ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Mar 12) 'สงครามการค้า' ใกล้จบ 'สงครามเย็น' กำลังเริ่ม : ใครที่ตามข่าวสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐคงจะสบายใจขึ้นที่เนื้อข่าวระยะหลังให้ความรู้สึกว่าข้อพิพาทต่างๆ เหมือนกำลังจะมีข้อยุติ จากที่ทั้ง 2 ฝ่ายพยายามเร่งเจรจากันอยู่ ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ดี ล่าสุด ตลาดการเงินคาดว่าสงครามคงจะยุติด้วยการสงบศึกชั่วคราว โดยสหรัฐจะประกาศลดภาษีนำเข้าจากจีนแลกกับข้อตกลงที่จีนจะปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ บวกกับคำมั่นสัญญาของจีนที่จะซื้อสินค้าจากสหรัฐมากขึ้นเพื่อลดการขาดดุลการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ถือเป็นการยอมถอยคนละก้าว เพราะชัดเจนว่าสงครามการค้าได้บั่นทอนเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศมาก รวมถึงเศรษฐกิจโลก



    แต่แม้สงครามการค้าดูเหมือนจะจบ ที่ยังไม่จบแน่ๆ ก็คือ การไม่ยอมกันระหว่าง 2 ประเทศนี้ในบริบทของการแย่งชิงกันเป็นประเทศมหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลก ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ที่ได้สร้างความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศนี้ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการค้า เศรษฐกิจ การเงินระหว่างประเทศ ธุรกิจ เทคโนโลยี ไซเบอร์ และการแย่งชิงพื้นที่ทางทะเลที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ ข้อขัดแย้งเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยจนถูกมองว่า สหรัฐกับจีนกำลังทำสงครามเย็นยุคใหม่ เป็นสงครามที่ไม่มีการประกาศ เป็นสงครามที่ไม่มีการรบที่ใช้กำลัง แต่เป็นสงครามแย่งชิงความเป็นที่ 1 ในทุกมิติเพื่อครองอำนาจการเมืองและเศรษฐกิจในโลก ดังนั้นข้อยุติเรื่องสงครามการค้าถ้าเกิดขึ้นจะเป็นเรื่องเล็กมากในบริบทของภาพใหญ่ของการแย่งชิงอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างจีนกับสหรัฐที่จะมีต่อไปอีกนาน



    สงครามเย็นยุคแรก ถ้าจำได้เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นสงครามระหว่างสหรัฐและกลุ่มประเทศพันธมิตรตะวันตกกับโซเวียตและกลุ่มประเทศสังคมนิยม ที่สหรัฐต้องการลดและจำกัดอิทธิพลของโซเวียตและกลุ่มประเทศสังคมนิยมในระบบเศรษฐกิจการเมืองโลก ขณะที่โซเวียตต้องการเอาชนะสหรัฐในความเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก เป็นสงครามแย่งชิงอำนาจเพื่อพิสูจน์ความเหนือกว่าของลัทธิทางการเมือง 2 ลัทธิที่ต่างกัน คือ ทุนนิยมและสังคมนิยม



    ต่อสู้กันใน 3 มิติ

    1.เศรษฐกิจ วัดโดยความสำเร็จของการจัดสรรทรัพยากรเศรษฐกิจในระบบทุนนิยมเทียบกับระบบสังคมนิยม

    2.เทคโนโลยี แข่งกันในแสนยานุภาพของการสะสมอาวุธนิวเคลียร์และโครงการอวกาศ

    3.การขยายอิทธิพลทางการเมืองไปสู่ประเทศที่สาม ในรูปของสงครามตัวแทนที่ต่อสู้เพื่อจรรโลงลัทธิการเมืองที่ต่างกัน ต่อสู้ยาวนานกว่า 45 ปี และสร้างต้นทุนมหาศาลให้กับทั้ง 2 ประเทศในแง่การใช้ทรัพยากร สงครามจบลงด้วยการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในเดือน มี.ค.1991 ยืนยันชัยชนะของระบบทุนนิยมและความยิ่งใหญ่ของสหรัฐในฐานะประเทศมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก



    ปัจจุบัน ความยิ่งใหญ่ของสหรัฐกำลังถูกท้าทายจากการเติบโตแบบก้าวกระโดดของจีน ที่ 40 ปีของการพัฒนาประเทศ ภายใต้การผสมผสานเศรษฐกิจแบบทุนนิยมกับการเมืองแบบสังคมนิยม ได้ทำให้จีนเติบโตมากจากประเทศรายได้ต่อหัวเพียง 165 ดอลลาร์ต่อปีในปี 1978 เป็นประเทศที่มีรายได้ต่อหัวกว่า 1 หมื่นดอลลาร์ในปี 2019 เศรษฐกิจจีนใหญ่เป็นที่ 2 ของโลก และความยากจนลดจากร้อยละ 30 ในปี 1978 เป็นร้อยละ 1.7 ปัจจุบัน



    ที่สำคัญการเติบโตของเศรษฐกิจจีนมาพร้อมความยิ่งใหญ่ของจีนในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การทหาร ความยิ่งใหญ่ของบริษัทธุรกิจ อิทธิพลด้านการเงิน คุณภาพการศึกษา และการพัฒนาเทคโนโลยี ในช่วงต้นสหรัฐยอมรับฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของจีนภายใต้ระบบตลาด เพราะแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม แต่ระยะหลัง โดยเฉพาะหลังการก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีจีนของนายสี จิ้นผิง สหรัฐเชื่อว่าจีนต้องการกลับมาเป็นประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่เหมือนในอดีต ต้องการเข้ามาแทนที่สหรัฐในฐานะประเทศมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก และพร้อมทำสงครามเย็นกับสหรัฐในทุกมิติ



    ปัจจุบัน พื้นที่ต่อสู้ระหว่างสหรัฐกับจีนในสงครามเย็น สังเกตได้ง่ายจากข่าวที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เทคโนโลยี หรือข้อพิพาททางทะเล เรื่องเศรษฐกิจ นอกจากสงครามการค้า แรงเสียดทานของจีนต่อสหรัฐก็มีให้เห็นในการแผ่อิทธิพลของจีนในระบบการเงินโลก ผ่านการให้กู้ของจีนกับประเทศอื่นๆ โดยสถาบันการเงินของจีน การส่งเสริมให้เงินหยวนเป็นสกุลเงินซื้อขายระหว่างประเทศ



    การขยายอิทธิพลของจีนผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศต่างๆ การส่งเสริมให้คนจีนไปท่องเที่ยว ศึกษา และทำธุรกิจในต่างประเทศเพื่อลดแรงกดดันต่อทรัพยากรในประเทศจีน เรื่องเทคโนโลยี

    ล่

    าสุด ข้อพิพาทเรื่องเทคโนโลยี 5G ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของการแข่งกันเป็นมหาอำนาจด้านดิจิทัล เพื่อการครอบครองข้อมูลทั่วโลก การโจมตีด้านไซเบอร์ การล้วงข้อมูลการค้า การทหาร และข้อมูลอุตสาหกรรม เป็นตัวอย่างของสงครามเย็นที่กำลังเกิดขึ้น ด้านการทหาร จุดขัดแย้งสำคัญคือพื้นที่ในทะเลแปซิฟิก ที่ทั้งสหรัฐและจีนต้องการเป็นมหาอำนาจในพื้นที่นี้ สำหรับสหรัฐ พื้นที่ในคาบสมุทรแปซิฟิกได้อยู่ในการควบคุมของสหรัฐมาตลอดและสหรัฐก็ต้องการมีอิทธิพลเหนือพื้นที่นี้ต่อไป ขณะที่จีนต้องการลดอำนาจควบคุมของกองทัพเรือและกองทัพบกสหรัฐในพื้นที่แปซิฟิกตะวันตก คือทะเลจีนตอนใต้และทะเลจีนตะวันออก เพื่อรักษาประตูทางออกของจีนในการขยายอิทธิพลไปส่วนอื่นๆ ของโลก



    นี่คือ 3 พื้นที่ที่ชี้ว่าสงครามเย็นระหว่าง 2 ประเทศหลักของโลกที่กำลังก่อตัว ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่จะมีต่อเนื่อง และสร้างความไม่นอนและความตึงเครียดให้กับการเมืองและตลาดการเงินโลกจากนี้ไป เป็นสงครามเย็นที่จะยืดเยื้อเพราะไม่ใช่สงครามที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ทางการเมือง แต่เป็นสงครามที่มาจากการแข่งกันเป็นใหญ่ระหว่าง 2 ประเทศที่อยู่ในระบบทุนนิยมและในเศรษฐกิจโลกเดียวกัน ทำให้ผลแพ้ชนะจะอยู่ที่ใครจะสายป่านยาวกว่ากัน และใครจะได้รับความเชื่อมั่นและได้รับความเชื่อถือในฐานะผู้นำของเศรษฐกิจโลก


    คอลัมน์ เศรษฐศาสตร์บัณฑิต โดย ดร.บัณฑิต นิจถาวร

    ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล

    bandid.econ@gmail.com



    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646760
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_0565.JPG
    (Mar 12) 'เวเนซุเอลา'ไฟดับใกล้ครบอาทิตย์ ประกาศภาวะฉุกเฉิน: สถานการณ์ไฟดับในเวเนซุเอลาล่วงเลยใกล้ครบ 1 สัปดาห์ แต่ยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลาย ขณะที่สมัชชาแห่งชาติซึ่งฝ่ายค้านครองเสียงข้างมากประกาศ "ภาวะฉุกเฉิน"


