ติดตามสถานะการณ์

ฝุ่นพิษเชียงใหม่วิกฤต ! ค่า PM2.5 พุ่งสูงติดอันดับโลก ล่าสุดพบสาวจาม-ไอเป็นเลือด
#PM25 #ฝุ่นPM25 #thaicleanair

 

Kike Hernandez

น่าตกใจ
ระเบิดไซโคลนที่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดชิ้นน้ำแข็งจำนวนมากที่จะถูกสร้างขึ้น
และแช่แข็งแม่น้ำหลายสาย ในเนบราสก้า
2019/03/15

 

Kike Hernandez

ปริมาณหิมะที่ผิดปกติรายงานในเดือนมีนาคม ในสกอตแลนด์
16/03/2019

 

หวัง ซึ่งยังมีตำแหน่งเป็นมนตรีแห่งรัฐ (State Councilor) ที่ในระบบของจีนมีฐานะเทียบเท่ารองนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันในวันศุกร์ที่แล้ว (8 มี.ค.) ว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะ “ใช้มาตรการที่จำเป็นทุกๆ อย่าง” เพื่อปกป้องคุ้มครองบรรดาสิทธิผลประโยชน์ของพวกบริษัทภายในประเทศอย่างเช่นหัวเว่ย ซึ่งถูกจับตามองว่าเป็นกิจการที่ปักกิ่งถือเป็นตัวอย่างดีเด่นในด้านไฮเทคของตน ซึ่งเวลานี้กำลังถูกล็อกเป้าเข้าสู่สงครามทางกฎหมายและสงครามทางการโฆษณาประชาสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

 

เจาะลึกตะวันออกกลาง

เบาะแสมะกันป่วนไฟฟ้าอิหร่าน #สู่วันนี้ที่เวเนซูเอลา!!!


ชาร์มีนา นาร์วานี นักวิเคราะห์เอเชียตะวันตกแฉหมดเปลือก เมื่อ 8 ปีก่อน ทางการมะกันเคยเสนอเงิน 250,000 $ ให้เพื่อนชาวอิหร่านของฉันในยุค ปธน.โอบามา ให้ #ลักลอบเข้าไปทำลายระบบควบคุมสถานีจ่ายไฟในกรุงเตหะราน!!!


( แต่เพื่อนปฏิเสธไปเนื่องจากผิดมนุษยธรรม)


#ทีนี้พอจะมองภาพของเวเนซุเอลาออกหรือยังครับ? ที่อยู่ดีๆ ไฟดับติดกันสองถึงสามวัน คลังน้ำมันลุกไหม้ ฯลฯ


การที่เราวิจารณ์มะกัน เพราะมันมีเบาะแสที่ชนชั้นนำของประเทศนี้ก่อความวุ่นวายไปทั่วโลก ไม่ไช่ว่าเอะอะอะไรก็โทษมะกันอย่างที่บางคนคิด

............................


#เจาะลึกตะวันออกกลาง"


...........................

อ้างอิง:


https://www.presstv.com/Detail/2019/03/15/591106/US-target-Tehran-powergrid


https://www.farsnews.com/news/13971...-به-مهندس-ایرانی-برای-از-کار-انداختن-شبکه-برق

 

TCIJ

มะนิลาประสบภัยแล้งหนัก ขาดแคลนน้ำหนักสุดในหลายปี

กรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ประสบกับภาวะฝนทิ้งช่วงนานและระบบน้ำประปาไม่เพียงพอ จนขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บางครัวเรือนน้ำประปาไม่ไหลถึง 4-20 ชั่วโมงต่อวัน ขณะที่พื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของเมืองหลวงน้ำประปาไม่ไหลมาเป็นเวลาหลายวัน ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อประชากรทั่วมะนิลาราว 12 ล้านคน

https://www.tcijthai.com/news/2019/3/asean/8866

 

Chalee Na Roied


เมื่อวานแค่เกริ่นๆเรื่องท่อส่งก๊าซ Nord stream 2 ของรัสเซีย ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซใต้ทะเลที่ยาวที่สุดในโลก(1,200 กม.)จากรัสเซียผ่านทะเลบอลติก ไปยังเยอรมัน ที่สหรัฐกำลังต่อต้าน และบังคับให้ยุโรปไม่ซื้อก๊าซจากรัสเซีย ทั้งที่ๆราคาถูกกว่า LNG ของสหรัฐกว่า 30%



