(May 10) ยอดรูดปรื๊ดติดลบ50% “เศรษฐีหยุดช็อปปิ้ง” : “บัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคล” หดตัว 3 เดือนต่อเนื่อง โควิด-19 พ่นพิษ”เศรษฐีหยุดช็อปปิ้ง” สาวโรงงานรายได้ลดถูกปิดบัญชี ยกเลิกใช้บัตร”กรุงศรี คอนซูมเมอร์” ยอดรูดบัตรเครดิตไตรมาส 2 ติดลบ 50% ขณะที่แบงก์เร่ง “ตัดหนี้สูญ-ปรับโครงสร้างหนี้” รับมือสัญญาณผิดนัดชำระพุ่งสินเชื่อบุคคลหดตัว 3 เดือนติด
นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิตของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ (ไม่รวมน็อนแบงก์) ของปีนี้ พบว่า ยอดสินเชื่อคงค้างปรับลดลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคล (พีโลน) ลดลง 3 เดือนติดต่อ (ธ.ค. 62-ก.พ. 63) โดยเฉพาะเดือน ก.พ.ลดลงถึง 2 หมื่นล้านบาท จากยอด 3 เดือนปรับลดลงราว 2.12 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ภาพรวมสินเชื่อส่วนบุคคลทั้งระบบ ณ เดือน ก.พ. 2563 มียอดคงค้างอยู่ที่ 565,583 ล้านบาท จาก ธ.ค. 2562 อยู่ที่ 579,911 ล้านบาท เท่ากับปรับลดลงราว 14,328 ล้านบาท ซึ่งพบว่าเป็นผลจากยอดสินเชื่อคงค้างของธนาคารพาณิชย์ปรับลดลงค่อนข้างแรง จึงกระทบต่อภาพรวมทั้งระบบ
รูดปรื๊ดลดลง 4.3 หมื่นล้าน
ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิต 2 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 30,128 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดคงค้างทั้งระบบ ณ กุมภาพันธ์ 2563 อยู่ที่ 413,606 ล้านบาท จากเดือนธันวาคม 2562 อยู่ที่ 457,090 ล้านบาท ปรับลดลงราว 43,484 ล้านบาท สำหรับตัวเลขของกลุ่มน็อนแบงก์พบว่า ยอดสินเชื่อคงค้างสินเชื่อส่วนบุคคลไม่ได้ปรับลดลง แต่มีการปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 6,473 ล้านบาท
“สินเชื่อทั้ง 2 ตัวลงค่อนข้างหนัก ส่วนหนึ่งมีปัจจัยจากการชำระหนี้คืน หรือการปิดบัตรเพื่อย้ายเข้าโครงการรีไฟแนนซ์ไปแบงก์รัฐที่มีโปรโมชั่นตามนโยบายของภาครัฐ โดยเฉพาะสินเชื่อคลีนโลนเห็นการลดลงฮวบ ๆ จากปีก่อน จึงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม”
“ปิดบัญชี-ตัดหนี้สูญ” พุ่ง
นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล กล่าวว่า สัญญาณการปรับลดลงของยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล มาจาก 2 ส่วน คือ 1.ยอดการปิดบัญชี ซึ่งพบว่าในช่วง ม.ค.-ก.พ.มีการชำระคืนและปิดบัญชีค่อนข้างเยอะ และ 2.การตัดหนี้สูญของแบงก์ และเข้าโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งมีการแฮร์คัตปรับลดมูลหนี้จาก 100% เหลือ 50% จากเดิมที่จะต้องรอให้ลูกค้าอาการหนัก ค้างชำระเกิน 3 เดือนก่อน แต่ปัจจุบันบริษัททำเร็วขึ้น ส่งผลให้ตัวเลขปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ ธ.ค. 2562
“ตัวเลข 4 เดือนแรกของปีนี้ ของกรุงศรี คอนซูเมอร์ มีการปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้นกว่า 25-30% จากปีก่อนเฉลี่ย 5,000-6,000 บัญชีต่อเดือน และคาดว่าตัวเลขการปรับโครงสร้างหนี้จะเพิ่มขึ้นอีก ต้องติดตามใกล้ชิดในไตรมาส 2”
เศรษฐีหยุดช็อป-ยอดบัตรร่วง
นายฐากรกล่าวว่า ภาพรวมยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิต/สินเชื่อบุคคล ยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องทั้งปี เนื่องจากไตรมาสที่ 2 สินเชื่อโตติดลบ แม้ว่าไตรมาสที่ 3-4 หวังว่ากำลังซื้อผู้บริโภคจะกลับมา ก็จะได้รับการอนุมัติน้อยลง เพราะคุณภาพและรายได้ของลูกหนี้ไม่เหมือนเดิม และเป็นไปได้ที่สถาบันการเงินจะเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยปรับเงื่อนไขประเมินความเสี่ยง (เครดิตสกอริ่ง) และขยับรายได้ผู้กู้ขั้นต่ำผู้เพิ่มเป็น 3 หมื่นบาทต่อเดือน เป็นกลุ่มระดับบนมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นตลาดที่มีขนาดเล็ก ทำให้ต้องมีการปรับกลยุทธ์ จากเดิมจะใช้ความเร็ว ราคา และดอกเบี้ย เป็นตัวดึงลูกค้า แต่ปัจจุบันอาจจะใช้ไม่ได้ อาจต้องปรับมาใช้เทคโนโลยีเข้ามาด้วย
“แนวโน้มการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในช่วงไตรมาส 2-3 จะยังไม่สามารถกลับมาขยายตัวได้ และคาดว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรในไตรมาส 2 จะปรับลดลงประมาณ 50% มูลค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 8.3 หมื่นล้านบาท และประเมินว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งปีจะอยู่ที่ 2.4 แสนล้านบาท โตติดลบ -30% จากยอดปีก่อนอยู่ที่ 3.4 แสนล้านบาท”
สอดคล้องกับ นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ภาพรวมยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิตปัจจุบันลดลงราว 14% เป็นผลจากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรลดลง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง หรือ wealth based ซึ่งมีวงเงินใช้จ่ายผ่านบัตรค่อนข้างสูง แต่ปัจจุบันกลุ่มนี้ชะลอการใช้จ่าย หยุดซื้อสินค้าอย่างชัดเจน ส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้างลดลงค่อนข้างหนัก
ทั้งนี้ หมวดการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ปรับลดลง เช่น ท่องเที่ยวต่างประเทศ ตั๋วเครื่องบิน ห้างสรรพสินค้า และสินค้าแบรนด์เนม เป็นต้น ขณะที่ยอดการปรับโครงสร้างหนี้สอดคล้องและเป็นไปตามมาตรการของ ธปท.
