ติดตามสถานะการณ์
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.
หน้า 3740 ของ 11200
-
-
เป็นเรื่อง เป็นลาว
ลาวล็อกดาวน์!!
ห้ามออกจากบ้าน
ห้ามเดินทางข้ามแขวง
***
29 มี.ค.2563 ท่านทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ออกคำสั่งว่าด้วยมาตรการสกัดกั้น การระบาด ควบคุม และเตรียมความพร้อมรอบด้านเพื่อต้านไวรัสโควิด 19 สรุปได้ตามนี้ ตั้งแต่วันที่ 1-19 เม.ย.2563
***
1.ห้ามประชาชนออกจากบ้าน ยกเว้นไปซื้ออาหาร ไปหาหมอ ไปปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และไปสถานที่อนุญาตให้ไปได้
2.ห้ามเดินทางข้ามแขวง(จังหวัด) ให้อยู่แขวงใครแขวงมัน ยกเว้นการขนส่งสินค้า และไปหาหมอ แต่ต้องมีเอกสารรับรอง
3.ห้ามข้าราชการไปทำงาน ให้ทำงานอยู่บ้าน ยกเว้น ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง พนักงานไฟฟ้า พนักงานประปา พนักงานสื่อสาร แพทย์พยาบาล อาสาสมัคร และพนักงานที่ได้รับมอบหมาย
***
4.ห้ามจัดงานที่รวมตัวกันเกิน 10 คนขึ้นไป อาทิ งานแต่งงาน,งานบุญปีใหม่ลาว,งานประเพณี,งานเลี้ยงสังสรรค์ และกิจกรรมทางศาสนา ยกเว้นงานศพ
5.ห้ามกักตุน ห้ามขึ้นราคาสินค้า
6.ห้ามแชร์ ห้ามโพสต์ข่าวปลอม
***
7.ปิดร้านบันเทิง คาราโอเกะ ร้านเบียร์ ร้านนวด สปา ฟิตเนส
8.เปิดธนาคาร สถาบันการเงิน ตลาดหลักทรัพย์ โรงหมอ คลินิก ร้านขายยา หน่วยกู้ภัย ไปรษณีย์สื่อสาร ไฟฟ้า ประปา และหน่วยเก็บขยะ
9.ปิดตลาดกลางคืน โรงงานทอผ้า โรงงานอื่นๆ โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่
10.เปิดตลาดกสิกรรม ร้านค้าย่อย ซูเปอร์มาร์เก็ต ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร ร้านกาแฟ(ซื้อกลับบ้าน) โรงแรม รีสอร์ต
11.ปิดด่านประเพณี ด่านท้องถิ่น สำหรับด่านสากล ยังเปิดแบบมีเงื่อนไข
***
มาตรการดังกล่าว ให้เริ่มปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1-19 เม.ย.2563 หากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่เบาบาง อาจต่ออายุเวลาออกไปอีก
-
เป็นเรื่อง เป็นลาว
เป็นเรื่อง เป็นลาว
แพทย์จีน
ถึง สปป.ลาว
ช่วยแพทย์ลาวสู้โควิด
***
สำนักข่าวสารปะเทดลาว รายงานว่า เมื่อ 11.12 น. วันที่ 29 มี.ค.2563 คณะแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 12 คน พร้อมอุปกรณ์การแพทย์ เดินทางจากมณฑลยูนนาน ถึงสนามบินสากลวัดไต เพื่อมาช่วยเหลือ สปป.ลาว ในการต้านและสกัดกั้นไวรัสโควิด ซึ่งปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อ 8 คน
***
ท่านสมดี ดวงดี รองนายกรัฐมนตรี และ ดร.บุนกอง สีหาวง รมว.สาธารณสุข และทูตจีน ประจำลาว มาให้เกียรติต้อนรับคณะแพทย์จีนที่สนามบินอย่างสมเกียรติ
***
แผนการทำงานของคณะแพทย์จีน จะแบ่งปันประสบการณ์ให้คณะแพทย์ลาวในการป้องกัน และควบคุมเชื้อไวรัส คัดครองหาผู้ติดเชื้อ ตรวจวิเคราะห์ และรักษาคนป่วย รวมทั้งแลกเปลี่ยนบทเรียนกับกระทรวงสาธารณสุข และโรงหมอลาว
***
คลิปข่าวต้อนรับแพทย์จีน
https://www.facebook.com/som.cri.90/videos/1682414515245479/
***
คลิปการประชุมร่วมแพทย์ลาว และแพทย์จีน
https://www.facebook.com/2032310900126545/posts/3102812023076422/
***
ขอบคุณ
สำนักข่าวสารปะเทดลาว
-
เป็นเรื่อง เป็นลาว
“ท้าวก๊อต”
กลุ่มคนบ่ดี
หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
***
เช้าวันที่ 28 มี.ค.2563 สื่อออนไลน์เอกชนของลาว นำภาพแรงงานลาวคนหนึ่ง ถูกใส่กุญแจมือ พร้อมพาดหัวข่าว จับผู้วิจารณ์พรรค/รัฐ กรณีสถานที่กักกันไม่พร้อม ไม่เหมาะสม
ต่อมา สำนักข่าววิทยุเอเชียเสรี(ภาษาลาว) รายงานเพิ่มเติมว่า แรงงานลาวที่ถูกจับชื่อ ท้าวก๊อต อายุ 27 ปี ชาวบ้านปากทวาย เมืองท่าพระบาท แขวงบอลิคำไซ เพิ่งเดินทางกลับมาจากไทย
อย่างไรก็ตาม ปกส.(ตำรวจ) ที่ทำการจับกุมท้าวก๊อต ก็ยังไม่ได้แถลงข่าวว่า แรงงานลาวคนนี้ ทำความผิดเรื่องใดบ้าง
***
วันที่ 26 มี.ค.2563 ท้าวก๊อตถูกนำตัวมาศูนย์กักกัน 14 วัน ที่ ม.ส.ท่าพระบาท เมื่อพบว่า ที่พักเป็นห้องเรียน ไม่มีเตียงนอน จึงไลฟ์เฟซบุ๊คโจมตีเจ้าหน้าที่เมืองท่าพระบาท ด้วยถ้อยคำรุนแรง
วันต่อมา ท้าวก๊อต ได้ไลฟ์เฟซบุ๊คอีกครั้ง แสดงความพึงพอใจในการจัดสถานที่พัก และขอโทษขออภัยเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า เขาจะถูกจับกุม
