ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MisterBan

    June 5, 2020 แอร์เอเชียกรุ๊ป ยักษ์บินต้นทุนต่ำแห่งอาเซียน เตรียมปลดพนักงาน 30% ลดเงินเดือน 75% ผู้ก่อตั้งอาจขายหุ้นแลกเพิ่มเงินสด
    นิกเคอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า บริษัท แอร์เอเชีย กรุ๊ป เจ้าของและผู้ให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งให้บริการการบินในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย ญี่ปุ่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ เตรียมปลดพนักงานในภาพรวมมากถึง 30% นอกจากนี้ แอร์เอเชีย กรุ๊ป จะปรับลดเงินเดือนพนักงานที่เหลืออยู่ลงมากถึง 75% ในการปรับลดครั้งนี้ จะประกอบด้วยการปลดกับตัน และพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินราว 60% ของแอร์เอเชีย กรุ๊ป ที่ทำงานในสายการบินแอร์เอเชีย และแอร์เอเชีย เอ็กซ์
    นอกจากนี้ แหล่งข่าวจากผู้ที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยว่า นายโทนี เฟอร์นันเดส ผู้ก่อตั้งสายการบินแอร์เอเชีย เตรียมจะขายหุ้นในสัดส่วน 10% เพื่อระดมเงินสด โดยมีกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่อันดับ 3 คือ กลุ่มเอสเค คอร์ปอเรชั่น จากเกาหลีใต้แสดงความสนใจที่จะเข้าซื้อหุ้นในส่วนดังกล่าว ในขณะที่พนักงานที่เหลืออยู่ ซึ่งถูกให้ปรับลดเงินเดือนลงระหว่าง 15% ถึง 75% นั้น ผู้ก่อตั้งสายการบินแอร์เอเชีย กรุ๊ป ได้ตัดลดเงินลงทุน และเงินหมุนเวียนของการปฏิบัติงานในสายการบินของกลุ่มด้วย แหล่งข่าวอีกด้านหนึ่ง เปิดเผยว่า นายโทนี เฟอร์นันเดส กำลังพิจารณาทางเลือกในการขายธุรกิจร่วมลงทุนสายการบินที่มีเส้นทางบินไปญี่ปุ่น และอินเดีย
    ทั้งนี้ บริษัท แอร์เอเชีย กรุ๊ป พยายามที่จะรักษาและยืดมาตรการสำคัญต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจการบินต้นทุนต่ำสามารถดำเนินงานได้ท่ามกลางภาวะโรคระบาดโควิด-19 ทั่วเอเชียและอาเซียน ด้านพนักงานจำนวนเกือบ 20,000 คนของแอร์เอเชีย กรุ๊ป ได้ถูกประเมินการทำงานบนพื้นฐานอัตราเงินเดือน และผลการทำงานของพนักงานแต่ละคนนับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ท่ามกลางธุรกิจการบินได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและต่อเนื่องจากโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งการปรับลดพนักงานในครั้งนี้จะดำเนินการถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้
    #ปลดพนักงาน #แอร์เอเชียกรุ๊ป #บินต้นทุนต่ำ #โควิด19 #misterban #airasiagroup







     
  2. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โรคเปลี่ยนโลก! โควิดสร้างชีวิตรูปแบบใหม่รับยุค New Normal สำหรับสาย FIT ที่หลังจากนี้อาจจะต้องเพลาการเล่นกีฬาแบบทีมลง แล้วหันมาออกกำลังกายที่บ้าน หรือแบบเดี่ยวแทน เพื่อลดการรวมตัวในที่แออัด หากต้องไปเล่นกีฬาในสนาม ก็ควรพกเจลแอลกอฮอล์เพื่อใช้ล้างฆ่าเชื้อโรคค่ะ ^^

    #NewNormal #ความปกติใหม่ #ออกกำลังกาย #กีฬา #เศรษฐกิจ #ไวรัส #Covid19 #โควิด19 #MisterBan

     
  3. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MisterBan

    June 5, 2020 แบรนด์รถหรูคู่ควรมหาเศรษฐีระดับโลก 2 ยี่ห้อหรู สั่งปลดพนักงานรวมกว่า 1,500 คน เบนท์ลีย์รับเศรษฐีเก็บเงินสด
    เบนท์ลีย์ แบรนด์รถยนต์สุดหรูหราในเครือบริษัทผลิตรถยนต์โฟล์คสวาเก้นจากเยอรมนี ประกาศปลดพนักงาน 1,000 คนที่โรงงานในสหราชอาณาจักร การปรับลดพนักงานในครั้งนี้จะประกาศเป็นทางการในวันศุกร์นี้ โดยผ่านโครงการสมัครใจลาออก นอกจากนี้ แอสตั้น มาร์ติน แบรนด์รถยนต์สปอร์ตหรูหราในอังกฤษ ประกาศปลดพนักงานจำนวน 500 คน เพื่อหวังประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้ปีละ 20 ล้านปอนด์สเตอริง หรือกว่า 800 ล้านบาท
    สาเหตุการปรับลดพนักงานถึง 1,000 คน หรือราว 24% ของพนักงานทั้งหมด 4,200 คนในครั้งนี้ เป็นผลกระทบอย่างรุนแรงจากการปิดโรงงานผลิตรถยนต์เบนท์ลีย์ทางตอนเหนือของอังกฤษตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคระบาดโควิด-19 ในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ คำสั่งซื้อรถยน์หรูหราดังกล่าวถูกชะลอออกไป เบนท์ลีย์พึ่งเปิดโรงงานผลิตครั้งใหม่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ด้วยจำนวนพนักงานไม่ถึงครึ่งหนึ่งของปกติ
    ทั้งนี้ เบนท์ลีย์ ก่อตั้งขึ้นในสหราชอาณาจักรเมื่อปี 1919 ซึ่งมีอายุมาถึง 101 ปี ปัจจุบันเป็นยี่ห้อสุดหรูหราอลังการของค่ายรถยนต์โฟล์คสวาเก้น เอจี จากเยอรมนี ในปี 2562 เบนท์ลีย์มียอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 5% อยู่ที่ 11,000 คัน แต่กลับต้องเผชิญปัญหาในการทำกำไรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา







     
  4. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    June 5, 2020 ตลาดหุ้นสหรัฐปิดกระจายตัว ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นกว่า 10 จุด ราคาน้ำมันดิบปิดขึ้นเบาบาง ส่งราคาไนเม็กซ์ปิดเหนือกว่า 37 ดอลลาร์ ราคาทองคำตลาดโลกพลิกขึ้นกว่า 14 ดอลลาร์

    เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 26,281 จุด +11 จุด หรือ +0.05% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,112 จุด -10 จุด หรือ -0.34% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 9,615 จุด -67 จุด หรือ -0.69% สาเหตุจากนักลงทุนให้น้ำหนักกับการกลับมาเปิดภาคเศรษฐกิจ และมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั่วโลกที่มีต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ชุมนุมประท้วงรุนแรงในสหรัฐอเมริกา หากยืดเยื้อไปถึงฤดูร้อนที่จะถึงนี้

    ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 37.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.12 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 39.85 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.06 ดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุจากนักลงทุนจับตามองผลการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสเกี่ยวกับระยะเวลาการขยายมาตรการลดการผลิตน้ำมันดิบจะมีความชัดเจนอย่างไร

    ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,710.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +14.50
    ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สาเหตุจากการกลับเข้าลงทุนรอยใหม่ หลังทำกำไรเกิดขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ สถานการณ์ทั่วโลกเกี่ยวกับการประท้วงเหยียดผิวสีขยายตัวมากขึ้น ส่งผลกระทบกับแนวโน้มการฟื้นเศรษฐกิจโลก ยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำ

    #ลงทุน #สตาร์ทอัพ #การเงิน #หุ้น #ทองคำ #น้ำมัน #ตลาดหุ้น #เล่นทอง #ราคาทอง #ดิจิทัล #markets #business #stock #gold #oil #investment #misterban #เศรษฐกิจ #เล่นหุ้น #btimes
     
