ติดตามสถานะการณ์

#เตือนต่อ #ไม่รอแล้วนะ(23พย.63)

‍♀ ศูนย์ข่าวภัยรีพอร์ท: รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ รองประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ชี้น้ำทะเลหนุนสูงสมุทรปราการและอีกหลายจังหวัดในช่วงสัปดาห์ทีผ่านมาว่า!!!

‍♀ สาเเหตุจาก 2 ปัจจัย คือกรณีน้ำขึ้นน้ำลงระหว่างวัน ที่มีความสัมพันธ์ระหว่างโลกกับพระจันทร์ แต่ในส่วนของ คณะกรรมการ ระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ IPCC ทำการศึกษานั้น พบว่าขณะนี้ฐานของน้ำทะเลสูงขึ้น โดยเมื่อปี 2554 ฐานของน้ำทะเลสูงอยู่ที่ 2 เมตร 20 เซนติเมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง แต่คาดการณ์ว่า ฐานของน้ำทะเลจะสูงขึ้นไปอยู่ที่ 2 เมตร 30 เซนติเมตร จนถึง 2 เมตร 40 เซนติเมตร ในอนาคตอีก 30 ปีข้างหน้า และการสูงขึ้นของฐารน้ำทะเลนั้นจะไม่ลดลง เมื่อมีฝนตกหนัก หรือมีน้ำทะเลหนุนจึงจะสูงมากขึ้น นี่ถือว่าเป็นภัยพิบัติใหญ่หลวงในอนาคต หลายประเทศการเตรียมรับมือเรื่องนี้อย่างจริงจังแล้ว ขณะที่ประเทศไทย นอกจาก 2 ปัจจัยข้างต้น ยังมีปัญหาเรื่องของดินทรุดตัว ทำให้ผลกระทบน้ำทะเลหนุนในอนาคตจะรุนแรงขึ้น "

‍♀ ประเทศไทยจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ หรือจะเอาอย่างไรกันดีครับพี่น้อง!!! สวัสดี ขอรับ กระผ้ม!!!

 

#เตือนต่อ #ไม่รอแล้วนะ(22พย.63)!!!

☃️ ปีกลายนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ) สรุปว่า ช่วงอากาศหนาวเย็น มีคนเสียชีวิต 15 ราย แม้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่า ทั้งหมดตายเพราะอากาศหนาว แต่ผู้เสียชีวิตมีความสัมพันธ์กับ

1⃣ ไม่มีเครื่องนุ่งห่ม
2⃣ อยู่ในที่โล่งแจ้ง
3⃣ ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์!!!

☃️ เมื่อสาเหตุการตายเป็นเช่นนี้ 2 ข้อแรก พื้นที่ไหนอากาศหนาวมีกลุ่มเสี่ยง กระทรวงมหาดไทย ต้องมีข้อมูล อย่าได้รออุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาฯ ต่อเนื่อง 3 วัน เพื่อประกาศภัยหนาวตามหลักเกณฑ์ทดรองจ่ายกระทรวงการคลัง สั่งการไปเลย!!!

☃️ ข้อ 3 เราท่านทั้งหลาย ดูแลตนเองได้ ดื่มเหล้าช่วงหน้าหนาว อุณหภูมิร่างกายจะลดลง เพราะฉะนั้นว่า ดื่มเหล้า แก้หนาว(ตาย)สมใจนึกบางลำภู(ฮา)!!!

⛈️ วันนี้หลายพื้นที่มีฝนฟ้าคะนอง ลมแรง เป็นสัญญาณว่า หนาวเริ่มเยือนแล้วน้อง พี่ร่ำร้องเรียกน้องบัวลอย

⛈️☃️ อยู่ที่ไหน ฝนตกแดดออก บอกต่อข้อมูลกันบ้างนะครับ ขอบคุณที่ติดตาม..สวัสดี วันอาทิตย์ ขอรับ กระผ้ม!!!

 

สหรัฐฯติดเชื้อโควิดทะลุ12ล้านคน ผวายิ่งระบาดหนักช่วงหยุด‘ขอบคุณพระเจ้า’

สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 สะสมทะลุ 12 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1 ล้านภายในเวลาแค่ 6 วัน ขณะที่คาดหมายกันว่าชาวอเมริกันจำนวนเป็นล้านๆ คนจะพากันเดินทางเพื่อไปฉลองเทศกาลวันหยุดขอบคุณพระเจ้าซึ่งกำลังเวียนมาถึง โดยไม่สนใจคำเตือนจากพวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเรื่องจะส่งผลทำให้ไวรัสโคโรนามรณะยิ่งแพร่ระบาดออกไปอีก

เว็บไซต์ติดตามโควิด-19 ที่ได้รับความเชื่อถืออย่างสูง อย่างมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ และสื่อมวลชนอย่างสำนักข่าวรอยเตอร์ ต่างรายงานว่า สหรัฐฯซึ่งเป็นประเทศแชมป์โลกเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมนั้น มีจำนวนเคสเข้าสู่หลัก 12 ล้านคนแล้วในวันเสาร์ (21 พ.ย.) หรือเพียงแค่ 6 วันหลังจากผ่านหลัก 11 ล้านราย

รอยเตอร์บอกด้วยว่า ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าฝีก้าวการติดเชื้อรายใหม่ในอเมริกากำลังกระชั้นเร็วขึ้น เพราะตอนที่ผ่านจาก 10 ล้านเป็น 11 ล้านรายนั้นใช้เวลา 8 วัน และจาก 9 ล้านเป็น 10 ล้านใช้เวลา 10 วัน

จากการระบาดรุนแรงขึ้น รวมทั้งยอดผู้เสียชีวิตสะสมซึ่งมีมากกว่า 255,000 รายแล้ว ทำให้มีมากกว่า 20 รัฐจาก 50 รัฐของสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการใหม่ๆ ในการควบคุมโรคอย่างเข้มงวดและกว้างขวางกันในเดือนนี้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ศูนย์เพื่อการควบคุมและการป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนงดเว้นการเดินทาง ซึ่งอาจเป็นช่องทางทำให้โรคยิ่งแพร่กระจาย แต่คนอเมริกันจำนวนมากยังคงมุ่งหน้าไปสนามบิน เพื่อเดินทางกลับไปฉลองเทศกาลขอบคุณพระเจ้ากับครอบครัว โดยวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดี (26) นี้

ข้อมูลจากสำนักงานความปลอดภัยในการขนส่งของสหรัฐฯระบุว่า วันศุกร์ (20) ที่ผ่านมา มีชาวอเมริกันเดินทางด้วยเครื่องบินกว่า 1 ล้านคน ถือเป็นครั้งที่ 2 นับแต่เกิดวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ ที่ตัวเลขนักเดินทางในวันเดียวทะลุ 1 ล้านคน

ทั้งนี้วันศุกร์ยังเป็นวันที่อเมริกาพบเคสใหม่ในวันเดียวสูงสุดถึง 196,815 คน

พวกผู้ว่าการ 7 รัฐในแถบมิดเวสต์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อต่อหัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในขณะนี้ เรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของซีดีซี และไม่ฉลองเทศกาลขอบคุณพระเจ้ากับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกครอบครัว

ขณะที่มีบางรัฐออกคำสั่งเข้มงวดใหม่ๆ เช่น แคลิฟอร์เนียที่ห้ามประชาชนออกจากบ้านระหว่าง 22.00 น ถึง 5.00 น.

ผู้ว่าการหลายรัฐยังกล่าวถึงวัคซีนของไฟเซอร์กับไบโอเอ็นเทคที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านไวรัสโคโรนามากกว่า 90% และทั้งสองบริษัทยื่นขออนุมัติการใช้ฉุกเฉินจากผู้คุมกฎในอเมริกาและยุโรปแล้วเมื่อวันศุกร์ อย่างไรก็ดี คาดกันว่ากว่าจะมีการผลิตวัคซีนมากเพียงพอที่จะแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วไปได้ คงจะต้องถึงปีหน้า

ขณะเดียวกัน เมื่อวันเสาร์ สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ได้อนุมัติฉุกเฉินให้ใช้สูตรยาร่วมของรีเจเนอรอนที่มีส่วนประกอบของสารภูมิต้านทาน 2 ชนิดที่พัฒนาขึ้นภายในห้องวิจัย เพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีโรคประจำตัว ถือเป็นยารักษาโควิด-19 ที่ใช้สารภูมิต้านทานตัวที่ 2 ที่ได้รับอนุมัติฉุกเฉินจากเอฟดีเอ ตัวแรกคือยาของเอลี ลิลลี ที่ได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา

ทางด้านยุโรป นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษ เตรียมประกาศยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศในวันที่ 2 ธันวาคมตามที่กำหนดไว้ และจะเปลี่ยนไปใช้มาตรการจำกัด 3 ขั้นโดยพิจารณาจากสถานการณ์การระบาดในแต่ละพื้นที่แทน

