นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สธ.และ ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ.พร้อมผู้บริหาร สธ.ได้มอบหมายภารกิจให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีกว่า 1 ล้าน 5 หมื่นคนทั่วประเทศ ให้บอกต่อเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยหลักการคือ การลงพื้นที่เข้าไปสร้างความรู้ ความใจ รวมถึงความมั่นใจการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน
พร้อมทั้งร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสำรวจประชาชนในพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบว่า มีประชาชนจำนวนเท่าไหร่ที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะเฟสแรกใน 13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา (ศบค.) เห็นชอบ เพื่อรวบรวมข้อมูลเสนอคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในการพิจารณาบริหารจัดการว่ากลุ่มเป้าหมายใดควรได้รับการฉีดก่อนหลังอย่างไร
นอกจากนี้ อสม.ต้องเข้าไปสร้างความเข้าใจเชิญชวนประชาชนลงทะเบียนผ่าน แอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” ที่เป็นช่องทางการสื่อสาร ตลอดจนติดตามอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ระบบนัดรับวัคซีน และการรายงานผลแก่เจ้าหน้าที่ ซึ่งจะเริ่มฉีดประชาชนกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่เดือน มี.ค.เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน กลุ่มที่ไม่มีเครื่องมือสื่อสารสมาร์ทโฟน เช่น จ.นนทบุรี ที่สำรวจพบร้อยละ 10-20 ไม่มีสมาร์ทโฟน ก็เป็นบทบาทของ อสม.ที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือ โดยประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่
ทั้งนี้ ในส่วนของ อสม. เอง ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่สมัครใจรับการฉีดวัคซีนมากที่สุด ถึงกว่าร้อยละ 70
ที่มา https://www.thairath.co.th/news/society/2040149
#roundtablethailand
Roundtablethailand.com
ติดตามสถานะการณ์
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.
หน้า 5525 ของ 11176
-
-
ปัญหาน้ำประปาเค็มที่กำลังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าปัญหาน้ำเค็มจะรุกยาวขึ้นไปถึงเดือนพฤษภาคม โดยนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการวิจัยและพัฒนาเครื่องกรองน้ำแบบสกัดแยกเกลือออกจากน้ำประปา เพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาน้ำประปาเค็มที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้นในอนาคต คาดว่าหากพัฒนาสำเร็จจะนำออกมาให้บริการประชาชนในเร็ว ๆ นี้
ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล นักวิชาการด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า สาเหตุที่น้ำทะเลหนุนสูงในช่วงหน้าแล้งของทุกปี เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ น้ำทะเลจึงหนุนขึ้นมาปนกับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาโดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก รวมถึงจากแรงดันน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำปิง วัง ยม และน่าน ที่ลดลงในหน้าน้ำแล้งเนื่องจากถูกดึงไปทำการเกษตร มากถึง 70% และจากระบบประปา โดยน้ำผิวดินจากแหล่งที่นำไปผลิตน้ำประปามีความเค็ม การจะแก้ปัญหานี้ให้สำเร็จอย่างยั่งยืนต้องแก้ทั้งสามเรื่องดังกล่าวไปพร้อมกัน โดยเฉพาะเรื่องแรงดันน้ำต่ำ ที่ต้องดึงหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่เร่งด่วนไม่แพ้กันคือการดูแลคุณภาพน้ำดื่มสำหรับผู้บริโภค
ในเรื่องนี้ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ศ.อรุณ สรเทศน์ ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ได้เปิดให้บริการตรวจวัดค่าความเค็มของเกลือในน้ำด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ตรวจวัดที่ทันสมัยระดับโลก พร้อมให้คำแนะนำระบบบำบัดที่เหมาะสมกับปัญหามลภาวะแก่หน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนทั่วไป โดยตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี ศูนย์ได้ร่วมมือกับศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) ศึกษาวิจัยนาโนเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อแก้ปัญหาความเค็มในน้ำประปาด้วยวัสดุชนิดใหม่และใช้กระแสไฟฟ้าจับแยกอนุภาคเกลือออกจากน้ำ ซึ่งเรียกกระบวนการนี้ว่า “Electrodialysis”
อ.ดร.เจนยุกต์ โลห์วัชรินทร์ ผอ.ศูนย์ความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ศ.อรุณ สรเทศน์ กล่าวถึงงานวิจัยนี้ว่า การกรองน้ำปกติแบบ RO (Reverse Osmosis) นอกจากการใช้ RO Membrane แล้ว เรายังทำงานวิจัยเกี่ยวกับการใช้วัสดุกรองน้ำหรือเมนเบรนใหม่ ๆ ในการแยกเกลือออกจากน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเมมเบรนที่สามารถกักกรองอนุภาคระดับฟลูโอไรด์ที่มีขนาดเล็กละเอียดยิบมากที่สุดที่เรียกว่า Ultrafiltration Membrane และใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrodialysis) ผลักดันอนุภาคเกลือออกไปจากน้ำโดยใช้แรงดันน้ำน้อยแต่ได้คุณภาพน้ำที่ดีเช่นกัน
ประเด็นเทคโนโลยีทำน้ำเกลือให้จืดกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา คาดว่าอีกไม่ช้าทางศูนย์จะได้นำออกมาให้บริการกับประชาชน ซึ่งในระหว่างนี้ อ.ดร.เจนยุกต์แนะให้ผู้บริโภคดื่มน้ำที่ผ่านการระบบการกรองอย่าง RO (Reverse Osmosis) ให้ถูกวิธีเพื่อสุขภาพ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้น้ำที่สะอาด ปราศจากความเค็มจากโซเดียมคลอไรด์ แต่ก็ปราศจากแร่ธาตุทุกชนิดด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่เหมาะที่จะดื่มเป็นประจำเพราะจะทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุได้
“วิธีการที่ดีคือให้นำน้ำที่ผ่านกระบวนการ RO อย่างสมบูรณ์มาผสมกับน้ำที่ผ่านกระบวนการกรองระดับเบื้องต้น คือ กรองความขุ่น กรองกลิ่นคลอรีนและกำจัดความกระด้างของน้ำ อย่างนี้เราก็จะได้น้ำสะอาดที่มีความพอดี ไม่มีผลกระทบจากเกลือ แต่ยังคงมีแร่ธาตุสำคัญบางอย่างหลงเหลืออยู่” อ.ดร.เจนยุกต์แนะนำ
นอกจากการดูแลน้ำดื่มภายในครัวเรือนแล้ว วิศวกรสิ่งแวดล้อมทั้งสองชักชวนให้ทุกคนช่วยกันลดการใช้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อรักษาแรงดันน้ำในแม่น้ำให้เป็นปกติมากที่สุด รวมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้หรือสำรองน้ำในช่วงน้ำทะเลหนุนสูง (14.00–16.00 น.) ที่สำคัญลดการบริโภคอาหารรสเค็ม
ที่มา https://www.thaipost.net/main/detail/94395
#roundtablethailand
Roundtablethailand.com
-