  5. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MisterBan

    June 4, 2020 เครือข่ายดีลเลอร์ขายรถยนต์รายใหญ่ สั่งปลด 1,500 คน พร้อมเลิกดีลเลอร์ขายรถกว่า 10 รายในอังกฤษ
    ลุ๊คเกอร์ส เครือข่ายดีลเลอร์ขายรถยนต์รายใหญ่ และชื่อดังในอังกฤษ ประกาศปลดพนักงานเกือบ 20% หรือ 1,500 คน จากทั้งหมด 8,100 คน พร้อมสั่งปิดดีลเลอร์ในเครือ 12 แห่ง จากทั้งหมด 136 แห่งทั่วประเทศ เพื่อลดต้นทุนให้มากที่สุด ท่ามกลางโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบตลาดซื้อขายรถยนต์ตกต่ำอย่างรุนแรง สำหรับการตัดลดค่าใช้จ่ายดังกล่าว ส่งผลให้ลุ๊คเกอร์ส ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ปีละ 50 ล้านปอนด์สเตอริง หรือกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี
    ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์ในอังกฤษเผชิญภาวะตกต่ำอย่างรุนแรงนับตั้งแต่พบโรคระบาดโควิด-19 เป็นต้นมา โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านไป พบว่ายอดขายรถยนต์ในอังกฤษมีเพียง 20,000 คัน ทรุดหนัก -89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2562 ส่งผลทำสถิติยอดขายรถยนตในประเทศที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 68 ปี หรือตั้งแต่ปี 1952 นอกจากนี้ ยอดขายรถยนต์ในอังกฤษช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ดำดิ่งหนัก -51.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว
    #ดีลเลอร์ขายรถ #ปลดพนักงาน #ตกงาน #โควิด19
    #อังกฤษ #misterban #covid19 #lookers #jobcut







     
  6. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MisterBan

    June 5, 2020 ยอดตายโควิด-19 บราซิลแซงขึ้นที่ 3 ของโลก พ่วงยอดติดโควิด-19 ผ่าน 600,000 คน ฟิลิปปินส์ติดทะลุกว่า 20,000 คน ยอดติดทั่วโลกทะลุกว่า 6.6 ล้านคน The Covid-19 infected globally toll surpassed 6.6 million
    เวลา 6.20 น. รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก เพิ่มเป็น 6,681,285 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา 1,933,049 ราย บราซิล 606,085 ราย รัสเซีย 441,108 ราย สเปน 28,740 ราย สหราชอาณาจักร 281,661 ราย อิตาลี 234,013 ราย อินเดีย 226,713 ราย เยอรมนี 184,923 ราย เปรู 183,198 ราย และตุรกี 167,410 ราย
    สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็น 391,993 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 110,144 ราย สหราชอาณาจักร 39,904 ราย บราซิล 33,689 ราย อิตาลี 33,601 ราย ฝรั่งเศส 29,065 ราย สเปน 27,133 ราย เม็กซิโก 11,729 ราย เบลเยียม 9,548 ราย เยอรมนี 8,736 ราย และอิหร่าน 8,071 ราย
    ในส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในอาเซียน และเสียชีวิต(ตัวเลขในวงเล็บ) พบว่า สิงคโปร์ 36,922 ราย(24) อินโดนีเซีย 28,818 ราย(1,721) ฟิลิปปินส์ 20,382 ราย(984) มาเลเซีย 8,247 ราย(115) ไทย 3,101 ราย(58) เวียดนาม 328 ราย เมียนมา 236 ราย(6) บรูไน 141 ราย(2) กัมพูชา 125 ราย และลาว 19 ราย
    #ไวรัสโคโรนา #ไวรัสอู่ฮั่น #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #โรคปอดอักเสบ #ไวรัสโควิด19 #covid19 #Misterban #coronavirus #pneumonia #btimes #money360







     
  7. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แพทย์สวีเดน ‘ยอมรับความผิดพลาด’
    หลังมาตรการปล่อยเสรีเพื่อให้คนสร้างภูมิคุ้มกัน
    ทำสวีเดนมีสัดส่วนผู้เสียชีวิตสูงอันดับ 3 ของโลก

    Anders Tegnell แพทย์หัวหน้าทีมระบาดวิทยาผู้ให้คำปรึกษากับรัฐบาลสวีเดน ออกมายอมรับว่า ยุทธศาสตร์การรับมือไวรัสโควิด-19 โดยปล่อยเสรีและให้คนมีภูมิคุ้มกันเอง (Herd Immunity) เป็นการดำเนินการที่ผิดพลาด จนทำให้เกิดผู้เสียชีวิตในสวีเดนสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก

    “หากพวกเราต้องรับมือกับโรคระบาดนี้อีกครั้ง ด้วยความรู้ที่เรามีในปัจจุบัน ผมคิดว่าเราน่าจะดำเนินการบนทางสายกลาง ระหว่างนโยบายเปิดเสรีแบบที่สวีเดนทำ กับ การล็อกดาวน์แบบที่ชาวโลกทำ” Tegnell ให้สัมภาษณ์กับรายการวิทยุสวีเดน

    ปัจจุบันสวีเดนมีอัตราผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 43 คนต่อประชากร 1 แสนคน ซึ่งสูงเป็น “อันดับ 3 ของโลก” รองจากอังกฤษ (59 คน) และอิตาลี (55 คน) ซึ่งสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างเดนมาร์กและนอร์เวย์ ที่มีมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดกว่าในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส

    แม้ Tegnell จะออกมายอมรับข้อผิดพลาดในเรื่องผู้เสียชีวิต แต่เขายังคงยืนยันว่า มาตรการดังกล่าวจะมีผลดีในระยะยาว รวมถึงรักษาสภาพเศรษฐกิจของประเทศไว้ได้ แต่ความคิดของ Tegnell อาจจะขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

    เพราะปัจจุบัน ประเทศในสหภาพยุโรปที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ในการควบคุมไวรัสโควิด-19 จนมีผลที่น่าพอใจและเริ่มผ่อนคลายการล็อกดาวน์ลง ในขณะที่สวีเดนกลับมีผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้น จนทำให้ชาวสวีเดนอาจถูกกันออกจากการเดินทางอย่างเสรีในสหภาพยุโรป

    ด้านเศรษฐกิจก็ดูจะตรงข้ามกับสิ่งที่ Tegnell คาดการณ์ หลัง Magdelena Andersson รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสวีเดนออกมาเตือนว่าสวีเดนกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาทางเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยอัตราการเติบโตของ GDP อยู่ที่ –7% ในปี 2020 เช่นเดียวประเทศอื่น ๆ ในยุโรป

    ที่มา:
    - https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-06-03/man-behind-sweden-s-virus-strategy-says-he-got-some-things-wrong
    - https://coronavirus.jhu.edu/data/mortality
    - https://www.thelocal.se/20200603/swedens-anders-tegnell-questioned-over-strategy-and-errors

    #roundtablethailand
    Roundtablethailand.com
     
  8. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จากความสำเร็จของการพัฒนาผลิตวัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นครั้งแรกของอาเซียน โดย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนยาแล้ว จาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภูมิแพ้ไรฝุ่นในวันนี้ดีขึ้น โดยเป็นการรักษาที่สาเหตุโดยตรง และผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการดูแลรักษาได้อย่างเท่าเทียมกัน แต่สถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการเดินทางมาพบแพทย์ของผู้ป่วย

    รศ.ดร.นพ. พงศกร ตันติลีปิกร รักษาการแทนผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิจัยและวิชาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการความร่วมมือการผลิตวัคซีนสำหรับโรคภูมิแพ้ ได้เปิดเผยว่า จะมีการพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่ที่เป็นชนิดหยอดใต้ลิ้น และชนิดพ่นจมูก ที่มีความปลอดภัยสูงและสะดวกสำหรับผู้ป่วยภูมิแพ้ที่สามารถใช้วัคซีนด้วยตนเองที่บ้าน ลดความถี่ที่ต้องมารับวัคซีนแบบเดิมที่ต้องมารับการฉีดทุกเดือน และที่สำคัญจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการที่ผู้ป่วยจะต้องเดินทางออกนอกบ้าน เพื่อมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล

    ทั้งนี้ "โรคภูมิแพ้" พบได้ร้อยละ 30-40 ของประชากรไทย ซึ่งเหมือนกับอุบัติการณ์ในต่างประเทศทั่วโลก และ "ไรฝุ่น" เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุหลักของโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย และประเทศเขตร้อน

    ปัจจุบันยังไม่มีรายงานว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งอาการของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นจะมีความแตกต่างจากผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นจะมีอาการคันจมูก คันตา คัดจมูก จาม และ น้ำมูกใสไหลเป็นอาการเด่น บางรายที่แพ้ไรฝุ่นมาเป็นระยะเวลาหนึ่งก็อาจจะมีอาการหืดจากหลอดลมหดตัวได้ แต่ผู้ป่วยภูมิแพ้ไรฝุ่นมักจะไม่มีอาการไข้เหมือนกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ในบางรายพบอาการปอดอักเสบ ไอ หอบ และ ทางเดินหายใจล้มเหลวร่วมด้วย

    นิวนอร์มอลของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นต่อไปจะให้ความสำคัญต่อ "การป้องกันโรค" เท่าเทียมกับ "การรักษา" โดย รองศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์พงศกร ตันติลีปิกร ได้แนะนำหลักสำคัญในการให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นดูแลตัวเอง โดยเริ่มต้นจากการปรับสภาพแวดล้อมและที่อยู่อาศัยให้ปลอดฝุ่น และสารก่อภูมิแพ้ กรณีที่ยังมีอาการอยู่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าแพ้จริงหรือไม่ และแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใด จากนั้นให้พิจารณาใช้ยา หรือวัคซีนภูมิแพ้ ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อที่จะทำให้ภาวะภูมิแพ้ลดน้อยลง หรือหายไปได้ในที่สุด

