ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    555 ม็อบนกหวีดคืนชีพ (ก่อนเห็นชอบอยากให้ทหารยึดอำนาจ) ที่ตลาดคลองถม กทม. ท้าทายอำนาจ คสช.และ กทม.ท่านผู้รู้ช่วยวิเคราะห์หน่อยอานาคตม็อบนี้จะเป็นอย่างไร แต่ก็น่าเห็นใจเขานะ ใครเป็นเจ้าของตลาดเจ้าของพื้นที่ก็น่าจะทำให้เขาทำมาค้าขายได้ต่อไป เคยสนับสนุนกันมาก็น่าเห็นใจกัน มันจะเข้าเข้าตำราเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าตะหารเอกไหม....เห็นใจม็อบนกหวีดภาค 2 เอามาใช้ครั้งนี้กลัวไม่ได้ผล
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    5. นับถอยหลัง
    Richard Maybury ผู้เขียนรายงาน U.S. & World Early Warning Report for Investors ล่าสุดได้เตือนถึงความวิตกกังวลในสถานการณ์โลกในปัจจุบันนี้ เขาบอกว่าทุกคนรู้ว่ามีสิ่งปกติกำลังเกิดขึ้นมา แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันอะไรแน่ โดยที่ความจริงแล้วโครงสร้างระบบโลกที่มีขึ้นมาตั้งแต่1940sกำลังจะพังลงมา
    Mayburryกล่าวว่า สหรัฐฯเป็นเจ้าโลกผ่านยูเอ็น นาโต้ ระบบการเงินBretton Woods ธนาคารโลก รวมถึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่2 แต่โครงสร้างนี้ที่เขียนขึ้นมาจากพิมพ์เขียวของวอชิงตัน ดีซี กำลังจะมาถึงจุดจบ และจะมีผลกระทบต่อค่าเงินตรา ความเป็นผู้นำทางทหารของสหรัฐฯและเสถียรภาพทางการเมืองทั่วโลก
    เขาเชื่อว่าการพังทลายของโครงสร้างที่ได้รับการสร้างขึ้นในยุค1940sนี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้เราเห็นในปัญหาในตลาดการเงินและเศรษฐกิจทั่วโลก
    Mayburyบอกว่า ผลกระทบคือความตรึงเครียดที่ทวีความเข้มข้นขึ้นระหว่างสหรัฐฯและตะวันออกกลาง และทัศนะคติของสหรัฐฯต่อจีนกลายเป็นสถานการณ์ที่ไม่รอมชอมกันได้ น่าแปลกใจที่Mayburyพูดถึงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับจีน โดยไม่พูดถึงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซียด้วย
    ในปัจจุบันนี้ สหรัฐฯยังคงดำเนินนโยบายในเอเซียเหมือนกับที่เคยทำมาในอดีตตั้งแต่ปี 1940s แต่สถานการณ์ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว สหรัฐฯไ่ได้เป็นมหาอำนาจแต่เพียงผู้เดียวเหมือนในอดีต ในช่วงที่เอเซียกำลังล้าหลังเมื่อเทียบกับตะวันตก
    ทะเลจีนใต้ ซึ่งเคยเป็นระเบียบความมั่นคงที่สหรัฐฯอยู่ข้างบนสุดกำลังพังลงมา เพราะว่าจีนกำลังผงาดมาอ้างกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้และเอเซียตะวันออก สหรัฐฯไม่ชอบใจเรื่องนี้ แต่ไม่สามารถจะทำอะไรได้มากนัก
    Mayburryตั้งคำถามว่า แต่สหรัฐฯจำทำอะไรกับเรื่องนี้หรือไม่? จะเป็นเรื่องเหลวไหลมากถ้าสหรัฐฯจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในทะเลจีนใต้ และเอเซียตะวันออก แต่นั้นคือทิศทางที่เรากำลังเดินเข้าหา
    thanong
    8/3/2015
    http://sprottglobal.com/…/monetary-system-world-order-we-h…/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    6. นับถอยหลัง
    หนึ่งในความผิดปกติในโครงสร้างระบบการเงินที่มีมาตั้งแต่หลังยุคสงครามโลกครั้งที่2 ตามพิมพ์เขียวของวอชิงตัน ดีซี คือการขยายตัวของหนี้ไม่สามารถจะดันให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตต่อไปได้ และทำให้ไม่สามารถดันค่าจ้างแรงงาน รวมทั้งรายได้ครัวเรือนให้เพิ่มสูงขึ้นอีกต่อไป
    ชาร์ตที่นำมาประกอบสะท้อนให้เห็นถึงสัดส่วนการขยายตัวของเครดิตและการเพิ่มของค่าจ้างแรงงาน ชาร์ตนี้แสดงให้เห็นถึงจุดจบของระบบการเงินที่พึ่งพาการขยายตัวของเครดิต หรือกลไกของการเงินที่นำหน้าเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่เป็นเสาหลักของระบบการเงินโลก มันได้ถึงจุดจบแล้ว เพราะว่ากาสร้างหนี้เพิ่มไม่สามารถจะดันให้ค่าจ้างแรงงานเพิ่มได้อีกต่อไป
    จากชาร์ต จะเห็นได้ว่าหลังสงครามโลกครั้งที่2จนถึงปี1970 สหรัฐฯยังไม่ได้เข้าสู่ระบบเครดิต หรือหนี้ (pre-financialization period) ที่นำหรือมีอิทธิพลเหนือเศรษฐกิจจริง เพราะว่าระบบการเงินสหรัฐฯยังคงอยู่ในมาตรฐานทองคำ เงินดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกมามีทองคำหนุน แต่ปัญหาเริ่มเมื่อประธานาธิบดีนิกสันเลิกผูกดอลล่าร์กับทอง คือพิมพ์ดอลล่าร์กระดาษออกมาดื้อๆ โดยไม่ให้คนถือดอลล่าร์สามารถแลกทองได้จากเฟดเดอรัล รีเชิร์ฟ ไม่มีประเทศใหนกล้าหือสหรัฐฯที่เบี้ยวทอง (default on gold) เพราะว่าสหรัฐฯเป็นผู้ชนะสงครามโลกและเป็นมหาอำนาจอยู่
    เศรษฐกิจสหรัฐฯดำเนินต่อไปอีกทศวรรษระหว่าง1970-1980 อย่างทุกลัทุเล เพราะว่าโครงสร้างการเงินใหม่ คือระบบเงินกระดาษกำลังปรับตัวแทนระบบมาตรฐานทองคำ ราคาทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ พวกแก๊งทุบทองจำต้องกดราคาทองเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในภาพลวงตาของเงินกระดาษดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกมาเปล่าๆ โดยไม่มีทองหรือเงิน หรือทรัพย์สินอะไรหนุน แม้ว่าสหรัฐฯจะประสบความสำเร็๗ในการตกลงกับซาอุดิฯและประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางให้ขายน้ำมันและดอลล่าร์เพื่อสร้างเปโตรดอลล่าร์ขึ้นมา
    ในยุค1980-1990ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของระบบหนี้ (financialization) หรือการแปลงทรัพย์สินทุกอย่างเป็นหนี้ เป็นฟองสบู่การเงินก้อนแรกของสหรัฐฯ เกิดมีการพัฒนาตราสารการเงินต่างๆขึ้นมามากมาย โดยอิงกับระบบหนี้ หรือเครดิตจากแบงค์ หมายความว่ามีการใช้เงินในอนาคตเพื่อดันจีดีพีให้สูง โดยไม่คำนึงถึงคววามสามารถในการใช้หนี้ แต่ในช่วงต้นจะไปได้ดี เพราะว่าหนี้ของรัฐบาล เอกชน รวมทั้งครัวเรือนยังอยู่ในระดับต่ำอยู่ สหรัฐฯเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก จึงสามารถสร้างหนี้ได้ โดยที่ไม่มีใครตั้งคำถาม เพราะว่าดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก
    ระหว่าง1990-2000ถือว่าเป็นยุคบูม หรือฟองสบู่การเงินก้อนที่2ของสหรัฐฯนำโดยบริษัทไฮเทค หรือดอทคอมทั้งหลาย แม้ว่าจะมีการพัฒนาเทคโนโลยี่ขึ้นจริง แต่การเพิ่มหนี้ (financilization)เพื่อไฟแนนซ์บริษัทไฮเทค บริษัทดอทคอม รวมทั้งเศรษฐกิจโดยภาพรวมเป็นสาเหตุหลักที่ดันให้เศรษฐกิจ รวมทั้งตลาดหุ้นเจริญเติบโต
    พอฟองสบู่บริษัทไฮเทคแตกในปี2001 Alan Greenspanประธานของเฟดลงดอกเบี้ยเพื่อสร้างฟองสบู่การเงินลูกต่อไป
    ระหว่างปี2000-2010 เป็นยุคของฟองสบู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ หรือฟองสบู่การเงินก้อนที่3 มีพวกผู้กู้ซื้อบ้านที่ไม่มีกำลังซื้อที่แท้จริงเป็นจำนวนมาก แต่กู้ซื้อบ้านได้ เพราะหาเครดิตได้ง่าย การสร้างหนี้ผ่านfinancializationพัฒนาก้าวหน้ามาก มีทั้ง mortgage-backed securities, CDO, derivatives หรือตราสารการเงินต่างๆที่พัฒนากลายเป็นกระดาษต่อกระดาษ
    ฟองสบู่ตลาดอสังหาฯสหรัฐฯแตกในปี2007 ทำให้ระบบเครดิตรวนไปทั้งระบบ และในปีต่อมาคือ2008 การล่มสลายของLehman Brothersถือว่าเป็นจุดจบของWall Street ระบบการเงิน เป็นการแตกสลายของฟองสบู่ก้อนที่4ต่อจากตลาดอสังหาฯ ทำให้ทางเฟดเดอรัล รีเชิร์ฟต้องเข้ามาอุ้มระบบการเงินทั้งระบบผ่านการกดดอกเบี้ยลง0% และการพิมพ์เงินผ่านQEทำให้งบดุลของเฟดโป่งขึ้นมาจาก$900,000ล้าน มาเป็น$4.5ล้านล้านในปัจจุบัน
    การทำQEระหว่างปี2009-2014เป็นการสร้างฟองสบู่การเงินก้อนที่4ให้ตลาดหุ้น แต่ไม่ได้สร้างฟองสบู่ให้เศรษฐกิจที่แท้จริงที่พังไปแล้วตั้งแต่ปี2008 จากชาร์ตจะเห็นได้ว่าแรงส่งของการสร้างหนี้ผ่านfinancializationต่อสัดส่วนการเพิ่มของแรงงานหรือรายได้ที่เพิ่มของคนอเมริกันในระบบเศรษฐกิจหมดแรงในช่วง2010 หมายความว่าการเพิ่มหนี้ไม่ได้ทำให้ผลตอบแทนเพิ่ม ยิ่งใส่หนี้เข้าไป ยิ่งมีหนี้เพิ่มมากขึ้น โดยที่พวกทำงานในmainstreetไม่ได้อะไร
    ระบบหนี้ไปต่อไม่ได้ ที่อยู่ๆกันทุกวันนี้เป็นการประคองตัวเท่านั้น ทั้งญี่ปุ่นและยุโรปทำQE เพื่อช่วยต่อลมหายใจให้สหรัฐฯและทำให้ตลาดการเงินประคองตัวอยู่ได้ โดยที่เศรษฐกิจที่แท้จริงจมน้ำไปแล้ว เพราะว่าจีดีพีไม่สามารถจะโตได้อีกต่อไปภายใต้ระบบหนี้ปัจจุบันที่จำต้องมีการปรับโครงสร้างอย่างเจ็บปวด
    ในเมื่อไม่มีการปรับโครงสร้างหนี้ของสหรัฐฯ ยุโรปและญี่ปุ่นที่เป็นเสาหลักของทุนนิยมตะวันตก เราจึงเห็นอาการผิดปกติหลายอย่างในระบบการเงินที่Richard Mayburryพูดถึง และความตรึงเครียดในภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ+ตะวันตก และรัสเซีย สหรัฐฯ+ตะวันตกและจีน และสหรัฐฯ +ตะวันตกและตะวันออกกลาง
    thanong
    8/3/2015

