ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    13.08.20

    นายกรัฐมนตรี Erna Solberg กล่าว ในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 12.08.20 ว่า แม้ว่า รัฐบาล จะไม่ต้องการให้คุณเดินทางไปยัง กลุ่มประเทศ "พื้นที่สีเหลือง" แต่ในขณะเดียวกันคุณจะไม่ได้รับเงินจากการประกันหากคุณยกเลิก - คุณควรรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

    นรม.Solberg ยังกล่าวในงานแถลงข่าวว่า

    เราไม่สามารถห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางได้ แต่เราสามารถพูดได้ว่าเราไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้น...

    1.ทางด้าน Marie Brudevold ผู้จัดการการสื่อสารบริษัทประกันภัย Gjensidige เขียนในอีเมลถึง NRK ว่า "ณ ตอนนี้เรายังถือว่า ประเทศที่อยู่ในพื้นที่สีเหลือง ยังเป็น พื้นที่สีเขียว" ซึ่งหมายความว่า ประกันการเดินทางมีผลตามปกติ แต่ บริษัท ประกันภัยไม่ครอบคลุมการยกเลิก การเดินทางไปยัง กลุ่มประเทศที่เป็นพื้นที่สีเหลือง เว้น แต่สถานะจะเปลี่ยนเป็น พื้นที่สีแดง ก่อนออกเดินทาง

    2.ดังนั้น ชาวนอร์เวย์ ต้องตัดสินใจเองว่าพวกเขาเต็มใจที่จะรับภาระค่าใช้จ่ายในการยกเลิกการเดินทางไปยังประเทศที่รัฐบาลได้ยกระดับจากสีเขียว (ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่ำ) เป็นสีเหลือง (ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น) หรือไม่

    3.สำหรับ ชาวนอร์เวย์ ที่อยู่ใน ประเทศที่เปลี่ยนเป็นพื้นที่สีแดง จะไม่ได้รับความคุ้มครองในการเดินทางกลับบ้าน สำหรับผู้ที่ต้องการเพื่อหลีกเลี่ยงการกักกันตนเอง หรือเพื่อขอเงินชดเชย วันที่วันหยุดที่สูญเสียไป

    4.Gjensidige ยังคงคุ้มครองเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น แม้ขณะอยู่ใน พื้นที่สีแดง แต่ ไม่ครอบคลุมกับอาการป่วยจาก Coronavirus

    5.ทางด้านเงื่อนไขของ If gjelder ประกันการเดินทาง สามารถใช้ได้ตามปรกติใน กลุ่มประเทศพื้นที่สีเหลือง การยกเลิกการเดินทางจะไม่ครอบคลุม ยกเว้นว่า ประเทศ / ภูมิภาค จะเปลี่ยนเป็น พื้นที่สีแดงก่อนออกเดินทาง 14 วัน หรือ น้อยกว่า

    6.Frende Forsikring มีรายละเอียดว่า ประกันการเดินทางมีผลบังคับใช้ทั้งใน กลุ่มประเทศพื้นที่สีเหลือง และ สีแดง เช่น กระเป๋าหาย ,ขโมย,อุบัติเหตุจราจร หรือ เจ็บป่วยเฉียบพลัน ซึ่งไม่ได้เกิดจาก Coronavirus การยกเลิกการเดินทางไปยัง กลุ่มประเทศพื้นที่สีเหลืองจะครอบคลุมเฉพาะในกรณีที่ คุณป่วยหนัก หรือ สามารถแสดงใบรับรองแพทย์ ที่ระบุได้ว่ามีอันตรายต่อชีวิต หรือ สุขภาพ หากบุคคลที่อยู่ภายใต้การประกันการเดินทางติดเชื้อ Coronavirus

    .
    #นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #Coronavirusinnorway #norway #รายงานข่าวประจำวัน
    .
    แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
    https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

    ผู้ทำข่าวต้นฉบับ :
    Camilla Wernersen : Journalist
    Marthe Stoksvik : Journalist

    ที่มาของข่าว NRK :
    https://bit.ly/2E1m1MM

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ไทยแชมป์ส่งออกทุเรียนโลก ตลาดจีนครึ่งปียอดพุ่ง 140%

    รายงานผลการติดตามสถานการณ์การส่งออกและการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) จากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในส่วนของทุเรียน ซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญของไทย พบว่า ไทยยังครองแชมป์เป็นประเทศผู้ส่งออกทุเรียนอันดับหนึ่งของโลก และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยทุเรียนมีสัดส่วนในการส่งออกถึง 69% ของการส่งออกผลไม้สดทั้งหมดของไทย

    โดยในช่วงครึ่งปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.) ไทยส่งออกทุเรียนสดไปตลาดโลก มูลค่า 1,411 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 73% โดยจีนเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย มีมูลค่า 1,022 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 140% มีส่วนแบ่งตลาด 73% ของการส่งออกทุเรียนสดทั้งหมด ตามด้วยฮ่องกง มูลค่า 207 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 34% มีส่วนแบ่งตลาด 15% และอาเซียน มูลค่า 164 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 25% มีส่วนแบ่งตลาด 12% โดยเวียดนามเป็นตลาดส่งออกหลัก

    จากการติดตามสถิติการส่งออก พบว่า เอฟทีเอมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกทุเรียนของไทยเติบโตได้ดี เนื่องจากประเทศผู้นำเข้าที่เป็นคู่ค้าสำคัญของไทย ไม่เก็บภาษีนำเข้ากับทุเรียนไทย จึงทำให้ได้แต้มต่อในการแข่งขันกับคู่ค้าจากประเทศอื่น โดยปัจจุบัน 17 ประเทศคู่เจรจาเอฟทีเอของไทย ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น อินเดีย ชิลี และเปรู ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าทุเรียนสดให้ไทยแล้ว เหลือเพียงเกาหลีใต้ที่ยังเก็บภาษีนำเข้าทุเรียนจากไทย 36%

    หากดูเฉพาะการส่งออกทุเรียนไปยังประเทศที่เป็นคู่เจรจาเอฟทีเอของไทย ในช่วงครึ่งปี 2563 มีมูลค่า 1,396 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 74% หรือคิดเป็น 99% ของการส่งออกทุเรียนไทยทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดที่มีเอฟทีเอมีการเติบโตได้สูง และยังพบว่าทุเรียนมีการขอใช้สิทธิประโยชน์ส่งออกสูงเป็นอันดับต้น โดยในปี 2562 การส่งออกทุเรียนสดไปจีนมีการขอให้สิทธิเอฟทีเออาเซียน-จีน สูงเป็นอันดับที่ 1 เมื่อเทียบกับสินค้าที่ส่งออกไปจีนทั้งหมด คิดเป็นสัดส่วนเต็ม 100% ของมูลค่าการส่งออกทุเรียนสดไปจีนทั้งหมด

    “เกษตรกรและผู้ประกอบการ ควรให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานสินค้า และพัฒนาคุณภาพการผลิต โดยพิถีพิถันตั้งแต่การเพาะปลูก การบรรจุหีบห่อ มีใบรับรองสุขอนามัยพืช รวมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง เนื่องจากผู้บริโภคหันมานิยมผลไม้ปลอดสารพิษหรือเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น และควรใช้ช่องทางการขายออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น และให้ทุเรียนไทยครองแชมป์ในตลาดอย่างยั่งยืน”