ซึ่งผมเดาว่าถ้าสหรัฐกดดันยุโรปไม่สำเร็จ อาจจะใช้มาตรการคว่ำบาตร และเลวร้ายที่สุดคือการ ทำให้กองกำลังนาโตในยุโรปตะวันออก เผชิญหน้ากับรัสเซีย ด้วยการติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลาง ซึ่งสหรัฐกำลังจะประกาศถอนตัว จากสนธิสัญญาขีปนาวุธพิสัยกลาง( INF treaty) ที่เคยทำขึ้นกับรัสเซีย



ตอนนี้เริ่มมีเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 บินไปยังทะเลบอลติก ในน่านน้ำสากล ห่างจากชายฝั่งรัสเซีย 150 กม. โดยปิดทรานสปอนเดอร์ ซึ่งเป็นสัญญาณพิสูจน์ฝ่าย ซึ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศรัสเซีย ทำการตรวจจับและอยู่ในสถานการณ์เตรียมพร้อม หลังจากนั้นก็บินกลับไป



"ไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายยั่วยุนะครับ เพราะแผ่นดินสหรัฐนั้นอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง สงสัยบินมาสังเกตการณ์ ท่อส่งก๊าซว่าคืบหน้าไปแค่ไหน "


http://tass.com/defense/1048944

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Mar 16) ครัวเรือนคาดหวังรายได้เพิ่ม : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ต่างจังหวัด พลิกกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 45.5 ในเดือน ม.ค. 2562 มาอยู่ที่ระดับ 45.7 ในเดือน ก.พ. 2562 เนื่องจากครัวเรือนมีความกังวลลดลงต่อประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สินเป็นสำคัญ



ส่วนประเด็นสำคัญที่จะต้องติดตามในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ได้แก่ สถานการณ์ภัยแล้งที่ในปีนี้มาเร็วและคาดว่าจะยาวนานกว่าปีก่อน ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อทั้งรายได้ครัวเรือนเกษตรและภาระค่าครองชีพครัวเรือนจากราคาอาหารสดที่เพิ่มขึ้น และผลการเลือกตั้งไทยที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มี.ค. 2562 ซึ่งจะกำหนดทิศทางเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2562



ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือน ก.พ. 2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่ระดับ 45.7 จากเดิมที่ระดับ 45.5 ในเดือน ม.ค. 2562 จากความกังวลที่ลดลงของครัวเรือนต่อประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากครัวเรือนบางส่วนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนไปในทิศทางที่ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ประกอบกับเพิ่งผ่านพ้นช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ครัวเรือนมีการใช้จ่ายค่อนข้างสูงในรายการพิเศษต่างๆ เช่น ท่องเที่ยว สังสรรค์ หรือเข้าวัดทำบุญ เป็นต้น จึงทำให้ครัวเรือนมีการใช้จ่ายน้อยลงในเดือน ก.พ. 2562



นอกจากนี้ ครัวเรือนไทยยังมีความกังวลเรื่องภาระหนี้สินลดลง จากการเปรียบเทียบผลสำรวจภาวะการครองชีพของครัวเรือนไทยระหว่างเดือน ม.ค. 2562 และเดือน ก.พ. 2562 พบว่า ครัวเรือนไทยที่มีค่างวด (หนี้) ที่ต้องชำระเพิ่มขึ้น มีสัดส่วนจำนวนลดลงจาก 17.1% ในเดือน ม.ค. 2562 มาอยู่ที่ 15.3% ในเดือน ก.พ. 2562 โดยสาเหตุหลักๆ เนื่องมาจากครัวเรือนที่ทำการสำรวจมีการผัดผ่อนการชำระหนี้ในเดือนก่อนลดลง จึงทำให้ภาระหนี้สินในเดือนปัจจุบัน (รวมดอกเบี้ย) ไม่เพิ่มขึ้น ประกอบกับครัวเรือนมีค่าใช้จ่ายในรายการพิเศษที่ทำให้ต้องกู้ยืม จำนำ จำนอง หรือกดเงินสดจากบัตรลดลง



ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 46.9 ในการสำรวจช่วงเดือน ม.ค. 2562 มาอยู่ที่ระดับ 47.4 ในการสำรวจช่วงเดือน ก.พ. 2562 สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อภาพเศรษฐกิจไทยภายหลังการเลือกตั้ง โดยครัวเรือนไทยมี มุมมองที่เป็นบวกมากขึ้น



ประเด็นเรื่องรายได้และการมีงานทำในระยะ 3 เดือนข้างหน้า (เดือน มี.ค.-พ.ค. 2562) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะครัวเรือนเกษตรมองว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า จากทั้งราคาสินค้าเกษตรบางประเภทที่ปรับตัวดีขึ้น เช่น ราคายางพาราที่เริ่มขยับขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ช่วงก่อนการปิดกรีดยางพารา (1 เม.ย. 2562) ในพื้นที่ภาคใต้ จึงทำให้โรงงานแปรรูปต่างๆ เตรียมกักตุนวัตถุดิบยางเพื่อใช้ในการผลิตช่วงปิดกรีดยาง (เดือน เม.ย.-พ.ค. 2562) ผลักดันราคายางพาราให้ปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งมีปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตของสินค้าเกษตรบางรายการสำคัญ เช่น ทุเรียน ข้าวนาปรัง อ้อยโรงงาน นอกจากนี้ ยังมีข่าวคราวเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในช่วงเดือน เม.ย. 2562 ที่ทำให้ครัวเรือนซึ่งพึ่งพิงค่าจ้างรายวันมีความคาดหวังว่าจะมีรายได้ที่ดีขึ้นในอนาคต



อย่างไรก็ดี ครัวเรือนไทยคาดว่า ในช่วงระยะ 3 เดือนข้างหน้า (เดือน มี.ค.-พ.ค.) จะมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสะท้อนจากดัชนีองค์ประกอบที่แสดงมุมมองเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย (ไม่รวมหนี้) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าที่ปรับลดจากระดับ 36.8 ในเดือน ม.ค. 2562 มาอยู่ที่ระดับ 36.2 ในเดือน ก.พ. 2562 ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากมีวันหยุดยาวหลายช่วงโอกาส โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์



ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงได้ทำการสำรวจเพิ่มเติมถึงกิจกรรมที่ครัวเรือนวางแผนที่จะทำในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ (12-16 เม.ย. 2562) พบว่า ครัวเรือนไทย 1 ใน 3 ที่ทำการสำรวจวางแผนที่จะพักผ่อนอยู่กับบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อีก 2 ใน 3 ของครัวเรือนที่ทำการสำรวจวางแผนที่จะทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ กินเลี้ยง/สังสรรค์/ทำบุญ (17.7%) กลับภูมิลำเนา (16.4%) เล่นน้ำสงกรานต์ (15.8%) หรือท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ (16.3%)



โดยครัวเรือนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลคาดว่า จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 4,947 บาทโดยเฉลี่ย ขณะที่ครัวเรือนในพื้นที่ต่างจังหวัดคาดว่า จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 3,613 บาทโดยเฉลี่ย ทั้งนี้ จากผลการสำรวจจะเห็นได้ว่า ครัวเรือนไทยส่วนใหญ่ (2 ใน 3) ยังวางแผนที่จะใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งก็น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีที่จะช่วยหนุนการบริโภคภาคเอกชนในช่วงไตรมาส 2/2562



โดยสรุปแล้ว ดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือน ก.พ. 2562 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย จากความกังวลที่ลดลงของครัวเรือนต่อประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สินเป็นสำคัญ ในขณะที่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (เดือน มี.ค.-พ.ค.) ก็ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากครัวเรือนมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อประเด็นเรื่องรายได้และการมีงานทำในระยะข้างหน้า ทั้งในส่วนของครัวเรือนเกษตรที่ราคาสินค้าเกษตรบางรายการปรับตัวดีขึ้นประกอบกับเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตของสินค้าเกษตรบางรายการสำคัญ และในส่วนของครัวเรือนลูกจ้างรายวันที่มีข่าวคราวการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2562 ในช่วงเดือน เม.ย.



ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ยังมีหลายประเด็นที่ต้องติดตามในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสถานการณ์ภัยแล้งที่ในปีนี้มาเร็วและคาดว่าจะยาวนานกว่าปีก่อน ซึ่งอาจจะกระทบทั้งฝั่งครัวเรือนเกษตรในแง่รายได้จากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดน้อย และฝั่งผู้บริโภคในแง่ราคาสินค้า โดนเฉพาะราคาอาหารสดที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องติดตามผลการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. 2562 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2562


Source: Posttoday

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Mar 16) ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก กดดันดอกเบี้ยนโยบาย :

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย (TMB Analytics) มองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการ Macroprudential เพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน ซึ่งเป็นประเด็นที่ ธปท.แสดงความกังวล อีกทั้งความกดดันจากเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ปัจจัยความเสี่ยงที่ อาจกระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย จึงมองว่า ธปท.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยไว้ที่ระดับ 1.75% เท่าการประชุมครั้งก่อน



ในประเด็นความเสี่ยงเสถียรภาพของระบบการเงิน ธปท.อาจรอประเมินผลจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งก่อน ประกอบกับมีการออกมาตรการ LTV ที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือน เม.ย. 2562 เพื่อยกระดับคุณภาพสินเชื่อและป้องกันการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ อาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินได้ในระดับหนึ่ง



นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าขอบล่างของกรอบ เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 1% ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561 และถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่อาจเคลื่อนไหวในระดับต่ำในระยะข้างหน้าจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง



แต่ประเด็นสำคัญที่ ธปท.จะกลับมาให้น้ำหนักมากก็คือเรื่องความเสี่ยงที่สูงขึ้นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อาจถูกกระทบจากการชะลอลงของเศรษฐกิจโลก และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักมีแนวโน้ม เข้มงวดลดลง โดยเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้ม ขยายตัวชะลอลงจากปีที่แล้ว แม้ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐจะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด แต่เศรษฐกิจจีนกลับขยายตัวในอัตราที่ต่ำสุดในรอบ 28 ปี และทางการจีนยังมีการปรับลดตัวเลขเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ลง ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนและญี่ปุ่นก็ยังคงชะลอต่อเนื่อง



นอกจากนี้ ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ก็ยังคงมีอยู่จากทั้งความไม่แน่นอนของข้อตกลงมาตรการการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และข้อตกลง Brexit ที่นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ต้องไปขอความเห็นชอบจากทั้ง 27 ประเทศสมาชิกใน EU ให้ขยายเวลาเส้นตายของการออกจาก EU หรือที่เรียกว่า Brextention ซึ่งหากไม่ได้รับความเห็นชอบ สหราชอาณาจักรมีโอกาสต้องออกจาก EU แบบไม่มีข้อตกลง (No Deal) ซึ่งจะส่งผลร้ายแรงต่อภาคเศรษฐกิจจริงและตลาดการเงินทั้งในสหราชอาณาจักรและในสหภาพยุโรปด้วย



ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าในระยะข้างหน้า การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ยังมีทิศทางผันผวนจากปัจจัยการเมืองในประเทศสหรัฐ ตลอดจนเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ ทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ตลอดจนประเด็น Brexit ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาค รวมทั้งเงินบาทมีความผันผวนตามไปด้วย ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 19-20 มี.ค. 2562 จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.25-2.50% เนื่องจากสถานการณ์ความเสี่ยงจากภายนอกประเทศที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนการชะลอลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐท่ามกลางเงินเฟ้อที่ชะลอลง ส่งผลให้เฟดจะส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหลือเพียงครั้งเดียวในปีนี้ ซึ่งหมายถึงการทิ้งจังหวะเวลายาวขึ้นในการคงอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะเห็นความชัดเจนของข้อมูลภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ



สำหรับผลต่อเศรษฐกิจไทย การส่งสัญญาณชะลอความเข้มงวดในการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดจะไม่เป็นปัจจัยหนุนการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์มากนัก เนื่องจากตลาดรับรู้ประเด็นดังกล่าวไปบางส่วนแล้ว มองไปข้างหน้า การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ยังมีทิศทางผันผวนจากปัจจัยการเมืองในประเทศสหรัฐ ตลอดจนเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ ทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ตลอดจนประเด็น Brexit ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาค รวมทั้งเงินบาทมีความผันผวนตามไปด้วย