27 ก.พ. 64 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นริศ หนูหอม รองหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ร่วมวิจัยในคลัสเตอร์ดิจิทัล ของเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (Research University Network Thailand หรือ RUN) กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหิดลได้มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะเร่งพัฒนางานวิจัย และนวัตกรรมต่างๆ โดยอาศัยความร่วมมือจากหลากหลายหน่วยงานทั้งภายใน และภายนอก เพื่อแก้ไขปัญหา และบรรเทาวิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยได้ร่วมสร้างนวัตกรรมระบบข้อมูลยา จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาแอปพลิเคชัน "กินยาแล้ว" เพื่อตรวจสอบชนิดยา และแจ้งเตือนการกินยา ซึ่งจัดทำเสร็จสิ้น และอยู่ในระหว่างการทดลองใช้ และโครงการพัฒนาระบบอัตโนมัติ AI สำหรับตรวจสอบความถูกต้องของการจัดยา เพื่อลดความแออัดของโรงพยาบาล และลดการติดเชื้อของเจ้าหน้าที่จัดยา ซึ่งเป็นโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการพัฒนา
ซึ่งจุดเด่นของแอปพลิเคชัน "กินยาแล้ว" คือการสามารถอ่านข้อมูลจาก QR Code เพื่อดึงข้อมูลรายการยาเข้าสู่ระบบการแจ้งเตือนเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยลืมกินยา อีกทั้งช่วยให้ผู้ดูแลสามารถทราบเวลาที่จะต้องจัดเตรียมยาให้ผู้ป่วย หรือย้ำเตือนผู้ป่วยไม่ให้ลืมกินยา สำหรับอีกโครงการเป็นการพัฒนาต่อยอดจากโครงการแรก โดยเชื่อมโยงระบบยาจากโรงพยาบาลสู่ผู้ป่วยผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งผู้ป่วยสามารถนำ QR Code ที่สร้างจาก Platform ไปรับยาจากร้านขายยาใกล้บ้านได้โดยไม่ต้องรอคิวรับยาที่โรงพยาบาล ซึ่งมีกลไกตรวจสอบความถูกต้องของการจัดยาด้วยระบบอัตโนมัติ AI โดยทีมผู้วิจัยจะดำเนินการยื่นจดสิทธิบัตรทางนวัตกรรมต่อไป
ผู้ป่วยมีความคาดหวังต่อการบริการดูแลรักษาสุขภาพที่มีความสะดวกสบาย และการเข้าถึงบริการที่ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤติ COVID-19 ที่โรงพยาบาลมีความแออัด ซึ่งระบบ AI จะเข้ามาช่วยลดความคลาดเคลื่อนในการจัดยา ตลอดจนช่วยแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้มีเวลามากขึ้นสำหรับการวางแผนเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดขึ้นได้ต่อไป
"คนที่อยู่รอดไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุด แต่เป็นคนที่ปรับตัวได้ดีที่สุด อนาคตจะเป็นอย่างไรอยู่ที่เราปรับตัว วิกฤติ COVID-19 ที่ผ่านมา ทำให้เราได้เรียนรู้ และปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากพวกเราคนไทยพร้อมร่วมแรงร่วมใจสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทย สุดท้ายเชื่อว่าเราก็จะสามารถผ่านวิกฤติต่างๆ ไปได้ในที่สุด"
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/924769
#RoundtableThailand
roundtablethailand.com
-
New York เป็นเมืองแรกในสหรัฐอเมริกาที่ต้องเผชิญหน้ากับไวรัสโควิด-19 และการแพร่ระบาดครั้งนี้ได้ทำให้ภาพของความเหลื่อมล้ำในสังคมชัดเจนขึ้น มีบางคนที่สามารถทำงานจากบ้าน หรือหนีไปอยู่ยังบ้านแห่งที่สองซึ่งห่างไกลจากการแพร่ระบาด ในขณะที่คนอีกจำนวนหนึ่งต้องเสี่ยงภัยทำงานในพื้นที่ของการแพร่ระบาด รวมไปถึงคนอีกจำนวนหนึ่งที่พบว่าตนเองตกงาน
ศูนย์นโยบายสาธารณะและความยากจนของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในเมือง New York ร่วมกับ Robinhood องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ต่อสู้กับปัญหาความยากจน ได้สำรวจปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำจากความแตกต่างด้านชาติพันธุ์ โดยสำรวจในประเด็นเรื่องอาหาร ที่อยู่อาศัย และการจ้างงาน
พบว่า เดิมในปี 2019 ก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อัตราความยากจนของคนผิวดำและคนละตินในเมืองนิวยอร์กสูงกว่าคนผิวขาวถึง 2 เท่าอยู่แล้ว แต่พอเข้าปี 2020 ซึ่งมีการแพร่ระบาดไวรัส ปัญหาความยากจนในหมู่ชาวอเมริกันที่ไม่ใช่คนผิวขาวยิ่งแย่ลงไปอีก
ความลำบากในการเข้าถึงอาหารพุ่งสูงขึ้นมาก ขณะที่อัตราการว่างงานทะยานขึ้นประหนึ่งจรวดที่พุ่งสู่ท้องฟ้า ในหมู่ผู้ตอบแบบสำรวจว่าตนสูญเสียรายได้ไปจากการแพร่ระบาดของไวรัส พบสัดส่วนดังนี้ 59% ในคนละติน 55% ในคนผิวดำ 43% ในคนผิวขาว
จากผลสำรวจในกลุ่มคนที่ตกงาน พบว่าพวกเขาเผชิญความยากลำบากหลายประการ ทั้งสายโทรศัพท์ต่อหน่วยงานรัฐที่ติดต่อไม่ได้ หรือการเข้าสู่เวปไซต์ช่วยเหลือคนว่างงานที่ยากลำบาก ทำให้การลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการคนว่างงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ชาวนิวยอร์กผิวดำและละติน เข้าถึงอาหารลำบากกว่าชาวนิวยอร์กผิวขาวถึง 3 เท่า โดยชาวนิวยอร์กเชื้อสายละตินเป็นกลุ่มที่เผชิญหน้ากับปัญหานี้สูงที่สุด โดย 57% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ประกาศว่าพวกเขาเคยพบปัญหาในการขาดแคลนอาหาร และบ่อยครั้งที่ต้องวิตกกังวลว่าจะไม่มีเงินเพียงพอซื้ออาหาร ในขณะที่ปัญหาเดียวกันนี้ได้ในชาวนิวยอร์กผิวดำประมาณ 50% และในกลุ่มคนผิวขาวแค่ 14%
#roundtablethailand
Roundtablethailand.com
ที่มา:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-02-24/the-unequal-pandemic-in-nyc
-
ข่าวเด่น‼️ หมอพยาบาลประเทศอินโดนิเซียฉีดวัคซีนSinovac แต่พบว่าติดโควิดหลังฉีดเข็มที่2 และพยาบาลวัย33เสียชีวิต
udn ไต้หวันรายงานวานนี้ สำนักข่าวแห่งหนึ่งของอินโดนิเซียรายงานว่า เป็นครั้งแรกที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตหลังจากได้รับวัคซีน
อินโดนิเซียได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนมาตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีจำนวนผู้รับวัคซีนราว 1.3ล้านคนของประเทศ
ข่าวล่าสุดมีหมอพยาบาลและนักศึกษาแพทย์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอินโดนิเซียฉีดจำนวนกว่า20ราย
อีกรายนึงคือพยาบาลชาวอินโดนิเซียวัย33ปี (Erny Kusuma Sukma Dewi) พบว่าเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนSinovac ของจีน ภายหลังสืบสวนพบว่า พยาบาลคนนี้หลังฉีดวัคซีนเข็มแรกได้8วันกลับพบว่าติดเชื้อโควิด (การฉีดเพียงเข็มแรกสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น) ต่อมาพบว่ามีอาการหนัก ทรุดลงอย่างรวดเร็ว และเสียชีวิต คาดว่าเป็นผลมาจากโรคประจำตัวที่มีด้วยเป็นเหตุให้เสียชีวิต
ตอนนี้ยังคงสืบสวนและเก็บสถิติต่อว่าวัคซีนSinovac ของจีนนั้นมีผลข้างเคียงหรือไม่อย่างไร แต่ถือเป็นเคสแรกที่พบผู้เสียชีวิตและติดเชื้อหลังจากฉีดวัคซีน
วัคซีนSinovac อยู่ในระยะทดลองครั้งที่3 และได้ฉีดให้แก่ประเทศตุรกีและบราซิลมาแล้ว ซึ่งผลประสิทธิภาพที่ฉีดในตุรกีคือ91.25% แต่บราซิลตัวเลขกลับอยู่ที่50.4%ซึ่งตัวเลขต่างกันเกินไปจนเกิดความสงสัย
อ่านบทความ>> Sinovac 1 เข็มและ2 เข็ม แบบไหนดี??
