ติดตามสถานะการณ์

#ข่าวสั้น (20 ก.พ.) #ผลข้างเคียง ทวิตเตอร์ของรัฐบาลทวีตว่า // เมื่อวานนี้พบผลข้างเคียงที่คาดว่าจะเกิดจากวัคซีนโควิดของไฟเซอร์รายแรกจากโรงพยาบาลโทยามะโรไซ คือ มี การออกผื่น”

เป็นหนึ่งในผลข้างเคียงที่อยู่ในการคาดการณ์

ทางญี่ปุ่นจะยังคงจัดพื้นที่ให้ผู้ถูกฉีดวัคซีนนั่งพัก
15-30 นาทีเพื่อรอดูอาการ กันการแพ้รุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น 

วัคซีนโควิด หากป่วย พิการหรือเสียชีวิต สามารถได้รับค่าชดเชยจากระบบจ่ายค่าชดเชยกรณีพบผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนได้ (อ่านรายละเอียดโพสต์ที่แล้ว https://www.facebook.com/100044158223129/posts/279183096896962/) 

แอดถือว่ารัฐบาลค่อนข้างเปิดเผยข้อมูลแบบละเอียดเป็นรายวันเลยนะคะ คงต้องการให้ประชาชนอุ่นใจ

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #วัคซีนโควิด

https://twitter.com/kantei.../status/1362960369904312323...

 

ภูเขาไฟเมอราปี ในอินโดนีเซียปะทุ-พ่นลาวาสีแดงจัดอย่างรุนแรง
.
จาการ์ตา 20 ก.พ. – ภูเขาไฟเมอราปี ในอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เกิดปะทุขึ้นอีกครั้งตั้งแต่เมื่อวานนี้ วันนี้ยังพ่นลาวาสีแดงจัดอย่างรุนแรง
.
ภูเขาไฟเมอราปี ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองยอร์กยาการ์ตา บนเกาะชวา ปะทุพ่นลาวามา 20 กว่าครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และเกิดแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยหลายระลอกจากการปะทุของภูเขาไฟ
.
สำนักงานธรณีวิทยาของอินโดนีเซีย รายงานว่า ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น มีการพ่นลาวาขนาดใหญ่ออกมาสามารถสังเกตุได้ 7 ครั้ง โดยลาวาได้ไหลลงไปเป็นระยะทาง 700 เมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
.
อย่างไรก็ตาม การแจ้งเตือนภัยอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสถานะของภูเขาไฟ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยอยู่ที่ระดับที่ 2 รองจากอันดับสูงสุด ซึ่งเป็นการเตือนภัยอยู่ในระดับนี้มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว บรรดาประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้กับภูเขาไฟได้รับแจ้งให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ในรัศมี 5 กิโลเมตร รอบๆ ภูเขาไฟ และเตือนอันตรายเกี่ยวกับลาวาและอากาศที่อาจจะมีวัตถุจากภูเขาไฟปะปนมาด้วย
.
เมื่อเดือนที่แล้ว เมอราปี พ่นเถ้าถ่านและควันไฟลอยขึ้นฟ้าคล้ายเมฆขนาดใหญ่ 4ภูเขาไฟเมอราปี ประทุครั้งใหญ่ล่าสุดเมื่อปี 2010 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 300 รายและต้องอพยพประชาชนประมาณ 280,000 คน.

 

ออง ซาน คือชายหนุ่มผู้รักในความถูกต้อง
เขามีสายเลือดรักในการต่อสู้เพื่อแผ่นดินตนเองมาตั้งแต่รุ่นพ่อและปู่ของเขา

ออง ซาน ไม่พอใจและเห็นความไม่ชอบธรรมของประเทศอังกฤษในการยึดครองพม่ามาโดยตลอดตั้งแต่เขายังเล็ก

อังกฤษผู้ยึดครองพม่าอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่ปีค.ศ.1855 หลังจากการต่อสู้มาหลายสิบปี รวมถึงการล้มราชวงศ์ทำลายระบบกษัตริย์ของพม่าไปจนหมดสิ้น

แรงงานจากอินเดียถูกส่งเข้ามาสร้างระบบขนส่ง ระบบสาธารณูปโภค นำทรัพยากรธรรมชาติอันอู้ฟู่ของพม่าไปสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำ

แต่เงินเหล่านั้นแทบไม่ตกถึงมือประชาชนมือชาวบ้านเลย มันหล่นไปอยู่ในมือนายทุนชาวอังกฤษและอินเดียเสียหมด สร้างความไม่พอใจให้กับชาวพม่าผู้ถูกกดขี่อยู่ในดินแดนบ้านเกิดของตนเอง โดยคนจากแดนไกลผู้แสวงหาผลประโยชน์จากทวีปอื่นเพื่อเอารายได้เข้าประเทศตนเอง

ชาวพม่าต่างเฝ้าคอย พวกเขารอจังหวะที่จะทำให้ตนเองรอดพ้นจากเงื้อมมือมหาอำนาจ

และแล้วจังหวะนั้นก็มาถึง...
สงครามโลกครั้งที่สอง

————————————

จักรวรรดิญี่ปุ่น เล็งเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไว้เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการต่อกรกับฝ่ายสัมพันธมิตรที่พยายามรุกคืบมาทั้งทางอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก อีกทั้งยังต้องการที่จะรวมตัวกับทหารเยอรมันและอิตาลีที่ดินแดนตะวันออกกลาง

8 ธันวาคม ค.ศ.1941 ญี่ปุ่นยกพลบุกขึ้นทางอ่าวไทย และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการรุกคืบเพื่อการยึดครองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป

ญี่ปุ่นใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน บุกเข้าไปยังประเทศพม่า ซึ่งตอนนั้นยังคงถูกยึดครองด้วยอังกฤษ ญี่ปุ่นต่อสู้กับทหารอังกฤษยืดเยื้อเป็นระยะเวลานาน

ญี่ปุ่นต้องหาตัวช่วย ญี่ปุ่นรู้ดีว่าพม่าต้องการเอกราชจากอังกฤษมาหลายสิบปี

จึงเกิดการร่วมมือกันระหว่างญี่ปุ่นและชาวพม่า ญี่ปุ่นขออาสาสมัครนักศึกษาพม่าจากมหาวิทยาลัยย่างกุ้งจำนวน 30 คน ไปฝึกบนเกาะไหหลำ และ ไต้หวัน

พวกเขาต้องการให้เด็ก 30 คนนั้น เป็นแกนนำในการกอบกู้เอกราชกลับมาจากอังกฤษ

และ 1 ใน 30 คนนั้น มี ออง ซาน รวมอยู่ด้วย

เดือนธันวาคม ค.ศ.1942 ทั้ง 30 คนฝึกเสร็จเรียบร้อย มาลงเรือที่เวียดนาม อ้อมมายังกรุงเทพ รอที่จะเข้าพม่าต่อไป

ทั้ง 30 คน เรียกตนเองว่าเป็น “Thirty Comrades”ทำพิธีกรีดเลือดร่วมสาบาน ว่าทั้งหมดจะไม่คิดทรยศคดโกงซึ่งและกัน

