พม. ลุย ตั้งศูนย์ชุมชนสู้ภัย COVID-19 ในกรุงเทพมหานคร
วันนี้ (16 เม.ย. 63) – ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กทม. นางพัชรี อาระยะกุล รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) มีความห่วงใยประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากได้รับผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมจากการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคโควิด-19
ทั้งนี้ จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนมาตรการป้องกัน แก้ไข และช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในชุมชน หรือ “คปค. ชุมชน” เพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนโดยเร็วที่สุด ด้วยการขับเคลื่อนโครงการ พม. “เราไม่ทิ้งกัน” ตามแนวคิด “สำรวจให้พบ จบที่ชุมชน” ในพื้นที่นำร่อง 286 ชุมชนใน กทม. ที่อยู่ในความดูแลของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช.
โดยแบ่งทีมลงพื้นที่ออกเป็น 7 ทีมๆ ละ 4 ชุมชนต่อวัน เริ่มตั้งแต่ วันอาทิตย์ที่ 19 เม.ย. 2563 เป็นต้นไป และมีเป้าหมายจะลงพื้นที่จนครบ 286 ชุมชนภายใน 10 วัน โดยได้มอบหมายผู้ตรวจราชการกระทรวง พม. และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 1 เป็นหัวหน้าทีม
นางพัชรี กล่าวต่อไปว่า สำหรับการลงพื้นที่ชุมชนในวันแรก (19 เม.ย. 63) เวลา 10.00 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (นายจุติ ไกรฤกษ์) พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเข้าช่วยเหลือ ชุมชนรุ่งมณีพัฒนา เขตวังทองหลาง กทม. เป็นชุมชนแรก และเวลา 13.30 น. จะลงพื้นที่ช่วยเหลือเคหะชุมชนห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. โดยจะเข้าไปจัดตั้งศูนย์ชุมชนสู้ภัย Covid-19 และโรงอาหารกลางของชุมชน
อีกทั้งให้ความช่วยเหลือต่างๆ เช่น การจำหน่ายสินค้าธงฟ้า ราคาประหยัด จากกระทรวงพาณิชย์ การให้ความรู้ในการป้องกันโรคโควิด-19 จากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และการให้คำปรึกษาต่างๆ กรณี ผู้ที่ไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล 5,000 บาท การพักชำระหนี้บ้าน และสิทธิสวัสดิการสังคม จากรัฐ เป็นต้น
สำหรับชุมชนในความดูแลของ พอช. จะได้รับเงินสนับสนุน 100,000 – 300,000 บาทต่อชุมชน และการพักชำระหนี้ 3 เดือน และชุมชนในความดูแลของ กคช. จะได้รับการพักชำระหนี้ 3 เดือน และเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น
นางพัชรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการลงพื้นที่ช่วยเหลือชุมชนต่อไป แบ่งเป็น 2 โซน คือ ฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนคร โดยขอให้ชาวชุมชนอยู่รับความช่วยเหลือที่ชุมชนของตน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ขอให้ ชาวชุมชนติดตามตารางการลงพื้นที่ที่จะแจ้งไปยังชุมชนและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนต่อไป
The post พม. ลุย ตั้งศูนย์ชุมชนสู้ภัย COVID-19 ในกรุงเทพมหานคร appeared first on SpringNews.
Source : #Springnews #สปริงนิวส์
ติดตามสถานะการณ์
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.
หน้า 3836 ของ 11171
-
-
Setiawan
ดาวตกเหนือ paracas Bay Ica ประเทศเปรู, อเมริกาใต้ วันที่ 15 เม.ย.. 2020 8pm proxy
Meteor over paracas Bay Ica Perú south América 15 april 2020 8pm proxy
-
Setiawan
#พม่า
เวลา 2020-04-16 11: 45: 24.5 UTC
แผ่นดินไหว ขนาด # M5.8
ความลึก 10 กม
#Myanmar
Time 2020-04-16 11:45:24.5 UTC
#M5.8
Depth 10 km
-
Setiawan
พายุฝุ่นที่ไม่คาดคิดกระทบกูวาฮาติ, อัสสัม, ประเทศอินเดีย 15 เมษายน 2563
ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD), กูวาฮาติสามารถเป็นสักขีพยาน ห่าฝนและฟ้าผ่าในวันที่ผ่านมา
ในไม่กี่วันที่ผ่านมามีรายงานว่าพายุฝุ่นจากทางเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศรวมถึงเมืองหลวงแห่งชาติ นิวเดลี, อุตตรประเทศและบางส่วนของรัฐราชสถาน
Unexpected dust storm hits Guwahati, Assam, India April15 2020
According to the Indian Meteorological Department (IMD),Guwahati could witness a spell of shower and lightning in the coming days.
In the last few days, dust storms have been reported from the northern and north-western parts of the country, including the National Capital of Delhi, Uttar Pradesh and parts of Rajasthan.
-
เกร็ดน่ารู้ #แรกเริ่มต้นแบบถนนลาดยาง
ต้นแบบของถนนลาดยางในปัจจุบัน ในอดีตเริ่มต้นด้วยถนนปูฟาก เป็นภูมิปัญญาแบบไทยๆด้วยการนำไม้ตระกูลไผ่มาสานหรือทุบ แล้วนำมาวางต่อๆกันบนพื้นถนน เพื่อไม่ให้รถยนต์ติดหลุมตกหล่มในช่วงฤดูฝน สันนิษฐานว่าน่าจะปูฟากบนพื้นถนนดินเพื่อรับเสด็จของชั้นเจ้านายในอดีต
ติดตามบทความน่ารู้ดีๆแบบนี้ได้ที่
https://www.facebook.com/groups/533883473938827/?ref=share
(Photo: Disapong Netlomwong)
-
#ข่าวด่วน (16 เมษา 20:25 น.) นายกอาเบะประกาศ ภาวะฉุกเฉินทั่วญป.แล้ว (ถึงวันที่ 6 พ.ค.)
