MGROnline Live
สยอง!! ‘ท่อน้ำร้อนแตก’ ท่วมห้องโรงแรมในรัสเซีย ลวกแขกดับ 5 ศพ
เหยื่อเคราะห์ร้าย 5 คนถูกน้ำร้อนลวกเสียชีวิตคาห้องในโรงแรมแห่งหนึ่งที่เมืองเพิร์ม (Perm) ของรัสเซียวันนี้ (20 ม.ค.) หลังเกิดเหตุอุบัติเหตุท่อน้ำร้อนระเบิดกลางดึก จนทำให้น้ำที่ร้อนจัดไหลเข้าท่วมห้องพักซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินของอาคาร
คลิก>> https://mgronline.com/around/detail/9630000006149
#MGROnline
ติดตามสถานะการณ์
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.
หน้า 3385 ของ 11136
-
-
ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี
#กรมควบคุมโรคคาดว่ามีผู้ป่วยไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 มากกว่า 200 คนใน3เมืองของจีนคือ อู่ฮั่น เซินเจิ้น และปักกิ่ง
ซึ่งแม้จะยังไม่ห้ามการเดินทางไป3เมืองนี้ แต่ย้ำข้อควรระวังคือไม่ควรไปตลาดสดที่ขายซากสัตว์หรืออาหารป่า/ไม่ไปยังรพ.ที่คาดว่าจะมีเชื้อโรคสะสมอยู่มาก@TNAMCOT
-
คุณภาพน้ำในช่วงภัยแล้ง ค่าไหนคืออะไร และมีผลกับน้ำประปาอย่างไรบ้าง มาทำความเข้าใจไปพร้อมกันครับ
-
น่ากลัวมาก.. ยอดผู้ติดเชื้อเชื้อไวรัสโคโรน่า ปอดอักเสบในจีน พุ่งเกิน 200 รายแล้ว พบผู้ป่วยในเมืองอื่น รวมทั้งปักกิ่ง
-
อื้อหือ! #ฝุ่นกรุงเทพ ว่าแย่แล้ว มาดูเมืองที่อากาศแย่สุดในโลก หน้าตาเป็นแบบนี้
#เมืองลาฮอร์ #PM25
-
ที่นี่... สุวรรณภูมิ
#ฝุ่นPM25 ปกคลุมทั่วพื้นที่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ อ.บางพลี สมุทรปราการ เวลา 13.00 น. (20 ม.ค. 63) ล่าสุด กรุงเทพ ขึ้นอันดับ 7 อากาศแย่ที่สุดในโลก ค่า AQI อยู่ที่ 167
#PM25 #ฝุ่นพิษ #ฝุ่นกรุงเทพ #ไทยรัฐ
-
บราซิล 20 ม.ค. - พายุฝนพัดถล่มบราซิล ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในรัฐทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน
พายุฝนที่พัดถล่มบราซิล ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในรัฐเอสปิริโต ซานโต ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ทางการยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน ขณะที่เมืองอินคอนญา และเมืองอัลเฟรโด ชาเวส ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
เนื่องจากได้รับความเสียหายอย่างหนัก รถยนต์จำนวนมากถูกพัดลอยไปกับกระแสน้ำ บ้านเรือนประชาชน ร้านค้า และท้องถนน ถูกปกคลุมไปด้วยดินโคลน ชาวบ้านแจ้งต่อทางการว่า มีผู้เคราะห์ร้ายถูกกระแสน้ำพัดหายไป 1 คน และจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม ขณะที่ยังไม่มีการยืนยันว่ามีผู้สูญหายจำนวนกี่คน. - สำนักข่าวไทย
-
Setiawan
#INGVvulcani รายงานว่าในวันที่ 18 มกราคมเวลา 21:36 UTC ลาวาไหลขนาดเล็กถูกพบที่ภูเขาไฟ #Stromboli ประเทศอิตาลี
ภาพ # Sentinel2 นี้ได้รับก่อนเหตุการณ์ 11 ชั่วโมงแสดงกิจกรรมปานกลางที่ยอดปล่องภูเขาไฟ
#INGVvulcani reports that on 18 January, at 21:36 UTC, a small lava flow has been spotted at the #Stromboli volcano, Italy.
This #Sentinel2 image, acquired 11 hours before the event, shows moderate activity at the summit craters
-
Setiawan
พายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงยังคงส่งผลกระทบต่อภาคใต้ของรัฐ NSW ด้วยฝนตกหนัก ลมที่สร้างความเสียหาย และลูกเห็บขนาดใหญ่ที่โหดร้าย
ออสเตรเลีย 20 มกราคม 2563
Severe thunderstorms continue to impact southern NSW with heavy rain, damaging winds and brutal large hail
Australia Jan20 2020
-
เกาหลีใต้พบผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่คนแรก โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน วัย 35 ปี นับเป็นผู้ป่วยนอกประเทศจีนคนที่ 4 หลังจากไทยพบผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2 คน และญี่ปุ่นพบ 1 คน #ThaiPBSnews
-
มาเลเซียส่งคืนขยะพลาสติกแล้ว 150 ตู้คอนเทนเนอร์
.