ในวันอาทิตย์ (22) เดวิด นาบาร์โร ผู้แทนพิเศษด้านโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) คาดว่า ยุโรปจะเผชิญการระบาดระลอก 3 ต้นปีหน้า ถ้าภาครัฐยังคงล้มเหลวในการใช้มาตรการที่จำเป็นในการสกัดการระบาด เหมือนเช่นในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาซึ่งส่งผลให้ไวรัสโคโรนากลับมาระบาดรอบสองในขณะนี้

อัตราการติดเชื้อในยุโรปที่ลดลงในช่วงสั้นๆ กลับมาพุ่งทะยานอีกครั้ง โดยเมื่อวันเสาร์ เยอรมนีและฝรั่งเศสพบเคสใหม่รวมกัน 33,000 คน สวิตเซอร์แลนด์และออสเตรียมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละหลายพันคน และตุรกีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดทำสถิติที่ 5,532 คน

ในทางกลับกัน นาบาร์โรชมมาตรการรับมือในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ที่จำนวนผู้ติดเชื้อปัจจุบันยังถือว่า ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากประชาชนให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ทั้งการรักษาระยะห่าง สวมหน้ากาก กักตัวผู้ป่วย ล้างมือและทำความสะอาดพื้นผิว และย้ำว่า เอเชียไม่ได้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดก่อนเวลาอันควร

ที่เกาหลีใต้เองนั้น เมื่อวันอาทิตย์ พัค นึงฮู รัฐมนตรีสาธาณสุขเกาหลีใต้ แถลงว่า ขณะนี้ประเทศกำลังเผชิญการระบาดระลอกสามของโควิด-19 ขณะที่สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (เคดีซีเอ) รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 330 คนในวันเสาร์ ซึ่งถือเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันที่มีเคสใหม่วันละกว่า 300 คน

พัคเสริมว่า กรุงโซลและพื้นที่ใกล้เคียงจะสั่งปิดบาร์และไนต์คลับ จำกัดการรวมกลุ่มประกอบพิธีทางศาสนา และจำกัดการให้บริการของร้านอาหาร และสำทับว่า การระบาดทั่วประเทศก่อนหน้านี้มีต้นตอมาจากการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นในกรุงโซล

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของเคดีซีเอยังเตือนว่า เกาหลีใต้อาจเผชิญการระบาดทั่วประเทศที่รุนแรงกว่าการระบาดสองครั้งแรก หากไม่สามารถสกัดการแพร่เชื้อในขณะนี้ได้

ทางด้านญี่ปุ่น ยาสึโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีเศรษฐกิจเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า รัฐบาลอาจฟื้นมาตรการจำกัดจำนวนผู้ชมการแข่งขันกีฬาหรือกิจกรรมขนาดใหญ่อื่นๆ ในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก รวมทั้งกำลังพิจารณาคืนเงินให้ลูกค้าที่สำรองการเดินทางผ่านแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศของรัฐบาลที่ถูกระงับไปบางส่วนเมื่อวันเสาร์

สถานีเอ็นเอชเครายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ที่ 2,596 คนในวันเสาร์ เฉพาะโตเกียวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 539 คน

 

‘ทรัมป์’ยังเหลวพลิกผลเลือกตั้งไม่สำเร็จสักรัฐ เพนซิลเวเนียไม่รับฟ้อง-มิชิแกนท้วงไร้หลักฐาน

ความพยายามพลิกผลเลือกตั้งของทรัมป์ประสบความล้มเหลวครั้งใหญ่ หลังผู้พิพากษาไม่รับคำร้อง เป็นการปูทางให้รัฐเพนซิลเวเนียรับรองชัยชนะของไบเดนในวันจันทร์ (23 พ.ย.) นี้ ขณะที่ในรัฐมิชิแกน รัฐมนตรีกิจการภายในของรัฐก็ระบุไม่มีหลักฐานสนับสนุนการที่พรรครีพับลิกันร้องขอชะลอการรับรองผลนับคะแนนในรัฐนี้เพราะมีการโกงการเลือกตั้ง ส่วนที่วิสคอนซิน เจ้าหน้าที่โวยผู้สังเกตการณ์จากทีมหาเสียงของทรัมป์ พยายามถ่วงเวลาการนับคะแนนใหม่ ด้วยการซักถามและคัดค้านบัตรเลือกตั้งทุกใบ

ในวันเสาร์ (21 พ.ย.) ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ แมททิว บรานน์ วินิจฉัยว่า ความพยายามของทีมหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการยับยั้งการรับรองชัยชนะของโจ ไบเดนในการเลือกตั้งในรัฐเพนซิลเวเนีย โดยกล่าวหาว่า บางเทศมณฑลยอมให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงแก้ไขข้อผิดพลาดบนบัตรลงคะแนนนั้น ไม่มีหลักฐานสนับสนุน

ทางด้าน แพต ทูมีย์ วุฒิสมาชิกรีพับลิกันจากเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรสูงสุดเป็นอันดับ 6 ของสหรัฐฯ แถลงในเวลาต่อมาว่า ทรัมป์ใช้ตัวเลือกทางกฎหมายที่เป็นไปได้เพื่อท้าทายผลการเลือกตั้งในรัฐนี้ไปทั้งหมดแล้ว จึงควรยอมรับความพ่ายแพ้ ทูมีย์ยังแสดงความยินดีกับชัยชนะของไบเดน ซึ่งมีคะแนนนำทรัมป์กว่า 81,000 คะแนน

อย่างไรก็ดี จนถึงเวลานี้มีสมาชิกรีพับลิกันในรัฐสภาเพียงไม่กี่คนที่เรียกร้องให้ทรัมป์ยอมแพ้ ขณะที่ทีมกฎหมายของทรัมป์ประกาศว่า จะยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของบรานน์ และหวังว่าคำร้องจะถูกส่งต่อไปยังศาลสูงสุดโดยเร็ว

ความหวังสำคัญในการพลิกผลการเลือกตั้งของทรัมป์ ฝากไว้กับการเปลี่ยนผลการนับคะแนนในเพนซิลเวเนีย ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐเตรียมให้การรับรองในวันจันทร์

ไมเคิล กวิน โฆษกของไบเดน แถลงเมื่อวันเสาร์ว่า อเมริกาจะไม่อดทนกับความพยายามของทรัมป์ในการเปลี่ยนผลการเลือกตั้งที่ตัวเขาแพ้หลุดรุ่ย

ด้านทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงคำตัดสินในเพนซิลเวเนียโดยตรง แต่ทวิตคล้ายเดิมว่า “บัตรเลือกตั้งปลอม คนตายมาลงคะแนน คนของรีพับลิกันไม่ได้รับอนุญาตให้เฝ้าสังเกตการณ์ในคูหาเลือกตั้ง ฯลฯ”

คำกล่าวหาลอยๆ เหล่านั้นสวนทางกับที่พวกเจ้าหน้าที่เลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งจำนวนมากเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน ออกมายืนยันว่า ไม่มีการโกงการเลือกตั้งอย่างมโหฬาร และแม้แต่เจ้าหน้าที่ในคณะบริหารของทรัมป์เองยังประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งนี้วางใจได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน

กระนั้น ทีมหาเสียงและเหล่าบริวารของทรัมป์ ก็ระดมฟ้องร้องท้าทายผลการนับคะแนนนับสิบคดีทั่วประเทศถึงแม้เห็นกันว่าแทบไม่มีโอกาสสำเร็จเอาเลย โดยที่ทรัมป์จะต้องทำให้ตนเองกลับกลายเป็นผู้ชนะในอย่างน้อย 3 รัฐ จึงจะสามารถขัดขวางไม่ให้ไบเดนสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า

ที่มิชิแกน สมาชิกพรรครีพับลิกันได้ร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่รัฐให้ชะลอการรับรองชัยชนะของไบเดนออกไปอีก 14 วันเพื่อให้มีการตรวจสอบบัตรเลือกตั้งในเทศมณฑลเวย์น ซึ่งครอบคลุมเมืองดีทรอยต์ที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำ โดยอ้างว่า มีความผิดปกติโดยไม่ได้แสดงหลักฐานยืนยันใดๆ

ทว่า โจเซอลีน เบนสัน รัฐมนตรีกิจการภายในของมิชิแกน ระบุว่า ตามกฎหมายแล้ว ไม่สามารถตรวจสอบได้จนกว่าจะมีการรับรองผลการเลือกตั้งซึ่งจะมีขึ้นในวันจันทร์ และสำทับว่าไม่มีหลักฐานให้สงสัยเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง ซึ่งไบเดนมีคะแนนมากกว่าทรัมป์ถึง 154,000 คะแนน

นอกจากนี้ ยังสมาชิกชั้นนำของสภานิติบัญญัติของรัฐมิชิแกน 2 คน ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน ที่เดินทางไปกรุงวอชิงตันตามคำสั่งของทรัมป์ กล่าวหลังได้พบทรัมป์เมื่อวันศุกร์ (20) ว่า ไม่มีข้อมูลที่สามารถเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งในรัฐได้

ส่วนที่วิสคอนซิน เจ้าหน้าที่เผยว่า ผู้สังเกตการณ์ของทีมหาเสียงทรัมป์พยายามถ่วงเวลาการนับคะแนนใหม่ด้วยการซักถามและคัดค้านบัตรลงคะแนนทุกใบ