https://health.udn.com/health/story/121029/5277269
-
Sinovac แบบ1เข็มVS 2 เข็ม?! และผลตัวเลขประสิทธิภาพที่ฉีดในตุรกีและบราซิลต่างกันมากจนเกิดความสงสัย‼️
จากโพสก่อนเรื่องวัคซีนของจีนSinovac ที่แพทย์พยาบาลชาวอินโดนิเซียราว20กว่ารายฉีดถึง2เข็มแต่กลับติดโควิด และ1รายเสียชีวิต
อ่าน>>
ด้วยความที่ลูกเพจถามมากว่าฉีดแบบ1เข็มและ2ต่างกันอย่างไร แอดไปหาข่าวมาให้ค่ะ
คือในข่าวที่แปะลิงค์ด้านล่างของCNN และ Rueters มีการเขียนเปรียบเทียบวัคซีนแต่ละยี่ห้อและการฉีด และกล่าวว่าทำไมถึงควรฉีด2เข็ม โดยยกตัวอย่างวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคอื่นๆที่มีงานวิจัยมาซึ่งทางการแพทย์มากขอไม่อธิบาย เพราะกลัวผิด
ในข่าวRueters ได้พาดหัวว่า Sinovac says its COVID-19 vaccine more effective with longer dosing interval คือ วัคซีนSinovacนั้นจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเมื่อได้รับยาที่นานขึ้น ซึ่งการวิจัยนั้นแบ่งการฉีดเป็น2 ครั้งห่างกัน14วันอย่างต่ำ
และวัคซีนบางยี่ห้อ ทางอังกฤษได้เลื่อนระยะห่างการฉีดวัคซีนระหว่างเข็มแรกและเข็ม2จาก2สัปดาห์เป็น3-4สัปดาห์ และรอเก็บสถิติเพราะค่ดว่าการเว้นระยะห่างนานขึ้นจะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นรึไม่
ดังนั้นเทียบข่าวที่อินโดนิเซียมีแพทย์พยาบาลฉีดถึง2เข็มแต่ยังคงติดโควิดนั้น เพราะอาจมาจากการฉีดเว้นระยะไม่มากพอ คือไม่ถึง14วันตามที่แอดเคยแปลข่าวนี้ไป
ต่อมาข่าวจากCNN ภาษาจีน ได้กล่าวถึงวัคซีนโควิดยี่ห้อต่างๆ (ยาวมาก) แอดขอตัดกล่าวถึงเฉพาะSinovac - ตามรายงานข่าวกล่าวว่า วัคซีนของจีนนี้ ค่อนข้างพิเศษคือ เป็นการทดสอบรอบที่3โดยการฉีดให้แก่ประเทศต่างๆ อาทิ ตุรกี บราซิล เป็นต้น และล่าสุดคือที่อินโดนิเซียที่เป็นข่าวดัง
แต่ที่น่าสังเกตคือผลตัวเลขประสิทธิภาพที่ออกมาแต่ละประเทศนั้นต่างกันมากเกินไป คือ ตุรกี 91.25% แต่มาบราซิลกลับเป็น 50.4% ซึ่งถือว่าตัวเลขไม่มั่นคง และจนถึง ณ ปัจจุบันนี้ ยังไม่มีตัวเลขประสิทธิภาพสำหรับการฉีดแบบเข็มเดียวออกมาให้เห็น ผลที่ออกมานั้นล้วนมาจากการฉีดแบบ2เข็ม เว้นระยะ14วันทั้งสิ้น
และตัวเลขที่ออกมานั้นล้วนมาจากรายงานข่าว ซึ่งไม่มีผลวิจัยจริงๆ หรือนักวิจัยนักวิทยาศาสตร์ออกมาเผยแพร่เป็นรายงานทางการให้เห็นหรือการันตี ว่ามีการเชคผลเก็บผลโดยวิธีใด ทำให้หลายประเทศคลางแคลงใจในเรื่องนี้
ข่าวทางไต้หวันเองก็รายงานถึงเรื่องนี้ taiwannews ก็พูดถึงเรื่องนี้ว่า “ประสิทธิภาพของวัคซีนSinovacนั้นมีแต่50.4% ซึ่งห่างจากที่WHO ตั้งไว้ อีกทั้งฉีดที่ตุรกีและบราซิล ผลตัวเลขประสิทธิภาพนั้นต่างกันเกินไป น่าจะเป็นการยากที่ทำให้นานาชาติรับรองและเชื่อใจ”
ดังนั้นหากฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วควรใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังเช่นเคย ใส่หน้ากากอยามัย หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง อย่าชะล่าใจว่าฉีดแล้วรอด เพราะเข็มแรกมีประสิทธิภาพเพียง1/2เดียว และการฉีดทั้ง2เข็มควรเว้นระยะห่างอย่างต่ำ14วัน เพื่อให้ร่างกายใช้เวลาสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา การไปฉีดระยะเวลาใกล้กันน้อยกว่า14วัน ทำให้ประสิทธิภาพลดลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีงานวิจัยชิ้นใดบอกว่าสามารถป้องกันได้100% และฉีดแล้วจะไม่ติดโควิด ดังนั้นการป้องกันรักษาสุขอนามัยที่ดี เป็นตัวช่วยทำให้วัคซีนได้ผลอย่างหนึ่ง ที่ป้องกันได้ดี
ปอลอ มีลูกเพจมาเล่าว่าญาติที่ตุรกีฉีดSinovac รอบแรกไปแล้ว และรอฉีดรอบ2 และตอนนี้ผู้ติดเชื้อในตุรกีลดลงเยอะ หวังว่าที่ไทยจะได้ข่าวดีแบบนี้เร็วๆ
https://www.google.com.tw/amp/s/www.bbc.com/zhongwen/trad/science-55846146.amp
https://www.google.com.tw/amp/s/mobile.reuters.com/article/amp/idINKBN29N141
https://www.taiwannews.com.tw/ch/news/4101482
-
ภูเขาน้ำแข็งขนาดเกือบเท่ามหานครลอนดอน ได้แตกในทวีปแอนตาร์กติก
Brish antarctic survey
-
#News1feed : ตำรวจ PCT สนธิกำลังกองปราบปรามและ ปปง.เข้าตรวจค้น 4 จุดเป้าหมายยึดทรัพย์สินแม่เสี่ยโป้-พี่ชายและคนใกล้ชิด เป็นบ้านหรูย่านปิ่นเกล้า มูลค่า 43 ล้านบาท รถเบนซ์ รวมทั้งกระเป๋าแรนด์เนม เกี่ยวข้องกับเครือข่ายพนันออนไลน์
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9640000019474
.......................................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO
-
วันนี้ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านไทยคู่ฟ้าพอดแคสต์เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ว่า เป็นข่าวดีที่ประเทศไทยได้รับวัคซีนล็อตแรกเร็วกว่ากำหนด เพื่อให้ทันต่อการระบาดของไทย โดยยืนยันว่า
.
วัคซีนที่เหลือของแอสตราเซเนกา จะทยอยจัดส่งจากการผลิตของสยามไบโอไซเอนซ์ตามกำหนดการเดิมอย่างแน่นอน ทั้งนี้วัคซีนที่มาถึงประเทศไทยจะต้องผ่านการตรวจรับคุณภาพผ่านการรับรองรุ่นผลิตจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงจะสามารถกระจายวัคซีนไปยังประชาชนกลุ่มเป้าหมายแรกได้
.
รองโฆษกรัฐบาล กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จากข้อมูลการศึกษาในปัจจุบัน รวมทั้งจากผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน ระบุตรงกันว่า แม้การฉีดวัคซีนจะเป็นการลดอาการรุนแรงของผู้ป่วยติดเชื้อ แต่ยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนว่าวัคซีนป้องกันการติดเชื้อและลดแพร่กระจายของเชื้อได้
.
ดังนั้นประชาชนยังมีความจำเป็นจึงต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดต่อไป
-------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.naewna.com/politic/555630
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
-
สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายจอ โม ตุน ทูตเมียนมาประจำองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้ประชาคมโลกต่อต้านการก่อรัฐประหารในเมียนมาและดำเนินการรูปแบบต่างๆเพื่อต่อต้านกองทัพเมียนมา และคุ้มครองความปลอดภัยและความมั่นคงแก่ชาวเมียนมา
.
นายจอ โม ตุน กล่าวในฐานะคณะกรรมการตัวแทนสมัชชาแห่งสหภาพ ซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภาที่ได้รับการเลือกตั้งจากพรรคสันนิบาติเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ (เอ็นแอลดี) ของนางออง ซาน ซูจี ผู้นำเมียนมาที่ถูกกองทัพโค่นอำนาจ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
.
ทูตเมียนมา ประจำยูเอ็น กล่าวว่า กองทัพเมียนมายังคงใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ยิงและสังหารผู้ประท้วงโดยสันติตามท้องถนน ก่ออาชญากรรมต่อพลเรือน ใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมจับกุมสมาชิกรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ออกหมายจับโดยไม่มีเหตุทางกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนพื้นฐานของชาวเมียนมา
.
ทูตเมียนมา ขอให้ประชาคมโลกกดดันรัฐบาลทหารเมียนมาต่อไป และไม่ยอมรับหรือร่วมมือกับกองทัพ รวมทั้งไม่สนับสนุนสมาชิกรัฐสภาเมียนมาที่มาจากการเลือกตั้ง
-------------------------------
แหล่งข่าว
https://news.un.org/en/story/2021/02/1085902
https://edition.cnn.com/2021/02/26/asia/myanmar-military-coup-ambassador-un-intl/index.html
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/924802
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
-
27 ก.พ.64 - นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่าได้อ่านข่าวพัฒนาการทางการเมืองในเมียนมาด้วยความไม่สบายใจ ในฐานะ”ลูกหม้อเก่า”ของ กต. ที่ยังเชื่อมั่นในการทำงานและการตัดสินใจของเจ้ากระทรวงฯ คือท่านดอน ปรมัตถ์วินัย
.