***
สำนักข่าวออนไลน์ลาวของรัฐ ไม่มีสำนักใดรายงานข่าวจับท้าวก๊อต มีเพียงสื่อออนไลน์เอกชน และบางแฟนเพจลาว ตั้งคำถามว่า ท้าวก๊อตขอโทษแล้ว ทำไมจึงปล่อยภาพใส่กุญแจมือออกทางสื่อโซเชียล เหมือนจงใจเชือดไก่ให้ลิงดู
ขณะที่แฟนเพจของคนลาวบางกลุ่ม พยายามชี้เป้าว่า ท้าวก๊อตมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มคนบ่ดี หมายถึงขบวนการแรงงานลาวในไทย ที่มีจุดยืนแนวทางเป็นปฏิปักษ์ต่อ สปป.ลาว
***
คลิปต้นเรื่องท้าวก๊อต บ่พอใจทางการลาว
https://www.facebook.com/2245679665527860/posts/2832304880198666/
***
ขอบคุณ
สำนัก Rfa Laos
-
เป็นเรื่อง เป็นลาว
7 หมื่น “คนงานลาว”
เจอกระแสสังคม
เกิด “ดราม่ากักกัน”
***
ข้อมูลกรมจัดหางาน กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม สปป.ลาว แจ้งว่า นับแต่มีการปิดห้างในกรุงเทพฯ และทางการไทย “ปิดด่าน” ทั้งด่านสากลและด่านท้องถิ่น ส่งผลให้แรงงานลาวประมาณ 7 หมื่นคน หลั่งไหลกลับบ้านเกิดเมืองนอน โดยเฉพาะด่านสากลสะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) มีแรงงานลาวผ่านด่าน ตม. มากถึง 2 หมื่นคน
***
แรงงานลาวส่วนใหญ่ มีภูมิลำเนาอยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์, แขวงเวียงจันทน์, แขวงบอลิคำไซ, แขวงคำม่วน,แขวงสะหวันนะเขต, แขวงสาละวัน, แขวงจำปาสัก, แขวงไชยะบุลี และแขวงบ่อแก้ว
เมื่อกลับถึงลาว ทางการได้นำรถทหาร รถบัส ขนแรงงานลาวไปเข้า “ศูนย์กักกัน” ที่แต่ละแขวง ได้จัดหาโรงเรียนเป็นสถานที่พักของคนงานลาวตลอดเวลา 14 วัน
***
เนื่องจากชาวลาวจำนวนหนึ่ง ไม่พร้อมจะไปพักอยู่ที่โรงเรียน จึงเกิดดราม่า “เฮาบ่ป่วย” แสดงความไม่พอใจสถานกักกัน มีคลิปตำรวจทะเลาะกับคนงานลาวแพร่ไปในโซเชียล ก่อให้กระแสแอนตี้ “แรงงานลาว” ที่กลับมาจากไทย
ไม่น่าเชื่อ คนลาวจำนวนหนึ่งหวาดกลัวแรงงานลาว มองว่า เป็นผู้นำเชื้อโควิดมาแพร่ในเมืองลาว จึงมีเสียงโจมตีเพื่อนร่วมชาติ ที่ไม่ยอมเข้าศูนย์กักกัน 14 วัน
***
ข่าวแรงงานลาวโวย ไม่พอใจถูกกันกัน
https://www.facebook.com/1817042521889426/posts/2535831496677188/
***
จากการสอบถามแรงงานลาวชาวแขวงคำม่วน ที่คืนถิ่น ร้อยละ 5 เป็นแรงงานถูกกฎหมาย และร้อยละ 85 เป็นประชาชนลาว ถือพาสปอร์ตท่องเที่ยว และถือวีซ่าท่องเที่ยว 90 วัน แล้วลักลอบไปทำงาน
สาเหตุที่แรงงานกลับลาวช่วงนี้ ร้อยละ 40 ขอลาออกเอง , ร้อยละ 35 เอกสารเข้าเมืองเกินกำหนด ,ร้อยละ 5 ถูกเลิกจ้าง , ร้อยละ 8 อยากพักงาน และร้อยละ 12 อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ปกติ ไม่มีการระบาดของโควิด คนงานลาวร้อยละ 76 พร้อมจะกลับไปทำงานในเมืองไทย
***
ขอบคุณ
สถานีโทละพาบนครหลวงเวียงจันทน์
***
บิลลี่ นาจาน
ไลฟ์จากศูนย์กักกัน โรงเรียน มส.เมืองพิน เมืองพิน แขวงสะหวันนะเขต
https://www.facebook.com/BINLEENACHAN/videos/2529893383995557/
——
คลิปแรงงานลาว ในศูนย์กักกัน
https://www.facebook.com/2051575581626928/posts/2735913326526480/
-
สงครามนี้อาจยืดเยื้อกว่าที่เราคิด
เมื่อคืนวันศุกร์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบเฉลี่ย -3-4% ในดัชนีหลัก ตลาดกลับมากังวลตัวเลขผู้ติดเชื้ออีกครั้ง หลังล่าสุด ยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 140,886 ราย รองลงมาคืออิตาลี 97,689 ราย อันดับ 3 คือ จีน 82,122 ราย ส่วน ประเทศสเปนอยู่ที่ 80,110 ราย และเยอรมันมียอดผู้ติดเชื้อขณะนี้อยู่ที่ 62,095 ราย
ดูจากอัตราการติดเชื้อแล้ว เราอาจต้องยอมรับว่า ทั้งสเปน และ เยอรมัน อาจจะมีผู้ติดเชื้อทะลุแซงหน้าประเทศจีนใน 3-4 วันข้างหน้านี้แล้ว
ที่น่าสนใจคือ อัตราการติดเชื้อไวรัสในสหรัฐฯ กลายเป็นกราฟ Exponential ไปแล้ว และหากดูจากสถิตินับตั้งแต่มีผู้ติดเชื้อเกิน 100 ราย จะพบว่า หากสหรัฐฯยังคุมสถานการณ์ไม่ได้หลังจากนี้ ในทุกๆ 9 วัน จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 10 เท่า !!
แปลว่า ไม่เกินกลางเดือนเม.ย. เราจะเห็นผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในสหรัฐฯ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน !!