ทั้งนี้ หากไม่สามารถนับคะแนนใหม่แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งเป็นเส้นตายในการรับรองผลการเลือกตั้งของวิสคอนซิน จะเปิดทางให้ทรัมป์ฟ้องร้องได้

ขณะเดียวกัน ในรัฐจอร์เจีย การนับคะแนนใหม่ด้วยมือรวมทั้งกระบวนการตรวจสอบได้เสร็จสิ้นลงเมื่อวันศุกร์ โดยผลยังคงยืนยันว่าไบเดนเป็นผู้ชนะ ซึ่งถือเป็นผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตคนแรกที่ชนะในรัฐนี้ในช่วงเวลาเกือบ 3 ทศวรรษ

ทีมหาเสียงของทรัมป์มีเวลา 2 วันทำการในการร้องเรียนให้นับคะแนนใหม่ในจอร์เจีย และทีมกฎหมายของทรัมป์เผยว่า มีแผนฟ้องร้องในรัฐนี้แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

การปฏิเสธความพ่ายแพ้ของทรัมป์ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า ส่งผลอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงของชาติและการต่อสู้กับโควิด-19 ที่ทำให้คนอเมริกันเสียชีวิตเกือบ 255,000 คน

 

‘สีจิ้นผิง’บอก จีนสนใจเข้าร่วมกลุ่มการค้า CPTPP หลังจากเพิ่งร่วมลงนามก่อตั้ง ‘RCEP’ มาหยกๆ

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานในวันอาทิตย์ (22 พ.ย.) ระบุว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้กล่าวเอาไว้เมื่อวันศุกร์ (20) ว่าจีนจะพิจารณาอย่างกระตือรือร้นในเรื่องการเข้าร่วมข้อตกลงการค้า ซึ่งครั้งหนึ่งสหรัฐฯเคยเป็นหัวเรือใหญ่ในการผลักดัน ทว่าถูกโดนัลด์ ทรัมป์ โยนทิ้งไป

ข้อตกลงการค้าดังกล่าว คือ “ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership ใช้อักษรย่อว่า CPTPP) ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นอัปเดตของ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Agreement for Trans-Pacific Partnership ใช้อักษรย่อว่า TPP) ที่ได้รับการผลักดันอย่างแข็งขันจากอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในฐานะซึ่งเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะต้านทานพลังอำนาจที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของจีนในเอเชีย

ทรัมป์ได้นำสหรัฐฯถอนตัวออกจาก TPP ในช่วงวันแรกๆ ที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อต้นปี 2017 ส่วนหนึ่งเห็นกันว่าเนื่องจากเขามีทัศนะที่ไม่ชมชอบดีลลักษณะพหุภาคี ทว่าอีก 11 ประเทศที่เหลือยังพยายามเดินหน้าต่อ และในที่สุดก็ตกลงเซ็นข้อตกลงในเวอร์ชั่นใหม่

รายงานของเอเอฟพีกล่าวว่า ในการปราศรัยต่อการประชุมซัมมิตของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) สีกล่าวว่า เอเปก “ต้องเดินหน้าต่อไปในการส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจของภูมิภาค และสถาปนาเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิกขึ้นมาตั้งแต่เนิ่นๆ”

จีน “จะพิจารณาอย่างกระตือรือร้นในการเข้า” CPTPP เขากล่าว ทั้งนี้ตามรายงานของสื่อทางการจีน

การแสดงความคิดเห็นของ สี ครั้งนี้ มีขึ้นมาเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ปักกิ่งและอีก 14 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เอเชียตะวันออก, และออสเตรเลีย กับ นิวซีแลนด์ ได้ลงนามใน ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership เรียกกันย่อๆ ว่า อาร์เซ็ป RCEP) ซึ่งจะกลายเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ทางด้าน เดบอราห์ เอล์มส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งตั้งฐานอยู่ในสิงคโปร์ ให้ความเห็นว่า ถ้าหากจีนเข้าร่วมใน CPTPP ก็อาจจะเป็นการกระตุ้นส่งเสริมให้ชาติอื่นๆ ทำตาม

“ถ้าหากคำแถลงแสดงความสนใจของ สี ได้รับการผลักดันต่อไปอีกในช่วงหลายๆ สัปดาห์ และหลายๆ เดือนต่อจากนี้ไป แน่นอนทีเดียวว่า มันจะทำให้เกิดคำถามมากมายจากทั้งพวกชาติที่เป็นสมาชิกอยู่แล้วในปัจจุบัน, พวกที่ทำท่าจะเข้าเป็นสมาชิก, ตลอดจนชาติอื่นๆ ซึ่งไม่ได้กำลังคิดเรื่องการเป็นสมาชิก CPTPP เลย” นี่เป็นคำพูดของ เอล์มส์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการบริหารของกลุ่ม “เอเชียน เทรด เซนเตอร์”

 

ใกล้แล้ว!คาดเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19ให้อเมริกันชนกลางเดือนธันวาคม

อเมริกันชนชุดแรกๆอาจได้รับวัคซีคโควิด-19 อย่างเร็วที่สุดคือ 24 ชั่วโมงหลังจากสำนักงานอาหารและยาให้การอนุมัติ ซึ่งนั่นเท่ากับว่าน่าจะเริ่มโครงการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯในช่วงกลางเดือนธันวาคม

https://mgronline.com/around/detail/9630000120362

 

นาทีชีวิต!มนุษย์ร่วมใจช่วยช้างตกบ่อตักน้ำ ภารกิจสุดหินใช้เวลานาน14ชั่วโมง(ชมคลิป)

ช้างเชือกหนึ่งรอดพ้นจากความตายอย่างฉิวเฉียด หลังพลัดตกลงไปในบ่อตักน้ำลึกและแคบ ชาวบ้านและทีมกู้กัยรุดให้ความช่วยเหลือและต้องใช้เวลานานกว่า 14 ชั่วโมง ก่อนที่จะดึงมันขึ้นมาได้สำเร็จ

https://mgronline.com/around/detail/9630000120373

 

กระตุกหนวดจีน!สื่อแฉสหรัฐฯส่งนายพลดูแลข่าวกรองย่องเงียบเยือนไต้หวัน

นายพลระดับพลเรือตรีรายหนึ่ง ซึ่งรับผิดชอบงานด้านข่าวกรองของกองทัพสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เดินทางเยือนไต้หวันอย่างเงียบๆ แหล่งข่าว 2 คนเปิดเผยกับรอยเตอร์ในวันอาทิตย์(22พ.ย.) ในการเยือนของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่น่าจะสร้างความเดือดดาลแก่จีนอีกคำรบ

https://mgronline.com/around/detail/9630000120372

 

... "เศรษฐีสงคราม : กลุ่มคนที่ร่ำรวยจากวิกฤติสงครามโลกครั้งที่สองในสยาม : กักตุนสินค้าเพื่อขายแพงในตลาดมืด"

... ในสถานการณ์วิกฤต ไม่ว่าจะเป็นสงคราม ภัยธรรมชาติ หรือโรคระบาด ปฏิกิริยาต่อเนื่องตามมาก็คือ “การกักตุนสินค้า”

... ด้วยสิ่งของที่เคยมีเคยกินเคยใช้กันในยามสถานการณ์ปกติ “ขาดแคลน” เพราะความตื่นตระหนกของประชาชนที่ซื้อหามากกว่าปกติ เพราะ "พ่อค้ากักตุน" เพื่อสร้างรายได้และกำไรที่มากขึ้น

*** ... "ผศ.ดร.พวงทิพย์ เกียรติสหกุล" ได้เขียน บทความในเรื่องนี้ว่า “ชีวิตราษฎรไทยสมัยสงครามมหาเอเชียบูราพา : มุมมองผ่านการเข้ามาควบคุมทางรถไฟสายใต้ของกองทัพญี่ปุ่น”

... (วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร ฉบับภาษาไทย, ปีที่ 30 ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2553) สรุปมาให้ทุกท่านช่วยกันพิจารณา

... "เมื่อกองทัพญี่ปุ่นเข้ามาควบคุมทางรถไฟสายใต้ในสงครามมหาเอเชียบูรพา ประชาชนในภาคใต้ต้องเผชิญก็คือ “สินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูง” เพราะกำลังการผลิตที่มีอยู่เดิมต้องรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็น 1) ทหารในกองทัพญี่ปุ่น, 2) เชลยศึกสัมพันธมิตร และ 3) กรรมกรมาลายูและจีน เพราะการ " กว้านซื้อกักตุน" ของเหล่านายหน้าจนสินค้าขาดตลาด แล้วค่อยทำกำไรด้วยการตั้งราคาขายได้ตามที่ต้องการ

... "กองทัพญี่ปุ่นดำเนินการจัดซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างไร ?"