ผมจึงต้องไปเสวนากับผู้หลักผู้ใหญ่ของกต.เพื่อหาข้อมูลเชิงลึกอีกด้านที่คนทั่วไปอาจไม่รู้ เพื่อจะได้เข้าใจในสิ่งที่ กต. ดำเนินการไป เพื่อประโยชน์สุขอันยั่งยืนของคนไทยคนเมียนมา และสมาชิกอาเซียนทั้งหมด
.
ขอสรุปเป็นข้อๆให้อ่านกันง่ายละกันนะครับ
.
(1) ไทยและเมียนมาเราเป็นประเทศเพื่อนบ้านในครอบครัวอาเซียนที่มีชายแดนติดต่อกันยาวกว่า 2400 กม. มีปัจจัยที่ละเอียดอ่อนเปราะบางหลายประเด็นที่สุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงของเราเช่น มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆตามแนวชายแดน มีแรงงาน <guest workers> กว่า2ล้านคน มีการค้าชายแดนในหลายจุดผ่านแดนที่รวมแล้วมีมูลค่าสูงที่เกี่ยวข้องกับคนมากมาย มีกิจกรรมลักลอบนำยาเสพติด นำแรงงานผิดกม.เกิดการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดน
.
มีโรคระบาดโควิดไหลเข้าออกตามแนวธรรมชาติบริเวณชายแดนเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ และที่สำคัญมากที่สุดคือ ตอนนี้สถานการณ์ทางการเมืองภายในของเมียนมากำลังทวีความรุนแรงซึ่งหากแตกหัก บานปลายจะกระทบต่อความมั่นคงของไทยและอนาคตของอาเซียนทั้งหมด
.
(2) ความยุ่งเหยิงของสถานการณ์การเมืองภายในเมียนมาทวีความซับซ้อนและหนักหน่วง เป็นวิกฤติที่เสมือนถูกตรึง รอแตกหัก ใกล้ระเบิด
.
ตรงนี้เป็นคำถามสำคัญที่สุดว่า แล้วไทยเราจะอยู่นิ่งเฉยไม่ขยับหรือทำอะไรเลย จะได้หรือ ?และถ้าเราควรจะขยับ จะขยับอย่างไร ? ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจปัญหาของเมียนมาให้ถ่องแท้ก่อน <reality on the ground> ไทยเรามีความปรารถนาว่า สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเมียนมาในตอนนี้ คือ การประคับประคองกัน / ดูแลประเทศไปด้วยกันอย่างถ้อยทีถ้อยปฏิบัติต่อกันอย่างที่เคยเป็น
.
แต่การณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อปรากฎว่ามีความพยายามใช้กม.โค่นกัน ลดบทบาทกัน จึงเกิดการยึดอำนาจรัฐประหารเมื่อวันที่ 1กพ. ที่ผ่านมา ที่เราทราบกัน
.
หลังรัฐประหารในเมียนมาเมื่อ 1 กพ ประชาชนเมียนมาและประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกไม่ยอม เกิดประท้วงต่อต้านเรียกร้องให้มีการคืนอำนาจ แต่ทหารเมียนมานั้นได้ชื่อว่าเคี่ยวมาก เมื่อยึดอำนาจแล้วจะคืนอำนาจตามแรงเรียกร้องกดดันของประชาชนก็ไม่น่าจะง่าย ดังนั้น ตอนนี้เราจึงเห็นการใช้กำลังเกิดขึ้น ซึ่งมีแววส่อว่าสถานการณ์จะย่ำแย่ลง
.
วิกฤติในเมียนมาครั้งนี้โอกาสบานปลายมีสูงมาก และเมื่อบานปลายแล้วก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่มากที่จะส่งผลกระทบกับไทยเราที่มีพรมแดนยาวติดต่อกันกว่า 2400 กม.อย่างหลีกเลี่ยงมิได้
.
สารพัดปัญหาจะถาโถมส่งผลให้เกิดเป็นผลเสียต่อประชาชนทุกฝ่ายเป็นลูกโซ่ ไม่ว่าต่อคนเมียนมา ต่อคนไทย ต่ออาเซียน และต่อภูมิภาคเอเชียโดยรวม แล้วเราจะมีส่วนช่วยแก้วิกฤตินี้ให้หยุดได้อย่างไร?
.
ข้อ ก.คืนอำนาจ ?
.
ข้อ ข.ปล่อยเลยตามเลย
.
ข้อ ค.ถอยคนละก้าวสองก้าวเพื่อหาทางออกที่ยอมรับกัน แล้วประคองกันพาบ้านเมืองเดินหน้าต่อ
.
ข้อ ก. และ ข้อ ข. คงเกิดยาก จะเกิดปัญหาเรื้อรังตลอดทาง ปชช.และบ้านเมืองจะเสียหายไม่หยุดหย่อน
.
ข้อ ค.ก็ยากมากเช่นกัน การประสานรอยร้าวแม้ยากสุด แต่ก็ยังพอมีโอกาสเกิด ยังพอเห็นแสงริบหรี่ปลายอุโมงค์ !
.
ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ ใครจะทำให้ข้อ ค. เกิดได้ คำตอบคือความปรารถนาดีและความไว้เนื้อเชื่อใจ (trust) ของทุกคนทุกฝ่าย ทั้งในและนอกเมียนมาร์ เรื่องนี้เปราะบางและละเอียดอ่อนมาก จึงต้องอดทน และอาจใช้เวลาเพราะ บางแง่มุมต้องค่อยเป็นค่อยไป บางแง่มุมต้องก้าวข้ามพิธีรีตอง บางแง่มุมต้องใช้ศาสตร์และศิลป์อย่างระมัดระวังแบบที่สุดของที่สุด (คือต้องพยายามประคองดุลยภาพให้มี/อยู่/เป็นไปตลอดทางจนถึงปลายทาง)
.
ดังนั้น ไทยในฐานะเพื่อนบ้านใกล้ชิดของเมียนมา และเราเป็นสมาชิกครอบครัวอาเซียนด้วยกัน เราจึงจำเป็นที่ต้องทำทุกอย่างที่เราสามารถทำในแนวนี้ได้ เพื่อให้สถานการณ์ในเมียนมาดีขึ้น
.
ตรงนี้ ต้องขอให้เพื่อนๆมองสิ่งที่ กต. พยายามดำเนินการอย่างใจเป็นธรรม อย่าเอาอคติเป็นที่ตั้ง คอยแต่กระแนะกระแหน เพราะมันไม่เกิดประโยชน์อะไร !
.
หวังว่าสิ่งที่ผมพยายามเรียบเรียงอธิบายนี้พอจะทำให้เพื่อนๆเข้าใจต่อสถานการณ์ทางการเมืองในเมียนมา ที่อาจส่งผลกระทบต่อไทยเราและอาเซียนนะครับ
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://www.thaipost.net/main/detail/94437
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
-
#มีลุ้น คลังจ่อเยียวยา "ข้าราชการ" 1 ล้านคน เป็นคิวถัดจาก "ม33เรารักกัน"
.
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดมาตรการเยียวยาข้าราชการ ตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งหากได้ข้อสรุปแล้ว จะมีการหารือร่วมกับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อรับนโยบายต่อไป
.