ปิดโรงงานถูก “ยกเลิกบัตร”
ขณะที่นางสาวณญาณี เผือกขำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต “กรุงศรี เฟิร์สช้อยส์” เปิดเผยว่า จำนวนบัญชีสินเชื่อที่ลดลง ตามรายงานของ ธปท.มาจาก 2 ส่วนหลัก คือ 1.ลูกค้าเก่าที่มีสัญญาณผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 เช่น โรงงานปิด ถูกลดเงินเดือน ทำให้ไม่มีกำลังในการชำระหนี้ และผิดนัดชำระหนี้เกิน 60 วัน กลุ่มนี้โดยธรรมชาติบัญชีจะถูกปิดไม่สามารถใช้บัตรได้
และ 2.กลุ่มลูกค้าใหม่ ที่ได้รับการอนุมัติวงเงินสินเชื่อน้อยลง ส่วนหนึ่งมาจากธนาคารเข้มงวดมากขึ้น ประกอบกับสถานที่ให้บริการถูกปิดชั่วคราวจากมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้การเปิด “บัญชีใหม่” ไม่โต ส่งผลจำนวนบัญชีลดลงเมื่อเทียบช่วงปีก่อน อย่างไรก็ดี บริษัทพบว่าลูกหนี้มีสัญญาณการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจและผลกระทบจากโควิด-19 ที่ขยายวงกว้าง
ทั้งนี้ ธปท.รายงานว่า จำนวนบัญชีสินเชื่อส่วนบุคคล ณ เดือน ก.พ. 2563 ทั้งระบบอยู่ที่ 12.87 ล้านบัญชี ลดลง 6.43 แสนบัญชี จาก ธ.ค. 2562 ซึ่งมีจำนวน 13.52 ล้านบัญชี แบ่งเป็น ธนาคารพาณิชย์ 3.08 ล้านบัญชี ลดลง 3.64 แสนบัญชี และ nonbank 9.79 ล้านบัญชี ลดลง 2.79 แสนบัญชี
ขณะที่บัญชีบัตรเครดิต เดือน ก.พ. 2563 ทั้งระบบอยู่ที่ 23.84 ล้านใบ เพิ่มขึ้นจาก ธ.ค. 2562 จำนวน 2.24 แสนใบ แบ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ 11.68 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 7.05 หมื่นใบ และ nonbank อยู่ที่ 12.15 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 1.53 แสนใบ
Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/finance/news-462107
ติดตามสถานะการณ์
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.
หน้า 3950 ของ 11172
-
-
บอร์ดประกันสังคมไม่จ่าย75% กฎหมายเปิดช่อง รัฐมนตรีชงครม.ชี้ขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุว่า จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่มการจ่ายเงินกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 เพิ่มขึ้นจาก 62% เป็น 75% แต่ไม่เกินเพดาน 15,000 บาท ให้เท่ากับกรณีนายจ้างสั่งให้หยุดงานและจ่ายเงินให้ลูกจ้าง 75% ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน เพื่อเป็นการช่วยเหลือทั้งนายจ้างและลูกจ้างในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
บอร์ดเอกฉันท์ไม่จ่ายเงินเพิ่ม
นายธีระวิทย์ วงศ์เพชร หนึ่งในคณะกรรมการประกันสังคม ตัวแทนฝ่ายลูกจ้าง (ชุดที่ 13) เปิดเผย“ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในการประชุมบอร์ดประกันสังคมครั้งล่าสุด (7 พ.ค. 63) ได้มีการนำเสนอวาระพิจารณา 2 เรื่อง คือ เพิ่มสัดส่วนชดเชยผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบและเป็นเหตุสุดวิสัยเพิ่มจาก 62% เป็น 75% ของค่าจ้างรายวัน โดยไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน พร้อมกับเสนอให้ขยายเวลาชดเชยจาก 3 เดือน เป็นยาวถึงสิ้นปี และ 2.การปรับลดส่งเงินสมทบของนายจ้างเหลือเพียง 1% จากเดิมที่ 4% โดยให้เหตุผลว่าสัดส่วนเดิมที่เยียวยาไม่พอใช้ในแต่ละเดือน อีกทั้งคาดการณ์ว่าปัญหาโควิด-19 น่าจะลากยาวไปจนถึงสิ้นปี
อย่างไรก็ตาม บอร์ดประกันสังคมมีมติเป็นเอกฉันท์ “ไม่อนุมัติ” ทั้ง 2 ประเด็น ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนทั้งจากฝั่งนายจ้าง ลูกจ้าง ที่ปรึกษา รวมถึงตัวแทนจากกรมบัญชีกลาง ก็ยังมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันอีกด้วย โดยฝ่ายลูกจ้างแสดงความเห็นว่า เมื่อประเมินจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว “ไม่มีความจำเป็น” อีกทั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ บอร์ดประกันสังคมได้พิจารณาให้การเยียวยาผู้ประกันตนว่างงานไปแล้ว (14 เม.ย. 63)
หวั่นกองทุน 1.6 แสนล้าน เกลี้ยง
โดยมติบอร์ดให้เหตุผลว่า 1) เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย จะมีผู้ตกงานตามมาอีกเป็นจำนวนมาก 2) กังวลว่าเงินใน “กองทุนว่างงาน” จะถูกใช้จนหมด โดยที่ไม่มีแผนสำรองว่าจะบริหารจัดงานอย่างไร และ 3) จะมีผู้ตกงานจากส่วนที่เป็นสัญญาจ้าง (subcontract) จากรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งหากนำเงินจากกองทุนว่างงานที่มีอยู่ 1.6 แสนล้านบาท มาใช้โดยไม่จำเป็น ในอนาคตจะบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนในอนาคตอย่างไร
“ในข้อเท็จจริงที่ผ่านมา กลุ่มสมาพันธ์ลูกจ้างต่าง ๆ ได้นำเสนอให้ใช้เงินจากกองทุนว่างงานเพียง 50% เท่านั้น ซึ่งที่ประชุมบอร์ดก็คุยกันตัวเลขนี้ แต่ในการประชุมบอร์ดครั้งก่อนก็เสนอตัวเลข 62% เข้ามาพิจารณาและอนุมัติเพื่อชดเชยให้กับ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจที่ภาครัฐสั่งปิดกิจการ และนายจ้างที่ปิดกิจการเองชั่วคราว และเมื่อ ครม.ขยายมาตรการเยียวยาโดยให้โควิด-19 เป็นเหตุสุดวิสัยนั้น ทำให้ต้องมีการใช้เงินมากขึ้น อีกทั้งเชื่อว่าเงินกองทุนว่างงานนี้จะต้องถูกใช้จนหมดแน่นอน”
กฎหมายเปิดช่อง “รมว.” ชง ครม.