... เรื่อง "เสบียงกองทัพ" นั้น ญี่ปุ่นดำเนินการโดยให้ “กองจัดหาอาหาร” ที่จะทำหน้าที่ติดต่อกับ "พ่อค้าเอกชนญี่ปุ่น" ที่เคยทำการค้าอยู่ในไทยเป็นผู้จัดซื้อจัดหา โดยพ่อค้าที่เป็นนายหน้ามักใช้วิธี “กว้านซื้อ” สินค้าต่างๆ ในปริมาณมากตามที่กองทัพต้องการจาก "พ่อค้าใหญ่น้อยต่างๆ" ด้วยราคาที่สูงกว่าที่พวกเขาขายอยู่ทั่วไป แล้วนำมาขายต่อให้กับกองทัพญี่ปุ่นในราคาที่แพงขึ้น บรรดาพ่อค้าจึงชอบที่จะขายให้นายหน้าของกองทัพมากกว่า "สินค้าที่ประชาชนเคยกินเคยใช้จึงเกิดปัญหาขาดแคลน และมีราคาสูงขึ้น"

(*** ... "ญี่ปุ่น" สามารถซื้อสินค้าจำเป็นได้ในราคาสูงเพราะบีบประเทศไทยให้ตั้งอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ระหวาางไทยบาทกับเยนญี่ปุ่นแบบไม่เป็นธรรม คือ 100 บาท เท่ากับ ร้อยเยน ทั้งๆเงินบาทก่อนสงครามางกว่า ประมาณ 100 บาท ต่อ 155.70 เยน )

... อนุกรรมการเศรษฐกิจของไทยพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยการรับเป็นฝ่ายจัดหาสินค้าอุปโภคบริโภคให้กองทัพญี่ปุ่นแทน เพื่อจะได้สามารถควบคุมราคาซื้อของกองทัพญี่ปุ่นได้ หากในทางปฏิบัติ 2 บริษัทรายใหญ่ที่ได้รับอนุมัติจากกองทัพ ( คือบริษัทมิตซุยบุซซันไกซา และบริษัทมิตซูบิชิโชจิ ) เป็นผู้จัดซื้อตัวจริง ที่ดำเนินการติดต่อกับร้านค้าที่คุ้นเคยไว้ล่วงหน้า แล้วส่งบัญชีที่ต้องการซื้อมาให้ "อธิบดีกรมพาณิชย์" อนุมัติเท่านั้น

... หากปริมาณสินค้าที่ยืนขอไม่ได้รับการอนุมัติ พวกเขาก็จะใช้ “ตลาดมืด” แก้ปัญหา

... ดังเช่นกรณีนี้ จดหมายลงวันที่ 31 ธันวาคม 2484 ของบริษัทมิตซุยบุซซันไกซา ขออนุญาตซื้อ "น้ำตาล" จำนวน 6,820 กระสอบหากได้รับการอนุมัติเพียง 2,000 กระสอบ ส่วนที่ขาดก็จะไปจบที่การกว้านซื้อจาก “ตลาดมืด” ในราคาที่สูงกว่าปกติ ผลที่ตามมาก็คือประชาชนไม่มีสินค้าใช้หรือมีแต่ในราคาที่แพงกว่าปกติหลายเท่าตัว

... ผู้เขียน (ผศ.ดร.พวงทิพย์ เกียรติสหกุล) รวบรวมข้อมูลที่ทำให้เห็นชัดเจนว่า ของที่บ่นๆ ว่า “แพงขึ้น” นั้นมันขนาดไหน

... “เอกสารชั้นต้นของคณะรัฐมนตรีที่ได้ทําการสํารวจ และจัดทําบัญชีเปรียบเทียบราคาขายปลีกเครื่องอุปโภคบริโภค ของส่วนกลางในช่วงก่อนสงคราม (1 ธันวาคม 2484) กับในระหว่างสงคราม (31 มีนาคม 2487) พบว่า ราคาเครื่องอุปโภคสูงขึ้น โดยเฉลี่ย 170 เปอร์เซ็นต์

... ซึ่งสามารถแยกเป็นราคา "ข้าว" สูงขึ้น 38 เปอร์เซ็นต์ ปลา 191 เปอร์เซ็นต์ ผักและพืชผล 307 เปอร์เซ็นต์ เนื้อสัตว์ต่างๆ 192 เปอร์เซ็นต์ ของชําต่างๆ 181 เปอร์เซ็นต์ แป้ง 109 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเครื่องอุปโภคราคาสูงขึ้น โดยเฉลี่ย 1,226 เปอร์เซ็นต์ แยกเป็นของใช้เบ็ดเตล็ดสูงขึ้น 848 เปอร์เซ็นต์ เครื่องนุ่งห่มสูงขึ้น ถึง 1,604 เปอร์เซ็นต์ (สจช. [2] สร.0201.98.6/8 2485-2488)…” [เน้นโดยผู้เขียน]

... รัฐบาลไทยในเวลานั้น มอบหมายให้กระทรวงหมาดไทยและกระทรวงพาณิชย์ หาแนวทางก้ไขปัญหาดังกล่าว วันที่ 26 ธันวาคม 2485 จึงมีการออกประกาศ “ระเบียบการปันส่วนเครื่องอุปโภคบริโภคบางอย่าง (ฉบับที่ 1)” เพื่อแบ่งเฉลี่ยเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ประชาชนได้ตามสมควรและทั่วถึง และเพื่อสนับสนุนการตั้งร้านจำหน่ายสินค้าของไทย (ในช่วงแรกกำหนดเกณฑ์ปันส่วนสินค้าจำเป็นมี 3 ชนิด คือ "น้ำตาลทรายขาว, ไม้ขีดไฟ และน้ำมันก๊าด" )

... แต่ในทางปฏิบัติ ระเบียบดังกล่าวยังคงมีปัญหายุ่งยาก เช่น ประชาชนย้ายที่อยู่ไม่ได้แจ้งอำเภอ คณะกรรมการปันส่วนประจำอำเภอยังคงแบ่งจำนวนสินค้าให้แก่ร้านจำหน่ายในจำนวนเท่าเดิม ร้านจำหน่ายบางแห่งก็นำสินค้าที่เหลือออกขายในตลาดมืด, สินค้าที่ได้รับไม่เต็มตามจำนวนที่ระบุ ร้านจำหน่ายหาทางออกไม่ให้ตัวเองขาดทุนด้วยการยักยอกสินค้าปันส่วนไปขายเกินราคาหลังร้านแทน ฯลฯ

... นอกจากนี้ "การกว้านซื้อสินค้าของกองทัพญี่ปุ่น" บางครั้งก็ไม่ได้เพื่อใช้เป็นเสบียงอาหารให้ทหารญี่ปุ่นในไทยเท่านั้น แต่ยังกว้านซื้อเพื่อ "ส่งออกไปทหารญี่ปุ่นในมลายู" อีกด้วย โดยแอบอ้างว่าเป็นของกองทัพเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระอากรส่งออก นั่นทำให้สินค้าที่มีจำกัดขาดแคลนรุนแรงมากยิ่งขึ้น ราคาสินค้าแพงยิ่งขึ้น ประชาชนเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น

*** ... อย่างไรก็ตาม ในสงครามแต่ละครั้ง มักมีคนกลุ่มเล็กๆ ที่ร่ำรวย, ก้าวหน้า, มีกำไร ฯลฯ จนถึงกลายเป็นเศรษฐีในระยะเวลาอันสั้น หรือ “เศรษฐีสงคราม”

... แต่ใช่ว่าเวลาอื่นๆ ที่คนส่วนใหญ่ของประเทศลำบาก ยากแค้น จากภัยธรรมชาติ, โรคระบาด ฯลฯ จะไม่มีคนฉวยโอกาสจนร่ำรวยในชั่วข้ามคืน

... "วิกฤติโควิด19 : เพราะทุกวิกฤติ จะมีพวกที่หากินเอาเปรียบคนส่วนใหญ่ที่เดือนร้อนจากวิกฤติเสมอ หรือ แม้แต่ "สร้างวิกฤติขึ้นมาเพื่อจะเอาเปรียบเสียเอง"

.