สำหรับหลักการเบื้องต้น ข้าราชการที่ระดับสูง จะไม่ผ่านเกณฑ์รับสิทธิเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากไม่ได้ถูกเลิกจ้าง และยังได้เงินเดือนอยู่ จะพิจารณาว่าจะช่วยข้าราชการระดับใด และวิธีการอย่างไรบ้างต่อไป ซึ่งมีข้าราชการอยู่ทั้งหมดกว่า 1 ล้านคน
Source https://www.prachachat.net/finance/news-621492
-
ซาอุกลายเป็นผู้ถูกล่า
ได้โพสท์เรื่องประเทศผู้ล่า vs ประเทศผู้ถูกล่าเมื่อวันก่อน ปรากฎว่ามีแฟนคลับหลายคนไม่เข้าใจการเปรียบเปรย จึงขอยกตัวอย่างเรื่องเจ้าชายซาอุฯที่กำลังเป็นผู้ถูกล่า โดยผู้ล่าอังเคิ้ลแซม
หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐที่มีการเล่นเป็นข่าวใหญ่เมื่อเร็วๆนี้ว่า MBS หรือเจ้าชายซาอุมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารนายJamal Khashoggi นักหนังสือพิมพ์ที่มีจุดยืนทางการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์กับพระองค์ นายคาซ็อคกี้เสียชีวิตในสถานกงสุลของซาอุฯในเมืองอิสตันบูลที่ประเทศตุรกีในปี 2018 เหตุการณ์สยองขวัญนี้ผ่านมาแล้ว3ปี แต่ทำไมหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐถึงได้กลับมาตีแผ่รายงานที่กระทบกระทั่งเจ้าชายซาอุฯ เหมือนกับว่าผู้ล่ากำลังแบล็คเมล์ผู้ถูกล่า
คงจำกันได้MBSโดนสื่อค่ายอเมริกาและและอังกฤษเล่นงานหนักในเรื่องการเสียชีวิตของนายคาซ็อคกี้ว่าพระองค์มีส่วนเกี่ยวข้องในตอนนั้น จนทำให้MBSแทบที่จะไม่มีที่ยืนในสังคมประชาคมโลก
เบื้องลึกที่แท้จริง MBSเบี้ยวไม่ยอมซื้ออาวุธกับบริษัทค้าอาวุธของสหรัฐ แม้ว่าจะมีการเซ็นสัญญาซื้อขายจำนวนหลายแสนล้านเหรียญกับทรัมป์เมื่อตอนทรัมป์รับตำแหน่งใหม่ๆ และอาสาเป็นเซลแมนพ่อค้าขายอาวุธ
ข้อตกลงซื้อขายอาวุธเหมือนเป็นการปล้นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของซาอุเลยทีเดียว ในขณะที่เงินท้องพระโรงร่อยหรอจากค่าใช้จ่ายทางการทำสงครามกับเยเมนที่เป็นภาระหนักมาก รายได้น้ำมันลดลงจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ ซาอุจำต้องแปรรูปบริษัทSaudi Aramco ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติเพื่อจะได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการเงิน
ที่สำคัญที่สุดคือ เจ้าชายซาอุต้องการดำเนินนโยบายที่บาลานซ์ โดยหันไปคบกับรัสเซียและจีนเพื่อถ่วงดุลกับสหรัฐ และเพื่อที่จะลดแรงกดดันในการเผชิญหน้ากับอิหร่าน เพราะว่าเจ้าชายซาอุ ทราบดีว่าถ้าต้องรบกับอิหร่าน ซาอุฯจะแพ้อย่างย่อยยับอย่างรวดเร็ว เจ้าชายซาอุต้องการซื้ออาวุธรัสเซีย และจีน และต้องการขายน้ำมันเป็นเงินหยวนให้กับจีนแลกกับสินค้าจีนและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้MBSในใจลึกๆต้องการกลับมารื้อสัมพันธ์กับอิหร่านเพื่อความอยู่รอด
แต่ฝันไปแล้ว ผู้ล่าไม่ยอมให้ผู้ถูกล่าดำเนินการนโยบายที่แตกแถวอย่างนี้เป็นอันขาด จึงนำไปสู่การใช้สื่อเพื่อเล่นงานMBSอย่างหนักในกรณีการเสียชีวิตของนายคาซ้อคกี้ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นการถูกเซ็ตอัพสร้างกับดักเพื่อเล่นงานMBS แน่นอนผู้ถูกล่าไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อกรด้วย ทำให้ต้องกลับมาซื้ออาวุธของบริษัทผู้ผลิตอาวุธสหรัฐ และล้มเลิกแผนการบาลานซ์ถ่วงดุลกับรัสเซีย จีนและอิหร่าน
มาในช่วงสมัยไบเดนในปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ล่าสหรัฐ และผู้ถูกล่าซาอุกำลังจะมีการรีเซ็ต คือปรับเปลี่ยนขบวนท่าอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้ซาอุเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของพันธมิตรสหรัฐ อังกฤษ นาโต้ อิสราเอล และประเทศอาหรับ เพื่อที่จะดำเนินนโยบายทางทหารที่เป็นปฏิปักษ์กับอิหร่านอย่างเต็มรูปแบบ
ผู้ล่าออกมากดดันซาอุว่า ก่อสงครามที่ไร้มนุษยธรรมในสงครามในเยเมนที่ทำให้ประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เสียชีวิต และอดตายเป็นจำนวนมาก สงครามนี้เพื่อกวาดล้างพวกนักรบรองเท้าแตะฮูติ ที่อิหร่านให้การสนับสนุนเร่ิมมาตั้งแต่ปี 2015แต่ไม่มีทีท่าที่จะจบลงอย่างง่ายๆ ซาอุคิดว่าจะปิดเกมสงครามได้อย่างรวดเร็วแต่่มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด การเริ่มสงครามมันง่าย แต่การเลิกมันยาก เพราะว่าโดนพวกฮูติใช้ขีปนาวุธยิงถล้มเข้าซาอุอยู่เนื่องๆ แต่ไม่เป็นข่าวใหญ่
ที่ตลกคือสหรัฐ อังกฤษและนาโต้ให้การสนับสนุนซาอุอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องขายอาวุธ (แทงกิ้วเวรี่มัช) การส่งทหารที่ปรึกษาเข้าไปร่วมรบช่วยติวเข้ม ช่วยอ่านข้อมูลดาวเทียบและช่วยวางยุทธศาสตร์ให้ แต่การรบกลับยืดเยื้อเหมือนกับเลี่ยงไข้่ เยเมนเป็นประเทศเล็กๆทางตอนใต้ของซาอุ แต่ทำไมยิ่งรบกับโจรกระจอกยิ่งยืดเยื้อ?
มาวันนี้ สหรัฐ อังกฤษ เริ่มมีจิตสำนึกขึ้นมากระทันหันมีการต่อว่า ซาอุว่าเลวร้ายมากที่ก่อสงครามเยเมนที่ไร้มนุษยธรรมทำให้คนบริสุทธ์ตายหลายแสนคน ทั้งๆที่ประเทศผู้ล่าอยู่เคียงข้างซาอุมาตลอด แถมขู่ว่าจะยกเลิกการขายอาวุธให้ซาอุ พร้อมกับออกข่าวคู่ขนวนกันว่า รู้นะว่าMBSมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารนายคาซ้อคกี้
โดนแบบนี้ ผู้ถูกล่าMBSเท่ากับโดนบีบเข้ามุมอับ ในนโยบายใหม่ของไบเดน ที่กำลังเตรียมการใหญ่ในสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับอิหร่าน
1. การเลี้ยงไข้อิหร่าน ต้องการคืนดีแต่ไม่คืนดี หลังจากทรัมป์ฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน
2. ส่งกำลังรบกลับเข้าไปในซีเรีย เพื่อถล่มอัสซาด ซึ่งจะทำให้ไอซิสกลับมาเข้มแข็งขึ้น
3. เพิ่มกำลังทหารในอิรัค
4. คงทหารหรือเพิ่มในอัฟกานิสถานในสงครามที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐ
5. ปกป้องความมั่นคงอิสราเอลอย่างเต็มที่
อิสราเอลต้องการให้ไบเดนเล่นไม้แข็งกับอิหร่าน การที่จะเป็นเช่นนั้นได้ ไบเดนต้องมีการรีเซ็ตความสำพันธ์กับซาอุ โดยที่อิสราเอลได้เข้ามาอยู่ในCentral Commandหรือศูนย์บัญชาการรบของสหรัฐในพื้นที่ตะวันออกกลางอย่างเต็มตัวแล้ว เท่ากับว่าซาอุและประเทศอาหรับท้ังหลายต้องแชร์ขอ้มูลข่าวกรองหรือความมั่นคงกับอิสราเอล
พร้อมกับนี้สหรัฐจะตั้งฐานทัพใหม่เพิ่มขึ้นในหลายจุดในซาอุ เพื่อเตรียมรับมือกับอิหร่าน