นายธีระวิทย์กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สถานการณ์และการระบาดของโควิด-19 น่าจะยังส่งผลกระทบไปจนถึงสิ้นปี อีกทั้งจะมีผู้ประกันตนได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นอีกมาก ฉะนั้นต้องยอมรับว่า ทั้งในกลุ่มลูกจ้างด้วยกันก็มีความเห็นที่แตกต่าง โดยเฉพาะผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือลูกจ้าง ผู้ซึ่งทำงานให้กับนายจ้างที่อยู่ในสถานประกอบการ ที่มีทั้งการปิดกิจการแบบถาวร หรือปิดชั่วคราว จะค่อนข้างได้รับผลกระทบอย่างหนัก และต้องการความช่วยเหลือที่รวดเร็ว หรือแม้แต่ภายในบอร์ดประกันสังคมเองก็ตาม ก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันในการแก้ปัญหาครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในที่ประชุมบอร์ดประกันสังคมจะมีมติไม่อนุมัติให้เพิ่มเงินชดเชยให้กับผู้ประกันตน แต่กระทรวงแรงงานก็ยังสามารถนำเรื่องดังกล่าวเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ เพราะตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม ได้ระบุอำนาจหน้าที่ของบอร์ดประกันสังคมเป็นผู้ให้คำปรึกษา ตั้งข้อสังเกตได้เพียงเท่านั้น
ทั้งก่อนหน้านี้ได้มีการนำเสนอให้สำนักงานประกันสังคม ควรเป็น “องค์กรอิสระ” เพื่อให้มีความคล่องตัวในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จากเหตุผลดังกล่าวเชื่อมั่นว่า หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รมว.กระทรวงแรงงาน จะยื่นเรื่องรายละเอียดเพิ่มเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19
รายงานข่าวระบุเพิ่มเติมถึงการดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือแรงงาน เมื่อ 5 พ.ค. 63 ประกันสังคมได้เริ่มทยอยจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนจากการว่างงานแล้ว 990,523 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้วินิจฉัยอนุมัติแล้ว 492,273 ราย รวมเป็นเงิน 2,563.612 ล้านบาท
เสี่ยงขัด พ.ร.บ.ประกันสังคม
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการประกันสังคมเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การดำเนินการตามนโยบาย หากไม่สอดคล้องกับมติบอร์ดก็มีความเสี่ยง และมีความล่อแหลมว่า การพิจารณาจ่ายเพิ่มเป็น 75% จะขัดกับ พ.ร.บ.กองทุนประกันสังคมฯ อย่างไรก็ตาม แนวทางตามนโยบายที่รัฐมนตรีแรงงานเสนอ ก็ยังสามารถนำสู่การพิจารณาของ ครม.ในสัปดาห์หน้าได้ โดยรัฐมนตรีสามารถใช้อำนาจลงนามหนังสือเพื่อเสนอมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์ทดแทนการว่างงานจากโควิดเป็น 75% ได้โดยตรง
สำหรับสถานะของกองทุนประกันสังคมขณะนี้ ยังมีเพียงพอที่จะใช้รับภาระการจ่ายเงินชดเชยต่าง ๆ ได้ แต่ในอนาคตต้องหาแนวทางในการ “เพิ่ม” เม็ดเงินให้กับกองทุนประกันสังคม เพราะก่อนหน้านี้ รัฐบาลไม่เห็นชอบให้นำเงินกู้จากโควิดของรัฐบาลมาเติม แต่ให้กระทรวงแรงงานหาแนวทางเพิ่มเงินกองทุนเอง ซึ่งเป็นไปได้หรือไม่ที่จะดึงงบประมาณของกระทรวงส่วนหนึ่งมาเพิ่มให้กองทุน เพราะขณะนี้กองทุนมีรายรับจากเงินสมทบประกันสังคมลดลง ประกอบกับมีรายจ่ายจากการชดเชยต่าง ๆ กรณีว่างงานเพิ่มขึ้น
สมาพันธ์ SMEs ร้องขอเพิ่ม
ด้านนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช เลขาธิการสมาพันธ์ SMEs ไทย เปิดเผยว่า สมาพันธ์ได้นำคณะเข้าพบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อขอให้เพิ่มมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง โดยขอให้ประกันสังคมช่วยจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้าง ในกรณีนายจ้างหยุดงานชั่วคราวโดยเหตุสุดวิสัย เพิ่มจาก 62% เป็น 70-75%
รวมทั้งขอให้ประกันสังคมรช่วยเหลือผู้ประกอบการจะได้มีสภาพคล่องพยุงการจ้างงาน โดยการขยายโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน วงเงิน 30,000 ล้านบาท และปรับเงื่อนไขการกู้ โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้แทน สัดส่วน 10-20% ของวงเงินที่ผู้ประกอบการจ่ายสมทบ ดอกเบี้ยต่ำ 3% หรือปลอดดอกเบี้ย 6 เดือน-1 ปี เพื่อเข้าถึงเงินทุนได้มากขึ้น
https://www.prachachat.net/csr-hr/news-461852
-
หลักฐานเริ่มชัดว่า โคโรนาไวรัสไม่ได้เริ่มระบาดจากจีน หรือหลุดออกมาจากห้องแลปที่เมืองอู่ฮั่น
แพทย์ของโรงพยาบาลอัลเบิร์ต ชไวเซอร์ แห่งโคลมาร์ทางตะวันออกของฝรั่งเศสกล่าวในรายงาน (7 พ.ค.) ว่า พวกเขาได้พบหลักฐานว่า ในประเทศฝรั่งเศส มีผู้ป่วย COVID-19 คนแรกๆ ในประเทศ แล้วตั้งแต่ วันที่ 16 พฤศจิกายน
มิเชล ชมิตต์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของแผนกเอ็กซเรย์ทางการแพทย์ ที่โรงพยาบาลอัลเบิร์ตชไวเซอร์ ทำการศึกษาย้อนหลังภาพสแกนหน้าอก 2,456 ภาพ ในแผนกของเขา ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายนถึง 30 เมษายน พบรอยโรคที่แตกต่างกันหลากหลาย ได้แก่ ปอดหัวใจและบาดแผล
จากการย้อนดูภาพทั้งหมด พวกเขาพบว่ามีภาพที่แสดงถึงรอยโรคลักษณะโควิด-19 ในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นเวลาหลายเดือนก่อนจะพบผู้ป่วยคนแรกของฝรั่งเศสตามรายงานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 มกราคม แต่อุบัติการณ์ระบาดในระยะเป็นไปอย่างเชื่องช้า ๆ จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตามคำกล่าวของชมิตต์ ยังมีบางกรณีที่มีการแพร่กระจายไปแล้วในภูมิภาคเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน
แพทย์บอกว่าไวรัสแพร่กระจายเป็นระยะ ๆ และการแพร่กระจายเร่งขึ้นในช่วงปลายปี เช่น ช่วงคริสต์มาสการเฉลิมฉลองกับครอบครัวจนกระทั่งการระบาดเกิดขึ้นหลังจากการชุมนุมทางศาสนาในเมืองมูลูสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ฌอง-ฟิลิป แมสซอง ประธานสหพันธ์แพทย์รังสีวิทยาแห่งชาติ (FNMR) กล่าวว่าการศึกษานี้มีความน่าเชื่อถือเนื่องจาก COVID-19 ระบุว่ามีรอยโรคเฉพาะ 4 รอยโรคและสามารถสังเกตได้จากการสแกนทรวงอก
โรงพยาบาลยังได้ร่วมมือกับศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติของฝรั่งเศส (CNRS) เพื่อเริ่มการวิเคราะห์ทางระบาดวิทยา ตามข้อมูลทางชีวภาพและบันทึกผู้ป่วยในเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ประเทศฝรั่งเศส พบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกได้รับการวินิจฉัยยืนยัน ในเมืองโคลมาร์ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์และมีการบันทึกผู้เสียชีวิตคนในวันที่ 4 มีนาคม
https://mgronline.com/china/detail/9630000048673
-
โควิด 19 ของในห้างหลังปิดไป 2 เดือน
.