... https://www.silpa-mag.com/history/article_46686

 

Nov 23, 2020 ด่วน! วัคซีนกันป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์ อังกฤษจะอนุมัติในปลายสัปดาห์นี้

รัฐบาลอังกฤษ เปิดเผยว่า หน่วยงานกำกับดูแลด้านอาหารและยาของสหราชอาณาจักร กำลังพิจารณาและอาจอนุมัติให้วัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ ผู้ผลิตเวชภัณฑ์ชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา และบริษัทไบออนเทค ยักษ์เวชภัณฑ์ชื่อดังระดับโลกจากเยอรมนี มีผลใช้ได้ภายในปลายสัปดาห์นี้

National Health Service หรือหน่วยงานบริหารจัดการระบบการสาธารณสุขแห่งอังกฤษ เปิดเผยต่อมาว่า การอนุมัติวัคซีนดังกล่าวอาจเกิดขึ้นภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 นี้ ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา หรือเอฟดีเอ เตรียมประชุมเพื่อพิจารณาการขออนุมัติวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้

ด้านกระทรวงสาธารณสุข อังกฤษ เปิดเผยว่า กระบวนการพิจารณาโดยสำนักงานการกำกับผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ และบริการสุขภาพ หรือเอ็มเอชอาร์เอ (MHRA) จะเป็นอิสระจากรัฐบาลอังกฤษ และอาจใช้เวลาในการพิจารณาการอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 มากหรือน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับข้อมูลชุดสุดท้ายจากบริษัทไฟเซอร์ และไบออนเทค

ทั้งนี้ อังกฤษ สั่งซื้อวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์เป็นจำนวน 40 ล้านชุด ซึ่งคาดว่าจะได้รับเบื้องต้น 10 ล้านชุด ในการให้บริการฉีดวัคซีนกับกลุ่มเป้าหมายตามลำดับความสำคัญจำนวน 5 ล้านคนก่อน

#วัคซีนโควิด #วัคซีน #โควิด19 #ไฟเซอร์ #ข่าวด่วน #btimes

 

ทหารสหรัฐฯเตรียมถอนกองกำลังออกจากอิรัก
.
พลเอก ตะห์ซีน อัลคะฟาจี โฆษกกองทัพอิรัก ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวสปุตนิคของรัสเซีย กล่าวว่า เราไม่ยอมรับทหารสหรัฐฯให้ประจำการในอิรักอีกต่อไป
.
เขากล่าวเพิ่มอีกว่า เราจะสนับสนุนต่อบุคคลที่ต่อต้านกลุ่มไอซิสและสนับสนุนทางโลจิสติกส์และเป็นที่ปรึกษาให้กับกองกำลังอิรักเท่านั้น
.
นายพล อัลคะฟาจี ระบุอีกว่า วันนี้(วันศุกร์) ทหารสหรัฐฯได้ลดกองกำลังทหาร 500 นาย ในอิรัก ตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลกรุงแบกแดดและวอชิงตัน
.
เขายังระบุอีกว่า การถอนกำลังของทหารสหรัฐ ตามที่ได้ระบุในตารางระหว่างอิรักกับสหรัฐฯตามเวลาที่ได้กำหนดไว้ ในระยะสั้น
.
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของอิรักและสหรัฐฯได้เข้าร่วมประชุมร่วมกันในกรุงแบกแดด เพื่อพูดคุยในประเด็นการถอนกองกำลังออกจากประเทศอิรัก
.
ขณะที่ รักษาการรัฐมนตรีกลาโหม สหรัฐฯ ก็ได้ประกาศว่า สหรัฐจะลดกองกำลังในอัฟกานิสถานและอิรัก จนเหลือประมาณ 2500 นาย ในแต่ละประเทศ
.
ก่อนหน้านี้ กลุ่มพันธมิตรระหว่างประเทศในการต่อต้านกลุ่มไอซิส เผยว่า ทหารสหรัฐในอิรัก มีจำนวน 3000 นายด้วยกัน
.
ทั้งนี้ กองกำลังสหรัฐประจำการในหลายฐานทัพในหลายเมืองด้วยกัน แต่มีฐานทัพที่ใหญ่ที่สุด คือ ฐานทัพอัยนุลอัสซัด ทางตะวันตก ของประเทศ ในจังหวัดอัลอันบาร์
.
อย่างไรก็ดี รัฐสภาฯอิรักได้มีมติเพื่อถอนกองกำลังสหรัฐออกจากอิรักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
.
ขณะเดียวกัน ชาวอิรักก็แสดงความไม่พอใจในการประจำการของทหารสหรัฐในประเทศของพวกเขา โดยได้ออกมารวมตัวประท้วงในหลายครั้งด้วยกัน

#เพจเก็บตกตะวันออกกลาง

 

สมาชิกพรรครีพับลิกัน บอกทรัมป์ ยอมรับความพ่ายแพ้เถอะ

สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนเริ่มกดดันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ล้มเลิกความพยายามฟ้องผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดี และยอมรับความพ่ายแพ้ต่อนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต หลังจากศาลหลายรัฐไม่รับฟ้องเลือกตั้งสหรัฐ2020
.
ผู้พิพากษาศาลรัฐเพนซิลเวเนียที่เป็นรีพับลิกัน แต่ได้รับแต่งตั้งในสมัยรัฐบาลบารัค โอบามา แถลงเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ ว่าการฟ้องของทรัมป์ ไม่ให้รับรองผลการเลือกตั้ง เป็นการโต้แย้งทางกฎหมายเลยเถิดที่ไร้ข้อกล่าวหาอันสมควร และเป็นการคาดเดา ทนายความของทรัมป์ประกาศจะยื่นอุทธรณ์ทันที แต่ทนายอีกฝ่ายแย้งว่าไม่ทันแล้ว เพราะรัฐจะเริ่มรับรองผลคะแนนในวันจันทร์
.
ทรัมป์ มีคะแนนในรัฐนี้ตามหลังไบเดน 81,000 คะแนน นับเป็นศาลล่าสุดที่ไม่รับฟ้องตามหลังศาลรัฐจอร์เจีย รัฐมิชิแกน และรัฐแอริโซนา
.
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ ทวีตว่า หวังว่าศาลและหรือรัฐสภาจะมี “ความกล้า” ทำในสิ่งที่ต้องทำเพื่อรักษาความซื่อสัตย์ของการเลือกตั้งและสหรัฐอเมริกา

#เพจเก็บตกตะวันออกกลาง

 

#โดราเอมอน ตอน งานแต่งโนบิตะ❣️ชิซูกะ ฉายแล้วใน #ญี่ปุ่น
วันที่ 22 พฤศจิกายน いいふうふ พ้องเสียงกับคำว่า "คู่รักดีเด่น" ในภาษาญี่ปุ่น วันนี้จึงมีหนุ่มสาววิวาห์จำนวนมาก

 

หมอธีระวัฒน์ แนะมาตรการที่ควรทำทันที กรณี ”โควิด-19 และโคโรนาไวรัสตัวอื่นฯ”
สุขภาพหรรษา 3 ตุลาคม 2020

Read Time:7 Minute, 52 Second
เปิดข้อมูลวิวัฒนาการไวรัสตระกูลโคโรนา ก่อนเป็นโควิด-19 นำไปสู่แนวโน้มการผสมควบรวมเกิดเป็นตัวใหม่ที่ไม่ใช่โควิด-19 เดิม และเกิดโรคทั้งในสัตว์และในคนใหม่
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย กล่าวถึงการวิจัยและพัฒนาไปข้างหน้าสำหรับโรคติดเชื้ออุบัติใหม่จากสัตว์สู่คนโดยใช้โควิด-19 เป็นต้นแบบ ว่า เรื่องนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
A การวิวัฒนาการของโคโรนาไวรัส
1- ทราบกันมาตั้งแต่ปี 2004 จากนักวิทยาศาสตร์ประเทศจีนที่ทำการสำรวจค้างคาว ในบริเวณเดียวกับที่มีการระบาดของซารส์ พบว่าในตัวค้างคาว มีโคโรนาไวรัส ที่ไม่ใช่ซารส อยู่มากกว่าหนึ่งชนิดในตัวเดียวกันและแสดงว่าโอกาสที่จะมีการ recombination มีสูงมาก
2- การสำรวจ 70 แห่ง ในตอนใต้ของเวียตนาม พบโคโรนาไวรัส ที่ไม่ใช่โควิด -19 ใน 58 แห่ง. ที่ขายหนูเป็นอาหาร ทั้ง 24แห่ง ที่เลี้ยง สัตว์ป่าประเภทสัตว์ฟันแทะ 17ใน 28 แห่ง และ 16 ใน 17 แห่ง ที่มีค้างคาวและเก็บมูลมาทำปุ๋ย แม้จะไม่ใช่ โควิด19 แต่ไวรัสที่พบอยู่ในกลุ่มโคโรนาไวรัสจากค้างคาว และตอกย้ำการที่ต้องห้ามซื้อขาย เลี้ยง สัตว์ป่า ฆ่า ชำแหละ กิน ที่จะเป็นผลให้มีโอกาศสัมผัสและติดเชื้อไวรัส จากการประพฤติปฎิบัติเช่นนี้รายงานในวารสาร Plos ONE 2020
3-รายงานจากการศึกษาค้างคาวมงกุฎ ในประเทศจีน (ในวารสาร current Biology) ระหว่างเดือน พค-ตค 2019 พบไวรัสในลักษณะใกล้เคียงมากกับ covid-19 คือ RmYN02 ที่ได้จากการสำรวจค้างคาว 227 ตัว ในพื้นที่ southwestern Chinese province of Yunnan โดยที่ มีกรดอมิโน ที่ junction of its spike protein’s subunits เหมือน แต่ไม่ตรงกันทีเดียวกับ โควิด 19 และเป็นหลักฐานการวิวัฒนาการตามธรรมชาติ มากกว่าที่เกิดจากมนุษย์ทำ แต่ไวรัสที่เจอในค้างคาวมงกุฎนี้ไม่ได้ทำให้เกิดโรคร้ายแรงดังโควิด19 โดยที่ไม่มีส่วนที่จับเกาะติดกับเซลล์มนุษย์