——————————

ออง ซาน และสหายร่วมรบ 30 คน เดินทางออกจากกรุงเทพ ไปยังย่างกุ้ง พวกเขารวบรวมชาวพม่าใจรักชาติได้เป็นจำนวนมาก มาร่วมสนับสนุนกองทัพญี่ปุ่นในการขับไล่อังกฤษออกจากประเทศ

การต่อสู้ของกองทัพญี่ปุ่นที่ร่วมมือกับชาวพม่าเป็นไปได้ด้วยดี อังกฤษหมดหนทางจนต้องร่นถอยไปอินเดีย ญี่ปุ่นประกาศชัยชนะ และมอบเอกราชให้กับพม่าในนามรัฐพม่า ในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ.1943

“เลือกผิดฝ่าย”

เหมือนจะเป็นการประกาศเอกราช
แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงยึดครองพม่า เพียงแต่มีการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งปกครองโดยคนพม่าด้วยกันเอง

ญี่ปุ่นแต่งตั้ง ดร.บา มอ ขึ้นเป็นหัวหน้ารัฐบาล ส่วน ออง ซาน เป็นรัฐมนตรีกลาโหม พร้อมได้รับแต่งตั้งเป็นยศนายพล

แม้ญี่ปุ่นจะดูเหมือนจริงใจพยายามช่วยพม่า แต่พม่าก็รู้สึกได้ว่าญี่ปุ่นก็ไม่ได้จริงใจต่อพม่า ใครก็ตามที่เข้ามาต่างก็ต้องการผลประโยชน์แก่ตนเองทั้งสิ้น และกองทัพญี่ปุ่นในสมัยนั้นทราบกันดีถึงความโหดร้ายทารุณ พวกเขาไม่อาจการันตีได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประชาชนชาวพม่าหากกองทัพญี่ปุ่นยังคงอยู่ในดินแดนแห่งนี้

ออง ซาน คือคนแรกที่พยายามหันหลังกลับไปต่อกรกับจักรวรรดิญี่ปุ่นที่กำลังจะพ่ายแพ้ในสงครามแปซิฟิก เขาประกาศตั้งสันนิบาตเสรีชนต่อต้านฟาสซิสต์ และไปเป็นพันธมิตรกับอังกฤษเพื่อต่อต้านญี่ปุ่น

ฝ่ายสัมพันธมิตร อังกฤษ รวมถึงกลุ่มของออง ซาน รวมหัวจนสามารถขับไล่ญี่ปุ่นออกจากดินแดนไปได้เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.1945

สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง
แม้ว่าอังกฤษจะกลับมาถือสถานะยึดครองพม่าดังเช่นก่อนสงคราม แต่ในครั้งนี้อังกฤษคิดจะทำการคืนเอกราชให้กับพม่า หลังจากยึดครองในฐานะอาณานิคมเป็นเวลาเกือบหนี่งร้อยปี

——————————

ในฝั่งประเทศอังกฤษ สภาอังกฤษจัดให้มีการอภิปรายเรื่องการคืนเอกราชให้พม่าเป็นครั้งแรก สมาชิกสภาต่างเรียกร้องให้มีการจับกุมออง ซานและพรรคพวก จากการไปร่วมมือกับญี่ปุ่นในการขับไล่อังกฤษ

แต่ แอตลี นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่เห็นดังนั้น เขาได้แสดงความชัดเจนว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอังกฤษจะต้องทำงานร่วมกับออง ซาน เพราะตอนนี้ออง ซาน ได้กลายเป็นวีรบุรุษของชาวพม่าไปเรียบร้อยแล้ว

ในเดือนมกราคม ค.ศ.1947 แอตลี นายกรัฐมนตรีอังกฤษจึงได้เชิญ ออง ซาน มาร่วมประชุมเจรจาการคืนเอกราชให้พม่า ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ระหว่างทาง ออง ซาน ได้แวะไปที่อินเดีย
ทั้งสองประเทศนี้ได้เป็นกลายมิตรกันเรียบร้อยแล้ว
จากความพยายามด้านการทูตของ ออง ซาน

ชวาหะร์ลาล เนห์รู นายกรัฐมนตรีอินเดีย เริ่มติดต่อสื่อสารโดยตรงกับ ออง ซาน ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ค.ศ.1946

พวกเขาส่งสัญญาณกันว่าทั้งพม่าและอินเดียจะต้องเป็นอิสระจากการควบคุมของอังกฤษ เนห์รู บอกกับ ออง ซาน ว่าทหารอินเดีย 12,000 นายที่ยังอยู่ในพม่าจะถูกถอนทยอยออกไปในไม่ช้า

ระหว่างที่ ออง ซาน แวะที่ นิวเดลี ประเทศอินเดีย
เนห์รู ปฏิบัติต่ออองซานด้วยความรักและความเคารพเป็นอย่างดี เนห์รู มอบชุดสูทตัดพิเศษให้กับออง ซาน เขากล่าวว่าชุดสูทตัวนี้จะใส่สบายและอบอุ่นกว่าในกรุงลอนดอนที่กำลังหนาวเหน็บ

ในที่สุด ออง ซาน ก็เดินทางมาถึงกรุงลอนดอน
เขาและ แอตลี นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เจรจาเงื่อนไขการเป็นอิสระกับอังกฤษเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม

และในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ.1947 แอตลี และรัฐบาลอังกฤษ ก็ทำข้อตกลงที่จะยอมรับรัฐบาลชั่วคราวของพม่า และตกลงที่จะให้มีการเลือกตั้ง

ออง ซาน จะเป็นคนกำหนดวันเลือกตั้งเอง และจะสิ้นสุด ก่อนวันที่อังกฤษจะประกาศเอกราชให้กับพม่า นั่นคือในเดือนมกราคม ค.ศ.1948

แอตลี ถามพม่าว่าจะให้ประเทศพม่าที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่เรียบร้อยแล้ว ไปตัดสินใจดูว่าพม่าจะอยากอยู่ในเครือจักรภพหรือไม่ รวมถึงอังกฤษจะให้การสนับสนุนในการเป็นสมาชิก UN

อู ซอว์ หนึ่งใน 30 สหายชุดแรกเช่นเดียวกับออง ซาน ได้เข้าร่วมการประชุมเจรจาครั้งนี้ด้วย

เขาปฏิเสธอย่างโอ้อวด และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการสัญญาข้อตกลงฉบับนี้สักข้อเดียว

ปัญหาชนเผ่าในพม่าเป็นเรื่องใหญ่ ทุกคนไม่ต้องการระบอบการปกครองที่จะให้ใครขึ้นเป็นใหญ่ ทุกฝ่ายส่วนมากต้องการปกครองตนเอง มันคือเรื่องของผลประโยชน์ล้วนๆ

แต่เสียงของอู ซอว์ ไม่ช่วยอะไร
การเจรจาสิ้นสุดลงเรียบร้อย

ออง ซาน กลับมายังพม่า เขาได้เชิญกลุ่ม “ชาวเขา” ทั้งหมดเข้าร่วมการเจรจา ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1947 และมีการทำข้อตกลงเกี่ยวกับการปกครองตนเองภายในพม่า