    #ประเทศไทยต้องชนะ

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    BRIEF: ‘กินให้หมด อย่าให้เหลือ’ จีนประกาศแคมเปญแก้ปัญหา Food waste โดยให้ผู้คนสั่งอาหารน้อยลง
    .
    กินข้าวไม่หมดจะเป็นอะไรไหม? หนึ่งในปัญหาใหญ่ของโลกในตอนนี้ คือ ‘Food waste’ หรือก็คือปัญหาขยะจากเศษอาหาร โดยล่าสุด ผู้นำของจีนได้ประกาศแคมเปญใหม่ที่จะลดปัญหา Food waste นี้ลง
    .
    “การทิ้งขว้างมันน่าละอายมาก และการประหยัดเป็นสิ่งที่น่านับถือ” หนึ่งในข้อความที่ สี จิ้นผิง ระบุไว้ในแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเล่าถึง ปริมาณอาหารที่ส่งผลเสียในประเทศอย่าง ‘น่าตกใจและน่าวิตกกังวล’ เป็นอย่างยิ่ง
    .
    ปัญหาเรื่อง Food waste กลายมาเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองอย่างยิ่ง หลังจาก จีนเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่งซัดเอาพืชผลต่างๆ ไป รวมถึงปัญหาราคาอาหารที่แพงขึ้น หลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งทำให้เศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่
    .
    เมื่อมีแคมเปญนี้ออกมา หน่วยงานท้องถิ่นก็เริ่มดำเนินการทันที โดยใช้ชื่อแคมเปญว่า ‘Operation Empty Plate’ ซึ่งถูกกล่าวถึงครั้งแรกในปี ค.ศ.2013 แต่ได้รับการยกขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากสีพูดถึง
    .
    โดยมีข้อเรียกร้องให้ร้านอาหารในเมืองใช้การสั่งอาหารแบบ N-1 (จำนวนคน ลบ 1) โดยให้ลูกค้าสั่งอาหารในจำนวนจานที่น้อยกว่าจำนวนผู้เข้ารับประทาน เช่น ไปรับประทานอาหารกัน 5 คน ก็ให้สั่งอาหารเพียง 4 อย่าง หรือน้อยกว่านั้น และให้ร้านอาหารท้องถิ่นจัดให้อาหารที่มีปริมาณน้อยลง หรือให้เพียงครึ่งหนึ่งด้วย
    .
    อย่างไรก็ดี จีนมีวัฒนธรรมในการสั่งอาหารว่า ให้สั่งเกินจำนวนที่ต้องการกิน แคมเปญนี้จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก โดยในประเทศจีน อาหารมักจะเสิร์ฟเป็นแบบครอบครัว และผู้คนก็มักจะสั่งอาหาร ในปริมาณที่มากกว่าจำนวนผู้บริโภคในกลุ่มเสมอ
    .
    ขณะที่ China Academy Science สถาบันวิจัยในกรุงปักกิ่ง เปิดเผยรายงานเมื่อปี ค.ศ.2015 ซึ่งระบุว่า อาหารในเมืองใหญ่ของจีนมากถึง 18 ล้านตันต่อปีที่กลายเป็นขยะ ซึ่งเป็นปริมาณที่สามารถให้ผู้คนรับประทานได้ถึง 30-50 ล้านคนต่อปี
    .
    แต่แคมเปญนี้ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียล โดยมองว่า ต้องจำกัดปริมาณอาหารของเจ้าหน้าที่ก่อน ทั้งยังมองว่า แม้แต่อาหารก็ยังกลายเป็นสิ่งที่รัฐเข้ามาควบคุมอีกด้วย ขณะที่ บางคนก็กล่าวว่า “ดูเหมือนว่า แคมเปญจะมุ่งเป้ามาที่พวกเรา เหล่าชนชั้นล่าง แต่พวกเราประหยัดกันอยู่แล้ว สิ่งนี้ไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับเหล่าคนรวย”
    .
    .
    อ้างอิงจาก

    https://www.theguardian.com/world/2...e-xi-jinping-makes-food-waste-his-next-target

    https://www.ndtv.com/world-news/operation-empty-plate-chinese-diners-told-to-order-less-food-2278935

    #Brief #TheMATTER

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    หลับฝันดีครับ
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เตือน'คลื่นล้มละลาย'จะฉุดหุ้นดิ่ง ภาคเทคโนโลยีอาจเกิดฟองสบู่แล้ว - นักเศรษฐศาสตร์เตือน คลื่นการล้มละลายของบริษัท เป็นความเสี่ยงใหญ่สุดต่อการดีดตัวของตลาดหุ้น โดยมีความเสี่ยงมากกว่าความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐและความแตกต่างทางการเมือง ในขณะเดียวกันมีเสียงเตือนว่าหุ้นเทคโนโลยีที่เป็นหุ้นที่ดีดตัวมากสุดในตลาด อาจจะเกิดฟองสบู่แล้ว

    โมฮัมเหม็ด เอล-อีเรียน หัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจของบริษัท อัลลิแอนซ์ กล่าวว่า สิ่งที่ยับยั้งตลาดในขณะนี้ไม่ใช่ความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐ และไม่ใช่ความแตกต่างทางการเมือง แต่จะเป็นการล้มละลายในสเกลใหญ่

    ความเห็นของเอล-อีเรียน มีขึ้นในขณะที่พรรคเดโมแครตและคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนบรรเทาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา ซึ่งทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ หลายชุดในสุดสัปดาห์นี้ เช่น การส่งเสริมการว่างงานจากรัฐบาลกลางและการชำระเงินกู้ของนักศึกษา

    ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐก็ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง และทรัมป์ยังได้มีคำสั่งของฝ่ายบริหารเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่เกี่ยวกับแอปติ๊กต็อก และวีแชต

    จนถึงขณะนี้หุ้นได้แสดงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัญหาทางภูมิศาสตร์การเมืองและรัฐบาลวอชิงตันได้ดำเนินนโยบายกลับไปกลับมา ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นมากกว่า 250 จุดเมื่อวันจันทร์ โดยดีดตัวเพิ่มจาก 3.8% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ก็ได้อยู่ต่ำกว่าสถิติเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ประมาณ 1% หลังจากที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากการปรับตัวลงลึกเพราะไวรัสโคโรนาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงปลายเดือนมีนาคม

    เอล-อีเรียน กล่าวว่า การดีดตัวของตลาดในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางเทคนิคที่ทำให้หุ้นปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่สนใจปัจจัยฟื้นฐาน แม้ว่ามีการระบาดของไวรัสโคโรนาและลมปะทะอื่น ๆ แต่ปัจจัยหนุนทางเทคนิคมีแรงหนุนตลาดด้วยตัวมันเองอย่างจำกัด และจะสามารถเดินต่อไปได้อีกระยะเท่านั้น

    เอล-อีเรียน เคยคาดการณ์ได้ถูกต้องว่าแรงเทขายจากไวรัสโคโรนาจะเกิดขึ้นต่อเนื่องจนกว่าตลาดจะเป็นภาวะหมี และได้เตือนเกี่ยวกับการฟื้นตัว และในขณะนี้ได้กล่าวว่าเป็นกังวลเกี่ยวกับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ฝังลึกในเชิงโครงสร้างที่การล้มละลายครั้งสำคัญอาจจะนำมา

    “การล้มละลายมาจากปัญหาสภาพคล่องระยะสั้นกลายเป็นปัญหาล้มละลายในระยะยาว เมื่อเป็นเช่นนั้น การว่างงานจะเริ่มเป็นปัญหามากขึ้นและเกิดการด้อยค่าเงินทุน” เอล-อีเรียน กล่าว “หากเงินของธนาคารกลางสหรัฐไม่สามารถช่วยตลาดได้ จะเกิดการด้อยค่าของเงินทุน”

    นอกจากนี้ ยังกล่าวว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจากการฆาตกรรมหมู่ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรนา ยังคงทิ้งการล้มละลายไว้และจำเป็นต้องให้การเติบโตฟื้นขึ้นอีกครั้ง

    ในขณะเดียวกันมีเสียงเตือนว่าหุ้นเทคโนโลยีที่เป็นหุ้นที่ดีดตัวมากสุดในตลาด อาจจะเกิดฟองสบู่แล้ว