    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงการากัส ประเทศเวเนซุเอลา เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ว่าสมัชชาแห่งชาติของเวเนซุเอลาซึ่งฝ่ายค้านครองเสียงข้างมาก และมีนายฮวน กวยโด เป็นประธาน ประกาศเมื่อวันจันทร์ ให้ประเทศอยู่ภายใต้ "สถานการณ์ฉุกเฉิน" เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเผชิญกับวิกฤติไฟฟ้าดับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แม้กระแสไฟฟ้ากลับคืนมาบ้างแล้วในบางเขตของกรุงการากัสแต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด


    ทั้งนี้ นายฮวน กวยโด ประธานสมัชชาแห่งชาติและผู้นำฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา กล่าวว่าเขาอาศัยอำนาจในฐานะ "ผู้นำรักษาการ" ประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าว เนื่องจากเป็นวิกฤตการณ์ที่ทุกฝ่ายไม่สามารถยอมรับได้อีกต่อไป โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตจากวิกฤติครั้งนี้แล้ว 17 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่ใช้กระแสไฟฟ้าสำรองหมดแล้ว อนึ่ง แม้รัฐธรรมนูญของเวเนซุเอลามอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสามารถใช้อำนาจนี้ได้ แต่ในทางปฏิบัติกลับยังไม่มีการระบุอย่างชัดเจนเกี่ยวกับ "ขอบเขต" ของคำสั่ง



    ด้านประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ยังไม่แสดงท่าทีอย่างชัดเจนต่อการใช้อำนาจของกวยโดในครั้งนี้ แต่สั่งขยายระยะเวลาปิดสถานที่ราชการและโรงเรียนเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 วัน คือเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ไม่พอเพียง ในขณะที่บรรยากาศในกรุงการากัสเป็นไปอย่างเงียบเหงา บริษัทและห้างร้านแทบทุกแห่งยังคงปิดให้บริการ ส่วนร้านค้าที่เปิดทำการก็ไม่มีสิ่งของจำหน่ายเพียงพอแก่ความต้องการของประชาชน และไม่สามารถรับชำระด้วยบัตรเครดิตได้ ซึ่งการที่ไม่สามารถซื้อหาสิ่งของเพื่อการอุปโภคบริโภคได้ ส่งผลให้ชาวเวเนซุเอลาจำนวนมากยอมไปตักน้ำกันในอ่างเก็บกักน้ำเสียแห่งหนึ่งในกรุงการากัสมาใช้แทนก่อน และจำเป็นต้องรับแจกอาหารจากโรงทานหลายแห่งแม้มีความเสี่ยงสูงว่าเป็นอาหารที่เน่าเสีย เพราะไม่มีกระแสไฟฟ้าสำหรับตู้แช่เย็นก็ตาม


    นอกจากนี้ มีรายงานการเกิดระเบิดที่โรงไฟฟ้าฮุมโบลต์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงการากัส เมื่อช่วงรุ่งสางของวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น เพียงวันเดียวหลังเกิดระเบิดที่โรงไฟฟ้าในรัฐโบลีวาร์ ทางตะวันตกตอนกลางของประเทศ แต่ยังไม่มีฝ่ายใดออกมาแสดงปฏิกิริยาต่อทั้งสองเหตุการณ์


    ในอีกด้านหนึ่ง นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ปฏิเสธข้อกล่าวหาของมาดูโร ว่ารัฐบาลวอชิงตัน "ก่ออาชญากรรมไซเบอร์" ต่อระบบกระแสไฟฟ้าในเวเนซุเอลา โดยกล่าวว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งตอกย้ำความล้มเหลวในการบริหารประเทศของอีกฝ่ายมากกว่า และตำหนิรัสเซียกับคิวบาที่ยังคงไม่ล้มเลิกการสนับสนุนมาดูโร


    Source: เดลินิวส์ออนไลน์


    เพิ่มเติม

    - Pompeo slams Cuba and Russia over Venezuela crisis: https://edition.cnn.com/2019/03/11/politics/pompeo-venezuela-remarks/index.html
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_0567.JPG
    (Mar 12) เจอพิษโลกปั่นป่วน โภคภัณฑ์ยากคืนชีพ : ทั่วโลกต่างรับรู้กันแล้วว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกคงไม่สดใสนักในปีนี้ และเสี่ยงซึมไปจนถึงปีหน้า หลังบรรดาสถาบันเศรษฐกิจการเงินหลายแห่งพาเหรดกันหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยล่าสุดนั้น องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ประกาศปรับลดคาดการณ์จีดีพีเศรษฐกิจทั้งปี 2019 และ ปี 2020 ลงอีก 0.2% และ 0.1% ไปอยู่ที่ 3.3% และ 3.4% ตามลำดับ



    แนวโน้มอันอ่อนแรงที่ว่า ย่อมเป็นข่าวร้ายสำหรับ "สินค้าโภคภัณฑ์" ที่เหมือนจะฟื้นคืนชีพช่วงต้นปีนี้ แต่ดูทรงแล้วอาจไปแผ่วปลายปีจากภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นใจ



    สัญญาณหมดแรงเริ่มปรากฏ ออกมาแล้วจากเสียงเตือนของโกลด์แมน แซคส์ ที่บอกให้นักลงทุนควรเทรดสินค้าโภคภัณฑ์อย่างระมัดระวัง แม้ในภาพรวมนั้น สินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้นมาแล้ว 12% ในปีนี้ หลังผ่านช่วงเจอแรงเทขายอย่างหนักเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดนั้นดัชนี S&P GSCI ที่วัดความเคลื่อนไหวของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปรับขึ้น 12% เมื่อวันอังคาร ที่ผ่านมา



    สิ่งที่น่าสนใจจากการเปิดเผยของโกลด์แมนคือ สินค้าโภคภัณฑ์ผ่านพ้นช่วง "ราคาถูก" (Undervalue) ไปแล้ว ซึ่งการจะปรับตัวขึ้นต่อได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานด้านซัพพลายและดีมานด์เป็นสำคัญ



    "น้ำมัน" คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากกลยุทธ์ข่มขวัญตลาด (Shock and Awe) ก่อนหน้านี้ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ (โอเปก) ด้วยการหั่นกำลังการผลิตมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ เพื่อให้ซัพพลายลดฮวบฮาบลง โดยหวังถีบให้ราคาพุ่งทะยานขึ้นในเวลาต่อมา



    เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมานั้น โอเปกระบุว่า ลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 7.97 แสนบาร์เรล/วัน ไปอยู่ที่ทั้งหมด 30.8 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจาก 31.6 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ธ.ค. 2018 โดยซาอุดิอาระเบีย ยังคงนำทัพปรับลดการผลิตลงมากที่สุด ซึ่งลดการผลิตลงถึง 3.5 แสนบาร์เรล/วัน ไปอยู่ที่ 10.2 ล้านบาร์เรล/วัน ต่ำกว่าโควตาลด กำลังการผลิตที่กำหนดไว้เกือบ 1 แสนบาร์เรล/วัน



    นอกจากมาตรการลดกำลังผลิตของโอเปกและพันธมิตรนอกโอเปกแล้ว ซัพพลายน้ำมันยังหดตัวลง เนื่องจากการผลิตน้ำมันของอิหร่านและเวเนซุเอลาจะปรับตัวลงต่อ จากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ



    แม้ว่าดีมานด์น้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในปี 2019 โดยโอเปกคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1.24 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 5 หมื่นบาร์เรล/วัน จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ และยังมีความเป็นไปได้ที่กลุ่ม เชลออยล์สหรัฐจะหวนกลับสู่ตลาด ด้วยการเพิ่มกำลังผลิต แต่กลยุทธ์สร้างความตื่นตระหนกของโอเปกยังพอมีอิทธิฤทธิ์ช่วยดันให้ราคาน้ำมัน ปรับตัวขึ้นได้



    นับตั้งแต่ร่วงหนักเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว 10% โดยในระยะสั้นนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนต์มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 70-75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ตามคาดการณ์ของโกลด์แมน จาก 65.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อยู่ที่ 55.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ระหว่างการซื้อขายเมื่อวันที่ 6 มี.ค. หลังจากนั้น ราคาน้ำมันคาดว่าจะปรับลงช่วงครึ่งหลังของปี 2019



    อีกฟากหนึ่งนั้น "ทอง" มีแนวโน้มเคลื่อนไหวสวนทางกับตลาดน้ำมัน แม้ราคาทองเพิ่งร่วงแตะระดับ ต่ำสุดรอบ 5 สัปดาห์ไปเมื่อไม่กี่วันนี้ โดยราคาทองสปอตอยู่ที่ 1,285.41 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาทองฟิวเจอร์สอยู่ที่ 1,286.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 6 มี.ค. คงกล่าวได้ว่าราคาทองได้รับแรงกดดันจากปัจจัยระยะสั้นคือเรื่องค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่อยู่ในทิศทางแข็งค่า โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์ เทียบ 6 ตะกร้าสกุลเงินหลัก ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 97.008 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แตะระดับสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์



    ขณะที่อีกปัจจัยสำคัญซึ่งมีผลไม่น้อยต่อราคาทอง คือเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ในช่วงไม่นานนี้ เริ่มมีข่าวดีว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถคลี่คลายความขัดแย้งกันได้ จากการ ที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ จะพบปะกับประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีน ราววันที่ 27 มี.ค.นี้ เพื่อเซ็นดีลปิดฉากศึกการค้า