    http://charleshughsmith.blogspot.com/…/the-one-chart-you-ne…
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    7. นับถอยหลัง
    ความผิดปกติในระบบการเงิน เหมือนมีช้างตัวหนึ่งอยู่ในห้อง แต่ไม่มีใครมองเห็นคือดอกเบี้ยที่ติดลบของพันธบัตรรัฐบาลในเขตยูโร
    ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุ2ปีของประเทศเขตยูโรที่เศรษฐกิจดีกว่าเพื่อนจะติดลบเป็นแถว เช่นเยอรมัน ( -0.20% ) เบลเยี่ยม ( -0.15% ) ออสเตรีย ( -0.13ถึง -15% ) ฟินแลนด์ (-0.13% ถึง-0.15% ) เนเธอร์แลนด์ ( -0.13% ถึง-0.15% )ฝรั่งเศส ( -0.13% ถึง-0.15% )
    ส่วนดอกเบี้ยพันธบัตรที่มีอายุ2ของประเทศอย่าง สโลวาเกีย สโลวาเนีย เสปน โปรตุเกส และอิตาลีเป็นพวกเล็กน้อย แต่ไม่เกิน0.25%
    ทั้งๆที่เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้อยู่ในภาวะซบเซา จีดีพีไม่โตอีกแล้ว ที่โตได้เกิดจากการเพิ่มหนี้ โดยที่เศรษฐกิจพื้นฐานไม่สามารถสร้างจีดีพีให้โดได้เหมือนอย่างในอดีต ทำให้มีการตกงานสูงมาก ทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากภาวะหนี้ที่สูงเกินไปทั้งระบบของยุโรปที่ไม่ได้รับการปรับโครงสร้าง ทั้งยุโรปและสหรัฐฯติดกับดักหนี้ที่มีต้นเหตุจากการทำfinancialization เหมือนกันที่ทำให้พวกแบงค์เก้อร์และนักบริหารเงินรวย แต่เศรษฐกิจโดยรวมพัง ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างถูกทำลาย
    David Zervos แห่ง Jefferies บอกว่าไม่รู้ว่านักบริหารเงินกองทุนมองหน้าตัวเองในกระจกทุกวันได้อย่างไร ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลยุโรปที่ดอกเบี้ยติดลบ โดยที่มันเป็นการการันตีอยู่แล้วว่าการลงทุนแบบนี้จะต้องขาดทุน
    นักลงทุนมีสภาพคล่องสูงในกองทุนที่บริหาร ไม่รู้จะเอาเงินไปไว้ที่ใด กลัวว่าจะเกิดการผิดนัดชำระหนี้ขึ้นมาเช่นในกรีซ และอาจจะลามไปประเทศอื่นๆ ทำให้แห่เข้าไปถือพันธบัตรของประเทศยุโรปเหนือที่มีเศรษฐกิจที่แข็งแรงกว่า เพื่อปกป้องเงินต้นไม่ให้หาย เมื่อพันธบัตรมีผู้บิดเข้าไปมาก ราคาจะสูงขึ้น แต่ยิลด์หรือดอกเบี้ยจะตก บิด (bid)กันไปมาจนดอกเบี้ยติดลบ แสดงว่ามีดีมานด์สูงผิดปกติ
    ในวันจันทร์นี้ (9 มีนาคม 2015) ทางธนาคารกลางของยุโรปจะเริ่มการทำQEแล้ว โดยจะพิมพ์เงินยูโร$70,000 ล้านต่อเดือนเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลในเขตยูโรเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และกดดอกเบี้ย ให้รัฐบาลเหล่านี้ไม่มีปัญหาในการสร้างหนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป Mario Draghiผู้ว่าการธนาคารของECBบอกว่า จะเข้าไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่ยิลด์ติดลบแล้วด้วย
    ใครจะทำไม
    Zervos บอกว่าเมื่อพันธบัตรของประเทศที่น่าเชื่อถือที่สุดมีดอกเบี้ยติดลบ มันไม่ได้การันตีว่าจะเป็นการลงทุนไม่ให้ขาดทุนอีกต่อไป แต่เป็นการการันตีว่าผู้ถือบอนด์จะต้องขาดทุนแน่ๆ และยิ่งECBกระโดดเข้ามาเล่นเอง เกมนี้ยิ่งจะเสี่ยงขึ้นไปอีก เป็นการบังคับให้ผู้บริหารเงินกองทุนโยกเงินจากบอนด์เข้าตลาดหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว และใครก็ตามที่เปลียนนโยบายการลงทุนช้า จะกลายเป็นแพะพลีชีพของวอลล์สตรีท
    thanong
    8/3/2015
    http://www.bloomberg.com/…/david-zervos-here-s-who-s-buying…
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    นาซ่าสารภาพยังไม่มีแผนรองรับเมื่อไม่มีเงินสนับสนุนจากรัสเซียมูลค่า 4.5 ล้านล้านบาทในโครงการสถานีอวกาศนานาชาติ
    --------------
    จากความขัดแย้งเรื่องการเมืองระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซียกำลังจะนำไปสู่การยุติความร่วมมือในสถานีอวกาศนานาชาติ หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "International Space Station" (ISS) เป็นโครงการความร่วมมือนานาชาติจากห้ากลุ่มองค์การอวกาศทั่วโลกด้วยกันคือ NASA ที่นำโดยสหรัฐฯ Roscosmos ของรัสเซีย JAXA ของญี่ปุ่น ESA ของยุโรป และ CSA ของแคนาดา แต่ที่หลักๆก็มีอยู่แค่สหรัฐฯกับรัสเซียนี่แหละ เมื่อปี 2011 ทางนาซ่าประกาศหยุดส่งกระสวยอวกาศของตนไปยังสถานีอวกาศ ISS ก็มีแต่ใช้จรวด Soyuz ของรัสเซียเท่านั้นในการส่งนักบินอวกาศขึ้นไปแทน
    ต่อมาพอเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งในยูเครนตะวันออกขึ้นทางสหรัฐฯและอียูก็สั่งให้แซงชั่นรัสเซีย เมื่อปีที่แล้วรัสเซียก็ออกมาประกาศว่าจะหยุดให้การสนับสนุนในโครงการสถานีอวกาศ ISS ในปี 2014 และจะถอดชิ้นส่วนโครงสร้างของสถานี ISS ออกไปสร้างสถานีอวกาศแห่ง OPSEK ของรัสเซียแห่งใหม่ต่างหาก อ้าวยุ่งหละสิคราวนี้ โอบามาคงนึกว่าไม่ถึงสิท่าว่าปูตินจะมาไม้นี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมาบิ๊กนาซ่าออกมายอมรับเองว่ายังไม่มีแผนรับมือกรณีดังกล่าว โดยพูดกับนักข่าวว่า "พวกคุณต้อนผมให้ตอบคำถามนี้เองนะ และก็ขอบอกพวกคุณตามตรงเลยว่า เรากำลังจะอดได้รับเงินสนับสนุน (จากรัสเซีย) จำนวน $140 billion" (ประมาณ 4.5 ล้านล้านบาท) เงินไม่ใช่น้อยๆเลยนะนั่นหนะ
    พูดถึงเรื่องสถานีอวกาศของรัสเซียเขาก็มีสถานี Mir เป็นของตัวเองต่างหากเหมือนกัน ส่วนสหรัฐฯก็มี Skylab และมีของเอกชนอีกสองแห่งคือ Genesis I และ Genesis II (สหรัฐฯ) แต่เล็กกว่า ISS ส่วนจีนเองก็กำลังจะสร้างสถานีอวกาศ Tiangong ของตัวเองต่างหากเหมือนกัน ส่วนโครงการใหม่ OPSEK ของรัสเซียนี้ รัสเซียก็จีบจีนให้มาร่วมด้วยเช่นกัน แต่ไม่เชิญสหรัฐฯเข้าร่วมด้วย ถ้าเก่งกันนักก็ไปสร้างเองดิ ต่างคนต่างทำละกัน เอ้า! แล้วอียูจะทำอย่างไรหละทีนี้? เพราะมีแต่สถานีภาคพื้นดินแต่ยังไม่มีสถานีในอวกาศเป็นของตัวเองเลย อุตส่าห์แยกออกมาสร้างโครงการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์จากสหรัฐฯต่างหากชื่อ "European Organization for Nuclear Research" ชื่อย่อว่า "CERN" (องค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป) และตั้งองค์กรด้านอวกาศ ESA ของตนเองขึ้นมาเบียดกับ NASA ของสหรัฐฯ และกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์แต่ลึกๆแล้วในทางการเมืองนั้นอเมริกาไม่ค่อยจะปลื้มสักเท่าไรนัก ประจวบกับการที่ยุโรปสามารถรวมกันได้กำหนดสกุลเงินยูโรขึ้นมาใหม่แข่งกับสหรัฐฯอีก ยิ่งไปเบียดรัศมีมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯจากพันธมิตรของตัวเองซะนี่ ซ้ำร้ายอียูก็กำลังจะหันมาคืนดีกับรัสเซียอีก อเมริกาจึงทนดูอยู่เฉยๆไม่ได้ต้องหาทางทำลายรัสเซียและบั่นทอนความก้าวหน้าของอียูให้เร็วที่สุด
    พออ่านบทวิเคราะห์เกี่ยวกับโครงการISSนี้จากฝั่งที่นิยมสหรัฐฯ เขาก็โทษรัสเซียว่าเป็นเพราะรัสเซียไปรุกรานยูเครนและผนวกไคร์เมียเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียนั่นแหละถึงทำให้ความร่วมมือในโครงการสถานีอวกาศ ISS ต้องจบลงแบบนี้ ดูมัน... ไม่มีซักครั้งเลยที่พวกนี้จะโทษตัวเอง ไม่ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นเช่นน้ำปะปาไม่ไหล ไฟดับ ในสหรัฐฯ พวกนี้ก็จะโทษรัสเซียกับปูตินทันที เรื่องฝิ่นและเฮโรอินที่แอฟกานิสถานก็โยนมาให้รัสเซีย ผู้นำนักการเมืองฝ่ายค้านของรัสเซียถูกรอบสังหารเสียชีวิตก็บอกว่าเป็นฝีมือปูติน ดีนะที่ยังไม่โยงคดีลอบสังหารอดีตผู้นำของสหรัฐฯในอดีตมาบอกว่าเป็นฝีมือของโซเวียตหรือรัสเซียอีก
    The Eyes
    07/03/2558
    ------------
    International Space Station 'Lost' Without Russia - NASA Chief / Sputnik International
    TASS: Non-political - Next ISS crew to conduct around 50 experiments on orbit
    International Space Station - Wikipedia, the free encyclopedia
    Russia works on a new-generation space module
    Out of ISS: Russia going solo with space station? — RT News
    http://www.chron.com/…/NASA-s-chief-confirms-it-Without-Rus…
    http://www.planetary.org/…/20…/20250226-russia-iss-2024.html
    http://www.themoscowtimes.com/…/russia-may-be-p…/511299.html
    http://news.discovery.com/…/russia-will-detach-iss-parts-fo…
    http://www.theguardian.com/…/russia-outlines-breakaway-plan…
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อิสราเอล-อิหร่าน-สหรัฐฯ

    [​IMG]

    --------------
    ตามที่เกริ่นไว้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่าจะมาพูดเรื่องอิสราเอลให้ฟัง แต่ก็มีข่าวอื่นๆเข้ามาแซงคิวตลอด วันนี้ได้ฤกษ์หละจัดให้ ก่อนหน้านี้ก็อ่านเจอข่าวท่าทีและความเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรี Benjamin Bibi Netanyahu ของอิสราเอลปรากฎในสำนักข่าวต่างประเทศอยู่บ่อยๆ ก็อ่านแบบผ่านๆ ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากเป็นพิเศษเหมือนช่วงที่เกิดสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์เมื่อปีที่แล้วที่ถล่มปาเลสไตน์ซะยับเยินจากนั้นก็ค่อยๆยึดพื้นที่เหล่านั้นมาเป็นของตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทางอเมริกาและยูเอ็นก็ไม่ว่าอะไรแถมยังสนับสนุนด้านอาวุธให้อิสราเอลอีกตะหาก ขายนะไม่ใช่ให้ฟรี ก็โอกาสทำเงินมาถึงแล้วจะห้ามทำไมหละมันเป็นปรกติของพ่อค้าอาวุธสงคราม
    + อิสราเอลบรรลุข้อตกลงกับซาอุฯใช้เครื่องบินรบบินผ่านน่านฟ้าซาอุไปโจมตีอิหร่าน
    -----------------
    หลังจากสงครามระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์สิ้นสุดลง แต่ดูเหมือนว่าทางอิสราเอลยังติดใจรสชาติของการเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอยู่ประจวบกับใกล้จะถึงการเลือกตั้งในอิสราเอลแล้วด้วย ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 17 มีนาคม 2558 นี้เอง ทำให้เนทันยาฮูต้องรีบหาเสียงสร้างคะแนนนิยมในสายตาชาวยิวทั้งในและต่างประเทศเป็นการด่วน ประจวบกับที่สหรัฐฯกำลังกระหายสงครามในยูเครนตะวันออกและอยากจะเอานาโต้ไปประชันกับกองทัพของรัสเซียเต็มที่แล้ว บีบี้ก็เลยจะเอาบ้างแต่ไม่ใช่ที่ยูเครน แต่จะเปลี่ยนสนามรบจากปาเลสไตน์ไปที่อิหร่านแทน
    เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านในขณะที่กลุ่มประเทศมหาอำนาจทางนิวเคลียร์ (P5+1) กำลังหาทางออกให้กับปัญหาเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านที่กรุงเจนีวาประเทศสวิทเซอร์แลนด์อยู่นั้น โดยทางสหรัฐฯฝั่งโอบาม่าเสนอว่าอิหร่านจะต้องหยุดพัฒนาเกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ 10 ปี สหรัฐฯถึงจะยอมยกเลิกแซงชั่นอิหร่านและร่วมมือทำการค้าด้วย ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางที่จีนได้แนะนำอิหร่านไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเคยพูดให้ฟังไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่จู่ๆบีบี้ก็ไปทำข้อตกลงกับซาอุดิอาระเบียให้อิสราเอลสามารถใช้เครื่องบินรบของตัวเองบินผ่านน่านฟ้าของซาอุฯเพื่อไปบอมแหล่งพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านในประเทศอิหร่านได้ซะนี่ กรรม!
    + เตทันยาฮูกล่อมสภาสหรัฐฯให้เห็นด้วยในเรื่องถล่มอิหร่าน
    -----------------
    บีบี้ออกมาพูดทั้งในที่ประชุมยูเอ็นและในสภาคองเกรสของสหรัฐฯว่าโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านมีเป้าหมายที่พลเรือน (หมายถึงอิสราเอล) กลัวว่างั้นเถอะ เพราะฉะนั้นจะอนุญาตให้อิหร่านมีนิวเคลียร์ไม่ได้เด็ดขาด แหม.. พูดมาได้ทีกองทัพของตัวเองถล่มปาเลสไตน์ทั้งเด็กและผู้หญิงตายไปไม่รู้กี่พันคนนั้นไม่ใช่พลเรือนหรือไง? พูดถึงเรื่องการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ก็มีข่าวว่าอิสราเอลก็ซุ่มพัฒนาอยู่เหมือนกัน และอาจจร้ายแรงกว่าของอเมริกด้วยซ้ำไป แต่ทั้งอเมริกาและยูเอ็นก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ซึ่งต่างกับกรณีของอิหร่านที่บอกว่ายังไงก็ไม่ยอมให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์เด็ดขาด แล้วทางสหรัฐฯกับอิสราเอลก็ไปขู่กลุ่มประเทศอาหรับที่นับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนนีในตะวันออกกลางเช่น อียิปต์ กาตาร์ สหรัฐอาหรับอีมิเรทส์ และซาอุดิอาระเบียว่าถ้าอิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์เมื่อไรประเทศที่นับถือนิกายซุนนีแถบนั้นจะโดนอิหร่านที่นับถือนิกายชีอะฮ์ถล่มแน่ พวกนั้นก็กลัวดิ แต่ไม่กลัวนิวเคลียร์ของอิสราเอลนะ
    ใครเป็นคนเชิญบีบี้ให้มาพูดที่คองเกรส? ต้องบอกว่างานนี้เป็นเกมการเมืองภายในของสหรัฐฯอเมริกาเอง เพราะคนที่อนุญาตให้บีบี้ของอิสราเอลมาพูดกรณีปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านและแผนถล่มอิหร่านในสภาคองเกรสของสหรัฐฯได้ก็คือนาย John Boehner โฆษกสภาผู้แทนสังกัดพรรครีพับริกันฝ่ายค้านของสหรัฐฯนั่นเอง แล้วแผนนี้ก็ไม่ได้บอกให้นายบารัคโอบาม่ารู้ล่วงหน้าด้วย แสบเข้าทรวงเลยหละ แล้วโอบาม่าทำอย่างไร? โอบาม่ารู้สึกเสียหน้ามากที่รีพับริกันเล่นแผนนี้ จึงปฏิเสธที่จะพบกับเบนจามิน บิบี้ เนทันยาฮูของอิสราเอลโดยอ้างว่าติดประชุมวีดีโอคอนเฟอเร้นซ์กับทางอียูกรณียูเครน
    + รีพับริกันมีแผนเชิญผู้นำอียิปต์มาพูดที่สภาคองเกรสของสหรัฐฯ
    -----------------
    นอกจากนี้แล้วทางพรรครีพับริกันยังมีแผนจะเชิญประธานาธิบดี Abdel Fattah al-Sisi ของอียิปต์ให้มาแสดงความคิดเห็นบางอย่างในสภาคองเกรสต่อจากบีบี้อีกด้วย เพราะพวกรีพับริกันรู้ว่าอียิปต์กับรัสเซียเริ่มจะสนิทกันมากขึ้น แต่โอบาม่าทำเป็นไม่สนใจ แผนของรีพับริกันก็คือต้องการให้รัสเซียระแวงอียิปต์ ซิซีบอกว่าไม่มีทางซะหละ เพราะได้เรียนรู้ตัวจริงของสหรัฐฯมาแล้วกรณีส่งเครื่องบินเฮลิคอร์ปเตอร์ "อาปาชี่" (Apache) ที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนอียิปต์หันมาพึ่งรัสเซียสหรัฐฯถึงยอมส่งให้
    + โอบาม่าขู่จะสอยเครื่องบินอิสราเอลหากบินไปโจมตีอิหร่าน
    -----------------
    แล้วกรณีที่อิสราเอลจะส่งเครื่องบินรบไปถล่มอิหร่านหละ โอบาม่าว่าอย่างไร? ตอนแรกโอบาม่าให้เด็กในคอนโทรลที่ไม่ชอบอิสราเอลออกมาปล่อยข่าวว่า ถ้าเครื่องบินรบของอิสราเอลโผล่ไปน่านฟ้าของอิหร่าน สหรัฐฯจะสอยมันลงมาเอง เอาหละสิ เริ่มมันหละ เพราะอะไร? ก็เพราะว่าเรื่องการเมืองอีกนั่นแหละ พันธมิตรของอิหร่านนั้นมีเยอะ ทั้งจีนและรัสเซียไหนจะเรื่องผลประโยชน์ด้านน้ำมันของอิหร่านอีกที่จีนเข้าไปมีส่วนร่วมแบบเงียบๆอยู่ด้วย ขืนโจมตีอิหร่านมันก็จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนด้วย เพราะจะทำให้ธุรกิจต่างๆของจีนในอิหร่านได้รับผลกระทบไปด้วยและจะเป็นการสร้างศัตรูให้กับตัวเองโดยไม่จำเป็นอีก งานนี้โอบาม่าคิดหลายตลบมาก เอาไงดีหว่า?... ก็เลยให้ลูกน้องออกมาขู่ไว้ก่อน แต่ทีมงานของโอบาม่าก็ออกมาปฏิเสธข่าวลือนั้นในภายหลังว่าไม่เป็นความจริง ไอ้ที่บอกว่าไม่จริงนั่นแหละคือจริง
    + อิหร่านพัฒนาระบบป้องภัยทางอากาศของตนเอง
    -----------------
    อีหร่านรู้อยู่แล้วว่าทางอิสราเอลและสหรัฐฯต้องมาไม้นี้แน่ๆ จึงเตรียมการรับมือไว้แต่เนิ่นๆ โดยในตอนแรกก็สั่งซื้อขีปนาวุธต่อต้านภัยทางอากาศ S-300 จากรัสเซียไว้แล้ว ในขณะเดียวกันก็ซุ่มพัฒนามิสไซล์ป้องกันภัยทางอากาศของตนเองด้วย ซึ่งเรียกว่า "Talash 3" หรือ "Endeavor-3" ระยะทำการไกล 200 กม.เสริมเขี้ยวเล็บให้กองทัพอากาศของอิหร่าน จากรายงานข่าวพบว่าตอนนี้อิหร่านติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศของตนในตะวันออกกลางไว้แล้วไม่ต่ำกว่า 3,600 จุด และจะขยายให้ถึง 5,000 จุดในเร็วๆนี้ นอกจากนี้อิหร่านยังพัฒนาระบบเรดาร์ Arash 2 ที่ใช้สำหรับตรวจจับโดรนหรืออากาศยานไร้คนขับของต่างชาติด้วย ไม่เพียงแต่พัฒนาเรดาร์ตรวจจับโดนขนาดเล็กเท่านั้น อิหร่านยังซุ่มพัฒนาโดรนของตัวเองที่ชื่อ "Ababil 3" อีกด้วยเอาไว้ป้องกันภัยทางอากาศเช่นกันซึ่งสามารถบินได้นานถึง 8 ชม. ที่ระดับความสูงถึง 4,500 เมตร (15,000 ฟุต) ความเร็วที่ 200/กม. และสามารถมองเห็นได้ในเวลากลางคืนอีกด้วย มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อาวุธที่ทันสมัยของอิหร่านยังมีอีกเยอะ
    The Eyes
    08/03/2558
    -------------
    Whoever Wins Israeli Election, Settlements in West Bank Will Continue / Sputnik International
    Netanyahu’s One-Track Mind / Sputnik International
    US Lawmaker Urges Congress to Invite Egyptian President / Sputnik International
    Abbas Calls Israel 'Gangster' for Keeping Palestinian Money / Sputnik International
    The Real Story on Iran, US, Russia and China / Sputnik International
    Netanyahu Said ‘Perplexing Things’ in His Speech - US State Department / Sputnik International
    Netanyahu's Speech on Tehran Nuclear Program ‘Boring, Repetitive’ - Iran / Sputnik International
    Obama Skips Netanyahu Speech Because of Ukraine Talks / Sputnik International
    Iran Rejects Obama's Demands on Nuclear Program, Calls Them 'Unacceptable' / Sputnik International
    Netanyahu and the Terrible, Horrible, No Good Iran / Sputnik International
    Republicans Await Netanyahu, Question Obama's Loyalty to Israel - Senator / Sputnik International
    Obama Threatened to Shoot Down Israeli Attack Jets - Report / Sputnik International
    Netanyahu Flies to Washington to Deliver Speech on Iran's Nuclear 'Threat' / Sputnik International
    Saudis to Allow Israeli Jets Airspace for Strikes on Iran – Report / Sputnik International
    Nuclear weapons and Israel - Wikipedia, the free encyclopedia
    http://en.wikipedia.org/…/Israel_and_weapons_of_mass_destru…
    Iran Hopes to Receive Russian S-300 Air Defense Systems in 2015 / Sputnik International
    Iran Rolls Out ‘Smart Missile’ Drones / Sputnik International
    Iran to Unveil New Missile Defense System / Sputnik International
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อียูเริ่มเสียงแตกการต่ออายุแซงชั่นรัสเซีย