    ในอนาคตทีมวิจัยและพัฒนาวัคซีนภูมิแพ้ของมหาวิทยาลัยมหิดล จะต่อยอดผลสำเร็จจากการพัฒนาวัคซีนภูมิแพ้ สู่การพัฒนาวัคซีนชนิดอื่น ๆ อาทิ วัคซีนสำหรับผู้ที่แพ้แมวและแพ้สุนัข วัคซีนสำหรับผู้ที่แพ้แมลงสาบ และวัคซีนสำหรับผู้ที่แพ้ละอองเรณูหญ้า และวัชพืช เป็นต้น

    ด้าน รศ. ดร. พญ.อัญชลี ตั้งตรงจิตร ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในทีมแพทย์ผู้ริเริ่มวิจัยและพัฒนาวัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่น กล่าวว่า กว่า 10 ปีที่ทีมวิจัยได้ร่วมแรงร่วมใจคิดค้นและพัฒนาวัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นจนสามารถผลิตและได้รับการรับรองให้ใช้ในผู้ป่วยได้จริง ซึ่งที่ผ่านมาการรับประทานยาแก้แพ้เป็นเพียงแค่การควบคุมตามอาการ แต่ไม่ได้รักษาที่สาเหตุอย่างวัคซีนที่ทีมวิจัยเราได้คิดค้นขึ้น โดยเรามองถึงผลประโยชน์สูงสุดที่จะได้กับผู้ป่วยจริง ๆ เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย และวงการแพทย์ระดับโลก จากการที่เราสามารถผลิตวัคซีนใช้เองได้ภายในประเทศ และตอบโจทย์ที่ต้องการให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นไทยทุกคนเข้าถึงได้ในที่สุด

    ที่มา https://mgronline.com/qol/detail/9630000057855

    #roundtablethailand
    Roundtablethailand.com
     
  9. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แม้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) จะประกาศเลื่อนการแข่งกีฬาโอลิมปิก 2020 ซึ่งญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพออกไปจัดในปี 2021 แทนเนื่องจากการแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปทั่วโลก แต่ก็ยังคงมีกระแสข่าวออกมาว่า หากยังไม่สามารถคิดค้นวัคซีนออกมาได้ทัน การแข่งขันอาจต้องถูกยกเลิกไปโดยปริยาย

    ล่าสุด นสพ. โยมิอุริของญี่ปุ่น มีรายงานว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว เป็นเจ้าภาพในปีหน้านั้น อาจมีการปรับรูปแบบให้เรียบง่ายมากขึ้น ทั้งลดจำนวนผู้เข้าชม และมีการทดสอบหาเชื้อโควิด-19 เพื่อไม่ให้ต้องมีการยกเลิกจัดการแข่งขัน

    โดย จอห์น โคตส์ ประธานฝ่ายตรวจสอบจัดการแข่งขันของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) เผยก่อนหน้านี้ว่า การขาดการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นภัยต่อฝ่ายจัด และต้องวางแผนสำหรับโอลิมปิกในแบบที่แตกต่างออกไปจากเดิม

    นอกจากนี้ นสพ. โยมิอุริ ยังอ้างถึงแหล่งข่าวโดยระบุว่า ญี่ปุ่นพิจารณาถึงการตรวจหาเชื้อไม่ใช่แค่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ แต่ยังจะตรวจผู้เข้าชม และจำกัดการเข้าออกของบุคคลในหมู่บ้านนักกีฬา โดยการเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าหากปีหน้า โตเกียว ยังจัดไม่ได้ ก็อาจจะยกเลิกไปโดยปริยาย เพราะไม่สามารถจ่ายเงินค่าจ้างให้ผู้เกี่ยวข้องไปนานกว่านั้นได้

    ที่มา https://www.dailynews.co.th/sports/778097

    #roundtablethailand
    Roundtablethailand.com
     
  10. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลาย ๆ ประเทศ เริ่มขยับขยายผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกินเดินหน้ากันบ้างแล้ว โดยเฉพาะการเปิดน่านฟ้าให้สายการบินต่างชาติ ตลอดจนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกล้วนอยู่ในแผนที่ทุกประเทศเตรียมการไว้ทั้งสิ้น โดยในวันนี้ สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า สำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) ออกแถลงการณ์ว่า จีนจะอนุญาตให้สายการบินต่างชาติบินเข้าสู่น่านฟ้าของจีนแผ่นดินใหญ่ได้มากขึ้น

    โดยในแถลงการณ์สำนักการบินพลเรือนของจีนระบุด้วยว่า สายการบินต่างชาติที่ปัจจุบันได้ถูกสั่งห้ามไม่ให้เดินทางเข้า-ออกจากจีน จะได้รับอนุญาตให้เปิดบริการเที่ยวบินไปยังเมืองของจีนได้สัปดาห์ละครั้ง โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป

    ส่วนฮ่องกง และมาเก๊า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจีนนั้น มีหน่วยงานด้านการบินของตนเอง และสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ด้านการบินได้เอง

    รายงานข่าวระบุว่า แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นไม่นาน หลังจากกระทรวงคมนาคมของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธที่ 3 มิ.ย เรื่องการระงับให้สายการบินพาณิชย์ 7 แห่งของจีน ให้บริการเที่ยวบินเข้าและออกอเมริกา เบื้องต้นให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. นี้ "จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง" แต่เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า มาตรการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นเร็วกว่านั้นได้ ขึ้นอยู่กับคำสั่งสุดท้ายจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

    ทั้งนี้ สายการบินพาณิชย์ของจีนที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ แอร์ไชนาซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ ไชนา อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ไชนา เซาเทิร์น แอร์ไลน์ส ไห่หนาน แอร์ไลน์ส เสฉวน แอร์ไลน์ส และเซียะเหมิน แอร์ไลน์ส อย่างไรก็ตาม มีเพียงแอร์ไชนา ไชนา อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ไชนา เซาเทิร์น แอร์ไลน์ส และเซียเหมิน แอร์ไลน์ส ที่มีเส้นทางบินระหว่างเมืองใหญ่ในจีนกับเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ

    สำหรับเหตุผลประกอบการตัดสินใจในเรื่องนี้ กระทรวงคมนาคมของสหรัฐฯ อ้างว่า สายการบินพาณิชย์หลายแห่งของสหรัฐฯ ยื่นเรื่องต่อสำนักงานการบินพลเรือนของรัฐบาลปักกิ่งตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อขอกลับมาเปิดบริการเส้นทางระหว่างจีนตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. หลังหยุดไปนานหลายเดือนเพราะวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนอง ซึ่งถือเป็นการละเมิดความร่วมมือด้านการบินพาณิชย์ในระดับทวิภาคี

    ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ในเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังรัฐบาลปักกิ่งปฏิเสธให้สายการบิน 4 สาย คือแอร์ไชนา ไชนา อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ไชนา เซาเทิร์น แอร์ไลน์ส และไห่หนาน แอร์ไลน์ส ส่งข้อมูลทางการบินให้กับกระทรวงคมนาคมของสหรัฐฯ ภายในวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา

    http://www.xinhuanet.com/english/2020-06/04/c_139114001.htm
    https://www.dailynews.co.th/foreign/778072

    #RoundtableThailand
    roundtablethailand.com
     
  11. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    4 มิถุนายน 2563 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ

    โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เริ่มชี้แจงถึงความจำเป็นของร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณฯ ในการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไปตั้งไว้เป็นงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 88,452,597,900 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รวมทั้งกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็นอื่น

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จนส่งผลให้งบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ตั้งไว้ 96,000,000,000 บาท มีไม่เพียงพอ รวมทั้งอาจมีเหตุฉุกเฉินจำเป็นจากสถานการณ์ภัยแล้ง หรือสาธารณภัยอื่นที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปีงบประมาณ 2563 ทั้งนี้ หวังว่าจะให้การสนับสนุนและรับหลักการเพื่อนำงบประมาณไปดำเนินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป

    จากนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นเป็นผู้อภิปรายคนแรก โดยระบุว่า ไม่สามารถรับร่างหลักการร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณฯฉบับนี้ได้ เนื่องจากหลักการนั้นขัดหลักประชาธิปไตยและกฎหมายอื่น ๆ แต่ต้องเป็นหลักการที่สภาฯ ตรวจสอบได้ ชัดเจน และโปร่งใส ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 นั้น การใช้งบประมาณไม่สมเหตุสมผล เพราะสถานการณ์โควิด-19 รู้แล้วเกิดแล้วควรต้องเติมรายการให้ชัด ไม่เช่นนั้นจะเหมือนการตีเช็กเปล่า และอย่าให้มีเสียงครหาว่ามีการเอาไปแบ่งกันเกลี่ยกัน แต่ต้องใช้เฉพาะกาลนี้เท่านั้น เมื่อเข้าสู่ภาวะปกติต้องกลับไปเป็นระเบียบเดิมกรอบวินัยการเงินการคลังเดิม

    "เพื่อศักดิ์ศรีของสภาฯเรา โปรดพิจารณาอย่าได้รับหลักการ แต่ระบบเสียงข้างมากที่ท่านถือเป็นรัฐบาล ทำให้มีความจำเป็นและจำใจต้องรับหลักการ แต่ถ้ารับต้องรับแบบมีเงื่อนไข ผมไม่รับหลักการแน่นอน ฝ่ายค้านรณรงค์ไม่รับหลักการ แต่การพิจารณากฎหมายมี 3 วาระ ในวาระแรกอาจจะปล่อยผ่าน แล้วไปดูวาระที่ 2 และ 3 ถ้าไม่ปรากฏความชัดเจน ขออนุญาตโหวตคว่ำแม้จะเป็นเสียงข้างน้อย จะได้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์" นพ.ชลน่าน กล่าว

    นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ขอฝากถึงนายกรัฐมนตรีด้วยว่า การทำร่างพ.ร.บโอนงบประมาณฯ เป็นวิธีพิเศษ ขอให้ใช้วิธีการปกติที่สามารถทำได้ และสภาฯตรวจสอบได้ รวมถึงร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ฝ่ายค้านเห็นช่องโหว่ มีข้อแนะนำมาก และคณะกรรมาธิการต้องทำงานหนัก พร้อมแนะปรับเปลี่ยนแก้ไขปรับปรุง และย้ำทิ้งท้ายว่าไม่เห็นด้วยกับหลักการที่เสนอเข้ามา ดังนั้นเบื้องต้นขอไม่รับหลักการ

    #roundtablethailand
    Roundtablethailand.com
     
  12. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เตรียมส่งมอบต้นแบบผลงานวิจัยและพัฒนา “มิวเทอร์ม เฟสเซนซ์” (μTherm-FaceSense) เครื่องวัดอุณหภูมิอัจฉริยะของไทย สามารถสแกนใบหน้าได้พร้อมกันสูงสุดครั้งละ 9 คน ตรวจวัดอุณหภูมิ รู้ผลแม่นยำใน 0.1 วินาที เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการคัดกรองเบื้องต้น สำหรับบุคคลที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

    ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(เนคเทค-สวทช.) กล่าวว่า เนคเทค-สวทช. ได้วิจัยและพัฒนามิวเทอร์ม เฟสเซนซ์ (μTherm-FaceSense) หรือ ระบบตรวจวัดอุณหภูมิใบหน้าแบบไม่สัมผัสครั้งละหลายบุคคล และการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายการสื่อสาร ซึ่งต่อยอด จุดแข็ง และปรับปรุงข้อจำกัดของมิวเทอร์มในอดีต ด้วยการสนับสนุนจากกองทุนวิจัย และพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยจัดทำเครื่องจำนวน 40 เครื่อง เบื้องต้นจะคัดเลือกและกระจายใน 21 หน่วยงาน ที่มีความเสี่ยงผู้คนพลุกพล่านและหนาแน่น เช่น โรงพยาบาล เรือนจำ สถานีรถไฟฟ้า พร้อมส่งมอบครบทุกแห่งภายในกลางเดือนมิถุนายนนี้

    สำหรับเครื่องส่วนที่เหลือ จะนำมาปรับปรุงและเพิ่มเติมความสามารถให้เพิ่มมากขึ้น และในอนาคตพร้อมขยายผลเชิงพาณิชย์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกับภาคเอกชนไทยที่สนใจจะรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเอาไปผลิตเพื่อจำหน่ายต่อได้ โดยจุดเด่นของมิวเทอร์ม เฟสเซนซ์ หรือ ระบบตรวจอุณหภูมิอัจฉริยะ สามารถก้าวข้ามข้อจำกัด โดยใช้กล้องตรวจจับความร้อนสแกนใบหน้าได้ครั้งละหลายคนพร้อมกันอย่างแม่นยำ รู้ผลภายใน 0.1 วินาที จากระยะห่าง 0.5-1.5 เมตร สามารถวิเคราะห์และประมวลผลได้ภายในตัวเครื่องผ่านเครือข่ายการสื่อสาร

    นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อและจัดเก็บข้อมูลผ่านระบบ IoT ในราคาที่ถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ และยังได้เพิ่มฟังก์ชันอัจฉริยะ การตรวจจับใบหน้าบุคคล (Face Detection) ทำให้รู้ว่าภาพที่ปรากฎบนจอนั้น คือ ใบหน้าบุคคล และสามารถบอกได้ว่าใบหน้าของคนนั้นมีอุณหภูมิเท่าไหร่ และถ้าหากมีหลายคนอยู่ในภาพเดียวกัน ก็จะแสดงอุณหภูมิให้เห็นว่าบุคคลใดในภาพมีอุณหภูมิกี่องศา โดยเจ้าหน้าที่สามารถตั้งค่าอุณหภูมิได้ตามความเหมาะสม หากมีการวัดค่าอุณหภูมิเกินกว่าค่าที่ตั้งไว้ก็จะมีเสียงแจ้งเตือน พร้อมกับแสดงตัวเลขเป็นสีแดง และขนาดใหญ่ขึ้น

    ที่มา https://www.mcot.net/viewtna/5ed605b5e3f8e40af944fe46

    #roundtablethailand
    Roundtablethailand.com
     
  13. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรร(อว.) เปิดเผยว่า ช่วงหลังเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน เข้าสู่รุ่งเช้าวันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2563 ซึ่งเป็นคืนดวงจันทร์เต็มดวง จะเกิดปรากฏการณ์ “จันทรุปราคาเงามัว” เริ่มตั้งเเต่เวลาประมาณ 00:46 น. ดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้าสู่เงามัวของโลก ความสว่างของดวงจันทร์จะค่อย ๆ ลดลงเล็กน้อย จะมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงมีสีคล้ำ เงามัวจะบังมากที่สุดใน เวลาประมาณ 02:24 น. จนกระทั่งสิ้นสุดปรากฏการณ์ เวลาประมาณ 04:04 น.

    รวมเวลาเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเงามัวในครั้งนี้นาน 3 ชั่วโมง 18 นาที สามารถสังเกตด้วยตาเปล่าได้ไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากดวงจันทร์โคจรเข้าไปในเงามัวของโลกบางส่วน ไม่ได้ผ่านเข้าไปในบริเวณเงามืด ดวงจันทร์จึงไม่เว้าแหว่ง ยังคงมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงแต่มีความสว่างในส่วนที่อยู่ในเงามัวลดลงเท่านั้น หากมองผ่านกล้องโทรทรรศน์หรือถ่ายภาพเปรียบเทียบความสว่างขณะเกิดปรากฏการณ์จะเห็นการเปลี่ยนแปลงความสว่างของดวงจันทร์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    ทั้งนี้ปรากฏการณ์จันทรุปราคามักเกิดขึ้นนานนับชั่วโมง เพราะเงาของโลกมีขนาดใหญ่มากต่างจากปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงที่สังเกตได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น สำหรับปรากฏการณ์จันทรุปราคา ในประเทศไทยครั้งต่อไป จะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเงามัว ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 นับเป็นจันทรุปราคาเงามัวครั้งที่ 3 ของปีนี้ที่เกิดขึ้นในไทย

    https://www.facebook.com/NARITpage/


    #RoundtableThailand
    roundtablethailand.com
     
  14. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⚠️ ด่วนนนนนน ⚠️โอเปกและพันธมิตรตกลงนอกรอบกันได้แล้ว รอลงนามกันพรุ่งนี้ ! จะขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันไปอีก 1 เดือน ! #ไม่มีเซอร์ไพรส์ ตลาดไม่ต้องกลัวความเสี่ยงเรื่องการตกลงกันไม่ได้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีดขึ้นต่อเนื่องอีก +3% คืนนี้ !