    ความคืบหน้าดังกล่าวทำให้ทองดูไม่แวววาวจับตานักลงทุนที่เริ่มกล้า ขยับไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ดี ศึกการค้าจะยังคงเป็นความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่ต้องจับตากันต่อไปอีกยาวๆ เพราะแม้สงครามกับจีนใกล้สงบ แต่ทรัมป์อาจไม่จบแค่นั้น สะท้อนออกมาจากการกำลังเดินหน้าไล่บี้คู่ค้าอื่นๆ เช่น อินเดียที่จะเตรียมตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) และมีข่าวว่าจะเพิ่มแรงกดดันญี่ปุ่นเรื่องค่าเงินเยนด้วยเช่นกัน



    ด้วยเหตุนี้ จึงมีความเป็นไปได้ที่ทองจะคัมแบ็กอีกครั้ง ไปแตะที่ประมาณ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ ในอีก 6 เดือนข้างหน้า และปรับขึ้นต่อไปอยู่ที่ 1,450 ดอลลาร์/ออนซ์ ในอีก 12 เดือนหน้านี้ ตามคาดการณ์ของโกลด์แมน ซึ่งปรับขึ้นจาก 1,425 ดอลลาร์/ออนซ์ สำหรับช่วง 12 เดือน



    สำหรับ "สินค้าเกษตร" ที่ตกเป็นเหยื่อเผชิญผลกระทบอย่างหนักหน่วงจากการสาดกำแพงภาษีใส่กันระหว่างจีนและสหรัฐนั้น ยังคงไม่มีวี่แววจะฟื้นคืนชีพในปีนี้



    ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าจีนตกลงจะซื้อสินค้าเกษตรหลายรายการเพิ่มจากสหรัฐไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ข้าวโพด และข้าวสาลี คิดเป็นมูลค่า 3 หมื่น ล้านดอลลาร์ (ราว 9.4 แสนล้านบาท) หลังการเจรจาการค้ารอบล่าสุดผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น แต่ความน่าวิตกก็ยังไม่หมดลง เพราะทั้งสองฝ่ายยังไม่สรุปว่าจะยกเลิกกำแพงภาษีที่เคยตั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีความเป็นไปได้มากกว่าว่าอาจไม่มีการโละภาษีนำเข้า หมายความว่า สินค้าเกษตรจะต้องเผชิญภาษี 25% ต่อไป โดยโกลด์แมนคาดการณ์ว่า ภาษีดังกล่าวจะยังคงอยู่ต่อไปจนถึงปี 2020



    นอกจากปัจจัยเรื่องกำแพงภาษีระหว่างสองยักษ์โลกแล้ว เศรษฐกิจจีนโตอ่อนแรงก็มีผลต่อตลาดสินค้าเกษตรด้วยเช่นกัน เพราะจีนเป็นประเทศ ลำดับต้นๆ ที่ซื้อสินค้าเกษตรจาก ทั่วโลกมากที่สุด หากจีนลดการนำเข้าลง ย่อมส่งผลต่อบรรดาประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรอย่างแน่นอน



    สัญญาณดังกล่าวเริ่มปรากฏออกมาแล้วเมื่อช่วงต้นปี โดยศูนย์ข้อมูลน้ำมันและธัญพืชของจีนคาดการณ์ว่าจีนจะนำเข้าถั่วเหลืองลดลง 9 ล้านตัน เมื่อเทียบรายปีมาอยู่ที่ 86 ล้านตัน ในปี 2019 หลังเมื่อปีที่แล้ว จีนลดการนำเข้าถั่วเหลืองลงเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี



    ความหวังว่าสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งน้ำมัน ทอง และสินค้าเกษตร จะกลับมาฟื้นคืนชีพอย่างแท้จริง จึงยังไม่อาจฟันธงได้ว่าจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ท่ามกลางความปั่นป่วนทั่วโลกที่ไม่มีทีท่าว่าจะปิดฉากโดยง่าย


    โดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์


    Source: Posttoday
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_0568.JPG (Mar 12) หุ้นเทคโนโลยีพุ่งหนุนดาวโจนส์บวก200จุด : แม้ช่วงเปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์จะถูกกดดันจากราคาหุ้นโบอิ้งที่ปรับตัวร่วงลง

    ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันจันทร์ (11มี.ค.)ปรับตัวขึ้น 200 จุด เพราะได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แม้ว่าในช่วงแรกจะถูกกดดันจากการทรุดตัวของหุ้นโบอิ้ง หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ 8 ของสายการบินเอธิโอเปีย แอร์ไลน์เกิดอุบัติเหตุตกเมื่อวันอาทิตย์(10มี.ค.) จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 157 ราย

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 200.64 จุดหรือ 0.79% ปิดที่ 25,650.88 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 40.23 จุดหรือ 1.47% ปิดที่ 2,783.3 จุด และดัชนีแนสแด็กบวก 149.92 จุดหรือ 2.02% ปิดที่ 7,558.06 จุด

    ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับเวลาซื้อ-ขายหุ้นในตลาดวันนี้ โดยปรับเวลาเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง เนื่องจากเข้าสู่ช่วง Daylight Saving Time ตลาดจึงเปลี่ยนแปลงเวลาซื้อขาย จากเดิม 21:30-04:05 น. ตามเวลาไทย เป็น 20:30-03:05 น.ตามเวลาไทย ซึ่งการปรับเวลาตาม Daylight Saving Time ในสหรัฐปีนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.-4 พ.ย.

    ราคาหุ้นแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์จำนวน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ทะยานกว่า 3% ในการซื้อขายวันนี้ หลังจากที่แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของแอ๊ปเปิ้ล สู่ระดับ buy จากเดิมที่ neutral พร้อมกับปรับเพิ่มราคาเป้าหมายระยะ 12 เดือนของแอ๊ปเปิลสู่ระดับ 210 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 180 ดอลลาร์

    ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซา และความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน และจีนเปิดเผยการส่งออกทรุดตัวลงในเดือนก.พ.

    กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 20,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง

    ส่วนอัตราการว่างงานร่วงลงสู่ระดับ 3.8% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.9%

    นอกจากนี้ นักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากอีซีบีปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้ สู่ระดับ 1.1% จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้วว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.7%


    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    - Dow rallies 200 points as Apple gain offsets big Boeing decline : https://www.cnbc.com/2019/03/11/sto...amid-growing-concerns-over-global-growth.html
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Mar 11) ยุติสงครามการค้าผลงานดันเรทติ้ง 'โดนัลด์ ทรัมป์' :ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐตั้งความหวังว่าการยุติสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐจะช่วยหนุนคะแนนเสียงจนทำให้คว้าชัย ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีปี2563 แม้ความเป็นไปได้ในเรื่องของสงครามการค้ายัง50-50 ไม่มีใครกล้าฟันธงว่ากรณีพิพาททางการค้าของสองยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจโลกจะปิดฉากได้อย่างแท้จริง

    ล่าสุด หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า สหรัฐและจีนยังไม่ได้ กำหนดวันจัดประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเนื่องจากยังไม่มีแนวโน้ม ที่การเจรจาการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย จะได้ข้อยุติในเร็วๆ นี้ "ยังไม่มีการกำหนดวันจัดประชุม แต่อย่างใด" นายเทอร์รี แบรนส์แทด เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่ง กล่าว และเสริมว่า ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่มี การเตรียมการสำหรับจัดการประชุมสุดยอดแต่อย่างใด เนื่องจากคณะเจรจาของจีนและสหรัฐจำเป็นที่จะต้องลดช่องว่างเกี่ยวกับความคิดเห็นที่แตกต่างของแต่ละฝ่าย ก่อนที่ จะมีการเตรียมจัดการประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐและจีน

    ส่วนเว็บไซต์บลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ พยายามอย่างหนักเพื่อให้สหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า เนื่องจากเขาหวังว่า การบรรลุข้อตกลง ดังกล่าวจะส่งผลให้ตลาดหุ้นทะยานขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีต่อการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของเขาในปีหน้า

    แหล่งข่าวบอกว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องการให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้น ขณะที่เขาเตรียมลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ซึ่งเขามองว่าการบรรลุข้อตกลงทางการค้า กับจีนจะช่วยให้เขาคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีในปีหน้า เนื่องจากขณะนี้ ทรัมป์มีความกังวลว่าการไร้ข้อตกลงทาง การค้ากับจีนจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น หลังจากที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้ จากการคาดการณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าของการเจรจาการค้า โดยตลาดหุ้นวอลล์สตรีททะยานขึ้นในช่วงต้นปีนี้ โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500 ดีดตัวขึ้นมากกว่า 11%เพราะปัจจัยหนุน เรื่องการเจรจาการค้า แต่ในการเจรจาเพื่อยุติการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อาจมีรายละเอียดที่ต้องหารือกันมากขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีในปีที่แล้ว โดยจีน เป็นประเทศคู่ค้าที่สหรัฐขาดดุล การค้ามากที่สุด ตามมาด้วยเม็กซิโก เยอรมนี และญี่ปุ่น

    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุว่า สหรัฐขาดดุลการค้า 6.210 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18.8% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 สูงกว่า ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.79 หมื่นล้านดอลลาร์

    ขณะที่การส่งออกนั้นร่วงลงเป็นเดือนที่ 3 และการนำเข้าเพิ่มขึ้นแม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พยายามใช้ นโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" และการทำสงครามการค้า เพื่อลดการขาดดุลดังกล่าว

    สหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนพุ่งขึ้น 11.6% ในปีที่แล้ว แตะระดับ 4.192แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นอกจากนี้ สหรัฐยังขาดดุลต่อเม็กซิโกจำนวน 8.152 หมื่นล้านดอลลาร์, ขาดดุลต่อเยอรมนี 6.825 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขขาดดุลของสหรัฐต่อญี่ปุ่นลดลงในปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ ระดับ 6.763 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 1.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้

    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุด้วยว่า การส่งออกสินค้าและบริการลดลง 1.9% สู่ระดับ 2.051 แสนล้านดอลลาร์ใน เดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน ส่วนการนำเข้าสินค้าและบริการ เพิ่มขึ้น 2.1% สู่ระดับ 2.649แสนล้านดอลลาร์

    ขณะที่สำนักงานศุลกากรจีน (จีเอซี) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ.ร่วงลง 20.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 1.3524 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 5.2% สู่ระดับ 1.3112 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในเดือนก.พ. ลดลง 13.5% แตะที่ระดับ 2.6636 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

    หากพิจารณาในรูปสกุลเงินหยวน ยอดส่งออกในเดือนก.พ.ลดลง 16.6% ขณะที่ ยอดนำเข้าลดลง 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าของจีนลดลงสู่ระดับ 3.446 หมื่นล้านหยวน แต่หากไม่นับรวม ปัจจัยเทศกาลตรุษจีน มูลค่าการค้าต่างประเทศ ของจีนปรับตัวขึ้น 3.9% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดส่งออกปรับตัวขึ้น 1.5% และยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อพิจารณาในรูปสกุลเงินดอลลาร์

    ส่วนในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนอยู่ที่ระดับ 6.2272 แสนล้านดอลลาร์ ลดลง 3.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยยอดส่งออกลดลง 4.6% สู่ระดับ 3.5321 แสนล้านดอลลาร์ และยอดนำเข้าลดลง 3.1% แตะระดับ 3.0951 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.อยู่ที่ ระดับ 4.37 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลง 13.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และจีเอซี ยังระบุด้วยว่า ยอดส่งออกจากจีนไปยังสหรัฐในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ลดลง 9.9% ขณะที่ยอดนำเข้าทรุดตัวลง 32.2%

    ขณะที่ยอดการนำเข้าถั่วเหลือง ประจำเดือนก.พ.ของจีนลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากความต้องการกากถั่วเหลืองซบเซา และจีนชะลอการซื้อถั่วเหลือง ท่ามกลางสถานการณ์ไม่แน่นอนทางด้านการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ โดย จีนนำเข้าถั่วเหลือง 4.46 ล้านตันในเดือนก.พ. ลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และหากเทียบกับเดือนก่อนหน้า จีนนำเข้าถั่วเหลืองลดลง 40% จากยอด นำเข้าถั่วเหลือง 7.38 ล้านตันในเดือนม.ค. โดยมีปัจจัยมาจากช่วงวันหยุดช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ทำให้ปริมาณการนำเข้าลดลง สำหรับยอดนำเข้าถั่วเหลืองช่วง 2 เดือนแรกของปี 2562 ลดลง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แตะที่ระดับ 11.83 ล้านตัน

    IMG_0572.JPG IMG_0573.JPG

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_0574.JPG
    (Mar 12) เทเรซา เมย์ได้รับความเห็นชอบจาก EU ให้เปลี่ยนแปลงข้อตกลง Brexit แล้วก่อนรัฐสภาอังกฤษโหวตวันนี้ : เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอังกฤษเปิดเผยว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้รับความเห็นชอบจากสหภาพยุโรป (EU) ให้ทำการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยมีผลผูกพันทางกฏหมาย โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงหนึ่งวันก่อนที่รัฐสภาอังกฤษจะทำการอนุมัติข้อตกลงดังกล่าวของนางเมย์ในวันนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน


    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช/รัตนา


    - UK's Theresa May clinches legally binding Brexit backstop changes, deputy says : https://www.cnbc.com/2019/03/11/uks...ding-brexit-backstop-changes-deputy-says.html
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_0575.JPG
    (Mar 11) พฤติกรรมท่องเที่ยวจีนเปลี่ยน! แนะธุรกิจปรับตัว : “การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนจีน ทั้งในกลุ่มวัยกลางคน และกลุ่มวัยรุ่นชาวจีน อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก ส่งผลให้ธุรกิจเหล่านี้จำเป็นต้องปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจให้เข้ากับรูปแบบและพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนจีนที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป”


    รูปแบบและพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนจีนเริ่มเปลี่ยนไป นับตั้งแต่ที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้ประชาชนสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้อย่างอิสระในปี 2011 ส่งผลให้จำนวนทริปที่คนจีนเดินทางออกไปยังต่างประเทศ (ไม่รวมฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน) ในปี 2018 เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 3 เท่าตัวหรือจากราว 24 ล้านทริปในปี 2011 เป็น 69 ล้านทริป ณ สิ้นปี 2018 ประกอบกับความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และการเกิดขึ้นของสื่อออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวเป็นที่แพร่หลาย และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ช่วยส่งเสริมให้คนจีนจำนวนหนึ่งเกิดความคุ้นเคยกับการท่องเที่ยวในต่างประเทศ นอกจากนี้รายได้ของคนจีนที่เติบโตสอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ขยายตัวในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและพฤติกรรมการท่องเที่ยวทั้งในกลุ่มคนจีนวัยกลางคน และกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่เช่นเดียวกับกระแสการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก อ่านต่อ https://www.scbeic.com/th/detail/file/product/5833/fa8mv4tpe8/EIC-Article_china_tourist_20190304.pdf


    ผู้เขียน: ปุลวัชร ปิติไกรศร


    Source: Economic Intelligence Center (EIC)
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    F9BCA9B7-55F9-4C21-812F-D966AC5CB561.jpeg
    (Mar 11) เผยประเด็นหลักในร่างข้อตกลงเบร็กซิทที่สภาอังกฤษจะลงมติพรุ่งนี้ : รัฐสภาอังกฤษเตรียมลงมติร่างข้อตกลงสหราชอาณาจักร (ยูเค) ออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิทในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หลังจากคว่ำร่างแรกไปเมื่อเดือนมกราคม รัฐบาลหวังว่า เส้นตายที่จะต้องเบร็กซิทภายในวันที่ 29 มีนาคมนี้จะจูงใจให้สมาชิกสภาลงมติรับร่างนี้


    เอเอฟพีเปิดเผยประเด็นหลักของร่างข้อตกลงใหม่ว่า ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านจะขยายไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เปิดทางให้อังกฤษและอียูยังคงรักษาสถานภาพปัจจุบันในระหว่างที่เจรจาเรื่องความสัมพันธ์ในอนาคต เพื่อให้ภาครัฐ ภาคธุรกิจและบุคคลมีเวลาในการปรับตัวกับชีวิตหลังเบร็กซิท อังกฤษยังอยู่ในสหภาพศุลกากรและตลาดร่วมยุโรป โดยต้องเคารพหลักการเคลื่อนย้ายสินค้า ทุน บริการ และแรงงานอย่างเสรีต่อไป แต่จะไม่มีตัวแทนในหน่วยงานต่าง ๆ ของอียู ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนี้สามารถขยายได้หนึ่งครั้ง ตั้งแต่หนึ่งปีจนถึงสองปี


    ประเด็นแบคสตอป (backstop) ที่อียูเสนอให้ไอร์แลนด์เหนือซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยูเคคงการผ่อนปรนระเบียบพรมแดนกับไอร์แลนด์ที่เป็นสมาชิกอียูหลังเบร็กซิทแต่ถูกรัฐสภาอังกฤษคัดค้านนั้น ร่างข้อตกลงใหม่กำหนดว่า อังกฤษและอียูจะกำหนดดินแดนสหภาพศุลกากรให้ไอร์แลนด์เหนือและไอร์แลนด์ใช้อัตราภาษีเดียวกันกับสินค้านำเข้าในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน และให้ไอร์แลนด์เหนืออยู่ในตลาดร่วมยุโรป แต่หลังจากพ้นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านแล้วทั้งสองฝ่ายจะต้องตัดสินใจร่วมกันว่าจะยังใช้ข้อตกลงนี้ต่อไปหรือไม่


    ร่างข้อตกลงใหม่สงวนสิทธิของพลเมืองอียูกว่า 3 ล้านคนที่อยู่ในอังกฤษ และชาวอังกฤษ 1 ล้านคนที่อยู่ในอียู พลเมืองทั้งสองฝ่ายรวมทั้งครอบครัว ยังคงสามารถพำนัก ทำงาน และศึกษาโดยได้รับสิทธิประโยชน์ด้านสวัสดิการสังคมและได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับพลเมืองของประเทศนั้น ๆ มีผลครอบคลุมทุกคนที่เดินทางเข้ามาก่อนช่วงพ้นเวลาเปลี่ยนผ่าน หากพลเมืองอียูเข้าอังกฤษหลังจากนั้นจะต้องปฏิบัติตามระเบียบเข้มงวดที่รัฐสภาอังกฤษกำลังอภิปรายอยู่ ส่วนชาวไซปรัส 11,000 คนที่อาศัยและทำงานอยู่ตามฐานทัพอังกฤษในไซปรัสจะยังคงได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายอียูต่อไป