    [​IMG]

    -----------------
    มาติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าระหว่างรัสเซีย-อียูในรอบ1-2วันที่ผ่านมาบ้างนะครับ ประเด็นหลักที่ทุกประเทศในยุโรป รัสเซียและสหรัฐฯให้ความสนใจเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าลุ้นเหยี่ยวเหลืองกันเลยหละ ซึ่งก็คือเรื่องอียูจะสินใจแซงชั่นรัสเซียต่ออีกรอบหรือไม่ ก็อย่างที่เคยเล่าให้ฟังแล้วหลายรอบว่าการแซงชั่นรัสเซียนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีกับใครเลย แม้กระทั่งกับธุรกิจของอเมริกาเอง แต่รัฐบาลสหรัฐฯถือคติว่าเพื่อจับปลาตัวใหญ่ก็ต้องยอมปล่อยปลาตัวเล็กไป หรือถ้าอยากกินน้ำผึ้งก็ต้องทนเจ็บที่ถูกผึ้งต่อย ผู้ที่โดนต่อยก็คือธุรกิจของสหรัฐฯในรัสเซียนะสิ ก็ดูกันต่อไปว่างานนี้อเมริกาจะโดนผึ้งหรือว่าโดนตัวต่อรุมต่อยกันแน่
    ส่วนประเด็นการแซงชั่นรัสเซียอีกรอบนี้ เฉพาะในอียูแบ่งออกเป็นสองกระแส โดยกระแสแรกเห็นด้วยที่ีจะให้มีการแซงชั่นรัสเซียต่อไปอีก พวกนี้อ่านตามสคริปต์อเมริกาเขียนให้และยังไม่ตื่นแม้ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะแย่อย่างไรก็ยังเทิดทูนบูชาอเมริกาอยู่ ส่วนกระแสที่สองคือไม่เห็นด้วย แต่ก็ใช้คำพูดกลางๆว่ายังเป็นที่กังขาว่ามันจะดีกับเศรษฐกิจในยุโรปอย่างไรหากยังให้มีการแซงชั่นรัสเซียต่อไปอีก แต่เสียงส่วนมากในกลุ่มนี้บอกว่าพอเหอะ หันมาเป็นมิตรกับรัสเซียดีกว่า
    + สวีเดนเสนอให้อียูแซงชั่นรัสเซียต่อไปอีก
    ----------------
    เริ่มที่เจ้าแรกเลยที่สนับสนุนให้มีการแซงชั่นรัสเซียต่อไปคือรัฐมนตรีต่างประเทศของสวีเดน ในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของรมว.ต่างประเทศของยุโรปที่กรุงริก้า (Riga) เมืองหลวงของประเทศลัตเวีย (Latvia) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ฝ่ายสวีเดน (นาง Margot Wallstrom รมว.ต่างประเทศของสวีเดน) ได้เสนอความเห็นว่าอียูควรจะลงโทษรัสเซียด้วยมาตรการแซงชั่นต่อไปอีกจนถึงสิ้นปี 2015 นี้ และควรจะรีบตัดสินใจในการประชุมอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 19-20 มีนาคมนี้ ซึ่งถ้าดูจากระยะเวลาแล้วการแซงชั่นรัสเซียครั้งล่าสุดจะหมดอายุลงในเดือนกรกฎาคมปีนี้
    ถามว่าทำไมประเทศเล็กๆอย่างสวีเดนที่อยู่คนละฟากคาบสมุทรบอลติกและมีฟินแลนด์คั่นกลางกับรัสเซียถึงได้อยากให้มีการแซงชั่นรัสเซียต่อไป? มันจะอะไรซะอีกหละ ก็เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาพึ่งจะเกิดเหตุการณ์ชาร์ลี เอบโดโมเดลขึ้นที่กลางกรุง Copenhagen เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์กเพื่อนบ้านของสวีเดนทั้งตำรวจเดนมาร์กและสวีเดนต่างก็ไล่ล่าคนร้ายและวิสามัญทิ้งทันทีทางตอนใต้ของสวีเดน และตอนนี้กองทัพนาโต้ที่คุมโดยสหรัฐฯก็กระจายเต็มยุโรปไปหมด ถ้าเลือกข้างสหรัฐฯก็อาจจะสามารถขายอาวุธเมดอินสวีเดนให้ยูเครนและประเทศอื่นในนาโต้ได้บ้าง แต่ถ้าเลือกรัสเซียมีหวังเกิดชาร์ลี เอบโดโมเดลขึ้นในสวีเดนที่ไหนซักแห่งแน่ๆ ขนาดฝรั่งที่ตอนแรกจะส่งมอบเรือบรรทุกเครื่องบิน Mistral ให้รัสเซียก็ยังโดนมาแล้วถึงได้ไม่กล้าส่งให้จนถึงทุกวันนี้ไง
    + อิตาลี่ไม่เห็นด้วยที่ให้มีการต่ออายุการแซงชั่นรัสเซียอีก
    ----------------
    มาดูฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยในกรณีแซงชั่นรัสเซียบ้าง นาย Paolo Gentiloni รมว.ต่างประเทศของอิตาลีกล่าวในที่ประชุมอย่างสไม่เป็นทางการของอียูที่กรุงริก้าว่า "จุดยืนของอิตาลีก็คือมีความละเอียดอ่อนในข้อตกลงสันติภาพที่กรุงมินสก์ และประเด็นหลักก็คือควรจะขยายบทบาทในภารกิจการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกันโดยเน้นที่หน่วยงานของ OSCE เป็นหลัก ส่วนการกดดันด้วยการแซงชั่นนั้นมีประโยชน์ก็จริง แต่ยังไม่จำเป็นที่จะต้องรีบต่ออายุในช่วงเวลานี้" พูดแบบนี้เขาเรียกว่าภาษาทางการทูตแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น เป็นพูดเพื่อรักษาน้ำใจของชาติสมาชิกอียูแต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้รุนแรงกับรัสเซียนัก เพราะว่าคนที่จะเจ็บหนักกว่าเดิมก็คืออียูเองนั่นแหละ อีตาลี่นี่ก็แสบใช่ย่อยนะ คบทุกฝ่ายเหมือนกันเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง เมื่อวันก่อนก็เข้าร่วมกับนาโต้ซ้อมรบที่ทะเลดำที่ถูกปูตินส่งลูกน้องไปหาประสบการณ์การบินให้กับตัวเองในสนามรบกับข้าศึกจริงๆด้วยฝูงบิน S-30 กับ SU-24 รวม 7 ลำต่อกองเรือรบของนาโต้ 6 ลำนั่นแหละ (อันนี้เล่าให้ฟังแล้ว) นอกจากนั้นอีตาลี่ก็ยังสนับสนุนอาวุธให้อิรัคปราบไอซิสอีกด้วย ก็ใช้คำว่าสนับสนุนเพื่อให้ฟังดูดีไปอย่างนั้นแหละ จริงๆแล้วของฟรีไม่มีในโลกหรอก
    ส่วนอีกด้านหนึ่งก็หันมาจับมือกับปูตินขยายความร่วมมือระหว่างสองประเทศแม้จะอยู่ในภายใต้สถานการณ์การแซงชั่นรัสเซียก็เถอะ ประมาณว่าเจรจากันไว้ก่อน พอเลิกแซงชั่นเมื่อไรก็ลุยธุรกิจกันเลย ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีของอิตาลี่คนปัจจุบัน (Matteo Renzi) ก็เป็นเพื่อนซี้ของนายกรัฐมนตรี Alexis Tsipras ของกรีซอีกด้วยเพราะฉะนั้นทั้งสองคนนี้จึงไปทางเดียวกันคือสนับสนุนการไม่แซงชั่นรัสเซีย ทำไมอิตาลีถึงเอาใจสหรัฐฯ? ปัญหามันซับซ้อนเยอะครับ ที่เห็นชัดๆตอนนี้ก็คือภาพพจน์ของผู้นำอิตาลีกลายเป็นพวกเหยียดผิวในสายตาชาวโลก เขาเอาอะไรมาตัดสินว่าแกเหยียดผิว? ก็ตัวเลขผู้อพยพในประเทศอิตาลี่มี 37,000 คน และรัฐบาลอิตาลี่จับพวกผู้อพยพเหล่านั้นขังคุกไว้อีก 400,000 คนนะสิถึงได้มีการประท้วงกันทั่วอิตาลี่อยู่ในตอนนี้ แกบอกว่าถ้ามาเยอะกว่านี้ประเทศแกรับไม่ไหวแน่ๆ แล้วผู้อพยพเหล่านั้นมาจากไหน? ก็กลุ่มประเทศอาหรับที่อิตาลี่ไปร่วมก่อสงครามกับอเมริกาไว้นั่นแหละ
    + เดนมาร์กบอกว่าถ้าสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครนลดลงการแซงชั่นรัสเซียก็จะผ่อยคลายลงตามไปด้วย
    ----------------
    นี่แสดงให้เห็นว่ากระแสบวกเริ่มมีต่อรัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว รมว.ต่างประเทศของเดนมาร์กที่พึ่งเจอเหตุการณ์ชาร์ลี เอบโดที่กรุง Copenhagen มาหมาดๆ แต่กลับมีความเห็นในกรณีนี้ต่างจากเพื่อนบ้าน (สวีเดน) ซะงั้นหละ โดย Martin Lidegaard รมว.ต่างประเทศของเดนมาร์กกล่าวว่าการผ่อนคลายมาตรการแซงชั่นจากตะวันตกที่มีต่อรัสเซียนั้นมีความเป็นไปได้หากสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนลดลง ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย-เดนมาร์กในคราบสมุทรอาร์คติกนั้นดีมาก แม้เดนมาร์กจะร่วมกับอียูแซงชั่นรัสเซียกรณียูเครนแต่ก็ไม่กระทบความสัมพันธ์ในอาร์คติกระหว่างสองประเทศ และเดนมาร์กก็ได้บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยสงครามในยูเครนตะวันออกให้กับยูเอ็นจำนวน $1.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 48 ล้านบาท) แล้วอย่างนี้จะให้รัสเซียโกรธเดนมาร์กได้ลงคอยอย่างไรเล่า ทำไมต้องบริจาคผ่านยูเอ็น? ก็ยูเอ็นเป็นองค์กรกลางและเพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาว่าเดนมาร์กสนับสนุนกลุ่มกบฎนิยมรัสเซียยังไงหละ เพราะถ้ามอบให้รัสเซียหรือให้กลุ่ม DPR/LPR โดยตรงก็อาจจะโดนสหรัฐฯโจมตีได้ วิธีนี้แหละปลอดภัยที่สุด
    + อียูประกาศว่าจะไม่ยอมถูกลากเข้าไปเผชิญหน้ากับรัสเซียเด็ดขาด
    ----------------
    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานาง Federica Mogherini หัวหน้าด้านนโยบายต่างประเทศของยุโรปกล่าวตอบโต้กรณีที่บิ๊กบอสของนาโต้ออกมากล่าวหารัสเซียว่าส่งกองทัพจำนวน 40,000 นายเข้าไปประจำการในชายแดนยูเครนว่า "ทุกวันนี้สหภาพยุโรปเป็นผู้ที่มองโลกตามความเป็นจริง (realistic) เกี่ยวกับการพัฒนาในรัสเซีย แต่เราไม่เคยถูกวางกับดัก หรือถูกบังคับ หรือถูกผลัก หรือถูกดึงเข้าสู่ภาวะการเผชิญหน้า เรายังเชื่อว่า... ไม่ใช่แต่เพียงในทวีปของเราเท่านั้น แต่ความร่วมมือกันกับประเทศต่างๆรอบทวีปของเรานั้นดีกว่าการเผชิญหน้ากันแน่นอน" ว้าว! ฝีปากนางก็ใช่ย่อยนะ ตอนแรกพูดเพื่อรักษาหน้าอียู เพราะถูกสหรัฐฯหรอกให้เข้าร่วมวิกฤตยูเครนมาแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะความละโมบโลภมากของกลุ่มอียูเองที่ต้องการจะดึงยูเครนเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งของตนเองเพื่อเอาไว้งัดกับสหรัฐฯและรัสเซีย แต่พอเจอปูตินแยกเขี้ยวเข้าใส่ก็รีบถอยกันกรูเลย พอมีผู้ออกมาวิจารณ์มากๆว่าอียูกำลังถูกอเมริกาหลอกใช้กรณีวิกฤตยูเครน คราวนี้ก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่จริง อียูไม่ได้ถูกวางกับดัก... แล้วก็พูดในทำนองว่าขอร่วมมือกับรัสเซียดีกว่า มันมีทางอื่นให้เลือกมากกว่านี้หรือไง? ไม่มี… ดี… งั้นก็มาเป็นเพื่อนกันกับรัสเซีย