แน่นอนว่า สหรัฐฯ ก็ต้องเห็นข้อมูลชุดนี้ และเพิ่มความเข้มงวดในการทำ Social Distancing
ล่าสุด ปธน.ทรัมป์ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยแนวทางปฏิบัติล่าสุดที่แนะนำให้ประชาชนทั่วประเทศ ทำ Social Distancing ออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. จากเดิมที่แนวทางปฏิบัติดังกล่าวจะหมดอายุลงวันนี้
การประกาศทำ Social Distancing ลากยาวไปถึงสิ้นเดือน จะกระทบ 2 อย่าง
1. Business Activity จะหายไปแน่นอนอย่างน้อยๆ 1 ใน 3 ของไตรมาส 2/20 นี้ และมีแนวโน้มลากยาวออกไป มั่นใจได้เลยว่า อัตราการว่างงานของชาวอเมริกันจะพุ่งสูงขึ้น อาจแตะระดับ 10% หรือไม่ เราต้องมาดูกัน
2. ชาวอเมริกัน จะเริ่มออมมากขึ้น และเริ่มรู้ตัวว่า ตนเองต้องซีเรียสและทำตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเข้มงวด ผลของ Helicopter Money Policy จะทำได้แค่เยียวยา เพราะการประกาศ
จนถึงตอนนี้ มีความเสี่ยงที่นโยบายการเงิน และการคลัง ที่ผ่านมาสภาออกมา อาจจะไม่เพียงพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและชาวอเมริกันทั้งหลายแล้ว เพราะสงคราม อาจยืดเยื้อเกินกว่าที่ ปธน.ทรัมป์คิดไว้ในใจตอนแรก
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Anthony Fauci ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ ได้รายงานต่อที่ประชุมในทำเนียบขาว และบอกกับ CNN ว่า เขาได้ประเมินไว้ว่าสหรัฐฯจะมีผู้เสียชีวิตจากไวรัส 100,000 ถึง 200,000 คนและผู้ป่วยหลายล้านคนหลังจากนี้
เจอผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นแบบนี้ คงไม่ใช่ แค่ Social Distancing แล้วนะครับที่รัฐบาลสหรัฐฯขอให้คนในชาติทำ แต่อาจหมายถึง Lockdown US วิธีการเดียวกันกับที่จีนทำและประสบความสำเร็จมาแล้ว
รอดูตัวเลขผู้เชื้อสัปดาห์นี้กันครับ ถ้ายังเพิ่มขึ้นอัตราเร่งแบบนี้ Bear Market Rally อาจสั้นกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย
Mr.Messenger รายงาน
-
-
Gill Broussard
1/3 ที่ถูกทำลายคือ 1/3 ของเปลือกทวีปทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ เยรูซาเล็มคือด้านปลอดภัยของโลกที่จะย้ายไปอยู่
The 1/3 that is destroyed is the 1/3 of continental crust North and South America. Jerusalem is the safe side of the globe to move to.
-
ผลงานของอุกาบาตที่ไนจีเรีย ยังดีที่ไปตกในพื้นที่ที่มีคนอยู่อาศัยไม่หนาแน่น หลุมเบ้อเร่อเลยครับ
-
ภูเก็ตกำลังเจอ ความท้าทาย /โดย ลงทุนแมน
ในปี 2019 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาประเทศไทย 39.7 ล้านคน ทำให้ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยว 1.9 ล้านล้านบาท
แต่รู้ไหมว่า จังหวัดที่เล็กที่สุดลำดับสองของประเทศไทยอย่างภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาที่นี่ถึง 10.6 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้แก่ประเทศไทยกว่า 4.2 แสนล้านบาท
ภูเก็ตมีอะไรดี?
ทำไมที่นี่จึงสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมาก
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
สมัยก่อนนั้น เหมืองแร่ดีบุกนับเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญของภูเก็ต
โดยกว่าครึ่งของพื้นที่ทั้งหมดนั้นเป็นการทำเหมืองแร่ดีบุก
และการที่อุตสาหกรรมนี้ต้องการแรงงานอย่างมาก จึงมีชาวจีนจำนวนมากเดินทางเข้ามาทำงานที่ภูเก็ต
ต่อมาจักรวรรดิโปรตุเกสได้เดินทางมาทำการค้ากับประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทั้งเอาศิลปะ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมเข้ามาด้วย เมื่อมาผสมผสานกับศิลปะ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมของชาวจีนที่อาศัยอยู่ ทำให้เกิดสถาปัตยกรรมชิโน-โปรตุกีส ที่ภูเก็ตขึ้น
อุตสาหกรรมเหมืองแร่ดีบุกนั้นมีความสำคัญต่อภูเก็ตมาจนถึงปี 1980 ก่อนที่จะเริ่มเสื่อมคลายลงเนื่องจากกฏระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม
แต่หลังจากนั้น อุตสาหกรรมใหม่ก็ได้เติบโตขึ้นในจังหวัดภูเก็ต นั่นก็คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว..
รู้ไหมว่า ในปัจจุบันภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีจำนวนชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
ปี 2009 จำนวนชาวต่างชาติ 37,338 คน
ปี 2019 จำนวนชาวต่างชาติ 77,793 คน
ขณะที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่เติบโตของภูเก็ต จึงทำให้รายได้ต่อหัวของประชากรในภูเก็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปี 2010 รายได้ต่อหัวของประชาชนต่อปีเท่ากับ 186,737 บาท
ปี 2017 รายได้ต่อหัวของประชาชนต่อปีเท่ากับ 388,559 บาท
วันนี้ภาพของภูเก็ตคือ 1 ใน 22 เมืองหลักของประเทศและเป็นหนึ่งในจังหวัดที่สำคัญของการท่องเที่ยวของไทย
ปัจจุบัน ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เป็นสนามบินที่มีผู้มาใช้บริการมากสุดเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ รองจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และดอนเมือง โดยในปี 2019 มีจำนวนผู้โดยสารมาใช้บริการจำนวน 17.8 ล้านคน
ในปี 2019 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่มาเมืองไทยนั้น 27% จะเดินทางมาที่ภูเก็ต
ปี 2018 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10.3 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 397,000 ล้านบาท
ปี 2019 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10.6 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 419,000 ล้านบาท
พอเรื่องเป็นแบบนี้
ทำให้ภูเก็ตนั้นมีรายได้จากการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 22% ของรายได้จากการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยทั้งหมด
พูดง่ายๆ ว่า ถ้าการท่องเที่ยวของภูเก็ตมีปัญหา จะสะเทือนถึงการท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศไทยอย่างแน่นอน