    จูเลียน เอ็มมานูเอล หัวหน้านักกลยุทธ์อนุพันธ์และหุ้นของบีทีไอจี กล่าวว่า มีความเสี่ยงในหุ้นเทคโนโลยีและได้ให้ลูกค้าพิจารณาลดการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่เนื่องจากกังวลว่าเริ่มเกิดฟองสบู่

    เอ็มมานูเอล กล่าวว่า เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน ไมโครซอฟต์ และกูเกิล มีความเปราะบางมากสุด โดยมีปัญหาหรือฟองสบู่เมื่อเปรียบเทียบผลงานระหว่างภาคที่ดีสุดกับต่ำสุด และภาคเทคโนโลยีดีดตัวมากกว่าภาคพลังานประมาณ 78.2% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ

    เอมมานูเอลกังวลว่าฟองสบู่ในภาคเทคโนโลยีอาจทำให้ดัชนีแนสแด็กปรับตัวลงถึง 10% หลังจากที่ได้แตะระดับสูงสุดตลอดกาล 35 ครั้งในปีนี้

    แม้ว่าเอ็มมานูเอลเตือนเรื่องฟองสบู่ แต่ยังคงมองว่าในปีหน้าหุ้นมีแนวโน้มคึกคัก โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากการระบาดของไวรัสโคโรนา และความไม่แน่นอนที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะหมดไป

    Source: ข่าวหุ้น

    - El-Erian says the biggest threat to stock market rally is wave of corporate bankruptcies
    https://www.cnbc.com/2020/08/10/moh...kruptcies-are-big-threat-to-market-rally.html

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รัสเซียกับจีนร่วมมือโค่นดอลลาร์ไม่สะเทือน เงินสหรัฐยังแกร่ง

    ความหวังที่จะโค่นดอลลาร์ยังห่างไกลจากความจริง เพราะอิทธิพลของสกุลเงินสหรัฐยังแข็งแกร่ง

    สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ขณะนี้รัสเซียได้รับเงินยูโรมากกว่าเงินดอลลาร์ในการทำธุรกรรมการส่งออกไปยังประเทศจีน สอดคล้องกับที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินกำลังทำตามคำมั่นสัญญาที่จะลดการพึ่งพาสกุลเงินของสหรัฐ

    สินค้ากว่า 50% ที่จีนซื้อจากรัสเซียไตรมาสแรกกำหนดราคากันด้วยเงินยูโรตามข้อมูลของธนาคารแห่งรัสเซียที่เผยแพร่ในเดือนนี้ ส่วนแบ่งของสกุลเงินร่วมในการชำระเงินสำหรับการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นเป็น 43% จาก 38% ในช่วงปลายปีที่แล้ว

    การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการ "ลดการผูกมัดกับเงินดอลลาร์" (de-dollarize) ให้กับเศรษฐกิจรัสเซียและลดความเปราะบางต่อภัยคุกคามจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ โดยท่าทีนี้มีแนวโน้มเร่งขึ้นจากการเคลื่อนไหวของ Rosneft PJSC ยักษ์ใหญ่ด้านน้ำมันของรัสเซียที่โอนสัญญาการส่งออกทั้งหมดเป็นเงินยูโรในปีที่แล้ว ซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงกับไม้เป็นส่วนสินค้าส่งออกหลักไปยังประเทศจีน

    "ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของ Rosneft ไปสู่การชำระเงินด้วยสกุลเงินยูโร" Dmitry Marinchenko นักวิเคราะห์จาก Fitch Ratings Inc. ในมอสโกกล่าว "แต่มันสะดวกกว่าถ้าจะการชำระบัญชีด้วยสกุลเงินดอลลาร์ ดังนั้นคุณไม่ควรคาดหวังว่าจะมีการสลัดทิ้งเงินดอลลาร์โดยสิ้นเชิง"

    นอกจากนี้ ข้อมูลของทางการยังแสดงให้เห็นว่ารัสเซียยังคงพึ่งพาเงินดอลลาร์อย่างมากในการชำระเงินการนำเข้าจากสหภาพยุโรปและจีน

    ความเคลื่อนไหวของรัสเซียแทบจะไม่ได้ลดบทบาทที่โดดเด่นของเงินดอลลาร์ในระบบการเงินโลก ส่วนแบ่งของการซื้อขายสกุลเงินในสกุลเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นเป็น 88.3% ในปี 2019 จาก 87.6% ในปี 2016 ตามรายงานของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ สัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศที่ถืออยู่ในสกุลเงินดอลลาร์ยังคงที่ประมาณ 60% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

    Source : Posttoday
    https://www.posttoday.com/world/630592

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ดาวโจนส์ปรับตัวแคบ ท่ามกลางปัจจัยบวก-ลบในตลาด

    ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแคบในวันนี้ ท่ามกลางปัจจัยบวกและลบที่เข้าตลาด

    ทั้งนี้ นักลงทุนขานรับการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ดีเกินคาด แต่ตลาดก็ถูกกดดันจากภาวะชะงักงันในการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

    ณ เวลา 21.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,966.39 จุด ลบ 10.45 จุด หรือ 0.04%

    กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 963,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.1 ล้านราย และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

    ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่มีการรายงานในวันนี้มีจำนวนต่ำกว่า 1 ล้านรายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. หลังพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.867 ล้านรายในช่วงปลายเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

    ก่อนหน้านี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกัน 20 สัปดาห์ ขณะที่รัฐต่างๆใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาคธุรกิจปิดกิจการ และมีการปลดพนักงานจำนวนมาก

    ขณะเดียวกัน จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 15.5 ล้านราย หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์สู่ระดับ 24.912 ล้านรายในช่วงต้นเดือนพ.ค.

    นักลงทุนยังคงรอความคืบหน้าเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า ประเด็นที่ยังคงสร้างความขัดแย้งในการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ คือการที่พรรคเดโมแครตเรียกร้องให้ร่างกฎหมายเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะต้องรวมถึงการให้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางแก่สำนักงานไปรษณีย์จำนวน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และการให้เงินทุนสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.

    "ประเด็นขัดแย้งคือเรื่องการให้เงินช่วยเหลือสำนักงานไปรษณีย์ และการให้เงินทุนสนับสนุนการส่งบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์วงเงิน 3.5 พันล้านดอลลาร์" ปธน.ทรัมป์กล่าว
    นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า จุดยืนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐระหว่างทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังคง"ห่างกันเป็นไมล์"

    ทั้งนี้ นางเพโลซี และนายชัค ชูเมอร์ แกนนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา ไม่ได้พบกับนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายมาร์ก มีโดว์ส หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว นับตั้งแต่ที่การเจรจาของทั้ง 2 ฝ่ายประสบความล้มเหลวเมื่อวันศุกร์

    นางเพโลซีไม่ได้ระบุว่าการเจรจาครั้งใหม่จะเริ่มขึ้นเมื่อใด ขณะที่ยืนกรานว่า ตนจะไม่เจรจากับตัวแทนของทำเนียบขาวอีก จนกว่าจะสามารถหาทางประนีประนอมกันได้ระหว่างข้อเสนอของพรรคเดโมแครตในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ทำเนียบขาวต้องการให้มีวงเงินเพียง 1 ล้านล้านดอลลาร์

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
    https://www.ryt9.com/s/iq18/3150301

    ***********
    สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว : กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 963,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.1 ล้านราย และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

    ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่มีการรายงานในวันนี้มีจำนวนต่ำกว่า 1 ล้านรายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. หลังพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.867 ล้านรายในช่วงปลายเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

    ก่อนหน้านี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกัน 20 สัปดาห์ ขณะที่รัฐต่างๆใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาคธุรกิจปิดกิจการ และมีการปลดพนักงานจำนวนมาก

    ขณะเดียวกัน จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 15.5 ล้านราย หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์สู่ระดับ 24.912 ล้านรายในช่วงต้นเดือนพ.ค.