    ส่วนกรณีคำพูดของผู้นำนาโต้ที่ต้องการจะสร้างสงครามกับรัสเซียให้ได้นั้น ทางเยอรมันชักเซ็งอเมริกากับนาโต้หละ ก็เลยให้ลูกน้องออกมาพูดว่าอเมริกากำลังจะพยายามทำให้ความพยายามของยุโรปในการไกล่เกลี่ยวิกฤตยูเครนที่นำโดยนายกรัฐมนตรี Angela Merkel ของเยอรมัน อันที่จริงก่อนหน้านี้ปูตินก็ออกมากระแอใส่อียูแล้วรอบหนึ่งว่ารู้นะว่าใครบ้างในอียูที่ให้การสนับสนุนด้านอาวุธหนักให้กับทางกรุงเคียฟหนะนี่ยังไม่ได้คิดบัญชีนะ แหม… พูดอย่างนี้เล่นเอาผู้นำเยอรมันสะดุ้งเลยอ่ะ "ปูตินรู้แล้วเหรอ?" ปูตินบอก "อึ่ม! รู้สิ แต่ไม่พูดเฉยๆ" ฝ่ายเยอรมันหลุดออกมาว่า "เฮ้อ!… โล่งอกไปที" เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ท่าทีของเยอรมันถึงได้เริ่มเปลี่ยนไปอย่างไรหละ
    + สาธารณรัฐเช็กห้ามไม่ให้กองทัพสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพในประเทศตน
    ----------------
    สาธารณรัฐเช็กเข้าร่วมเป็นสมาชิกของนาโต้พร้อมกับอีกสองประเทศในปี 1999 คือฮังการี และโปแลนด์ แต่เมื่อวานนี้สื่อฯลงข่าวว่ารมว.กลาโหมของเช็กประกาศว่าจะไม่อนุญาตให้กองทัพของสหรัฐฯมาตั้งฐานทัพอย่างถาวรในสาธารณรัฐเช็กโดยเด็ดขาด แม้ว่าหลายประเทศจะเข้าร่วมปฏบัติการภายใต้ภารกิจแก้ไขปัญหาในคาบสมุทรแอ็ทแลนติกกับนาโต้ (Operation Atlantic Resolve) และนาโต้อาจจะใช้พื้นที่ในเช็กเป็นการฝึกร่วมกันได้ แต่จะไม่อนุญาตให้กองทัพของชาติใดมาตั้งฐานทัพในเช็กโดยเด็ดขาด แข็งอ่ะ! ไม่น่าเชื่อ แม้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ทั้งออสเตรีย ฮังการี สโลวเกีย และเช็กเป็นพันธมิตรกับรัสเซียนะและประเทศเหล่านี้ไม่เห็นด้วยกับการแซงชั่นรัสเซียอีกรอบ
    + อียูแซงชั่นรัสเซียย่อมเปิดประตูตลาดในรัสเซียให้กับกลุ่มประเทศเอเซียและBRICS
    ----------------
    ก่อนที่จะมีการประชุมระดับรมว.ต่างประเทศของอียูในกรุงริก้าหนึ่งวัน ทางรัสเซียก็เดินเกมนำหน้าหนึ่งก้าวโดยให้ประธานองค์กรการลงทุนในรัสเซีย (Russian Investment Agency) ออกมาให้กระตุ้นพวกอียูว่าประเทศเกาหลีใต้ สิงคโปร์ บราซิล อินเดีย จีน ได้แสดงความสนใจที่จะมาลงทุนในรัสเซียแทนหากทางอียูถอนการลงทุนของตนออกจากรัสเซีย โดยตอนแรกที่มีการแซงชั่นรัสเซียจนทำให้ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนค่าสุดๆนั้น ฝ่ายรัสเซียก็นึกว่าพวกอียูคงจะขายกิจการบางอย่างเช่นโรงแรมทิ้งไปเพราะธุรกิจซบเซา แต่ปรากฎว่าพวกอียูไม่ยอมทิ้งผลประโยชน์ของพวกตนในรัสเซีย เห็นได้ชัดว่าพวกนี้ไม่กล้าตัดสัมพันธ์กับรัสเซียจริงๆหรอก ก็แค่หยั่งเชิงดูเท่านั้นและเมื่อรู้แล้วว่าปูตินแข็งจริงๆ ก็เริ่มจะกลับลำแล้วตอนนี้
    อ้อแถมให้อีกนิดนึงวันนี้ รมว.ต่างประเทศของสเปนจะมีการพบปะเจรจากับ รมว.ต่างประเทศของรัสเซียที่กรุงมอสโคว์เกี่ยวกับปัญหายูเครนและยาวไปถึงวิกฤตลิเบียและในตะวันออกกลางด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นไปในทางบวกนะ ส่วนท่าทีของฝรั่งเศสที่เสนอให้นำทฤษฎี "Currency Snake" หรือ "The Snake in the Tunnel" มาใช้กับวิกฤตค่าเงินยูโรในภาวะปัจจุบันของอียูนั้นจะเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปนะครับ อันนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน ว้าว! มีแต่ความรู้และเรื่องหนุกๆทั้งนั้นเลยครับ วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ ยาวมากแล้วเดี๋ยวอ่านไม่ไหวกัน
    The Eyes
    08/03/2558
    --------------
    Sweden Supports Expanding Anti-Russian Sanctions Until End of 2015 / Sputnik International
    Deadly shooting at blasphemy debate in Copenhagen featuring cartoonist Lars Vilks — RT News
    Copenhagen police say dead shootings suspect was 'Charlie Hebdo-inspired' — RT News
    Jewish institutions on high alert after Copenhagen attacks — RT UK
    http://sputniknews.com/politics/20150307/1019185622.html
    Anti-Russia Sanctions Relief Possible if Ukraine Tensions Ease / Sputnik International
    http://rt.com/news/238681-eu-oppose-confrontation-ukraine/
    http://rt.com/news/238673-germany-nato-propaganda-ukraine/
    Spanish FM to Visit Moscow Sunday to Discuss Ukraine, Anti-Russia Sanctions / Sputnik International
    US Troops Not to Be Stationed in Czech Republic / Sputnik International
    EU Sanctions Open Door to Russian Market for Asia, BRICS / Sputnik International
    EU Sanctions Open Door to Russian Market for Asia, BRICS / Sputnik International
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สุดอึ้ง!! “โบโกฮาราม” สวามิภักดิ์กระทันหันกับ “ก่อการร้าย IS”หลังเกิดระเบิด 3 จุดในไนจีเรีย ดับร่วม 58 เจ็บเพียบ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มีนาคม 2558 10:30 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – เมื่อวานนี้(7)กลุ่มติดอาวุธโบโกฮารามที่ขอบเขตก่อการร้ายในไนจีเรีย แคเมรูน และรอบทะเลสาบชาดออกเสียงคลิปประกาศยอมขึ้นกับกลุ่มก่อการร้ายมุสลิมสุหนี่ IS หลังจากก่อเหตุโจมตีในไมดูกูรี ตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย เสียชีวิต 58 ราย บาดเจ็บอีก139 คน

    “เราขอประกาศความภักดีต่อคอลีฟะห์แห่งมุสลิม อิบราฮิม อีบิน อาวาด อีบิน อิบราฮิม อัล-ฮุสเซอีนี อัล-คูราชี (Ibrahim ibn Awad ibn Ibrahim al-Husseini al-Qurashi)” อาบูบาการ์ เชเกา( Abubakar Shekau) หัวหน้ากลุ่มโบโกฮารามประกาศ โดยอ้างถึงหัวหน้ากลุ่ม IS อาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี (Abu Bakr al-Baghdadi)

    ทั้งนี้เชเกาอ้างว่า การประกาศยอมสวามิภักทำขึ้นถือเป็นหน้าที่ทางศาสนา และ “สร้างความโกรธแค้นให้กับศัตรูของพระอัลเลาะห์” โดยเอเอฟพีรายงานว่า การแถลง 8 นาทีผ่านคลิปเสียงที่ไม่ปรากฏรูปภาพถูกโพสต์เผยแพร่ผ่านแอกเคาน์ทวิตเตอร์ของโบโกฮารามภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาอารบิก และพบว่าก่อนหน้านี้หัวหน้าโบโกฮารามกล่าวถึงบักห์ดาดีในคลิปอื่น แต่ทว่าในคลิปล่าสุดกลับประกาศสวามิภักดิ์อย่างเป็นทางการ

    แต่เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า โบโกฮารามที่ดูเหมือนมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้นต้องการสร้างความใกล้ชิดกับ IS ซึ่งในช่วงเวลา 6 ปีที่ผ่านมาโบโกฮารามได้สังหารคนไปแล้วถึง 13,000 คนและอีกร่วม1.5ล้านคนไร้ที่อยู่ ซึ่งไม่เพียงแต่เชเกาได้ประกาศในปีที่ผ่านมา ว่าได้ยึดโกวซา (Gwoza )ในรัฐบอร์โน ทางเหนือของไนจีเรีย ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคอลีฟะห์ แต่ในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โบโกฮารามได้ออกวิดีโอคลิปเชิญชวนที่คล้ายกับ IS

    ประธานาธิบดีกู๊ดลัก โจนาธาน แห่งไนจีเรีย ที่ถูกตำหนิมากที่สุดถึงความผิดพลาดเกี่ยวกับโบโกฮารามในเดือนที่ผ่านมาได้เคยแถลงว่า ข่าวกรองไนจีเรียพบความเชื่อมโยงของก่อการร้าย 2 ในขณะที่แมกซ์ อับราฮามส์ ( Max Abrahms) ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น บอสตัน มาซาชูเซต กล่าวว่า “การประกาศสวามิภักดิ์ถือสมเหตุสมผลเพราะ ล่าสุดดูเหมือนว่าทั้งโบโกฮารามและ IS มีองค์กรที่อ่อนแอ”

    และในสัปดาห์นี้มีรายงานว่า โบโกฮารามในเมืองโกวซา ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงของกลุ่มโบโกฮาราม ถูกพบว่ากำลังรวบรวมผู้คน คาดว่าจะเริ่มปฎิบัติการ ในขณะที่ในวันเสาร์(7)กองทัพไนจีเรียประกาซชัยชนะสามารถขับไล่โบโกฮารามออกจากเมืองบูนี ยาดี( Buni Yadi) และเมืองบูนี การี( Buni Gari) สำเร็จ หลังจากก่อนหน้านั้นอ้างว่าสามารถขับโบโกฮารามออกจากเมือง Marte ในรัฐบอร์โนได้ และในเวลา 13.00 น. เกิดระเบิดลูกที่ 3 ขึ้นที่สถานีขนส่งรถบอร์โนเอ็กซเพรส ทำให้รถมือสองซึ่งจอดบริเวณนั้นได้รับความเสียหาย โดยมีการชี้ว่าในการระเบิดครั้งที่ 2 และ ครั้งที่ 3 เป็นฝีมือของมือระเบิดฆ่าตัวตายเช่นกันแต่ยังไม่แน่ชัด และยังไม่มีรายงานรายละเอียดเปิดเผยออกมา

    ด้านกากา เชฮู (Kaka Shehu) อธิบดียุติธรรมรัฐบอร์โนได้กล่าวถึงการโจมตีวันเสาร์(7)ว่า เป็นฝีมือของโบโกฮารามเพื่อตอบโต้ต่อการที่ถูกกองทัพไนจีเรียเข้ายึดเมืองคืนในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญกลุ่มติดอาวุธจากบอสันเตือนว่า “ผมคิดว่าโบโกฮารามต้องระวังไว้จุดหนึ่ง ตามปกติแล้วประชาคมโลกมองว่านี่เป็นสงครามกลางเมืองในไนจีเรีย หรือบางทีอาจเป็นสงครามที่ขยายขอบเขตในแอฟริกาตะวันตก”