    ขณะที่ประเด็นขัดแย้งอย่างเรื่องที่สเปนอ้างสิทธิเหนือยิบรอลตา ดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษที่อยู่ใกล้กับจุดใต้สุดของคาบสมุทรไอบีเรีย ร่างข้อตกลงให้ทั้งสองประเทศร่วมมือกันเรื่องสิทธิพลเมือง สินค้า สิ่งแวดล้อม ตำรวจและศุลกากร เพื่อให้เกิดความโปร่งใสเรื่องภาษี การปราบปรามการฉ้อโกงและฟอกเงิน


    Source: สำนักข่าวไทย


    - Brexit talks deadlocked day before Commons vote on May's deal :
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_0578.JPG
    (Mar 11) นักวิชาการชี้'อัดเงินแลกเสียง'ฟื้นศก.ช่วงสั้น-หวั่นเสพติดประชานิยม เตือน'การคลัง'ประเทศทรุด : นักวิชาการเตือนฐานะ การคลังประเทศทรุด หลังพรรคการเมือง แห่อัดประชานิยมหวังโกยคะแนนเลือกตั้ง 2562 จี้แจกแจงแหล่งเงินใช้ทำนโยบาย "ประสาร"ห่วงฐานะการคลัง หลัง 10 ปีขาดดุล งบประมาณตลอด ย้ำต้องระวัง ด้าน"ปรีดิยาธร" หนุนตัดงบส่วนอื่นเพิ่มเบี้ยคนชรา เหตุ ค่าครองชีพสูงขึ้น

    ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง นโยบายหาเสียงของแต่ละพรรคการเมืองยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ชูนโยบายทั้ง "ลด" และ "แจก" หวัง ช่วงชิงคะแนนเสียงของประชาชน เพื่อเป็น แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ นักวิชาการ และนักเศรษฐศาสตร์ต่างแสดงความเป็นห่วง ต่อนโยบายหาเสียงของหลายๆ พรรค ซึ่งเกรงว่าจะสร้างภาระการคลังในอนาคตและอาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงแค่ช่วงสั้นๆ

    นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีต ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า เรื่องวินัยการคลังถือเป็นสิ่งที่ควรต้องห่วงมากขึ้น เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายของรัฐสูงกว่ารายรับโดยตลอด โดยรายจ่ายเพิ่มขึ้นปีละ 6% แต่รายได้เพิ่มขึ้นเพียงปีละ 5%

    ดังนั้นรายจ่ายที่มากกว่ารายได้ทำให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณโดยตลอด ซึ่งรายจ่ายในปัจจุบันคิดเป็น 18% ของจีดีพี ขณะที่รายได้อยู่ที่เพียง 16% ของจีดีพีเท่านั้น ดังนั้นด้วยฐานรายจ่ายที่สูงกว่า รายได้ และมีอัตราการเพิ่มที่สูงกว่า ต่อเนื่อง จึงเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง

    ส่วนนโยบายประชานิยมที่แต่ละพรรคการเมืองหาเสียงเลือกตั้งเอาไว้ ยังต้องรอดูความชัดเจนหลังการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งในทางปฏิบัตินโยบายที่ได้หาเสียงเอาไว้ อาจไม่ได้ถูกนำมาใช้ทุกโครงการแต่อาจถูกเลือกมาบางโครงการเท่านั้น และนอกจากนี้ ปัจจุบันการใช้งบประมาณของรัฐ ก็มีกฎหมายหลายฉบับดูแลด้านวินัยการเงินการคลังอยู่แล้ว ดังนั้นท้ายที่สุดการใช้งบประมาณต่างๆ ก็น่าจะ มีการควบคุมในกรอบที่เหมาะสมได้

    'ปรีดิยาธร'หนุนเพิ่มเบี้ยคนชรา

    ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรอง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า นโยบายประชานิยมที่แต่ละพรรคการเมืองได้หาเสียงเอาไว้ บางโครงการถือว่าน่าสนับสนุน เช่น การเพิ่มเบี้ยคนชรา เพราะค่าครองชีพในปัจจุบันสูงขึ้น และการใช้งบประมาณดังกล่าวก็ไม่ได้มากนัก

    "หากดูแล้วโครงการไหนเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ก็สามารถไปลดงบประมาณส่วนอื่นๆ ลงได้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระการเงินการคลังในระยะข้างหน้า เช่น งบประมาณด้านการซื้ออาวุธ เนื่องจากปัจจุบันใช้งบค่อนข้างสูง ทั้งในบางโครงการยังผูกพันต่อเนื่องถึง 5 ปี ซึ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้น"

    นักวิชาการห่วงความยั่งยืนการคลัง

    นายอธิภัทร มุทิตาเจริญ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า นโยบายรัฐสวัสดิการเปรียบเหมือนเหรียญสองด้าน ด้านหนึ่งช่วยให้ความเป็นอยู่ประชาชนดีขึ้น แต่อีกด้านหากไม่ระบุแหล่งที่มาของเงิน ทำให้เกิดคำถามว่า รัฐบาลจะนำเงินมาจากแหล่งใด โดยเฉพาะในภาวะที่ประเทศกำลังพัฒนา อาจกระทบต่อภาระและความยั่งยืนทางการคลัง

    ทั้งนี้ หลายพรรคบอกว่าจะโยกงบกลาโหมมาใช้สำหรับนโยบายดังกล่าว ซึ่งในความเป็นจริงก็ต้องชั่งน้ำหนักว่า ยังมีส่วนไหนที่ยังจำเป็นหรือไม่จำเป็น แต่สิ่งที่ ประชาชนอยากได้ยินมากกว่า คือ ถ้ามีสวัสดิการช่วยเหลือคนมากขนาดนั้น แปลว่า คนจะจ่ายภาษีมากขึ้นหรือเปล่า เป็นคำถามธรรมชาติที่ทุกคนอยากรู้ และเป็นประเด็นที่อยากได้ยินจากหลายๆ พรรคว่า จะจัดการเรื่องของภาษีอย่างไร

    มนุษย์เงินเดือนหวั่นถูกขึ้นภาษี

    ขณะเดียวกัน ก็มีภาษีอีกหลายอย่าง เช่น ภาษีเงินได้ ปัจจุบันคนที่จ่ายภาษีเงินได้นั้น มีแค่หยิบมือเดียวหรือราว 3-4 ล้านคนของกำลังแรงงานประเทศ คำถามหลัก คือ รัฐบาลใหม่มาจะมีแนวทางขยายฐานภาษีอย่างไร เพื่อทำให้มนุษย์เงินเดือนที่จ่ายอยู่นี้เขารู้สึกว่า เป็นธรรมมากขึ้น แน่นอนว่า เป็นคำถามที่ ไม่ได้ขายง่าย หรือติดป้ายโฆษณาได้ แต่เป็นคำถามที่มีผลต่อความเป็นอยู่ของคน

    "ประเด็นพวกนี้ ผมอยากให้มาพูดคุยหรือดีเบตกันระหว่างนักการเมืองมากขึ้น กระทบต่อฐานะการคลังและเศรษฐกิจระยะยาวจริงๆ"

    แนะรัฐจริงใจปฏิรูปภาษีช่วยคนจน

    นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า หลายพรรคการเมืองไม่ได้ระบุแผนการ หาแหล่งเงินที่นำมาใช้ในนโยบายรัฐสวัสดิการ มีเพียงบางพรรคเท่านั้นที่ระบุ ขณะที่ พรรคขนาดใหญ่และเป็นพรรคที่คาดหวังว่า จะกลับมาเป็นรัฐบาล กลับไม่ได้พูดถึงแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาใช้ ทั้งที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องระบุว่า พรรคการเมืองจะต้องระบุแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาใช้ในนโยบายต่างๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาระทางการคลัง

    "ผมเห็นด้วยกับนโยบายรัฐสวัสดิการที่จะช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจน ซึ่งเป็นนโยบายที่ควรทำอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลจะต้องจริงใจกับการปฏิรูปภาษี เพื่อนำเงินของคนรวยมาช่วยคนจน ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลก็คลอดกฎหมายเก็บภาษีทรัพย์สิน แต่เงินที่จะหาได้นั้น ไม่เพียงพอหรือรองรับนโยบายดังกล่าว ดังนั้น พรรคการเมืองที่หาเสียงรัฐสวัสดิการก็ต้องพูดถึงแหล่งที่มาของเงินด้วย"

    เขายังอ้างถึงงานวิจัยของธนาคารโลกที่ระบุว่า ประเทศไทยสามารถเก็บภาษี ได้มากขึ้นเป็นจำนวน 8 แสนล้านบาท โดย ไม่กระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพราะไทยไม่ได้เป็นประเทศที่ยากจนแล้ว โดยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาและมีกลุ่มคนที่ร่ำรวยจำนวนมาก ดังนั้น การปฏิรูปภาษีเพื่อเป็นแหล่งเงินช่วยเหลือคนจน จึงเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่ต้องยอมรับว่า ไม่มีพรรคการเมืองใดที่จะกล้าใช้นโยบายหาเสียงลักษณะนี้

    คลังประเมินนโยบายหาเสียงไม่ชัด

    ด้านนายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า นับจากปี 2560 รัฐบาลได้ใช้งบประมาณราว 5.7 หมื่นล้านบาท ในการสนับสนุนนโยบายเพิ่มสวัสดิการแก่ผู้มีรายได้น้อย ถือว่า เป็นจำนวนเงินที่ไม่มากเมื่อเทียบกับงบประมาณรวมและการช่วยเหลือกลุ่มคนกว่า 10 ล้านคน ซึ่งคนกลุ่มนี้ ถือว่า ยังมีความเดือดร้อนอยู่มาก