และตอนนี้การระบาดของ Covid-19 ตั้งแต่ปลายปี 2019 กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อจังหวัดภูเก็ต
เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 จำนวนนักท่องเที่ยวมาภูเก็ตเฉลี่ยต่อวัน 19,085 คน
เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 จำนวนนักท่องเที่ยวมาภูเก็ตเฉลี่ยต่อวัน 11,850 คน
จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงไป 38% ในตอนนี้
ทำให้ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจร้านอาหาร ร้านค้าและสถานที่ท่องเที่ยว กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก หลายธุรกิจกำลังขาดสภาพคล่อง และเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อภูเก็ตอย่างมาก
ที่ผ่านมาภูเก็ตเจอกับหลายเหตุการณ์ร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดอย่างมาก
ตั้งแต่โรคซาร์สในปี 2002 เหตุการณ์สึนามิในปี 2004
แต่ภูเก็ตก็สามารถฟื้นตัวจากวิกฤตได้และการท่องเที่ยวก็กลับมาฟื้นตัวได้เสมอ
เหตุการณ์โรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้นในครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่ทำให้ภูเก็ตกำลังเจอความท้าทายอย่างหนัก
แต่ด้วยศักยภาพของภูเก็ตทั้งการมีชายหาดที่สวยงาม มีจำนวนโรงแรมที่มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิงที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง
พวกเราคนไทยทุกคนเชื่อว่า
อีกไม่นานภูเก็ตจะกลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก เหมือนที่ผ่านมา..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://en.wikipedia.org/wiki/Phuket_Province
-https://www.mots.go.th/more_news_new.php?cid=525&page=2
-https://th.wikipedia.org/wiki/รายชื่อจังหวัดของประเทศไทยเรียงตามพื้นที่
-แบบฟอร์ม 56-1, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
-https://th.wikipedia.org/wiki/รายชื่อจังหวัดในประเทศไทยเรียงตามผลิตภัณฑ์จังหวัด
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Thai_provinces_by_GPP
-https://www.ceicdata.com/en/thailand/regional-gdp-sna93-southern-current-price-rev-4/gdp-phuket-gdp-per-capita
-https://www.phuket.go.th/webpk/file_data/intropk/dataPK59.pdf
-https://www.doe.go.th/prd/assets/upload/files/alien_th/c33cea75dc3c81eb7497c3eb809327e9.pdf
-https://www.doe.go.th/prd/assets/upload/files/alien_th/32172c5002c1586614d59cdf5db7c08d.pdf
-
ถ้าโรคระบาดไม่จบในปีนี้ เราจะเจอ Great Depression /โดย ลงทุนแมน
เราเคยคิดว่าจะสำรองเงินสดไว้ยามฉุกเฉินกี่เดือนของรายได้?
3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี
แต่รู้ไหมว่าคนส่วนใหญ่บนโลกนี้
มีเงินสดสำรองไว้ไม่ถึง 3 เดือน
ในทางกลับกัน พวกเขายังมีหนี้มหาศาลรออยู่ และคิดว่ามันจะหมุนไปเรื่อยๆได้
เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่บุคคล แต่ยังเกิดขึ้นกับ “บริษัท” ส่วนใหญ่ของโลกนี้
เมื่อทั้งโลกกำลังขับเคลื่อนไปด้วยหนี้
เอารายได้สิ้นเดือนนี้มาจ่ายหนี้เดือนหน้า
แต่แล้ว..
บททดสอบมนุษยชาติครั้งใหญ่ในรอบ 100 ปี ก็เกิดขึ้น
โคโรนาไวรัส
แล้วถ้ามนุษย์ผ่านบททดสอบนี้ไปไม่ได้
อะไรจะเกิดขึ้น
ลงทุนแมนจะพาไปดูก้อนเมฆดำที่ลอยอยู่
ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในนั้น..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ตัวเลขบัญชีเงินฝากธนาคารของคนไทยล่าสุด เดือนมกราคม 2563
ประเทศไทยมีบัญชีเงินฝากจำนวน 101.5 ล้านบัญชี
แต่รู้ไหมว่า 87% ของบัญชีทั้งหมด มีเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาท
คำว่า 50,000 บาทนี้สำคัญ
เพราะมันแปลว่า ถ้าพวกเขาไม่มีรายได้
เขาจะใช้ชีวิตอยู่ได้ ไม่กี่เดือน..
และเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่ประเทศไทย
แต่กำลังเกิดขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลก
ตัวเลขจำนวนผู้ว่างงานสัปดาห์ล่าสุดของสหรัฐอเมริกาพุ่งแตะ 3.3 ล้านคน
เป็นจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่มีการบันทึกสถิตินี้มา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรัฐบาลสหรัฐสั่งปิดร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า จำนวนมาก
ซึ่งมันจะแตกต่างจากครั้งก่อนๆที่การว่างงานมันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ
ดังนั้นถ้ารัฐบาลอนุญาตให้กลับมาเปิดร้านอีกครั้ง การว่างงานก็น่าจะลดลง
แต่คำถามที่สำคัญคือ ธุรกิจที่หยุดชะงักทั่วโลก มันจะลากยาวไปอีกนานเท่าไร
ถ้า 1-2 เดือน ก็น่าจะพอรับไหว
แต่ตอนนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกนอกประเทศจีน ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอลง..
หลายคนคาดการณ์ว่าเรื่องนี้จะลากยาวไปถึงเดือนตุลาคม
หลายคนคาดการณ์ว่าจะมีวัคซีนปลายปีนี้
แต่ถ้ามีอุบัติเหตุอะไรที่ทำให้เรื่องลากยาวเกินกว่าที่คาด?
เราเตรียมรับมือไว้แล้วหรือยัง
-ถ้าไวรัสมีการกลายพันธุ์ ทำให้การผลิตวัคซีนต้องล่าช้าออกไปอีก
-ถ้าประเทศที่ควบคุมการระบาดได้แล้ว กลับต้องย้อนกลับมามีการระบาดใหม่ เพราะมีการนำเข้าเชื้อจากประเทศที่ยังคุมการระบาดไม่ได้
แล้วเมื่อไหร่ที่ทุกประเทศทั่วโลกจะคุมการระบาดได้
แล้วเมื่อไหร่ที่วัคซีนจะถูกแจกจ่ายให้ทุกคน
แล้วเมื่อไหร่ที่เรามั่นใจในการเดินทางไปทั่วโลกได้เหมือนเดิม
สุดท้ายแล้ววันนั้นจะเกิดขึ้น
แต่ถ้ามันลากยาว ก็ดูเหมือนว่าจะสายเกินไปสำหรับหลายคนไปแล้ว..
ไม่ต้องเถียงกันว่าเราจะเจอสภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่
คำว่า Recession หรือ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย คือการที่ GDP ติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส
ซึ่งแน่นอนว่าเราจะเจอแน่ในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ปี 2020
แต่สำหรับคำต่อไปจาก Recession ก็คือ Great Depression..