    และจากการขยายพื้นที่ของกลุ่มติดอาวุธ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ถึงการเกิดโจมตีด้วยระเบิดเพิ่มมากขึ้นในเมืองต่างๆ รวมถึงการขัดขวางการเลือกตั้งทั่วไปไนจีเรียในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า แต่ในวันเสาร์(7) เกิดมือระเบิดหญิงฆ่าตัวตายในเวลา 11.20 น.ที่ตลาดปลาบากาในไมดูกูรี รัฐบอร์โน และทำให้ชาวบ้านต่างโกรธแค้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลดภัยในที่เกิดเหตุว่าปล่อยให้มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นและในอีก 1 ชม.ถัดมาเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นที่ตลาดวันจันทร์ที่มีชื่อเสียงและสร้างความโกลาหล ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจรัฐบอร์โนเคลมองต์ อาโดดา( Clement Adoda) ให้ข้อมูลว่า มียอดเสียชีวิต 58 คน ในที่เกิด 3 จุดรวมกันในไมดูกูรี และมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 139 คน


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000027265
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    EU ประกาศพร้อมเพิ่มเรือลาดตระเวนใน “เมดิเตอร์เรเนียน” หากส่งผลดีต่อความมั่นคงใน “ลิเบีย” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มีนาคม 2558 04:15 น. (แก้ไขล่าสุด 8 มีนาคม 2558 04:18 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สหภาพยุโรป (อียู) เตรียมหารือกับองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อหาหนทางเสริมสร้างความมั่นคงแก่ลิเบีย ซึ่งรวมถึงการเพิ่มจำนวนเรือรบของชาติสมาชิกอียูในน่านน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

    เฟเดริกา โมเกรินี ประธานนโยบายต่างประเทศของอียูออกมาเปิดเผยหลังเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอียูที่กรุงริกา เมืองหลวงของลัตเวียว่า อียูพร้อมขยายขอบเขตของการลาดตระเวนในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนออกไป หากภารกิจนี้จะส่งผลดีต่อความมั่นคงของลิเบีย จากที่แต่เดิมเรือรบของชาติสมาชิกอียูจะให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือเรือผู้อพยพจากลิเบียและประเทศอื่นๆในภูมิภาคแอฟริกาเหนือเป็นสำคัญ

    ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทางสหภาพยุโรปมีขึ้น หลังมีการเจรจาที่ได้รับการหนุนหลังจากสหประชาชาติ ตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดี (5 มี.ค.) เพื่อการหยุดยิงระหว่างคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายที่ต่างตั้งตนเป็นรัฐบาลในลิเบีย ที่กลายสภาพเป็นดินแดนไร้ขื่อแปหลังระบอบการปกครองของมูอัมมาร์ กัดดาฟีถูกโค่นอำนาจ

    ก่อนหน้านี้รัฐบาลฝรั่งเศสและอิตาลีมีความกังวลต่อการขยายอิทธิพลของกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ในลิเบีย ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียและอิรัก ท่ามกลางความกังวลว่าพวกสุดโต่งดังกล่าวอาจข้ามมาก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ตอนใต้ของยุโรปที่อยู่ห่างจากชายฝั่งของแอฟริกาเหนือโดยมีเพียงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกั้นกลาง

    ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงและการทูตของอียูต่างเริ่มหารือกันมาอย่างลับๆตั้งแต่เดือนมกราคมถึงความเป็นไปได้ในการเพิ่มจำนวนเรือรบของยุโรปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

    ทั้งนี้ มีรายงานว่าทางการอิตาลีเตรียมจัดการซ้อมรบทางทะเลประจำปีในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ใกล้กับชายฝั่งของลิเบียในช่วงต้นสัปดาห์นี้

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000027234
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปริศนาธัมมชโยไม่ร่วมพิธีหลวง-แยกวงเลี่ยงอวยพรสมเด็จญาณฯ?
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2558 15:52 น.

    [​IMG]

    ASTVผู้จัดการ – ชาวเน็ตสนใจกระทู้ข้ามกาลเวลาของนักสืบพันทิปที่ตั้งคำถามกรณีธัมมชโยไม่โผล่ไปร่วมพระราชพิธีรับพัดยศเลื่อนสมณศักดิ์ในพระบรมมหาราชวังเมื่อปี 2554 แถมยังไม่ไปถวายพระพรสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร ช่วยไขความกระจ่างตีแผ่การเมืองในมหาเถรสมาคมแบบเด็กใครสายมัน ราชาคณะยุคใหม่มีเส้นสายกับนักการเมืองในทำเนียบรัฐบาลก็สามารถแยกวงรับเอง ฉีกราชประเพณีได้ และการแต่งตั้งยุคใหม่เป็นเรื่องของฝ่ายสงฆ์เสนอไปจึงปรากฏมีการวิ่งเต้น ใช้เงินทองซื้อตำแหน่งก็มี

    ระหว่างที่สังคมให้ความสนใจต่อประเด็นข้อปัญหาวัดธรรมกายขึ้นมาอีกรอบในระหว่างหลายวันนี้ ได้มีการแชร์กระทู้ในเว็บไซต์พันทิปตั้งคำถามพฤติกรรมความไม่เหมาะสมของพระธัมมชโย (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) เจ้าอาวาสวัดธรรมกายเมื่อครั้งได้รับเลื่อนสมณศักดิ์จากพระราชภาวนาวิสุทธิ์เป็นพระเทพญาณมหามุนีเมื่อปี พ.ศ.2554 ซึ่งส่อว่าจงใจไม่ไปร่วมพระราชพิธีที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เป็นผู้แทนพระองค์พระราชทานถวายสัญญาบัตรพัดยศซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวัง จากนั้นก็ยังไม่ไปร่วมพิธีถวายสักการะอวยพรสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชในขณะนั้นด้วย

    นักสืบพันทิปผู้เขียนกระทู้ใช้นามว่า “ราชมัล” ตั้งชื่อกระทู้ว่า “พระเทพญาณมหามุนี วัดพระธรรมกาย สงฆ์ผู้พลิกหน้าประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ไทย” เขียนไว้เมื่อ 7 เมษายน 2555 หลังจากเหตุการณ์ที่ธัมมชโยไม่ไปร่วมพระราชพิธีในพระมหาราชวังราว 4 เดือน มีใจความสรุปว่า ปกติของราชประเพณีทรงตั้งและเลื่อนสมณศักดิ์สงฆ์ในรัชกาลนี้กำหนดจัดเป็นประจำในวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี แต่เดิมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสด็จไปพระราชทานด้วยพระองค์เองหรืออาจมอบผู้แทนพระองค์ที่มักเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จแทนและกำหนดจัดที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยเป็นประจำ

    ประเพณีที่ปฏิบัติสืบกันมาเมื่อพระราชาคณะที่ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์รับพระราชทานพัดยศและตราตั้งแล้วในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 6 ธันวาคมจะพร้อมกันไปสักการะสมเด็จพระสังฆราช (ในขณะนั้นคือสมเด็จญาณสังวรฯ) กำหนดการที่สำนักงานพระพุทธศาสนาได้แจ้งไว้คือให้ไปที่อุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร

    ในปีพ.ศ. 2554 เป็นปีที่ พระธัมมชโย ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯพระราชทานสมณศักดิ์เลื่อนจาก พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ขึ้นเป็น พระเทพญาณมหามุนี ปรากฏในบัญชีรายชื่อแต่งตั้งสมณศักดิ์ลำดับที่ 11 (ตามภาพประกอบ) แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้พบเห็นธัมมชโยไปร่วมงานพระราชพิธีทั้งที่ในพระบรมมหาราชวัง และยังไม่ไปร่วมพิธีสักการะสมเด็จพระสังฆราชเหมือนกับราชาคณะรูปอื่นๆ

    ความผิดปกติอย่างยิ่งของเรื่องนี้คือ ในวันที่ 7 ธันวาคม 2554 เพียง 2 วันให้หลังวันพระราชพิธีกลับปรากฏว่าธัมมชโยได้ปรากฏตัวในงานรับมอบพัดยศเลื่อนสมณศักดิ์ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานพระพุทธศาสนา โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมเด็จวัดปากน้ำ ช่วง วรปุญฺโญ) พระอาจารย์และพระอุปัชฌาย์ของธัมมชโยเป็นผู้มอบให้แทนท่ามกลางพิธีกรรมที่จัดอย่างยิ่งใหญ่สวยงาม

    “ราชมัล” ผู้ตั้งกระทู้รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ผิดปกติมากที่ราชาคณะรูปหนึ่งซึ่งได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์แต่กลับหายตัวไม่ไปร่วมพระราชพิธีแต่กลับแยกมาจัดงานเองในอีกสองวันถัดมา หากจะอ้างว่าอาพาธหนักไปร่วมพระราชพิธีและไปถวายสักการะพระสังฆราชไม่ได้ แต่ภาพถ่ายที่เผยแพร่ก็ยังผ่องใสดูแข็งแรงดี

    ความผิดปกติยังรวมไปถึงการตั้งคำถามต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาที่จัดงานนี้ขึ้นว่าเป็นเพราะอิทธพลทางการเมืองของนางลีลาวดี วัชโรบล เลขานุการกรรมาธิการศาสนาศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้นเป็นผู้ประสานจัดให้โดยไม่มีธรรมเนียมหรือกฎหมายรองรับหรือไม่ ?

    “ราชมัล” ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติรวม 4 ข้อสรุปความได้ดังนี้

    ข้อแรก - การที่สมเด็จวัดปากน้ำไปเป็นประธานมอบพัดยศเลื่อนสมณศักดิ์ให้กับธัมมชโยถูกต้องดีแล้วหรือ เพราะยังไม่มีมติมหาเถรสมาคมให้ส่งผู้แทนไปถวายพัดยศ สัญญาบัตรให้กับพระเทพญาณมหามุนีถึงที่วัดพระธรรมกาย

    ข้อที่สอง – ตั้งข้อสังเกตการทำงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาซึ่งที่ถูกก็แค่นำพัดยศและสัญญาบัตรไปถวายให้ก็จบ เพราะทางสำนักฯ มีหน้าที่ต้องสนองพระราชศรัทธาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ องค์เอกอัคราชศาสนูปถัมภก ในเมื่อออกฎีกาแล้วพระสงฆ์ไม่มารับ ก็ต้องเอาไปถวายถึงที่ เพราะจะเก็บไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์อันใด

    ข้อที่สาม – ตั้งข้อสังเกตความลักลั่นของการจัดงานเพราะมันประหลาดที่สมเด็จวัดปากน้ำฯ ผู้เป็นประธานมอบไม่ได้มีสายบังคับบัญชาโดยตรง เป็นแค่พระอุปัชฌาย์ ราชมัลเขียนไว้ว่า “เพราะถ้าจะเอากันให้ตรงตามแบบแผน แม้จะมาลักลั่นเอาตอนนี้ ก็ต้องให้พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้มอบถวายให้ หรือไม่ก็เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ซึ่งคือ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชัยญาติการาม นั้นเอง ถึงจะถูกต้องตามสายการบังคับบัญชา”

    ข้อที่สี่ – พบว่ามีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองคือ จากเลขานุการกรรมาธิการศาสนาศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร (ลีลาวดี วัชโรบล) ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจัดงานถวายพัดยศ สัญญาบัตรที่แยกออกมาจากพระราชพิธีปกติ

    ผู้สื่อข่าวสืบค้นปริศนาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นกระทู้นี้ไปพบการสนทนาในเว็บบอร์ดของเว็บไซต์วัดพระธรรมกาย วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม | สำนักปฏิบัติธรรมและโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ประจำจังหว ซึ่งมีผู้ตั้งคำถามกรณีธัมมชโยไม่ไปร่วมพระราชพิธีวันที่ 5 ธันวาคม 2554 และไม่ไปถวายพระพรให้สมเด็จพระสังราชญาณสังวร โดยมีผู้เข้าไปตอบว่า

    “ขออนุญาตตอนแทนนะครับ หลวงพ่อธัมมชโย ท่านไม่ได้ไปรับพระยศด้วยตัวท่านเองครับ ทราบว่าช่วงวันงานหลวงพ่อธัมมชโยท่านอาพาธหนักครับ” (อ้างอิง ขอถวายมุทิตาสักการะแด่หลวงป๋า ที่จะได้โปรดเกล้าฯพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ครับ)

    แม้ว่าทางฝ่ายวัดธรรมกายและสาวกจะพยายามนำเสนอแก้ต่างว่าการที่แยกออกมาจัดพิธีมอบพัดยศและสัญญาบัตรที่วัดธรรมกาย ไม่เข้าร่วมพระราชพิธีที่พระบรมมหาราชวังเป็นเพราะเหตุสุดวิสัยเพราะการอาพาธหนัก ก็ยังมีคำถามตามมาอยู่ดีว่าเหตุใดการจัดงานมอบพัดยศให้แก่ธัมมชโยวันนั้นจึงมีความพร้อมมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากประกอบทั้งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และฝ่ายอื่นๆ ราวกับมีการเตรียมไว้ล่วงหน้า หากธัมมชโยฟื้นจากอาพาธหนักในเย็นวันที่ 6 ธันวาคม แสดงว่าประสิทธิภาพในการจัดงานของทุกฝ่ายไม่ว่าฝ่ายราชการและฝ่ายสงฆ์ช่างยอดเยี่ยมมากเพราะใช้เวลาประสานงานและเตรียมงานเพียงคืนเดียวเท่านั้น

    ได้มีผู้สนใจเข้าไปถามตอบสนทนาต่อในกระทู้นั้นอย่างหลากหลาย จนที่สุดผู้ตั้งกระทู้ได้อธิบายว่าระบบการตั้งสมณศักดิ์ในปัจจุบันแม้จะสืบทอดมาแต่ก็ไม่เหมือนสมัยโบราณ เพราะทรงมอบให้ทางฝ่ายสงฆ์เสนอชื่อกันมาเอง และในยุคใหม่นี้มีระบบเส้นสายและเงินทองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

    ราชมัลเขียนไว้ว่า “ในปัจจุบัน จริงๆไม่คิดว่าจะเป็นในปัจจุบันหรอกครับ น่าจะมีมานานแล้ว เรื่องการพิจารณาแต่งตั้งพระภิกษุผู้สมควรได้รับพระราชทานสมณศักดิ์นั้น โดยส่วนใหญ่ จะยึดหลัก "ดวง" คือ

    ด = เด็กใครฯ หมายถึง เป็นพระที่อยู่ในการดูแลของใคร / ว = วิ่งเส้นไหน ? หมายถึง ขอสมณศักดิ์มากับพระผู้ใหญ่รูปใด / ง = เงินถึงหรือเปล่า ? หมายถึง พร้อมที่จะทุ่มหรือไม่

    เป็นแบบนี้เสียส่วนใหญ่ เมื่อมีผลประโยชน์ก็มีการตอบแทน หลายต่อหลายครั้งที่พระหนุ่มๆ ก้าวหัวข้ามพระเถระที่อาวุโสขึ้นไปนั่งในตำแหน่งสูงๆ .... ดังนั้นคุณภาพ พระภิกษุผู้ได้รับคัดเลือกมารับพระราชทานสมณศักดิ์ก็ใช่ว่าจะการันตีได้ทุกรูปว่าท่านวัตรปฏิบัติ เหมาะสม ควรคู่กับสมณศักดิ์ที่ได้รับพระราชทานมา”

    http://manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000027131
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “พระไพศาล วิสาโล” “ธรรมกาย” เป็นที่เชิดหน้าชูตาของ “มหานิกาย”
    โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 7 มีนาคม 2558 06:23 น.