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการใช้งบประมาณเพื่อสนับสนุนสวัสดิการเพิ่มเติมแก่คนจนจะไม่กระทบต่อภาระทางการคลังมากนัก แต่เรามองว่า ถึงจุดหนึ่ง ควรที่จะยกเลิก เพื่อให้คนกลุ่มนี้ ได้พัฒนาตัวเองให้มีรายได้และไม่เป็นภาระต่อภาครัฐมากเกินไป

    นักเศรษฐศาสตร์ห่วงศก.โตช่วงสั้น

    นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า มีข้อกังวลใจต่อนโยบายหาเสียงของหลายๆ พรรคการเมืองที่ออกมา เกรงว่า จะทำให้เศรษฐกิจไทยเหมือนกับสหรัฐ ช่วงหลังการเลือกตั้ง ซึ่งถ้าดูภายหลัง การเลือกตั้งของสหรัฐ จะเห็นว่าเศรษฐกิจขยายตัวได้เพียงแค่ปีเดียว หลังจากนั้น ก็เริ่มชะลอตัว เพราะนโยบายหาเสียงที่ นำมาใช้ไม่มีความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ

    "ดูนโยบายของแต่ละพรรคแล้ว อยากบอกว่า เศรษฐกิจไทยหลังเลือกตั้งอาจเหมือนกับสหรัฐที่ได้ โดนัลด์ ทรัมป์ มาเป็น ประธานาธิบดี คือ ทรัมป์ เข้ามาก็ลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะสั้นก็ดูดี แต่ผ่านไป 1 ปี เศรษฐกิจสหรัฐก็เริ่มชะลอตัวจนจะโตต่ำกว่า 2% แล้ว"

    นายอมรเทพ กล่าวด้วยว่า นโยบายที่แต่ละพรรคนำเสนอ ส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มฐานรากโดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะเศรษฐกิจของคนกลุ่มนี้กำลังมีปัญหาอยู่ อย่างน้อยก็ช่วยให้เงินเกิดการหมุนเวียนทำให้เศรษฐกิจกลุ่มนี้ ดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันอยากให้มองถึงระยะยาวที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ตามศักยภาพด้วย

    หวั่นคนติดกับดักประชานิยม

    นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ภัทร กล่าวว่า นโยบายหาเสียงในระยะหลังไม่เฉพาะแค่ประเทศไทยแต่เป็นการทั้งโลก คือ เริ่มออกไปแนวประชานิยมมากขึ้น ยิ่งในประเทศไทยเมื่อพูดถึงนโยบายทางเศรษฐกิจแล้ว คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจ แต่พอ พูดถึงนโยบายที่เป็นลักษณะประชานิยม ยิ่งมีการแจกเงิน คนจะสนใจมาก อาจเพราะเป็นนโยบายที่จับต้องได้ชัดเจน

    "เมืองไทยแพลตฟอร์มที่เป็นนโยบายเศรษฐกิจ มาพูดว่าจะทำให้เศรษฐกิจโตเท่านั้นเท่านี้ คนไม่ค่อยสนใจเท่าไร แต่พอพูดว่าจะแจกเงิน แจกนั่น แจกนี่ แบบนี้ คนสนใจมาก เพราะเขาอยากได้ เป็นอะไรที่ จับต้องได้"

    นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ประเด็นเหล่านี้ถือเป็นเรื่องอันตราย หากคนติดกับดักตรงนี้ มากๆ จะส่งผลต่องบประมาณภาครัฐได้ในอนาคต เพราะรัฐต้องหาเงินมาใส่ในนโยบายเหล่านี้ ทำให้สิ่งที่ควรต้องทำ เช่น การเพิ่มงบประมาณเพื่อการลงทุนลดน้อยลงไปด้วย ทั้งยังทำให้ภาระการคลังสูงขึ้นด้วย


    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โรงไฟฟ้าเวเนซุเอลาระเบิด ทำปัญหาไฟดับขยายวงกว้าง ต่างประเทศ 12 มี.ค. 2019 11:10:30

    เวเนซุเอลา 12 มี.ค.-เกิดเหตุโรงไฟฟ้าระเบิดในกรุงการากัส เมืองหลวงของเวเนซุเอลา ทำให้ปัญหากระแสไฟฟ้าดับติดต่อกันหลายวันในหลายพื้นที่ของเมืองหลวงขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ประชาชนต้องดำเนินชีวิตด้วยความลำบาก

    1552363795406.jpg

    นายฮวน ไกวโด แกนนำฝ่ายค้าน ระบุปัญหาไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เกิดจากการคอร์รัปชันและการจัดการที่ผิดพลาดของรัฐบาล ด้านประธานาธิบดีนีโกลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา กล่าวหาสหรัฐว่าโจมตีเครือข่ายการจ่ายไฟฟ้าของเวเนซุเอลา ขณะที่สหรัฐปฏิเสธข้อกล่าวหา.-สำนักข่าวไทย

    1552363795460-800x450x2.jpg

    1552363795406-800x450x2.jpg

    1552363795361-800x450x2.jpg

    1552363795514-800x450x2.jpg

    https://www.tnamcot.com/view/z5JnYvm
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เวเนซุเอลาทนใช้น้ำเสีย
    ต่างประเทศ 12 มี.ค. 2019 15:23:00

    เวเนซุเอลา 12 มี.ค.-ปัญหากระแสไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ของกรุงการากัสของเวเนซุเอลา ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำประปาอย่างหนัก ชาวกรุงการากัสจำนวนมากต้องทนตักน้ำเสียในแม่น้ำมาใช้

    ปัญหากระแสไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ของกรุงการากัส เมืองหลวงของเวเนซุเอลา ที่ดำเนินติดต่อกันมาหลายวัน ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำประปาอย่างหนัก ชาวกรุงการากัสจำนวนมากต้องทนตักน้ำเสียในแม่น้ำมาใช้ โรงเรียนหลายแห่งต้องหยุดการเรียนการสอน ธุรกิจร้านค้าจำนวนมากต้องปิดทำการ ตามสถานีบริการน้ำมันเนืองแน่นไปด้วยรถยนต์ที่รอเติมน้ำมัน ขณะที่แพทย์ต้องรักษาผู้ป่วยทั้งที่ไฟดับ

    ด้านประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ยืนยันรัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหากระแสไฟฟ้าขัดข้อง ขณะที่สมัชชาแห่งชาติเวเนซุเอลา ซึ่งฝ่ายค้านครองเสียงข้างมาก ประกาศให้สถานการณ์ขาดแคลนพลังงานในเวเนซุเอลาเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน.-สำนักข่าวไทย

    1552378931072-800x450x2.jpg

    1552378931120-800x450x2.jpg

    1552378931100-800x450x2.jpg

    1552378931103-800x450x2.jpg

    https://www.tnamcot.com/view/M2BA6De
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_0588.JPG
    (Mar 12) สิงคโปร์สั่งห้าม ‘โบอิ้ง 737 แม็กซ์’ เข้าสู่น่านฟ้า สายการบินหลายแห่งได้รับผลกระทบ : ทางการสิงคโปร์มีคำสั่งให้สายการบินต่างๆ งดนำเครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ ทุกรุ่นเข้าสู่น่านฟ้าตั้งแต่บ่ายวันนี้ (12 มี.ค.) หลังเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินเอธิโอเปียโหม่งโลกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์


    สำนักงานการบินพลเรือนแห่งสิงคโปร์ (CAAS) ได้ออกประกาศให้ “ระงับปฏิบัติการของเครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ ทุกรุ่น ทั้งขาเข้าและออกจากสิงคโปร์ หลังเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับโบอิ้ง 737 แม็กซ์ ถึง 2 ลำในระยะเวลาไม่ถึง 5 เดือน”


    สายการบินหลายแห่งทั่วโลกสมัครใจถอด โบอิ้ง 737 แม็กซ์ ออกจากตารางการบินชั่วคราว ขณะที่สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) ก็ได้มีคำสั่งให้โบอิ้งเร่งดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องในเครื่องบินโดยสารยอดนิยมรุ่นนี้


    คำสั่งแบนในสิงคโปร์จะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่เวลา 14.00 น. ของวันนี้ (12) โดยมีผลกระทบต่อฝูงบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ จำนวน 6 ลำของซิลค์แอร์ ซึ่งเป็นสายการบินระดับภูมิภาคในเครือสิงคโปร์แอร์ไลน์ส รวมถึงสายการบินอื่นๆ ซึ่งให้บริการเที่ยวบินสู่สิงคโปร์ด้วยเครื่องรุ่นนี้ ได้แก่ ไชน่าเซาเทิร์นแอร์ไลน์ส, การูด้าอินโดนีเซีย, ซานตงแอร์ไลน์ส และ ไทย ไลอ้อนแอร์


    CAAS ยืนยันว่าได้มีการประสานไปยังท่าอากาศยานนานาชาติชางงี รวมถึงสายการบินที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้โดยสาร


    “ระหว่างที่คำสั่งระงับบินชั่วคราวมีผลบังคับ CAAS จะเร่งรวบรวมข้อมูลและประเมินความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการและความปลอดภัยของโบอิ้ง 737 แม็กซ์ ทั้งขาเข้าและออกจากสิงคโปร์”


    “เราจะมีการทบทวนคำสั่ง หลังจากที่ได้รับข้อมูลด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม”


    Source: ผู้จัดการออนไลน์

    - Australia, Singapore Ground Boeing’s 737 Max Planes : https://www.bloomberg.com/news/arti...d-the-737-max-boeing-update?srnd=premium-asia
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'สหรัฐ'เรียกจนท.ทูตกลับประเทศทั้งหมด วิกฤต'เวเนฯ'ทวีความรุนแรงไร้ไฟไร้อาหาร
    วันอังคาร ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2562, 16.51 น.