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
    https://www.ryt9.com/s/iq29/3150297

    เพิ่มเติม
    - U.S. weekly jobless claims fall to 963,000, first time below 1 million since mid-March : https://www.cnbc.com/2020/08/13/us-weekly-jobless-claims.html

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โควิด – 19 จะสิ้นสุดในปลายปี 2021
    แต่ทั่วโลกจะ “จบ” ไม่พร้อมกัน
    คำทำนายจาก “บิล เกตส์”


    ตัวเลขผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 เพิ่งผ่านหลัก 20 ล้านคนไปไม่นานนี้ ด้วย “อัตราเร่ง” ที่มากขึ้นเรื่อยๆ สหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออันดับ 1 ของโลก มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น วันละ 5 – 6 หมื่นราย เสียชีวิตวันละกว่า 1,000 คน ขณะที่บราซิล ซึ่งมีผู้ป่วยอันดับ 2 นั้น เพิ่งมีผู้เสียชีวิตทะลุ “หลักแสน” ไปไม่นานนี้
    .
    ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง กำลังต่อสู้กับโรคระบาดที่ไม่มีจุดจบ โรคนี้ ไม่มีทีท่าจะ “หายไปเฉยๆ” เหมือนโรคซาร์ส เมื่อ 16 ปีก่อน ทั่วโลก อยู่ภายใต้ “ความหวัง” เดียว นั่นคือวัคซีนที่บริษัทยาชั้นนำทั่วโลก กำลังวิจัย พัฒนา และทดลองอยู่ในขณะนี้จะสามารถผลิตออกมาใช้ได้รวดเร็ว เพื่อให้วิถีชีวิตของคนทั่วโลก กลับมาเป็นปกติเสียที
    .
    คำถามสำคัญก็คือ แล้ววัคซีน ซึ่งถือเป็น “ตัวปิดเกม” ขณะนี้ จะเริ่มใช้งานได้เมื่อไหร่ การคาดการณ์นั้นมีหลากหลาย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา เชื่อว่าวัคซีน จะใช้ได้อย่างเร็วช่วงปลายปีนี้, องค์การอนามัยโลก เชื่อว่าวัคซีน จะใช้ได้เร็วที่สุดช่วงต้นปี 2021 ขณะที่นักระบาดวิทยาบางคนประเมินไว้ว่า ปีหน้าทั้งปี ก็อาจยังไม่ทันได้ใช้ เพราะขั้นตอนสำคัญของวัคซีน อยู่ที่การผลิตจำนวนมากๆ ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้น แจกจ่ายได้ทั่ว ก็ต้องใช้ระยะเวลาอีกนานนับปี
    .
    ล่าสุด บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ และประธานมูลนิธิ บิล – เมลินดา เกตส์ ผู้สนับสนุนเงินทุนรายใหญ่ขององค์การอนามัยโลก และเจ้าของแหล่งทุนสำหรับวิจัย - พัฒนา วัคซีนชั้นนำของโลก ออกมาเป็นอีกหนึ่ง “หมอดู” ที่ประเมินจุดจบของโรคนี้ ผ่านแว่นของผู้เชี่ยวชาญในวงการ ที่หาตัวจับได้ยาก
    .
    “ผมคิดว่าขณะนี้ การวิจัย พัฒนา และการเตรียมความพร้อมผลิตวัคซีน อยู่ในระดับที่น่าประทับใจ” เกตส์ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Wired ตีพิมพ์เมื่อวันศุกร์ที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา
    .
    อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ ยังมีข้อกังวลว่าวัคซีน จะมีผลข้างเคียงหรือไม่ จะได้ผลในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผู้ป่วยหนัก – ผู้เสียชีวิตของโรคนี้ มากน้อยแค่ไหน แต่โดยภาพรวม ถือว่าโรคนี้ สามารถต่อสู้ได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่ต้องใช้เวลานานเท่ากับการต่อสู้ไข้มาเลเรีย โรคโปลิโอ หรือเอชไอวี
    .
    แต่สิ่งที่แย่กว่าก็คือ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ.. ซึ่งจะใช้เวลาอีกนานหลายปี กว่าหลายประเทศจะกลับสู่สภาพเดิม คือช่วงต้นปี 2020 ก่อนที่โรคโควิด – 19 จะมาเยือน
    .
    “แน่นอน นี่ไม่ใช่สงครามโลกครั้งที่ 1 หรือ สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นกับระบบโลก จะรุนแรงไม่แพ้กัน” เกตส์ให้สัมภาษณ์
    .
    อย่างไรก็ตาม หากไม่มีอะไรผิดพลาด เกตส์เชื่อว่าในประเทศ “ร่ำรวย” อย่างสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ ที่มีวัคซีนตุนในมือล่วงหน้า การระบาดของโรคโควิด – 19 จะจบลงในสิ้นปี 2021 ส่วนในประเทศยากจน ประเทศกำลังพัฒนานั้น น่าจะจบเรื่องนี้ทั้งหมด ภายในสิ้นปี 2022
    .
    “ในจีน หรือรัสเซีย อาจมีการฉีดวัคซีน ก่อนที่จะได้รับการรับรองผล หรือมีการรีวิวอย่างเป็นทางการ แต่ในวัคซีนจากหลายบริษัท ที่เข้าสู่ ‘เฟส 3’ คือเริ่มทดลองในมนุษย์เป็นวงกว้างนั้น จำเป็นต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3-4 เดือน เพื่อตรวจสอบผลข้างเคียง ขณะเดียวกัน ก็ต้องให้เวลาFDA (Food and Drug Administration หรือ สำนักงานอาหารและยา ของสหรัฐฯ) ในการประเมินประสิทธิภาพวัคซีน ซึ่งที่ผ่านมา องค์กรนี้ก็ทำได้ดี และถือว่าปลอดจากแรงกดดันทางการเมืองพอสมควร” มหาเศรษฐี ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ระบุ
    .
    แต่ทั้งหมด ก็ยังเหลือขั้นตอนใหญ่ อย่างการผลิต และแจกจ่ายวัคซีน ซึ่งมูลนิธิเกตส์กระตุ้นให้รัฐบาลลงทุนเพิ่มในการสร้างโรงงานวัคซีนมานานหลายปี กระทั่งรัฐบาลเพิ่งเห็นความสำคัญ หลังการระบาดของโควิด – 19 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งขั้นตอนของการผลิตนี่เอง ที่จะทำให้การฉีดวัคซีน “ดีเลย์” ไปถึงปลายปีหน้า
    .
    บิล เกตส์ ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า เขาให้การสนับสนุนแหล่งทุน ผ่านวัคซีนของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และ AstraZeneca, บริษัท Johnson & Johnson และ Novavax ไปก่อนหน้านี้ ขณะที่มูลนิธิบิล & เมลินดา เกตส์นั้น ได้สนับสนุนการวิจัยเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด – 19 ไปแล้วกว่า 350 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท)
    .
    อย่างไรก็ตาม เกตส์ ได้โจมตีวิธีการ “เทสต์” เชื้อโควิด – 19 ของสหรัฐฯ อย่างรุนแรง โดยระบุว่า เป็นการเทสต์ที่ “บ้าคลั่ง” และ “สิ้นเปลือง” มากที่สุดในโลก โดยคนรวย สามารถเข้าถึงการเทสต์ได้มากกว่า รู้ผลได้รวดเร็วกว่า ขณะเดียวกัน ยังมีคนอีกจำนวนมาก ที่เข้าไม่ถึงการเทสต์ ทั้งที่รัฐบาลจ่ายเงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่รัฐบาลกลับไม่เคยปรับระบบการเทสต์ใดๆ คนอเมริกันจำนวนมาก ยังต้องรอผลการเทสต์หลายวัน โดยระหว่างนั้น ไม่มีการ “จับแยก” กลุ่มเสี่ยง ไม่มีการทำ Contact Tracing หรือติดตามผู้ต้องสงสัยติดเชื้อที่มีผลเป็นบวก ซึ่งเป็นผลทำให้ สหรัฐฯ ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนถึงวันนี้
    .
    นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังลืมข้อเท็จจริงไปว่า ในประเทศที่เทสต์มาก แล้วประสบความสำเร็จนั้น จำนวน “ผลบวก” ต้องน้อยลงไปด้วย ไม่ใช่เทสต์มาก แต่ยังติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนในสหรัฐฯ
    .
    “ปัญหาสำคัญก็คือ ขณะนี้ มีเพียงแต่คำ ‘กล่าวชม’ ตัวเองของรัฐบาลเท่านั้น ว่าประเทศนี้ สามารถเทสต์ได้มากที่สุดในโลก แล้วก็จบไป โดยหลงลืมไปว่า ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก เพื่อทำให้การเทสต์ ทำได้สมบูรณ์ขึ้น และหยุดยั้งการระบาดได้จริง” เกตส์ให้สัมภาษณ์
    .
    จนถึงตอนนี้ ทั่วโลกมีวัคซีนโควิด – 19 ทั้งหมด 26 วัคซีน ซึ่งเป็น “แคนดิเดท” ที่คืบหน้ามากที่สุด รัฐบาลสหรัฐฯ ตุนไว้ในมือแล้วสำหรับ 1 ใน 3 ของจำนวนประชากร แต่นักวิทยาศาสตร์หลายคน ก็ยังเตือนไว้ล่วงหน้าว่าวัคซีน อาจไม่ใช่ “จุดจบ” เนื่องจากไม่สามารถสร้าง Herd Immunity หรือภูมิคุ้มกันหมู่ได้มากพอที่จะหยุดยั้งการระบาด คือเป็นเหมือนกับวัคซีน “ไข้หวัดใหญ่” ในขณะนี้เท่านั้น
    .
    ทั้งหมดนี้ แม้วัคซีน จะยังคงเป็น “ความหวัง” เล็กๆ แต่ก็เป็นความหวังสำคัญ ว่าอย่างน้อย ใน 26 วัคซีน ที่ทดลองอยู่ในขณะนี้ จะมีวัคซีนที่สามารถใช้งานได้บ้าง เพื่อให้พ้นวิกฤตนี้ กลับไปใช้ชีวิตปกติในเร็ววันเสียที