Great Depression เป็นคำที่ใช้เรียกภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่รุนแรงในช่วงปี ค.ศ. 1930 ซึ่งในตอนนั้นกว่าที่เศรษฐกิจจะกลับมาที่จุดเดิมได้ก็ใช้เวลาหลายปี
เหตุการณ์ในตอนนั้นเริ่มจากตลาดหุ้นตกแบบรุนแรงในเดือนตุลาคม 1929 คล้าย เหตุการณ์ในเดือนมีนาคม 2020
และในช่วง 3 ปี ต่อจากนั้น GDP ทั่วโลกลดลง 15% หลังจากนั้นการว่างงานเพิ่มขึ้น ผู้คนตกงานเป็นจำนวนมาก ถ้าในตอนนั้นเดินไปตามท้องถนนในสหรัฐอเมริกาจะมี 1 ใน 5 คนที่ไม่มีงานทำ
เมื่อผู้คนตกงานจะพบกับอะไร?
คนตกงานจะขาดรายได้ ใช้เงินเก็บที่มีอยู่
และเมื่อเงินเก็บหมด คนเหล่านั้นจะไม่มีกำลังซื้อของมาบริโภค และต้องไปขอรับสวัสดิการของรัฐ ซึ่งคล้ายกับเหตุการณ์ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นในปัจจุบัน
และเมื่อผู้คนเริ่มกังวลว่าเงินเก็บจะไม่พอใช้
สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นอันดับแรกก็คือ “การเลื่อนซื้อของใหญ่”
ของใหญ่ในที่นี้หมายถึงของที่มีราคาสูง ซึ่งถ้าไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร สามารถถูกเลื่อนซื้อออกไปก่อนได้
ตัวอย่างของใหญ่เหล่านี้จะประกอบไปด้วย บ้าน คอนโด รถยนต์ หรือแม้แต่กระเป๋าแบรนด์เนม.. เราอยู่บ้านหลังเดิม คอนโดหลังเดิม ขับรถคันเดิม ใช้กระเป๋าใบเดิม คงไม่เป็นไร เมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่รออยู่ตรงหน้า
ดังนั้น นอกจากธุรกิจภาคบริการที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากผู้คนไม่เดินทาง ก็คือ สายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าแล้ว ธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบลำดับต่อมาก็คือ
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจยานยนต์ และ ธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือย
สำหรับบริษัทที่มีเงินสดมากไว้รองรับช่วงเวลาแบบนี้ไปได้อีกสัก 1 ปี ก็คงไม่เป็นไร
แต่สำหรับบริษัทที่มีฐานะการเงินตึงๆมาตลอดเวลา สร้างหนี้ที่ระดับสูงสุดเพื่อผลกำไรสูงสุด บริษัทเหล่านี้จะพบกับอุปสรรคที่ไม่เคยเจอมาก่อน จนไม่แน่ใจว่าวิกฤติครั้งนี้ หรือวิกฤติต้มยำกุ้งจะรุนแรงกว่ากัน..
และด้วยจำนวนพนักงานในภาคบริการถือว่ามีสัดส่วนสูงมากในระบบเศรษฐกิจ
ดังนั้นอัตราการว่างงานทั่วโลกจะพุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในตอนนี้จะมีหลายบริษัทที่มีเงินสดพอจ่ายพนักงานได้ไม่เกิน 3 เดือน เราอาจได้เห็นบริษัทในภาคบริการ ทยอยปิดตัวอย่างไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน
และนี่ก็เป็นสาเหตุให้รัฐบาลทั่วโลกต่างพากันรีบแจกเงินให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบเหล่านี้
สำหรับรัฐบาลไทยถือว่าทำได้เร็ว จะว่าไปประเทศไทยโชคดี เพราะมีประสบการณ์จากการแจกเงินในโครงการ ชิมช้อปใช้ มาแล้ว
ทำให้การลงทะเบียนและจ่ายเงินชดเชยรายได้คราวนี้ทำได้รวดเร็วผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้วางรากฐานมาก่อนหน้านี้ ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกอาจจะยังไม่มีความสามารถทำระบบได้แบบนี้เลยด้วยซ้ำ
ลองคิดดูเล่นๆถ้าโรคระบาดเกิดขึ้นเร็วกว่านี้สัก 5 ปี ในวันนั้นประเทศไทยยังไม่มีระบบการจ่ายเงินระหว่างภาครัฐกับประชาชน
ในตอนนั้นระบบอินเทอร์เน็ตยังไม่ครอบคลุมประชาชนเท่านี้ ถ้าให้คนต้องมากรอกแบบฟอร์ม รอโอนเงิน มันคงจะทุลักทุเล และคงมีเงินรั่วไหลเป็นแน่
ซึ่งนี่อาจจะเป็นเรื่องโชคดีของการที่โคโรนาไวรัสมาเกิดในปี 2020 ปีที่ระบบการแจกเงินของรัฐบาลไทยมีความพร้อมในระดับหนึ่ง
และก็น่าจะเป็นโชคดีชั้นที่ 2 ที่ไทยเคยเจอกับวิกฤติต้มยำกุ้งมาก่อน และเราคนไทยเข็ดหลาบจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ที่ผ่านมารัฐบาลในแต่ละยุคไม่กล้าสร้างหนี้สาธารณะมาก เพราะเมื่อไหร่ที่ก่อหนี้ก็จะมีฝ่ายตรงข้ามเอาประเด็นนี้มาโจมตี
ปัจจุบันหนี้สาธารณะของประเทศไทยอยู่ที่ระดับ 41% ของ GDP ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วทั่วไป
สหรัฐอเมริกา มีหนี้สาธารณะ 107% ของ GDP
ญี่ปุ่น มีหนี้สาธารณะ 238% ของ GDP
ฝรั่งเศส มีหนี้สาธารณะ 98% ของ GDP
ซึ่งนี่อาจถึงเวลาแล้วที่เราจะใช้กระสุนที่มีอยู่เพื่อพยุงสถานการณ์นี้
เพราะลำพังการใช้นโยบายการเงิน หรือ อัตราดอกเบี้ยต่ำ คงไม่เพียงพอ เพราะตอนนี้ดอกเบี้ยนโยบายก็อยู่ในระดับที่ 0.75% ซึ่งต่ำสุดในประวัติศาสตร์แล้ว
การใช้นโยบายการคลังมีมาตรการ และงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ถูกจุด และให้แรงเพียงพอเป็นสิ่งที่ควรทำในเวลานี้
และสำหรับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ปกติ ที่เราจะได้เจอในลำดับถัดไปก็คือ
“เงินเฟ้อจะติดลบ” หรือในทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า เงินฝืด
อะไรคือเงินเฟ้อติดลบ?