    12 มี.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลงว่า จะเรียกนักการทูตทั้งหมดที่เหลืออยู่ในเวเนซุเอลาภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากสถานการณ์ในเวเนซุเอลาเลวร้ายมากยิ่งขึ้น หลังเกิดเหตุไม่สงบทางการเมืองมาหลายเดือน

    ก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐมีคำสั่งอพยพเจ้าหน้าที่การทูตบางส่วนออกจากเวเนซุเอลาเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา หรือเพียงวันเดียวหลังนายฮวน ไกวโด ผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลา ได้ประกาศตัวเป็นประธานาธิบดีเฉพาะกาล ขณะที่ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐทันที

    ขณะที่หลายพื้นที่ของเวเนซุเอลายังคงไร้ไฟฟ้าใช้ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 และได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว บริษัทและห้างร้านแทบทุกแห่งในกรุงการากัสเมืองหลวงของประเทศยังคงปิดให้บริการ ทำให้ขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค
    ประชาชนจำนวนมากต้องทนตักน้ำเสียในแม่น้ำมาใช้ ส่วนอาหารต้องต้องรับแจกอาหารจากโรงทานหลายแห่ง
    166811.jpg

    166818.jpg

    166817.jpg

    166816.jpg

    166815.jpg

    166814.jpg

    166813.jpg

    166812.jpg

    https://www.naewna.com/inter/401027/preview
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    1552363159363-960x0.jpg

    ร้านเวเนซุเอลาเปิดโรงครัวแจกอาหารให้ผู้เดือดร้อน ต่างประเทศ 12 มี.ค. 2019 10:59:25

    การากัส 12 มี.ค.- ชาวเวเนซุเอลาหลายสิบคนรวมตัวกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านคนชั้นกลางของกรุงการากัสเพื่อเตรียมทำอาหารให้กับประชาชนที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ ขณะที่ไฟฟ้าดับทั่วประเทศต่อเนื่องมาหลายวัน ยิ่งทำให้ผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเดือดร้อนหนักขึ้น

    พ่อครัวแม่ครัวต่างช่วยกันแล่ปลา ทอดหัวหอม และปรุงอาหารเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไฟดับทำให้ตู้เย็นที่ร้านขายของเก็บอาหารไม่ได้ รวมทั้งอาหารที่ซื้อมาจากร้าน เจ้าของร้านขายอาหารและเครื่องดื่มกล่าวว่า ร้านของเธอเปิดวันพุธ-อาทิตย์ จึงคิดเอาของในช่องแช่แข็งมาใช้ และประกาศทางสังคมออนไลน์ว่า ร้านจะทำอาหารแจกจ่ายให้กับองค์กรการกุศลและโรงพยาบาล ขณะที่มีข่าวว่าหลายคนต้องทิ้งอาหารเพราะทำอาหารกับเตาไฟฟ้าที่บ้านไม่ได้ เจ้าของร้านจึงเปิดเตาแก๊สให้ประชาชนทำอาหารและนำกลับไปกินที่บ้าน .- สำนักข่าวไทย

    https://www.tnamcot.com/view/oxvj5rj
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาพดาวเทียมชี้ "จุดไฟป่า" พุ่ง 15,831 สูงสุดในรอบหลายปี
    12:59 | 12 มีนาคม 2562 |

    G0DL5oPyrtt5HBAi4AQYYAGp2ncvHgFwbgkYhRCjwQz64SAro3CD5U.jpg

    จิสด้า เผยภาพจากดาวเทียมพบสถานการณ์หมอกควันไฟป่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2562 สูงถึง 15,831 จุด ระบุพุ่งสูงสุดในรอบหลายปี มากสุดภาคอีสาน 6,612 จุด รองลงมาภาคเหนือ 3,126 จุด ยังไม่รวมไฟป่าจากประเทศเพื่อนบ้าน และคาดไฟป่าลากยาวถึงเม.ย.นี้

    วันนี้ (12 มี.ค.2562) ผู้สื่อข่าวข่าวรายงาน สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิส ด้า) เผยภาพจากดาวเทียม AQUA ของระบบ MODIS เผยให้เห็นหมอกควันปกคลุมทั่วบริเวณประเทศไทยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตภาคเหนือที่หนาแน่นกว่าภาคอื่นๆ เนื่องมากจากสถานการณ์ไฟป่า ทำให้หลายฝ่ายกังวลถึงผลกระทบที่จะเป็นอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่ โดยระบุว่าจากการใช้ดาวเทียมไทยโชตและดาวเทียมอื่นๆ อีกหลายดวงติดตามจุดความร้อน และดูพื้นที่เผาไหม้ ซึ่งวันนี้ทั่วประเทศมีจุดความร้อนสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.2562 กว่า 15,831 จุด แบ่งเป็น

    • ภาคเหนือ 3,126 จุด
    • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6,612 จุด
    • ภาคกลาง 3,726 จุด
    • ภาคตะวันตก 1,594 จุด
    • ภาคตะวันออก 711 จุด
    • ภาคใต้ 62 จุด

    คาดว่าจำนวนจุดความร้อนจะสูงกว่าหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาคเหนือ ในขณะที่ไฟป่าจากประเทศเพื่อนบ้านยังไม่มีแนวโน้มลดลง และมีส่วนทำให้เกิดหมอกควันปกคลุมในหลายพื้นที่ตอนบนของประเทศด้วยเช่นกัน

    ขณะที่ถ้าแยกเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-10 มี.ค.นี้ มีจุดความร้อนรวม 3,115 จุด โดย จ.เชียงใหม่ 580 จุด น่าน 566 จุด ลำปาง 513 จุด ตาก 449 จุด ลำพูน 241 จุด แม่ฮ่องสอน 230 จุด แพร่ 210 จุด เชียงราย 199 จุด และพะเยา 127 จุด

    นอกจากนี้ดาวเทียม LANDSAT-8 ตรวจพบร่องรอยการเผาไหม้ตั้งแต่วันที่ 1-16 ก.พ.นี้ ในจ.ตาก 442,779 ไร่ เชียงใหม่ 174,169 ไร่ ลำปาง 165,704 ไร่ แพร่ 133,345 ไร่ ลำพูน 125,109 ไร่ เชียงราย 76,714 ไร่ น่าน 56,450 แม่ฮ่องสอน 44,172 และพะเยา 32,925 ไร่

    อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์ไฟป่าจะยาวไปจนถึงเดือนเม.ย. จึงอยากขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวัง และเตรียมความพร้อมกันอย่างเต็มที่ รวมทั้งใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากอาคารหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง

    โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด หากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์ทันที ทั้งนี้ ทางจิสด้าที่จะต้องติดตามและรายงานสถานการณ์แบบวันต่อวัน เพื่อเป็นข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงทีต่อไป



    TSNBg3wSBdng7ijM6HI273hZYyDomwfcksMN0RuuH3C.jpg
    อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง



    http://news.thaipbs.or.th/content/278343
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯ ยืนยันจะไม่ยอมรับการลดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือแบบ 'ค่อยเป็นค่อยไป
    B40344FA-4F89-4694-A1E1-581CD287FAF8-541-000000426F24816D.jpg
    ทูตพิเศษด้านเกาหลีเหนือแย้มว่ามีเรื่องอื่นนอกจากมาตรการลงโทษซึ่งสหรัฐฯ อาจทำให้ได้

    นายสตีฟ บีกุน ทูตพิเศษของสหรัฐฯ ด้านกิจการเกาหลีเหนือ กล่าวในที่ประชุมเรื่องนโยบายนิวเคลียร์ที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันจันทร์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่ยอมรับเรื่องการลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างค่อยเป็นค่อยไป

    และว่าประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงท่าทีเรื่องนี้อย่างชัดเจน โดยเรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ เห็นพ้องต้องกันอย่างมีเอกภาพด้วย

    คำกล่าวของตัวแทนพิเศษของรัฐบาลสหรัฐฯ ด้านเกาหลีเหนือนี้ นับเป็นเครื่องบ่งชี้ล่าสุดที่แสดงว่า วอชิงตันกำลังปรับท่าทีและจุดยืนให้แข็งกร้าวมากขึ้น หลังการประชุมสุดยอดครั้งที่สองที่กรุงฮานอย ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ กับนายคิม จอง อึนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ

    อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าการประชุมที่กรุงฮานอย เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯได้เคยแสดงท่าทีว่า อาจเปิดรับเรื่องการลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งก็หมายถึงว่าเปียงยางจะทำลายอาวุธนิวเคลียร์ของตนอย่างเป็นลำดับขั้นตอน ขณะที่วอชิงตันค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจเป็นการตอบแทนเช่นกัน

    แต่นายสตีฟ บีกุน ได้กล่าวย้ำในวันนี้ว่า สหรัฐฯ จะไม่ยกเลิกมาตรการลงโทษใดๆ จนกว่ากระบวนการลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะเสร็จสมบูรณ์ ถึงแม้ทูตพิเศษด้านเกาหลีเหนือของสหรัฐฯ ผู้นี้จะแสดงทีท่าว่ายังมีเรื่องหรือพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากการยกเลิกมาตรการลงโทษซึ่งสหรัฐอาจทำให้ได้ก็ตาม

    ขณะนี้เกาหลีเหนือต้องการให้วอชิงตันผ่อนคลายมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจ ก่อนที่ตนจะดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์