ประกาศจังหวัดเฝ้าระวังพิเศษ (特定警戒都道府県 ) 13 จังหวัด
7 จังหวัดแรก (โตเกียว ไซตามะ คานางาวะ ชิบะโอซาก้า เฮียวโกะ ฟุคุโอกะ)
เพิ่ม 6 จังหวัด ฮอกไกโด อิบารากิ อิชิคาวะ กิฟุ ไอจิ เกียวโต
>>เน้นเรื่องขอความกรุณาอย่างรุนแรง ไม่อยากให้ ออกนอกจังหวัดช่วง Golden week / รวมถึง event ใหญ่ ๆ
——-
น่าจะให้เงินช่วยเหลือคนละ 100,000 เยน (นายกบอกว่าจะพิจารณาอย่างจริงจัง)
- จากประสบการณ์ช่วงลีแมนช็อกของแอด
>> น่าจะให้ทุกคนที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
>> ต่างชาติไม่มีใครไม่อยู่ในทะเบียนบ้านถ้ามีไซริวการ์ด
>> มีไซริวการ์ด = มีมายนัมเบอร์ (บัตรมีไม่มีอีกเรื่อง)
⚠️จะมีข้อจำกัดอื่น ๆ ไหม ต้องรอฟังต่อ
——-
✒️จากใจแอด
สรุป สำหรับรัฐบาลไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากประกาศแรก เพิ่มจังหวัด / มีเรื่องเงินเพิ่มมา / เลิกพูดเรื่องเศรษฐกิจแล้ว / เน้นว่า ขอให้อย่าออกนอกจังหวัดช่วง Golden Week
แต่รายละเอียดต้องรอดูรายจังหวัดต่อไปค่ะ
วันนี้นาโกย่า-ไอจิประกาศให้เงินสำหรับร้านที่ร่วมมือ 5 แสนเยน เช่นกัน
แต่ตอนนี้จังหวัดที่ใจป้ำที่สุด คือ ฟุกุโอกะ คนปรบมือเกรียว ไว้จะมาแชร์นะคะ
#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19
-
มีผู้ประท้วงคนหนึ่งถูกจับกุม หลังชาวบ้านในนอร์ทแคโรไลนากว่าร้อยคน รวมตัวกันบริเวณด้านนอกรัฐสภาประจำรัฐเมื่อวันอังคาร (14 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อประท้วงคำสั่งของ รอย คูเปอร์ ผู้ว่าการรัฐ ที่ขอให้ประชาชนอยู่แต่ในที่พักอาศัย เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000039506
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO
-
ชื่อของนายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะปรากฎบนเช็คกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 60 ล้านใบที่จะถูกส่งไปยังประชาชนอเมริกันเพื่อบรรเทาปัญหาโควิด-19 ตั้งแต่สัปดาห์หน้า โดยถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการใส่ชื่อประธานาธิบดีลงไปในเช็คบรรเทาความเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจของคนอเมริกัน
อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000039893
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO
-
รอยเตอร์ – กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุวันนี้ (16 เม.ย.) ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียในปีนี้จะหยุดนิ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี เนื่องจากวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อภาคบริการและจุดหมายปลายทางการส่งออก “อย่างชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000039686
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO
-
[ถ้ามีใครบอกหลุดจากห้อง Lab ที่แคนนาดา ก็คือฝีมือจีน เพราะนักวิจัยที่สงสัยเป็นหมอจีนที่ไปทำงานที่Lab นั้นและยังติดต่อกับห้องLab ที่หวู่ฮั่น]
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (15 เม.ย.) ว่ารัฐบาลของเขายังคงเดินหน้าสืบหาหลักฐานว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีต้นตอมาจากห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่น ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาเผยข้อเท็จจริงทั้งหมด
อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000039582
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO
-
บอร์ดประกันสังคม มีมติจ่ายเงินให้ลูกจ้าง-ว่างงาน พิษโควิด 19 เดือนละ 8,000 บาท
นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม เปิดเผยว่าวันนี้ได้เรียกประชุมคณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษา หารือเกี่ยวกับการเยียวยาให้กับลูกจ้างผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อเตรียมนำข้อสรุปเสนอขอความเห็นชอบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้(15เม.ย.)
โดยที่ประชุมได้เห็นชอบให้โรคโควิด-19 เป็นเหตุสุดวิสัย ที่ทำให้ลูกจ้างผู้ประกันตนเกิดการว่างงานเป็นจำนวนมาก และกองทุนประกันสังคมจะต้องจ่ายเงินกรณีว่างงาน เพื่อเยียวยาผลกระทบ 62% ของค่าจ้างรายวัน ในระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณเดือนละ 8,000 บาท ซึ่งขณะนี้กองทุนประกันว่างงานมีเงินรวม 1.6 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตามจะนำรายละเอียดเสนอต่อ ครม.เพื่อเห็นชอบ และออกประกาศกฎกระทรวงตามรายละเอียดข้างต้น หลังจากนั้นประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
ทั้งนี้หากรายละเอียดทั้งหมด ดำเนินการได้ตามขั้นตอน ประกันสังคม ก็จะสามารถจ่ายเงินอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้าได้แน่นอน เพราะในระบบของกระทรวงแรงงาน มีข้อมูลของลูกจ้างและผู้ประกันตัวอยู่แล้ว เบื้องต้นมีอยู่ที่ประมาณ 700,000 คน ที่ว่างงานในระบบ
ขณะเดียวกัน ยังต้องรายงานวินัยทางการเงินของกองทุน รวมถึงสภาพคล่องอื่นๆ ให้รับทราบด้วย เพราะครั้งนี้เป็นการใช้เงินจำนวนมาก อาจจะต้องหาแนวทางสำรองเตรียม เช่น การกู้ยืมเงิน ในกรณีที่ปัญหาไม่จบลงในช่วง 3 เดือนต่อจากนี้
The post บอร์ดประกันสังคม มีมติจ่ายเงินให้ลูกจ้าง-ว่างงาน พิษโควิด 19 เดือนละ 8,000 บาท appeared first on SpringNews.