เงินเฟ้อติดลบ คือ ราคาสินค้าบริการ โดยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจจะมีราคาที่ต่ำลง
ซึ่งปัจจัยที่ช่วยดึงราคาให้ต่ำลงอยู่ 2 ประการก็คือ
1.ต้นทุนของผู้ผลิตลดลง จากราคาน้ำมันที่ต่ำลงเป็นอย่างมาก และน้ำมันเป็นต้นทุนทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อต้นทุนของผู้ผลิตลดลง ผู้ขายย่อมมีช่องว่างในการลดราคาลงมาได้
2.ดีมานด์ความต้องการสินค้าลดลง จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ผู้ซื้อในระบบเศรษฐกิจน้อยลง ถ้าผู้ขายมีจำนวนเท่าเดิม ก็แปลว่าจะต้องแย่งกันลดราคาเพื่อจูงใจให้ผู้ซื้อซื้อสินค้า ดังนั้นเราจะได้เห็นโปรโมชันลดแลกแจกแถม จากผู้ขายสินค้าในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน จนกว่าจะมีผู้ขายที่ทนไม่ไหวและออกไปจากระบบ ราคาสินค้าถึงจะไม่ลดลง
ดูเหมือนว่าคำว่าราคาสินค้าต่ำลง หรือเงินเฟ้อติดลบ จะเป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภค
แต่ถ้าในแง่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจแล้ว เรื่องนี้จะไม่ค่อยดีนัก
เพราะคำว่าเงินเฟ้อติดลบ หมายถึงมูลค่าของเงินสดจะเพิ่มขึ้นตามเวลา สวนทางกับความเชื่อในอดีตว่ามูลค่าของเงินสดจะด้อยค่าตามเวลา
ดังนั้นผู้คนจะต่างพากันถือเงินสด เลื่อนการลงทุน เลื่อนการใช้จ่าย และพอเป็นแบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เศรษฐกิจก็จะวนลูปไปในทิศทางที่แย่ลง
ดังนั้นดูเหมือนว่าช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของผู้คนทั่วโลก
ทุกวันที่ผ่านไป จะมีบุคคลและบริษัทที่อยู่ไม่ไหวมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่แพ้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ
ยิ่งปล่อยให้นานไป เศรษฐกิจก็จะดำดิ่งลงมากขึ้นเท่านั้น
เรากำลังอยู่ในยุคที่คาดเดาได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อย่าว่าแต่ปีหน้า
ในเดือนข้างหน้าเรายังไม่รู้เลยว่าธุรกิจของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร
2 เดือนที่แล้ว เราคิดว่าแค่นักท่องเที่ยวจีนหาย กระทบเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวที่รับคนจีน
1 เดือนที่แล้ว เราคิดว่านักท่องเที่ยวจากทั่วเอเชียจะหายหมด เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน
ตอนนี้ อย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวทั่วโลกหายหมด แต่กลายเป็น ทุกธุรกิจทั่วโลกหยุดชะงักหมด แม้แต่ประเทศอินเดียที่ตอนแรกเราไม่คิดว่าจะเกี่ยวอะไรด้วย
ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ใหม่ว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะมี GDP -5.3% จากเดิม 2.8%
ทำไมธนาคารแห่งประเทศไทยกล้าทำตัวเลขให้ลดลงจากเดิม 8.1%
คำตอบนี้ทุกคนคงรู้ว่าสภาพเป็นอย่างไร
แต่ที่ทุกคนคงไม่รู้คือ
1 เดือนข้างหน้า
2 เดือนข้างหน้า
และปีหน้า
จะมีอะไรเกิดขึ้น?
เรื่องทั้งหมดกำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็วแบบที่คาดเดาได้ยาก
และกว่าจะรู้ตัวอีกที
เราก็อาจอยู่ใน Great Depression แล้ว..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
-
ลงทุนแมน
วิดีโอเสียงปรบมือ ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ในกรุงเทพมหานคร
20.00-20.05 น. วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 63
มีการนัดปรบมือ 5 นาที ที่ระเบียงบ้าน หน้าบ้าน ในบ้าน หรือจากที่ไหนก็ได้ เพื่อขอบคุณและให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์
#เสียงปรบมือคือกำลังใจ
-
MK สุกี้ กำลังเจอความท้าทาย จากการปิดห้าง /โดย ลงทุนแมน
คำสั่งปิดห้างสรรพสินค้าของทางกรุงเทพมหานคร
ทำให้ร้านอาหารต้องเปิดแบบซื้อกลับบ้านเท่านั้น
หนึ่งในคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากประกาศนี้คือ MK สุกี้
เพราะสาขาส่วนใหญ่ของร้าน MK อยู่ในห้างและอยู่ในกรุงเทพมหานคร
การกินสุกี้ของคนไทยมักจะไปที่ร้าน เพราะบางท่านก็ไม่มีหม้อสุกี้ของตัวเอง
ดังนั้นการสั่งชุดสุกี้สดมาทานที่บ้านคงจะไม่สะดวกสักเท่าไร
การสั่งอาหารจานเดียวและติ่มซำก็อาจจะพอมีอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับสุกี้
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้
ตอนต้นปี MK มีมูลค่าตลาด 64,231 ล้านบาท
แต่ตอนนี้ MK มีมูลค่าเพียง 39,137 ล้านบาท
หมายความว่ามูลค่าบริษัทหายไปประมาณ 39%
ในส่วนของรายได้
ปี 2560 มีรายได้ 16,457 ล้านบาท กำไร 2,425 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 17,234 ล้านบาท กำไร 2,574 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 17,409 ล้านบาท กำไร 2,604 ล้านบาท
หากคิดเป็นสัดส่วนรายได้จากร้านอาหารนั้น
มาจาก MK 78% Yayoi 20% อื่นๆ 2%
กำไรของ MK ดูมีอนาคตที่ดีและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
แต่ด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ในปีนี้คงเป็นไปได้ยาก
ที่จะเห็นรายได้และกำไรของ MK โตขึ้น
เพราะนอกจากรายได้ที่จะลดลง ยังมีค่าใช้จ่ายคงที่ อย่างค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน
เมื่อทางเลือกเหลือไม่มาก MK คงต้องพัฒนาระบบ Delivery ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น MK Yayoi Miyazaki และร้านอาหารในเครือ
หรืออาจจับมือกับพันธมิตรส่งอาหารอย่าง Grab, Get หรือ Foodpanda
เพื่อหาทางเพิ่มยอดขายในช่วงที่ลูกค้าไม่สามารถไปทานที่ร้านได้
ซึ่งถ้าวางหมากได้ดี การทานแบบ Delivery อาจจะเป็นพฤติกรรมใหม่ที่ทำให้ลูกค้าชื่นชอบการทาน MK ที่บ้านก็เป็นได้
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ
เมื่อลองมอง MK เทียบกับ MINT ที่มีธุรกิจอาหารและโรงแรมด้วย
MK อาจจะไม่ได้ดูแย่สักเท่าไร
ในส่วนธุรกิจอาหาร MINT มีร้านอาหารมากกว่า 2,300 สาขาใน 26 ประเทศทั่วโลก
ตอนนี้ MINT มีมูลค่าบริษัท 65,589 ล้านบาท
ในขณะที่ MK มีร้านอาหารในเครือทั้งหมด 674 สาขา มีมูลค่าบริษัท 39,137 ล้านบาท คิดเป็น 60% ของมูลค่าบริษัท MINT เลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
MK เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2013 ด้วยมูลค่าบริษัทเท่ากับ 44,387 ล้านบาท ถ้าไม่รวมเงินปันผลที่จ่ายออกมา ในวันนี้มูลค่าของ MK ลดลงกว่าวันแรกที่เข้าตลาดหลักทรัพย์เสียอีก..
