้ทุเรียนไป ส่วนข้าวก็เจอปรากฏการณ์ทุเรียน คือบางคนเลิกปลูกข้าวไปปลูกทุเรียนเพราะเห็นกระแสดี แต่ต่อไปอีก 10 ปี จะเกิดภัยแล้ง 2-3 ครั้ง เพราะฉะนั้น เกษตรกรต้องวางแผนให้ดี เช่น อย่างที่บอก ปลูกพืชที่ให้ผลสั้นๆ 2-3 เดือน ให้ผล แล้วไม่ต้องโค่น ปลูกพืชกินน้ำน้อย รัฐก็ควรให้ความสนใจกับการให้ความรู้เกษตรกรในการปลูกพืชที่กินน้ำน้อย เช่น ข้าวโพด มัน และก็ใช้วิธีปลูกสลับๆ หรือเกษตรกรบางรายมีแปลงข้าวอยู่ก็แบ่งพื้นที่ปลูกพืชทนน้ำ หรือสวนผลไม้เป็นเกษตรผสมผสาน แปลงหนึ่งปลูกข้าว แปลงหนึ่งปลูกข้าวโพด ส่วนใหญ่ประชาชนบอกว่า เขาทำไม่เป็น อันที่สองคือ ดินเหนียว ทำไม่ได้ หน่วยงานรัฐ ถ้าเขาบอกทำไม่เป็น คุณก็ให้ความรู้เขาสิ เรื่องปุ๋ย เรื่องยา” อาจารย์เสรี พยากรณ์ให้ฟังจากฐานข้อมูลจากทั่วโลกที่ใช้วิเคราะห์

    “พอประเทศไทยเปราะบาง ล่าสุดสหประชาชาติประเมินประเทศที่มีความมั่นคงด้านน้ำและอาหารต่ำ ที่เขาประเมินกัน เวลาเราเกิดปัญหาอะไร ใช้ดัชนี 5 ด้าน ด้านความปลอดภัย (security) เช่น ถ้าประเทศไทยเกิดภัยพิบัติด้านน้ำท่วมน้ำแล้ง มีการปรับตัวได้เร็วไหม อย่างเช่น น้ำท่วม ปี 2554 เราแย่เลย เราปรับตัวไม่ดี รับมือไม่ได้ รวมไปถึงการประเมินน้ำเพื่อเกษตร น้ำเพื่อชุมชน และน้ำเพื่อหมู่บ้าน ชุมชนห่างไกล และน้ำเพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นยังไง ทั้งหมดได้ข้อสรุปว่า เราไม่มีความมั่นคงด้านน้ำ” อาจารย์เสรี เปิดเผยข้อมูลที่ไทยยังมีการบริหารจัดการน้ำที่ไม่ดีพอ

    สำหรับข้อมูลด้านความมั่นคงด้านน้ำและอาหารเป็นผลการประเมินจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO : เอฟเอโอ) ส่วนการประเมินว่า ไทยยังไม่มีความมั่นคงด้านน้ำ หรือการบริหารจัดการน้ำ มาจากการประเมินของธนาคารพัฒนาเอเซีย (ADB : เอดีบี)