    ถึงกระนั้นก็ตาม หลังการประชุมที่กรุงฮานอยแล้ว สหรัฐฯ ได้ขู่ว่าจะขยายมาตรการลงโทษออกไปอีก และประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวหลังการประชุมที่กรุงฮานอยด้วยว่า ตนจะรู้สึกผิดหวังอย่างมากหากเกาหลีเหนือกลับไปทดลองจรวดหรือขีปนาวุธอีก

    และถึงแม้จะมีภาพถ่ายดาวเทียมของเอกชนที่แสดงหลักฐานว่าเกาหลีเหนืออาจกำลังสร้างสถานีส่งดาวเทียม และมีกิจกรรมก่อสร้างเพิ่มขึ้นในบริเวณที่เคยเป็นฐานประกอบและยิงจรวดขีปนาวุธก็ตาม แต่นายสตีฟ บีกุน ทูตพิเศษของสหรัฐฯ เรื่องเกาหลีเหนือ ก็พยายามลดความสำคัญของภาพถ่ายดาวเทียมนี้ลง โดยกล่าวแต่เพียงว่า ตนไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้มีนัยสำคัญมากน้อยเพียงใด

    ขณะที่เกาหลีเหนือยืนยันว่า การส่งดาวเทียมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอวกาศอย่างสันตินั้น สหรัฐฯ ก็มองว่า การส่งดาวเทียมของเกาหลีเหนือเป็นการทดสอบเพื่อบังหน้าเทคโนโลยีการยิงจรวดขีปนาวุธ

    และนักวิเคราะห์ก็เชื่อว่า เปียงยางอาจใช้เรื่องการทดสอบจรวดหรือการส่งดาวเทียมครั้งใหม่ เพื่อเพิ่มฐานะความได้เปรียบสำหรับการเจรจาต่อรองของตน

    https://www.voathai.com/a/us-north-korea-ct/4825110.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2019
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    IMG_0602.JPG
    ตอนนี้นอกจากจะเพิ่มแรงกดดัน รัฐบาลเวเนซุเอลาแล้ว ก็เพิ่มแรงกดดันมาทางรัสเซีย สหรัฐกำลังจะคว่ำบาตรธนาคารรัสเซีย ที่ทำธุรกรรมหรือช่วยเหลือด้านการเงิน กับบริษัทน้ำมันของเวเนซุเอลา



    สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเกมส์ภูมิรัฐศาสตร์การเมือง ระหว่างสหรัฐ กับรัสเซียและจีน เวเนซุเอลาซึ่งมีน้ำมันสำรองมากที่สุดในโลก ภายหลังยึดคืนสัมปทานน้ำมันจากบริษัทของสหรัฐ และบริษัทของรัสเซีย และจีนก็เข้าไปแทนที่ การซื้อขายน้ำมันเหล่านี้ จะใช้เงินสกุลท้องถิ่น(หยวนและรูเบิล)โดยมีทองคำเป็นสื่อกลาง "ไม่ใช่ดอลลาร์"



    สหรัฐจึงต้องหาทางโค่นล้มรัฐบาล โดยวิธีการต่างๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นใช้กำลังทหารเหมือน อิรัก ลิเบีย และซีเรีย แต่เชื่อว่าถ้ามาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้ รวมถึงการโจมตีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ไฟฟ้า ระบบการคมนาคมขนส่งไม่สำเร็จเชื่อว่า อาจจะจุดชนวนสงครามกลางเมือง หรือใช้กำลังทหารเป็นลำดับต่อไป


    https://www.rferl.org/a/us-sanctions-russian-bank-over-dealings-with-venezuela/29815403.html
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    IMG_0603.JPG
    หน่วยงานอิสระหน่วยงานหนึ่ง ที่คิดและวิเคราะห์ให้กับกองทัพสหรัฐ มีบทบาทในการเสนอแนะด้านงบประมาณ ให้กับกลาโหมสหรัฐล่วงหน้า รวมถึงการวิเคราะห์และวิจัยกองทัพสหรัฐ ผ่านการจำลองสถานการณ์สงครามซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากรัฐบาลสหรัฐก็คือ "RAND Corperation" ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ ขีดความสามารถของกำลังรบของรัสเซียและจีนมาตลอด



    ตอนนี้ได้จำลองสถานการณ์สงครามโลกครั้งที่ 3 ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย ในคาบสมุทรบอลติก และช่องแคบไต้หวัน ซึ่งสงครามจะต่อสู้กันทางโดเมนหลักๆทั้ง บนบก ทะเล อากาศ อวกาศ และระบบเครือข่าย(land, sea, air, space, and cyberspace) ซึ่งสหรัฐจะประสบความยากลำบากในการเอาชนะทั้งรัสเซียและจีน


    จากการจำลองสงคราม ปรากฎว่าบรรดา เรือรบสหรัฐ สิ่งอำนวยความสะดวก ระบบการติดต่อสื่อสาร และฐานทัพต่างๆ เครื่องบินรบสหรัฐ ทั้งนี้รวมถึงเครื่องบินรบในยุคที่ 5 คือ F-35 ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องบินรุ่นนี้ของสหรัฐ จะสามารถครองอากาศได้ เมื่อยู่บนอากาศเท่านั้น แต่เครื่องบินส่วนใหญ่จะถูกทำลายตั้งแต่อยู่บนสนามบิน ด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศ และขีปนาวุธความเร็วไฮเปอร์โซนิกของรัสเซีย


    เมื่อสหรัฐเปิดฉากสงครามกับรัสเซียในยุโรป พบว่าสหรัฐซึ่งมีฐานทัพและ กองกำลังภาคพื้นเกือบ 100,000 คนในยุโรป อยู่หลายแห่ง ถูกทำลายและโจมตีจำนวนมาก เพราะระบบป้องกันภัยทางอากาศ และระบบต่อต้านขีปนาวุธ ไม่เพียงพอและไม่สามารถรับมือขีปนาวุธรุ่นใหม่ จากรัสเซีย โรเบิร์ต เวอร์ค อดีต รมต.ช่วยกลาโหมของสหรัฐ ที่มีประสบการณ์จำลองสถานการณ์สงครามมาหลายปี ระบุ



    ในขณะที่จีนก็ใช้สงครามไซเบอร์ และสงครามอิเล็กทรอนิกส์ โจมตีระบบบัญชาการและควบคุม รวมถึงระบบติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียม รวมถึงผ่านเครือข่ายไร้สายแทบจะหยุดชะงัก และทุกครั้งที่ถูกโจมตี เราจะหยุดการจำลองสถานการณ์ และเริ่มต้นใหม่ เดวิด โอชมาเน็ค นักวิเคราะห์ RAND ระบุ


    ซึ่งทาง RAND เสนอว่า การเพิ่มงบประมาณปีละ 8 พันล้านดอลลาร์ สำหรับจัดหาเครื่องบินรบ และระบบป้องกันภัยทางอากาศ จะต้องเพิ่มอีก 3 เท่า คือ อย่างน้อยปีละ 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า เพื่อเตรียมการรับมือสงครามในอนาคต



    แต่อย่างไรก็ตามความเห็นของ RAND ได้ระบุว่า รัสเซียและจีน ยังไม่พร้อมสำหรับสงครามขนาดใหญ่ในเร็ววันนี้ แต่สหรัฐจะต้องเตรียมตัวรับมือ และเพิ่มงบกลาโหมในสัดส่วนที่สูงขึ้น หากต้องการเอาชนะในหลายๆสมรภูมิ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต



    ซึ่งในปีที่ผ่านมางบประมาณกลาโหมสหรัฐ มากกว่างบประมาณกลาโหมของรัสเซียและจีนรวมกันเกือบ 2เท่านั่นเอง


    https://www.rt.com/usa/453550-us-loses-world-war-three/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว ขนาด 5.0

    ภูมิภาค FIJI ความลึก 604 กม

    เวลา วันที่ 2019-03-12 10: 25: 18.8 น. ประเทศไทย (03: 25: 18.8 UTC)

    ที่ตั้ง 17.98 S; 177.92 W

    IMG_0606.JPG IMG_0607.JPG 56C2EAC8-084F-4C55-8E24-03FD1168B279.jpeg

    Magnitude 5.0

    Region FIJI REGION

    Date time

    2019-03-12 03:25:18.8 UTC

    Location

    17.98 S ; 177.92 W

    Depth 604 km

    Distances

    386 km E of Suva, Fiji / pop: 77,400 / local time: 15:25:18.8 2019-03-12

    335 km SE of Lambasa, Fiji / pop: 24,200 / local time: 15:25:18.8 2019-03-12

    https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=750244
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,306
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหวขนาด 4.9
    ภูมิภาค JAVA SEA ความลึก 566 กม
    วันที่ 2019-03-12 เวลา 08: 12: 25.2 น.ไทย (01: 12: 25.2 UTC)
    ตำแหน่ง 5.64 S; 110.28 E
    750216.global.thumb.jpg 750216.regional.thumb.jpg Screenshot_20190312-194453.png
    Magnitude 4.9
    Region JAVA SEA
    Date time 2019-03-12 01:12:25.2 UTC
    Location 5.64 S ; 110.28 E
    Depth 566 km
    Distances
    150 km N of Semarang, Indonesia / pop: 1,289,000 / local time: 08:12:25.2 2019-03-12

    149 km NW of Pati, Indonesia / pop: 123,000 / local time: 08:12:25.2 2019-03-12

    105 km NW of Batang, Indonesia / pop: 116,000 / local time: 08:12:25.2 2019-03-12

    https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=750216
     

แชร์หน้านี้

Loading...