Source: Posttoday

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Mar 16) 'เศรษฐกิจญี่ปุ่น'ส่งสัญญาณสะดุด : ดูเหมือนว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นส่งสัญญาณ ไม่สู้ดีนัก เมื่อธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตัดสินใจคงนโยบายการเงินอย่างมีเสถียรภาพต่อไป วานนี้ (15 มี.ค.) แต่มีมุมมองบวกน้อยลงกว่าเดิมว่าการส่งออกและผลผลิตโรงงานที่คึกคักจะสนับสนุนการเติบโตของประเทศ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ บีโอเจถือเป็นการรับมือความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากต่างประเทศซึ่งส่อเค้าจะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เปราะบางของญี่ปุ่นหยุดชะงัก โรงงานหลายแห่งทั่วโลก ต่างชะลอการผลิตเมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากความต้องการได้รับ ผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งทำให้การเติบโต ทั่วโลกซบเซาลง และความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป ก่อนที่สหราชอาณาจักรจะออกสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเดิมมีกำหนดช่วงปลายเดือนนี้ แต่รัฐสภาอังกฤษได้ลงมติท่วมท้นเมื่อวันพฤหัสบดี (14 มี.ค.) เรียกร้องให้อียูขยายกำหนดเส้นตายเบร็กซิทออกไป 3 เดือน หรือจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.



อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องนี้จะต้องได้รับความเห็นเป็นเอกฉันท์ชอบจากบรรดาผู้นำอียู ซึ่งจะจัดการประชุมสุดยอดในวันที่ 21-22 มี.ค. ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น บีโอเจได้ปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจในต่างประเทศ เนื่องจากต่าง ส่งสัญญาณชะลอตัวลง และทบทวนมุมมองเกี่ยวกับการส่งออกและผลผลิตของประเทศ



"เมื่อไม่นานนี้ ตัวเลขการส่งออกแสดงให้เห็นถึงความซบเซาบางส่วน" บีโอเจระบุในแถลงการณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจนโยบายของตน ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองที่เลวร้ายกว่าในเดือนม.ค. ที่บีโอเจเคยระบุว่าการส่งออกกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น



ในการประชุมทบทวน อัตราดอกเบี้ย 2 วันซึ่งสิ้นสุดวานนี้ บีโอเจยังคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ไว้ที่ -0.1% และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอยู่ที่ประมาณ 0% โดยคณะกรรมการนโยบายของบีโอเจมีมติเห็นชอบ 7 ต่อ 2 เสียง



นอกจากนั้น บีโอเจยังคง เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นกำลังขยายตัวในระดับปานกลาง แต่เสริมว่า การส่งออกและผลผลิตได้รับผลกระทบจากการเติบโตที่ชะลอตัวลงในต่างประเทศ หลังจากที่แถลงการณ์ในเดือนม.ค. บีโอเจระบุเพียงว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตในระดับปานกลาง



"ภาวะถดถอยอย่างมากในการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม น่าจะเป็นต้นตอใหญ่ของความกังวลสำหรับบีโอเจ ผมคิดว่าบีโอเจกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะรับมือสถานการณ์ได้อย่างไร" มาซายูกิ คิจิคาวะ หัวหน้า นักกลยุทธ์มหภาคของบริษัท ซูมิโตโม มิตซุย แอสเซ็ท แมเนจเมนท์ กล่าว



คิจิคาวะ เสริมว่า ณ ขณะนี้ บีโอเจอาจแย้งได้ว่าความซบเซาทางเศรษฐกิจในปัจจุบันจะอยู่เพียงชั่วคราว แต่จริง ๆ กลายเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากขึ้นเรื่อยๆ และ 3 เดือนข้างหน้าคือช่วงเวลาสำคัญ การส่งออกของญี่ปุ่นหดตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากการส่งออกสินค้าไปจีนชะลอตัว ขณะที่ผลผลิตโรงงานก็ลดลงหนักที่สุดในรอบ 1 ปี ในเดือนเดียวกัน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าความต้องการซบเซาทั่วโลกกำลังบั่นทอนเศรษฐกิจของญี่ปุ่น แหล่งข่าวเผยกับสำนักข่าว รอยเตอร์ว่า หลายคนในบีโอเจคาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะหลุดพ้นจากภาวะซบเซาในปัจจุบันภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เมื่อแผนกระตุ้น ของรัฐบาลปักกิ่งช่วยกระตุ้นความต้องการของจีนและสนับสนุนการเติบโตทั่วโลก