    “พอประเมินปั๊บ เราก็รู้ตัวแล้ว เราเป็นอย่างนี้ ปีที่แล้วก็เห็นชัดเจน ว่าเกิดน้ำท่วมทั่วประเทศ ท่วมเต็มภาคมันกระทบ คือท่วมทั่วทุกภาค เดี๋ยวเวลามันจะแล้ง มันจะแล้งทั่วทุกภาคเหมือนกัน ช่วงน้ำท่วมมีฝนตกช่วงฤดูฝนโดยประมาณเฉลี่ย 1,100 มิลลิเมตร ช่วง 6 เดือน หน้าฝน คือตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ส่วนอนาคตข้างหน้า เราวิเคราะห์ว่า ฝนที่ตกอยู่ 1,400 มิลลิเมตร ที่น้ำท่วมเป็นฝนในทุกๆ 50 ปี อนาคตกลายเป็นแค่ 10 ปี หมายถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในปี 2554 จะเกิดทุกๆ 10 ปี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในอนาคต ประมาณ 30-50 ปี ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงถาวรกับสภาพอากาศที่จะมาทุกๆ 10 ปี สำหรับภัยแล้งจะเกิดทุกๆ 3 ปี จากที่เคยเกิด ปี 2541 และ ปี 2558 จะเกิดทุกๆ 2-3 ปี และจะกลับมาในระยะใกล้ๆ ทุกๆ 2-3 ปี ความหมายคือ เคยแล้ง 15 ปีครั้งหนึ่ง ตอนนี้จะเกิดถี่ ก็คือ สรุปว่า จะมีน้ำท่วมใหญ่ทุก 10 ปี และภัยแล้ง 2-3 ครั้ง ในช่วง 10 ปี ซึ่งภัยแล้งเคยเกิดในปี 2536, 2541 และ 2556 ต่อไปจะเกิดขึ้นทุกๆ 2-3 ปี ตอนนี้ยังไม่มีการรับมือกับอนาคตข้างหน้า และตอนนี้เราจะมี อีอีซี แต่ผมลองทดสอบแล้ว แค่ฝนตกมาตอนนี้น้ำก็ท่วมในส่วนพื้นที่อุตสาหกรรม นี่คือ สิ่งที่จะเกิดขึ้น เราต้องรองรับ” อาจารย์เสรีซึ่งทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่จะทำให้ไทยต้องประสบภาวะภัยธรรมชาติจากน้ำท่วม น้ำแล้ง ถี่ขึ้นในอีก 30 ปีข้างหน้า โดยเป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับการกลับมาของน้ำท่วมและภาวะแล้งจากงานวิจัยของเนเธอร์แลนด์ และในส่วนข้อมูลของภัยแล้งเพียงอย่างเดียวมาหน่วยวิจัยที่ทำให้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ

    อาจารย์เสรี ยังอธิบายอีกว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังอยู่ในสถานการณ์ที่เปียกอยู่ คือน้ำท่วมทั่วประเทศ เปียกหมายถึงอะไร หมายถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้น และจะไปมีปริมาณน้ำฝนต่ำที่ฝั่งสหรัฐอเมริกา แต่เมื่อปี 2559-2560 ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์แล้ง เพราะฉะนั้น ตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 คือ แล้ง และแล้งปี 2563 ผลการวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น ทำนายไว้ 2 ปี แล้วไปแล้งอีกทีหนึ่งคือ ปี 2563 ถ้าใช้น้ำเพลินๆ เกษตรกรก็จะลำบาก

    “แน่นอนการคาดการณ์ระยะยาวก็มีความไม่แน่นอน แต่รัฐก็บอกเป็นเชิงนโยบายให้ไปคิดได้ว่า ถ้าคุณยังใช้น้ำฟุ่มเฟือย คุณจะไปเจออะไร อย่างเดือนพฤษภาคมปีนี้ ฝนดีภาคกลาง ภาคเหนือก็ดี ดีเกือบหมด ฝนตกตอนนี้ได้น้ำ เป็นผลดี

    มิถุนายนก็ยังดี แต่สิงหาคม เริ่มเบาบาง และภาคใต้จะเริ่มแล้งแล้ว ประเด็นก็คือว่า ปีนี้ฝนต้นฤดูดี แต่ปลายฝนอาจไม่ดี กันยายน-พฤศจิกายน ฝนไม่ดี เพราะฉะนั้นคนที่ปลูกข้าวล่าช้าจากเดือนพฤษภาคมไม่ดีแล้ว สิงหาคมยังพอมีฝน ปลูกพฤษภาคมพอได้ แต่ถ้าปลูกมิถุนายนเป็นต้นไปไม่ดีแล้ว เรื่องนี้ต้องแจ้งเกษตรกร ต้องบอกเกษตรกร ซึ่งเราก็ไปออกข่าวตลอด แต่ยังไม่ได้จอยกับรัฐบาล