    #COVID19 #โควิด19 #วัคซีนโควิด #บิลเกตส์

    อ้างอิงจาก

    https://www.cnet.com/news/bill-gate...demic-will-end-for-rich-world-by-end-of-2021/

    https://fortune.com/2020/08/10/bill-gates-covid-testing-results-worthless/

    https://www.scmp.com/news/china/sci...s-high-covid-19-vaccine-early-2021-thats-only

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    วันนี้ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวในที่ประชุมครม. ถึงข่าวที่น่ายินดีเรื่องการจัดอันดับสิทธิมนุษยชนเด็ก
    .
    โดยองค์กรที่ชื่อว่า The Kids Rights Foundation ที่ได้จัดอันดับ 182 ประเทศทั่วโลก ว่าสามารถดำเนินการด้านสิทธิเด็กได้มากเพียงใดในช่วงเวลาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 8 ของโลก ซึ่งองค์กรดังกล่าวใช้หลักการประเมินคือ สิทธิการดำรงชีวิตของเด็ก สิทธิด้านสุขภาพ สิทธิด้านการศึกษา และสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองในการสร้างสภาพแวดล้อมเรื่องสิทธิเด็ก 10 ประเทศที่ติดอันดับ ประกอบด้วย


    1.ไอซ์แลนด์

    2.สวิสเซอร์แลนด์

    3.ฟินแลนด์

    4.สวีเดน

    5.เยอรมนี

    6.เนเธอแลนด์

    7.สโลวีเนีย

    8.ไทย

    9.ฝรั่งเศส

    10.เดนมาร์ก
    ...

    ทั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย นายกรัฐมนตรีจึงขอขอบคุณทุกกระทรวงและภาคประชาชนที่ช่วยกันดูแลประเด็นสิทธิเด็กจนทำให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ 8 ของโลกจาก 182 ประเทศ

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://files.kidsrights.org/wp-con...5/200519-The-KidsRights-Index-report-2020.pdf