Source : #Springnews #สปริงนิวส์
-
ชาวจีนแห่ปลดปล่อยพลังซื้อสินค้าหรูหลังโควิดผ่านพ้น
วันที่ 15 เม.ย. 2563
ชาวจีนแห่ปลดปล่อยพลังซื้อสินค้าหรูหลังโควิดผ่านพ้น
การขายดีเป็นเทน้ำเทท่าของแบรนด์ Hermes ในวันเปิดทำการวันแรกหลังล็อกดาวน์จะเป็นตัวชี้วัดการช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์หรูในยุคหลังการระบาดของ Covid-19 ได้หรือไม่
เว็บไซต์แฟชั่น WWD รายงานตัวเลขที่น่าทึ่งว่า หลังจากกลับมาเปิดร้านวันแรกเมื่อวันที่ 11 เม.ย. หลังสิ้นสุดมาตรการล็อกดาวน์ Hermes แบรนด์แฟชั่นหรูจากฝรั่งเศสที่เปิดสาขาในเมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง สามารถทำยอดขายได้ถึง 19 ล้านหยวน หรือราว 87.90 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นยอดขายภายในวันเดียวที่สูงที่สุดสำหรับร้านค้าร้านเดียวในจีน
สินค้าที่จำหน่ายในวันดังกล่าวมีทั้งกระเป๋าถือรุ่นพิเศษอย่าง Himalayan Birkin ที่มีเพชรและทองฝังอยู่ด้วย สนนราคาประมาณ 90,000 เหรียญสหรัฐ รวมทั้งภาชนะสำหรับโต๊ะอาหาร รองเท้า เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องหนังต่างๆ
จากตัวเลขนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับบรรดาแบรนด์หรูและร้านค้าปลีกที่อาจจะกลับมาฟื้นตัวได้ไม่ยากหลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสผ่านไป
WWD ระบุว่าแม้ทางแบรนด์ Hermes จะยังไม่ได้ยืนยันตัวเลขดังกล่าวอย่างเป็นทางการ แต่หากดูจากโซเชียลมีเดียที่บรรดาลูกค้าของแบรนด์แชร์ภาพการช็อปปิ้งภายในร้านแล้ว ตังเลขดังกล่าวมีความเป็นไปได้สูงมาก
ลูกค้ารายหนึ่งที่ใช้ชื่อบัญชีแพลตฟอร์มเสี่ยวหงซู (Xiaohongshu) ว่า Atomniu ที่โพสต์ภาพตัวเองกำลังช็อปปิ้งในร้านของ Hermes ฝีมือการออกแบบของ RDAI สถาปนิกจากปารีส เผยว่าเธอช็อปสินค้า Hermes อาทิ กระเป๋าถือ Black Crocodile Birkin 30 เสื้อผ้า และรองเท้า ไปราว 1 ล้านหยวน หรือราว 46.35 ล้านบาทในวันที่ร้านเปิดวันแรก
เมืองกวางโจวที่ตั้งของร้าน Hermes เป็นเมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง มณฑลที่มีความมั่งคั่งที่สุดของจีน ดังนั้นจึงถือเป็นสนามทดสอบได้อย่างดีว่าพฤติกรรมการบริโภคสินค้าหรูของชาวจีนจะเปลี่ยนไปอย่างไรหลังจากทางการสั่งยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์
อย่างไรก็ดี ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่ายอดขายของ Hermes เป็น revenge buying หรือการจับจ่ายไม่อั้นเพื่อล้างแค้นหรือไม่
คำว่า revenge buying ถูกใช้มาตั้งแต่ช่วงปี 1980 เพื่ออธิบายความต้องการจับจ่ายสินค้าต่างประเทศของผู้บริโภคชาวจีนที่ถูกอัดอั้นมานานในช่วงที่จีนปิดประเทศ แล้วถูกปลดปล่อยออกมาหลังการเปิดประเทศ
แต่คำคำนี้ถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้งในช่วงที่ Covid-19 แพร่ระบาด โดยใช้อธิบายการซื้อของหรูหราอย่างบ้าคลั่งหลังจากต้องเลื่อนการช็อปปิ้งไปนานหลายสัปดาห์เพราะมาตรการล็อกดาวน์
หากจะบอกว่านักช็อปชาวจีนเป็นตัวชี้วัดรายได้ของสินค้าแบรนด์หรูก็คงไม่เกินจริงไปนัก เพราะรายได้ของสินค้าแบรนด์หรูทั่วโลกระหว่างปี 2012-2018 มากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากชาวจีน (แต่ละปีสินค้าแบรนด์หรูมีมูลค่าราว 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ)
แต่หลังจาก covid-19 ระบาดตลาดสินค้าหรูทั่วโลกจะสูญเสียรายได้ราว 65,000-75,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ จากการคาดการของ Bain & Co. เนื่องจากหลายปัจจัย อาทิ แฟชั่นวีคถูกเลื่อนออกไป ข้อจำกัดการเดินทางทำให้นักท่องเที่ยวขาช็อปไม่ได้ออกจากบ้าน
พฤติกรรม revenge buying ของนักช็อปชาวจีนจึงเป็นเสมือนความหวังของบรรดาแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องสูญเสียรายได้ไปในช่วงที่จีนปิดเมืองถึง 2 เดือน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มีการตั้งข้อสังเกตว่ายอดขายสูงๆ ในวันที่เพิ่งกลับมาเปิดร้านเป็นวันแรกอาจจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หรืออาจเป็นเพียงการเริ่มต้นของการกอบกู้ยอดขายที่หายไปอย่างที่หลายแบรนด์หวังให้เป็น เนื่องจากผู้บริโภคอาจเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงิน
การสำรวจความคิดเห็นชาวจีน 1,000 คนของบริษัทที่ปรึกษาด้านลอจิสติกส์ Cefuture พบว่า 41% ระบุว่าจะลดการใช้จ่ายลงเพื่อเตรียมตัวรับมือกับวิกฤตในอนาคต ขณะที่ 51% ระบุว่า จะทำงานหนักขึ้นเพื่อเก็บเงิน มีเพียง 8% เท่านั้นที่บอกว่าจะจับจ่ายมากขึ้น
ส่วนอีกโพลล์หนึ่งซึ่งจัดทำโดยธนาคาร China Renaissance พบว่า 68% ของชาวจีนคาดว่าปีนี้เงินเดือนของตัวเองจะน้อยลง ทำให้ไม่อยากใช้จ่ายเงิน
https://www.posttoday.com/world/620971
-
มีการขุดคุ้ยข่าวออกมาว่า Dr Anthony Fauci ผู้อำนวยการของNational Institute for Allergy and Infectious Diseasesของสหรัฐได้ให้เงิน$3.7ล้านให้กับแลปของที่เมืองอู่ฮั่นชื่อว่า Wuhan Institute of Virologyเพื่อศึกษาการระบาดของโคโรนาไวรัสในสมัยของประธานาธิบดีโอบามา
ตอนนี้ฝ่ายสหรัฐพยายามชงเรื่องว่าWuhan Institute of Virology ซึ่งอยู่ห่างจากตลาดสดเมืองอู่ฮั่นออกไป20ไมล์ เป็นจุดกำเนิดของการระบาดของโคโรนาไวรัส
เรื่องราวมันยอกย้อน มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่ลึกซึ้ง
-
หาแพะมาบูชาโคโรนาไวรัส
ขบวนการหาแพะกำลังเริ่มต้นอย่างจริงๆจังๆที่สภาวุฒิของสหรัฐ
นายRon Johnson ประธานคณะกรรมธิการวุฒิสภาด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและภาระกิจของรัฐบาลกำลังจะเริ่มทำการสอบสวนเพื่อค้นหาความจริงว่า ต้นตอของโคโรนาไวรัสมาจากไหน ไวรัสแพร่ระบาดจากสัตว์สู่คน หรือว่ามันหลุดออกมาจากห้องแลป จีนได้ปิดบังข้อมูลความจริงหรือไม่เกี่ยวกับไวรัส บทบาทขององค์การอนามัยโลกเกี่ยวข้องกับการควบคุมและป้องกันการระบาดของไวรัสเป็นอย่างไร องค์การอนามัยโลกช่วยจีนปิดบังความจริงหรือไม่ ทำไมสหรัฐไม่มีความพร้อมในการรับมือกับการระบาดของโคโรนาไวรัส
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เล่นการเมืองตามน้ำ โดยใช้คำพูดข่มขู่ว่าจีนต้องตอบความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด
https://www.rt.com/usa/485735-trump-china-senate-probe-coronavirus/
ขบวนการหาแพะที่เกี่ยวเนื่องกับโคโรนาไวรัสของสหรัฐเป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ และเป็นความพยายามที่จะสร้างภาพให้คนอเมริกันเข้าใจว่า จีนและองค์การอนามัยโลกเป็นต้นเหตุที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐต้องถูกชัตดาวน์เศรษฐกิจกำลังประสบกับภาวะล้มละลาย คนว่างงานหลายสิบล้านคน ธุรกิจและระบบการเงินเสียหายอย่างรุนแรงอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่The Great Depressionในปี 1929 นอกจากนี้ คนอเมริกันจะถูกชักจูงให้หันเหความสนใจออกจากความล้มเหลวของรัฐบาลทรัมป์ว่าในการจัดการกับโคโรนาไวรัส และความอ่อนแอของระบบสาธารณสุขในการควบคุมและป้องกันการระบาด รวมท้ังการรักษาผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส เพราะว่าสหรัฐกลายเป็นประเทศที่มีทั้งผู้ติดเชื้อไวรัสและเสียชีวิตมากที่สุดในโลกในเวลานี้
คนอเมริกันส่วนมากไม่ค่อยจะรู้ความจริงว่า เศรษฐกิจของสหรัฐที่มีปัญหาอย่างรุนแรงอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่มีไวรัส ก็จะรอวันที่จะปะทุระเบิดออกมา
จากการสร้างฟองสบู่การเงินผ่านการทำคิวอีของธนาคารกลางตั้งแต่วิกฤติการเงินในปี2008 ทำให้เกิดมีกดดอกเบี้ยต่ำเกินเหตุ มีการปล่อยเครดิตจนเกินตัว บริษัทต่างๆมีการสร้างหนี้เพิ่มอย่างมากในตลาดบอนด์ เศรษฐกิจทุกภาคส่วนฟู่ฟ่าจากการใช้เงินอนาคตอย่างมหาศาล ในขณะที่ราคาหุ้นสูงขึ้นมากกว่า3เท่า ทรัมป์รู้ดีว่า เขาเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้วจะเจออะไร เพราะว่าเขามาในช่วงของวงจรเศรษฐกิจขาลงพอดี