อย่างไรก็ดี บรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า ยังมีความไม่แน่นอนว่าความต้องการทั่วโลกจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วได้อย่างไร ถือเป็นการซ้ำเติมบรรดาบริษัทญี่ปุ่นที่ได้รับ ผลกระทบจากความต้องการที่ชะลอตัวของจีนอยู่แล้ว



ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ บีโอเจแถลงวานนี้ว่า บีโอเจจะยังคงยึดมั่นในเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% แม้เศรษฐกิจในต่างประเทศชะลอตัวลงก็ตาม ขณะที่ บรรดานักการเมืองและ นักเศรษฐศาสตร์ต่างแสดงความกังขาว่าเป้าเงินเฟ้อดังกล่าวเป็นภาวะตึงตัวจากการตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำมากที่สะสมมานานหลายปีหรือไม่



ผลสำรวจของรอยเตอร์ชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์ราว 2 ใน 3 เชื่อว่าเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับดัชนีราคาผู้บริโภค หรือเงินเฟ้อทั่วไปของญี่ปุ่น อยู่ที่ประมาณ 1%



ทาโร อาโสะ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่น กล่าววานนี้ว่า หาก บีโอเจยังยึดติดกับเป้าเงินเฟ้อ 2% มากเกินไป สถานการณ์ต่างๆ ก็อาจเลวร้ายลง ความกังวลใหญ่สุดสำหรับบรรดาผู้กำหนดนโยบายของ บีโอเจคือ การส่งออกและผลผลิตที่ซบเซาลงจะทำลายความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจ ซึ่งจะทำให้บริษัทต่างๆ เลื่อนการใช้จ่ายด้านทุนและปรับขึ้น ค่าแรงออกไป



"บีโอเจจะยืนกรานว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังฟื้นตัวในระดับปานกลางต่อไป หากไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่าญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย" ฮิโรชิ ชิไรชิ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของบริษัทบีเอ็นพี พาริบาส ซีเคียวริตีส์ และว่า "เราคาดว่าสุดท้ายแล้ว บีโอเจจะถูกบีบให้ต้องผ่อนคลายนโยบายราวในปีหน้า เมื่อเศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะขาลง”


Source: กรุงเทพธุรกิจ


- Japan's central bank is now less optimistic about the economy: https://www.cnbc.com/2019/03/15/ban...ary-policy-tweaks-view-on-global-economy.html

 

สหรัฐฯไม่ออกวีซ่าจนท.ศาลโลกสอบทหารทำผิดในอัฟกานิสถาน
สหรัฐฯไม่ออกวีซ่าจนท.ศาลโลกสอบทหารทำผิดในอัฟกานิสถาน
ข่าวต่างประเทศ
By THITIPHAN On มี.ค. 16, 2019


สหรัฐปฏิเสธที่จะออกวีซ่าให้บุคลากรของศาลโลกที่จะมาสอบสวนคดีอาชญากรรมสงครามเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของทหารสหรัฐในอัฟกานิสถาน

นายไมค์ ปอมปีโอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาแถลงเมื่อวันศุกร์ว่าสหรัฐฯจะไม่ออกวีซ่าให้เจ้าหน้าที่ของศาลอาญาระหว่างประเทศ(ICC)ที่จะมาสอบสวนเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกาที่ปฏิบัติการในอัฟกานิสถาน “เรามุ่งมั่นที่จะปกป้องบุคลากรทางทหารและพลเรือนของสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรจากการใช้ชีวิตด้วยความกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมในการดำเนินการเพื่อปกป้องประเทศอันยิ่งใหญ่ของเรา”