    https://siamrath.co.th/n/174484
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook :
    https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ PEACETALK ว่า สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ สิ่งที่พยายามอธิบายทางการเมือง คือ ข้อเรียกร้องต้องให้ประชาชนเข้าร่วมได้อย่างสะดวกใจ และถ้ายึดข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คนจะเข้าร่วมนับแสน สถานการณ์ถัดจากนี้ เมื่อภูมิต้านทานหายไป จึงเร่งเกิดเหตุการณ์ในขั้นนับวันเท่านั้น ไม่ได้นับเดือน หรือปี
    .
    ดังนั้นแต่ละขบวนการทางการเมืองจะนำไปสู่หายนะทั้งสิ้น ถ้าสุดโต่งของทั้งสองฝ่ายมาเจอกันก็ต้องบรรลัยแบบ 6 ตุลา 2519 สิ่งสำคัญเมื่อการต่อสู้ต้องการ 3 ข้อเป็นภารกิจหลัก โดยสังคมตอบรับแล้ว ปัญหาคือไปทะลุเพดานจาก 3 ข้อเรียกร้องทำไม เพราะในสังคมต่างก็รู้อยู่ว่าต้องขีดเส้นใต้ให้อยู่ระหว่างสามัญชนเท่านั้น ไม่ต้องข้องเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ด้วยเหตุนี้ ตนเชื่อว่าปลายทางหนีไปไม่พ้น
    .
    สาระสำคัญของการต่อสู้อยู่ที่ความชอบธรรม ใครถือความชอบธรรมมากกว่า คนนั้นจะได้รับความถูกต้องในสนามการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ใช่ทางการทหาร การยึด 3 ข้อต่อสู้เป็นความชอบธรรมทางการเมืองอย่างเบ็ดเสร็จ เป็นภูมิต้านทาน เพราะการชุมนุมอยู่ที่ประเด็น ไม่ได้อยู่ที่หน้าตาคนชุมนุม แต่ถ้าประเด็นสูญเสียความชอบธรรมไป ระยะทางจะสั้นลง รู้สึกสังหรณ์อย่างไรไม่รู้ ไม่อยากพูดกลัวทายถูกว่า สถานการณ์จะเกิดขึ้นในไม่กี่วัน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ในเวทีที่จะเกิดขึ้นอีกนั้น ถ้ายังไม่ถอยไปจากประเด็นที่นอกเหนือไปจาก 3 ประเด็นนี้ จะกลายเป็นปัญหาลุกลามมากที่สุด
    .
    นายจตุพรกล่าวว่า ความห่วงใยที่ตนพยายามอธิบายนั้น ไม่ต้องการให้เกิดสิ่งไม่คาดคิดขึ้น เพราะประวัติศาสตร์ประกาศไว้ชัดและในทางการเมืองถ้าดูเพียงปรากฎการณ์เฉพาะหน้า เราไม่มีวันจะเข้าใจในสถานการณ์ที่เป็นจริงได้ หลายคนอาจบอกว่า ผมหาความเดือดร้อน มองว่าไม่ใช่ความเดือดร้อน แต่ต้องการจะบอกว่าสู้อย่างไร จึงจะรักษาความแข็งแรงของขบวนการนักศึกษาเป็นชัยชนะที่ประกาศชัดมากที่สุด เหตุการณ์เรื่องราวเหล่านี้ ถ้าไม่คิดอ่านกัน จะนำพาไปสู่สถานการณ์ต่างๆ มากมาย และระยะเวลาอีกไม่กี่วันต่อไปนี้นั้น แต่ละฝ่ายต้องติดตามสถานการณ์กัน
    .
    ที่พูดไม่ได้ให้กลัว แต่ต้องการให้คิด สถานการณ์ที่เป็นจริงนั้นคืออะไร และคนที่เสนอสุดทางต้องมาอยู่ร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สถานการณ์ทางการเมืองต่อไปนี้ ไม่ได้แตกต่างจากปรากฎการณ์สึนามิ ดังนั้น การพูดเพื่อเตือนสติกัน ถ้าเป็นนักประชาธิปไตยจริงต้องทนรับฟังได้
    .
    "ในอีกไม่กี่วันนี้ นักศึกษาจัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝ่ายปกป้องสถาบันจัดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถ้านึกย้อนไปปี 2549 แค่ประกาศชุมนุมก็มีเหตุผลที่จะประกาศปฏิบัติการแล้ว ว่าเพื่อไม่ให้คนไทยฆ่ากัน ดังนั้น สถานการณ์กำลังเดินไปในทิศทางที่บอกว่า ปลายทางไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่หลังจากนั้นจะเกิดสถานการณ์อะไรอีก ในการประเมินทางการเมืองอย่าคิดข้างเดียว ควรคิดว่าถ้าเราเป็นเขาจะคิดอะไร และวันนี้การกำหนดก้าวย่างของนักศึกษา ประชาชน และฝ่ายรัฐต้องตระหนักว่า เขาเป็นคนไทย คนรุ่นลูกรุ่นหลาน ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ทำการอะไร เขาก็เป็นคนไทยอย่างเรา อยู่แผ่นดินเดียวกัน ดังนั้นต้องลดเงื่อนไขที่จะเป็นเงื่อนไขโดยไม่จำเป็น ถ้านักศึกษายืน 3 ข้อชัดเจน รัฐไม่มีสิทธิมาดำเนินการอะไรได้เลย เพราะได้ถือความชอบธรรมไว้
    .
    สถานการณ์ที่เปราะบางนี้ รัฐต้องใช้หลักเมตตาธรรม และต้องมีความเข้าใจ โดยตลอดเวลา 15 ปีการชุมนุมแต่ละฝ่ายได้เปลี่ยนแปลงกันมาตลอด แต่ฝ่ายความมั่นคงไม่เคยเปลี่ยน ดังนั้น การรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆเห็นมาสารพัด และเมื่ออ่านทางการเมืองตามที่ปรากฎนั้น สถานการณ์จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย เมื่อความต้องการที่มีอยู่เดิมถูกต้องและทุกฝ่ายให้การยอมรับแล้ว แต่เดินไปในสิ่ง ที่เป็นปัญหาแล้วสร้างความอึดอัดให้ตัวเอง จนสถานการณ์เลยเถิด
    .
    หวังว่า ขบวนการคนหนุ่มสาวจะได้กลับไปคิด หรือไม่คิดก็ตาม แต่หวังว่าจะเข้าใจว่าอะไรควร อะไรไม่ควร อะไรชนะ อะไรแพ้ อะไรนำไปสู่จุดหายนะ อะไรนำไปสู่ความสำเร็จ ตนไม่ได้ตำหนิอะไร เพียงแต่บอกว่าเสียดายการต่อสู้
    .
    “บรรดากองเชียร์หัวหงอก หัวดำทั้งหลาย ช่วยกันคิดด้วยว่า เกิดสถานการณ์ปลายทางที่พูดมานั้น คุณจะรับผิดชอบไหวหรือไม่ มันไม่ได้เกิดกับคุณ มาลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ แต่เกิดความเยาวชนคนหนุ่มสาวที่เป็นพลังและงดงามที่สุด คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ หรือว่าคุณไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรเลย ถามจริงคุณไม่รู้ผลลัพธ์หรือ คุณต้องการอะไร ผมไม่เชื่อว่าคุณโง่ขนาดนั้น” นายจตุพรกล่าว

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.thaipost.net/main/detai...yInOiHnb4J173YikfKGxaGNbl8Po4NghMnOC-k2Kyo0NM
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    วันนี้ มีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ประกาศแผนระดับชาติประจำปี 2021-2025 โดยหนึ่งในนั้นคือ การสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินภายในปีหน้า และจะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่จากสหรัฐฯ มาประจำการบนเรือด้วย หลังจากที่เคยเกริ่น ไว้เมื่อปีที่แล้วว่าสนใจเรื่องเรือบรรทุกเครื่องบิน
    .
    ทางการเปิดเผยว่า เรือบรรทุกเครื่องบินจะมีขนาด 30,000 ตัน สามารถบรรทุกทั้งทหารและยุทโธปกรณ์ เพื่อให้กองทัพปราบปรามภัยคุกคาม รวมทั้งขนกองกำลังและอาวุธไปยังพื้นที่พิพาทในทะเล ขณะที่เครื่องบินรบที่จะประจำการนั้นต้องขึ้นลงในแนวดิ่งได้
    .
    มีการคาดการณ์กันว่าเกาหลีใต้จะซื้อเครื่องบินรบ F-35B จากสหรัฐซึ่งเหมาะกับเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดเล็ก และเป็นเพียงรุ่นเดียวในโลกที่ขึ้นบินได้ในระยะสั้นและขึ้นลงในแนวดิ่งตามที่เกาหลีใต้ต้องการ โดยในแปซิฟิกนั้นมีเพียงสหรัฐฯ และญี่ปุ่นเท่านั้นที่นำเครื่องบินรบรุ่น F-35B มาประจำการ
    .
    โดยเมื่อปลายปี 2018 ญี่ปุ่นประกาศปรับเปลี่ยนเรือพิฆาตบรรทุกเฮลิคอปเตอร์อิซุมิให้บรรทุกเครื่องบินรบ F-35B ซึ่งถือเป็นท่าทีที่สำคัญ เนื่องจากญี่ปุ่นไม่ได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินออกสู่ท้องทะเลมาตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
    .
    อย่างไรก็ดี แม้ว่าทางการเกาหลีใต้จะไม่ได้พูดถึงค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ แต่ทางการสหรัฐฯ รายงานราคาของเรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกยูเอสเอส อเมริกา (USS America) ซึ่งใหญ่กว่าเรือบรรทุกเครื่องบินที่เกาหลีใต้จะสร้างราว 25-30% ว่าอยู่ที่ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเครื่องบินรบ F-35B สนนราคาลำละ 122 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้จึงมีการตั้งคำถามว่า การลงทุนครั้งนี้จะคุ้มค่าสำหรับเกาหลีใต้หรือไม่

