ติดตามสถานะการณ์

Clima Extremo 24

สหรัฐอเมริกา
ลูกเห็บที่ตกใน Possum Grape และในส่วนต่าง ๆ ของ Arakansas ในบ่ายวันพุธที่ 15 พฤษภาคม

 

Clima Extremo 24
MEXICO
พายุลูกเห็บและฝนได้ตกลงมาที่สนามบินนานาชาติกรุงเม็กซิโกซิตี้ ได้หยุดปฏิบัติการเป็นเวลาประมาณ 20 นาทีสำหรับน้ำที่เข้าสู่อาคาร 1 ในวันที่ 15 พฤษภาคม

 

Clima Extremo 24

บราซิล
พายุทอร์นาโดถูกพบที่ปอร์ตูอาเลเกร (Porto Alegre)เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม

 

Clima Extremo 24
บราซิล
กำแพงพังลง หลังดินถล่มเนื่องจากฝนตกหนักในSão Raimundo, Manaus, 15 พฤษภาคม

 

Clima Extremo 24
บราซิล
กำแพงพังลง หลังดินถล่มเนื่องจากฝนตกหนักในSão Raimundo, Manaus, 15 พฤษภาคม

 

Clima Extremo 24

บราซิล
ภาพน้ำท่วมและฝนตกหนักมากขึ้นในมาเนาส์ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม

 

สายข่าว จิตอาสา

ตึกถล่มใจกลางเซี่ยงไฮ้ ช่วยชีวิตออกจากซากหักพังได้ 19 คนแล้ว

เกิดเหตุอาคารใจกลางนครเซี่ยงไฮ้ที่อยู่ระหว่างการซ่อมแซมปรับปรุงเป็นศูนย์การค้าถล่มพัง ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยและดับเพลิงกว่า 150 คน กำลังเร่งช่วยผู้เคราะห์ที่ถูกฝังในซากหักพังออกมา รายงานเบื้องต้นเผยว่ามีคนหายไป 9 คน เหตุเกิดเมื่อเวลา 11.20 น. ของวันนี้(16 พ.ค.)

คลิกอ่านรายละเอียด
https://mgronline.com/china/detail/9620000046968

 

สี จิ้นผิง เรียกร้องให้ประเทศเอเชีย ผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียว ต่อต้าน ตอบโต้ การกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ

.
ในพิธีเปิดการประชุม Conference on Dialogue of Asian Civilizations ที่กรุงปักกิ่งวานนี้ (15 พ.ค.) นายสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวสุนทรพจน์เรียกร้องให้ประเทศต่างๆในเอเชีย ผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่อต้าน ตอบโต้ การกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ ประชาชนในเอเชียต่างต้องการให้เอเชียเปิดกว้างและเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกประเทศจึงควรร่วมกันสร้างชุมชนแห่งเอเชียเพื่ออนาคตที่ดีร่วมกัน
.
สี จิ้นผิง ย้ำถึงเรื่องจิตวิญญาณของการเปิดกว้างและการส่งเสริมการค้า เพราะการที่บางประเทศมีความพยายามที่จะเปลี่ยนโฉมความเจริญของประเทศอื่น โดยมีความคิดที่ว่า ความเจริญของตนเองนั้นเหนือกว่า ถือเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเท่าไรนัก
.
คำกล่าวของสี จิ้นผิง เป็นการกล่าวถึงสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีความพยายามผลักดันให้จีนเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินการทางการเมืองและธุรกิจ ที่สหรัฐฯมองว่าไม่เป็นธรรม
.
การประชุม Conference on Dialogue of Asian Civilizations ที่กรุงปักกิ่ง มีเจ้าหน้าที่และผู้แทนประเทศกว่า 2,000 คนในสาขาวัฒนธรรม การศึกษา และการท่องเที่ยว จากประเทศต่างๆ 50 ประเทศในเอเชีย และประเทศในภูมิภาคอื่นที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุม ซึ่งจะจัดไปจนถึงเดือนสิงหาคมนี้
.