นี้คือข้าวของในห้างสรรพสินค้าหลังปิดห้างไป 2 เดือนเพราะโควิด19ที่มาเลเซีย
ไม่แน่ใจว่าของไทยยังไงบ้างแต่ที่มาเลเซียเป็นเมืองร้อนชื้น ความชื้น + ไม่ได้ปรับอากาศทำให้รามา
-
พ่อลูกโกยข้าวของ “ตู้ปันสุข” หมดเกลี้ยง ลั่น “คนอื่นเอาเยอะกว่าอีก”
ตู้ปันสุข – พ่อลูกสุดเห็นแก่ตัวบึ่งจักรยานยนต์มาโกยข้าวสาร อาหารแห้ง ที่ประชาชนใจบุญนำมาบริจาคภายในคอนเซ็ปต์ “หยิบไปแต่พอดี ถ้ามีใส่ตู้แบ่งปัน” เผยพฤติกรรมขนน้ำเปล่า ข้าวสาร ไข่ และของที่มีคนเพิ่งนำมาใส่ตู้นำไปใส่ตะกน้าหน้ารถจยย.ไม่เหลือแบ่งผู้อื่น
ข้อความของผู้บริจาค ตู้ปันสุข ถ่ายทอดผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ มีอะไรบอกด้วย อุบลราชธานี เผยพฤติกรรมพ่อลูกโกยของใส่ตระกร้าหน้ารถ แถมมีการบอกว่า “คนอื่นเอาเยอะกว่านี้อีก” ระบุว่า “วันนี้หนูเป็นคนนึงที่มีโอกาสได้ไปเติมของใส่ตู้ที่หน้าร้านสันติและหน้าพิพิธภัณฑ์อุบลค่ะ เมื่อไปถึงตู้หน้าพิพิธภัณฑ์ ไปเจอรถมอเตอร์ไซน์ 2 คัน พ่อและลูกชาย 3 คน มาหอบของในตู้จนหมดค่ะ คันพ่อเอาน้ำเปล่าใส่ตะกร้าหน้ารถจนเต็ม จนไม่สามารถใส่อะไรได้อีก และมีถุงพลาสติกใส่ไข่น่าจะ 1-2 ถาดค่ะ ส่วนคันลูกชาย มีตระกร้าใบใหญ่ ใส่ของจนเต็มและเอาผ้าปิดบังไว้ ในตู้เหลือน้ำเปล่าแค่ 4-5 ขวดเอง คือเกลี้ยงตู้เลยค่ะ เลยลงรถไปถาม #พอลงรถคนพ่อขับหนีค่ะเลยถามลูกว่าไม่แบ่งคนอื่นเลยเหรอ #ลูกก็บอกว่าคนอื่นเอาเยอะกว่าผมอีก”
The post พ่อลูกโกยข้าวของ “ตู้ปันสุข” หมดเกลี้ยง ลั่น “คนอื่นเอาเยอะกว่าอีก” appeared first on SpringNews.
Source : #Springnews #สปริงนิวส์
-
#มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
สัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงซบเซาชี้จากยอดการจ้างงานและอัตราการว่างงานในสหรัฐฯซึ่งอยู่ในระดับตกต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์
ติดตามแนวโน้มการผ่อนคลายมาตรการ Lockdownและรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของจีนในระยะสั้นตลาดมีโอกาสเดินหน้าเปิดความเสี่ยง (Risk-On) จากความหวังแนวโน้มเศรษฐกิจที่อาจดีกว่าคาด หลังการเปิดเมืองและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
เรามองว่า เงินดอลลาร์จะไม่ใช่สินทรัพย์ที่น่าสนใจภายใต้ภาวะเปิดรับความเสี่ยง โดยตลาดจะเลือกถือสกุลเงินอื่นๆ อาทิ สกุลเงินยูโรและค่าเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (EM Asia FX)เช่น เงินบาท กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้
#กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 31.95-32.45 บาท/ดอลลาร์
ฝั่งสหรัฐฯ –ตลาดคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงซบเซา โดยยอดค้าปลีก (Retail Sales)เดือนเมษายนจะลดลงถึง 12%จากเดือนก่อนหน้า แย่ลงจากเดือนมีนาคมที่หดตัวราว 9% ขณะเดียวกัน ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment)ในเดือนพฤษภาคมก็มีแนวโน้มลดลงสู่ระดับ 68 จุด จากระดับ 71.8จุด ในเดือนก่อนหน้า สะท้อนว่าแนวโน้มการบริโภคของครัวเรือนอเมริกันจะยังคงหดตัวต่อเนื่อง กดดันยอดค้าปลีกในเดือนพฤษภาคมเช่นกัน
ฝั่งยุโรป – แม้ว่านักวิเคราะห์ต่างมอง เศรษฐกิจยุโรปในไตรมาสแรกจะได้รับผลกระทบจากมาตรการ Lockdown ทำให้ทั้งเศรษฐกิจอังกฤษและเยอรมนีจะหดตัวราว 2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ตลาดจะเริ่มมีความหวังว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปอาจเริ่มดีขึ้น หลังหลายประเทศจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Lockdown หนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงการเมืองยุโรปในประเด็น Brexitก็จะเริ่มกลับมาเป็นจุดสนใจ
โดยอังกฤษและตัวแทนสหภาพยุโรปจะมีกำหนดประชุมเพื่อหารือแนวทางข้อตกลง Brexitโดยเฉพาะประเด็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านหรือ Transition period ว่าจะสิ้นสุดลงในปีนี้หรือไม่
ฝั่งเอเชีย – ตลาดมองว่า เศรษฐกิจมาเลเซียในไตรมาสแรกของปี 2020 จะหดตัวราว 1.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แย่ลงจากที่โตได้ 3.6% ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นจากการระบาดของ COVID-19 ที่กดดันทั้งการบริโภค การส่งออกสินค้า การท่องเที่ยวและการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่เศรษฐกิจจีนจะส่งสัญญาณการฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่จะเป็นการหนุนจากการบริโภคในประเทศ ชี้จากดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญรายเดือน อาทิ ยอดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (Fixed Asset Investment) จะหดตัว 9% ดีขึ้นจากที่ หดตัวถึง 16% ในเดือนก่อน ส่วนยอดค้าปลีก (Retail Sales) จะหดตัวราว 6% ดีขึ้นจากที่หดตัวราว 16%ก่อนหน้า ขณะที่ยอดการผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production)จะพลิกขยายตัว 1.5% ดีขึ้น จากที่หดตัวถึง 1.1% ในเดือนก่อน ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวจะสะท้อนว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวดีขึ้น หลังทางการจีนเริ่มเปิดเมือง ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ
Cr : Poon Panichpibool Investing.com
-
อุตสาหกรรมการบินโลกกระอักพิษโควิด รัฐอุ้มก็อาจไม่รอด
: ธุรกิจสายการบินได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสชัดเจนและรุนแรงมากที่สุด เนื่องจากรัฐบาลทั่วโลกบังคับใช้มาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ไม่ว่าจะเป็นการล็อกดาวน์ หรือจำกัดการเดินทาง ทำให้ผู้คนไม่สามารถเดินทางได้ตามปกติ