หมายเหตุ บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นตัวนี้ การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-MK Annual Report 2019
-SET
-
ลงทุนแมน
เขตที่มีผู้ป่วยโควิด-19 สูงของแต่ละประเทศ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจมากแค่ไหน
- ติดตามอินโฟกราฟิกสวย ๆ ได้ที่ instagram.com/longtunman -
-
การ Flatten the Curve เพื่อลดผลกระทบ COVID-19 /โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่า ประเทศไทยมีเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วย COVID-19 (ห้องความดันลบ, ห้องแยกเดี่ยว/รวม) ในกรุงเทพฯ เพียง 516 เตียงเท่านั้น และที่เหลือทั้งประเทศอีกประมาณ 6,500 เตียง
นั่นหมายความว่า หากดูจากผู้ป่วยในปัจจุบันที่ถึงหลักพันไปเรียบร้อยแล้ว
ประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ อาจจะไม่มีเตียงพอสำหรับการรองรับผู้ป่วย COVID-19 ทั้งหมด
โดยหากอิงตามอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อในยุโรปอยู่ที่ประมาณ 33% ต่อวัน แล้วนำมาวาดเป็นกราฟ ก็คงจะกำลังสูงขึ้นเหมือนภูเขาลูกหนึ่งเลยทีเดียว
และถ้าหากเราไม่เปลี่ยนแปลงอะไร แน่นอนว่าระบบสาธารณสุขจะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ทั้งหมดในช่วงที่มีผู้ป่วยเกิดขึ้นพร้อมกัน และนั่นหมายถึงโอกาสเสียชีวิตของผู้ป่วยก็สูงขึ้นไปด้วย
ซึ่งหากเป็นแบบนั้น รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการจัดซื้อเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อรองรับผู้ป่วย ในขณะที่ประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคอื่น ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการ Flatten the Curve หรือการทำให้ภูเขาลูกนั้นชันน้อยลงนั่นเอง
วลีสั้นๆ แต่ตอนนี้กลายเป็นวลีที่หลายประเทศทั่วโลกหันมาผลักดันเพื่อฝ่าวิกฤตโควิด-19 นี้ไปให้ได้
----------------------
<ad> “1-2-3 คำถาม Facebook” หนังสือที่รวบรวมคำถามและข้อสงสัยที่ถูกถามบ่อยๆ จากเหล่าเจ้าของธุรกิจ โดย Digital Tips Academy
----------------------
การ Flatten the Curve มีหลักการง่ายๆ คือ การทำ Social Distancing หรือการสร้างระยะห่างทางสังคม
พูดง่ายๆ ก็คือ
ห้ามชุมนุมเกิน 2 คน
ไม่ควรออกจากบ้านหากไม่จำเป็น ซื้อของจำเป็นเท่านั้น
ห้ามไปนัดเจอเพื่อน
ทำงานที่บ้านหรือ Work from Home
สั่ง Food Delivery แทน
ในขณะที่ร้านค้า งานอีเวนต์ต่างๆ ก็ต้องถูกยกเลิกไปด้วยเช่นกัน
ถึงแม้จะดูเป็นไปได้ยาก แต่ตอนนี้มีหลายประเทศที่สามารถทำมันได้แล้ว
ยกตัวอย่างเช่น จีนและเกาหลีใต้
โดยทั้งสองประเทศมีข้อแตกต่างกันอยู่เรื่องหนึ่งคือ จีนมีการปิดเมือง
ส่วนเกาหลีใต้ไม่มีการปิดเมือง
แล้วทั้งสองประเทศนี้ทำได้อย่างไร
เราลองมาดูมาตรการกัน
เริ่มจากจีน
ที่ถึงขั้นต้องปิดเมือง และใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ในการทำ Social Distancing
อย่างในเมืองอู่ฮั่นที่เป็นจุดเริ่มต้นการแพร่ระบาด
ทางรัฐบาลจีนก็ได้สั่งปิดเมืองนี้และเมืองอื่นๆ รวม 16 เมือง เพื่อเข้าจัดการการระบาด แน่นอนว่าทุกคนต้องกักตัว และไม่สามารถออกนอกเมืองได้ เที่ยวบินต่างๆ ถูกยกเลิก
อย่างที่เมืองอู่ฮั่นของจีนเองก็เป็นบทเรียนว่ายิ่งเริ่มลงมือช้า จะยิ่งทำให้ตัวเลขพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไปจนไม่มีโรงพยาบาลเพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วย จึงต้องสร้างโรงพยาบาลชั่วคราวขึ้นมา และใช้สถานที่อื่นในการพักฟื้น
อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าจีนสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันจีนเหลือ Active Case อีกประมาณ 3,400 คนเท่านั้น จากตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งหมดกว่า 80,000 คน หรือรักษาหายแล้วกว่า 95%
ในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นนั้นเริ่มทรงตัวตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และล่าสุดก็ได้ประกาศยกเลิกแบนการเดินทางในมณฑลหูเป่ย์แล้ว เหลือแค่ห้ามเดินทางในเมืองอู่ฮั่น
ส่วนประเทศที่น่าสนใจต่อมา และดูเหมือนสถานการณ์ตอนแรกจะรุนแรงไม่แพ้กันก็คือ เกาหลีใต้
แต่วิธีการ Flatten the Curve นั้นต่างออกไปมาก
เพราะ ไม่ได้ปิดเมือง ไม่ได้ห้ามการเดินทางเข้าออก
แต่สิ่งที่เกาหลีใต้ทำในการ Flatten the Curve คือการตรวจหาผู้ติดเชื้อให้ได้มากที่สุด
โดยปัจจุบัน ตรวจไปแล้วมากกว่า 350,000 ราย
และมีการแยกกักตัวผู้ป่วย
การ Tracking ที่มีประสิทธิภาพว่าผู้ป่วยได้ติดต่อใครบ้าง
ทำให้เกาหลีใต้สามารถลดการระบาดได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งตอนนี้ทั้งสองประเทศก็ไม่ได้เข้าขั้นวิกฤตเหมือนประเทศอื่นในยุโรปแล้ว
อย่างในจีนเริ่มยกเลิกการปิดเมือง
หลายโรงงานเริ่มกลับมาผลิตได้ตามปกติ
ส่วนเกาหลีใต้ก็มีผู้ติดเชื้อที่เป็น Active Case น้อยลงเช่นกัน
จากเรื่องทั้งหมดนี้ ทำให้เห็นว่า กระบวนการ Social Distancing ยิ่งได้ผลเท่าไร
ก็จะยิ่งทำให้ Curve ชันน้อยลง
และยิ่ง Curve ชันน้อยลงเท่าไร
ก็จะสร้างความเสียหายน้อยลงเท่านั้น
และเมื่อความเสียหายน้อย เศรษฐกิจก็จะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว
สิ่งที่สำคัญของเรื่องนี้คือ
จะทำอย่างไรให้ผ่านเรื่องนี้ไปอย่างราบรื่นที่สุด
จนกว่าจะมีตัวแปรสำคัญเกิดขึ้น
ที่สามารถหยุดวิกฤตโควิดนี้ให้สิ้นสุดลง
นั่นก็คือ วัคซีน..