ธนาคารกลางของสหรัฐพยายามแก้ปัญหาฟองสบู่การเงินด้วยการปรับดอกเบี้ยขึ้นสู่ระดับสมดุล และลดสภาพคล่องลงหรือการทำคิวทีพร้อมๆกัน แต่ทำไปได้ไม่กี่น้ำต้องล้มเลิก เพราะว่าเศรษฐกิจเข้าสู่วงจรของลง ไม่สามารถรับมือกับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และสภาพคล่องที่หดตัวได้ การอ่อนตัวของดอลล่าร์เป็นสัญญานอีกตัวหนึ่งที่ตลาดมองเห็น แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือสภาพคล่องที่หดหายในระบบแบงกิ้งในเดือนกันยายนปี2019 ทำให้เฟดต้องเข้ามาเสริมสภาพคล่องในตลาดซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาล (repo market) หรืออีกในนัยยะหนึ่งคือการเลี้ยวยูเทิร์นกลับมาทำคิวอีอีกคร้ัง
ในวงจรของเศรษฐกิจขาลง แบงก์จะไม่ปล่อยเครดิตเพราะกลัวว่าจะเกิดหนี้เสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งดครดิตที่ให้ลูกค้าขนาดกลาง ขนาดเล็กจะถูกตัดก่อน เพราะว่าเสียเวลาการบริหารจัดการ การหดตัวของงบดุลของธนาคารพานิชย์ที่เกิดขึ้นทำไปเพื่อปกป้องส่วนของผู้ถือหุ้น (shareholders' equity)เป็นสาเหตุที่ซ้ำเติมให้เศรษฐกิจซบเซามากยิ่งขึ้น แต่ทั้งทรัมป์และเฟดต่างก็ออกมาพูดโฆษณาชวนเชื่อว่าเศรษฐกิจของสหรัฐแข็งแกร่งที่สุดในโลก โดยอ้างราคาหุ้นที่ถูกปั่นให้สูงขึ้นกว่าความเป็นจริงอย่างมาก ทั้งๆที่รู้ท้ังว่า เศรษฐกิจเข้าสู่วงจรขาลงที่รุนแรงจากการสร้างฟองสบู่ก้อนโตมหาศาล การกลับมาทำคิวอีของเฟดเพื่อเสริมสภาพคล่องเป็นการซื้อเวลาเท่านั้น เพราะว่าในที่สุด ราคาของทรัพย์สินต่างๆต้องถูกปรับลงมาให้สอดคล้องกับความเป็นจริงเมื่อฟองสบู่แตก
การระบาดของโคโรนาไวรัสเปิดโอกาสให้เฟดกลับลำนโยบายการเงินอย่างเต็มตัวด้วยการลดดอกเบี้ยลงเหลือ0%อีกคร้ัง พร้อมกับการทำคิวอีอินฟินีตี้ ส่วนรัฐบาลทรัมป์ก็ออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากการที่ต้องชัตดาวน์ประเทศ ทำให้มีการต้ังวงเงินที่จะใช้$10ล้านล้าน เราสามารถเปรียบเทียบเงินช่วยเหลือเศรษฐกิจทั้งนโยบายการเงินและการคลังของประเทศต่างๆกับสหรัฐ จะเห็นได้ว่าสัดส่วนที่สหรัฐใช้สูงที่สุด เท่ากับว่าสหรัฐมีปัญหาฟองสบู่แตกที่หนักกว่าทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตลาดการเงินที่เฟดต้องเข้าไปอุ้มทรัพย์สินเสี่ยงเกือบจะทุกประเภท เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบล้ม
นอกจากเรื่องระบบเครดิตที่หดตัวแล้วในวงจรของเศรษบกิจขาลงแล้ว เศรษฐกิจของสหรัฐ และเศรษฐกิจทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจากการล่มสลายของระบบซับไพลเชน จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องปิดโรงงาน ยุโรปปิดประเทศตามมาทีหลัง รวมท้ังสหรัฐ ทำให้การผลิตและการขนส่งส่วนประกอบของสินค้าที่ไหลในขบวนการซับไพลเชนอันนำไปสู่การประกอบตัวสินค้าในขั้นตอนสุดท้ายต้องสะดุดลง ในขณะเดียวกัน ในทุกขั้นตอนของการไหลของสินค้าในระบบซับไพลเจนจะมีการชำระเงินให้ผู้ที่อยู่ในขบวนการ นี้คือปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่เศรษฐกิจของสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ เพราะว่าลำพังการใช้เงินในการอุดตลาดการเงิน ตลาดหุ้น หรือการให้สภาพคล่องกับแบงก์เป็นจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูระบบเครดิตจะไม่ก่อประโยชน์อันใด ถ้าหากว่าระบบซับไพลเชนไม่ฟื้นคืนมาเพื่อให้สินค้ามีการไหลตามช่องทางของมัน และการชำระเงินในระบบซับไพลเชนไม่กลับคืนเป็นปกติ
มีการคาดการณ์ว่า ความปั่นป่วนในระบบชำระเงินของซับไพลเชนของสหรัฐทำให้เม็ดเงิน$38ล้านล้านสะดุด ในขณะที่จีดีพีของสหรัฐมีขนาด$21ล้านล้าน ขนาดจีดีพีเล็กกว่าการชำระเงินในระบบชับไพลเชน เพราะว่าจีดีพีวัดจากการซื้อสินค้าของผู้บริโภคในขั้นตอนสุดท้าย และเมื่อนับรวมเอาการชำระเงินในซับไพลเชนที่เกี่ยวข้องกับการใช้เงินดอลล่าร์อยู่นอกประเทศอีกทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น$50ล้านล้าน โดยที่โดยมากแล้วการชำระเงินในซับไพลเชนโลกกำลังถูกแช่แข็งในเวลานี้จากการชัตดาวน์
https://www.goldmoney.com/research/goldmoney-insights/the-destructive-force-of-bank-credit