จากข้อมูลของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) พบว่า เกือบสองในสามของเครื่องบินพาณิชย์ทั่วโลกที่มีอยู่ทั้งหมด 26,000 ลำต้องยุติการบิน ส่งผลให้พนักงานสายการบินทั่วโลกราว 25 ล้านคนเสี่ยงจะได้รับผลกระทบ
และในปีนี้สายการบินทั่วโลกจะมีรายได้จากการขายตั๋วลดลง 314,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และครึ่งหนึ่งของสายการบินเหล่านี้จะต้องพบกับการล้มละลายภายใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล
1.ความรุนแรงของความเสียหายในธุรกิจการบินชัดเจนขึ้นหลังจากสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปอย่าง Flybe ของอังกฤษเงินขาดมือจนต้องประกาศล้มละลายเมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ไม่ถึง 2 เดือนหลังจากบริษัทสามารถตกลงเงื่อนไขรับมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลอังกฤษ ส่งผลให้พนักงานราว 2,400 ชีวิตถูกลอยแพ
2.สายการบิน Virgin Australia ของมหาเศรษฐีอารมณ์ดี ริชาร์ด แบรนสัน ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลียกลายเป็นสายการบินแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เข้าสู่กระบวนการล้มละลายเมื่อวันที่ 21 เม.ย. หลังจากรัฐบาลออสเตรเลียไม่อนุมัติเงินกู้ ต้องตัดลดพนักงานราว 8,000-10,000 ตำแหน่งทั้งพนักงานที่ไม่จำเป็นและการเลย์ออฟชั่วคราว
3.สายการบิน Virgin Atlantic สายการบินสัญชาติอังกฤษซึ่งเป็นของแบรนสันเช่นกันก็ตกอยู่ในชะตาเดียวกันหลังจากรัฐบาลอังกฤษไม่อนุมัติเงินกู้ ทางสายการบินประกาศว่าจะปลดพนักงาน 3,150 ตำแหน่ง หรือราว 1 ใน 3 ของพนักงานทั้งหมด และจะหยุดให้บริการที่สนามบินแกตวิกในกรุงลอนดอนของอังกฤษ
4.IAG บริษัทแม่ของสายการบิน British Airways ที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ประสบภาวะขาดทุนจากการประกอบการถึง 535 ล้านยูโร หรือราว 18,713 ล้านบาทในไตรมาสแรก ทำให้สายการบิน British Airwaysประกาศปลดพนักงาน 12,000 คน หลังจากพักงานไปก่อนหน้านี้แล้ว 23,000 คน
5.สำนักข่าว BBC ยังรายงานว่า British Airways มีแผนจะปิดฐานปฏิบัติงานที่สนามบินแกตวิกในกรุงลอนดอนซึ่งเป็นฐานที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสายการบิน ขณะที่ อเล็กซ์ ครูซ ซีอีโอ แจ้งพนักงานว่า สายการบินกำลังเผชิญกับวิกฤตที่รุนแรงกว่าที่เคยเผชิญหลังการระบาดของซาร์สและเหตุการณ์ระเบิดตึก 9/11
6.สายการบิน Norwegian Air ของนอร์เวย์ หยุดบินราว 95% ของเส้นทางการบินทั้งหมดตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. และคาดว่าจะหยุดขึ้นบินไปจนถึงปีหน้า และจะฟื้นตัวกลับมาบินเต็มที่ในปี 2022 ส่งผลให้ทางสายการบินต้องประกาศให้บริษัทนักบินและลูกเรือทั้งในเดนมาร์กและสวีเดนเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย กระทบกับนักบิน 1,500 คน และพนักงานต้อนรับกว่า 3,000 คน
7.สายการบิน Scandinavian Airlines ยกเลิกเที่ยวบินส่วนใหญ่ในเดือน เม.ย. ตัดลดพนักงาน 5,000 ตำแหน่ง หรือราว 40% ของพนักงานทั้งหมด เบื้องต้นรัฐบาลสวีเดนและเดนมาร์กอนุมัติค้ำประกันเงินกู้ 3,000 ล้านโครน หรือราว 9,466 ล้านบาท และ 146 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 4,712 ล้านบาทจากนอร์เวย์
8.สายการบิน Air France-KLM ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ถือหุ้นอยู่ประเทศละ 14% ขาดทุนในไตรมาสแรกของปีนี้ถึง 1,800 ล้านยูโร ซึ่งสูงกว่าตัวเลขขาดทุนในไตรมาสแรกของปีที่แล้วกว่า 5 เท่า อันเนื่องมาจากการตัดลดการบินลง 70-90% นอกจากนี้ยังมีแผนจะลดพนักงานราว 1,500-2,000 ตำแหน่งจากทั้งหมด 35,000 ตำแหน่ง รวมทั้งลดการบินอย่างน้อย 30% ในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้
9.สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า United Airlines สายการบินชั้นนำของสหรัฐมีแผนเลย์ออฟพนักงานระดับผู้บริหารราว 30% หรือราว 3,450 คน และคาดว่านักบินอาจตกงานราว 12,250 คน ขณะที่รัฐบาลสหรัฐปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่สายการบิน 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และทางสายการบินจะกู้เพิ่มจากกระทรวงการคลังอีก 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
10.สายการบิน Alitalia ของอิตาลีที่ประสบปัญหาทางการเงินจนต้องยื่นล้มละลายตั้งแต่ปี 2017 ถูกมรสุมโคโรนาไวรัสกระหน่ำซ้ำจากมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เที่ยวบินต่างระเทศลดลง 22% และเตรียมจะปลดพนักงานกว่า 6,800 คน จนรัฐบาลอิตาลีต้องอัดฉีดเงิน 500 ล้านยูโรเพื่อพยุงไม่ให้ล้มโดยแลกกับการเปลี่ยนสายการบินให้เป็นของรัฐ
11.Air Canada สายการบินที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดา ขาดทุนในไตรมาสแรก 1,050 ล้านเหรียญแคนาดา เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ทำกำไร 345 ล้านเหรียญแคนาดา และคาดว่าปริมาณการบินจะลดลงในไตรมาสที่สามจะลดลง 75% จากไตรมาสปัจจุบันที่ลดลง 85-90% ส่งผลให้ต้องพักงานพนักงานแล้ว 36,000 คน ทางสายการบินมองว่าผลกระทบจาก Covid-19 จะอยู่ไปอย่างน้อย 3 ปี
12.วิกฤตธุรกิจการบินยังส่งผลสะเทือนไปถึงผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่อย่างแอร์บัส ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของยุโรป ที่ต้องลดการผลิตเครื่องบินลง 1 ใน 3 เมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย. เนื่องจากสายการบินต่างๆ โดยเฉพาะ British Airways ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ยุติการสั่งเครื่องบินใหม่ ส่งผลให้แอร์บัสขาดทุนในไตรมาสแรก 481 ล้านยูโร จนต้องสั่งพักงานพนักงานทั้งในอังกฤษและฝรั่งเศสราว 6,200 คน