มาเลเซีย 20 ม.ค.- มาเลเซียส่งคืนขยะพลาสติกจำนวน 150 ตู้คอนเทนเนอร์ ไปยัง 13 ประเทศต้นทาง นับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว โดย รมต.สิ่งแวดล้อมมาเลเซีย ย้ำจะไม่ยอมเป็นที่ทิ้งขยะของโลก
.
นับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว มาเลเซียส่งคืนขยะพลาสติกจำนวน 150 ตู้คอนเทนเนอร์ ไปยัง 13 ประเทศต้นทาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศร่ำรวยกว่า โดยนางสาวเยียว บี ยิน รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม ย้ำว่ามาเลเซียจะไม่ยอมเป็นที่ทิ้งขยะของโลก และในช่วงกลางปีนี้ จะส่งคืนขยะพลาสติกอีก 110 ตู้คอนเทนเนอร์
.
ความสำเร็จของมาเลเซียในการส่งคืนขยะพลาสติกไปยังประเทศต้นทาง มาจากมาตรการเข้มงวดในการตรวจตราตามท่าเรือต่างๆ เพื่อสกัดกั้นการนำเข้ามา และยังได้สั่งปิดโรงงานรีไซเคิลขยะพลาสติกที่ผิดกฎหมายได้กว่า 200 แห่ง ขยะพลาสติกจำนวนมากซึ่งไม่เป็นที่ต้องการได้ถูกส่งมาที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจีนสั่งห้ามนำเข้าขยะพลาสติกมาตั้งแต่ปี 2561.
-
เกษตรกรชาวอำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ รวมกลุ่มปลูกมะเขือเทศลูกผสมทนสภาพอากาศแล้งขายเมล็ดพันธุ์กิโลกรัมละ 12,000 บาท เผยเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ในฤดูแล้ง ได้ผลผลิตดีกว่าปลูกข้าวนาปรัง และพืชหน้าแล้งชนิดอื่น ระบุมีรายได้ขั้นต่ำ 70,000 - 300,000 บาท
.
อ่านต่อได้ที่ : https://www.nongkungsri.com/content/8219
-
เตือนภูเขาไฟตาอัล ในฟิลิปปินส์ กำลังสะสมพลังรอบใหม่
.
มะนิลา 20 ม.ค.- ผู้เชี่ยวชาญฟิลิปปินส์เตือนว่า ภูเขาไฟตาอัลที่ปะทุพ่นกลุ่มเถ้าขนาดใหญ่ไปเมื่อวันที่ 12 มกราคม มีความเสี่ยงสูงที่จะปะทุใหญ่อีก เพราะขณะนี้กำลังสะสมพลังจากหินหนืดหรือแมกมาที่เป็นสารเหลวใต้เปลือกโลกและเริ่มพ่นแก๊สพิษออกมามากขึ้น
.
ผู้อำนวยการสถาบันภูเขาไฟวิทยาและแผ่นดินไหววิทยาฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุในประเทศวันนี้ว่า ยังคงเกิดแผ่นดินไหวหลายระลอกที่ภูเขาไฟตาอัล จังหวัดบาตังกัส ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางใต้ราว 70 กิโลเมตร และมีการพ่นแก๊สออกมามากขึ้น ส่งสัญญาณว่าใต้ภูเขาไฟกำลังมีแมกมาไหลเข้าไปสะสมพลังครั้งใหม่ หากแมกมาไหลขึ้นมาถึงปากปล่องภูเขาไฟก็จะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง
.
ทางการฟิลิปปินส์ ประกาศเขตห้ามเข้ารอบภูเขาไฟในรัศมี 14 กิโลเมตร เพราะเป็นรัศมีที่ภูเขาไฟจะพ่นหินร้อน แมกมา และอาจทำให้อ่าวรอบภูเขาไฟเกิดสึนามิขึ้นได้
.
นอกจากนี้ยังขอให้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในเมืองตาไกไตปิดทำการไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว หลังจากเพิ่งเปิดอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ก่อนเนื่องจากภูเขาไฟมีท่าทีสงบลง
.
ภูเขาไฟตาอัลสูงเพียง 311 เมตร เป็นภูเขาไฟลูกเล็กที่ทรงพลังมากที่สุดลูกหนึ่งของโลก เคยคร่าชีวิตคนไปมากไม่ต่ำกว่า 1,300 คนเมื่อครั้งปะทุใหญ่ในปี 2454.