 

วาทะเด็ด สี จิ้นผิง ในห้วงที่สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ กำลังหนักหน่วงขึ้น

.
ที่การประชุม Conference on Dialogue of Asian Civilizations ณ กรุงปักกิ่ง วานนี้ (15 พ.ค.) ตอนหนึ่งในสุนทรพจน์ของท่านผู้นำสี จิ้นผิง ที่กล่าวถึงสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังผลักดันจีนให้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินการทางการเมืองและธุรกิจ ที่สหรัฐฯมองว่าไม่เป็นธรรม
.
ท่านผู้นำสี จิ้นผิง กล่าวว่า “...ความพยายามที่จะเปลี่ยนโฉมความเจริญของประเทศอื่น โดยมีความคิดที่ว่า ความเจริญของตนเองเหนือกว่าประเทศอื่น เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดนัก...”
.
จากนั้นท่านผู้นำสี จิ้นผิง ขอให้ชาวเอเชียร่วมกันปลุกชาติ ผนึกกำลังต่อต้านการกีดกันทางการค้าที่ก่อขึ้นโดยสหรัฐฯ ซึ่งท่านผู้นำสี จิ้นผิง มีสุนทรพจน์อีกบทหนึ่งกล่าวถึงสงครามทางการค้านี้ว่า...
.
“...เศรษฐกิจจีนนั้นกว้างใหญ่กว่าทะเล ไม่ใช่สระขนาดเล็ก พายุฝนอาจทำลายสระขนาดเล็กได้ แต่ไม่สามารถทำอะไรทะเลได้ และต่อให้เกิดพายุฝนนับครั้งไม่ถ้วน ทะเลก็ยังคงเป็นทะเลต่อไป...”
.

 

กลุ่มกบฏนักรบฮูติ(นักรบเกิบแตะ)ในเยเมน ออกมาอ้างความรับผิดชอบในการโจมตีท่อน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย

 

สหรัฐขึ้นบัญชีดำห้ามใช้ "หัวเว่ย" และบริษัทในเครืออีก 70 แห่งในรายชื่อ"แอนตี้ลิสต์" หลังทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินรับมือภัยคุกคามด้านไอทีจากต่างชาติ
.
https://www.posttoday.com/world/589272

 

บ่ายนี้เย็นฉ่ำฟ้าเมืองจอมทอง ฝนตกลงมาติดต่อกันสองวันแล้ว
ช่วงนี้คงเข้่าสู่ฤดูฝนของบ้่านเรา
ส่วนลำน้ำแม่กลางมีสีขุ่น มีปริมาณน้ำไหลนองมาก
เครดิตภาพ เพื่อนสมาชิกในเฟส

 

บรรยากาศผู้คนเดินทางไปซื้อปลาทับทิม ที่ตายเกลื่อนจากฝนตกหนัก ที่กระชังปลาน้ำปิง เหนือฝายวังปาน ต.สบเตี๊ยะ อ.จอมทอง หรือที่เรียกว่า ปลาน๊อคน้ำ
โดยขายเหมาเป็นกิโลกรัมละ 30-50 บาท มีผู้คนจำนวนมากมาช่วยเหลือเกษตรกรชาวประมงจอมทองที่ประสบปัญหาปลาน๊อคน้ำ
.
.
.
.
.
.
เครดิตภาพ Natrakorn Buakhom

 

ร่างกฎหมายใหม่‼️ เพิ่มโทษคนขายล็อตเตอรี่เกินราคา โทษหนักถึงจำคุก 1 เดือน ปรับ 10,000 บาท

 

พ.ร.บ. โรงงานฉบับแก้ไข เปลี่ยนอะไรบ้าง?

ประกาศเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ พ.ร.บ. โรงงานฉบับแก้ไข ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 ตุลาคม 2562 นี้แล้ว ใครที่ยังสงสัยว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างสามารถคลิกอ่านเต็มๆ ได้ที่ >>> http://oaep.diw.go.th/diw_info/infographic/company14.html