การสะดุดของชำระเงินในระบบซับไพลเชนทำให้แบงก์ประสบกับปัญหาเป็นอย่างมากเป็นทวีคูณ เพราะว่าลูกค้าจำนวนมากที่ผิดนัดชำระหนี้จะทำให้เกิดหนี้เสีย ต้องมีการกันสำรอง ถ้าหากว่าแบงก์มีหนี้เสียมากกว่า12%ของทรัพย์สิน ส่วนผู้ถือหุ้นจะถูกลบล้างหายไปหมด ทำให้กลายเป็นแบงก์ซอมบี้ ธนาคารกลางสหรัฐจึงต้องทำทุกอย่างเพื่ออุ้มแบงก์ไม่ให้ล้ม เพราะว่าถ้าแบงก์ล้มเศรษฐกิจจะพังไปด้วย นอกจากจะอุ้มแบงก์ในประเทศ เฟดต้องปล่อยกู้สภาพคล่องดอลล่าร์ให้กับธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ผ่านการทำสว๊อปเพื่อให้ธนาคารกลางประเทศเหล่านั้นเอาดอลล่าร์สภาพคล่องไปช่วยแบงก์พานิชย์ของตัวเอง
ที่ผ่านมา เฟดทำดอลล่าร์สว๊อปกับอีซีบี ธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางแคนาดา ธนาคารกลางสวิส นอกจากนี้ ยังทำดอลล่าร์สว๊อปกับธนาคารกลางเกาหลี ออสเตรเลีย บราซิล เดนมาร์ก เม็กซิโก นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ สิงคโปร์ และสวีเดนเป็นเวลา6เดือน เมื่อครบกำหนดแล้ว ต้องเอาดอลล่าร์มาคืนเฟด พร้อมดอกเบี้ย ปรากฎว่าไม่มีชื่อธนาคารกลางจีน หรือธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ในลิสท์ของเฟด
ฉากสุดท้ายจะใกล้เข้ามาสำหรับดอลล่าร์สหรัฐ เมื่อธนาคารกลางสหรัฐมีการพิมพ์เงินอย่างมหาศาล โดยในช่วง2เดือนที่ผ่านมางบดุลของเฟดเพิ่มขึ้่นแล้ว$2ล้านล้านเป็น$6.1ล้านล้านในเวลานี้ แบงก์ออฟอเมริกาคาดการว่า งบดุลของเฟดจะเพิ่มเป็น$9ล้านล้านภายในสิ้นปีนี้จากการซื้อทรัพย์สินเน่าๆเข้ามาในพอร์ต การเพิ่มเงินมหาศาลจะดำเนินไปอีกนานเท่าใด เพื่อที่จะบรรเทาความเสียหายในตลาดเงิน และในระบบธนาคารไม่มีใครรู้ แต่สิ่งที่ตามมาคือเงินเฟ้อ
ใครๆก็ดูออกว่า ปริมาณเงินที่พิมพ์มากเข้ามาในระบบแบบนี้ โดยที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลังทรุดตัวลง หรือไม่มีแรงขยับ จะทำให้เกิดเงินเฟ้ออย่างรุนแรง แบงก์มีสภาพคล่องสูงที่ปล่อยไม่ได้ เพราะว่ากลัวว่าปล่อยเงินกู้ไปแล้วจะกลายเป็นหนี้เสีย แต่เมื่อแบงก์และนักลงทุนรายใหญ่ตระหนักว่าภัยของเงินเฟ้อกำลังมา จะพากันทิ้งดอลล่าร์เพื่อซื้อทรัพย์สินที่จับต้องได้ (hard assets)เพื่อรักษาความมั่งคั่ง เมื่อทุกฝ่ายทิ้งดอลล่าร์ ค่าเงินจะแครซ และนี่จะเป็นจุดจบของเงินกระดาษดอลล่าร์ ที่โดยเนื้อแท้แล้วเป็นกระดาษเปล่าๆมาตั้งแต่ปี1971 ที่สหรัฐยกเลิกการใช้ทองคำหนุนหลังค่าเงินดอลล่าร์ แล้วดอลล่าร์จะลากเงินกระดาษอื่นๆลงไปให้ไร้ค่าอย่างไร ขึ้นอยู่กับประเทศต่างๆจะเอาตัวรอดอย่างไร เพราะว่าเมื่อถึงเวลานั้น จะตัวใครตัวมัน
14/4/2020
-
ทรัมป์ขึงพืดแพะตัวแรก
ต้องมีแพะมาสังเวยโคโรนาไวรัสที่สร้างความเสียหายให้กับชีวิต และเศรษฐกิจของสหรัฐ แพะตัวแรกคือองค์การอนามัยโลก แพะตัวที่สองคือจีน
ทรัมป์เพิ่งจะประกาศว่า สหรัฐจะงดให้เงินช่วยเหลือองค์การอนามัยโลก เนื่องจากว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในภาระกิจควบคุมการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส ปกปิดข้อมูลที่เป็นจริงของไวรัสที่ออกมาจากจีน และพูดจาเข้าข้างจีนมาตลอด
สหรัฐให้เงินช่วยเหลือองค์การอนามันโลกประมาณ$400ล้านต่อปี หรือประมาณ15%ของงบประมาณการใช้จ่ายขององค์กรนี้
ตอนนี้สภาวฺุฒิของสหรัฐเริ่มเปิดฉากการสืบสวนเพื่อหาแพะตัวที่2 คือจีนที่กำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นแหล่งกำเนิดของไวรัส ปกปิดขอ้มมูลที่เป็นจริงของการระบาดของไวรัส
ความจริงองค์การอนามัยโลกก็น่าจะถูกยุบอยู่แล้ว เพราะว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลบริษัทยา (Big Pharma) ที่เน้นการใช้วัคซีนป้องกันไวรัส มากกว่าที่จะหายามารักษา
ดูโลโก้ขององค์การอนามัยโลกก็แล้วกัน เป็นรูปโลก มีมงกุฎมะกอก2ก้าน ตรงกลางมีรูปงูเลื้อยไม้คทา
15/4/2020
-
BBC รายงานว่า 100กว่าองค์กรทั่วโลกเรียกร้องให้มีการยกหนี้ให้ประเทศที่ยากจนต่างๆ ซึ่งจะทำให้ประเทศเหล่านี้มีเงินเหลือจากการที่ไม่ต้องจ่ายหนี้$25,000ล้านในการดูแลประชาชนและใช้จ่ายในการต่อสู้กับโคโรนาไวรัส
ความเมตตาขององค์กร100กว่าแห่งในเวลานี้ผิดปกติ ความจริงประเทศที่ร่ำรวยมีปัญหาหนี้มากกว่าประเทศยากจนที่อดีตเคยจนมาอย่างไรตอนนี้ก็จนอย่างนั้น อย่าได้หลงกล จับตาดูประเทศร่ำรวยที่กำลังล่อเป้าเพื่อเบี้ยวหนี้ดีกว่า ประเทศร่ำรวยปลดล็อคให้ตัวเองหรือปลดล็อคให้ประเทศยากจนกันแน่?