สหรัฐอเมริกากล่าวหาว่าศาลอาญาระหว่างประเทศทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับสหรัฐฯมานานแล้วและอ้างว่าศาลสหรัฐฯสามารถออกคำสั่งจำกัดข้อกล่าวหาใดๆของ ICC ที่ละเมิดต่อพลเมืองของสหรัฐ “เราจะคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อ ICC หากยังไม่ละความพยายามในการสอบสวนบุคลากรของสหรัฐอเมริกา”

ในขณะที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ(ICC) ได้ออกแถลงการณ์ว่า “ ศาลเป็นสถาบันตุลาการที่เป็นอิสระและเป็นกลางมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับรองความรับผิดชอบต่ออาชญากรรมภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ”

ในเดือนพฤศจิกายนอัยการ Fatou Bensouda ขอให้ผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศเริ่มการสอบสวนคดีอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่กล่าวหากองกำลังความมั่นคงแห่งชาติอัฟกานิสถานกลุ่มตอลิบานและฮัคคานีรวมทั้งกองกำลังสหรัฐ และเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯในอัฟกานิสถาน “กระทำการทรมานการปฏิบัติที่โหดร้ายและความรุนแรงทางเพศต่อผู้ถูกควบคุมตัวที่เกี่ยวข้องในอัฟกานิสถานและสถานที่อื่น ๆ ช่วงปี 2004 ”

Patty Culhane ของอัลจาซีรารายงานจากวอชิงตันกล่าวว่าผู้ตรวจสอบ ICC กำลังพยายามสอบสวนพฤติกรรมของทหารสหรัฐ “ไม่เพียง แต่ในอัฟกานิสถานเท่านั้น แต่ยังอยู่ในพื้นที่สีดำที่เรารู้ว่าตอนนี้ถูกแพร่กระจายไปทั่วโลกและบางคนบอกว่าผู้ถูกควบคุมตัวถูกทรมาน ”

แอมเนสตี้อินเตอร์เนชันแนลอธิบายว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็น “การโจมตีครั้งล่าสุดในเรื่องความยุติธรรมระหว่างประเทศและสถาบันระหว่างประเทศโดยคณะผู้บริหารของรัฐบาลทรัมป์แม้ว่าจะไม่ได้รับความคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชน”

James Goldston ผู้อำนวยการบริหารของ Open Society Justice Initiative กล่าวว่าคำพูดของปอมปีโอสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของฝ่ายบริหารว่ากฎหมายระหว่างประเทศมีความสำคัญ “เฉพาะเมื่อมันสอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติสหรัฐ”
https://sawasdeenews.com/2019/03/16/สหรัฐฯไม่ออกวีซ่าจนท-ศา/

 

พนักงานดับไฟป่าเสียชีวิต หลังกลับจากดับไฟป่าเนินหอม อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่


สูญเสีย!!! พนักงานดับไฟป่าเสียชีวิตหลังกลับจากลาดตระเวนตรวจสอบและดับไฟป่าเนินหอม ท้องที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เกิดอาการแน่นหน้าอก ทางญาติได้นำส่งโรงพยาบาลปากพลี จ.นครนายก และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

16 มี.ค. 62 - เวลา 09.40 น. นายศิริวัฒน์ ศรีสาผา หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าเขาใหญ่ รายงานเข้ามาว่า นายเรด้า นาดี พนักงานดับไฟป่า ตำแหน่งบุคคลภายนอก (ค่าตอบแทน) สถานีควบคุมไฟป่าเขาใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่ประจำหน่วยดับไฟป่าเคลื่อนที่เนินหอม ได้เสียชีวิตหลังกลับจากการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมไฟป่า ลาดตระเวนตรวจหาไฟป่า และตรวจสอบการเกิดไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ท้องที่ ต.เนินหอม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี หลังได้รับแจ้งจากศูนย์สายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 จำนวน 2 ครั้ง เมื่อเวลา 18.54 น. และ เวลา 19.57 น. ของวันที่ 15 มี.ค.62 จนเสร็จสิ้นภารกิจดังกล่ว ต่อมาเวลา ประมาณ 03.00 น. นายเรด้าฯ ได้เกิดอาการแน่นหน้าอก ทางญาติได้นำส่งโรงพยาบาลปากพลี จ.นครนายก และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