#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #พรบโรงงาน

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(May 16) เศรษฐกิจไทยโต 4% แค่ฝันหวาน ภาครัฐ-เอกชน จ้องหั่นจีดีพีรอบใหม่ : ภาพรวมครึ่งปีแรก2562 เศรษฐกิจประเทศไทยมีทรงกับทรุด แม้จะผ่านพ้นการการเลือกตั้งไปเรียบร้อยแล้ว เหตุหวั่นรัฐบาลใหม่ไร้เสถียรภาพ ภาคเอกชนไม่กล้าลงทุน ภาคประชาชนรายได้ไม่พอใช้ คาดรัฐออกมาตรการกระตุ้น แต่ทำได้ค่าประคองตัว ส่วนภาพรวมทั้งปีโอกาสเติบโต4% ตามเป้าหมายเดิมยาก ขณะที่ทั้งหน่วยงานรัฐ-เอกชน เตรียมทบทวนตัวเลขครึ่งปีแรก ก่อนจะปรับลดประมาณการจีดีพีใหม่อีกรอบ
สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงปัญหาภายในประเทศ ส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2562 ที่เคยตั้งเป้าไว้ 4% ดูเหมือนจะไม่มีทางเป็นไปได้ หลังจากตัวเลขสำคัญๆทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกที่ผ่านมาต่างปรับตัวลดลง จึงกลายเป็นงานที่หนักสำหรับรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน แม้จะไม่เข้าวิกฤต แต่ก็ย่ำแย่ไม่น้อย เห็นได้จากอัตราการเติบโตอยู่ในระดับที่ต่ำสุด หรือต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกันเสียด้วยซ้ำ
เริ่มที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ไทยปี 2562 เหลือโต 3.8% จากก่อนหน้านี้คาดเติบโต 4.0% หลังคาดมูลค่าการส่งออกหดตัวเหลือโต 3.4% จากเดิมคาดจะขยายตัวได้ 4.5% ตามทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก และนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงการตอบโต้จากประเทศต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีความวิตกกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลและสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคตอาจมีความไม่แน่นอนและขาดเสถียรภาพ และความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้งที่อาจส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรและการหารายได้ของประชาชน รวมถึงระดับราคาน้ำมันขายปลีกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แรงกระเพื่อมเริ่มมีต่อเนื่อง เมื่อ “ทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส” ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รายงานว่า ที่ประชุม กนง.มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% ต่อปี โดยประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ที่ 3.8% เพราะการส่งออกและการลงทุนลดลงจากเศรษฐกิจโลกผันผวน ขณะที่ปัจจัยในประเทศคือเรื่องการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ที่เป็นผลจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้การปรับประมาณการจีดีพีรอบใหม่จะเกิดขึ้น26มิ.ย.นี้
สอดคล้องกับ “ดอน นาครทรรพ” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. ยอมรับว่าไตรมาสแรก จีดีพีมีโอกาสโตต่ำกว่า 3.4% ที่ ธปท.ได้คาดการณ์ไว้ก่อน และอาจต่อเนื่องจนถึงไตรมาส2 ที่คาดอยู่ที่ระดับ 3% ด้วย เพราะแนวโน้มไตรมาส 2 เศรษฐกิจจะขยายตัวไม่ได้ดีมาก เนื่องจากภาคส่งออกยังคงติดลบ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังคาดการณ์ได้ยากอยู่ มีเพียงภาคท่องเที่ยวที่เป็นบวกดีขึ้น
เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งหนักขึ้น เมื่อ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบไปด้วย ส.อ.ท. หอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย รายงานว่า ที่ประชุมเห็นว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ขยายตัวต่ำกว่าในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ที่ขยายตัว 3.7% จากการส่งออกหดตัว ส่งผลกระทบต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ การท่องเที่ยวเติบโตในทิศทางชะลอตัว รวมถึงการใช้จ่ายภายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ทำให้ในช่วงที่เหลือของปี 2562 มองว่า แนวโน้มการส่งออกของไทยจะยังคงถูกกดดันจากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน จากภาวการณ์ชะลอตัวของเศรษฐกิจหลักอย่างสหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป เนื่องจากข้อพิพาททางการค้ามีแนวโน้มจะกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง
ขณะเดียวกันแม้จะมีมาตรการพยุงเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและมาตรการด้านภาษี คาดว่าจะมีส่วนช่วยประคองเศรษฐกิจในช่วงรอยต่อทางการเมืองได้ระดับหนึ่ง แต่ทิศทางการใช้จ่ายภายในประเทศหลังจากนี้ โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ยังคงต้องรอความชัดเจนทางการเมืองและนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