-
เราน่าจะพอได้ข่าวที่ Donald Trump ประกาศตัดงบองค์การอนามัยโลกมาบ้างแล้ว ซึ่งหลาย ๆ คนก็แน่นอนว่าเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร เพราะไม่ว่าองค์การอนามัยโลกจะทำงานได้ไม่ดียังไงในอดีต สถานการณ์ที่โลกเจอตอนนี้ยังไงมีองค์การอนามัยโลกก็ดีกว่าไม่มี และนี่ก็เป็นเกมการเมืองบ้า ๆ บอ ๆ ของ Trump เท่านั้น
.
อย่างไรก็ดี จริงๆ เรื่องนี้มีความลึกซึ้งครับ
.
อย่างแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่า เงินขององค์การอนามัยโลกมี 2 แหล่ง อย่างแรกคือสิ่งที่คล้าย ๆ “เงินค่าสมาชิก” ของประเทศสมาชิกต่าง ๆ เงินส่วนนี้คิดเป็น 25% ของรายได้ต่อปี ส่วนอีก 75% คือ “เงินบริจาคโดยสมัครใจ” ของภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก
.
และอเมริกาเป็นประเทศที่ปกติให้ “เงินบริจาคโดยสมัครใจ” มากที่สุด ซึ่งคิดเป็น 15% ของรายได้ขององค์การอนามัยโลก เรียกได้ว่าเงินตรงนี้หายไป ก็ไม่น่าถึงกับล่ม แต่ก็ได้ตัดงบหลายด้านกันสนุกแน่ ๆ ซึ่งในตอนนี้ การทำแบบนั้นก็คงจะเป็นเรื่องซีเรียส เพราะเป็นช่วงที่องค์กรต้องใช้งบน่าจะมากกว่าปกติ เพราะมีโรคระบาดระดับโลกจ่อคออยู่
.
พูดง่าย ๆ การประกาศตัดงบของอเมริกานี่ “ป่วน” ใช้ได้เลยในภาวะแบบนี้
.
ประเด็นคือเขาทำทำไม?
.
ประการแรกต้องเข้าใจก่อนว่า ตอนนี้สถานการณ์อเมริกาก็เรียกได้ว่าวิกฤต ยอดผู้ติดเชื้อและผู้ตายสูงที่สุดในโลกแล้ว ซึ่งการรับมือกับหายนะแบบนี้ สไตล์ของ Trump ก็คือ “โทษชาวบ้าน” กับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้
.
ซึ่งตอนแรก เราจะเห็น Trump โทษจีนอย่างหนัก อย่างไรก็ดี หลังจาก Xi Jinping ได้สายตรงขอ “สงบศึก” กับสหรัฐแล้ว เราก็จะพอเห็นได้ว่าท่าทีของ Trump เปลี่ยน คือจะไม่ค่อยโทษจีนเหมือนเดิมแล้ว หรือกระทั่งคำว่า “Chinese Virus” ก็ดูจะไม่ใช้เหมือนเดิมแล้ว
.
แต่ปัญหานี้ยังต้องการ “แพะ” อยู่ในทางการเมือง หวยเลยไปตกที่องค์การอนามัยโลก ที่ Trump กล่าวโทษว่า ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ อเมริกาเลยมี COVID-19 ระบาดเหมือนตอนนี้
.
พูดง่าย ๆ ถึงโทษจีนว่า “ทำงานไม่โปร่งใส” เลยเกิดโรคระบาดไม่ได้ ก็ยังสามารถโทษองค์การอนามัยโลก ที่ไม่ “จี้ให้จีนทำงานโปร่งใส” ได้อยู่ดี และก็กลายเป็นแพะกันไป
.
คำถามที่ตรงนี้หลายคนอาจสงสัยก็คือ แล้วจีนทำงานไม่โปร่งใสจริงหรือ?
.
ถ้าเราจะนั่งไทม์แมชชีนย้อนไปตอนต้นปี 2020 ตอนต้นมกราคม เราจะเห็นว่าทั้งทางการจีนและองค์การอนามัยโลก บอกว่าโรคระบาดเกิดใหม่นี้ “ไม่แพร่จากคนสู่คน” (ไปค้นข่าวเก่า ๆ ก็ได้ครับ) แต่พอมาตอนปลายเดือน ทั้งคู่พลิกว่ามันระบาดจากคนสู่คนได้ และหลาย ๆ ประเทศก็ต้องป้องกันอย่างเข้มงวด ซึ่งตอนนั้นแหละที่หลาย ๆ ประเทศเริ่มระงับเที่ยวบินจากอู่ฮั่นกัน
.
ตรงนี้ ดูในภาพใหญ่ ๆ เราก็อาจเห็นว่าไม่มีอะไรผิด เพราะองค์การอนามัยโลกต้องพูดตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว และถ้ายังไม่มีหลักฐานชัด ๆ ว่าแพร่จากคนสู่คน ก็ต้องบอกว่ามันไม่แพร่จากคนสู่คน ส่วนถ้ามีหลักฐานแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนไปบอกว่าสามารถแพร่จากคนสู่คน อันนี้ไม่ใช่เรื่องผิด เป็นแนวทางปกติของวิทยาศาสตร์ครับ ข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปตามหลักฐาน
.
แต่ปัญหาน่ะ คือไอ้เรื่องกลาง ๆ เดือนมกราคม
.