ข้อตกลงคือให้ชนเผ่าต่างๆ มารวมอยู่ด้วยกันเป็นประเทศเป็นระยะเวลา 10 ปี เหตุผลก็เพื่อให้เกิดความแน่นแฟ้นในชาวพม่าด้วยกันเอง

และหลังจาก 10 ปีแล้ว ชนเผ่าใดจะขอแยกตัวออกไป ก็สามารถไปได้เลย

เมื่อวันที่ 7 เมษายน ค.ศ.1947 พม่าได้จัดการเลือกตั้งทั่วไปโดยใช้สิทธิออกเสียงแบบสากล (สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในอินเดียก่อนได้รับอิสรภาพ)

ออง ซาน ที่ลงรับสมัครเลือกตั้งในกลุ่มสันนิบาตเสรีชน ได้รับคะแนนอย่างท่วมท้น เขากำลังจะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีพม่าคนต่อไป

แต่ อู ซอว์ คว่ำบาตรและไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งนี้

——————————-

“จุดเปลี่ยนของประเทศ”

ช่วงเดือนมิถุนายน ค.ศ.1947
มีข่าวลือออกมาว่ามีการออกปืน เบรน (ปืนกลเบาของอังกฤษ) กว่า 200 กระบอก ให้กับบุคคลที่ "ไม่ทราบชื่อ" จากคลังสรรพาวุธของกองบัญชาการกองทัพพม่าที่ยังควบคุมโดยอังกฤษ รวมถึงกระสุนกว่า 125,000 นัด ที่หายไปอย่างลึกลับอีกด้วย

ข่าวลือนี้สะพัดไปทั่วอังกฤษและพม่า หน่วยข่าวกรองในอังกฤษคาดการณ์ว่าสิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจในย่างกุ้งเป็นอย่างมาก

รวมถึงมีข่าวลือว่ากลุ่มหัวรุนแรงของอังกฤษพยายามที่จะติดอาวุธฝ่ายค้านเพื่อโค่นล้มรัฐบาลใหม่ และแทนที่ด้วยฝ่ายที่เห็นด้วยกับสถานะการปกครองที่ไม่ใช่เอกราชโดยสมบูรณ์

การปกครองที่ไม่เหมือนกับที่ ออง ซาน ต้องการ

19 กรกฎาคม ค.ศ.1947
ออง ซาน อยู่ที่อาคารสำนักเลขาธิการในย่างกุ้ง เขาต้องเป็นประธานการประชุมสภาบริหาร

10:30 น. มือปืนสามคนพร้อมปืนสเตน (ปืนของอังกฤษ) บุกเข้ามาในอาคาร และเปิดฉากยิงโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร

ออง ซาน ได้ยินเสียงวุ่นวายจากข้างล่าง เขาลุกขึ้นยืน และกำลังจะหาทางหลบหนี

แต่ช้าไปเสียแล้ว มือปืนขึ้นวิ่งบันได ถีบห้องประชุม
และสาดกระสุนใส่ทุกคนอย่างไม่ยั้ง

วีรบุรุษผู้ก่อตั้งชาติของพม่าเสียชีวิตทันที
ด้วยเพียง 31 ปี

ทิ้งดอว์ขิ่นจี ผู้เป็นภรรยาให้เลี้ยงดูบุตรชายหญิง 3 คนโดยลำพัง รวมถึง ซู จี (อองซานซูจี) ในวัย 2 ขวบ

สมาชิกสภาอีก 4 คนในห้องเสียชีวิต
อีกสองคนบาดเจ็บสาหัส

อู นู เป็นสมาชิกสภาเพียงคนเดียวที่ไม่อยู่ในการประชุม เขากลายเป็นนายกรัฐมนตรีพม่าทันที

———————————-

ตำรวจเริ่มการสืบสวน พวกเขาบุกเข้าไปในบ้านของ อู ซอว์ และพบปืน สเตน และปืนไรเฟิล 18 กระบอกซ่อนอยู่ในตัวบ้าน รวมถึงรถจี๊ปที่ไม่มีป้ายทะเบียนจอดอยู่ในบริเวณของเขา

ตำรวจทำการระบายน้ำในทะเลสาบในตัวบ้านของ อู ซอว์ ตำรวจได้ค้นพบปืน เบรน 37 กระบอก และปืนพก 8 กระบอก

ตำรวจบุกไปที่บ้านของสมาชิกคนสำคัญอีกคนของพรรคของ อู ซอว์ พวกเขาพบระเบิดมือ 14 ลูก รวมถึงเครื่องมือทำระเบิด

จากการสอบสวนพบหลักฐานว่า อู ซอว์ ได้จ่ายเงินเป็นจำนวนก้อนใหญ่ให้กับเจ้าหน้าที่กองทัพอังกฤษ 2 คน เพื่อนำอาวุธออกมาจากคลัง

อู ซอว์ รับสารภาพทั้งหมดในศาล
เขาพรรคพวกถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ.1947

วันที่ 4 มกราคม ค.ศ.1948
อังกฤษทำพิธีมอบเอกราชให้ประเทศพม่า

วันที่ 2 มีนาคม ค.ศ.1962 นายพล เน วิน หนึ่งในกลุ่ม 30 สหาย ยึดอำนาจจากนายกรัฐมนตรี อู นู

และปกครองประเทศด้วยระบบสังคมนิยม
เป็นเวลานานกว่า 26 ปี

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว พิษโควิดกระทบหนัก!!! ความคืบหน้ากรณี โรงเรียนมัธยมพุทธเกษตรวัดโนนเมือง ต.โนนเมือง อ.ขามสะแกแสง จ.นครราชสีมา ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 แพร่ระบาด ทำให้ผู้ที่เคยสนับสนุนเงินให้กับทางโรงเรียนต้องยกเลิกบริจาค ทางโรงเรียนจึงได้รับความเดือดร้อน เด็กนักเรียนที่กินนอนประจำอยู่ที่โรงเรียนได้รับผลกระทบไม่มีข้าวกิน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

** ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบว่า ข้าวสารที่ใช้หุงให้เด็กนักเรียนได้กินเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งโรงเรียนมัธยมพุทธเกษตรวัดโนนเมืองเป็นโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2535 มีพระครูศีลวราภรณ์ หรือหลวงพ่อเฉลิม เจ้าอาวาสวัดโนนเมืองเป็นผู้รับใบอนุญาต เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 มีเด็กนักเรียนทั้งหมด 152 คน มีครู 12 คน เป็นโรงเรียนที่เปิดทำการเรียนการสอนเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส เช่น เด็กยากจน เด็กกำพร้า เด็กที่พ่อแม่แยกทางกัน หรือพ่อแม่ติดคุก ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาทัดเทียมกับเด็กทั่วไป

แต่เมื่อประสบปัญหาขาดแคลนข้าวสารและวัตถุดิบประกอบอาหารให้กับนักเรียน เบื้องต้น-ทางโรงเรียนต้องเด็กเก็บผักที่ปลูกไว้และนำข้าวที่เหลืออยู่เล็กน้อยมาประกอบอาหารบรรเทาความเดือดร้อนไปก่อน พร้อมกับเร่งประชาสัมพันธ์ขอรับบริจาคจากผู้ใจบุญได้ความเมตตาเด็กนักเรียน ช่วยบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง สำหรับประกอบอาหารให้กับเด็กกินนอนของโรงเรียนฯ ได้รับประทานอย่างเพียงพอทั้ง 3 มื้อ

สามารถบริจาคได้ที่บัญชีธนาคารกรุงเทพฯ สาขาโนนไทย ชื่อบัญชี พุทธเกษตร เลขบัญชี 483-011-540-0 หรือติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ 081-8782651 หลวงพ่อเฉลิม เพื่อให้การช่วยเหลือเด็กนักเรียนโรงเรียนมัธยมพุทธเกษตรวัดโนนเมือง.