ภาพจาก https://pixabay.com/th/
4- หลักฐานชิ้นแรกที่เชื่อมโยงการผันแปรของรหัสพันธุกรรมเข้ากับ การปรับตัวให้เก่งขึ้นของไวรัสมีตั้งแต่ตั้นปี 2000 จากการทดสอบในหลอดทดลองโดยพบว่าไวรัสเจริญเติบโตเพิ่มพูนจำนวนได้มากกว่าเดิมหลาย 100 เท่ารวมทั้งเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นในสภาพเซลล์ได้ชัดเจนและกว้างขวางขึ้น จากการที่มีการผันแปรจำเพาะของรหัสพันธุกรรม รายงานที่ผ่านมาของการ ผันแปรของรหัสพันธุกรรม ในตำแหน่งต่าง ๆ จะเทียบเคียงกับเวลาและพื้นที่ ที่เกิดโรคและที่มีข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ไวรัสในขณะนั้น และตั้งสมมติฐานว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ว่าจะวิเคราะห์ จาก polymorphism หรือจากสายวิวัฒนาการ เป็น สาย หรือ lineage A B. C “น่าจะ” กำหนดความรุนแรงที่เห็นในผู้ที่ติดเชื้อ รายงานชิ้นนี้เป็นการระบุการ ผันแปรของรหัสพันธุกรรม เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น33 ตำแหน่ง จากไวรัสที่ได้จากผู้ป่วย 11 ราย และเป็นการทดสอบ functional mutation จริง ๆ ไม่ใช่พิเคราะห์จาก ที่เรียกว่า สายพันธ์ ตามเวลาและภูมิศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การดูในหลอดทดลอง กับความรุนแรงในคนเป็นอีกเรื่อง เพราะเกี่ยวกับ กระบวนการจำเพาะของเนื้อเยื่อ ของอวัยวะนั้น ๆ และการตอบสนองโดยรวมของผู้ที่ติดเชื้อ ลักษณะประจำตัวของคนป่วย และการรักษา
5- การศึกษากระบวนการเข้าเซลล์ และการใช้ตัวรับแบบต่าง ๆ มีมาตรฐานรูปแบบทั้งในโคโรนาไวรัสและโควิด-19 มีมาตั้งแต่ต้นปี 2020 และต่อเนื่องหลังจากนั้นจนกระทั่งถึงปัจจุบันในเดือนตุลาคม 2020
B. การแพร่กระจายไวรัสข้ามสายพันธุ์ในสิ่งมีชีวิตจากค้างคาว ด้วยกันเอง จาก species หนึ่ง ไปยังคนละชนิด ลงมายังสัตว์บก เข้ามนุษย์ และจากมนุษย์กลับเข้าสู่สัตว์บกและเริ่มมีหลักฐานกลับเข้าสู่ค้างคาว
เป็นเรื่องปกติของกำเนิดโรคอุบัติใหม่จากสัตว์สู่คน ทั้งนี้เป็นที่ศึกษากันดีในไวรัสอาร์เอ็นเอ ตระกูล lyssavirus ถึงความสามารถที่ไวรัสจากค้าวคาวจะลงไปยังสัตว์บก ได้แตกต่างกัน เช่น red fox skunk raccoon เป็นต้น ในไวรัส genotype 1
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ co evolution ของ ไวรัส จากค้างคาว และสัตว์อีกชนิดที่จำเพาะหรือเรียกว่า การวิวัฒนาการร่วมกัน
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโคโรนาไวรัส ที่จะพิสูจน์ว่า สามารถเข้าไปตั้งตัวได้สัตว์อีกชนิดหนึ่งได้นั้น ในโควิด-19 สามารถที่จะเข้าร่างกายของ แมว เสือ จากมนุษย์ที่ติดเชื้อและจากนั้นมีการแพร่กระจายในพวกเดียวกัน สำหรับสุนัขนั้นมีหลักฐานชัดเจนว่าสามารถรับเชื้อและเกิดโรคได้แต่ไม่บ่อยเท่าแมวและตัว มิ้งค์ และอาการรุนแรงน้อยกว่าหรือไม่มีอาการเลย ยกเว้นสุนัขอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไปที่มีรายงานว่าเกิดโรครุนแรงได้
อย่างไรก็ตามถึงปัจจุบันยังไม่มีรายงานชัดเจนว่าสัตว์เลี้ยงเหล่านี้จะนำโรคกลับไปยังมนุษย์ได้มากน้อยเพียงใด แต่เป็นไปได้แน่นอน
สำหรับการศึกษาไวรัสโคโรนาที่เรียกว่า novel coronavirus โดยที่ยังไม่ทราบชื่อนั้น ว่าจะเข้ามนุษย์และเกิดโรคได้หรือไม่?
ไม่สามารถตอบได้จากการที่ไวรัสสามารถเกาะติดกับตัวรับreceptor เท่านั้น แต่ต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าไวรัสนั้นสามารถตั้งต้นกระบวนการ transcription translation และreplication ได้ เช่น การพิสูจน์ว่าในเซลล์มีการสร้าง subgenomic RNA ของยีนต่างๆ
และกระบวนการในการทำให้เกิดโรคได้ต้องสามารถแสดงให้เห็นได้ว่ามีUp หรือ Down regulation ของยีนในเซลล์นั้นๆและมีส่วนเกี่ยวพันกระทบกับการควบคุมการทำหน้าที่หรือการทำงานของเซลล์ รวมทั้งระบบในการป้องกันภัยของเซลล์ว่าถูกยับยั้งหรือถูกกระตุ้นให้ทำงานมากเกินไปในระยะหลัง จึงจะสามารถอธิบายความเสี่ยงของไวรัสที่ยังไม่ทราบชื่อว่าสามารถที่จะติดเชื้อในมนุษย์และสามารถก่อโรคในมนุษย์ได้หรือไม่

กล่าวโดยสรุป
แบบแผนการวิวัฒนาการของไวรัสในตระกูลโคโรนาเป็นที่ทราบ จนถึงกับมีการทำนายทางวิชาการมานานรวมกระทั่งถึงการพิสูจน์ว่าเกิดขึ้นจริง แล้วในไวรัสโควิด-19 และพิสูจน์ไวรัสที่เป็นปฐมบท ก่อนที่จะเป็นโควิด-19 สิ่งที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ การผสมควบรวมเกิดเป็นตัวใหม่ที่ไม่ใช่โควิด-19 เดิม และเกิดโรคทั้งในสัตว์และในคนใหม่
มาตรการที่ควรทำเลยโดยไม่ต้องทำวิจัยอีก ครอบคลุมทั้งโควิด-19 และโคโรนาไวรัสตัวอื่น
1- เพื่อหาว่าคนหรือสัตว์เช่นสัตว์เลี้ยง มีการติดโควิด-19 หรือไม่? ซึ่งสามารถกระทำได้เลยโดยไม่ต้องมีการวิจัยอีก แต่ในทางปฎิบัติจริงเมื่อทราบแล้วจะปฏิบัติอย่างไรต่อ
คือ การตรวจเลือด ซึ่งต้องตรวจด้วยวิธีมาตรฐานดังที่ห้องปฏิบัติการโรคอุบัติใหม่สภากาชาดไทยใช้อยู่ และพิสูจน์แล้วว่ามีความไว 100% และความจำเพาะ 100% จากการตรวจสอบในผู้ป่วย 2313 รายจนกระทั่งถึงต้นเดือนตุลาคมและจากการตรวจสอบในผู้ป่วยที่รับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและมีการตรวจเป็นระยะติดตามหลังจากนั้น ทั้งนี้ การตรวจดังกล่าวสามารถตรวจได้ทั้งในคนและในสัตว์โดยไม่ มีผลบวกต่อไวรัสโคโรนาอื่น ๆ ที่ไม่ใช่โควิด-19
2- มาตรการที่ต้องทำต่อ จากที่พบว่ามีการติดเชื้อโควิด 19 ในสัตว์เลี้ยงแล้ว คือการตรวจว่ามีการปล่อยเชื้อออกมา หรือไม่
เหมือนกับที่ปฏิบัติในคนทุกประการ
ทั้งนี้ในสัตว์เลี้ยงก็จะเป็นชนิดที่ไม่แสดงอาการแต่ปล่อยเชื้อได้ ซึ่งจะเป็นมาตรการปฏิบัติทางสัตวแพทย์และกรมปศุสัตว์ สถาบันสุขภาพสัตว์ของประเทศ
3- มาตรการในการป้องกันการนำเชื้อโควิด-19 และเชื้อโคโรนาอื่น ๆ ทั้งที่ทราบชื่อแล้วและไม่ทราบชื่อที่ติดในคนไม่ให้แพร่กลับไปที่สัตว์
มาตรการที่สำคัญอันดับแรกคือสัตว์ป่าโดยเฉพาะค้างคาว ทั้งนี้โดยที่การเข้าไปยังถ้ำค้างคาว คนที่เข้าไปต้องมีเครื่องป้องกันไม่ให้เชื้อจากมนุษย์แพร่กลับไปที่สัตว์ ไม่ว่าคนนั้นจะมีอาการหรือไม่มีอาการก็ตาม โดยอนุมานว่าอาจมีเชื้อโคโรนาอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ในตัวอยู่แล้ว และเริ่มมีหลักฐานแล้วว่าเชื้อโคโรนาประจำถิ่นในคนกลับเข้าไปในค้างคาวได้
ที่ต้องให้ความสำคัญกับค้างคาว เป็นอันดับหนึ่งเพราะเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มีความสามารถในการเพาะบ่มไวรัสอาร์เอ็นเอได้ทุกตระกูลและสามารถสร้างไวรัสใหม่ที่มีความสามารถในการแพร่กระจายข้ามสายพันธุ์และในที่สุดไปถึงมนุษย์
สำหรับสัตว์เลี้ยงอื่นนั้นในทางปฏิบัติเช่นสุนัขและแมว การขัดขวางวงจรการติดเชื้อจากคนไปสู่สัตว์หรือสัตว์มาสู่คนนั้น นอกจากโควิด-19 ดังที่ได้กล่าวในข้อหนึ่งและข้อสอง สามารถกระทำได้โดยมีวิธีการตรวจหาแอนติบอดีต่อไวรัสโคโรนาอื่น ๆ ทั้งหมดที่เป็นไวรัสประจำหมาและแมวและที่เป็นไวรัสประจำของคน แต่ในทางปฏิบัติที่จะต้องมีการตรวจสุนัขและแมวทุกตัวและตรวจเจ้าของทุกรายว่ามีการติดเชื้อและสามารถปล่อยเชื้อได้หรือไม่แทบจะเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นการตรวจตราสุนัขและแมวและคนที่ติดเชื้อทั้งที่มีอาการหนักหรือไม่หนักก็ตามจนกระทั่งถึงเสียชีวิตจำเป็นต้องได้คำตอบว่าที่ติดเชื้อนั้นติดเชื้อจากไวรัสชื่ออะไร ไม่ใช่โควิด 19 อย่างเดียวที่ทราบอยู่แล้วว่าต้องมีอยู่แล้ว
ในกรณีของสุนัขและแมวที่ติดเชื้อโควิด-19 คงไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเป็นเรื่องผิดปกติ แต่อยู่ที่จะทำอะไรต่อเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่มาสู่คน และที่สำคัญกว่านั้นคือ การที่ต้องพัฒนาการวินิจฉัยโรคติดเชื้อให้ได้ทราบชื่อทั้งในคนและในสัตว์ หรือจะเรียกว่า Disease X ทั้งนี้ โดยที่ต้องตระหนักว่าโรคติดเชื้อในมนุษย์เองนั้นยังทราบได้เพียงไม่เกิน 50% เท่านั้น และเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจมีการระบาดของโรคอุบัติใหม่ในอนาคตลุกลามขึ้นทั้งนี้โดยมีการเพาะบ่มอยู่อย่างเงียบๆแต่ไม่ลุกลามกระจายไปอยู่แล้วก็ได้