-
Bank of Thailand Scholarship Students
(Jan 20) สมคิด’ลั่น! แก้บาทแข็ง ทุกฝ่ายต้องร่วมมือ : สมคิด ยันไม่จำเป็นตั้งแก้บาทแข็งเป็นวาระแห่งชาติ ยํ้าทุุกฝ่ายต้องร่วมมือ ผลักดอลลาร์ออกนอกประเทศ ตลาดมองบาทยังแข็งต่อ เหตุเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูง แนะรัฐเข็นมาตรการหนุนลงทุนนอก นำเข้าสินค้าทุน หวังลดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลง บาทแข็งยังเป็นโจทย์กััดกร่อนเศรษฐกิจไทย หลังจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นเกือบ 8% ในปีที่ผ่านมา แม้ช่วงต้นปี 2563 จะเห็นการอ่อนค่าลงบ้าง แต่ตลาดยังมองทิศทาง บาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง
เหตุไทยยังเกินดุลบัญชีสะพัดสูงและต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาระบุว่า บาทแข็งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน เพราะหากต้องใช้เครื่องมือของธปท.จะต้องเป็นยาแรงและจะมีผลกระทบต่อภาพรวมมากกว่า
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ไม่จำเป็นต้องผลักดันให้การแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่าเป็นวาระแห่งชาติ เพียงส่งเสริมให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยกันมากขึ้น โดยภาครัฐจะเน้นสนับสนุนให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่ และผลักดันให้เอกชนลงทุนเพิ่ม เพื่อให้เม็ดเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ไหลออกนอกประเทศมากขึ้น ก็จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้
“ไม่ต้องถึงขั้นนั้น แต่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือ รัฐลงทุน เอกชนลงทุนตาม เงินดอลลาร์ก็จะไหลออกไป บาทก็จะอ่อนค่าลงได้ ธปท.ก็ดูแลเสถียรภาพให้เหมาะสม แต่เรื่องพวกนี้อ่อนไหว จะพูดอะไรออกไปก่อนก็ไม่ได้”นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยฯ กล่าวว่า แนวโน้มปี 2563 เงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องจากปีก่อน ด้วย 3 ปัจจัยหลักคือ
1.ไทยยังเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ
2.ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ โดยมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน และ
3. โอกาสที่สงครามการค้าจะเกิดปัญหาระหว่างทาง“ปัจจัยที่มีผลต่อการอ่อนค่าของเงินบาทคือ ความขัดแย้งในตะวันออกกลางกลับมาปะทุ หรือเศรษฐกิจในประเทศแย่กว่าตลาดคาด จน ธปท.ต้องพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย และถึงปัญหาการเมือง
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นไปได้ที่จะทำให้เงินบาทเคลื่อน ไหวทั้งอ่อนและแข็งค่า สอดคล้องกับที่ธปท.ระบุว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหว 2 ทาง ดังนั้นผู้ประกอบการควรคำนึงถึงความเสี่ยง ไม่ควรเก็งกำไร”ทั้งนี้จากการที่พูดคุยในกลุ่มผู้ประกอบการ อยากเห็นเงินบาทเคลื่อนไหวในระดับ 33-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบจากค่าเฉลี่ยทั้งปี 2562 อยู่ที่ 30.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และปีนี้อยู่ที่ 30.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหากบาทอยู่ที่ 30 บาทต้นๆ น่าจะยากต่อการทำธุรกิจและไม่เอื้อต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออก ซึ่งตลาดยังมองเงินบาทมีแนวโน้มจะแข็งค่าต่อ
สอดคล้องกับนายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินและตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ผลจากการที่ไทยหลุดจากรายชื่อประเทศบิดเบือนค่าเงิน น่าจะเป็นจังหวะในการแทรกแซงค่าเงินได้�ง่ายขึ้น แต่ ธปท.ไม่น่าจะซื้อดอลลาร์สหรัฐฯ เกิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งประมาณการจากที่ไทยจะมีปริมาณเกินดุลบัญชีเดินสะพัดราว 5% ของจีดีพี หรือหากมีการส่งออกและนำเข้าทั้ง 2 ขา แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่น่าจะทำให้การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดไม่สูงมากและ ธปท.มีหน้าตักที่จะเข้าซื้อดอลลาร์ทั้งปีประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เฉลี่ย 1,000-3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน
นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (TMB analytics) กล่าวว่า บาทมีแนวโน้มที่่จะแข็งค่าต่อ จากการส่งออกสินค้าสุทธิ ที่มีสัดส่วน 28% และแนวโน้มน่าจะยังเกินดุลในปีนี้ การลงทุนโดยตรง (FDI) ที่มีสัดส่วน 10% ซึ่งสิ่งที่ทำได้เลยคือ กระตุ้นการลงทุนด้วยการนำเข้าเครื่องจักร โดยมีมาตรการแรงจูงใจทั้งมาตรการภาษีและไม่ใช่ภาษี เพื่อให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายนำเข้าเครื่องจักรใหม่และสามารถหักภาษีได้มากกว่าอุตสาหกรรมอื่นหรือรายใหญ่ ขณะเดียวกันควรมีมาตรการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนไทยไปต่างประเทศ (TDI) รวมถึงกลุ่มประเทศในอาเซียน“
สิ่งที่น่ากังวลคือ การที่ผู้ประกอบการมองภาพไม่ชัด ทำให้ขาดความเชื่อมั่น จึงไม่กล้าลงทุน ดังนั้นมาตรการเพิ่มแรงจูงใจนำเข้าสินค้าทุน จะไม่ใช่เฉพาะเพื่อบริษัทใหญ่ แต่ควรให้โอกาสบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย สามารถหักภาษีหรือมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่”
อย่างไรก็ตาม การที่ไทยรอดจากประเทศที่ไม่แทรกแซงค่าเงิน เพื่อผลประโยชน์ทางการค้าของสหรัฐฯ นั้น ธปท.ยังต้องเฝ้าระวังและติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะสหรัฐฯ ดูตัวเลขแค่กลางปี 2562 แต่ครึ่งปีหลัง ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นมาก แม้ว่าไทยจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ธปท.จะมีข้อจำกัดในการเข้าดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งค่าในระยะข้างหน้า
ส่วนแนวโน้มเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นจนต้องเพิ่มหรือเปลี่ยนเครื่องมือในการดูแลหรือไม่นั้น นายนริศระบุว่า ทีเอ็มบีมองครึ่งปีหลัง เงินบาทมีแนวโน้มจะอ่อนค่าเกิน 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ถ้ายังเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 30 บาทเป็นเวลานาน ทางการก็ต้องมีมาตรการทำให้ความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะมาตรการของธปท.อย่างเดียว เพราะการแข่งขันการค้าโลกรุนแรงขึ้น
Source: ฐานเศรษฐกิจออนไลน์
https://www.thansettakij.com/conten...homepage_hilight&utm_medium=internal_referral -
Bank of Thailand Scholarship Students
(Jan 20) หนี้ท่วมหัว…เอาตัวรอดอย่างไร : ที่ผ่านมาเราอาจจะได้ยินข่าวเศรษฐกิจที่บ่งบอกถึงฐานะทางการเงินของคนไทยเราว่ากำลังอยู่ในภาวะ “หนี้ท่วมหัว” ภาระหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง รายได้ไม่พอใช้จ่ายเพราะต้องเอาไปจ่ายหนี้ต่อเดือนในจำนวนที่สูงพอๆ กับรายได้ที่หาได้มา
ครัวเรือนไทยมีแนวโน้มที่เป็นหนี้ง่ายขึ้นและสูงขึ้นติดลำดับโลก หากมีรายได้เข้ากระเป๋า 100 บาท จำต้องเอาไปจ่ายหนี้เสียก่อนถึงเกือบ 80 บาท ทำให้ไม่มีเงินเพียงพอที่จะเอาไปจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน ส่งผลสุดท้ายจึงไม่มีเงินเหลือเก็บออม
นำไปสู่การ “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” กู้หนี้ใหม่มาโปะหนี้เก่าวนไปไม่รู้จบ เป็นดินพอกหางหมู กลายเป็นหนี้เสีย สูญเสียประวัติทางการเงิน สุดท้ายต้องไปพึ่งพาแหล่งเงินนอกระบบที่ดอกเบี้ยสุดโหดจ่ายคืนได้แต่ดอกเบี้ย จนบางรายถึงกับต้องล้มละลายทางการเงิน
นับเป็นปัญหาเชาว์ปัญญาทางการเงินที่มีมานานว่าอะไรเกิดก่อนกันระหว่าง “เป็นหนี้จึงไม่มีเงินออม หรือ ไม่มีเงินออมจึงเป็นหนี้” และจะแก้ปัญหาที่วนเวียนไม่รู้จบนี้กันอย่างไร
เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกมาเปิดเผยตัวเลขหนี้ครัวเรือนประจำไตรมาส 2 ปี 2562 ว่า สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ของไทยอยู่ที่ร้อยละ 78.7 มีแนวโน้มลดลงจากที่เคยขึ้นไปสูงสุดเมื่อปี 2558
โดยกว่า 34% ของหนี้ครวเรือนเป็นการกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย 13% เป็นหนี้เกี่ยวกับยานยนต์ 18%เป็นสินเชื่อเพื่อประกอบธุรกิจ ส่วนสินเชื่อเพื่อการอุปโภค บริโภคส่วนบุคคลมีสัดส่วนประมาณ 32%
จะเห็นได้ว่าสัดส่วนหนี้ส่วนใหญ่ของครัวเรือนไทยกระจุกตัวอยู่ที่การกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย และหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค
ประเด็นนี้ ดร.สรา ชื่นโชคสันต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ศึกษาปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยไว้อย่างเจาะลึกเคยกว่าวไว้ในงานเสวนา “ถอดรหัสหนี้ครัวเรือนไทยจาก micro data และข้อมูลเชิงพฤติกรรม” เมื่อเดือนตุลาคม 2562 ว่าปัญหาสำคัญของหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง จุดเริ่มต้นนั้นมาจาก “เงินออมต่อเดือนของครัวเรือนไทยน้อยเกินไป”
พอเงินออมต่อเดือนเก็บสะสมได้น้อย จะนำไปสู่ปัญหาต่อไปคือ เวลาจะซื้อทรัพย์สินชิ้นใหญ่อย่างรถหรือบ้านก็ต้องกู้เงินเต็มจำนวน หนี้เลยสูงตามมา ภาระต่อเดือนที่ต้องจ่ายคืนหนี้จึงสูงตามไปด้วย ทำให้เหลือเงินต่อเดือนน้อย นำมาสู่ทางเลือกระยะเวลาผ่อนนานขึ้น
ดร.สรา บอกว่าระยะเวลาที่ผ่อนนานขึ้นนำมาสู่ “ความเสี่ยง” ที่จะทำให้หนี้กลายหนี้เสียหรือ NPL ในอนาคต
โดยสัดส่วนของหนี้เสียในส่วนของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 3 ปี 2562 จากข้อมูลของ สศช.ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.81% ต่อสินเชื่อรวม จาก 2.74% ในไตรมาสก่อนหน้า แม้คุณภาพสินเชื่อส่วนบุคคลอื่นๆ ปรับตัวดีขึ้น แต่สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย รถยนต์และบัตรเครดิตยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
จากข้อมูลงานวิจัยจะเห็นได้ว่าวงจรของกับดักหนี้สินที่ไม่สิ้นสุด ถ้าจากตัวบุคคลมาจากจุดเริ่มต้นของการเก็บออมที่ไม่เพียงพอ ในส่วนของสถาบันการเงินนั้นมีการแข่งขันในตลาดของการปล่อยกู้สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต โปรโมชั่นล่อใจผ่อนน้อย ผ่อนนาน 0%
เมื่อกลุ่มลูกค้ากลุ่มแรกกลายเป็นหนี้เสีย การขยายตลาดหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายถัดไปกลายเป็นกลุ่มคนที่มีฐานะทางการเงินที่ด้อยลงไปเรื่อยๆ
กลุ่มที่กลายเป็นหนี้เสียตัวเลขอายุน้อยลง เพราะเริ่มทำงาน มีเงินเดือนก็ตกเป็นเป้าหมายเป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินเสียแล้ว
ขณะที่องค์ความรู้ของการจัดการทางการเงินส่วนบุคคล แม้ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นการทำงานเชิงรุกจากทั้งภาครัฐและเอกชน สถาบันทางการเงินในการให้ความรู้ในการวางแผนการเงินส่วนบุคคลว่าจะมีวิธีการบริหารการเงินส่วนบุคคลอย่างไร แต่ก็ยังต้องใช้เวลาที่จะทำให้ความรู้ทางการเงินของคนไทยเพียงพอที่จะทำให้สุขภาพทางการเงินแข็งแรง
ที่จริงแล้วหลักสูตรความรู้เช่นนี้ควรบรรจุลงในหลักสูตรการเรียนการสอนให้เรียนรู้กันตั้งแต่เด็กในความหมายที่มากไปกว่าว่าการออมเงินคือแค่การหยอดเงินลงกระปุก…เพราะชีวิตของคนเราเกี่ยวพันกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ตั้งแต่เกิดจนตาย
การก่อหนี้ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย หากมีความสมดุลเหมาะสมย่อมทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ แต่หากมาตรการ กฎเกณฑ์หละหลวม ไม่เข้มงวด คน 1 คนสามารถมีบัตรเครดิตวงเงินสูงๆ ได้หลายใบ กู้ได้หลายวงเงิน ถ้าคนๆ นั้นไม่มีวินัยทางการเงินที่เข้มงวดมากพอ ย่อมนำมาสู่ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ระยะยาวจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจไทยมากไปกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ
Source: Business today
https://businesstoday.co/money-to-know/18/01/2020/หนี้ท่วมหัว-เอาตัวรอดอ/ -
ทุนสำรองพุ่ง =, >, < ความเสียหายจากค่าเงินบาทแข็ง
วิธีการแก้ไขปัญหาของ ธปท. คือ เมื่อบาทแข็ง ธปท. คือ จะเข้าไปซื้อเงินดอลลาร์ และขายเงินบาท โดยดอลลาร์ที่ซื้อเข้ามาอยู่ในรูปของเงินสํารองฯ ถ้าจะมองว่าการที่ค่าเงินบาทแข็ง คือ เงินมีคุณค่า มีราคา การจะไปลดราคา คุณค่าก็คือการปล่อยเงินบาทลงไปในตลาด ให้มากๆ คุณค่าของเงินบาทก็จะลดลง [เหมือนสินค้าในท้องตลาด ถ้าหายาก และมีคนอยากได้ ราคาก็ต้องย่อมสูงเป็นของธรรมดาและการที่จะทำให้ราคาสินค้าถูกลง คือเร่งผลิต และปล่อยสินค้านั้นลงสู่ตลาดมาดๆ สินค้าเมื่อหาง่าย และความอยากได้ของคนลดลง ราคาก็จะลดลง ถ้าเทียบกับค่าเงินคืออ่อนค่าลง] และการที่ ธปท. ปล่อยบาทโดยซื้อดอลล่าห์เข้ามาแทน ก็คือการที่ ธปท. ดึงราคา และมูลค่าของเงินบาทมาเก็บในรูป