การขู่ที่จะยกเลิกการขายอาวุธให้ซาอุ การประนามเรื่องความไร้มนุษยธรรมของซาอุในสงครามเยเมน การออกข่าวว่าMBSมีส่วนรับรู้ในการสังหารนายคาซ็อคกี้ในเวลาที่ไล่เลี่ยกันจึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกเสียจากว่าเป็นการหักคอMBSให้จำยอมในนโยบายรีเซ็ต เพื่อว่าซาอุจะต้องให้สหรัฐตั้งฐานทัพเพิ่มในดินแดนของตัวเอง ร่วมมือกับอิสราเอลอย่างเปิดเผยในนโยบายที่เป็นปฏิปักษ์กับอิหร่าน และที่สำคัญ ซาอุต้องคอยประเคนเงินเพื่อซื้ออาวุธเพิ่มจากอังเคิ้ลแซม
หวังว่า คงจะเข้าใจในเกมการเมืองระดับโลกของผู้ล่า และผู้ถูกล่าดังที่ได้เปรียบเทียบให้เห็นภาพ ซึ่งไปไกลว่าเรื่องประชาธิปไตยสิทธิเสรีภาพสิทธิมนุษยชนที่กลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย
-
กองทัพอากาศของสหรัฐเพิ่งจะยอมรับว่าเครื่องบินรบรุ่น F 35 กลายเป็นความล้มเหลว ใช้งานไม่ได้ ก่อนหน้านี้ F 35 ผลิตโดยบริษัทLockHeed Martin ถูกมองว่าจะเป็นเครื่องบินรบสุดยอดของอนาคตที่หน่วยต่างๆของกองทัพสหรัฐจะใช้ แต่ปรากฎว่าเอาไปทดลองใช้แล้วมีปัญหาทางเทคนิค แก้ไม่ตก ทำให้กองทัพอากาศเปลี่ยนใจหาเครื่องบินรบรุ่นใหม่แทน
รัฐบาลสหรัฐต้องสูญเสียงบประมาณ$1.7 ล้านล้าน หรือประมาณ51ล้านล้านบาทไปกับโครงการF 35นี้ ซึ่งกลายเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำครกใหญ่ที่สุดในโลก
เงินจำนวนมหาศาลนี้เอาไปช่วยคนจนที่ไม่มีบ้านอยุ่ได้อย่างสบายๆ
ที่นี้จะโทษใคร ต้มตุ๋นแหกตากันอย่างนี้ แต่ไม่นานเรื่องคงจะเงียบ ผู้ที่เกี่ยวข้องรวยกันทุกฝ่าย
-
... "ดอกเบี้ยเป็นศูนย์ สร้างหนี้ท่วมโลกทาสตะวันตก คือกระแสใหม่หลังโควิด"
... บทเรียนที่ได้รับจากวิกฤตการเงินโลกปี 2008 ชี้ให้เห็นว่า "การปิดก๊อกการเงินของสภาพคล่อง" อาจพิสูจน์ได้ว่าท้าทายกว่าการเปิดมัน
... "การระบาดของโรคโควิด 19" ได้เผยให้เห็นแนวรอยเลื่อนร้าวหลายแห่งในโลกที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดวิกฤต
... "ช่องว่างทางรายได้ที่กว้างขึ้นระหว่างคนรวยและคนจน" , "ความแตกแยกทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น" ระหว่างผู้นำที่ดำรงตำแหน่งและผู้ท้าทายที่มีอำนาจเพิ่มขึ้นและการเชื่อมโยงที่ยั่งยืนระหว่าง "เศรษฐกิจที่แท้จริง" และ "ตลาดการเงิน" ล้วนได้รับผลกระทบจากวิกฤตด้านสาธารณสุขที่เกิดขึ้นครั้งหนึ่งในยุคนี้
... ท่ามกลางความตกตะลึงครั้งใหญ่ของชาวโลก "ธนาคารกลาง" ได้ดำเนินการบางอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจโลกทรุดลงสู่ภาวะตกต่ำอีกครั้ง การกระทำของพวกเขาส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการบริหาร "นโยบายการเงิน" ของโลกครั้งใหญ่
... สิ่งนี้แสดงให้เห็นใน "งบดุลของธนาคารกลางที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว" ซึ่งมีสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้นการสร้างรายได้จากการขาดดุลทางการคลังซึ่งช่วยให้รัฐบาลสามารถกำหนดเป้าหมาย "การอัดฉีดสภาพคล่อง" และการแทรกแซงอย่างเด็ดขาดมากขึ้นในกลไกตลาดซึ่งทำให้ธนาคารกลางไม่เพียงกำหนดราคา ของเงิน แต่ยังมีผลต่อมูลค่าของเครดิต ตราสารทุนและสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ
***... "เงินคือเสบียง" การสงครามในอดีตคือการชนะใครให้ยกทัพไปปิดล้อมจนเมืองนั้นเสบียงอาหารหมดก็จะยอมแพ้เอง
... ใช้โรคระบาดโควิดปิดล้อมโลก จนทุกประเทศเงินหมดคลัง เสบียงหมดประเทศต้องยอมแพ้ไปกู้เงินไอเอ็มเอฟ ธนาคารโลก ยกเว้นประเทศรวยสกุลเงินแข็งๆพิมพ์เงินจากอากาศเองได้ ก็จะชนะสงครามที่ใช้เขื้อโรคเป็นอาวุธนี้
... และเขาจะออกนโยบายลดดอกเบี้ยใกล้ศูนย์และคิวอี เพื่อสร้างแรงจูงใจ ทำให้นักลงทุนกล้ากู้ยืมเงินไปซื้อกิจการจากประเทศเล็กๆที่เดือดร้อนได้ง่ายขึ้น ทั้งโรงแรม สายการบิน โรงงาน กิจการ สินทรัพย์ทั่วโลก
... "การปิดล้อมเมืองด้วยอาวุธเชื้อโรค เสบียง(เงินธนาคารกลาง)ใครหมดก่อนแพ้ ... การยืมเงินเป็นหนี้เขา คือการสร้างทาสยุคดิจิตัล"
.
... https://www.scmp.com/comment/articl...-debt-will-be-new-normal-coronavirus-recovery
...
-
จับอาชีพดั้งเดิมของท้องถิ่นมาสร้างโอกาสบนวิกฤตโรคระบาด ผลิตน้ำตาลมะพร้าวออร์แกนิค ไร้สารเคมีปรุงแต่ง ของดีจากอำเภออัมพวาออกจำหน่าย เทิร์นเป็นรายได้สู่สมาชิกในวิสาหกิจชุมชน เยือนถิ่นผลิตน้ำตาลมะพร้าวพร้อมเรียนรู้กรรมวิธีการผลิตจากผู้เชี่ยวชาญแบบเต็มๆ ต่อได้ที่ https://misterban.com/btimes/น้ำตาลมะพร้าว-อัมพวา
.
ดูย้อนหลังได้ที่ misterban.com หรือ YouTube MisterBan
.
#BTimes #MisterBan #Ch3thailand #startup #น้ำตาลมะพร้าว #อัมพวา #น้ำตาลมะพร้าวธรรมชาติ #น้ำตาลมะพร้าวอัมพวา #วิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์
-
กระทรวงสารสนเทศพม่าร่วมหารือ CCTV หลังถูกโซเชียลถล่มหนักเรื่องรัฐประหาร
.
.
MGR Online - กระทรวงสารสนเทศพม่าประชุมร่วมกับทีมงาน CCTV ของจีน ท่ามกลางกระแสหลั่งไหลของข้อมูลข่าวสารที่ถูกเทน้ำหนักไปทางฝั่งผู้ประท้วงเป็นหลัก เนื่องจากหน่วยงานรัฐทุกแห่งถูกเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ปิดบัญชีไปหมดแล้วหลังรัฐประหาร
.
วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น. ที่ห้องรับรองกระทรวงสารสนเทศ พม่า ในกรุงเนปิดอ อู ชิดไหน่ รัฐมนตรี พลจัตวาส่อ มิน ทูน รองรัฐมนตรี กระทรวงสารสนเทศ ได้ประชุมร่วมกับ นายหวัง หยู หัวหน้าสำนักงาน CCTV (China Central Television) ประจำพม่าและทีมงาน โดยฝั่งของกระทรวงสารสนเทศ นอกจาก 2 รัฐมนตรีแล้ว ยังมีรองปลัดกระทรวง และอู แย ไหน่ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์ MRTV เข้าร่วมด้วย
.
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการพูดคุยกันของ 2 ฝ่าย โดยข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ออกมาระบุเพียงว่า เป็นการหารือถึงความร่วมมือกันของสื่อทั้ง 2 ประเทศ และรูปแบบเนื้อหารายการที่จะนำเสนอเกี่ยวกับปีท่องเที่ยวพม่า-จีน
.
อย่างไรก็ตาม เป็นที่สังเกตได้ว่า นับแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพม่าที่ปรากฏสู่สาธารณะ แทบทั้งหมดเป็นความเคลื่อนไหวต่อต้านของภาคประชาชนผ่านทางสื่อหลักและสื่อออนไลน์ ทั้งจากสำนักข่าวภายในและสำนักข่าวต่างประเทศ ขณะที่สื่อภาครัฐถูกปิดกั้นอย่างชัดเจนโดยเฉพาะในสังคมออนไลน์ เนื่องจากบัญชีเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรมของหน่วยงานรัฐทุกแห่งถูกระงับการใช้งานไปตั้งแต่เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ หน่วยงานรัฐจึงไม่สามารถสื่อสารเนื้อหาที่ต้องการออกมาได้อย่างทันสถานการณ์ เป็นผลให้ข้อมูลข่าวสารฝั่งรัฐบาลแทบไม่ปรากฏออกสู่สาธารณะเลย
.