https://xn--l3cz3ajb3d4g.com/?p=2643

 

จีนเปิดตัวรถมินิบัสสุดล้ำ! ‘ไร้คนขับ’ ใช้ระบบ 5G ไม่มีห้องคนขับ หลบหลีกเองได้
.
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ณ บริเวณหน้าศูนย์นิทรรศการแสงแห่งอินเทอร์เน็ต สถานที่จัดการประชุมอินเทอร์เน็ตโลกที่เมืองอูเจิ้น “รถมินิบัสไร้คนขับ” ที่มีลักษณะคล้ายแคปซูลบรรทุกผู้โดยสารเดินทางไปอย่างราบรื่น ไม่มีห้องคนขับ ทำหน้าที่รับส่งผู้โดยสารตามคำสั่ง ทั้งยังรู้จักหลบหลีกคนเดินถนนอีกด้วย
.
มินิบัสไร้คนขับที่มีลักษณะไม่เหมือนใครคันนี้ ก็คือ “หลานพ่างพ่าง” (เจ้าอ้วนสีน้ำเงิน) ซึ่งวิจัยและพัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะฟรีเทค (Freetech) และยังจะเป็นเพื่อนใหม่ที่กำลังจะมาเยือนศูนย์นิทรรศการแสงแห่งอินเทอร์เน็ตเร็วๆ นี้ และจะมอบประสบการณ์การทดลองโดยสารอันพิเศษสำหรับฟอรั่มในครั้งนี้โดยเฉพาะ
.
อนึ่ง มินิบัสไร้คนขับ “หลานพ่างพ่าง” ออกแบบด้วยระบบขับขี่อัจฉริยะระดับ L4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในประเทศจีนขณะนี้ ใช้ประโยชน์จากการผสานรวมของรูปแบบเครือข่ายระดับ 5G ความอัจฉริยะของยานยนต์ และความอัจฉริยะของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผ่านเทคโนโลยีผสมผสานของ “ยานยนต์-ถนน-คลาวด์” เพื่อบรรลุการขับขี่แบบไร้คนขับที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ในสถานที่ปิดและกึ่งปิด
.
ภาพจาก https://web.facebook.com/criespanol/posts/3426539857393022
.
#มินิบัสไร้คนขับ #ขับขี่อัตโนมัติ #5G #เทคโนโลยี #นวัตกรรม #ChinaStory #เรื่องจีนจีน

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว วัคซีนไม่ใช่คำตอบสุดท้าย!! เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า วัคซีนที่ใกล้จะพัฒนาสำเร็จในอนาคตไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้วิกฤตโคโรนาไวรัสสิ้นสุดลง โดยคนทั่วโลกยังคงต้องให้ความร่วมมือกันสู้ต่อไป

คำเตือนของผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกมีขึ้นหลังบริษัทยา Moderna เพิ่งประกาศว่า วัคซีนต้าน COVID-19 ประสบความสำเร็จและได้ผล 94.5% ในการป้องกันการติดเชื้อโคโรนาไวรัสจากการทดสอบเบื้องต้นในขั้นที่ 3 และขั้นสุดท้าย

"จุดสำคัญในเวลานี้คือ การตระหนักว่าวัคซีนนั้นคือสิ่งที่เป็นองค์ประกอบมาช่วยรับมือกับการระบาด แต่ไม่ใช่สิ่งที่มาทดแทนอะไรทั้งสิ้น"

เกเบรเยซุสระบุว่า ทันทีที่มีการอนุมัติวัคซีนออกมาใช้งานและพร้อมแจกจ่าย สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือ วัคซีนที่ผลิตออกมานั้นจะยังคงมีจำนวนที่จำกัดอยู่และผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่จะได้รับก่อนคือ บุคลากรด้านสาธารณสุข ผู้สูงอายุ และผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงทั้งหลาย เพื่อหวังช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและลดความรุนแรงของไวรัสสายพันธุ์นี้ลง นอกจากนั้น ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกยังย้ำว่า แม้หลังมีวัคซีนออกมาใช้งาน การทดสอบการติดเชื้อ การติดตามตัวผู้ที่เคยอยู่ใกล้ผู้ป่วย และการกักตัวเฝ้าระวังอาการ จะเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินต่อไป และทุกฝ่ายจำเป็นต้องให้ความร่วมมือในกระบวนการต่างๆ เหล่านี้ด้วย.

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว สร่างเมาในพริบตา!!! ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานข่าวที่สนใจซึ่งระบุว่า ทีมนักวิจัยจากแคนาดา ได้คิดค้นเครื่องช่วยหายใจที่ช่วยกำจัดแอลกอฮอล์จากเครื่องดื่มมึนเมาให้ออกจากร่างกายได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า

ทีมนักวิจัยระบุว่า เครื่องช่วยหายใจดังกล่าวมีระบบการทำงานที่เรียบง่าย ช่วยให้สร่างจากอาการมึนเมาในอัตราที่เร็วกว่าปกติ และที่สำคัญคือสนับสนุนให้ปอดทำงานร่วมกับตับในการขับออกแอลกอฮอล์ร่างกาย จากปกติ-ตับจะทำหหน้าที่ล้างแอลกอฮอล์ในเลือกออกราว 90% และไม่มีทางเร่งกระบวนการนี้ได้ แต่ผลการวิจัยครั้งนี้พบว่า เมื่อมีการทำงานของปอดมาช่วยสนับสนุนตับ จะช่วยล้างแอลกอฮอล์ออกจากเลือดและร่างกายได้เร็วขึ้นถึงกว่าเดิมถึง 3 เท่า.
-----------------------------
อ่านต่อ : https://www.thaiquote.org/content/242436...