    หลังจากที่ข่าวเลื่อนการประชุมไปมาและยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถยืดเวลาการลดโควตาการผลิตได้หรือไม่... เพราะทางพี่ใหญ่ของกลุ่มอย่าง ซาอุดิอาระเบียและ รัสเซีย นั้นยังไม่ไว้ใจกันว่าสมาชิกในกลุ่มจะสามารถรักษาสัญญาตามโควตาได้หรือไม่ หลักๆคือประเทศอิรัก ไนจีเรีย คาซัคสถาน และ แองโกลา ที่ยังไม่สามารถลดกำลังการผลิตตามสัญญาได้ (กราฟแนบในคอมเม้นท์)

    แต่ในที่สุดเวลา 17.10 น. วันนี้ทางโอเปกกับพันธมิตรก็สามารถตกลงที่จะขยายเวลาลดกำลังการลิตรวมกันที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อไปได้แล้ว จากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายนยืดออกไปถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม ก่อนที่จะลดกำลังการผลิตลงมาเหลือเพียง 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคมและค่อยๆลดลงเป็นขั้นบันไดต่อๆไป

    #อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะตกลงนอกรอบได้แล้ว ก็ยังต้องรอลงมติในการประชุมอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (เสาร์ที่ 6 มิถุนายน) อีกที แต่ก็ไม่น่ามีอะไรเซอร์ไพรส์แล้ว

    ทางด้านราคาน้ำมันดิบ Brent ดีดขึ้นทันที +3% ล่าสุดขึ้นไปยืนเหนือระดับ 41 เหรียญแล้ว เป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามราคาน้ำมันขึ้นเมื่อ 3 เดือนก่อน เพราะการยืดโควตาการผลิตนี้ออกไปจะทำให้ตลาดน้ำมันตึงตัวขึ้นอีกมาก

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

    #ทันโลกกับKP #OilTraderKP

     
  15. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลุ่มโอเปกสรุปนัดวันประชุมกันได้แล้วเป็นวันพรุ่งนี้ ! นักลงทุนควรระวัง #ราคาน้ำมันผันผวน ช่วงข้ามวันปิดตลาดเสาร์อาทิตย์ !

    หลังจากเลื่อนไปเลื่อนมาหลายครั้งเพราะยังไม่ไว้ใจตัวเลขการผลิตของสมาชิกในกลุ่ม ในที่สุดเที่ยงวันนี้โอเปกก็ยืนยันแล้วว่าจะประชุมกันพรุ่งนี้ วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน

    โดยกลุ่มโอเปกเริ่มจะประชุมกันเองก่อนช่วงบ่าย 2 โมง และทางพันธมิตรจะเข้ามาร่วมประชุมด้วยช่วง 4 โมงเย็น

    ถึงแม้การเลื่อนประชุมขึ้นมาเป็นวันพรุ่งนี้ได้จะเป็นสัญญาณที่ดีว่าทางโอเปกน่าจะตกลงเรื่องการยืดการลดการผลิตออกไปได้อีก 1-2 เดือน และคงปรับความเชื่อใจเรื่องของโควตาได้แล้ว #ทำให้ไม่น่ามีเซอร์ไพรส์

    ⚠️ #แต่อย่าลืมว่า ครั้งล่าสุดที่โอเปกประชุมข้ามมาจนช่วงตลาดปิดในช่วงเดือนมีนาคมนั้นเกิดอะไรขึ้น... ทางรัสเซียเซอร์ไพรส์ตลาดด้วยการเดินออกจากห้องประชุมทำให้ซาอุดีอาระเบียต้องเซอร์ไพรส์กลับด้วยการประกาศสงครามราคาน้ำมัน.. และตลาดวันจันทร์ราคาเปิดมาติดลบถึง -30%

    นักลงทุนควรปรับความเสี่ยงของพอร์ตให้ดีก่อนเข้าช่วงเสาร์อาทิตย์ ในจังหวะที่ยังมีโอกาศครับ

    #OilTraderKP #ทันโลกกับKP

     
  16. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ราคา BTSGIF หัวทิ่มบ่อ ธุรกิจมั่นคงไม่ได้แปลว่า(เรา)ขาดทุนไม่ได้

    ถ้าหากใครเผอิญไปลงทุนใน BTSGIF (กองทุนที่ลงทุนในธุรกิจรถไฟฟ้าสายสีเขียว) เมื่อต้นปี 2563 แถวๆราคา 10 บาท หรือเมื่อกลางปี 2562 ตอน 11 บาท คงจะแปลกใจไม่น้อยที่ปัจจุบันราคาเหลือแค่ 7.4 บาทเท่านั้น เพราะธุรกิจรถไฟฟ้าไม่น่าจะเป็นธุรกิจที่มีความผันผวนของรายได้หรือราคาหุ้นเท่าไหร่ นักเก็งกำไรก็ไม่ชอบเล่น มีแต่นักลงทุนกินปันผลเป็นส่วนใหญ่ที่มักลงทุนกัน อันที่จริงชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้า BTS ถือเป็นโครงสร้างสำคัญของการดำเนินชีวิตในกรุงเทพฯ ก็เหมือนไฟฟ้า น้ำประปา ถนนหนทาง ไม่ได้เลิกใช้มันง่ายๆ การขาดทุนจากการถือหุ้นลักษณะแบบนี้จะว่าไปก็ทำใจลำบากพอสมควร วันนี้เพื่อฉลองที่เพจครบรอบ 1 ปี เลยอยากพูดคุยเพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่ต้องการลงทุนกองทุนโครงสร้างพื้นฐานประเภทอื่นๆที่น่าจะมีมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคตครับ

    ก่อนอื่นขอปูพื้นฐานสำหรับคนที่อาจจะยังไม่เข้าใจดีนักว่า BTSGIF คืออะไร

    BTSGIF คือกองทุนที่ระดมเงินจากประชาชนรวมทั้งกองทุนทั่วๆไปหรือบริษัทต่างๆ เพื่อเอาไปลงทุนในการรับรายได้สุทธิ (รายได้สุทธิหมายถึงรายได้ค่าตั๋วรถไฟฟ้าหักต้นทุนต่างๆแล้ว) จากสัญญาสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต - อ่อนนุช และ สนามกีฬาแห่งชาติ – สะพานตากสิน) ถ้าเปรียบเทียบคือ เรากับเพื่อนๆระดมเงินกันไป 1 ล้านบาท เอาไปเช่าตึก 20 ปี แล้วระหว่าง 20 ปีนี้ค่าเช่าจากตึกนั้นเรากับเพื่อนๆก็ได้รับไป แต่พอครบ 20 ปี ก็ต้องคืนตึกให้เจ้าของเดิมด้วย ในกรณีสำหรับ BTSGIF มูลค่าการระดมทุนก็คือ 6.25 หมื่นล้านบาทและระยะเวลาที่จะได้สิทธิก็คือปี 2556 – 2579

    ดังนั้น BTSGIF หรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีอายุกำหนดชัดเจน เวลาที่เรารับผลตอบแทน มันต่างจากการซื้อหุ้นของบริษัท เพราะหุ้นของบริษัทต่อให้ปันผลให้เราไป 20 ปี พอครบ 20 ปี เราก็ยังมีหุ้นเท่าเดิมยังมีส่วนเป็นเจ้าของอยู่ เอาหุ้นไปขายให้คนอื่นต่อได้ถ้าธุรกิจยังไม่เจ๊ง แต่เจ้า BTSGIF เนี่ยปีสุดท้ายมูลค่ามันจะเหลือ 0 เพราะเราเช่าเขามา ดังนั้นเงินที่เราได้รับในแต่ละปีนอกจากส่วนที่เป็นการปันผลจากกำไรแล้ว มันก็จะต้องมีส่วนคืนเงินที่เราจ่ายเพื่อลงทุนไปด้วย

    สำหรับธุรกิจเดินรถไฟฟ้า เราจะได้รายได้ค่าโดยสารหักต้นทุน(เช่นพวกเงินเดือน เงินซื้อตู้รถไฟออกไป) ได้เงินมาเท่าไหร่ก็เอาเงินมาปันผลให้เราเลย เอาแบบคิดง่ายๆ คือเราซื้อสิทธิไป 6.25 หมื่นล้านบาท ในเวลา 21 ปีที่เรามีสิทธิ เราก็อาจจะคาดหวังว่าจะได้เงินคืนมาซัก 1.3 แสนล้านบาท(หรือมากกว่าแล้วแต่คนมอง) เท่ากับว่าเราได้เงินมาหักส่วนที่จ่ายไปเพื่อซื้อสิทธิ 6.25 หมื่นล้าน แล้วเหลือส่วนที่เป็นกำไรจริงๆ 6.25 หมื่นล้านบาท อาจจะมองว่าได้ 1 เท่าตัว แต่อย่าลืมว่าต้องหารด้วยจำนวนปีด้วยนะครับ เช่น 20 ปี พอมาเฉลี่ยเป็นรายปีจริงๆ ปีนึงๆก็แค่ 5-6% เอง