    [​IMG]

    ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หลังจากวัดพระธรรมกายตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ สังคมก็ตั้งคำถามแก่วัดแห่งนี้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นคำสอนที่บิดเบือน วิธีการจัดการต่อปัญหาวัดพระธรรมกาย การดำเนินการขององค์กรสงฆ์ ฯลฯ ต่างๆ เหล่านี้ล้วนยังหาข้อสรุปไม่ได้

    พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นพระนักเผยแผ่ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ได้ให้สัมภาษณ์แก่ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ เพื่อให้ข้อคิดและเสนอทางปฏิรูปศาสนาที่ถูกต้องแก่สังคม อันจะช่วยให้สถาบันสงฆ์เข้มแข็ง ประชาชนเข้าใจหลักธรรม จนนำสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไป

    ทำไมจึงมีคนศรัทธาในพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายเป็นจำนวนมาก ทั้งๆ ที่รู้ว่า วัดพระธรรมกายบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า

    อาตมาเชื่อว่าผู้คนจำนวนมากศรัทธาในผู้นำวัดพระธรรมกาย โดยไม่รู้ว่ามีการสอนคลาดเคลื่อนจากหลักธรรมของพระพุทธเจ้า หรือมีการบิดเบือนคำสอนของพระองค์ ศรัทธาอาจเกิดจากความเชื่อในอำนาจพิเศษของผู้นำสำนัก หรือเห็นว่าคำสอนและการปฏิบัติของสำนักนี้ถูกกับจริตของตน รวมทั้งสอดคล้องหรือสามารถตอบสนองกิเลสของตนได้ (เช่น อยากร่ำรวย มีชื่อเสียง) ดังนั้นถึงแม้วัดพระธรรมกายแยกออกไปจากคณะสงฆ์ไทย อาตมาเชื่อว่าก็ยังมีคนศรัทธามากมาย ดังที่เกิดกับอดีตพระภาวนาพุทโธที่แม้ทุกวันนี้ถูกคุมขังในข้อหาพรากผู้เยาว์ ก็ยังมีผู้คนไปกราบไหว้เยี่ยมเยียนในเรือนจำ เพราะเชื่อว่าเขาเป็น “ผู้วิเศษ”

    อยากให้สรุปให้เห็นชัดๆ ว่า คำสอนของวัดพระธรรมกายที่บิดเบือนคืออะไร และคำสอนที่ถูกต้องคืออะไรเช่น “วิชชาธรรมกาย” ของวัดพระธรรมกาย ถือว่าใช่แนวทางที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนาหรือไม่ อย่างไร หรือวัดธรรมกายสอนว่า “นิพพานเป็นอัตตา” ตรงนี้จริงหรือไม่ หากไม่ใช่พระพุทธเจ้าสอนว่าอย่างไร

    คำสอนของวัดพระธรรมกายที่ไม่ตรงกับหลักธรรมในพุทธศาสนา ที่สำคัญได้แก่คำสอนเกี่ยวกับบุญ เช่น ถวายเงินมากเท่าไร ก็ได้บุญเท่านั้น มีการกระตุ้นให้ถวายเงินมาก ๆ ยิ่งมากยิ่งดี จนถึงกับเชียร์ให้ทุ่มสุดตัว อาทิ “ปิดบัญชีทางโลก เพื่อเปิดบัญชีทางธรรม” ใครที่ถวายเงินมาก ๆ ก็จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเจ้าสำนัก จนอาจได้รับโอกาส “อัดวิชาธรรมกาย”ให้

    นอกจากนั้น ก็ได้แก่คำสอนเรื่อง “ธรรมกาย” ซึ่งมีความหมายแตกต่างจากคำสอนในพระไตรปิฎก (ซึ่งหมายถึงพระพุทธเจ้าหรือจิตที่เข้าถึงโลกุตรธรรม) หรือการสอนว่า จะบรรลุธรรมก็ต่อเมื่อเห็นองค์พระ มิใช่เพราะมีปัญญาเห็นแจ้งในสัจธรรม ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอน

    คำสอนว่านิพพานเป็นอัตตา ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่สอนคลาดเคลื่อนจากพระไตรปิฎก ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงการอวดอ้างเป็นการภายในว่า เจ้าสำนักเป็น “ต้นธาตุ ต้นธรรม” คือเหนือกว่าพระพุทธเจ้า โดยที่แนวคิดดังกล่าวก็หามีในพระไตรปิฎกไม่

    การที่วัดพระธรรมกายสอนว่า “ยิ่งบริจาคเงินมาก ยิ่งได้บุญมาก” พระอาจารย์มองว่าอย่างไร

    การให้ทานที่ถูกต้องในพุทธศาสนา หรือสัปปุริสทาน มีองค์ประกอบดังนี้ ๑)ให้ของสะอาด ๒)ให้ของประณีต ๓)ให้ถูกเวลา ๔)ให้ของสมควร ๕)ให้ด้วยวิจารณญาณ ๖)ให้เนือง ๆ ๗) เมื่อให้จิตผ่องใส ๘)ให้แล้วเบิกบานใจ จะเห็นได้ว่าไม่มีข้อใดที่กล่าวว่า ยิ่งบริจาคเงินมาก ยิ่งได้บุญ จะว่าไปแล้วการให้ด้วยของหรือทานนั้น เป็นการทำบุญประเภทหนึ่งเท่านั้น ยังมีการทำบุญอีก ๙ ประเภท โดยไม่ต้องใช้เงินเลย เช่น รักษาศีล เจริญภาวนา ฟังธรรม อ่อนน้อมถ่อมตน ทำความเห็นให้ตรง เป็นต้น ทั้งหมดที่กล่าวมานี้มีอานิสงส์ยิ่งกว่าการให้ทานด้วยซ้ำ

    หลายคนมองว่าวัดพระธรรมกายอวดอุตริมนุสธรรม ท่านคิดอย่างไรในเรื่องนี้

    อาตมามองว่าการอุตริมนุสธรรมทำให้เกิดความงมงาย ทำให้การปฏิบัติธรรมของชาวพุทธผิดไป คือ ไม่ได้มุ่งทำบุญเพื่อขจัดกิเลส หรือฝึกฝนตนให้เกิดปัญญานำชีวิต การหลงทางไปเรื่อยๆ อย่างนี้ จะทำให้เกิดผลเสียต่อผู้ปฎิบัติ และยิ่งถ้าเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ก็จะทำให้สังคมผิดเพี้ยน หรือหลงทิศหลงทางกันมากขึ้น

    ส่วนประเด็นว่าอวดอุตริมนุสธรรมหรือไม่ มีเกณฑ์วัดหลายระดับ การที่อ้างว่าตัวเองมีญาณทิพย์วิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ ก็อาจเข้าข่ายว่าอวดอุตริมนุสธรรมได้ แต่ว่าจะไม่ร้ายแรงเท่ากับบอกว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์หรือบอกว่าตนเองเป็นพระอริยเจ้า ซึ่งตรงนี้อาจถึงขั้นปาราชิกได้

    ถามว่าพระธัมมชโยอวดอุตริมนุสธรรมถึงขั้นปาราชิกหรือยัง ตรงนี้เรายังไม่ทราบแน่ชัด เพราะบางอย่างยังเป็นคำร่ำลือ แต่ประเด็นที่อ้างว่าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ อาจเข้าข่าย หลอกลวงประชาชน แต่ถ้าเกิดว่าทำด้วยเจตนาดีหรือเชื่อด้วยความศรัทธาได้นั้น ก็อาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เหตุที่จะทำให้พระสงฆ์ปาราชิกได้นั้น ก็คือผิดศีล 5 คือ ข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 3

    ประเด็นวัดพระธรรมกายอาจผิดศีลข้อ 2 ตรงที่ขโมยเอาของส่วนรวมมาเป็นของตน คือการเอาเงินของพระพุทธบริษัทมาเป็นของส่วนตัว ก็เข้าข่ายลักทรัพย์ ในทางโลกว่าผิดแล้ว ในทางธรรมก็ถือว่าผิดเช่นเดียวกัน

    หากวัดพระธรรมกายยังสอนคำสอนที่บิดเบือนต่อไป จะเกิดผลเสียอย่างไรต่อสังคมบ้าง

    หากวัดสอนผิดๆ ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่าจุดมุ่งหมายของการสอนคืออะไร ถ้าหากสอนในลักษณะที่ไปกระตุ้นกิเลส ทำให้เกิดความหลง หรือเพื่อเป็นการไปปรนเปรอสนับสนุนวัดพระธรรมกาย แต่เกิดปัญหาต่อส่วนรวมนั้น ก็จะทำให้เกิดความเดือดร้อน เช่น มีญาติโยมบางคนบริจาคเงินจนหมดเนื้อหมดตัว ทำให้เขาเดือดร้อน และถ้าหากเกิดขึ้นกับคนเป็นแสนเป็นล้าน ก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่

    นอกจากนั้นคำสอนของวัดพระธรรมกายยังทำให้คำสอนของพระพุทธเจ้าแปรผันไป หรือทำให้เกิดความเข้าใจผิดพลาดในพระพุทธศาสนาต่อเนื่องต่อไปเป็นเวลายาวนาน นี่คือเรื่องเสียหาย เพราะจะทำให้พระธรรมวินัยเลือนหายไปได้ง่าย

    นอกจากนั้นการปฏิบัติผิดๆ การสอนให้ไปปรนเปรอกิเลส คิดว่าทุกอย่างเพื่อความร่ำรวย และเรื่องปาฏิหาริย์งมงาย นี่เองจะเป็นผลเสียต่อผู้ปฎิบัติเองด้วย ไม่ใช่เฉพาะแค่ พระพุทธศาสนาโดยรวมอย่างเดียว

    หลังเกิดกรณีวัดพระธรรมกาย มีพระผู้ใหญ่หลายคนออกมาปกป้องวัดพระธรรมกาย มีขบวนการเคลื่อนไหวต่างๆ นานาเพื่อปกป้องมหาเถรสมาคมซึ่งปกป้องวัดพระธรรมกายอีกครั้ง พระอาจารย์มีความเห็นต่อปรากฏการณ์ดังกล่าวอย่างไร และทำไมมหาเถรสมาคม(มส.) ซึ่งเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ไทยจึงไม่จัดการกับ พระธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย

    ตลอด ๓๐ ปีที่ผ่านมา วัดพระธรรมกายได้สร้างสัมพันธ์อันดีกับพระผู้ใหญ่ในคณะสงฆ์ รวมทั้งกรรมการมหาเถรสมาคมทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยเฉพาะฝ่ายมหานิกาย มีการนิมนต์มาร่วมงานสำคัญของวัด และให้ผลประโยชน์ตอบแทนเป็นอันมาก ดังนั้นพระผู้ใหญ่และกรรมการมหาเถรสมาคมเป็นส่วนใหญ่จึงมีความรู้สึกที่ดีต่อวัดพระธรรมกาย

    นอกจากนั้นยังมีการเมืองในคณะสงฆ์ระหว่างมหานิกายกับธรรมยุตเข้ามาเกี่ยวข้อง
    กล่าวคือ กรรมการมหาเถรสมาคม รวมทั้งพระผู้ใหญ่โดยเฉพาะฝ่ายมหานิกาย ต้องการเห็นสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ฝ่ายมหานิกาย ขึ้นเป็นสังฆราช แต่หากพบว่าผู้นำวัดพระธรรมกายผิดตามข้อกล่าวหา ก็อาจส่งผลให้สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์พลาดจากตำแหน่งสังฆราชเนื่องจากเป็น ผู้สนับสนุนผู้นำวัดพระธรรมกายมาโดยตลอด ผลที่ตามมาก็คือ ตำแหน่งสังฆราชก็จะตกแก่สมเด็จพระราชาคณะฝ่ายธรรมยุต

    ประเด็นที่สืบเนื่องกันก็คือ กรรมการมหาเถรสมาคมและพระผู้ใหญ่ฝ่ายมหานิกายเห็นว่าวัดพระธรรมกายมีผลงานโดดเด่น เป็นที่เชิดหน้าชูตาของฝ่ายมหานิกาย และสามารถถ่วงดุลกับอิทธิพลของฝ่ายธรรมยุตได้ จึงพยายามปกป้องและสนับสนุนวัดพระธรรมกายอย่างต่อเนื่อง ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเมืองระหว่างมหานิกายกับธรรมยุต ซึ่งยังคงความเข้มข้นถึงปัจจุบัน มีส่วนไม่น้อยกับประเด็นนี้

    มีนักวิชาการบอกว่า กรณีวัดพระธรรมกายควรให้สังคมเป็นคนตัดสินว่าจะเลือกหรือศรัทธาหรือไม่อย่างไร พระอาจารย์เห็นด้วยหรือไม่

    อาตมาเห็นด้วยว่า ศรัทธาเป็นสิ่งที่บังคับไม่ได้ ดังนั้นสังคมจึงเป็นผู้ตัดสินว่าจะเลือกศรัทธาวัดพระธรรมกายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การวิพากษ์วิจารณ์สำนักนี้เป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ และหากเห็นว่าสำนักนี้สอนผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากพระธรรมวินัย ก็เป็นหน้าที่ของชาวพุทธที่จะพึงทัดทาน ตราบใดที่สำนักนี้ยังประกาศตนว่าเป็นพุทธศาสนานิกายเถรวาท

    ค่านิยม “ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์” ควรปล่อยให้พระจัดการกันเอง เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ ทั้งๆ ที่พุทธศาสนิกชนเป็น 1 ใน 4 พุทธบริษัทที่ช่วยรักษาพุทธศาสนาตามพุทธดำรัสของพระพุทธเจ้าที่ตรัสต่อพระอานนท์

    พุทธบริษัทมีหน้าที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และมีหน้าที่อุปถัมภ์บำรุงพุทธศาสนา เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำไม่ถูกต้อง ก็ควรถือเป็นหน้าที่ท้วงติง นี้เป็นธรรมเนียมของชาวพุทธมาตั้งแต่พุทธกาล นอกจากนั้นคนไทยแต่ก่อนถือว่าพระเป็นของชาวบ้าน นอกจากชาวบ้านมีหน้าที่อุปถัมภ์ท่านแล้ว หากเห็นท่านประพฤติตนไม่ถูกต้องตามพระวินัย ก็จะท้วงติง ไม่นิ่งเฉย ในอดีตการที่ชาวบ้านจับพระสึกเพราะต้องอาบัติปาราชิก หรือแม้แต่กินเหล้าเมามาย เป็นเรื่องธรรมดามาก

    ณ เวลานี้ สังคมเห็นว่าควรจะมีการปฏิรูปศาสนา ปฏิรูปมหาเถรสมาคม ปฏิรูป พ.ร.บ.ปกครองคณะสงฆ์ไทย พระอาจารย์เห็นว่า ควรปฏิรูปในแนวทางใด และอะไรคือปัญหาใหญ่ที่สุดของพุทธศาสนาในประเทศไทย