 

จิตแพทย์อังกฤษสำรวจพบ เด็กๆกว่าครึ่งมีความกังวลต่อวิกฤตสิ่งแวดล้อมและอนาคตของโลก

ครึ่งหนึ่งของเด็กอังกฤษที่นักจิตแพทย์สำรวจเผยว่าพบผู้ป่วยที่มีความกังวลเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก

ผลของการสำรวจเผยว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคนรุ่นใหม่ ระดับความกังวลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในเด็กสูงกว่าประชากรอายุทั่วไป การศึกษาโดยจิตแพทย์ใน Royal Collge of Psychiatrists เผย และได้เปิดตัวฐานความรู้เพื่อช่วยให้เด็กๆและผู้ปกครองช่วงแก้ไขความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม

การสำรวจเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาองค์กรถามว่า "ในปีที่ผ่านมาคุณได้พบเจอผู้ป่วยที่กังวลเรื่องประเด็นสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศหรือไม่"

โดยกลุ่มเด็กและวัยรุ่นในอังกฤษ 57.3% (47 คนจาก 82 คน) คนตอบว่าได้พบเจอ ซึ่งเป็น % ที่มากกว่าผู้ถูกสำรวจจากกลุ่มคนทั่วไปซึ่งอยู่ที่ 47.9% (264 คนจาก 2551 คน)

อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ที่ถูกสอบถามนั้นเป็นจำนวนที่น้อยและต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอย่างละเอียด แต่จิตแพทย์เผยว่าผลของการศึกษานี้ก็ตรงกับสิ่งที่เขาได้พบ

Bernadka Dubicka จิตแพทย์จาก Royal Collge of Psychiatrists เผยว่าคนรุ่นใหม่มีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของโลก พร้อมกับควาดกดดันจากโซเชียลมีเดีย และอาจได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และขณะนี้ด้วยวิกฤตโควิด และวิกฤตเศรษฐกิจ เธอเผยว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตเด็กอย่างมาก

"ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัญหาใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างมาก และนี่คือสิ่งที่เด็กๆต้องเผชิญอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะส่งผลกระทบต่ออนาคตของเขา" Bernadka Dubicka เผย

เธอเผยความกังวลว่าควางกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ปกติ แต่ปัญหาที่หนักหนาขึ้น ทำให้ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้นเช่นกัน

ทางองค์กรได้โฟกัสปัญหานี้มากขึ้นในปีนี้ โดยได้เผยว่าเด็กๆอาจมีความรู้สึกสิ้นหวัง โกรธ ตื่นตระหนัก และรู้สึกผิด และได้เสนอวิธีหลีกเลี่ยงความรู้สึกเหล่านี้ไม่ให้มีมากเกินไป

โดยแนะนำวิธีสำหรับผู้ปกครองให้รับฟัง และอธิบายว่าความกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ และสิ่งที่บอกว่าเด็กๆนั้นเป็นคนที่ใส่ใจ พวกเขาแนะนำให้ใช้เวลาในธรรมชาติเป็นครอบครัวมากขึ้น และอาจลงมืออาสาแก้ไขปัญหาอย่างเช่นระดับบุคคล อย่างการลดการเดินทาง ลดขยะ เก็บขยะ ปลูกต้นไม้ ลดการทานเนื้อสัตว์ หรือทำเป็นกลุ่มก็ได้

Jenny Thatcher จากโครงการ Friend of the Earth เผยว่าองค์กรของเธอได้เห็นคนรุ่นใหม่ที่กังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะจากเด็กๆที่เผชิญผลกระทบอาทิ น้ำท่วม หรือไฟป่า แต่เธอก็เผยว่าความกังวลนี้สามารถเปลี่ยนแปลงไปสู่การลงมือปฎิบัติท่ีเป็นบวกได้ในกลุ่มเด็กๆ

จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งกาย และจิตใจของผู้คนโดยเฉพาะเด็กๆที่กังวลถึงอนาคตของพวกเขา การเร่งแก้ไขปัญหาในระดับภาคส่วนต่างๆ ทั้งประชาชน เอกชน และภาครัฐนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น และทำให้สุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้คนดีขึ้นเช่นกัน

ที่มา

https://www.theguardian.com/.../half-of-child...

https://www.rcpsych.ac.uk/.../respon.../surveys-and-research

ร่มธรรม ขำนุรักษ์

 

ปอดโลกจ่อพินาศ นักวิจัยเตือน สร้างถนนในแอมะซอนจ่อทำลายป่ามหาศาล! การบุกรุกง่าย-เพิ่มมากขึ้น ทำเป้าหมายยุติตัดไม้ไม่สำเร็จ
.
การก่อสร้างถนนแอมะซอนระยะทาง 12,000 กิโลเมตร ในโบลิเวีย บราซิล โคลัมเบีย เปรู และเอกวาดอร์ในอีก 5 ปีข้างหน้า อาจนำไปสู่การสูญเสียพื้นที่ป่ามากถึง 15 ล้านไร่ในอีก 2 ทศวรรษ
.
คำมั่นสัญญาที่นำมากับใช้รัฐบาล บริษัท และกลุ่มอื่น ๆ ใน United Nations Climate Summit เมื่อเดือนกันยายน 2014 เพื่อลดการตัดไม้ทำลายป่าลงให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี 2020 ไม่เป็นผลสำเร็จ ในขณะที่ข้อตกลงเพื่อยุติการตัดต้นไม้ในปี 2030 ก็เหมือนจะห่างไกลออกไปเมื่อดูจากอัตราการสูญเสียป่าไม้ในแต่ละปี
.
โครงสร้างพื้นฐานอย่างถนนมีส่วนที่ทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่า 9%-17% ในประเทศเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน การสร้างทางหลวงผ่านในพื้นที่สำคัญทางระบบนิเวศวิทยา อาจนำไปสู่การเก็งกำไรที่ดิน และอาจก่อให้เกิดการสร้างถนนที่ผิดกฎหมายได้ ทุก ๆ หนึ่งกิโลเมตรของถนนที่ถูกกฎหมายในบราซิล มีความเสี่ยงที่จะเกิดผิดถนนที่ผิดกฎหมายเพิ่มอีก 3 กิโลเมตร
.
รายงานระบุว่ารัฐบาลควรมองหาเส้นทางอื่นแทนในการพัฒนาแทน การสร้างโครงสร้างพื้นฐานเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ทางหลวงดังกล่าวไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ที่ต้องการให้ชุมชนสามารถเดินทางเข้าถึงระบบการดูแลรักษาได้ แต่จุดประสงค์หลักที่สร้างถนนนั้นคือความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้า
.

Source
1. https://www.reuters.com/.../amazon-road-building-could...

2. https://www.theguardian.com/.../megaprojects-risk-pushing...

 

กทมฯเตรียมเปิดให้บริการเรือไฟฟ้าคลองผดุงฯพร้อมแผงโซลาร์เซลล์ ลดฝุ่นควันสายแรกของไทย เชื่อม MRT รถไฟ เรือเจ้าพระยา คลองแสนแสบ เริ่ม 27 พ.ย. นี้!

วันที่ 22 พฤศจิกายน เอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร เผยถึงการเปิดให้บริการเรือไฟฟ้าดังนี้

"เรือโดยสารไฟฟ้าคลองผดุงกรุงเกษม
เชื่อมต่อ MRT รถไฟ เรือด่วนเจ้าพระยา
และเรือคลองแสนแสบ

เดินทางสะดวกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ด้วยพลังสะอาด 100% ลดฝุ่น ลดควัน ลดเสียง
สายแรกของไทย เริ่ม 27 พ.ย. นี้!!

เรือไฟฟ้าคลองผดุงฯ
พร้อมให้บริการมากถึง 8 ลำ
เวลาเร่งด่วนออกทุก 15 นาที
เป็นเรือใหม่! อุปกรณ์ความปลอดภัยครบ! ติด GPS กล้อง CCTV ไฟฟ้าส่องสว่างด้วยโซลาร์เซลล์
รองรับผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์
ให้บริการผู้โดยสาร 30 ที่นั่ง
วันจันทร์-ศุกร์ 6 โมงเช้า ถึง 1 ทุ่ม วันละ 39 เที่ยว ออกทุก 15 นาที
วันหยุดราชการ ให้บริการ 8 โมงเช้า ถึง 1 ทุ่ม วันละ 23 เที่ยว
ปล. สามารถปรับการให้บริการให้สอดคล้อง
กับจำนวนผู้โดยสารแต่ละรอบได้ครับ
.
สามารถเชื่อมต่อการเดินทาง ล้อ- ราง- เรือ
ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ใช้เวลาเดินทางตลอดสายเพียง 20 นาที
เริ่มตั้งแต่ตลาดเทวราช ถึง สถานีรถไฟหัวลำโพง
11 ท่า ตามนี้เลยครับ
ท่าตลาดเทวราช เชื่อมต่อเรือด่วนเจ้าพระยา เดินทางไปนนทบุรีหรือสาธร
ท่าเทเวศร์
ท่าประชาธิปไตย
ท่าราชดำเนินนอก
ท่านครสวรรค์
ท่าแยกหลานหลวง
ท่ากระทรวงพลังงาน เชื่อมต่อ เรือคลองแสนแสบเดินทางไปรามคำแหง
ท่ายศเส
ท่านพวงศ์
ท่าหัวลำโพง เชื่อมต่อการเดินทางโดย รถไฟที่สถานีหัวลำโพง
ท่าสถานีรถไฟฟ้าหัวลำโพง เชื่อมต่อการเดินทางโดย รถไฟที่ฟ้า MRT ที่สถานีหัวลำโพง
และทุกท่าเรือเชื่อมต่อรถโดยสารประจำทางทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้นอีกนะครับ"

ที่มา

https://www.facebook.com/108261230583781/posts/403856067690961/?d=n