    เพราะ 1. เรากำลังทำงานกับสภาวิจัย และไม่ได้เป็นลูกจ้างรัฐบาล เราส่งให้สภาวิจัย เขาจะไปต่อยอดอย่างไรก็เรื่องของเขา อย่างน้ำท่วม ปี 2554 ส่วนใหญ่ประชาชนฟังเรา ปัญหาคือ ตอนนี้รัฐบาลใช้ข้าราชการทำงาน พะเยิบพะยาบ และไม่เคยทำเอง ไม่เหมือนเอกชน เขาทำเองหมด ข้าราชการต้องเอาใจนาย ข้อมูลด้านนี้จึงไม่ยอมเปิดเผย” อาจารย์เสรี บอกอย่างตรงไปตรงมาถึงสภาวะข้อมูลที่ไปไม่ถึงการปกครองระดับสูง ซึ่งมีผลต่อนโยบายการแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีผลต่อเกษตรกร



    นอกจากนี้ อาจารย์เสรี ยังฝากทิ้งท้ายเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือ

    “อย่างที่บอกคือว่า เกษตรกรต้องปรับตัวแน่นอน ลักษณะอากาศเป็นอย่างนี้ การปรับตัวเราจะให้องค์ความรู้อย่างไร เรื่องเทคโนโลยีและจริงใจที่จะทำ อย่าทำแบบเช้าชามเย็นชาม ให้นายกฯ ไปตรวจที่ดีอยู่แล้ว และอีก 80-90 เปอร์เซ็นต์ ไม่ทำ

    การบริหารจัดการน้ำ ต้องดีมานด์ ไซต์ เน้นไปที่การใช้น้ำของผู้ใช้น้ำที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เรามีข้อมูลน้ำอยู่แล้ว ปีนี้น้ำจะเป็นอย่างไร ควรบอกประชาชนว่า ควรปลูกอะไร พื้นที่เท่าไร และเก็บเกี่ยวได้เมื่อไร คือประเมินความเสี่ยงให้เขาด้วย เพราะประชาชนเขาประเมินไม่เป็นหรอก เขาลงไปแสนหนึ่ง เขายังไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเท่าไร ถ้าประเมินแสนเดียวได้กลับมานิดเดียวน่ะ เขารู้เขาก็ไม่ทำ ซึ่งพื้นที่ในแต่ละภาค ดีอย่างและเสียอย่าง ยกตัวอย่าง ภาคกลางมีน้ำท่วมใหญ่ แต่จะมีแหล่งน้ำดี แต่ก็ท่วมบ่อย ส่วนภาคอีสาน ไม่มีน้ำท่วมใหญ่ แต่เจอแล้งบ่อย ทุกพื้นที่ต้องปรับตัวตามสภาพ ไม่มีอะไรที่ดีที่สุด ภาคใต้ยิ่งหนัก จะเจอกับภัยแล้ง ซึ่งเหนือก็คือ แล้งอีก

    อย่างประเทศเราฟังหน่วยงานในไทยไหม พอหน่วยงานวิจัยจากต่างประเทศออกมาอย่างนี้ หน้าที่ของประเทศไทยคือ ต้องเจาะพื้นที่แล้วในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ผมก็กำลังจะเจาะ เพราะเพิ่งออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเราก็ทำบางส่วน แต่กำลังจะทำทั่วประเทศ ลงแล้วได้ข้อมูลว่า มีแนวโน้มเป็นอย่างนั้น โดยใช้วิธีสุ่ม ปีนี้จะเจาะข้อมูลเป็นจังหวัดๆ โดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดในพื้นที่ อีอีซี ก่อน เพราะเราจะประกาศเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมไฮเทค ก็เกรงว่าจะเกิดสงครามแย่งน้ำ ตีกัน ทีนี้เราก็มาเจาะข้างต้นก่อน การต้องการน้ำข้างต้นเพื่ออุตสาหกรรม อนาคตข้างหน้าก็เป็นพื้นที่สีแดง ทั้งที่น้ำต้นทุนก็เป็นสีเขียว เราต้องเข้าใจว่า เป็นโอ่งเฉยๆ จะเต็มโอ่งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝน นี่คือ ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ภาพนี้มันหลอนเรา อย่างกรมชลประทาน ก็ให้ข้อมูลเชิงหลอกด้วย ก็ดีมีโอ่งไว้ ตก 2-3 ปีครั้งหนึ่ง คุณจะเอาโอ่งจากไหน ข้อสังเกตอันแรกคือ น้ำ ต้นทุนอันแรก ขึ้นกับฝน ความต้องการอันนี้มันมีความสูญเสียอยู่ด้วย เวลาผมส่งน้ำ น้ำรั่ว นี่คือสิ่งที่ยุทธศาสตร์รัฐบาลเชิญคนมาลงทุน แต่ไม่ได้มองว่าประเทศไทยมีน้ำพอหรือยัง ต้องมีจำกัด ขณะที่ไทยยังพัฒนาได้ก็จริง พื้นที่ อีอีซี แต่ต้องรู้ปริมาณน้ำที่จะพัฒนา เหมือนในกระเป๋าผมมีเท่านี้ ผมให้มากกว่านี้ไม่ได้นะ น้ำก็เหมือนกัน ประเทศไทยมีเท่านี้ ก็ต้องใช้น้ำอย่างประหยัด และรู้จักนำเทคโนโลยีที่นำน้ำกลับมาใช้ได้อีก” อาจารย์เสรี ทิ้งท้ายให้กับเกษตรกรทั่วประเทศได้ทราบถึงข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่จะมีผลโดยตรงกับพื้นที่ที่ต้องใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรม

    นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถเช็คข้อมูลสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละวันได้จากเว็บไซต์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ www.tmd.go.th หรือที่สายด่วน 1182 รวมไปถึงสอบถามไปยังศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ โทร. (02) 997-2200 หรือwww.thaidisaster.com หรือwww2.rsu.ac.th

    https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_67316
     
  15. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150


    ออสเตรเลียยอมรับละเลยแปซิฟิกจนจีนเข้ามามีอิทธิพล ต่างประเทศ 9 มี.ค. 2019 10:39:53

    ซิดนีย์ 9 มี.ค.- ออสเตรเลียยอมรับว่า ไม่ให้ความเอาใจใส่ภูมิภาคแปซิฟิกเท่าที่ควร และรับปากจะกลับมาแก้ไขสิ่งที่ควรทำมานาน ขณะที่จีนกำลังแผ่อิทธิพลในภูมิภาคนี้

    นางแอนน์ รัสตัน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงแปซิฟิกและการพัฒนาสากลเผยกับเอเอฟพีว่า ออสเตรเลียควรต้องน้อมรับเสียงวิจารณ์บางอย่าง ออสเตรเลียอาจไม่ได้ให้ความเอาใจใส่และความพยายามกับภูมิภาคนี้เท่าที่ควร เพราะไปสนใจพื้นที่ที่อยู่ไกลออกไปนานเกินไป ขณะนี้ถึงเวลาที่จะต้องกลับมาใส่ใจภูมิภาคตัวเองอีกครั้ง เป็นสิ่งที่ควรทำมานานแล้ว ช่วงหลายเดือนมานี้นางรัสตันตระเวนเยือนประเทศเกาะในแปซิฟิกตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันที่ต้องการเพิ่มบทบาทในภูมิภาคนี้ทั้งเรื่องการจัดสรรความช่วยเหลือ การให้ความดูแลด้านความมั่นคง การทำงานทางการทูต และการติดต่อกันโดยตรง เอเอฟพีมองว่า เป็นการเคลื่อนไหวหลังจากจีนแผ่อิทธิพลทั้งทางเศรษฐกิจ การเมืองและการทหารในภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ดี นางรัสตันปัดกระแสข่าวที่ว่าการที่ออสเตรเลียเตรียมพัฒนาที่ตั้งด้านความมั่นคงในปาปัวนิวกินีและฟิจิเป็นการดำเนินการทางทหารแบบเดียวกับที่จีนกำลังทำอยู่ว่า แปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่ออสเตรเลียตั้งอยู่ ดังนั้นความมั่นคงและอธิปไตยในภูมิภาคนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อออสเตรเลีย