ช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ ผู้ที่ต้องการทราบความเคลื่อนไหวของภาครัฐพม่า ต้องเข้าไปติดตามจากเว็บไซต์ทางการของหน่วยงานแต่ละแห่ง หรือติดตามจากสถานีโทรทัศน์เมียวดี สถานีวิทยุโทรทัศน์ MRTV เว็บไซต์ The Global New Light of Myanmar และเว็บไซต์ของกระทรวงสารสนเทศ ด้วยตนเองเท่านั้น.
.
.
https://mgronline.com/indochina/detail/9640000019591
-
ตำรวจพม่าสาดกระสุนสลายผู้ชุมนุมเป็นวันที่ 2 ดับอย่างน้อย 5 เจ็บอีกอื้อ
.
.
.
รอยเตอร์ - ตำรวจพม่าเปิดฉากสาดกระสุนปราบปรามการชุมนุมประท้วงต่อต้านการปกครองของทหารในวันนี้ (28) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน และบาดเจ็บอีกหลายคนในวันที่ 2 ของการปราบปรามการชุมนุมประท้วงทั่วประเทศ ตามการเปิดเผยของแพทย์และนักการเมือง
.
มีผู้หญิงเสียชีวิต 1 คน หลังตำรวจสลายการชุมนุมประท้วงของคณะครูด้วยระเบิดแสงในนครย่างกุ้ง แต่สาเหตุการเสียชีวิตของผู้หญิงรายนี้ยังไม่แน่ชัด ตามการเปิดเผยของลูกสาวผู้เสียชีวิตและเพื่อนร่วมงาน
.
พม่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่โกลาหลวุ่นวายนับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจและควบคุมตัวอองซานซูจีและผู้นำพรรคอีกจำนวนมาก เมื่อวันที่ 1 ก.พ. หลังจากกองทัพกล่าวหาว่ามีการโกงการเลือกตั้ง
.
การรัฐประหารที่ทำให้การก้าวสู่ประชาธิปไตยของพม่าต้องหยุดชะงักลง ดึงดูดผู้คนหลายแสนชีวิตให้หลั่งไหลลงถนน และเรียกเสียงประณามจากชาติตะวันตก
.
“พม่าเป็นเหมือนสนามรบ” พระคาร์ดินัล ชาร์ลส หม่อง โบ ระบุในทวิตเตอร์
.
นอกจากนี้ยังมีชายอีกคนหนึ่งเสียชีวิตหลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยบาดแผลกระสุนที่หน้าอก ตามการระบุของแพทย์ในโรงพยาบาล
.
ตำรวจยังเปิดฉากยิงในเมืองทวาย ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน ตามการเปิดเผยของ จ่อ มิน ไธ่ นักการเมือง
.
เว็บไซต์ข่าวออนไลน์อิรวดีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 1 คน ในเมืองมัณฑะเลย์ ขณะที่มูลนิธิแห่งหนึ่งรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 2 คน ในเมืองพะโค และตำรวจยังดำเนินการปราบปรามการประท้วงในเมืองล่าเสี้ยว (Lashio) และเมืองมะริด (Myeik)
.
ทั้งนี้ ตำรวจและโฆษกของคณะปกครองทหารไม่ได้ตอบรับโทรศัพท์ที่รอยเตอร์ติดต่อเพื่อขอความเห็น
.
พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารกล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าเจ้าหน้าที่ใช้กำลังเพียงเล็กน้อยในการจัดการกับการประท้วง
.
แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้ชุมนุมประท้วงอย่างน้อย 5 คน เสียชีวิตในเหตุการณ์ความวุ่นวาย ขณะที่กองทัพกล่าวว่ามีตำรวจเสียชีวิต 1 นาย
.
การปราบปรามดูเหมือนจะแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของทหารที่จะใช้อำนาจของตนในการเผชิญหน้ากับการต่อต้านอย่างกว้างขวาง ซึ่งไม่เพียงแต่บนถนนสายต่างๆ แต่ยังเกิดขึ้นในภาคส่วนต่างๆ เช่น ข้าราชการ หน่วยงานบริหารท้องถิ่น การศึกษา สาธารณสุข และสื่อ เป็นต้น
.
ในนครย่างกุ้ง มีผู้คนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทิ้งรอยเลือดเปรอะเปื้อนอยู่บนทางเท้า หลังตำรวจเปิดฉากยิง
.
พยานในเหตุการณ์กล่าวว่า ตำรวจขว้างระเบิดแสง ใช้แก๊สน้ำตา และยิงปืนขึ้นฟ้า แต่ผู้ชุมนุมประท้วงไม่ยอมล่าถอย บางส่วนจับกลุ่มเดินขบวน รวมตัวกันร้องตะโกนและร้องเพลง ขณะที่คนอื่นๆ ช่วยกันตั้งเครื่องกีดขวาง
.
“หากพวกเขาโจมตีเรา เราจะป้องกัน เราจะไม่ยอมคุกเข่าให้บู๊ตทหาร” ยาน วิน เช็ง ผู้ชุนุมในย่างกุ้ง กล่าว
.
ตำรวจระดมกำลังลงถนนแต่เช้าตรู่เพื่อเข้าสลายฝูงชน พวกเขาสลายการชุมนุมประท้วงของคณะครูด้วยระเบิดแสง และหนึ่งในผู้ชุมนุมกลุ่มดังกล่าวได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตอาจมาจากอาการหัวใจวาย ตามการเปิดเผยของลูกสาวผู้เสียชีวิตและครูอีกคนหนึ่ง
.
ตำรวจยังขว้างระเบิดแสงนอกโรงเรียนแพทย์ในอีกพื้นที่หนึ่งของเมือง ทำให้แพทย์และนักศึกษาในชุดกาวน์แตกกลุ่มกระจัดกระจาย
.
กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรเสื้อกาวน์แพทย์กล่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มากกว่า 50 คน ถูกจับกุมตัว
.
สถานีโทรทัศน์ MRTV ของรัฐรายงานว่า มีประชาชนมากกว่า 470 คน ถูกจับกุมตัวเมื่อวันเสาร์หลังตำรวจดำเนินการปราบปรามทั่วประเทศ
.
แต่ยังไม่ชัดเจนว่าผู้ที่ถูกควบคุมตัวในวันอาทิตย์มีจำนวนเท่าใด
.
การกระทำของตำรวจเกิดขึ้นหลังจากสถานีโทรทัศน์ของรัฐประกาศว่า เอกอัครราชทูตพม่าประจำสหประชาชาติถูกไล่ออกเนื่องจากทรยศชาติ หลังเอกอัครราชทูตเรียกร้องให้สหประชาชาติใช้วิธีการใดๆก็ตามที่จำเป็น เพื่อยกเลิกการรัฐประหาร
.
ขณะที่ชาติตะวันตกได้กล่าวประณามการรัฐประหาร และบางประเทศได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างจำกัด แต่บรรดานายพลพม่าไม่ได้แสดงท่าทีสนใจต่อแรงกดดันทางการทูตเหล่านั้น และพวกเขาให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าจัดการเลือกตั้งใหม่ แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน
.
ทว่าพรรคของซูจีและผู้สนับสนุนระบุว่าทหารควรเคารพผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนพ.ย.
.
ซูจี ในวัย 75 ปี กำลังเผชิญข้อหานำเข้าวิทยุสื่อสารอย่างผิดกฎหมาย และข้อหาละเมิดกฎหมายภัยธรรมชาติ ด้วยการละเมิดมาตรการเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยการพิจารณาคดีครั้งถัดไปของซูจีจะเกิดขึ้นในวันจันทร์.
.
.
https://mgronline.com/indochina/detail/9640000019630
-
สภาล่างสหรัฐฯผ่านแพ็กเกจเยียวยาโควิด-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ถึงแม้สภาสูงจะไม่เอา $15 ค่าแรงขั้นต่ำ
.
.
.
.
เอเจนซีส์ – เมื่อวันศุกร์(26 ก.พ)สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯใช้เสียงโหวตตามพรรคด้วยคะแนน 219 ต่อ 212 ผ่านร่างกฎหมายการเงินเยียวยาโควิด-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สำเร็จ ถือเป็นชัยชนะทางรัฐสภาครั้งแรกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน
.
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(27 ก.พ)ว่า พรรคเดโมแครตซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาล่างสหรัฐฯประสบความสำเร็จสามารถผ่านร่างกฎหมายเยียวยาโควิด-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ได้สำเร็จด้วยคะแนนเสียง 219 ต่อ212 และส่งต่อให้กับสภาสูงสหรัฐฯ ทั้งนี้เดโมแครตมีแผนที่จะผ่านร่างกฎหมายในสภาสูงสหรัฐฯโดยไม่ต้องใช้เสียงจากทางรีพับลิกัน
แต่ทั้งนี้ก่อนหน้าสภาสูงสหรัฐฯได้ออกมาชี้ว่า ข้อเสนอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 15 ดอลลาร์/ชั่วโมงจะไม่สามารถรวมไว้ในร่างกฎหมายการเงินแพ็กเกจเยียวยาโควิด-19 ในเวอร์ชันของสภาสูงสหรัฐฯได้
.