ทุนสำรองไงครับ และถ้าการแข็งค่าของเงินบาทมาจากปัจจัยภายนอกจากการเก็งกำไร เหมือนสมัยต้มยำกุ้ง ทุนต่างชาติ จะยอมให้ ธปท. กอบโกยมูลค่าของทุนของเขา ในรูปทุนสำรองที่เพิ่มขึ้นหรือ เขาก็จะให้ค่าเงินแข็งต่อไปเรื่อยๆ จนเศรษฐกิจพังไปเลย และเมื่อเศรษฐกิจพัง กลไกทุกอย่างก็จะพังไปด้วยและเมื่อถึงตอนนั้น ก็เริ่มกอบโดยผลประโยชน์เหมือนสมัยต้มยำกุ้งอีกครั้ง
[ธปท. รับ 5 ปี ทุนสำรองพุ่ง 8 หมื่นล้านดอลลาร์ เหตุแทรกแซงเงินบาท : แบงก์ชาติ ยอมรับ 5 ปี แทรกแซงค่าเงินมาตลอด จนทุนสำรองเพิ่มกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ แนะทุกฝ่ายต้องร่วมแก้บาทแข็ง จี้เอกชนฉวยจังหวะนำเข้าเครื่องจักร-คืนหนี้ต่างประเทศ
...
1.การบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนของธปท. ในการชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ธปท. จะเข้าไปซื้อเงินดอลลาร์ และขายเงินบาท โดยดอลลาร์ที่ซื้อเข้ามาอยู่ในรูปของเงินสํารองฯ เงินสํารองฯ ก็จะเพิ่มขึ้น หากต้องการชะลอการอ่อนค่า ธปท.จะขายดอลลาร์ที่อยู่ในเงินสํารองฯเพื่อซื้อเงินบาทเงินสํารองฯ ก็จะลดลง ที่ผ่านมาจะเห็นว่าเงินสํารองฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทําให้ในปัจจุบันไทยมีเงินสํารองฯมากติด อันดับต้นๆของโลก สะท้อนว่าแบงก์ชาติได้มีการเข้าดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดด้วยการซื้อเงินดอลลาร์ต่อเนื่อง
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หรือระหว่างปี 2558-2562 เงินทุนสํารองฯ เพิ่มขึ้นเกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งถือเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้จากการค้าขายสินค้าและบริการกับต่างประเทศ หากธปท.ไม่ได้มีการเข้าดูแลค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา เงินทุนสํารองฯ ก็จะไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทก็อาจจะแข็งกว่าระดับปัจจุบัน]
Bank of Thailand Scholarship Students
(Jan 14) ธปท. รับ 5 ปี ทุนสำรองพุ่ง 8 หมื่นล้านดอลลาร์ เหตุแทรกแซงเงินบาท : แบงก์ชาติ ยอมรับ 5 ปี แทรกแซงค่าเงินมาตลอด จนทุนสำรองเพิ่มกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ แนะทุกฝ่ายต้องร่วมแก้บาทแข็ง จี้เอกชนฉวยจังหวะนำเข้าเครื่องจักร-คืนหนี้ต่างประเทศ
นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัด Media Briefing ถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา เหตุผลหลักคือการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ที่ประเทศไทยมีรายได้จากการส่งออกสูงกว่ารายจ่ายจากการนําเข้า
นอกจากนี้ ความเข้าใจว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากการเก็งกําไรระยะสั้นของนักลงทุนต่างชาติเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน หากดูตัวเลขจะเห็นว่าการลงทุนของต่างชาติสุทธิทั้งปี 2019 แล้วเป็นการไหลออกโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ธปท.ยังมีความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินบาท และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยพร้อมใช้มาตรการเพิ่มเติมหากจําเป็น
1.การบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนของธปท. ในการชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ธปท. จะเข้าไปซื้อเงินดอลลาร์ และขายเงินบาท โดยดอลลาร์ที่ซื้อเข้ามาอยู่ในรูปของเงินสํารองฯ เงินสํารองฯ ก็จะเพิ่มขึ้น หากต้องการชะลอการอ่อนค่า ธปท.จะขายดอลลาร์ที่อยู่ในเงินสํารองฯเพื่อซื้อเงินบาทเงินสํารองฯ ก็จะลดลง ที่ผ่านมาจะเห็นว่าเงินสํารองฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทําให้ในปัจจุบันไทยมีเงินสํารองฯมากติด อันดับต้นๆของโลก สะท้อนว่าแบงก์ชาติได้มีการเข้าดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดด้วยการซื้อเงินดอลลาร์ต่อเนื่อง
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หรือระหว่างปี 2558-2562 เงินทุนสํารองฯ เพิ่มขึ้นเกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งถือเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้จากการค้าขายสินค้าและบริการกับต่างประเทศ หากธปท.ไม่ได้มีการเข้าดูแลค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา เงินทุนสํารองฯ ก็จะไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทก็อาจจะแข็งกว่าระดับปัจจุบัน