    นโยบายของออสเตรเลียที่จะกลับมาเพิ่มบทบาทในแปซิฟิกติดขัดเรื่องจุดยืนที่แตกต่างกันต่อเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผู้นำประเทศเกาะเล็กเกาะน้อยกล่าวหารัฐบาลอนุรักษ์นิยมออสเตรเลียว่าเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมถ่านหินมากกว่าความเป็นอยู่ของชาวแปซิฟิก รัฐมนตรีช่วยกระทรวงแปซิฟิกและการพัฒนาสากลออสเตรเลียเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า โครงการบรรเทาภัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในแปซิฟิกให้ได้มาตรฐานเป็นเรื่องที่ต้องเงินมหาศาล นอกจากนี้ยังมีความท้าทายในออสเตรเลียเองที่รัฐบาลจะต้องพยายามทำให้ประชาชนในประเทศเข้าใจถึงเหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านว่าจะเป็นประโยชน์ในระยะยาว.-สำนักข่าวไทย

    https://www.tnamcot.com/view/T9Bm021
     
  16. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Richard Whitt

    กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของนอร์เวย์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจะทิ้งหุ้นน้ำมันและก๊าซ ประกาศนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นพลังงานทั่วโลกร่วงลงต่อไปอีก

    • กระทรวงคลังนอร์เวย์แถลงว่า...รัฐบาลเสนอให้นำบริษัทประเภทสำรวจและผลิตในภาคพลังงานออกจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ เพื่อลดความเสี่ยงรวมจากราคาน้ำมันที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจประเทศ ธนาคารกลางซึ่งเป็นผู้บริหารกองทุนเป็นผู้เสนอแนวคิดนี้ เพื่อให้ความมั่งคั่งของรัฐบาลมีความเสี่ยงน้อยลงต่อราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

    • ข้อมูลของกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินอร์เวย์ระบุว่า...สิ้นปี ค.ศ. 2018 ลงทุนในหุ้นน้ำมันและก๊าซราวร้อยละ 5.9 ของการลงทุนหุ้นทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุนที่ 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 1.17 ล้านล้านบาท เป็นการถือหุ้นใน

    ❶ Royal Dutch Shel

    ❷ British Petroleum (BP)

    ❸ Chevron Corporation

    ❹ Exxon Mobil Corporation

    ❺ Total S.A

    https://www.newscientist.com/articl...estment-in-oil-and-gas/#.XINm4k92wS8.facebook

     
  17. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน!ดินไหวกาญจนบุรี3.1ซ้ำจุดเดิม

    แผ่นดินไหว อ.ศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรีซ้ำจุดเดิม ขนาด 3.1 ชาวบ้านระทึกอีก
    9 มีนาคม 2019 - 16:20




    กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศและใกล้เคียง เมื่อเวลา 14.13 น. เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 3.1 แมกนิจูด ความลึก 1 กิโลเมตร บริเวณศูนย์กลางที่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี



    ทั้งนี้ สำหรับ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เป็นจุดที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง โดยเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2561 เกิดเหตุแผ่นดินไหว รุนแรงที่สุด ขนาด 4.9 แมกนิจูด จนถึงขณะนี้ อ.ศรีสวัสดิ์ เกิดเหตุแผ่นดินไหวแล้วทั้งหมด 7 ครั้ง


    https://www.innnews.co.th/regional-news/news_341726/
     
  18. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Schumann Resonance วันนี้

    3/8 - วันนี้เป็นวันที่ลมหายใจของเราจะหายไปเพียงไม่กี่จุด ยอดปานกลาง แต่แม้วันนี้พวกเขาจะถูกวัดโดยเครื่องตรวจจับที่ไม่สม่ำเสมออย่างเช่นในกรณีของยอดความถี่ที่แตกต่างกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อาจเป็นแอมพลิจูดที่ต่ำไม่ทำให้เกิดเส้นโค้งแปลก ๆ ที่เราเห็น

    การเปลี่ยนแปลงของ Schumann Resonance ด้วยความหลากหลายที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ แต่นั่นเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าดาวเคราะห์กำลังเปลี่ยนแปลง โลกสั่นสะเทือนมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเรา! ความถี่ฐานอาร์เอส 7.83 Hz