เหมือนกับ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2562 ลงมาที่ 3.7% จากเดิมที่ 4.0% พร้อม เชื่อว่าโจทย์แรกของรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาแก้ไข คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าทำผ่าน 3 มาตรการได้แก่ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร, การเพิ่มสวัสดิการผู้มีรายได้ และมาตรการหักลดหย่อนภาษี โดยอาจจะทำทั้งหมดหรือบางข้อก็ได้ แต่จะเป็นมาตรการระยะสั้นที่เม็ดเงินหลักหมื่นล้านบาทหรือประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท จึงประเมินว่าจะช่วยกระตุ้นจีดีพี 0.2-0.4% และน่าจะมีผลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในไตรมาส 4 นั่นหมายถึงจะทำให้จีดีพีในครึ่งปีหลังเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรกที่ใกล้ๆ 4% จากคาดการณ์ครึ่งปีแรกที่ 3.3%
“พชรพจน์ นันทรามาศ” ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะโตไม่ถึงเป้า 3.8% เนื่องจากในครึ่งปีแรก "ชะลอตัว" กว่าที่คาดไว้ว่าจะโตได้ 3-3.5% ส่วนจีดีพีในไตรมาส 2 ไม่น่าจะแย่ และหากต้องการให้เศรษฐกิจโตได้ตามเป้าปีนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องกระตุ้นให้เติบโตได้ 4.5% ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แม้ว่าภาพรวมการส่งออกจะเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าอย่างจีน ยังไม่ได้กลับมาเติบโตมากนัก และถึงแม้จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่เศรษฐกิจไทยจะยังฟื้นตัวไม่ได้เร็วและแรงนัก
ส่วนด้านวงการตลาดทุน “ไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย แสดงความเห็นถึงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนพฤษภาคมว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงเล็กน้อยอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) เป็นเดือนที่สอง โดยพบว่าปัจจัยในประเทศจากสถานการณ์การเมืองภายหลังการเลือกตั้ง เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ขณะที่เสถียรภาพรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งและผลการเจรจานโยบายการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน
อย่างไรก็ตามสถานการณ์เศรษฐกิจถดถอยไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแต่ในประเทศไทยเท่านั้น เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกชะลอตัวทำให้ในหลายประเทศต่างเร่งแก้ไข หรือออกมาตรการรับมือเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน เห็นได้จาก “ศรชัย สุเนต์ตา” ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลด้านการลงทุนและที่ปรึกษาการลงทุน (CIO Office) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ปีนี้เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ของโลก มีแนวโน้มเติบโตชะลอลงในทิศทางเดียวกัน (Synchronize Slowdown) สอดคล้องกับที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก (GDP) ในปี 62 ลงอยู่ที่ 3.3% จาก 3.5%
ขณะที่ธนาคารกลางหลัก ๆ ทั่วโลก ยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในไตรมาส 2/62 ซึ่งส่งผลให้สภาพคล่องในระบบปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางจีน (PBoC) ซึ่งเศรษฐกิจมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจโลก ทำให้มองว่าอัตราดอกเบี้ย ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ
แต่อย่างไรก็ตามหากเครื่องชี้วัดต่าง ๆ ในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เฟดอาจส่งสัญญาณเปลี่ยนมุมมองต่อนโยบายการเงิน (Monetary Policy Stance) เป็นโทนเชิงเข้มงวดมากขึ้น (Hawkish) เพื่อเตือนตลาด
ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง โดย SCB-EIC คาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 62 อยู่ที่ 3.6% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 3.8% จากการส่งออกสินค้าที่ลดลงมากกว่าคาด ขณะที่กนง. มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% ตลอดปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอลงมากกว่าคาด และอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ
จากภาพรวมดังกล่าว คงต้องจับตาดูว่ารัฐบาลใหม่ที่ได้มาจากการเลือกตั้ง จะใช้วิธีใดเข้ามาแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ เพราะความเชื่อมั่นของประชาชน และภาคเอกชน นับวันมีแต่ถดถอยลงไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ช้าไว้คงไม่เข้าที ท้ายที่สุดจากบวกอาจการเป็นลบได้
Source: ผู้จัดการออนไลน์
https://mgronline.com/stockmarket/detail/9620000046980