2. การบริหารจัดการค่าเงินต้องให้เกิดความสมดุลและยั่งยืนในระยะยาว ถ้าเราเข้าแทรกแซงจนบาทอ่อนกว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ก็เท่ากับเป็นการใช้ค่าเงินเพื่อให้สินค้าของไทยได้เปรียบประเทศคู่แข่งชั่วคราว ซึ่งไม่สามารถทําได้อย่างต่อเนื่อง และหากเป็นที่สังเกตุของประเทศอื่นๆก็อาจจะก่อให้เกิดการกีดกันทางการค้าหรือการใช้มาตรการทางภาษี ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อภาคการส่งออกในระยะยาว
ส่วนที่มีข้อเสนอให้ใช้นโยบาย Quantitative Easing (QE) เช่นเดียวกับประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป นั้น ก่อนอื่นขอทําความเข้าใจว่าอะไรคือ QE การทํา QE เป็นการทํานโยบายผ่านการซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้ภาคเอกชนในประเทศจํานวนมาก ซึ่งจะส่งผลให้สภาพคล่อง ในระบบปรับสูงขึ้น โดยการทํา QE ของประเทศหลักมักดําเนินการในช่วงที่การส่งผ่าน นโยบายการเงินผ่านสถาบันการเงินไปยังภาคเศรษฐกิจจริงไม่ทํางาน หรือ ประเทศกําลังเผชิญภาวะวิกฤต ซึ่ง QE จะช่วยลดต้นทุนในการกู้ยืมระยะยาวของภาคธุรกิจและครัวเรือน
ในกรณีของไทย ปัจจุบันสภาพคล่องในระบบอยู่ในระดับสูงมากอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ การทํา QE จะทําให้สภาพคล่องเพิ่มขึ้นแค่กับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น หากต้องการช่วยให้สภาพคล่องไปที่ SMEs มากขึ้น ภาครัฐอาจให้ soft loan ผ่านธนาคารพาณิชย์ของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน จะเป็นมาตรการที่ตรงจุดและมีประสิทธิผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจดีกว่า
อกจากนี้มาตรการ QE ยังมีผลข้างเคียง เช่น เพิ่มความเหลื่อมล้ํา เพราะจะเอื้อให้ต้นทุนทางการเงินของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ถูกกว่า SMEs ซึ่งปัจจุบันก็มีต้นทุนที่ต่ำกว่าอยู่แล้ว และอาจทําให้เกิดการกู้ยืมจนเกินตัวของบริษัทต่างๆ ด้วย ซึ่งส่งผลต่อเนื่องกับเสถียรภาพทางการเงิน
3. ประเทศอื่นที่เกินดุลสูง มีการนําเงินออกไปลงทุนต่างประเทศ ทําให้ค่าเงินไม่แข็งค่าขึ้นเท่าประเทศไทยไต้หวัน และเกาหลีเป็นประเทศที่มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงใกล้เคียงกับไทย แต่สกุลเงิน ของประเทศเหล่านั้นไม่แข็งค่าเท่าไรนัก เนื่องจากมีเงินไหลออกไปลงทุนต่างประเทศค่อนข้างมาก ซึ่งช่วยลดแรงกดดันจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด โดยส่วนใหญ่เป็นการออกไปลงทุนของนักลงทุน สถาบัน เช่น ประกันชีวิต กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ (pension funds) ขณะที่ไทยยังไม่มีการกระจาย การลงทุนไปต่างประเทศมากนัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังต้องหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องและผลักดันให้มีเงินไหล ออกมากขึ้นในระยะถัดไป
4. ค่าเงินบาทแข็งมีทั้งผู้ได้ประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินบาทที่แข็งค่ามีผลต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะต่อผู้ส่งออกและผู้ที่มีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ แต่อีกด้านหนึ่งของเหรียญที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง คือ ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น เป็นประโยชน์สําหรับ ภาคเอกชนบางกลุ่ม ช่วยให้ธุรกิจมีต้นทุนนําเข้าเครื่องมือเครื่องจักรถูกลง ปกติไทยจะมีการนําเข้าเครื่องมือ เครื่องจักรปีละประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ดังนั้นทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้น ประเทศจะประหยัดไปได้ราว 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากธุรกิจที่เห็นโอกาสนี้จะสามารถสร้างความ ได้เปรียบคู่แข่งขันด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตจากการนําเข้าเครื่องมือเครื่องจักรที่ถูกลง
ส่วนธุรกิจและประชาชนที่เป็นหนี้ต่างประเทศจะมีหนี้ลดลง อย่างตอนนี้ธุรกิจและประชาชน คนไทยมีหนี้ค้างจ่ายต่างประเทศอยู่ราว 1 แสนล้านดอลลาร์สรอ. ดังนั้น ทุก ๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้น ธุรกิจและประชาชนจะมีหนี้ลดลงประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งคนที่จะได้รับ ประโยชน์ก็คือคนที่จะชําระหนี้คืนนั่นเอง