 

ระวังสุขภาพ! อิทธิพลจากลมตะวันออก ส่งผลให้ภาคตะวันตกของไต้หวันอากาศไม่ถ่ายเท คุณภาพอากาศแย่ต่อเนื่อง 7 วัน เตือนหลีกเลี่ยงทำกิจกรรมนอกบ้านและต้องสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะเมืองในภาคกลางและใต้ หนักสุดที่ตำบลเป้ยหลุน เมืองหยุนหลิน มาดูดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เมื่อเวลา 07.00 น. ในวันนี้ (20 ก.พ.) ถึงวันจันทร์หน้า จากทบวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไต้หวัน (EPA) - สีเขียว(ดี) สีเหลือง(ปานกลาง) สีส้ม(เสี่ยงต่อกลุ่มภูมิแพ้) สีแดง(เสี่ยงต่อคนทุกลุ่ม) สีม่วง(คุกคามสุขภาพ) สีน้ำตาล(ส่งผลต่อสุขภาพรุนแรง)...










แบ่งปันจาก
Rti Fanpage

 

นายจ้างบ่นอุบ! ชนะคดีฟ้องแรงงานเวียดนามหลบหนีทำความเสียหายต้องชดใช้ 2.6 แสน TWD. แต่ไร้ประโยชน์ แรงงานเวียดนามอยู่ระหว่างหลบหนี ตามจับมาชดใช้ค่าเสียหายไม่ได้...


https://th.rti.org.tw/radio/program...C-vm49cqbCYmNhy7bHPFngEhaQwYksTDNk81ds1h3dBt4

 

19 ก.พ. การแปล: การอัปเดตการกลับขั้วที่ยอดเยี่ยม, ตำแหน่งขั้วเหนือแม่เหล็กและปฏิทิน, การเร่งการหมุนของโลก, การลดลงของโล่โลก, การเอียงและการสั่น, กระแสเจ็ท - กระแสน้ำวนขั้วโลก - สภาพอากาศที่วุ่นวาย, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบบย้อนกลับ - Laura Wells - อ่านสำคัญ⚠️

เท็กซัสอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาทีจากเหตุไฟฟ้าดับหลายเดือน ซึ่งเป็นหายนะ
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ขั้วเหนือแม่เหล็กโลกได้เคลื่อนออกไปอีก 4 ไมล์ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม
ทันใดนั้นก็มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กโลกกลับด้าน
โปรดจำไว้ว่าข่าวสื่อและนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มักพูดเสมอว่าการพลิกกลับของแม่เหล็กจะไม่ทำอะไรมากนอกจากจะต้องอัปเดตบางสิ่งบางอย่าง ... พวกเขาเริ่มที่จะหยดความจริง ... ในที่สุด
ดังนั้นเมื่อพวกเขาเอาแต่พูดว่าการพลิกแม่เหล็กแทบไม่มีใครสังเกตเห็น ... นั่นเป็นเรื่องโกหก ...
ตอนนี้เพียงไม่กี่ปีจนเกิดความโกลาหล ในที่สุดพวกเขาก็ปล่อยความจริงบางอย่างออกไป
เราพูดอะไรกันมาหลายปีเมื่อเราเข้าใกล้การเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อย ๆ และเหมือนทุกอย่างทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี

ฉันเขียนบทความมาหลายปีแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของมนุษย์อย่างแท้จริงได้อย่างไร

มีสาเหตุหลายประการที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของมนุษย์
หนึ่งในเหตุผลเหล่านี้รวมถึงรังสีที่เปลี่ยน DNA .. จุดที่ปล่อยให้มีรังสีจำนวนมากสามารถทำให้คนเป็นบ้าได้ บางคนมีแนวโน้มที่จะบ้าและแสดงพฤติกรรมของสัตว์

สนามแม่เหล็กอยู่ในจุดที่อ่อนแอที่สุดก่อนการเปลี่ยนแปลง

ขั้วเหนือแม่เหล็กกำลังเข้าใกล้จุดอ่อนที่สุดที่ระดับ 40 องศาซึ่งตอนนี้เราอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ปี
ระยะห่างจากจุดที่อ่อนแอที่สุด (40 องศา) ถึงประมาณสองสามปีจากจุดที่อ่อนแอที่สุด (หากไม่เร่งความเร็วเท่าที่จะทำได้) การเปลี่ยนขั้วจะใกล้เข้ามา

บูม "และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก"
เครื่องยนต์แห่งการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ!
นักวิทยาศาสตร์และเอกสารทางวิทยาศาสตร์ยอมรับ

ตรงตามที่เราพูดและอย่างที่เราเตือนมาหลายปี ... ว่า "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" นี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น มันเกิดจากการกลับขั้วสนามแม่ดหล็กและระบบเลขฐานสอง .. เหมือนวัฏจักรเมื่อมันเกิดขึ้น
ระยะทางจากจุดที่อ่อนแอที่สุด (40 องศา) ถึงจุดที่อ่อนแอที่สุดประมาณสองสามปี (หากไม่เร่งความเร็วเท่าที่จะทำได้) การเปลี่ยนขั้วจะใกล้เข้ามา

โพสต์ 2020 - หมายเหตุ - "การเอียงและการสั่นของโลกการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำเจ็ตสภาพอากาศที่รุนแรง ... สภาพอากาศเลวร้ายสำหรับสถานที่เลวร้าย"
ทั้งหมดนี้เกิดจากแนวทางการเปลี่ยนขั้ว

"การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" รอบโลกเกิดจากแนวทางของการเปลี่ยนแปลง (การลดลงของเกราะป้องกันและการเคลื่อนย้ายของขั้วเหนือแม่เหล็กไปยังเส้นสนามที่อ่อนแอที่สุด) ในที่สุดพวกเขาก็ยอมรับในเอกสารทางวิทยาศาสตร์หลายฉบับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ใช่เหตุการณ์การเปลี่ยนขั้วที่แตกต่างกันพาผู้คนไปใต้ดินและพวกเขาวาดภาพหินเพื่อเตือนเรา
ทุกอย่างในข่าวมุ่งเน้นไปที่ตอนนี้เนื่องจากแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปกปิดสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่และสิ่งที่จะเลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ

วิวรณ์ 6:15 ... กำลังจะกลับมา
“ และบรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลกและคนใหญ่คนโตและเศรษฐีหัวหน้าแม่ทัพและผู้มีอำนาจและทาสทุกคนและทุกคนที่เป็นอิสระได้ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและในโขดหินของภูเขา "

สิ่งอื่น ๆ ที่ควรทราบ .. ฉันได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับวิธีนี้จะทำให้เกิดปัญหากับความเร็วใน

การหมุนของเราเช่นกัน
โลกหมุนเร็วขึ้นอย่างอื่นที่ฉันคาดไว้และเริ่มเป็นหัวข้อข่าวในเดือนมกราคม

หลายคนไม่ได้เป็นผู้นำคำเตือนและเรียกพวกเขาว่า "คนตื่นตระหนก" เมื่อเราทำถูกต้องมากกว่าข่าวส่วนใหญ่และ "นักวิทยาศาสตร์" เป็น ... (พวกเขาซ่อนข้อมูลไว้จนกว่าจะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป)

เพียงเพื่ออธิบายว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร - การเดินทางทางภูมิศาสตร์เช่นการผกผันของ geomagnetic เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสนามแม่เหล็กของโลก ซึ่งแตกต่างจากการผกผันการทัศนศึกษาไม่ใช่การปรับทิศทางสนามขนาดใหญ่แบบ "ถาวร" แต่เป็นการแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นที่น่าทึ่งโดยปกติ (ทางธรณีวิทยา)

ความหมายสั้น ๆ นี้ -
ประมาณ 42,000 ปีก่อนในเหตุการณ์ที่เรียกว่า Laschamp Excursion ชาวโปแลนด์ได้ทำเช่นนั้นมาประมาณ 800 ปีก่อนที่จะย้อนเวลากลับไป
เรามาสายสำหรับทั้งหมดนี้ ...
ฉันต้องการที่จะ ega











แบ่งปันและแปล เรียบเรียง จาก Michel Laplante

 

ภาพถ่ายฝุ่นทราย ซาฮารา จากนาซา
วันที่ 18-19 ก.พ. ที่ผ่านมา ฝุ่นทรายขนาดใหญ่ลอยเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก ขนาดเนื้อที่ใหญ่กว่าเกือบสองเท่าของ ยุโรปตอนกลางและตอนใต้รวมกัน / หรือเนื้อที่ 1ใน 3 ของสหรัฐ
#19 ก.พ. กระแสลมจากพายุ และกระแสลมในมหาสุมทรแอตแลนติก ฝุ่นทรายอาจพัดเข้าปกคลุมกลุ่มประเทศยุโรป อีกครั้ง
ภาพ : Scottduncanwx








แบ่งปันจาก
World Forum ข่าวสารต่างประเทศ

 

โดยปกติแล้วตำแหน่งที่อยู่ขวาสุดของครึ่งวงกลมจะอยู่ที่ต้นน้ำจากโลกประมาณ 10 รัศมีโลก (RE) ตำแหน่งขอบเขตดวงอาทิตย์ที่สุดเรียกว่าขอบเขต magnetopause ของ สนามแม่เหล็กโลก

Usually, the right-most position of the semi-circle is about 10 Earth-radii (RE) upstream from Earth. The most-sunward boundary position is called the magnetopauseboundary of the magnetosphere. https://ccmc.gsfc.nasa.gov/support/...FSoaFids91YEAafL8iFa-5zFbxOjnvIKA7exEu8HjuxKw

 

เมืองแทกูดำเนินการตามคำสั่งปกครองพิเศษตามสถานที่ทำงานที่มีแรงงานต่างชาติตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ให้เข้ารับการตรวจหาโควิด-19

ระยะเวลาคำสั่งปกครองพิเศษคือตั้งแต่วันที่ 22 ถึง 28 กุมภาพันธ์นี้

ตามคำสั่งปกครองพิเศษแล้ว นายจ้างควรจะต้องทำการตรวจสอบหาผู้มีอาการโควิด-19 ในสถานที่ทำงานที่มีแรงงานต่างชาตืทำงานอยู่ในสถานที่ พงานตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และรายงานผลการตรวจให้ทางรัฐท้องถิ่นแทกูทราบหากมีผู้ได้รับการยืนยันการติดเชื้อ

โดยแรงงานต่างชาติสามารถตรวจหาโควิดได้ฟรีที่ศูนย์บริการสาธารณสุขโดยไม่คำนึงถึงสถานะการพำนักอยู่อย่างผิดกฎหมายแต่อย่างใด โปรดให้ความร่วมมือ

 

20.02.21

ยานสำรวจ "Perseverance" ความหวังของ มวลมนุษย์ชาติ ที่มีมูลค่ามากกว่า 2 หมื่นล้าน Kr ลงจอดอย่างสวยงามบนดาวอังคาร โดยจะปฏิบัติภารกิจเก็บตัวอย่างดินจากดาวอังคารและส่งข้อมูลกลับมายังโลก เพื่อตรวจสอบกระบวนการทางธรณีวิทยาที่พื้นผิวดาวอังคาร และ ค้นหาสิ่งมีชีวิตที่อาจเคยมีอยู่ในอดีตกาล

1.ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ กับ กระสวยอวกาศ Atlas V ที่บรรทุก อากาศยานไร้คนขับควบคุมระยะใกล Perseverance ภายไต้โครงการ Mars 2020 ได้ลงจอดอย่างสวยงามบนดาวอังคาร เมื่อวันที่ 18.02 เวลา 21.15 น (เวลานอร์เวย์) หลังจากการเดินทางรอนแรมในห้วงอวกาศนานกว่า 7 เดือน นำความภาคภูมิใจมาให้กับ หลายประเทศที่มีส่วนร่วมกันพัฒนาโครงการนี้เป็นอย่างมาก ได้แก่ ฝรั่งเศส/สเปน/นอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา

2.หนึ่งในหลายประเทศที่มีส่วนร่วมในหารพัฒนา คือ ประเทศนอร์เวย์ ที่ได้พัฒนา ระบบเรดาร์สำรวจพื้นผิวทางธรณีวิทยา (georadar) ชื่อว่า Rimfax โดย สถาบันวิจัยของกองทัพนอร์เวย์ร่วมกับ Norwegian Space Agency และ บริษัทหลายแห่งในนอร์เวย์ ถูกติดตั้งบนยาน Perseverance นอกจากนี้ Nasa จะทำการบิน เฮลิปคอบเตอร์ ชื่อว่า Ingenuity ที่มีลักษณะคล้าย โดรนขนาดเล็กติดตั้งไปกับยาน ซึ่งสามารถถ่ายภาพสี และวิดีโอ จะถูกบังคับจากระยะไกลโดย Håvard Fjær Grip นักนักเทคโนโลยีการวิจัยหุ่นยนตร์ ชาวนอร์เวย์ จากเมือง Trondheim (รูปในข่าวคุณ Håvard ยิ้มแก้มปริเลยค่ะ)

3.นับว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของความสำเร็จในเวทีระดับโลกของ ประเทศนอร์เวย์ ค่ะ ยานสำรวจ Perseverance จะยังคงอยู่บนดาวอังคาร อีกหลายปีเพื่อทำการสำรวจ ประมาณการว่าอาจจะอยู่บนดางอังคารจนถึงปี 2031 ยาน Perseverance ติดตั้งกล้องความละเอียดสูงทั้งหมด 23 ตัว