13.ฝั่งโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินของสหรัฐเจอมรสุมหนักหน่วงไม่แพ้กัน เมื่อกว่า 1 ปีที่แล้วเครื่องบิน 737 แม็กซ์ของโบอิ้งถูกสั่งจอดชั่วคราวหลังจากเหตุเครื่องบินตกไล่เลี่ยกัน 2 ครั้งในรอบ 5 เดือน เมื่อบวกกับการหยุดบินเนื่องจากโคโรนาไวรัส โบอิ้งจึงบาดเจ็บไม่น้อย โดยไตรมาสแรกของปีนี้ขาดทุนถึง 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับปีก่อนที่กำไร 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
14.โบอิ้งต้องปลดพนักงาน 10% ของพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ 160,000 คน หรือลดลง 16,000 คน รวมทั้งต้องหั่นตัวเลขการผลิตเครื่องบินรุ่นยอดนิยม รวมทั้ง 787 และ 777 เพราะคำสั่งซื้อหดหาย
15.การลดการผลิตเครื่องบินของทั้งโบอิ้งและแอร์บัสยังส่งผลกระทบไปถึง Spirit AeroSystems Holdings ผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินให้กับทั้งสองบริษัทยักษ์ใหญ่ รายได้ของ Spirit AeroSystems Holdings ในไตรมาสแรกที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ลดลงถึง 45% หรือคิดเป็นตัวเลขขาดทุน 163 ล้านเหรียญสหรัฐ
16.แม้ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเมื่อใดผู้คนทั่วโลกจะกลับมาเดินทางด้วยเครื่องบินอีกครั้ง แต่ผลการสำรวจของ IATA พบว่า นักเดินทาง 40% จะรออย่างน้อย 6 เดือนหลังจากควบคุมการแพร่ระบาดได้จึงจะกลับมาใช้บริการสายการบินอีกครั้ง
17.เดวิด คาลฮูน ซีอีโอโบอิ้งเผยว่า “ธุรกิจการบินต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าการเดินทางจะกลับมาเป็นเหมือนช่วงก่อน Covid-19 ระบาด” ส่วน กีโยม โฟรี ซีอีโอแอร์บัสเผยว่า อาจต้องใช้เวลาราว 3-5 ปีในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้โดยสารให้กลับมาเดินทางด้วยเครื่องบินในอัตราเดียวกับช่วงก่อนเชื้อโคโรนาไวรัสระบาด “ขณะนี้เราอยู่ท่ามกลางวิกฤตที่หนักที่สุดของธุรกิจการบินเคยพบมา”
18.อย่างไรก็ดี แม้จะควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว แต่การเดินทางด้วยเครื่องบินอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สายการบินหลายแห่ง อาทิ EasyJet มีแผนจะเว้นที่นั่งตรงกลางไว้ เพื่อให้ผู้โดยสารมั่นใจว่ามีการเว้นระยะห่างระหว่างกัน ส่วนKorean Air Lines มีนโยบายให้ลูกเรือสวมแว่นครอบตา หน้ากากอนามัย ถุงมือ และชุดป้องกันการติดเชื้อขณะให้บริการ
19.ส่วนฝั่งผู้โดยสารอาจต้องแบกรับค่าตั๋วเครื่องบินที่สูงขึ้น การตรวจคัดกรองด้านสุขภาพที่เข้มงวดขึ้น
อย่างที่ วอร์เรน บัฟเฟต มหาเศรษฐีนักลงทุนกล่าวถึงธุรกิจสายการบินไว้ว่า “โลกเปลี่ยนไปแล้วสำหรับสายการบิน”
Source: Posttoday
https://www.posttoday.com/world/622938
www.zawya.com
-
11 พฤษภาคม 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่การผ่อนปรนสถานประกอบการแล้วว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจน เพราะสุดท้ายจริง ๆ ต้องรอวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ที่จะมีการประชุมศบค. แต่ขอให้ประกาศไม่เป็นทางการก่อน เพื่อผู้ประกอบการจะได้เตรียวตัว แต่ยังไม่ 100% ซึ่งที่เคยประกาศไว้มีทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มกิจกรรมที่ 1 กิจการกิจกรรมที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประจำวัน ในระยะที่ 2 มี กลุ่ม ก.การจำหน่ายอาหาร หรือเครื่องดื่มในภัตรคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ขนมหวาน ไอศกรีมในอาคารสำนักงาน กลุ่ม ข. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิติมอลล์ ยกเว้น โรงภาพยนต์ ฟิตเนสโบว์ลิ่ง สวนสนุก สวนน้ำ ศูนย์ประชุม ศูนย์พระเครื่อง สนามพระ และพระบูชา กลุ่ม ค. ร้ายค้าปลีก ค้าส่งอื่น ๆ กลุ่ม ง. ร้านเสริมสวย (ย้อมผม ดัดผม หรือกิจกรรมอื่น ๆ ภายในเวลาการบริหารไม่เกิน 2 ชั่วโมง) และร้านทำเล็บ
กลุ่มกิจกรรมที่ 2 การออกกำลังกายหรือการดูแลสุขภาพ กลุ่มก. คือ คลินิกเวชกรรม เสริมความงาม สถานเสริมความงามคุมน้ำหนัก กลุ่ม ข.คือ สนามกีฬาเฉพาะกีฬาประเภทกลางแจ้ง และต้องทำตามกติกาสากล เล่นเป็นทีมไม่มีผู้ชม กลุ่ม ค.คือ สวนดอกไม้ สวนพฤกษศาสตร์พิพิธภัณฑ์ แกลอรี่ ห้องสมุดสาธารณะ เข้าเป็นรายคน กลุ่ม ง.คือ สถานประกอบการนวดแผนไทยเฉพาะนวดเท้า
และกลุ่มกรรมกิจกรรมที่ 3 คือกลุ่มอื่นๆการประชุมในสถานที่ ภายในหรือภายนอกองค์กร ลักษณะการบรรยายรวบร่วมกับ Video Conference จำกัดจำนวนคนตามพื้นที่ ทีมถ่ายทำรายการโทรทัศน์ โฆษณาใช้แบบคลิปจำนวนไม่เกิน 5 คน
"ทั้งหมดเป็นเพียงร่างกิจกรรม กิจการเท่านั้น ยังไม่ได้เป็นข้อสรุปจากที่ประชุมศบค.ตัดสิน ซึ่งยังไม่นิ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ หรือบางกิจการอาจจะเข้าออกก็ได้ เพราะฉะนั้นเราจะดึงเอาความเสี่ยงที่ต่ำก่อนเข้ามา" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
#roundtablethailand
Roundtablethailand.com
-
ดูเหมือนการ์ดตกและหย่อนยานระเบียบวินัยในการปฏิบัติตนเมื่อไหร่ ไวรัสร้ายก็พร้อมจะโจมตีเราในทันที โดยขณะนี้มีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูหนาน ในรอบหนึ่งเดือน นอกจากนี้ จีนยังพบการระบาดล็อตใหม่ในเมืองทางตอนเหนือ ติดพรมแดนเกาหลีเหนืออีกด้วย ด้านเกาหลีใต้ สั่งปิดผับย่านอิแทวอน หลังยอดพุ่งเกือบ 40 ราย