    เผื่อบางท่านยังนึกไม่ออก มันก็เหมือนเราซื้อเครื่องจักรมาใช้ในโรงงาน 1 แสนบาท แล้วก็ประเมินไว้ว่ามันจะผลิตสินค้าได้ 2 แสนชิ้น ขายได้ชิ้นละบาท แล้วเจ้าเครื่องจักรก็พัง ดังนั้นกำไรจริงๆจากการลงทุนในเครื่องจักรนี้ จะเท่ากับแค่ 1 แสนบาท เราเลยเรียกการลงทุนใน BTSGIF ว่า การลงทุนในสิทธิการรับรู้รายได้จากการเดินรถ ไม่ใช่การเป็นเจ้าของกิจการแต่อย่างใด แต่ไอ้เจ้า BTSGIF มันจะต่างจากเครื่องจักรตรงที่เครื่องจักรมันผลิตได้เท่าๆเดิมต่อปีต่อชั่วโมง แต่ธุรกิจรถไฟฟ้า ปริมาณของคนใช้บริการมันจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปีไปตลอดจนหมดอายุสัญญา สาเหตุหลักๆก็เพราะมีการเปิดให้บริการสายสีอื่นๆมากขึ้นรวมถึงรถไฟฟ้าใต้ดิน ถึงจะไม่ใช่ของ BTSGIF แต่ก็เป็นการดึงคนให้เข้ามาสู่ระบบรางมากขึ้น รวมถึงสายสีเขียวเองก็มีสถานีเพิ่มขึ้นเช่นกัน คนเดินทางก็ย่อมมากขึ้นด้วย อย่างในปี 2563 ก็มีเส้นหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เปิดให้บริการเพิ่มขึ้น

    เกิดอะไรกับราคา BTSGIF

    ทีนี้กลับมาที่หัวเรื่อง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับราคาหน่วยของ BTSGIF กัน ปัญหาของราคาหน่วยลงทุนมันก็เกิดจากราคาซื้อ/ขายในตอนแรกที่ 6.25 หมื่นล้านบาทนั่นเอง(10.80 บาท/หน่วย) ราคานี้เป็นราคาที่คนซื้อขายตกลงกันโดยที่มีที่ปรึกษาทางการเงินช่วยการประเมินมูลค่า โดยที่คิดถึงใจคนซื้อคือฝั่งคนซื้อมองถึงระดับผลตอบแทนที่พอเหมาะ เช่นตีออกมาว่าเฉลี่ยๆได้ปีละ 5-6% มากกว่าเงินฝากก็หรูหราแล้ว (อย่าลืมว่าเราคิดเงินปันผลตรงๆกับการลงทุนแบบนี้ไม่ได้นะครับ อันนี้ตัวอย่างเฉยๆ เพราะเราต้องคำนึงว่าเงินสดในแต่ละปีที่เราได้กลับมาจะมีส่วนที่มันเป็นเงินต้นเราด้วย) ส่วนคนขายก็ต้องไม่ให้ขายถูกจนเกินไปนัก ราคาจึงมาจบแถวๆนี้

    แต่เนื่องจากลงว่าเป็นการลงทุนแล้ว ยังไงก็มีความเสี่ยง ถึงจะเป็นรถไฟฟ้าที่ตัวธุรกิจไม่น่ามีปัญหาอะไร ปัญหาของ BTSGIF ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าที่ปรึกษาประเมินอนาคตไว้ดีเกินไปหน่อยตอนตั้งราคา ดังนั้นไอ้เจ้าเงินลงทุน 6.25 หมื่นล้านก็คือซื้อแพงไปนั่นเอง ในปีบัญชี 2561-2562 ของ BTSGIF(สิ้นสุดมีนาคม 2562) ทีมงานที่มีหน้าที่ประเมินมูลค่าธุรกิจ เขาก็มาประเมินธุรกิจเดินรถไฟฟ้าแล้วตรวจสอบสมมุติฐานที่ปรึกษาการเงินทำไว้แต่เดิม ก็พบว่า (ดู Chart ใน Comment ประกอบ)

    สมมุติฐานเดิมที่วางไว้ตอน 2559 คือ เศรษฐกิจไทยจะสามารถโตปีละ 4% ไปอีก 10 ปี ไม่น่าจะเป็นไปได้ มันน่าจะเป็น 4% ระหว่างปี 2562 - 2564 หลังจากนั้น ก็โตแค่ 3.5% ไปอีก 5 ปี แล้วก็แค่ 3% ในช่วงที่เหลือ รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อจากเดิมคิดว่าจะมีเงินเฟ้อปีละ 3% ก็ปรับลดเหลือ 2.5% รวมถึงความเร็วในการก่อสร้างและให้บริการรถไฟฟ้าสายอื่นๆด้วย ซึ่งสมมุติฐานพวกนี้ค่อนข้างสำคัญ เพราะมันแปลว่าอัตราค่าโดยสาร(อิงเงินเฟ้อ)กับจำนวนผู้โดยสาร(อิงการเติบโตของภาวะเมืองและเศรษฐกิจ)ที่ทำไว้เดิมจะถูกปรับลงไปด้วย ที่สำคัญมากกกอีกอย่างคือ ตรงหัวข้อโครงสร้างราคาให้บริการจะเห็นว่าจากเดิมปี 2559 ที่ปรึกษาทางการเงินไม่ได้คิดถึงเรื่องว่าภาครัฐจะเข้ามาควบคุมราคาโดยสารของรถไฟฟ้า แต่ในความเป็นจริงมีการพยายามจำกัดเพดานราคาไว้ด้วย เลยมีการมาปรับสมมติฐานอีกรอบในปี 2562 หลังการปรับสมมุติฐานนี้ ในปี 2562 ราคา BTSGIF ก็ลดจากเฉลี่ยประมาณ 12 บาท เหลือเพียง 11 บาท/หน่วย

    แต่เท่านั้นยังไม่พอ เข้าปี 2563 ก็มีการระบาดของไวรัสเข้ามาต้องปิดเมืองไม่เดินทาง รายได้เดินรถก็หายไปเลย แต่อายุสัญญาก็ค่อยๆลดลง ภาวะเศรษฐกิจกระทบอีก ทำให้ต้องปรับสมมุติฐานการเติบโตของ GDP ลงอีก ตรงนี้อยากให้สังเกตครับว่าจริงๆ GDP ของปี 2562 ก็โตแค่ 2.4% เท่านั้น ไม่ใช่ 4% แปลว่าประเมินไว้ผิดก่อนจะมีไวรัสด้วยซ้ำ และก็ยังประเมินว่าปี 2563 จะติดลบแค่ 2% ซึ่งต่างจากสำนักเศรษฐกิจหลายๆฝ่ายที่มองว่าจะลบกว่านั้นเยอะ รวมทั้งมีการปรับคาดการณ์เงินเฟ้อลงอีกรอบเหลือแค่ 2.25% (ตรงนี้ไม่อยากชี้เป้า แต่ลองหาดูข้อมูลเงินเฟ้อจริงๆของไทยเองดีกว่า) และเราจะสังเกตเห็นอีกอย่างคือการเลื่อนการเปิดให้บริการช่วงบางหว้า – ตลิ่งชัน จากเดิมคิดไว้ว่าจะเปิดในปี 2559 ก็เลื่อนเป็น 2564 แล้วก็เลื่อนไปอีกเป็น 2566 บวกกับคาดไปเลยอีกว่าจะไม่มีให้บริการช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ – ยศเส จากที่ในปี 2559 คิดว่าจะมีการเดินรถไฟฟ้าตรงนี้ ราคาหน่วยของ BTSGIF จึงลดจากต้นปีที่ 10 บาท เหลือแค่ 7.40 บาท (ส่วนหนึ่งเพราะภาวะตลาดโดยรวมที่ปรับลงด้วย)

    สรุปรวมๆแล้วการปรับสมมุติฐานเชิงลบใน 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ต้อง BTSGIF ปรับมูลค่าเงินลงทุนลดลงไปรวม 1.12 หมื่นล้าน จากเงินลงทุนเดิมตั้งต้น 6.25 หมื่นล้าน ถ้าจะพูดว่าราคาตั้งต้นซื้อแพงไปเกือบ 20% ก็พอได้ แต่ไม่ถูกต้องนัก เพราะในอนาคตหากอะไรๆดีขึ้นเกินกว่าสมมุติฐานทุกอย่างก็อาจถูกปรับขึ้นได้ สมมุติฐานทั้งหมดก็มีขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางประเมินการเติบโตของค่าโดยสารและจำนวนผู้โดยสารโดยอิงภาวะเศรษฐกิจ ในความเป็นจริงจำนวนผู้โดยสารอาจจะเพิ่มหรือลดขึ้นได้โดยไม่เกี่ยวกับสภาวะดังกล่าว เช่นเราอาจจะอยู่ในภาวะที่เทรนด์การ Work from home เพิ่มมากขึ้น เศรษฐกิจโตแต่คนทำงานจากต่างจังหวัดมากขึ้น (สมมุตินะ) หรืออีกหน่อยเศรษฐกิจต่างจังหวัดแย่มาก คนต้องพยายามเข้ากรุงเทพฯมากขึ้น