4.สำหรับ Ingenuity NASA ต้องการทดลองว่า อากาศยานประเภทนี้สามารถบินขึ้นบนดาวอังคารได้จริงหรือไม่ โดย สามารถบินได้ครั้งละไม่เกิน 300 เมตรต่อวัน เป้าหมายคือ ควรจะบินขึ้นได้ 5 เที่ยวต่อวัน เพื่อถ่ายภาพ และ ทดลองบิน เนื่องจากสภาพอากาศอันเลวร้ายบนดาวอังคาร Ingenuity จึงต้องมีน้ำหนักเบาที่สุดเพียง 1.8 กิโลกรัม ในขณะเดียวกันใบพัดจะต้องหมุนเร็ว และ ใช้พลังงานเยอะมากเพื่อยกตัวให้บินขึ้นได้ เมื่อแบตเตอรี่หมด Ingenuity จะลงจอดและชาร์จแบตเตอรี่ โดย แผงโซลาร์เซลล์

ใครที่สนใจสามารถติดตามภาระกิจของ ยาน Perseverance และ Ingenuity ได้ทางเวปไซต์ https://mars.nasa.gov/mars2020

.............................

อ่านรวมข่าว & มาตรการโคโรนา ของ ประเทศนอร์เวย์
http://norgetiltak.blogspot.com

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

อ่าน คำคมข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/norgeutrykk


#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway


ผู้ทำข่าวต้นฉบับ :
Anders Brekke : Journalist

ข่าวต้นฉบับ NRK :
https://www.nrk.no/.../her-lander-_perseverance_-pa-mars...

 

อัพเดตล่าสุดเช้าวันนี้ (20/2/64) พายุโซนร้อน “ตู้เจวียน (DUJUAN)” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกมีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศฟิลิปินส์ในช่วงวันที่ 21-22 ก.พ. 64 และหลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลง โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย (“ตู้เจวียน (DUJUAN) หมายถึงกุหลาบพันปี ตั้งชื่อโดยประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน”)












แบ่งปันจาก
กรมอุตุนิยมวิทยา

 

เมื่อชายชราคนหนึ่งล้มขยับตัวไม่ได้กว่า 16 ชั่วโมง
ความหวังสุดท้ายจึงไปตกอยู่กับแมวที่เขาเลี้ยงไว้

—————————————————————

รอน วิลเลียม ทหารผ่านศึกวัย 84 ปี ชาวอเมริกัน
รับเลี้ยงแมวเพศผู้ตัวหนึ่งมาจากเพื่อนของเขา
และตั้งชื่อมันว่า ฟลัฟฟี่

รอนอาศัยอยู่ในบ้านคนเดียวมาตลอด
เขาคิดว่าการเลี้ยงสัตว์จะช่วยให้เขาไม่เหงา และทำให้สภาพจิตใจดีขึ้น
จึงได้ตัดสินใจเอาฟลัฟฟี่เข้ามาเป็นครอบครัว

ด้วยวัยที่เริ่มจะช่วยตนเองได้น้อยลง
รอนจึงได้ซื้อสายรัดข้อมือซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ฉุกเฉิน
สำหรับเรียกรถพยาบาลในเวลาที่เขาบาดเจ็บ

แต่อุบัติเหตุมักมาในเวลาที่เราไม่คาดคิด
เช้าวันหนึ่งรอนได้ถอดอุปกรณ์นี้ไปชาร์จไฟเนื่องจากแบตเตอรี่ใกล้หมด และเขาได้เข้าไปอาบน้ำ

รอนอาบน้ำเรียบร้อย กำลังก้าวออกจากห้องน้ำ
เท้าของเขาลื่นเข้ากับพื้นที่เปียกน้ำ
ตัวของรอนหงายหลังฟาดกับพื้นอย่างรุนแรง

ด้วยวัยขนาดนี้
การล้มอย่างรุนแรงมันทำให้ร่างกายของเขาบาดเจ็บยิ่งกว่าวัยปกติหลายเท่าตัว

รอนไม่สามารถขยับตัวได้เลย
และแขนข้างหนึ่งของเขาก็กระแทกกับพื้นจนผิดรูป
และถูกตัวทับจนยกไม่ขึ้น

เป็นเวลาตั้งแต่แปดโมงเช้า จนถึงเที่ยงคืน
ที่รอนนอนอยู่ในสภาพนี้

รอนหมดหวังกับชีวิต
และเสียใจที่จะต้องมาเสียชีวิตด้วยสภาพแบบนี้

ระหว่างที่เขากำลังร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
ขนปุยนุ่มของสัตว์ชนิดหนึ่ง
ก็เข้ามาถูเข้ากับที่หน้าของเขา

“ฟลัฟฟี่!!”
รอนเรียกแมวของเขา
สิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งเดียวที่อยู่ในบ้านนั้น

ทันใดนั้นรอนก็นึกอะไรออก
ใช่แล้ว เขาเอาโทรศัพท์มือถือวางไว้บนโต๊ะ

“ฟลัฟฟี่ ริงอะดิง”

“ริงอะดิง ฟลัฟฟี่”

ริงอะดิง (Ring a ding)
เป็นคำเรียกโทรศัพท์มือถือที่รอนใช้กับฟลัฟฟี่
เขาจะบอกฟลัฟฟี่เสมอว่า ริงอะดิง ทุกครั้งที่มีเสียงเรียกเข้า

แต่เขาไม่เคยใช้ฟลัฟฟี่เอาโทรศัพท์มาให้เขามาก่อนเลยในชีวิต

“ริงอะดิง ฟลัฟฟี่...ได้โปรด”
“นายเป็นเพียงความหวังเดียวของฉัน”
รอนผู้หมดหวังบอกกับฟลัฟฟี่

ฟลัฟฟี่ยืนอยู่สักพัก มันก็หายไปในความมืด

“มันคงเป็นไปไม่ได้ ฟลัฟฟี่จะเข้าใจได้อย่างไร”
รอนตัดพ้อ เขาหมดหวังกับชีวิต

และทันใดนั้นเอง

“ตุ๊บ!!!!”

เสียงโทรศัพท์มือถือ หล่นลงมาที่มือของรอน

“ฟลัฟฟี่!!” รอนตะโกนร้องไห้โฮ
เขาไม่คิดว่าในชีวิตนี้ฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตเขาไว้จะเป็นแมว

รอนกดโทรศัพท์เรียก911
และรถพยาบาลก็มารับเขาไปรักษาอย่างปลอดภัย

“ตอนนั้นผมรู้สึกโล่งใจประมาณล้านครั้งได้
ถ้าไม่มีเขาผมคงตายไปแล้วในวันนี้”
รอนอธิบายความรู้สึกในตอนนั้น

“เขาคือฮีโร่ของผม และเขาจะเป็นตลอดไป
เราจะไม่มีวันจากกันจนกว่าผมจะตาย”

 

BREAKING : พนักงานเก็บค่าโดยสาร รถปรับอากาศ สาย A3 กะบ่าย เป็นผู้หญิง ติดเชื้อ #โควิด19

พักอาศัยอยู่หมู่บ้านกฤษณา 1 ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี

พบว่าพนักงานรายนี้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ทำงาน มีประวัติไปตลาดพรพัฒน์หลายวัน พบเชื้อวันที่ 19 ก.พ.