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(May 16) ธปท.ลั่นอย่าตกใจหากไทยตกอยู่ในรายชื่อปท.แทรกแซงค่าเงิน เหตุการเงินดุลบัญชีเดินสะพัด-ดุลการค้าไทยสูง : ธปท.ชี้ กรณีที่ไทยอาจตกอยู่ในรายชื่อของสหรัฐ ที่เข้าข่ายแทรกแซงค่าเงิน ชี้มาจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดและการเกินดุลการค้ากับสหรัฐสูง ยืนยันไม่มีนโยบายแทรกแซงค่าเงิน หวังได้เปรียบทางการค้า ลั่นไม่กระทบต่อศก.-การทำนโยบายธปท. เตรียมปรับจีดีพีต่ำ3.8%

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า กรณีที่ประเทศไทยอาจเข้าข่าย อยู่ใน20-25ประเทศ หลังสหรัฐมีการเพิ่มจำนวนประเทศ ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ ว่าอาจแทรกแซงค่าเงินบาทนั้น เชื่อว่า ไม่เป็นประเด็นที่น่ากังวล และอย่าตกใจ หากเทศไทยมีรายชื่ออยู่ในประเทศที่ถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะไทยมีการเกินดุลทางการค้า และการเกินดุลการค้ากับสหรัฐค่อนข้างสูง ทำให้อาจมีรายชื่อประเทศไทยอยู่รายชื่อของสหรัฐที่กล่าวถึงได้

แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ธปท.มีการคุยกับทางการของสหรัฐต่อเนื่อง ว่าประเทศไทยไม่มีนโยบายในการเข้าไปบริหารจัดการค่าเงินบาท เพื่อความได้เปรียบทางการค้า ดังนั้นอย่าไปตกใจ เพราะการที่อยู่ในประเทศเหล่านั้นไม่มีผลกระทบประเทศไทย และไม่มีผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเงินของไทย

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ ภายใต้ท่ามกลางบรรยากาศทางการค้า และมีแนวโน้มการกัดกันทางการค้ามากขึ้น และอาจมีมาตรการอื่นๆตามมาอีก เรื่องพวกนี้ความไม่นนอนสูง ซึ่งจะมีผลต่อไทยแน่นอน โดยเฉพาะด้านการส่งออกและกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชน ดังนั้นคาดว่า ภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ ธปท.เตรียมจะทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ในเดือนมิ.ย. โดยคาดว่า มีเศณษฐกิตมีแนวโน้มต่ำกว่าที่ประเมินไว้ ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.8% จากเดิมที่คาดว่าสงครามการค้า จะมีข้อยุติหรือทางออก

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

สำนักข่าวอาเซี่ยน
ฟิลิปปินส์เรียกทูตกลับหลังแคนาดาขนขยะใส่ตู้สินค้านับร้อยมาทิ้งไว้
.
มะนิลา 16 พ.ค.- เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์แถลงวันนี้ว่า ฟิลิปปินส์ได้เรียกเอกอัครราชทูตและกงสุลประจำแคนาดากลับประเทศ เพื่อประท้วงกรณีที่แคนาดาไม่ยอมทำตามเส้นตายรับตู้คอนเทนเนอร์ขยะกว่าร้อยตู้ที่แคนาดานำมาทิ้งไว้ในฟิลิปปินส์ช่วงปี 2556-2557
.
สงครามขยะครั้งนี้นับเป็นความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดล่าสุดระหว่างแคนาดากับฟิลิปปินส์ในยุคประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตซึ่งประกาศเมื่อเดือนที่แล้วให้แคนาดารีบนำตู้คอนเทนเนอร์ขยะนับร้อยกลับประเทศไป และนำบางส่วนมากองทิ้งไว้ที่สถานทูตแคนาดาในกรุงมะนิลา หากแคนาดายังไม่ยอมรับขยะกลับไป โดยกำหนดเส้นตายภายในวันที่ 15 พฤษภาคม
.
โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีแถลงข่าวว่า การเรียกทูตกลับเป็นการแสดงท่าทีอย่างจริงจังว่าฟิลิปปินส์ต้องการให้แคนาดาขนขยะกลับไป มิฉะนั้นจะลดระดับความสัมพันธ์
.
ขยะแคนาดาที่ขนส่งมาในตู้คอนเทนเนอร์กว่า 103 ตู้เป็นขยะตามบ้านเรือน ขวดและถุงพลาสติก หนังสือพิมพ์ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ใช้แล้ว ของที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ และขยะพิษถูกส่งมาทิ้งในฟิลิปปินส์เมื่อ 5-6 ปีก่อน
.
ตู้คอนเทนเนอร์ขยะส่วนมากยังค้างอยู่ที่ท่าเรือสองแห่งทั้งที่มะนิลาและซูบิก ท่ามกลางเสียงประท้วงจากนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชน ประธานาธิบดีดูเตอร์เตประกาศกร้าวว่าพร้อมทำสงครามกับแคนาดาหากยังไม่รีบมาเก็บขยะ.