เว็บไซต์บิสซิเนส อินไซเดอร์ รายงานว่า คณะกรรมการสุขภาพเมืองอู่ฮั่น เมื่อวันอาทิตย์พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 รายที่อู่ฮั่น ต่อมาวันนี้ (11 พ.ค.) พบเพิ่มอีก 5 ราย และมีอีก 11 รายไม่แสดงอาการ โดยเคสใหม่ล่าสุดนี้เป็นชายวัย 89 ปี ที่มีปัญหาสุขภาพหลายชนิด สันนิษฐานว่าเขาติดมาจากภรรยาที่อาศัยอยู่ร่วมกัน โดยภรรยานั้นจัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่แสดงอาการใด แต่มีผลเลือดเป็นบวก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังเผยว่าจำนวนเคสใหม่ทั้งหมดอาศัยอยู่ในอาคารที่พักแห่งเดียวกันและส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ
นอกจากนี้จีนยังสั่งล็อกดาวน์เมืองซูหลาน ในมณฑลจี๋หลิน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งมีพรมแดนติดกับเกาหลีเหนือหลังจากเกิดการระบาดกลุ่มใหญ่หลักสิบราย
เจ้าหน้าที่ของจีนสั่งห้ามการขนส่งที่ไม่จำเป็นทั้งหมดในเมือง สั่งปิดอาคารที่พักอาศัยและหมู่บ้าน นักเรียนที่ก่อนหน้านี้กลับไปโรงเรียนได้อีกครั้งก็ถูกสั่งให้ต้องเรียนที่บ้าน เมืองซูหลานยกระดับการเตือนภัยจากไวรัสจากระดับกลางเป็นระดับความเสี่ยงสูงจาก
ก่อนหน้านี้ จำนวนผู้ติดเชื้อในมณฑลเหลียวหนิงและจี๋หลินซึ่งมีพรมแดนติดกับเกาหลีเหนือ มีจำนวนค่อนข้างต่ำโดยมีน้อยกว่า 300 ในช่วงที่จีนเกิดการระบาดทั่วประเทศ โดยเมื่อเสาร์ที่ผ่านมา (9 พ.ค.) ทั่วทั้งจีนมีผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการ 14 ราย เฉพาะในเมืองซูหลานมีถึง 11 ราย และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีรายงานการพบผู้ป่วยรายใหม่และผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก
การระบาดที่ซูหลาน ทำให้ทุกสายตาจับต้องไปที่เกาหลีเหนืออีกครั้ง แม้ว่าเกาหลีเหนือจะไม่มีรายงานการติดเชื้อ แต่เมืองในเขตแดนจีนที่ไม่ไกลจากเกาหลีเหนือ กลับพบการระบาดกลุ่มใหญ่ ๆ ทั้ง ๆ ที่ควบคุมให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อค่อนข้างต่ำมาได้โดยตลอด
ด้านเกาหลีใต้ สำนักอารีรัง รายงานจากกรุงโซล วันที่ 11 พ.ค. ว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี ( KCDC ) ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในเกาหลีใต้ ว่าผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่อย่างน้อย 256 คน อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 10,909 คน หลังการมีการยืนยันผู้ป่วยใหม่อีก 35 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถือเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา
สำหรับผู้ป่วยที่มีการยืนยันเพิ่มเติมตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว อย่างน้อย 85 คนมีความเชื่อมโยงกับชายวัย 29 ปี ซึ่งใช้บริการสถานบันเทิงยามราตรีชื่อดังในย่านอิแทวอนของกรุงโซล ช่วงระหว่างคืนวันศุกร์ที่ 1 พ.ค. ต่อเนื่องจนถึงรุ่งสางของวันที่ 2 พ.ค. หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวมีอาการไข้สูง จึงไปพบแพทย์และผลตรวจยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ทั้งนี้ เคซีดีซีคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยจากกรณีที่ผับในย่านอิแทวอนจะเพิ่มขึ้นอีก จึงประกาศขอความร่วมมือให้ประชาชนซึ่งใช้บริการสถานบันเทิงในย่านอิแทวอน ระหว่างวันที่ 29 เม.ย. ถึง 6 พ.ค.ที่ผ่านมา สังเกตอาการของตัวเอง และพบแพทย์ทันทีหากมีอาการน่าสงสัย ไม่ว่าจะเป็นไข้สูง ไอแห้ง และหายใจติดขัด แต่รายงานของเคซีดีซีระบุด้วยว่า มากกว่า 30% ของกลุ่มผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในกลุ่มสถานบันเทิงอิแทวอน "ยังไม่แสดงอาการ"
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของเกาหลีใต้ยืนยันการปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงจากกรณีสถานบันเทิงที่ย่านอิแทวอนในระดับสูงสุด หลังมีความกังวลในประเด็นที่สถานบันเทิง 5 แห่งซึ่งผู้ป่วยไปใช้บริการเป็นแหล่งรวมตัวของกลุ่มเพศที่สาม
ด้านประธานาธิบดีมุน แจ-อิน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ ว่าการที่สถานบันเทิงในย่านอิแทวอนซึ่งเทศบาลกรุงโซลสั่งปิดไม่มีกำหนดแล้ว กลายเป็นจุดแพร่ระบาดของโรคแห่งใหม่ คือบทเรียนว่า "ห้ามการ์ดตกอย่างเด็ดขาด" หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว และย้ำว่าประชาชนต้องตระหนักแต่ไม่ตระหนก ว่าการแพร่ระบาดระลอกสองสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
https://www.businessinsider.com/wuhan-reports-first-new-coronavirus-case-in-over-a-month-2020-5
https://www.dailynews.co.th/foreign/773787
#RoundtableThailand
roundtablethailand.com
#โคโรนาสายพันธุ์ใหม่
#ระบาดระลอกสอง
#โควิด19
#จีน
#เกาหลีใต้
#อิแทวอน
-
เว็บไซต์สเตรตไทม์ส รายงานว่า รัฐบาลสิงคโปร์ ได้นำหุ่นยนต์สุนัข ที่ชื่อ “สปอต” ซึ่งพัฒนาโดย บริษัท บอสตัน ไดนามิกส์ ในสหรัฐ มาใช้ในการแจ้งเตือนประชาชน ให้เว้นระยะห่างระหว่างกัน โดยเริ่มทดลองใช้ที่สวนสาธารณะปิชาน อัง โมเกียว เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายใต้ความร่วมมือของคณะกรรมการสวนสาธารณะแห่งชาติสิงคโปร์ (NPark) และ สำนักงานเพื่อรัฐอัจฉริยะและรัฐบาลดิจิทัล (SNDGG)
โดยหน้าที่ของหุ่นยนต์สุนัข “สปอต” จะทำหน้าที่เดินตรวจตราในช่วงที่มีผู้ใช้บริการสวนสาธารณะหนาแน่น เป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร พร้อมกับแจ้งเตือนด้วยคำพูดที่บันทึกไว้ให้ประชาชนเว้นระยะห่างระหว่างกัน นอกจากนี้กล้องที่ติดตั้งอยู่บนตัวหุ่นยนต์จะคอยคำนวณปริมาณประชาชนที่เข้ามาใช้บริการในบริเวณสวนสาธารณะในขณะนั้นอีกด้วย
คณะกรรมการสวนสาธารณะแห่งชาติสิงคโปร์ แจ้งว่า หากการทดลองใช้หุ่นยนต์สุนัขตัวนี้ประสบความสำเร็จ จะขยายไปใช้ในสวนสาธารณะอื่น ๆ ต่อไป
อย่างไรก็ตามรัฐบาลสิงคโปร์ยืนยันว่า กล้องดังกล่าวไม่ได้มีการบันทึกภาพของบุคคลและไม่มีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประชาชนเป็นรายบุคคลแต่อย่างใด