สำหรับศพนายเรด้า นาดี จะตั้งบำเพ็ญกุศลที่สำนักสงฆ์โคกพระ บ้านน้อย หมูที่ 3 ต.นาหินลาด อ.ปากพลี จ.นครนายก ทางเพจส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักในครั้งนี้ด้วยนะคะ

ข้อมูล : ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าชุมพร

http://www.nationtv.tv/main/content/378697679/?qj1

 

Clima Extremo 24

สหราชอาณาจักร



ฝนตกหนักได้ก่อให้เกิดน้ำท่วมโดย พายุ Gareth ในแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษวันนี้ 16 มีนาคม

 

Clima Extremo 24


อัฟริกา



น้ำท่วมฉับพลันทำให้เศษซากต่างๆกีดขวางถนน ในซิมบับเว

 

Clima Extremo 24

อัฟริกา



ความเสียหายที่เกิดจากพายุไซโคลน Idai ทำลายสะพาน ถนน ถนนบ้าน ในจังหวัด Manicaland ในซิมบับเว ในเวลากลางคืน และตอนเช้า วันที่ 16 มีนาคม

 

Clima Extremo 24

อัฟริกา



ชายคนนี้ช่วยเด็กที่ถูกน้ำท่วมจากเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันในแม่น้ำ Jukskei ใน Alexandra เมือง Johannesburg ประเทศแอฟริกาใต้

 

Clima Extremo 24

อัฟริกา



สะพาน ถนนถูก พัดพาเนื่องจากพายุไซโคลน Idai ใน Chimanimani, ซิมบับเว ซึ่งเป็นภัยพิบัติร้ายแรง

พวกเขารายงานฟิลด์ที่ถูกทำลาย, ที่พักอาศัยที่ถูกทำลาย, ไฟฟ้าดับ, การสื่อสาร, โรงเรียนและโรงพยาบาลอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ชีวิตก็หายไปเช่นกัน

 

Clima Extremo 24

อัฟริกา



น้ำท่วมทำลายล้างที่กระทบ ซิมบับเว โดย พายุ Idai ทำให้สูญเสียวัว พืชผล บ้าน ถนน และพาทุกอย่างไปในเส้นทางของมัน

 

Clima Extremo 24

อัฟริกา



พายุไซโคลน Idai ที่ทำให้เกิดการทำลายล้างในโมซัมบิก ที่พายุพัดเข้ามาในแผ่นดิน ใน Beira

พายุไซโคลนทรงพลังที่ใน แผ่นดินโมซัมบิก ในวันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม ตอนเวลากลางคืน โจมตีเมืองชายฝั่งด้วยฝนตกหนัก และลมแรงด้วยความเร็วสูงถึง 170 กม. ต่อชั่วโมงและทำร้ายผู้คนได้หลายคน

ในเมือง Beira มีประชากรประมาณ 500,000 คนและเป็นประตูสู่การนำเข้าสู่ประเทศ ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในแอฟริกาตะวันออกเฉียงใต้ที่มีโปสเตอร์ และหลังคาหลังคาบ้าน ต้นไม้ และสายไฟกระจายอยู่ตามถนน .

สถานีโทรทัศน์โมซัมบิก TVM รายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อยห้าคน

พายุไซโคลน idai ทำให้ฝนตก น้ำมากขึ้น และก่อให้เกิดการทำลายล้างในบริเวณที่มีผู้คน มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคนไปแล้ว และน้ำท่วมใหญ่หลายหมื่นคนต้องพลัดถิ่น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

บริการฉุกเฉินของรัฐบาลโมซัมบิกยังไม่ได้แจ้งข่าวสารล่าสุด มีการคาดการณ์ว่าพายุจะกระทบส่วนต่าง ๆ ของมาลาวี

ในขณะที่มันเคลื่อนตัวเข้าฝั่งในวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม ระบบสภาพอากาศจะลดลง แต่คาดว่าจะยังคงมีฝนตกชุกและน้ำท่วมถึง เป็นวงกว้างในจังหวัดของ Sofala และ Manica ทางปลายด้านตะวันออกของซิมบับเวและมาลาวีใต้ .

บริการอุตุนิยมวิทยากล่าว