 

สำนักข่าวอาเซี่ยน
มาเลเซียควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 3 คนวางแผนก่อเหตุโจมตี 2 ประเทศ
.
กัวลาลัมเปอร์ 16 พ.ค. – มาเลเซียควบคุมตัวชาย 3 คน ที่สงสัยว่าจะสนับสนุนกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ซึ่งเป็นกลุ่มมุสลิมติดอาวุธที่มีแนวคิดสุดโต่งและวางแผนที่จะก่อเหตุโจมตีในอินโดนีเซียและมาเลเซีย
.
มาเลเซียและอินโดนีเซียอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมท่ามกลางความหวั่นเกรงว่า สาวกของกลุ่มไอเอส.กำลังวางแผนก่อเหตุโจมตีหลังจากพ่ายแพ้ในตะวันออกกลาง
.
อับดุล ฮามิด บาดอร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของมาเลเซีย กล่าวว่า นูรุดดิน อาลีลี ชาวอินโดนีเซีย วัย 34 ถูกจับตัวได้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่นอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย
เนื่องจากมีแหล่งข่าวแจ้งมา เขาเรียนรู้แนวความคิดของไอเอส.ในระหว่างที่รับโทษจำคุก 5 ปี ในอินโดนีเซีย เขามีส่วนเกี่ยวข้องในการวางแผนโจมตีบุคคลสำคัญที่เป็นที่รู้จัก และก่อเหตุโจมตีสถานที่สำคัญทางศาสนาของชาวคริสต์ ฮินดูและชาวพุทธ รวมทั้งสถานบันเทิงต่างๆ รอบ ๆ กรุงกัวลาลัมเปอร์
.
ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 2 คน คือ มูฮัมหมัด ซายาซานิ มาห์ซาน และมูฮัมหมัด นูรุล อามิน อาซิซาน เป็นชาวมาเลเซีย ถูกจับกุมเมื่อวันอังคารที่รัฐเคดาห์ ทางตอนเหนือของมาเลเซีย ทั้งสองคนเข้ารับการอบรมการทำระเบิดในเมืองยอกยาการ์ตา ของอินโดนีเซียในปี 2018 ที่จัดขึ้นโดยกลุ่มเจมาห์ อันชารุต เดาละห์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับกลุ่มไอเอส.
.
นอกจากนั้น ทั้งสองยังสำรวจโบสถ์หลายแห่งในยอกยาการ์ตา เพื่อก่อเหตุโจมตี เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ทั้งสองคน ซึ่งอายุ 27 ปี เท่ากัน เข้ามอบตัวหลังจากที่สมาชิกในครอบครัวตกลงให้ความร่วมมือกับตำรวจ.

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(May 16) สหรัฐออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่การทูตในกลุ่มงาน nonemergency ย้ายออกจากประเทศอิรัก : ความกังวลต่อความขัดแย้งระหว่างอิรักและอิหร่าน ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ส่งผลให้ U.S. State Department ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทางการทูตในกลุ่มงาน nonemergency ย้ายออกจากประเทศอิรักทันที รวมถึงกล่าวหาว่า อิหร่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันดิบ และ facilities ในเขตอ่าวเปอร์เซีย โดยสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงแบกแดดและอาร์บิลจะยุติการให้บริการวีซ่าชั่วคราว ขณะที่สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเบรุตประกาศเตือนให้ชาวอเมริกันในเลบานอนเพิ่มความระมัดระวังในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเกรงถึงอันตรายจากกองทัพและพรรคการเมืองกลุ่ม Hezbollah ซึ่งเป็นพันธมิตรของอิหร่าน

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ได้เริ่มส่งกำลังพลเข้าประจำการในเขตอ่าวเปอร์เซียตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ค. รวมถึงการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินและเครื่องบินทิ้งระเบิด ขณะที่นาย Ali al-Ghanemi, Member of the Security and Defence Committee In Parliament กล่าวว่าการกระทำของสหรัฐฯ เป็นการทำสงครามจิตวิทยากับอิรัก

Source: BoTSS