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.thedrive.com/the-war-zo...ficially-unveils-plan-for-f-35b-light-carrier

    https://edition.cnn.com/2020/08/12/asia/south-korea-aircraft-carrier-intl-hnk-scli/index.html

    https://www.posttoday.com/world/630577
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    "สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" สรุป 4 ข้อหลังประชุมด่วนปมม็อบนักศึกษา 10 ส.ค. ย้ำจุดยืนสนับสนุน การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 63 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ได้เผยแพร่ข่าวระบุว่า สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้มีการประชุมในวันนี้ เพื่อรับฟังรายงานของคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในวันที่ 10 สิงหาคม 2563 สภามหาวิทยาลัยได้มีข้อสรุปจากการประชุมดังนี้
    .
    1. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยืนยันในจุดยืนของการเป็นสถาบันการศึกษาที่สนับสนุน การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    .
    2. มหาวิทยาลัยยอมรับในสิทธิเสรีภาพและการแสดงออกของนักศึกษาภายใต้ขอบเขต แห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
    .
    3. คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอรับไปดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดอย่างรอบด้าน เพื่อชี้แจงให้สังคมได้ทราบต่อไป
    .
    4. มหาวิทยาลัยจะพยายามป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในมหาวิทยาลัย โดยเชื่อใน แนวทางการปรึกษาหารือกันแบบสันติวิธี
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://www.posttoday.com/social/general/630613
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อังกฤษ : เมืองนอร์ทแธมป์ตัน พนักงาน 292 คนโรงงานแซนวิชติดเชื้อโควิด
    โรงงาน Greencore ผลิตแซนวิช M&S Marks & Spencer มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ ติดเชื้อโควิดระบาดในโรงงานถึง 292 คน จากพนักงาน 2,100 คน โรงงานและเมืองได้เร่งทดสอบคนอื่นๆในกลุ่มพนักงาน ครอบครัวคนใกล้ชิด และกักกัน เมืองนอร์ทแธมป์ตันอาจปิดล็อคดาวน์

    ภาพ. Metro /dailymirror

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ญี่ปุ่น : โอซากา พบสุสานโบราณโครงกระดูก 1,500 ร่างกลางกรุง
    ในพื้นที่พัฒนาปรับปรุงของสถานีอุเมดะโอซากา JR Osaka คาดว่าโครงกระดูกในสมัยในสมัยเอโดะ - เมจิ
    กระดูกที่พบในครั้งนี้ยังไม่ได้รับพิสูจน์ แต่จากการวิเคราะห์ของการสำรวจครั้งก่อนพบว่ากระดูกของมนุษย์ที่ถูกฝังนั้นมีอายุน้อยกว่าวัยสามสิบ ส่วนมากเป็นเด็ก รอบหลุมมีเครื่องปั้นดินเผา ตุ๊กตา เกือบ 30% มีรอยโรคที่แขนขาเป็นหลักและเป็นไปได้ว่าพวกเขาป่วยเป็นโรคซิฟิลิสหรือเนื้องอกในกระดูก ในพื้นที่ไม่เปิดให้เข้าชม และรอผลพิสูจน์อีกครั้ง
    **ภาพถ่าย 12 สิงหาคม 2563

    ภาพ Yahoo.jp /sakura1312 /mainichi

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ถึงเวลาแก้ปัญหาขยะ! ด้วยหลักการ 3Rs ง่ายๆ เริ่มได้ที่ตัวคุณ VisualNerd

    ปัญหาขยะเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก โดยมีการใช้แล้วทิ้งอย่างมหาศาล ขยะหลายส่วนถูกทิ้งไม่ถูกที่ กำจัดไม่ถูกทาง ทั้งตกค้างในสิ่งแวดล้อม กองเป็นภูเขา หรือถูกเผา ขยะหลายส่วนยังใช้เวลาย่อยสลายนานหลายร้อยปี แตกเป็นไมโครพลาสติก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นมลพิษอันตรายต่อสัตว์ สิ่งมีชีวิต และมนุษย์เอง

    โดยปัญหาขยะจะหมดไปถ้าทุกๆฝ่ายร่วมมือกัน ทั้ง #ภาครัฐ #เอกชน และ #ประชาชน

    คงถึงเวลาแล้วที่เราจะมาช่วยกันแก้ไขปัญหาขยะอย่างจริงจัง ด้วยหลักการ 3Rs :

    #Reduce: ลดการสร้างขยะใช้ครั้งเดียวทิ้ง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรแวดล้อม

    #Reuse:นำสิ่งที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือใช้ภาชนะที่ใช้ซ้ำได้

    #Recycle: เก็บขยะ แยกก่อนทิ้ง เพื่อให้ขยะได้นำไปรีไซเคิลเกิดใหม่

    โลกของเราดีขึ้นได้ หากเราร่วมกันดูแล ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร ภาคส่วนไหน มาร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะไปพร้อมๆกันเพื่อ เรา เพื่อโลก และส่งต่อโลกสดใสให้ลูกหลานกัน!

    ข้อมูลเพิ่มเติมซีรีย์ปัญหาและการจัดการขยะ

    ขยะแต่ละชนิดย่อยสลายนานแค่ไหน



    ขยะทิ้งแล้วไปไหน



    ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรให้ถูกถัง



    ติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้

    ภาพ และข้อมูล
    VisualNerd
    https://www.facebook.com/visualnerd.th/

    ร่มธรรม ขำนุรักษ์
    Environman

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    “ติ๊กต๊อก-วีแชท” ปฏิบัติการทุบแล้วยึดของทรัมป์

    ใครที่ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนเรื่อยมา คงมีความรู้สึกทึ่งเกิดขึ้นประการหนึ่ง นั่นคือ ทีมงานของโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ มีแนวคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ หลากหลายมากในการเล่นงานกิจการใด ๆ ของจีน ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในสหรัฐอเมริกา (หรือทั่วโลก) แล้วได้รับความนิยมสูง ตัวอย่างล่าสุดที่ได้เห็นกันก็คือ การเล่นงานแอปพลิเคชั่นแชร์วิดีโอชื่อดังอย่าง “ติ๊กต๊อก” แล้วก็แอปสื่อสังคมที่ไม่ได้รับความนิยมมากมายนักอย่าง“วีแชท”

    คนที่อ่านรายงานข่าวอย่างผิวเผินคงเข้าใจว่า การเล่นงานของสหรัฐอเมริกาต่อไบต์แดนซ์ และเท็นเซนต์ สองบริษัทเทคโนโลยีของจีนนั้น เป็นไปในทำนองเดียวกันกับในประเทศอื่น ๆ อาทิ อินเดีย เป็นต้น แต่จริง ๆ แล้ว แนวทางที่รัฐบาลอเมริกันใช้เล่นงานธุรกิจจีนทั้ง 2 บริษัทนี้ ต่างกันอย่างใหญ่หลวงกับมาตรการตรงไปตรงมาอย่างที่อินเดียใช้

    ขณะที่อินเดียใช้วิธีการ “แบน” ไม่ให้ใช้แอปพลิเคชั่น หรือผลผลิตของจีนหลายบริษัทแบบตรง ๆ กันเอาธุรกิจของจีนออกไปจากประเทศตน สืบเนื่องจากการปะทะซึ่งกันและกันตามแนวชายแดนตอนเหนือของประเทศ สำหรับ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจเลือกใช้วิธีการเดียวกันก็ได้ แต่อาจเป็นไปได้ว่าวิธีแบบเดียวกับอินเดีย “ธรรมดา” มากไป หรืออาจเป็นไปได้ว่า ทันทีที่มีข่าวสะพัดออกมาว่า ทรัมป์จะเล่นงานติ๊กต๊อก ก็ถูกขู่กลาย ๆ จากบรรดาสาวกของติ๊กต็อกในสหรัฐอเมริกา บอกว่าเรื่องนี้คงกระทบการตัดสินใจ “การลงคะแนนเสียง” ของตนอย่างแน่นอน

    ไบต์แดนซ์อ้างว่า แอปพลิเคชั่นติ๊กต๊อกของตนในสหรัฐอเมริกา มีผู้ใช้งานอยู่มากถึง 100 ล้านคน ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ ซึ่งจะว่าไปก็มีสัดส่วนสำคัญอยู่ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกันมาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะกร้าวใส่จีนมากเพียงใด ทรัมป์ กับรีพับลิกัน ไม่อยากเสี่ยงกับการเสียคะแนนนิยมไปง่าย ๆ เพียงแค่การลงนามในคำสั่งเชิงบริหารของประธานาธิบดีแน่นอน

    ซึ่งทางออกของทรัมป์กับพวกก็คือ ทำอย่างไรถึงจะเล่นงาน “บริษัท” ที่เป็นเจ้าของกิจการได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปเล่นงานแอปพลิเคชั่นที่หลายล้านคนนิยมใช้งาน ?