    3/8 – Today has been a day in which to recover our breath, only a few moderate peaks, but even today they were measured unevenly by the various detectors, as in the case of the Differential Peaks of few days ago. Probably the low amplitude did not cause the strange curves we saw then.



    https://www.disclosurenews.it/en/schumann-resonance-today-update/
     
  19. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #ข่าวภัยพิบัติ #ไฟป่า #คลื่นความร้อน

    // ไฟป่าออสเตรเลียเริ่มสงบ //

    09/03/19

    ออสเตรเลีย -ชาวออสเตรเลียทยอยเดินทางกลับบ้าน สำรวจความเสียหายพร้อมทำความสะอาด หลังสถานการณ์ไฟป่าเริ่มคลี่คลาย


    ประชาชนในรัฐวิคทอเรียของออสเตรเลียเริ่มเดินทางกลับบ้าน เพื่อทำความสะอาดบ้านเรือน และสำรวจความเสียหาย หลังจากสถานการณ์ไฟป่าเริ่มคลี่คลายลง ทางการออสเตรเลียระบุว่าไฟป่าที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ได้เผาผลาญบ้านเรือนประชาชนไปกว่า 30 หลัง และมีอาคารอื่นๆ ได้รับความเสียหายอีกเกือบ 70 หลัง คลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมรัฐวิคทอเรียประกอบกับพื้นที่ที่เป็นป่ายูคาลิปตัส ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากสถานการณ์ไฟป่าในครั้งนี้

    เครดิต : mcot

    แต่ก็น่าแปลกบางแหล่งข่าวว่าตายเป็นร้อย


     
  20. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,303
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แถลงการณ์ ยุติบทบาท เพจ Savethanathron

    เรียนลูกเพจที่รักตลอดเวลาหลายเดือนมานี้ เราสู้เพื่อความยุติธรรม เราสู้เพื่อคุณ ธนาธร ให้ได้รับความเป็นธรรม เพราะเราเชื่อว่า คุณธนาธรจะนำพาประเทศชาติไปสู่อนาคตใหม่ ที่ดีกว่าทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ ก้าวข้ามความขัดแย้ง และได้มีโอกาสพัฒนาประเทศ หลังจากติดหล่มความขัดแย้งมาหลายสิบปี เรายินดีที่คุณธนาธร จะแก้ รัฐธรรมนูญ เพื่อสิทธิเสรีภาพของคนไทย เรายินดีที่คุณธนาธรจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างเช่นไฮเปอร์ลูป มาให้คนไทยได้ใช้งาน ยืนดีที่จะสนับสนุนคุณในทุกๆเรื่องที่เราจะทำได้

    แต่ในความเป็นจริงคุณธนาธรไม่เพียงที่จะไม่ทำตามที่เคยสัญญากันไว้แล้ว กลับกันคุณธนาธรยังพยายามพาพรรคอนาคตใหม่ให้ไปอยู่ในวงจรแห่งความขัดแย้งไม่ต่างอะไรกับการเมืองน้ำเน่าในอดีต ทั้งการพาทักษิณกลับบ้าน การดูด สส ไทยรักษาชาติเข้ามาร่วมพรรค การออกแถลงการณ์ หมิ่นศาลเพื่อหวังคะแนนเสียงจาก กลุ่มที่เคยสนับสนุน ไทยรักษาชาติ และ การกระทำที่ไม่เป็นประชาธิปไตยต่างๆภายในพรรค ดังนั้น ทีมแอดมินขอประกาศยุติการสนับสนุนพรรค อนาคตใหม่อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้เรายังเคารพการตัดสินใจของลูกเพจทุกท่าน

    ขอให้โชคดีค่ะ

    Ps แม่ไม่ได้หย่ากับพ่อเพราะอารมณ์ หรือ ความขัดแย้ง แต่การกระทำของพ่อ มันสื่อให้เห็นว่าเป็นการเมืองแบบเก่าๆที่สุดท้ายแล้วก็ยกพวกตีกันเหมือนเดิมค่ะ ขอให้ฟ้าโชคดีนะค้าาาาา

     

แชร์หน้านี้