เศรษฐกิจโดยรวม ปกติไทยนําเข้าน้ํามันดิบปีละประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สรอ. ดังนั้น ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้น ก็จะช่วยประหยัดต้นทุนของประเทศไปได้เช่นกัน ซึ่งน้ำมันก็เป็นต้นทุนที่สําคัญของทั้งประชาชนและธุรกิจ
ปัญหาค่าเงินบาท ต้องแก้ไขให้ตรงจุด และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ธปท.และภาครัฐ ยังคงกังวลต่อสถานการณ์ โดยมีการหารือร่วมกันอย่างต่อเนื่องถึงแนวทางในการช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท
ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า เป็นเพียงแค่อาการ ที่สะท้อนมาจากปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศไทยการแทรกแซงค่าเงิน รวมถึงนโยบายการคลังอื่นๆที่หวังผลระยะสั้นเป็นสิ่งที่จําเป็นในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุของปัญหาเงินบาทแข็งค่า คือ การเกินดุลการค้าต่อเนื่อง การออกไปลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศที่ยังมีน้อย เป็น “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ปัญหาเชิงโครงสร้างเป็นปัญหาที่ต้องช่วยกันแก้ไขทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ
1.เพิ่มการนําเข้า อาจจะผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือลงทุนเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงการผลิต ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีในช่วงที่ต้นทุนการนําเข้าจะถูกลงเพราะเงินบาทแข็ง
2. ลดแรงซื้อบาทจากภาคส่งออก เช่น การเก็บรายได้ไว้ในบัญชีเงินตราต่างประเทศ (FCD) หรือ การหักชําระรายจ่ายและแลกเฉพาะส่วนที่เหลือ
3.สนับสนุนการออกไปลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศโดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันจะมีส่วนช่วยให้เกิดแรงผลักดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้
ที่ผ่านมาธปท. ได้ดําเนินมาตรการบางส่วนเพื่อเฝ้าระวังเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นและผ่อนคลายกฏเกณฑ์กํากับดูการแลกเปลี่ยนเงินเพื่อเอื้อต่อการลงทุนในต่างประเทศและสร้างสมดุลเงินทุน เคลื่อนย้ายซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
https://www.bangkokbiznews.com/news...homepage_hilight&utm_medium=internal_referral -
ตลาดเมืองชลบุรีเงียบเหงา คนซื้อทอง-ของไหว้ตรุษจีนน้อยลง โอดเศรษฐกิจไม่ดี ราคาสินค้าสูงขึ้น
-
แผ่นดินไหว ขนาด 6.1
ภูมิภาค ทางใต้ของหมู่เกาะแซนวิช
วันที่ 2020-01-20 เวลา 06: 51: 39.5 UTC
ที่ตั้ง 59.30 S ; 26.35 W
ความลึก 115 กม
Magnitude 6.1
Region SOUTH SANDWICH ISLANDS REGION
Date time 2020-01-20 06:51:39.5 UTC
Location 59.30 S ; 26.35 W
Depth 115 km
Distances
3481 km SE of Montevideo, Uruguay / pop: 1,271,000 / local time: 03:51:39.5 2020-01-20
3603 km SE of Buenos Aires, Argentina / pop: 13,077,000 / local time: 03:51:39.5 2020-01-20
4325 km SE of Santiago, Chile / pop: 4,838,000 / local time: 03:51:39.5 2020-01-20
https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=821080 -
บาทชวดแชมป์ มงลงอินโด!!!
บาทอ่อนสุดรับปีชวด รูเปียห์อินโดคว้าแชมป์แข็งสุดในภูมิภาค โดยแชมป์เก่าเงินบาทพ่ายแพ้ย่อยยับอ่อนค่าสวนทางชาวบ้าน ปัจจัยสำคัญจาก ดีลโลตัส ที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งคาดว่าเงินจะไหลออกถึง 9 พันล้านเหรียญ ยังไม่รวมดีลที่แบงก์ไทยจะซื้อแบงก์ต่างชาติอีก ดีลใหญ่มาพร้อมเพรียงกันขนาดนี้ คงต้องจับตาดูกันต่อว่า จะพาให้บาทจะอ่อนลงไปได้ไกลขนาดไหน
#รูปีอินเดียรูเปียห์อินโด #บาทอ่อนน้อยแต่อ่อนนะ #แย่ละHermesราคาขึ้น #บาทแข็งให้รีบตัก #เปิดtravelcardรัวๆ
(Icon made by Roundicons, Pixel Perfect and Freepik from www.flaticon.com)
-
Rodolfo Martin Brenes Salvatierra
นกกระตั้วเสียชีวิตระหว่างพายุลูกเห็บที่เมืองแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย # 20 ม.ค.
หน้า 3385 ของ 11136