    ดังนั้น วิธีการที่ใช้จึงแปลกกว่าที่ไหน ๆ นั่นคือ ในคำสั่งเชิงบริหารของทรัมป์ ไม่ได้ห้ามการใช้ติ๊กต๊อก แต่ห้ามไม่ให้ “บุคคล” หรือ “นิติบุคคล” ใด ๆ ที่อยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจศาลของสหรัฐอเมริกา ทำ “ธุรกรรม” กับไบท์แดนซ์และเท็นเซนต์ นั่นหมายความว่า แอปพลิเคชั่นติ๊กต๊อก สามารถใช้งานได้ต่อไป แต่ไบต์แดนซ์ไม่สามารถดำเนินการเก็บค่าโฆษณาหรือทำธุรกิจอื่นใดในสหรัฐอเมริกาได้อีกแล้ว

    โดยคำสั่งห้ามดังกล่าวจะมีผลภายใน 45 วัน เว้นเสียแต่ว่า ไบต์แดนซ์จะตัดสินใจขายกิจการของตนในสหรัฐอเมริกา ให้กับ “ไมโครซอฟท์” ที่เข้าไปพูดคุยกับทรัมป์ แล้วแสดงความสนใจจะซื้อกิจการนี้ตั้งแต่ก่อนคำสั่งจะมีการลงนาม หรือทวิตเตอร์ ที่แสดงความสนใจจะซื้อออกมาในภายหลัง จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวจีนมองการดำเนินการดังกล่าวนี้ว่าเป็นการโจมตีเพื่อยึดครองแอปพลิเคชั่น ดังของจีน แทบไม่ต่างแต่อย่างใดกับการ “บังคับซื้อ” กันหน้าตาเฉย

    แม้จะดูเหมือนเป็นทางออกที่ฉลาดของทรัมป์ แต่เป็นอีกครั้งที่เป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนว่า ทางออกแต่ละทางที่ทรัมป์เลือกใช้นั้น ไม่รอบคอบและรอบด้านพอ และมักลงเอยด้วยการทำร้ายกิจการของบริษัทอเมริกันตามไปด้วยอยู่เนือง ๆ โดยการห้ามทำ “ธุรกรรม” ดังกล่าวนี้ หากมีผลบังคับใช้ เมื่อตีความตามคำสั่งก็จะหมายความว่า บริษัทอเมริกันใด ๆ ที่ต้องการโฆษณาสินค้าของตนเองบนติ๊กต๊อก หรือวีแชท ทั้งเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคอเมริกันในสหรัฐอเมริกา หรือผู้บริโภคชาวจีนในประเทศจีน ก็ไม่สามารถทำได้ จะรับโฆษณาให้กับไบต์แดนซ์และเท็นเซนต์ ก็ไม่ได้ จะขายพื้นที่ในคลาวด์ให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่งก็ไม่ได้

    ที่สำคัญที่สุดก็คือ แอปเปิล อิงก์ หรือกูเกิลของอัลฟาเบต อิงก์ ก็ไม่สามารถให้บริการเผยแพร่แอปพลิเคชั่นใดๆ ของทั้งสองบริษัทนี้ทั้งในไอโอเอสและแอนดรอยด์ทั่วโลก เพราะเข้าข่ายทำธุรกรรมกับบริษัททั้งสองด้วยเช่นเดียวกัน

    กรณีของไบต์แดนซ์นั้น ดูเหมือนจะวุ่นวายน้อยลงนิดหน่อย เพราะปัญหาอยู่ที่ ติ๊กต๊อก เท่านั้น แต่กรณีของ เท็นเซนต์ เจ้าของวีแชทกลับแตกต่างออกไป โดยวีแชทใช้กันน้อยมากในสหรัฐอเมริกา แต่เท็นเซนต์กลับมีกิจการใหญ่โตในระดับโลก คิดเป็นมูลค่าไม่น้อย 60,000 ล้านดอลลาร์ ณ เดือนธันวาคมที่ผ่านมา

    ในส่วนของเท็นเซนต์ มีหุ้นอยู่ในหลายบริษัทมาก ตั้งแต่อาฟเตอร์เปย์ ในออสเตรเลีย ไปจนถึง “เรดดิต” ฟอรัมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ เท็นเซนต์ถือหุ้น 40 เปอร์เซ็นต์อยู่ในเอพิก เกมส์ ผู้พัฒนาเกมในนอร์ท แคโรไลนา หรือแม้แต่กองทุนรวมประเภทไพรเวตอีควิตี้เฟิร์มอย่าง เคเคอาร์ มีกิจการวิดีโอสตรีมมิงและมิวสิคสตรีมมิ่ง ที่ผูกพันอยู่กับทั้งผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกามหาศาลกับสมาคมบาสเก็ตบอลแห่งชาติ หรือเอ็นบีเอ และกลุ่มวอร์เนอร์ มิวสิค ซึ่งเอาแค่จัดการยกเลิกธุรกรรมเหล่านี้เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของทรัมป์ก็วุ่นวายโกลาหลแล้วก็แพงระยับแล้ว

    นี่ยังไม่นับการต้องรับมือกับการตอบโต้จากจีน ซึ่งมีแน่และน่าจะหนักหนาสาหัสไม่น้อยในไม่ช้าไม่นานอีกด้วย

    คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก โดย ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์

    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
    https://www.prachachat.net/world-news/news-504858

    เพิ่มเติม
    - The big legal questions behind Trump’s TikTok and WeChat bans : https://www.theverge.com/2020/8/10/...ina-ban-executive-order-legal-sanctions-rules

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ด่วน.... เอมิเรสต์และไซออนิสต์บรรลุข้อตกลงสร้างสัมพันธ์ปกติอย่างสมบูรณ์แบบ

    โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา ประกาศในแถลงการณ์ ว่า ระบอบยิวไซออนิสต์และเอมิเรสต์ได้บรรลุข้อตกลงสร้างสัมพันธ์ปกติอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

    ข่าวโลกที่3

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ด่วน!!! อเมริกายึดเรือบรรทุกน้ำมันอิหร่าน 4 ลำ

    วอลสตรีท เจอร์นัล : นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลอเมริกาได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันอิหร่าน

    เรือบรรทุกน้ำมันสี่ลำ มีชื่อว่า โลน่า แฟนดี้ บรินก์ และเบลลา ซึ่งถูกยึดในช่วงหลายวันที่ผ่านมาในน่านน้ำสากล และขณะนี้กำลังถูกนำไปยังฮิวส์ตัน

    รออัพเดต

    ข่าวโลกที่3

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส เดินทางถึงเบรุต แล้ว

    ตามกำหนดการ หลังจากเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุระเบิดแล้ว จะไปเยี่ยมทหารฝรั่งเศสที่ประจำการอยู่บนเรือ ที่ท่าเรือเบรุต

    การเดินทางครังนี้มีขึ้น หลังจากที่ชาติยุโรป ฝรั่งเศส อังกฤษและเยอรมัน ส่งเรือรบไปเลบานอนโดยอ้างว่าเพื่อช่วยเหลือชาวเลบานอน

    ข่าวโลกที่3

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Aug 14, 2020 แรงจัดพร้อมสถิติใหม่! 3 วันเพิ่ม 1 ล้านคนทั่วโลก ทะลุ 21 ล้านคนติดโควิด-19 (10 สิงหาคม ทั่วโลกติดโควิด-19 ครบ 20 ล้านคน)

    #โควิด19 #covid #btimes

     

แชร์หน้านี้

Loading...