    ดังนั้นการปรับมูลค่าเงินลงทุนจึงเป็นการสะท้อนความคาดหวังกระแสเงินสดที่จะเกิดในอนาคต คือเดาๆเอาแหละ ถึงเวลาจริงๆอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ จะยังไงก็ตาม ราคาหุ้นของ BTSGIF ก็สะท้อนภาวะมุมมองเชิงลบดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว แล้วอาจจะมองลบยิ่งกว่าในการคาดการณ์ใหม่แล้วด้วยซ้ำไป ก็เป็นสิ่งที่คนที่ชอบลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกโฆษณาว่ามีธุรกิจความมั่นคงสูง มีการปันผลสูง จะต้องระมัดระวังไว้อยู่เสมอ ไม่งั้นอาจจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ได้ในอนาคต เพราะแม้ธุรกิจจะดี แต่ก็ไม่ได้แปลว่าราคาที่เราได้ซื้อจะดีเหมือนธุรกิจด้วยพึงตรวจสอบสมมุติฐานต่างๆของกองทุนที่เราลงทุนให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อน

    ก้าวต่อไปของ BTSGIF

    ถึงราคาจะลงมาขนาดนี้แล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า BTSGIF จะเจ๊งแต่อย่างใด อย่างที่บอกไว้ว่าเป็นแค่การประเมินว่าอนาคตจะได้รายได้น้อยกว่าที่คิดไว้เท่านั้น ดังนั้นใครซื้อ BTSGIF ตอนนี้ก็จะยังได้เงินปันผลอยู่ แต่ในทางบัญชีเขาจะไม่เรียกว่าการปันผลนะ เพราะมันขาดทุนสะสม ปันผลไม่ได้ เขาจะเรียกว่าส่วนที่เราได้มาเนี่ยว่าเงินลดทุน แต่เอาเข้าจริงเงินที่เราจะได้รับในตอนนี้และต่อๆไป เงินสดมันก็มาจากการเดินรถนั่นแหละ ไอ้เงินทุนจริงๆเราจ่ายไปตั้งแต่ตอนตั้งกองทุนแล้ว แต่แน่นอนว่าคนที่ซื้อ ณ ราคาตอนนี้ ปัจจุบันคือ 7.40 บาท/หน่วย เทียบกับคนที่ต้นทุน 10 บาท/หน่วยขึ้นไป ย่อมได้รับผลตอบแทนต่างกันมาก

    ใครที่อยากจะลองดูว่าน่าสนใจจะลงทุนมั้ย จริงๆไม่ยากเลยครับ ถ้าเราอิงจากเอกสารที่แสดงใน http://btsgif.listedcompany.com/mis...l7eXvTrVwp5u-hSUlncqj9b-WMSBAnKTcBy-2t-BrENks
    หน้า 34/36/38 แล้วสมมุติว่าบริษัทสามารถทำรายได้ และรายจ่ายได้ตามที่ประเมินไว้ ทำให้จะมีกระแสเงินสดในแต่ละปีตามที่แสดงไว้ในหน้า 37 เมื่อเรารวมเงินก้อนนี้เข้ามาแล้วหารด้วยจำนวนหน่วยทั้งหมดเราจะพบว่า เงินสดต่อหน่วยที่คาดว่าจะได้รับนับจากปัจจุบัน (3 มิถุนายน 2563 – สิ้นสุดอายุกองทุน) ก็จะได้เงิน 12.42 บาทต่อหน่วยลงทุน ลองเอา 12.42 บาทมาลบกับต้นทุนของเรา คือราคา BTSGIF ต่อหน่วยในกระดานที่ 7.40 บาท/หน่วย เท่ากับว่าถ้าสมมุติเราซื้อพรุ่งนี้ถือไปจนหมดอายุกองทุน เราจะได้เงินปันผลออกมาจริงๆ 12.42 – 7.40 = 5.02 บาท/หน่วย ลองเอา 5 บาท หารด้วยจำนวนปีที่เราต้องถือไปจน 2572 ดู ว่าพอใจมั้ย อันนี้แล้วแต่คนละ แต่ขอเตือนไว้เลยว่าสมมุติฐานที่เขาทำไว้มีโอกาสจะถูก ผิดได้ทั้งนั้น และที่ผ่านมามันก็ผิดซะด้วย (ย้อนกลับไปดูส่วนที่พูดเรื่องสมมุติฐานที่ผิด) และจากกระแสเงินสดที่ได้ออกมาจริงๆ ก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องปันผลออกมาเท่านั้นทั้งหมดนะครับ ขึ้นอยู่กับผู้บริหารหน่วยลงทุนว่าจะปันผลตามนั้นรึเปล่า อาจจะต้องมีกันไว้ 5%-10% บ้างเช่นกัน ถ้าใครอยากลองคำนวณดูเองก็ไล่ๆดูในสไลด์แล้วลองปรับสร้างสมมุติฐานเองได้ครับ ไม่ยาก แต่แนะนำว่าอย่าไปคิดในแง่การปันผลครับเพราะมันช่วยให้เราคิดง่ายแต่มันจะผิดวิธี ให้ใช้การคำนวณที่เรียกว่า IRR ดีกว่า

    Credit รูปภาพจากเว็บ thinkofliving

     
  17. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    TSMC บริษัทที่อยู่ใน Iphone กับ Huawei

    เวลาพูดเรื่อง สงครามเทคโนโลยี หรือ Apple กับ Huawei สหรัฐกับจีน อาจจะเห็นแค่ภาพของ 2 ประเทศแข่งกัน แต่จริงๆ เทคโนโลยีสำคัญๆของโลกมันก็กระจายไปหมด

    TSMC หรือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company คือบริษัทที่คนไทยอาจจะรู้จักไม่ค่อยเยอะ แต่จริงๆแล้วคนผลิต Chip ที่ใช้สำหรับ Iphone หรือ Huawei กลับเป็นบริษัทจากไต้หวันซะงั้น (ผลิตนะ ส่วน Design ตัว Chip ก็อีกเรื่อง อันนี้มีทั้งบริษัแบบพวก Apple เอง หรือให้ ARM ออกแบบให้ แล้วแต่ว่าจะใช้งานแบบไหน - แต่ก็ยากทั้งออกแบบแล้วก็เอาไอ้ที่ออกแบบมาผลิตอยู่ดี)

    ในคลิปสั้นๆอันนี้จะพาไปดูโรงงานของ TSMC แว๊บๆ ว่าการผลิต chip มันละเอียดอ่อนขนาดไหน ขนาดว่าฝุ่นก็ห้ามมีในโรงงานผลิตเลยทีเดียว เพื่อทำความเข้าใจว่า know how ในการผลิตมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย - เทคโนโลยีล่าสุดของ TSMC คือการผลิต chip ขนาด 7nm (นาโนเมตร = 1/1,000,000,000 เมตร)