ทางสำนักข่าว AP รายงานว่า มันมีบันทึกการประชุมภายในของรัฐบาลจีนตั้งแต่วันที่ 14 มกราคมแล้ว ซึ่งตอนนั้นทางการจีนเริ่ม “รู้” แล้วว่าการระบาดจากคนสู่คนเป็นไปได้ และสั่งให้รัฐบาลท้องถิ่นต่าง ๆ เตรียมรับมือจากการระบาด
.
อย่างไรทางการจีนก็เก็บเรื่องนี้เงียบเอาไว้ไม่ให้คนจีนรู้ ไม่ให้ชาวโลกรู้ถึง 6 วัน ก่อนจะประกาศอย่างเป็นทางการว่ามีโรคระบาดเกิดใหม่จริง ๆ และมันติดต่อจากคนสู่คนได้ ในวันที่ 20 มกราคม 2020
.
คำถามคือ การเก็บเงียบเรื่องนี้ไว้แค่ 6 วันนี่มีประเด็นมั้ย?
.
คำตอบคือ มีแน่ ๆ เพราะพอข้อมูลนี้ออกมา ชาวโลกก็ยิ่งเกลียดรัฐบาลจีนเลย เพราะ 6 วันที่ว่านี่มีความหมายมาก ถ้าชาวโลกรู้เร็วกว่านี้ 6 วัน จำนวนตัวเลขผู้ป่วยและผู้ตายของ COVID-19 คงไม่สูงขนาดนี้ (อย่างน้อยแทบทุกชาติก็คิดแบบนั้น)
.
ซึ่งถามว่าใครจะเป็นผู้ผิด ที่ “ปล่อย” ให้จีนเก็บเรื่องนี้เอาไว้ 6 วัน คำตอบคือองค์การอนามัยโลก ที่ไม่ยอมไป “จี้” ให้จีนเปิดเผยข้อมูล “ทั้งหมด” อย่างทันท่วงที
.
และนี่คือที่มาที่ไปและเหตุผลที่ Donald Trump กล่าวโลก และขู่จะตัดงบองค์การอนามัยโลก คือมันไม่ใช่ไม่มีมูลครับ มันมี เพียงแต่หลาย ๆ คนเขาก็ไม่เห็นด้วยว่าตอนนี้มันใช่เวลาที่จะตัดงบองค์การอนามัยโลก
.
อ้างอิง: https://cnn.it/2XDvOjD
https://bbc.in/34FSIbw
https://bit.ly/34EkYeR
.
#Covid19 #WHO #Trump #BrandThink
#ส่งต่อความคิดสู้Covid19
#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
#sharingIsEmpowering
อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
Instagram: instagram.com/brandthink.me
Website: www.brandthink.me
Twitter: twitter.com/BrandThinkme
-
Setiawan
ไฟป่า กำลังเผาไหม้ใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนปิลตามที่เห็นในข้อมูล Sentinel-2 เมื่อวันที่ 12/04/2020 ️พื้นที่ที่ถูกไฟไหม้ปรากฏขึ้น สีแดงเข้มขึ้น ไฟที่ใช้งานจะแสดงเป็นสีเหลือง
Wildfires are burning very close to the Chernobyl Nuclear Power Plant seen in the Sentinel-2 data on 12/04/2020 ️ burned areas show up in the darker red colours, active fires show as yellow.
-
#ข่าวด่วน! รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศสภาวะฉุกเฉินแล้วทั้งประเทศแล้ว!!
โดยรัฐบาลมีอำนาจในการสั่งปิดร้านและยกเลิกกิจกรรมที่มีผู้คนรวมตัวกันได้ทั้งประเทศแล้ว แต่ยังไม่มีการปิดเมืองหรือสั่งให้ประชาชนอยู่บ้าน เนื่องจากแค่ขอความร่วมมือเหมือนเดิม
รวมถึงรถไฟที่แออัดก็ยังไม่หยุดวิ่ง แต่มีการเปลี่ยนแปลงเวลาแค่ในบางช่วงเท่านั้น
ล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นตอนนี้ใกล้จะแตะ 10,000 รายแล้ว
รัฐบาลขอให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นอยู่ที่บ้าน ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นต้องออก ถือว่าเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในตอนนี้..
กดติดตามเพจเรา "คนไทยในญี่ปุ่น" เพื่อรับข่าวสารระหว่างไทยและญี่ปุ่น
อ้างอิง : https://headlines.yahoo.co.jp/hl?a=20200416-00010027-abema-soci
-
ฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1 รายวันนี้! รวมยอดสะสม 1,017 ราย
ฮ่องกงได้แถลงเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มเพียง 1 ราย โดยนับเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันแล้วที่พบผู้ติดเชื้อด้วยจำนวนตัวเลขหลักเดียว รวมยอดสะสมทั้งหมด 1,017 ราย
ซึ่งยังเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่มีผู้ติดเชื้อวันนั้น 1 รายเช่นกัน
โดยผู้ที่เพิ่งได้รับการยืนยันติดเชื้อวันนี้ เป็นนักเรียนหญิงวัย 19 ปีที่เรียนอยู่ที่อังกฤษ และได้กลับมาฮ่องกงวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา โดยเธอเริ่มมีอาการเจ็บคอและมีไข้
อย่างไรก็ดี Dr Chuang Shuk-kwan หัวหน้าสาขาโรคติดต่อของศูนย์คุ้มครองสุขภาพยังคงแนะนำให้ประชาชนป้องกันตนเองต่อไปและอย่าเพิ่งวางใจในสถานการณ์
“เรายังคงต้องดูสถานการณ์ไปอีกหลายวันหรือมากกว่านั้น เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน และอย่างที่ทุกคนทราบมีคนจำนวนมากออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านเมื่อช่วงวันหยุดอีสเตอร์ที่ผ่านมา” Dr Chaung กล่าว
***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***
Source : https://www.scmp.com/news/hong-kong...-kong-confirms-just-one-new-coronavirus-case?
#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong
หน้า 3836 ของ 11171