ขสมก. ได้ให้พนักงานขับรถที่ร่วมงานกับผู้ติดเชื้อ 3 คน ไปตรวจหาเชื้อโควิดแล้ว

 

สรุปเรืองวันลา และค่าจ้างในแผ่นเดียว...

เช้านี้ขอตัดบางตอนจากหนังสือเล่มดำมาเล่าให้ฟังครับ

มาตรา 5 ได้ให้คำนิยามคำว่า "วันลา" วันที่ลูกจ้างลาป่วย ลาเพื่อทำหมัน ลาเพื่อกิจธุรอันจำเป็น ลาเพื่อรับราชการทหาร ลาเพื่อการฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถ หรือลาเพื่อคลอดบุตร

ตามคำนิยามการลามี 6 ประเภท ซึ่งสิทธิในการลา และสิทธิการได้รับค่าจ้างมีดังนี้

1. ลาป่วย
-สิทธิ
ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วย "เท่าที่ป่วยจริง" (จะกี่วันก็ได้) แต่ถ้าลาตั้งแต่ 3 วันขึ้นไปต้องมีใบรับรองแพทย์ เพราะนายจ้างอาจขอดูใบรับรองแพทย์ได้

-ค่าจ้าง
แม้จะลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง แต่ค่าจ้างได้ไม่เกิน 30 วันต่อปี

2. ลาเพื่อการทำหมัน
-สิทธิ
กฎหมายกำหนดให้ลาได้ตามที่แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งกำหนด และออกใบรับรองให้
-ค่าจ้าง
จ่ายตามจริงที่ลา

3. ลาเพื่อกิจธุระอันจำเป็น
-สิทธิ
ลาได้ไม่น้อยกว่า 3 วันต่อปี
-ค่าจ้าง
ได้ไม่เกิน 3 วันต่อปี

4. ลาเพื่อการฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้
-สิทธิ
สามารถลาไปเพื่อการ 2 อย่างคือ ก) ลาไปสอบวัดผล กับ ข) ลาไปฝึกอบรมพัฒนาตามหลักสูตร โดยจำนวนวันที่ลาได้คือ 3 ครั้ง หรือ 30 วัน เช่น ถ้าลาครั้งแรก 1 วัน ครั้งที่สอง 1 วัน ครั้งที่สาม 3 วัน เช่นนี้จะลาอีกไม่ได้เพราะถือว่าลาครบ 3 ครั้งแล้ว แม้จะยังลาไม่ครบ 30 วันก็ตาม
-ค่าจ้าง
กฎหมายไม่ได้บัญญัติรองรับเรื่องสิทธิในการได้รับค่าจ้างเอาไว้

5.ลาคลอดบุตร
-สิทธิ
ลาได้ 98 วัน โดยเป็นการลาเพื่อ ก) ตรวจครรภ์ ข) ลาก่อนคลอดบุตร ค) ลาคลอดบุตร ง) หลังคลอดบุตร โดยลูกจ้างจะต้องวางแผน 4 ช่วงเวลาให้อยู่ใน 98 วัน
-ค่าจ้าง
ได้ค่าจ้างจากนายจ้าง 45 วัน (ขอรับจากประกันสังคมได้อีก 45 วัน) เหลือ 8 วันไม่ได้ค่าจ้างหรือเงินช่วยจากประกันสังคม

ลูกจ้างทุกคนมีสิทธิได้รับไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างประจำ ลูกจ้างทดลองงาน ลูกจ้างรายวัน ลูกจ้างรายเดือน และไม่ว่าจะเรียกชื่อว่าอะไร เช่น เรียกว่าพนักงานประจำ พนักงานชั่วคราว ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ ทุกคนมีสิทธิได้รับสิทธิในเรื่องวันลาเหมือนกันหมด

 

รองผู้ว่าฯ เยี่ยมการตรวจหาภูมิในโรงงานเป้าหมาย Bubble & Seal
เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายเเพทย์สุรวิทย์ ศักดานุภาพ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครและคณะ เข้าตรวจเยี่ยมการตรวจหาภูมิคุ้มกันในกลุ่มแรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติที่อยู่ภายใต้มาตรการ Bubble & Seal ในโรงงานกลุ่มเป้าหมาย ณ บริษัทไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งวันนี้ได้ดำเนินการตรวจพนักงานมาเป็นวันที่ 5 แล้ว มีแรงงานของบริษัทฯ ที่ต้องเข้ารับการตรวจรวมทั้งสิ้นประมาณเกือบ 10,000 คน เฉลี่ยวันละราวๆ 2,000 คน
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า สำหรับการตรวจหาภูมิคุ้มกัน (Antibody) นี้ จะดำเนินการเฉพาะในสถานประกอบการหรือโรงงานเป้าหมายเท่านั้น ซึ่งระยะแรกสมุทรสาครได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 15 – 19 กุมภาพันธ์ 2564 มีโรงงานเป้าหมาย 9 แห่ง แบ่งเป็นโรงงานที่ดำเนินการตามมาตรการ Bubble จำนวน 7 แห่ง และ มาตรการ Seal อีกจำนวน 2 แห่ง มีแรงงานเป้าหมายทั้งหมดประมาณ 40,000 กว่าคน โดยได้ดำเนินการตรวจครบทุกราย ส่วนตัวเลขผู้พบภูมิคุ้มกัน (Antibody) ณ ขณะนี้ยังมียอดที่น้อยมาก เนื่องจากว่าต้องรอผลอีกระยะหนึ่ง โดยทางสาธารณสุขจังหวัดได้ตั้งเป้าว่าจะพบผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอยู่ที่ราวๆ 30 – 40 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องทำ Bubble & Seal ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ส่วนภายหลังจากวันที่ 28 กุมภาพันธ์ไปแล้วนั้น สำหรับโรงงานที่ดำเนินการตามมาตรการ Bubble & Seal มาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ก็จะไม่มีการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวต่อไปอีก ยกเว้นในส่วนของโรงงานหรือสถานประกอบการรายใหม่ที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการ Bubble & Seal เช่นเดียวกัน
ด้าน ทนพ. (เทคนิคการแพทย์) วินัย นามธง เจ้าหน้าที่จากสมาคมเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการตรวจหา Antibody ในกลุ่มแรงงานด้วยวิธี แรพบิทเทส นั้นก็พบผู้ที่มีภูมิคุ้มกันประมาณร้อยละ 20 แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็น แอนตี้บอร์ดี้ชนิดไหน ดังนั้นจะต้องนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการพิเศษ เพื่อหาชนิดของแอนตี้บอร์ดี้ที่เกิดขึ้นว่าเป็นชนิดไหนกันแน่ แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้คือ แรงงานคนนั้นเคยรับเชื้อมา แล้วร่างกายมีความแข็งแรงทำให้เชื้อโรคไม่สามารถทำร้ายร่างกายของเขาได้ ส่วนในอนาคตจะเป็นอย่างไรก็จะต้องมีการติดตามผลกันต่อไป
สำหรับการตรวจหาภูมิคุ้มกันในกลุ่มแรงงานเป้าหมาย 40,000 กว่ารายนี้ จะใช้วิธีการตรวจทั้งหมด 3 วิธี คือ 1. แรพบิทเทส เป็นการตรวจที่หน้างาน,2.ตรวจแบบอีไลซา (ELISA) โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นการทดสอบที่ใช้แอนติบอดี้และการเปลี่ยนแปลงของสีในการวิเคราะห์หรือหาตัวตนของสาร นิยมใช้ในการหาความเข้มข้นของแอนติเจนในสารละลาย และเป็นวิธีที่ใช้สำหรับการวินิจฉัยทางการแพทย์ รวมไปถึงการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ในโรงงานเช่นกัน และ 3.ตรวจแบบ neutralizing antibody โดยแลปโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งภายหลังจากนี้ทางสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร จะดำเนินการตรวจหาภูมิคุ้มกันอีกครั้งประมาณต้นเดือนมีนาคม 2564 โดยจะตรวจซ้ำในกลุ่มแรงงานเป้าหมายที่เคยตรวจครั้งแรก (15-19 ก.พ.) แล้วยังไม่พบภูมิคุ้มกัน