    ใครดูโพสต์นี้ผ่านๆคงนึกว่าเป็นคลิปแพทย์ตรวจเชื้อไวรัสโควิด



     
  18. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ในที่สุดนาย Anders Tegnell นักระบาดวิทยาแนวหน้าของสวีเดน เจ้าของกลยุทธ์ให้ประเทศรับมือโควิด-19 โดยเสนอให้รัฐบาลมุ่งเน้นให้พลเมืองสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และไม่สนับสนุนให้มีการล็อกดาวน์ในประเทศเพื่อรับมือการระบาด ออกมายอมรับต่อสื่อสถานีวิทยุในท้องถิ่นว่ากลยุทธ์ของเขามีข้อผิดพลาด
    .
    Tegnell กล่าวว่า การที่สวีเดนใช้ในการรับมือโควิด-19 ในประเทศอาจผิดพลาด ในแง่ที่อัตราการเสียชีวิตจากเชื้อนี้ สูงกว่าชาติอื่นๆ ในกลุ่มสแกนดิเนเวียด้วยกัน แต่ยังคงมั่นใจว่ากลยุทธ์นี้ สามารถใช้ได้ในวงกว้างในสวีเดน แต่ก็เหมือนกับกลยุทธ์ทั่วไปที่อาจต้องปรับใช้ตามความเหมาะสม
    .
    "หากเราต้องเผชิญกับโรคระบาดลักษณะเช่นนี้อีก .. และมีองค์ความรู้เกี่ยวกับโรคนี้เพียงน้อยนิด ผมคิดว่าวิธีรับมือของสวีเดนก็จะเป็นแบบฉบับสวีเดน แต่ก็อาจเอาวีธีการรับมือที่ทั่วโลกทำมาปรับใช้" นาย Tegnell กล่าว
    .
    โดยก่อนหน้านี้ ประเทศสวีเดนไม่มีมาตรการล็อกดาวน์เหมือนอย่างในประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียด้วยกัน แต่สวีเดนก็มีคำสั่งห้ามประชาชนรวมตัวชุมนุมเกิน 50 คน รวมถึงสนับสนุนให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคมตามพื้นที่สาธารณะต่างๆ ทั้งยังให้ประชาชนหมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ลบ่อยๆ แต่สวีเดนก็ยังไม่มีมาตรการปิดเมืองเหมือนกับชาติอื่นๆ ในยุโรป เพราะยังปล่อยให้ประชาชนไปนั่งร้านอาหาร เดินช็อปปิ้ง เข้าโรงยิม โรงเรียนยังคงเปิดการเรียนการสอนตามปกติ
    .
    การที่สวีเดนไม่ปิดประเทศ แม้อาจไม่ก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจมากเท่ากับประเทศที่ล็อกดาวน์ แต่ดูเหมือนในระยะยาวยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากหากเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างเดนมาร์กและนอร์เวย์ ซึ่งใช้มาตการล็อกดาวน์ตั้งแต่เนิ่นๆ ส่งผลให้ควบคุมการระบาดในประเทศได้อย่างรวดเร็ว จึงได้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ รวมถึงการเดินทางของพลเมือง แต่ยังคงห้ามการเดินทางจากสวีเดนเนื่องจากยังคงพบการระบาดอยู่
    .
    ซึ่งกลยุทธ์ไม่ล็อกดาวน์ประเทศในครั้งนี้ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในรัฐบาลลดลง จากผลสำรวจซึ่งเผยผ่านสถานีโทรทัศน์ SVT ระบุว่าคนสวีเดนเพียงร้อยละ 45% ยังคงเชื่อมั่นในมาตรการดังกล่าว ลดลงจากในเดือนเมษายนซึ่งเคยสูงถึง 63%
    .
    สำหรับสวีเดนมียอดผู้ติดเชื้อสะสมที่ 41,883 คน รักษาหาย 4,971 คน โดยมียอดเสียชีวิตสะสม 4,562 ราย

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.republicworld.com/world...admits-no-lockdown-policy-caused-too-man.html

    https://economictimes.indiatimes.com/topic/Sweden

    https://www.posttoday.com/world/625320
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook :
    https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  19. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jun 5 , 2020 บขส.เตรียมเปิดเดินรถเส้นทางภาคใต้ทุกเส้นทาง 9 มิ.ย.นี้
    .
    บขส.เตรียมเปิดเดินรถเส้นทางภาคใต้ทุกเส้นทาง ตั้งแต่วันอังคารที่ 9 มิ.ย.เป็นต้นไป ภายหลังศบค.ผ่อนคลายการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด และให้ยานพาหนะ ผู้โดยสาร ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องกับการขนส่งสาธารณะที่เป็นการขนส่งคน หรือสินค้าระหว่างจังหวัดที่เริ่มออกเดินทางจากจังหวัดต้นทาง ก่อนเวลา 23.00 น. และถึงจังหวัดปลายทางหลังเวลา 03.00 น.ของวันรุ่งขึ้น สามารถเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดในช่วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถานได้
    .
    สำหรับเส้นทางเดินรถภาคใต้ที่เปิดให้บริการ ประกอบด้วย เส้นทาง กรุงเทพฯ (หมอชิต2) - เกาะสมุย , กรุงเทพฯ (หมอชิต 2) – ภูเก็ต , กรุงเทพฯ (หมอชิต2) – ด่านนอก , กรุงเทพฯ (หมอชิต2) – สตูล , กรุงเทพฯ (หมอชิต2) – กระบี่ , กรุงเทพฯ (หมอชิต2) – ชุมพร , กรุงเทพฯ (หมอชิต2) – หลังสวน , กรุงเทพฯ (หมอชิต2) – ด่านเจดีย์สามองค์
    .
    เส้นทางกรุงเทพฯ – ทับละมุ - พังงา (สายเก่า) , กรุงเทพฯ – ตะกั่วป่า - โคกกลอย (สายเก่า) , กรุงเทพฯ – ภูเก็ต , กรุงเทพฯ –กระบี่ , กรุงเทพฯ – นครศรีฯ – สงขลา , กรุงเทพฯ – นครศรีฯ – หัวไทร , กรุงเทพฯ – ตรัง , กรุงเทพฯ – ตรัง – สตูล
    .
    กรุงเทพฯ – สุไหงโกลก , กรุงเทพฯ – ยะลา – เบตง , กรุงเทพฯ – สตูล , กรุงเทพฯ – เกาะสมุย , กรุงเทพฯ – ดอนสัก (ท่าเรือ) , กรุงเทพฯ – หาดใหญ่ , กรุงเทพฯ – หาดใหญ่ – สงขลา , กรุงเทพฯ – คลองท่อม – กระบี่
    .
    บขส.คำนึงถึงความปลอดภัยและสุขอนามัยของผู้โดยสาร พนักงาน โดยมีการดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างต่อเนื่อง ตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงคมนาคมกำหนด เช่น จัดทำมาตรการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด โดยเว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกัน อย่างน้อย 1 เมตร
    .
    หากผู้โดยสารครบตามจำนวนที่กำหนด จะไม่รับผู้โดยสารรายใหม่เพิ่มโดยเด็ดขาด งดให้บริการอาหารเครื่องดื่มบนรถโดยสาร และไม่อนุญาตให้นำอาหารมารับประทานบนรถโดยสาร เพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส โดยจะให้รับประทานอาหารเฉพาะที่จุดพักรถเท่านั้น ซึ่งบขส.ได้เปลี่ยนแปลงจุดพักรับประทานอาหารตามเที่ยวเวลารถออก เพื่อให้สอดคล้องกับเวลาเปิด-ปิด ร้านอาหารตามเวลาเคอร์ฟิวด้วย
    .
    นอกจากนี้พนักงานประจำรถ พนักงานประจำสถานี และผู้ใช้บริการ ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เมื่อเข้าใช้บริการภายในสถานีขนส่ง และต้องผ่านการคัดกรองผู้โดยสาร หากพบผู้ที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ห้ามเดินทางโดยเด็ดขาด
    .
    สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่จังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนดอย่างเคร่งครัด และต้อง Scan QR Code จากเว็บไซต์ http://www.xn--b3czh8ayeuf.com/ เพื่อ Check in /Check out หรือกรอกข้อมูลคำถามสุขภาพตามแบบ ต.8-คค ที่ระบุจุดเดินทางที่ออกและจุดหมายปลายทางที่เป็นประโยชน์ต่อการควบคุมโรคติดต่อ และรถโดยสารจะจอดรับ-ส่ง ตามจุดที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดไว้เท่านั้น
    .
    #บขส. #ภาคใต้ #Misterban

     
  20. สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,686
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jun 5 , 2020 ยูเนี่ยน มอลล์ ยกเว้นค่าเช่า - ลดค่าเช่าช่วยผู้ค้าจากโควิด-19
    .
    บริษัท สยามจตุจักร จํากัด ผู้บริหาร ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจช่วงปลายปี 2562 ศูนย์การค้า ยูเนี่ยน มอลล์ ได้ช่วยเหลือผู้ค้ารายย่อย ที่ยอดขายลดลง จึงได้ทำ “โครงการต่อสัญญาล่วงหน้า” เพื่อให้ส่วนลดค่าเช่าให้กับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมสูงสุดถึง 50% โดยมีระยะเวลาตั้งแต่ เดือนมกราคม – ธันวาคม 2563
    .
    โดยทางศูนย์การค้าฯ ได้ให้ส่วนลดให้กับผู้ประกอบการทุกรายเพิ่มอีก 10% และระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 16 พฤษภาคม 2563 เเละเมื่อรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ศูนย์การค้าปิดให้บริการ ทางยูเนี่ยน มอลล์ ได้งดเก็บค่าเช่าค่าบริการแบบ 100% ในเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2563 และในเดือนมิถุนายนนี้ ผู้ประกอบการได้รับส่วนลดค่าเช่าสูงสุดถึง 50%
    .
    นอกจากนี้จะช่วยลดค่าเช่าให้เเก่ผู้ค้า ทางศูนย์การค้ายัง จัดตั้งโครงการ ”UM CLINIC (ยูเอ็ม คลินิก)” ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์ให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการรายย่อย โดยแบ่งความช่วยเหลือออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ศูนย์รวมองค์ความรู้การทำธุรกิจและการตลาด, ศูนย์กลางด้านความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการรายย่อยกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และต่างชาติ, และศูนย์กลางด้านการช่วยเหลือปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน และให้คำแนะนำด้านการบริหารจัดการทางการเงิน
    .
    #ยูเนี่ยนมอลล์ #ค่าเช่า #ไวรัสโควิด #Misterban

     

แชร์หน้านี้