ทั้งนี้สมาชิกพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยต่อแพ็กเกจเยียวยาที่มีสูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่ออกมาเพื่อจ่ายการให้วัคซีนและสิ่งจำเป็นต่างๆสำหรับต่อสู้วิกฤตโควิด-19 และยังให้เงินสนับสนุนกระตุ้นครัวเรือนสหรัฐฯ ธุรกิจขนาดเล็ก รัฐบาลท้องถิ่น และรัฐบาลระดับรัฐ
.
กลุ่มสมาชิกสภาสูงสหรัฐฯได้เสนอแพ็กเกจเยียวยาโควิด-19ที่มีมูลค่าต่ำกว่า แต่ทว่านักเศรษฐศาสตร์ประจำทำเนียบขาวชี้ว่า จะเป็นการดีกว่าที่จะเพิ่มเงินให้แพ็กเกจเยียวยาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
.
โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ตั้งเป้าหมายสัปดาห์แรกของการทำงานในการแก้วิกกฤตโรคระบาดครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่เคยมีมา โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี ได้ใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อทำให้สภาผ่านแพ็กเกจเยียวยา 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สำเร็จเพื่อส่งไปยังสภาสูงสหรัฐฯที่มีสัดส่วนเสียงปริ่มน้ำ โดยมีรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส กลายเป็น 1 เสียงตัดสิน
.
สื่ออังกฤษรายงานว่า เป็นไปตามที่เพโลซีได้เคยประกาศไว้ ร่างกฎหมายแพ็กเกจเยียวยาโควิด-19ของสภาผู้แทนราษำรสหรัฐฯนั้นมีการบรรจุการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 15 ดอลลาร์/ชั่วโมงไว้ ซึ่งในปัจจุบันนี้ค่าแรงขั้นต่ำในสหรัฐฯอยู่ที่ 7.25 ดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งเทียบค่าเช่าส่วนใหญ่ในสหรัฐฯตกราว 2,700 ดอลลาร์/เดือน อ้างอิงจาก อัตราเฉลี่ยค่าเช่าอพาร์ทเมนต์ในเขตซานฟรารซิสโกของเว็บไซต์ zumper
.
แต่อย่างไรก็ตามที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวออกแถลงการณ์วันศุกร์(26)ว่า ไบเดนยังไม่สิ้นความหวังที่จะผลักดันค่าแรงขั้นต่ำ 15 ดอลลาร์ ทั้งนี้ประชาชนสหรัฐฯรายได้น้อยที่ต้องอยู่แบบเพย์เช็กต่อเพบ์เช็กร่วม 17 ล้านคนต่างตั้งตารอเพื่อให้ค่าแรงขั้นต่ำของพวกเขาและเธอถูกปรับขึ้นเพื่อจะทำให้มีความชีวิตเป็นอยู่่ดีขึ้น โดยหลายคนกล่าวว่าอเมริกันชนทำงานหนักแต่ยังคงยากไร้และแทบไม่มีอาหารรับประทานหรือสามารถจ่ายค่าเช่าได้โดยเฉพาะช่วงวิกฤตโควิด-19ที่ทำให้มีจำนวนมากออกมาร้องขอการไม่ต้องจ่ายค่าเช่าเพื่อมนุษยธรรมเพราะคนเหล่านี้ถูกให้ออกจากงาน PBS News ได้สัมภาษณ์เสียงแรงงานอเมริกันรายได้น้อยต่อความแรงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในสหรัฐฯ
.
ด้านผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯของทำเนียบขาว ไบรอัน ดีซ (Brian Deese)ให้สัมภาษณ์กับ MSNBC ว่า “ค่าแรงสูงขึ้นถือเป็นสิ่งที่ทำถูกต้องแล้ว”
.
และชี้ต่อว่า “พวกเราจะทำการหารือกับพันธมิตรสมาชิกสภาคองเกรสของเรา และผู้นำสภาคองเกรส ในวันนี้เพื่อหาทางเดินหน้าในสิ่งที่เราสามารถทำให้ก้าวหน้าอย่างเร่งด่วนต่อสิ่งใดก็ตามที่พวกเราคิดว่าจำเป็น”
.
ดีซชี้อีกว่า ในเวลาเดียวกันทางสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯต้องดำเนินการผลักดันแพ็กเกจเยียวยาโควิด-19
.
ทั้งนี้ในแพ็กเกจเยียวยาโควิด-19 ยังรวมไปถึงการช่วยเหลือโดยตรงให้กับบรรดาประชาชนสหรัฐฯจำนวน 1,400 ดอลลาร์ และสัปดาห์ละ 400 ดอลลาร์สำหรับสวัสดิการว่างงานให้กับผู้ตกงานซึ่งจะมีไปจนถึงวันที่ 29 ส.ค และการช่วยเหลือให้กับประชาชนสำหรับค่าเช่าและเงินค่าจำนองในระหว่างวิกฤตโควิด-19
.
แพ็กเกจเยียวยามูลค่าสูงนี้เป็นสิ่งที่ฝ่ายรีพับลิกันไม่เห็นด้วย โดยชี้ว่า “เป็นความฝันของพวกปีกเสรีนิยมในการแจกจ่าย” และล้มเหลวในการให้เงินสนับสนุนเพื่อให้โรงเรียนสามารถกลับมาเปิดซึ่งในเวลานี้เป็นการเปิดบางส่วนและมีการเรียนการสอนทางออนไลน์
-
สุดฮือฮา ! โปแลนด์ใช้ “เหมืองเกลือใต้ดิน” ขึ้นทะเบียนมรดกโลกเป็นที่รักษาโควิด-19
.
.
.
.
รอยเตอร์ - เหมืองเกลือเวียลิกซ์กา(Wieliczka Salt Mine) สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโปแลนด์ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสถานที่พักฟื้นผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีปัญหาด้านระบบโรคทางเดินหายใจ
.
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(27 ก.พ) เหมืองเกลือเวียลิกซ์กา(Wieliczka Salt Mine) ที่โด่งดังมาจากห้องภายในถ้ำภายในที่มีความสวยงามซึ่งฉาบไปด้วยเกลือ โดยตั้งอยู่ที่นอกเมืองคราโคว( Krakow )ทางใต้ของโปแลนด์ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ 1.8 ล้านคนในปี 2019 ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19
.
แต่บรรดาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกมาชี้ว่า สภาพอากาศภายในชั้นใต้ดินในเหมืองเกลือซึ่งมีความยาวทอดไปถึง 327 เมตรยังสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยมีปัญหาเกี่ยวกับปอด
.
โดย แม็กดาเลนา คอสตรซอน(Magdalena Kostrzon) แพทย์ซึ่งทำงานที่เหมืองเกลือชื่อดังแห่งนี้เปิดเผยว่า ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจต่างเดินทางมาที่เหมืองเกลือเวียลิกซ์กามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19
.
“สภาพอากาศแบบไมโคร-ไคลเมท(micro-climate)ภายในใต้ดินถือเป็นการฟอกอากาศชั้นยอด” เธอกล่าว และเสริมต่อว่า “อากาศผ่านทะลุมาตามช่องต่างๆที่มีเกลือฉาบอยู่...และเนื่องมาจากสิ่งนี้ทำให้อากาศถูกทำให้สะอาดปราศจากสารที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ที่อยู่บนพื้นผิว”
.
ทั้งนี้สำหรับ โจเซฟ ไบรอส(Jozef Biros) วัย 58 ปีซึ่งมีประวัติป่วยโควิด-19มาเมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา และผลลัพท์ของการได้อาศัยที่เหมืองเกลือชื่อดังนนี้เด่นชัด
.
“หลังจาก 2 สัปดาห์ผ่านไป และผมจะบอกคุณให้ว่าผมรู้สึกดีขึ้นและดีขึ้นทั้งด้านการหายใจและทางร่างกาย” บีรอสกล่าว
.
และกล่าวต่อว่า “แม้กระทั่งสิ่งง่ายๆเป็นต้นว่า การผูกเชือกรองเท้า ผมต้องก้มตัวลงและรู้สึกว่าไม่มีอากาศหายใจ แต่ในเวลานี้ผมกลับทำได้อย่างไม่มีปัญหา”
หน้า 5525 ของ 11176