 

รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนที่จะแก้ไขกฎหมายคนเข้าเมือง เพื่อเปิดทางให้ชาวต่างชาติที่ได้รับคำสั่งให้ออกนอกประเทศ สามารถพักอาศัยกับญาติได้จนกว่าจะเดินทางออกจากญี่ปุ่น

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจเรื่องร่างกฎหมายฉบับแก้ไขดังกล่าวในวันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ เพื่อรับมือชาวต่างชาติจำนวนมากขึ้นที่ถูกควบคุมตัวไว้ในสถานที่ของรัฐบาลหลังจากไม่ยอมเดินทางออกจากญี่ปุ่น

ร่างกฎหมายฉบับแก้ไขนี้จะเปิดทางให้ผู้ที่ถูกส่งตัวออกนอกประเทศสามารถอาศัยอยู่กับญาติหรือผู้ให้การสนับสนุนได้จนกว่าจะเดินทางออกจากญี่ปุ่น หากพวกเขาผ่านเงื่อนไขที่กำหนดไว้บางประการ เช่น ต้องไม่มีความเสี่ยงที่จะหลบหนี

นอกจากนี้ ร่างกฎหมายฉบับแก้ไขดังกล่าวยังรวมถึงข้อกำหนดที่อาจลดระยะเวลาการห้ามเดินทางกลับมายังญี่ปุ่นสำหรับผู้ที่ถูกส่งตัวออกนอกประเทศ จาก 5 ปีเหลือ 1 ปีในเชิงหลักการ หากคนกลุ่มนี้เดินทางออกจากญี่ปุ่นโดยออกค่าใช้จ่ายเอง

รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนที่จะยื่นร่างกฎหมายฉบับแก้ไขที่การประชุมรัฐสภาญี่ปุ่นสมัยปัจจุบัน

ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/news/

 

คณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญของรัฐบาลญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้ผู้คนเฝ้าระวังแผ่นดินไหวกำลังแรงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันนี้ หลังจากที่เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ ได้เกิดแผ่นดินไหวที่มีขนาดหรือแมกนิจูด 7.3 ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงในจังหวัดมิยางิและจังหวัดฟูกูชิมะ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น โดยการสั่นสะเทือนวัดความรุนแรงได้สูงสุดถึงระดับ 6+ ตามมาตรวัดของญี่ปุ่นที่มีตั้งแต่ระดับ 0 ถึง 7
ในสัปดาห์นี้ เราได้เสนอข้อมูลเกี่ยวกับวิธีรับมือยามเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ และในวันนี้จะเน้นเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อแผ่นดินไหวทำให้เส้นชีวิตต่าง ๆ ถูกตัดขาด เช่นไฟฟ้าและประปา
ก่อนอื่น แผ่นดินไหวใหญ่อาจทำให้น้ำประปาไม่ไหล และหากเป็นเช่นนั้นก็อาจไม่มีน้ำสำหรับส้วมชักโครก ดังนั้นจึงควรเก็บน้ำไว้สำหรับใช้ในครัวเรือน โดยวิธีหนึ่งคือการเก็บน้ำไว้ในอ่างอาบน้ำ แต่หากที่บ้านมีเด็กเล็ก ก็มีอันตรายว่าเด็กอาจตกน้ำในอ่างอาบน้ำที่ว่านี้ได้ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังให้ดี
สิ่งอื่น ๆ ที่ควรรับรู้ไว้ก็คือ
1) ส้วมและสบู่สำหรับใช้ฉุกเฉินสามารถซื้อหาได้หลายที่ในญี่ปุ่น
2) ควรสะสมทิชชูเปียกสำหรับเช็ดมือเตรียมเอาไว้
3) เราสามารถประหยัดน้ำล้างจานได้ด้วยการใช้ฟิล์มรองบนภาชนะก่อนตักอาหารใส่ภาชนะนั้น
นอกจากนี้อาจเกิดเหตุไฟฟ้าดับหลังแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เช่นกัน หลายคนอาจคิดว่าไฟฟ้าดับหมายความว่าจะไม่มีแสงสว่าง แต่ในความเป็นจริงไม่ได้มีเพียงแค่นั้น เพราะหากไฟฟ้าดับ เราก็จะไม่สามารถรับรู้ข้อมูลผ่านทางโทรทัศน์หรือทางสมาร์ตโฟนได้ ดังนั้นจึงควรเตรียมพร้อมเช่นนี้
1) เตรียมไฟฉายขนาดเล็กไว้มาก ๆ
2) เตรียมไฟฉายแบบห้อยคอหรือไฟฉายคาดศีรษะไว้ในที่ใกล้ตัว
3) เตรียมไฟฉายขนาดใหญ่เอาไว้หากต้องการอยู่กับบ้านหลังเกิดแผ่นดินไหว ทั้งนี้ไฟฉายแบบ LED สามารถใช้ได้สะดวก โดยเฉพาะในยามที่ไฟดับต่อเนื่องเป็นเวลานาน
การรวบรวมข้อมูลจะทำได้ง่ายขึ้นมากหากว่ามีวิทยุพกพาหรือแบตเตอรี่สำรองสำหรับสมาร์ตโฟน นอกจากนี้ยังควรคำนึงด้วยว่าแก๊สอาจเป็นเส้นชีวิตอย่างสุดท้ายที่ได้รับการฟื้นฟูหลังเหตุแผ่นดินไหว แต่หากมีอุปกรณ์ประกอบอาหาร เราก็จะสามารถรับประทานอาหารที่อุ่นร้อนได้ ดังนั้นถ้าต้องการใช้เตาแบบพกพา ก็อาจต้องใช้แก๊สกระป๋อง 6 กระป๋องต่อคนต่อสัปดาห์
ติดตามรายละเอียดของข่าวอื่น ๆ ได้ที่นี่
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/th/...foVshq-FqIHtZToRdtskhCyAeHF6S112WxyzP4cY8plwM