ด้าน กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ รายงานว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 486 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้ขณะนี้สิงคโปร์มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมรวม 23,822 ราย โดยผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ ๆ ของสิงคโปร์ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหอพัก และมีเพียง 3 รายเท่านั้นที่เป็นผู้พำนักอาศัยถาวรในสิงคโปร์
https://www.straitstimes.com/singap...distancing-measures-in-bishan-ang-mo-kio-park
#RoundtableThailand
roundtablethailand.com
#โควิด19
#สิงคโปร์
#หุ่นยนต์หมา
-
สะท้อนอีกหนึ่งมุมของสังคมไทย กับการรุมแย่งอาหารจากตู้ปันสุขภายใน จ.นครสวรรค์ ทั้งไม่มีการเว้นระยะห่าง ทั้งนี้ พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมทางสังคม ว่า แท้จริงแล้วสังคมไทยเหมาะกับโครงการเช่นนี้หรือไม่ จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องทำการย้ายตู้ไปดูแลเพื่อให้อยู่ในสายตา
อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000048982
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO
-
โลกออนไลน์แชร์ภาพผลกระทบจากพายุฤดูร้อน ที่พัดถล่มประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้บ้านเรือนถูกน้ำท่วม และมีลูกเห็บตกหนักในหลายพื้นที่
-
เผยโพสต์เพื่อนร่วมอาชีพครูทั้ง 5 ที่ข่มขืนศิษย์ โรงเรียนดงมอนวิทยาคม โพสต์เดือดตอบโต้ชาวเน็ตที่โกรธแค้นต่อการกระทำดังกล่าว ชี้ถ้าไม่อยากให้ลูกหลานโดนข่มขืน ก็สอนอยู่บ้าน อย่าส่งลูกไปโรงเรียน ชาวเน็ตมองตรรกะเพี้ยนไปแล้ว
อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000049147
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO
-
สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 วันนี้(11 พ.ค)เกิน 80,000 คนไปแล้ว ติดเชื้อ 1,329,799 คน ส่วนตัวเลขดับรวมทั่วโลกอยู่ที่ 282,727 ติดเชื้อ 4,103,241 คน ส่วนอินเดียพบผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมืองมุมไบ หลังปรากฎภาพศพอย่างน้อย 6 ศพที่ถูกห่อให้ผ้าพลาสติกสีดำนอนเรียงติดกับคนไข้ป่วยโควิดภายในโรงพยาบาลสิออน เมืองมุมไบ อินเดีย ส่งผลทำให้ทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลถูกสั่งลดตำแหน่งทันที
อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000049137
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO
-
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ โพสต์ถึงการเรียกร้องให้เปิดเทอมของผู้ปกครอง ห่วงเด็กอาจนำไวรัสไปแพร่แก่ผู้สูงอายุ เตือนระบบสาธารณสุขจะต้องรองรับได้ถ้ามีผู้ป่วยจำนวนมาก แนะโรงเรียนแบ่งกลุ่มเด็กเรียนเป็นวัน เป็นผลัด หวั่นเกิดผลกระทบหากไวรัสกลับมาระบาดอีกครั้ง
อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000049141
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO
-
โฆษกกห. เผย ประชุมเร่งเพิ่มความสามารถการบริหารจัดการมาตรการกักตัวควบคุมโรค รับคนไทยกลับจากตปท.ให้เร็วขึ้น
อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000049099
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO
-
ศบค.เผยร่างกิจการอาจเปิดได้ระยะ 2 มีทั้งกลุ่มภัตตาคาร ร้านอาหารในสำนักงาน กลุ่มห้าง เว้นโรงหนัง ฟิตเนส โบว์ลิ่ง สวนสนุก-สวนน้ำ กลุ่มร้านค้าปลีกส่ง กลุ่มเสริมสวยย้อมผมดัดผมไม่เกิน 2 ชม. คลินิกเสริมความงาม สนามกีฬากลางแจ้ง สวนดอกไม้ ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ นวดฝ่าเท้า ถ่ายแบบไม่เกิน 5 คน แจงยังไม่นิ่ง ต้องรอประชุมชุดใหญ่ 15 พ.ค. แต่ให้ข้อมูลเพื่อเตรียมตัว
อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000048967
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO
-
ศบค.รายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่รอบ 1 วัน 6 ราย รวมยกยอดภูเก็ต 4 รายเมื่อวานแล้ว พบเป็นเด็ก 6 ขวบติดจากเฝ้าไข้พ่อ ไปสถานที่ชุมนุมชน 1 ราย กลุ่มอาชีพเสี่ยง 3 ราย และค้นหาเชิงรุกยะลา 1 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ยอดป่วยสะสม 3,015 ราย กลับบ้านรวม 2,796 ราย
อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000048944
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO -
“ใคร่ไม่อยากให้ลูกหลานโดนครูข่มขืน
ก็สอนลูกตัวเองอยู่ที่บ้าน”
ครูรายหนึ่งโพสต์ให้กำลังใจครูที่ข่มขืนเด็กนักเรียน พร้อมใช้ตรรกะของตนเองเข้าข้างบรรดาครูที่ทำผิด และด่าว่าเด็กที่ออกมาแฉด้วยข้อความไม่เหมาะสม
“ให้กำลังใจครูทั้ง 5 คนที่ข่มขื่นนักเรียนหญิง คนเรามีผิดพลาดกันได้ เราในฐานะเพื่อนร่วมอาชีพครู ขอบอกพวกที่ด่าๆ ครูที่ข่มขื่นเด็กนะ ว่าเด็กสมยอมหรือเปล่า ถ้าใคร่ไม่อยากให้ลูกหลานโดนครูข่มขืนก็สอนลูกตัวเองอยู่ที่บ้าน อย่าส่งลูกไปเรียนที่โรงเรียน เพราะครูก็มีชีวิตจิตใจ เงี่ยนเป็น ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร เลิกด่าเขาได้แล้วครูเขาก็มีครอบครัวที่อยู่ข้างหลังเหมือนกัน ถ้าเขาติดคุกจริงๆ แล้วใครจะดูแลครอบครัวเขาละ อย่าด่าครูเขาแค่ความสะใจ ส่วนเด็กเนรคุณที่ออกมาแฉครูขอบอกเลยว่าพวกคุณไม่มีวันเจริญ"
.
#mgronline #ให้กำลังใจครู
-
แร้งลง “ดอนแพง” นครพนม เศรษฐีร้อยล้าน-เจ้าแม่เงินกู้ มีชื่อโผล่เกษตรกรยากจน ยึดสิทธิที่ดินรัฐปล่อยเช่าชาวไร่
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000049189
#MGRonline #ดอนแพง #นครพนม #เกษตรกรยากจน
หน้า 3950 ของ 11172