----------------------
<ad> “1-2-3 คำถาม Facebook” เป็นหนังสือที่เกิดขึ้นจากการรวบรวมคำถามเจ๋งๆ รวมถึงข้อสงสัยที่ถูกถามบ่อยๆจากเหล่าเจ้าของธุรกิจ มารวบรวมและเรียบเรียงเพื่อให้ได้คำตอบที่ครอบคลุมและอัปเดตที่สุด
.
.
ราคาเพียง 220บาท ตกข้อละ2 บาทนิดๆ คุ้มค่า คุ้มราคามาก สั่งซื้อได้เลยที่แฟนเพจ Digital Tips Academy (m.me/thedigitaltips)
----------------------
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Reference
-https://www.livescience.com/coronavirus-flatten-the-curve.html
-https://www.nytimes.com/interactive/2020/03/19/world/coronavirus-flatten-the-curve-countries.html
-https://www.worldometers.info/coronavirus/country/china/
-https://www.youtube.com/watch?v=YAmKPUNCpV4&fbclid
-https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-china-wuhan/chinas-hubei-province-to-remove-travel-bans-starting-march-25-idUSKBN21B0HU
-https://www.statista.com/statistics/1095848/south-korea-confirmed-and-suspected-coronavirus-cases/
-https://www.nytimes.com/2020/03/23/world/asia/coronavirus-south-korea-flatten-curve.html
-
คัดข่าว
ถูกถอนวีซาเพราะ......ไม่ใส่หน้ากากอนามัย
.
เหตุเกิดที่ ซีอาน ประเทศจีนเมื่อชายคนนี้เป็นชาวต่างชาติเขาพยามเข้าพื้นที่เช่าที่เข้าเช่าไว้ แต่ได้รับการปฎิเสธให้เข้าอาคารเพราะไม่ได้สมหน้ากาก จากนั้นลองดูที่เขาทำและมันนำมาการถูกถอดวีซ่าแล้วเนรเทศออกจากจีน
cr tw #PDChinese
-
คัดข่าว
จากวันนั้นถึงวันนี้ (27มีนาคม) ให้ภาพอธิบาย #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ #ระะยะห่างทางสังคม #โควิด
-
คัดข่าว
ทรัมป์บอก.แฮรี่กับเมแกน ดูแลตัวเอง
.
ปธน.ทรัมป์ทวิตย้ำชัดว่าสหรัฐจะไม่ถวายการอารักขาเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ หลังจากออกจากแคนาดามาประทับอยู่ในสหรัฐ โดยเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน ต้องจ่ายค่า รปภ.เอง
-
คัดข่าว
ช่วยราชการ?
.
#พี่คอลลาร์ ตั้งด่านตรวจเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีผลบังคับใช้ 26 มีนาคม 2563 ตรวจดี ตรวจละเอียด ตรวจเก่งงงงงงง...
แจ้งเตือนผู้ใช้เส้นทางหลวง 3076 ช่วงผ่านป่าเขาอ่างฤๅไน โปรดเก็บสิ่งของท้ายกระบะให้มิดชิด และไม่ควรโดยสารท้ายกระบะ credit Twitter #DnpReport
-
ส่งคืนชุดตรวจcovid19 ที่รัฐบาลสเปนซื้อจากมาจากบริษัทของประเทศจีนจำนวน 9,000 ชุด
โดยทางสเปนแจ้งเหตุผลว่ามีความแม่นยำน้อยเพียง 30% เท่านั้น ด้านรัฐบาลจีนชี้ว่าของชุดนี้ผลิตจากโรงงานที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ
มีรายงานว่าของจากบริษัทเดียวกันนี้มีเข้ามาในไทยแล้ว
ปล.แอต ลองสอบถามเพื่อนที่อยู่ในวงการสาสุขพบว่าปกติชุดอุปกรณ์เหล่านี้ต้องใช้เวลาคิดค้นและพัฒนาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนถึง 1 ปี และรออนุมัติจาก อย.แต่ละชาติ อีก 3 เดือน-1 ปี แต่ด้วยสถานการณ์ระบาดอย่างรุนแรงทำให้มีการรีบทดสอบ รีบยืนยันเพื่อให้มีใช้งาน และที่ใช้กระจายในตลาดตอนนี้บางส่วนก็ไม่ได้คุณภาพจริงๆ
การทดสอบที่ยืนยันผลจึงต้องใช้จาก 2 ที่ และแพทย์หลายชาติไม่แนะนำให้ตรวจเอง เพราะโอกาสคลาดเคลื่อนสูง
https://amp.theguardian.com/world/2...yglsTulIgNPf8IcHF5CDJqNljw_z53-QW-OEERjjuYJ8g
หน้า 3740 ของ 11200