    ปัญหาสำคัญของพุทธศาสนาไทยในเวลานี้คือ ๑)พระภิกษุสงฆ์ย่อหย่อนในพระวินัย ขาดความรู้ในทางธรรม ประพฤติตนไม่น่าศรัทธา อีกทั้งสอนคลาดเคลื่อนจากหลักธรรม ๒) ประชาชนเสื่อมถอยในทางจริยธรรม ดังเห็นได้จากอาชญากรรมและคอร์รัปชันแพร่ระบาด การหมกมุ่นสำส่อนทางเพศและอบายมุขเฟื่องฟู บ่งชี้ว่าพุทธศาสนาไม่สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คน สะท้อนถึงความล้มเหลวด้านการศึกษาธรรมของชาวพุทธและการเผยแพร่แผ่ของพระสงฆ์ ๓)ความเหินห่างระหว่างพระสงฆ์กับประชาชน ประชาชนไม่ใส่ใจในพฤติกรรมของพระสงฆ์ ปล่อยให้ประพฤติผิดธรรมวินัยอย่างกว้างขวาง หาไม่ก็หาประโยชน์จากพระสงฆ์ หรือบำรุงบำเรอท่านอย่างผิดสมณสารูป

    การปฏิรูปการพระศาสนาในไทย จะต้องเริ่มต้นที่การปฏิรูปคณะสงฆ์ ทั้งในด้านการปกครองและการศึกษา กล่าวคือปฏิรูปให้การปกครองคณะสงฆ์ มีการกระจายอำนาจมากขึ้น ส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากพระสงฆ์ทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ต่าง ๆ อย่างรวดเร็วฉับไวและมีประสิทธิภาพ แทนที่จะรวมศูนย์อยู่ในมือคนไม่กี่คน อีกทั้งขาดความโปร่งใส่ ไม่มีกระบวนการตรวจสอบ และไม่มีการรับผิด (accountability)ต่อใคร

    ส่วนการศึกษาคณะสงฆ์ ซึ่งไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจังมาร่วมร้อยปี ควรมีการปรับปรุงยกเครื่องอย่างจริงจัง องค์กรปกครองสงฆ์ จะต้องไม่เพียงจัดการสอบให้ครบทุกชั้น แต่จะต้องดำเนินการให้มีการศึกษาธรรมวินัยอย่างทั่วถึงทั่วสังฆมณฑล ไม่ใช่ปล่อยให้แต่ละวัดดำเนินการไปตามยถากรรม จะต้องระดมกำลังสนับสนุนทั้งด้านการเงินและบุคคลากรเพื่อสนับสนุนการศึกษา ของสงฆ์ทั่วทุกระดับ รวมทั้งปรับปรุงหลักสูตร ไม่เน้นการท่องจำ แต่ให้พระเณรรู้จักคิด เข้าใจหลักธรรม และรู้จักเลือกสรรหลักธรรมให้สอดคล้องกับปัญหาของญาติโยม รวมทั้งไม่จำกัดเฉพาะปริยัติศึกษา แต่ส่งเสริมการปฏิบัติ บำเพ็ญภาวนา เพื่อมีชีวิตที่สงบเย็น เป็นแบบอย่างของญาติโยม และสามารถครองเพศพรหมจรรย์ได้อย่างมีความสุขท่ามกลางกระแสบริโภคนิยม มิใช่หลงใหลในลาภสักการะและวัตถุจนประพฤติผิดพระวินัยอย่างแพร่หลาย

    นอกจากนั้นควรส่งเสริมให้สถาบันสงฆ์ใกล้ชิดกับประชาชนให้มากขึ้น ไม่ควรให้สถาบันสงฆ์พึ่งพารัฐมากเกินไปอย่างที่เป็นอยู่ แต่ควรส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการอุปถัมภ์คณะสงฆ์และการพระศาสนา เริ่มจากการทำให้วัดเป็นของชุมชนมากขึ้น ตามมาด้วยการมีองค์กรชาวพุทธเพื่อสนับสนุนการพระศาสนาและคณะสงฆ์ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับตำบล อำเภอ จังหวัด จนถึงระดับประเทศ

    มองว่ากรณีวัดพระธรรมกาย สอนบทเรียนอะไรให้แก่สังคมได้บ้าง

    คือ กรณีวัดพระธรรมกายสะท้อนให้เห็นวิกฤตปัญหาของสถาบันสงฆ์ ทั้งด้านการปกครอง และการศึกษาของคณะสงฆ์ รวมถึงวิกฤตในเรื่องของการเมืองการธรรม ที่ทำให้คนไปหลงเชื่อวัดพระธรรมกาย ทั้งที่สอนธรรมะคลาดเคลื่อนจากพระไตรปิฎก นี่คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่ากำลังเกิดขึ้น และเราควรแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้หมดไป

    ทำอย่างไร พุทธศาสนิกชนจึงจะดำรงอยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้าได้อย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องหลงผิดในคำสอนที่ไม่ถูกต้อง

    ประชาชนควรมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักธรรม รวมทั้งมีความรู้เกี่ยวกับพระวินัย สามารถแยกแยะพระดีและพระไม่ดีหรืออลัชชีออกจากกันได้ นอกจากนั้นยังมีการปฏิบัติที่ถูกต้องจนเห็นผลด้วยตนเอง จะทำเช่นนั้นได้การศึกษามีความสำคัญมาก ซึ่งไม่ควรจำกัดที่โรงเรียนเท่านั้น หากควรได้รับการศึกษาในครอบครัว หากครอบครัวมั่นคง ชุมชนเข้มแข็ง และใกล้ชิดกับศาสนาหรือพระสงฆ์ ก็จะสามารถส่งผ่านหลักธรรมสู่สำนึกของผู้คนตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

    ควบคู่กันไปก็คือความเข้มแข็งของสถาบันสงฆ์ กล่าวคือ พระภิกษุสงฆ์มีคุณภาพทั้งในทางสติปัญญาและคุณธรรม นอกจากมีความรู้ถูกต้องในทางธรรมแล้ว ยังปฏิบัติถูกต้องตามพระวินัย เป็นที่ศรัทธานับถือของประชาชน และสามารถสอนธรรมให้ประชาชนเข้าใจได้ ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง สามารถน้อมใจให้ผู้คนมีศรัทธาในธรรมได้ เรียกว่าสอนด้วยการทำให้ดู อยู่ให้เห็น เย็นให้สัมผัสได้ จะทำเช่นนั้นได้กรรมฐานหรือการฝึกจิตสำคัญมาก หากพระไม่ทิ้งกรรมฐาน ก็จะสามารถเป็นกำลังสำคัญในการนำพาผู้คนเข้าถึงธรรม อย่างน้อยก็มีความเข้าใจที่ถูกต้องในทางธรรม

    http://manager.co.th/AstvWeekend/ViewNews.aspx?NewsID=9580000026959
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัสเซียจับ 2 ผู้ต้องสงสัย ลอบยิงแกนนำฝ่ายค้านกลางกรุงมอสโก
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 8 มี.ค. 2558 01:33

    [​IMG]
    (ภาพ: AP Photo)

    ตำรวจรัสเซียจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย 2 คนซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้ก่อเหตุลอบยังนายบอริส นิมต์ซอฟ แกนนำฝ่ายค้านของรัสเซีย เมื่อสัปดาห์ก่อน...

    สำนักข่าวต่างประเทศต่างประเทศรายงานอ้างการเปิดเผยของนาย อเล็กซานเดอร์ บอร์ตนิคอฟ ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย (เอสเอสบี) ว่า ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย 2 คน คือนาย อันซอร์ กูบาเชฟ และนาย ซาอูร์ ดาดาเยฟ ชาวคอเคซัส ทางใต้ของประเทศ ในฐานะผู้ต้องสงสัยก่อเหตุฆาตกรรมนาย บอร์ริส นิมต์ซอฟ แกนนำฝ่ายค้านคนสำคัญเมื่อสัปดาห์ก่อน

    การฆาตกรรมเกิดขึ้นในวันที่ 27 ก.พ. เวลา 23:40 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ในขณะที่นายนิมต์ซอฟวัย 55 ปี กำลังข้ามสะพานบอลชอย มอสค์โวเรตสกี ในกรุงมอสโก โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินทางไปด้วย ก่อนจะมีรถยนต์สีขาวคันหนึ่งมาจอดใกล้ๆ และผู้ที่อยู่ในรถก็ยิงเขาด้วยอาวุธปืนพกเข้าที่ด้านหลัง 4 นัดจนนายนิมต์ซอฟเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายจึงขับรถหลบหนีไป

    ขณะที่แหล่งข่าวคนหนึ่ง ซึ่งมีความใกล้ชิดกับการสืบสวนในคดีนี้ เปิดเผยรายระเอียดของการสืบสวนต่อสำนักข่าว อินเทอร์แฟ็กซ์ ของรัสเซียว่า ตำรวจค้นพบรถยนต์ที่ผู้ต้องสงสัยใช้ก่อเหตุอย่างรวดเร็ว และใช้หลักฐานที่รวบรวมได้จากภายในรถรวมถึงบันทึกการใช้โทรศัพท์ ในการระบุตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน นอกจากนี้ ภาพจากกล้องวงจรปิดหลายตัวยังแสดงให้เห็นผู้ต้องสงสัยอย่างชัดเจนด้วย

    ทั้งนี้ การฆาตกรรมนายนิมต์ซอฟ ถูกพรรคฝ่ายค้านของรัสเซียมองว่าเป็นการลอบสังหาร เพื่อกำจัดฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนมีการชุมนุมต่อต้านสงครามในยูเครน ซึ่งจัดโดยนายนิมต์ซอฟ และเขากำลังร่างรายงานที่อ้างว่าจะเปิดเผยหลักฐานว่าทหารรัสเซียเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุความไม่สงบในยูเครนด้วย

    อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ออกมาประณามการฆาตกรรมที่เกิดขึ้น รวมทั้งส่งจดหมายแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของนายนิมต์ซอฟ และให้คำมั่นว่าจะจับตัวคนร้ายมาลงโทษให้จงได้

    รัสเซียจับ 2 ผู้ต้องสงสัย ลอบยิงแกนนำฝ่ายค้านกลางกรุงมอสโก - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮือฮา! นายกฯอังกฤษ ฉีกขนบเดิมๆ ส่งลูกสาวเรียน ร.ร.หลวง
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 มี.ค. 2558 17:17

    [​IMG]
    ---
    @โรงเรียน เกรย์ โค้ต ฮอสพิทอล
    ---
    นายกฯแคเมอรอน แห่งอังกฤษและภริยา สร้างความฮือฮา ตัดสินใจส่งลูกสาววัย 11 ขวบ ไปเรียนที่โรงเรียนหลวง ใกล้บ้าน แทนที่จะเป็นโรงเรียนแนวหน้าของประเทศ เหมือนกับบรรดาลูกๆ ของเหล่าเซเลบ หรือคนดังทั้งหลาย

    เมื่อวันที่ 7 มี.ค. สื่อต่างประเทศรายงานข่าวครึกโครม นายกรัฐมนตรีเดวิด แคเมอรอน แห่งอังกฤษตัดสินใจส่ง ด.ญ.แนนซี่ แคเมอรอน บุตรสาวของตนเอง วัย 11 ขวบ ไปเข้าเรียนในโรงเรียน เกรย์ โค้ต ฮอสพิทอล (Grey Coat Hospital) ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมของรัฐ ในเขตเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน แทนที่จะเป็นโรงเรียนชั้นนำในอังกฤษ จนกลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกจากพรรคอนุรักษนิยม หรือ คอนเซอร์เวทีฟ ที่ส่งลูกไปเรียนโรงเรียนประถมของรัฐบาลเลยทีเดียว

    ข่าวแจ้งว่า นายกรัฐมนตรีเดวิด แคเมอรอน พร้อมทั้ง ภริยา ซาแมนธา ตัดสินใจส่งบุตรสาวไปเรียนที่โรงเรียน เกรย์ โค้ต ฮอสพิทอล ซึ่งเป็นโรงเรียนศาสนาคริสต์นิกายเชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ เนื่องจากเห็นว่าเป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้กับบ้านพักนายกรัฐมนตรีบนถนนดาวนิ่ง และสามารถเดินไปโรงเรียนได้

    เดอะ มิร์เรอร์ ชี้ว่า การที่นายกรัฐมนตรีแคเมอรอน และภริยา ตัดสินใจครั้งนี้ ถือเป็นการฉีกกฎประเพณีของบรรดาอดีตนายกฯ จากพรรคคอนเซอร์เวซีพ อีกทั้งนายกฯแคมอนเองก็เรียนจบจาก ร.ร.อีตัน โรงเรียนเอกชน ซึ่งถือเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในโลก ส่วน ซาแมนธา ภริยาก็เรียนจบจากมาร์ลโบโรจ์ คอลเลจ

    ฮือฮา! นายกฯอังกฤษ ฉีกขนบเดิมๆ ส่งลูกสาวเรียน ร.ร.หลวง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไฟไหม้เรือสำเภา! ใช้ถ่ายหนัง ‘ตำนานพระนเรศวร’ วอด 26 ล้าน!
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 มี.ค. 2558 23:39

    [​IMG]

    ระทึกกลางงานงานฉลองเปิดตลาดน้ำในค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี เกิดเพลิงไหม้เรือสำเภาโบราณที่เคยใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร วอดเกือบทั้งลำ ชี้สาเหตุน่าจะเกิดจากเศษเอฟเฟคการแสดงแสงสีเสียง ค่าเสียหายเฉพาะตัวเรือประมาณ 26 ล้านบาท...

    เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 7 มี.ค. พ.ต.อ.นิพนธ์ จันทร์ทอง ผกก.สภ.ลาดหญ้า ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากโทรศัพท์ 191 ว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือสำเภาโบราณที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวร" ซึ่งในปัจจุบันได้มีการปรับพื้นที่กองถ่ายเป็นสวนน้ำกองถ่ายค่ายสุรสีห์ของกองพลทหารราบที่ 9 และมีการจัดงานฉลองเปิดตลาดน้ำในห้วงเวลาตั้งแต่วันที่ 4-8 มี.ค.58

    หลังจากรับแจ้ง พ.ต.อ.นิพนธ์ พร้อมชุดสืบสวนและตำรวจสายตรวจ ได้ประสานงานกับสารวัตรทหารกองพลทหารราบที่ 9 เพื่อเข้าร่วมในการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเรือสำเภาขนาดกว้างประมาณ 8 เมตร ยาวประมาณ 30 เมตร ที่จอดไว้กลางบึงน้ำมีไฟลุกไหม้ และลุกลามอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่กี่นาที เพลิงได้โหมไหม้เรือดังกล่าวเกือบหมดทั้งลำ


    ต่อมา พล.ต.ณัฐ อินทรเจริญ ผบ.พล.ร.9 ได้มาอำนวยการในการดับเพลิงโดยสั่งการให้เคลื่อนย้ายดึงเรือที่อยู่กลางบึงห่างจากฝั่งประมาณ 100 เมตร เข้ามาที่ฝั่ง และให้รถดับเพลิงระดมฉีดน้ำ โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงได้

    พล.ต.ณัฐ กล่าวว่า การเกิดเพลิงไหม้น่าจะเกิดจากเศษเอฟเฟคที่เหลือค้างในเรือ หลังจากที่ได้เสร็จสิ้นการแสดงแสงสีเสียงผ่านไปกว่า2ชั่วโมง และเนื่องจากเรือดังกล่าวจัดสร้างจากวัสดุที่ติดไฟง่าย จึงทำให้ไฟลุกลามเร็วมาก

    เบื้องต้นความเสียหายในการสร้างเรือลำนี้ประมาณ 26 ล้านบาท แต่ก็ยังดีที่เหตุในครั้งนี้ ไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายจากเหตุเพลิงไหม้ และในวันพรุ่งนี้ จะให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง

    (ขอบคุณภาพ...จากหน่วยกู้ภัยมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์)

    ไฟไหม้เรือสำเภา! ใช้ถ่ายหนัง ‘ตำนานพระนเรศวร’ วอด 26 ล้าน! - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ครั้งหนึ่งดาวอังคารเคยมีน้ำมากกว่ามหาสมุทรอาร์คติก

    [​IMG]

    นักดาราศาสตร์เผย เมื่อราว 4,000 ล้านปีก่อน ดาวอังคารเคยมีพื้นที่มหาสมุทรกว้างใหญ่กว่าสัดส่วนของมหาสมุทรแอตแลนติกบนโลกเรา และมีปริมาณน้ำมากกว่ามหาสมุทรอาร์คติก

    วันเสาร์ 7 มีนาคม 2558 เวลา 05:22 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ว่า วารสารวิทยาศาสตร์ "ไซแอนซ์" เผยแพร่ผลการศึกษาของทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติ ที่ตรวจสอบวิเคราะห์ปริมาณน้ำที่เคยมีอยู่บนดาวอังคารในอดีต โดยใช้กล้องอวกาศเวรีลาร์จเทเลสโคพ (วีแอลที) จากหอสังเกตุการณ์ยุโรปตอนใต้ (อีเอสโอ) ในชิลี กล้องโทรทรรศน์เค็ค 2 จากหอสังเกตการณ์เค็คในฮาวาย สหรัฐ และกล้องอวกาศอินฟราเรดเทเลสโคพฟาซิลิตี จากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (นาซา) ในการสังเกตและบันทึกภาพชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร เพื่อวิเคราะห์ตำแหน่งที่เคยมีน้ำอยู่ โดยใช้เวลาราว 6 ปีบนโลก ซึ่งเทียบได้กับเวลา 3 ปีบนดาวอังคาร

    นายเจโรนิโม วิลลานูวา นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์การบินอวกาศก็อดดาร์ดของนาซา ในรัฐแมริแลนด์ สหรัฐ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิจัยครั้งนี้ กล่าวว่า หลักการที่ใช้คือตรวจสอบว่ามีน้ำปริมาณเท่าไรที่ระเหยอยู่ในชั้นบรรยากาศของดาว เพื่อนำมาคำนวณหาปริมาณน้ำที่เคยมีบนดาวอังคาร โดยการสังเกตองค์ประกอบทางเคมีของน้ำที่แตกต่างกัน 2 ชุด ได้แก่ เอชทูโอ (H2O) ที่ประกอบไปด้วยไฮโดรเจน 2 อะตอม และอ็อกซิเจน 1 อะตอม กับเอชดีโอ (HDO) หรือที่เรียกว่าน้ำชนิดกึ่งหนัก เป็นการที่โมเลกุลของไฮโดรเจน 1 อะตอมถูกแทนที่ด้วยไฮโดรเจนหนัก หรือดิวเทอเรียม

    เนื่องจากเอชดีโอหนักกว่าเอชทูโอ มันจึงระเหยไปสู่อวกาศได้ยากกว่า ดังนั้นแล้ว ยิ่งมีน้ำระเหยออกไปมากเท่าไร ก็แปลว่าสัดส่วนของเอชดีโอต่อเอชทูโอในน้ำที่เหลืออยู่จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เมื่อคำนวณย้อนกลับ สัดส่วนที่เหลืออยู่ของเอชดีโอ จะเชื่อมโยงถึงปริมาณน้ำที่ระเหยหายไปในอวกาศ ซึ่งจะบอกได้ถึงปริมาณน้ำทั้งหมดที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้

    จากการคำนวณพบว่า เมื่อราว 4,000 ล้านปีก่อน พื้นที่ซีกบนของดาวเกือบครึ่งหนึ่งถูกปกคลุมด้วยน้ำซึ่งมีความลึกประมาณ 140 เมตร โดยบางจุดมีความลึกมากถึงกว่า 1.6 กิโลเมตร คาดว่าตำแหน่งที่เคยเป็นมหาสมุทรใหญ่น่าจะอยู่ตรงจุดที่เรียกว่านอร์เทิร์นเพลนส์ซึ่งมีลักษณะเป็นพื้นที่ต่ำ สัดส่วนที่เป็นน้ำคิดเป็นร้อยละ 19 ของพื้นผิวดาว ใหญ่กว่าสัดส่วนของมหาสมุทรแอตแลนติกบนโลก และมีปริมาณน้ำอย่างน้อย 20 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร มากกว่าน้ำในมหาสมทรอาร์คติคของโลก ก่อนที่น้ำราวร้อยละ 87 จะระเหยออกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า น้ำปริมาณมหาศาลขนาดนั้นน่าจะทำให้ดาวอังคารเป็นมีลักษณะที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตเป็นช่วงระยะเวลาที่นานกว่าที่เราเคยคิดไว้

    ทังนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังให้ความสนใจกับน้ำแข็งที่ปกคลุมบริเวณขั้วโลกเหนือและใต้ของดาว ซึ่งถือเป็นแหล่งเก็บกักน้ำที่ใหญ่ที่สุด โดยเชื่อว่าน้ำแข็งเหล่านั้นเต็มไปด้วยข้อมูลที่บันทึกวิวัฒนาการของน้ำบนดาวอังคาร จากยุคโนอาเคียนที่ชุ่มชิ้นเมื่อราว 3,700 ล้านปีก่อน มาจนถึงปัจจุบัน.

    ครั้งหนึ่งดาวอังคารเคยมีน้ำมากกว่ามหาสมุทรอาร์คติก | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Pst Nong

    [​IMG]

    อาร์เจนตินา กำลังเผชิญกับภาวะน้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี ประชาชนหลายพันคนไร้ที่อยู่อาศัย
    รัฐบาลอาร์เจนตินา เผยว่า อุทกภัยครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นในพื้นที่รัฐ"กอร์โดบา"(Cordoba) โดยประชาชนในพื้นที่ต้องอาศัยอยู่ในน้ำที่ค่อยๆ ท่วมสูงขึ้นมาตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จนกระทั่งเมื่อวานนี้ในบางพื้นที่มีระดับน้ำท่วมสูงถึงชั้นที่ 1 ของบ้าน ทำให้ทางการต้องเร่งอพยพประชาชนหลายพันคนออกจากที่อยู่อาศัยเป็นการชั่ว�คราว แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ยอมทิ้งบ้านเรือนตนเอง ทางการจึงจำเป็นต้องนำเรือไว้ให้ใช้เพื่อเป็นพาหนะในการดำรงชีวิต
    ทางการอาร์เจนตินา เร่งส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่ออพยพประชาชนที่อยู่ในเมืองใกล้เคียงกับพื้นที่ประสบภัยก่อนเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันต้องแบ่งเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่ง คอยรับ-ส่ง ผู้ประสบภัยที่ต้องการกลับไปดูบ้านเรือนของตนเองว่า�ปลอดภัยจากน้ำท่วมขังในครั้งนี้หรือไม่ ประกอบกับต้องคอยนำเสบียงและสิ่งของเครื่อง�ใช้ไปให้แก่ผู้ประสบภัยที่ยังอยู่กลางน้ำอีกด้วย
    อาร์เจนตินา ยอมรับว่า อุทกภัยในประเทศครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี

    ข่าวอาร์เจนตินา น้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กองทัพบกสหรัฐฯ เร่ง ฮ.โจมตีรุ่นใหม่ ใกล้จะเป็นหนัง Avatar เข้าไปทุกที
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มีนาคม 2558 06:16 น. (แก้ไขล่าสุด 8 มีนาคม 2558 12:18 น.)

    [​IMG]

    ภาพยนตร์หลายเรื่องในช่วงไม่กี่ปีมานี้ได้ฉายภาพอาวุธยุทโธปกรณ์แห่งอนาคตหลายชนิดและประเภท รวมทั้งยานโจมตีรุ่นหนึ่งในภาพยนตร์ "อวตาร" (Avatar) เมื่อปี 2555 หน้าตาอาจจะดูคล้าย ฺฮ.ลำเลียงมากกว่า แต่อากาศยานปีกหมุนร่วมโจมตีของกองทัพบกสหรัฐในอนาคต ก็อาจจะออกมาเช่นที่เห็นในภาพนี้ ซึ่งคล้ายกับในภาพยนตร์มาก จากจินตนาการ กำลังจะออกมาโลดแล่นในโลกแห่งความเป็นจริง.


    ASTVผู้จัดการออนไลน์ - การลำเลียงทหารติดอาวุธครบมือเข้าสู่เขตสงครามเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวด และเรื่องนี้ก็ยังไม่ง่ายสำหรับกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งกำลังเร่งสำรวจตรวจตราความจำเป็น กับความต้องการอากาศยานปีกหมุ่นรุ่นใหม่เพื่อบินไปสู่อนาคต เช่นที่เห็นในภาพข้างบน ซึ่งเป็นภาพวาดขึ้นจากจินตนาการของนักวิทยา ดูคล้ายกับยานที่ได้เห็นกันในภาพยนตร์ “อวตาน” (Avatar) และ “กัปตันอเมริกา” (Captain America) เข้าไปทุกทีๆ

    กองทัพบกสหรัฐฯ กำลังเร่งรัดการพัฒนา ฮ.อเนกประสงค์หลายรุ่น และยังจะทยอยออกมาอีกหลายรุ่น เพื่อนำเข้าแทนที่ฝูงบินปีกหมุนในปัจจุบัน ที่บางรุ่นใช้มาตั้งแต่ยุคสงครามเวียดนาม คือ ช่วงต้นทศวรรษที่ 1960 และในวันนี้ก็ยังมีบทบาทสำคัญอยู่ในกองทัพ ทั้งๆ ที่ควรจะปลดไปนานแล้ว ในขณะที่หลายสิบปีมานี้่ ก็เป็นช่วงแห่งการศึกษาวิจัยอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง หาวิธีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ และถึงเวลาที่จะต้องทำให้ทุกอย่างกลายเป็นความจริง

    นิตยสาร Army Technology Magazine เล่มล่าสุดในเดือน มี.ค.นี้ ได้สำรวจความจำเป็นเพื่อฉายภาพให้เห็นว่า เฮลิคอปเตอร์ลำต่อไปของกองทัพควรจะมีรูปร่างหน้าตา และคุณสมบัติอย่างไร ก่อนที่จะสร้างเครื่องต้นแบบออกมา เช่นเดียวกันกับ 2-3 รุ่นก่อน ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ คือ เดือน ส.ค.ปีที่แล้ว กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้เลือกบริษัทซิกอร์สกี (Sikorsky) กับโบอิ้ง และเบลเฮลิคอปเตอร์ (Boeing and Bell Helicopter) ให้สร้างเครื่องต้นแบบออกมาอีก 2 รุ่น คือ SB-1 “ดีฟายอันต์” (Defiant) ของซิกอร์สกี้ ซึ่งก็คล้ายๆ X-2 โรเตอร์คู่หมุนสวนทางกัน อันเป็นต้นแบบของ S-97 “เรดเดอร์” (Raider) ที่ใช้ใบพัดในการขับเคลื่อนร่วมกับใบโรเตอร์ ทำให้ ฮ.รุ่นใหม่ทะยานไปข้างหน้าได้เร็วกว่า ฮ.ทุกรุ่นที่ใช้อยู่ทั่วโลกขณะนี้

    ส่วน V-280 “วาเลอร์” (Valor) ของเบลเฮลิคอปเตอร์ ก็ดูคล้ายๆ กับเวอร์ชันที่เล็กลงของ V-22 “ออสปรีย์” (Osprey) อากาศยานแบบโรเตอร์เอียง ที่ทยอยเข้าประจำการในกองกำลังนาวิกโยธินตลอดช่วง 2 ปีมานี้ V-280 บรรทุกทหารได้ราว 12 นาย น้อยกว่า V-22 ราวครึ่งต่อครึ่ง และทำความเร็วได้กว่า 370 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช้ากว่าออสปรีย์ ที่ทำได้กว่า 500 กม./ชม และ ช้ากว่า S-97 ที่บินได้เร็วกว่า 400 กม./ชม.

    แต่กองทัพบกสหรัฐฯ กล่าวว่า V-280 สร้างขึ้นมาให้เหมาะต่อภารกิจที่จะใช้ในอนาคต โดยบริษัทเบลฯ จะผลิตเครื่้องต้นแบบออกมา 3 รุ่น เพื่อบรรทุกคน กับเครื่องมืออุปกรณ์ และเพื่อใช้งานด้านเสนารักษ์ กับอีกเวอร์ชันหนึ่ง ติดอาวุธเป็น ฮ.โจมตี V-280 จะบินได้สูงเกือบ 20 กม. ไกลกว่า 3,800 กม. และปฏิบัติการในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงได้

    แต่สิ่งที่ยังขาดไปสำหรับกองทัพบกก็คือ “ปีกหมุนร่วมโจมตี” หรือ Joint Strike Rotocraft ซึ่งจะต้องใช้อากาศยานที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป และยังจะต้องคำนึงถึงการใช้งานทะลุเข้าสู่อนาคตหลายสิบปีข้างหน้า ร่วมกับอากาศยานของเหล่าอื่น คือ ทั้งกองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองกำลังนาวิกโยธินด้วย

    ปลายปีที่แล้ว กองทัพเรือ ได้แสดงความประสงค์ที่จะเห็นเรือบรรทุกเครื่องบินรุ่นใหม่ ซึ่งจะไม่ได้แล่นไปตามกระแสน้ำในมหาสมุทรบนพื้นผิวโลกอีกแล้ว แต่จะบินอยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก เรื่องนี้เป็นที่ฮือฮาในวงการกลาโหม ในขณะที่กองทัพอากาศ พูดถึงเครื่องบินรบยุคที่ 6 และ อากาศยานไร้การบังคับรุ่นใหม่ๆ

    คราวนี้ทุกวงการกำลังจับตาไปยังกองทัพบก รอดูเฮลิคอปเตอร์รุ่นใหม่ “โรเตอร์คราฟท์แห่งอนาคต”.

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สื่อกลาโหมชั้นนำในสหรัฐฯ วิพากษ์ “แดเนียล รัสเซล”.. วอชิงตันผลักไทยสู่อ้อมอกจีน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กุมภาพันธ์ 2558 02:30 น. (แก้ไขล่าสุด 10 กุมภาพันธ์ 2558 23:19 น.)

    [​IMG]

    ทหารจีนกับทหารสหรัฐ ยืนแถวระหว่างพิธีเปิดอาคารหอประชุมและโรงอาหาร โรงเรียนประถมศึกษาบ้านหนองปล้อง อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 24 ม.ค.2558 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกคอบร้าโกลด์ประจำปี 2558 อาคารหลังนี้ก่อสร้างโดยความร่วมมือระหว่างทหารช่างสหรัฐ จีน และ ไทย การฝึกพหุพาคีประจำปีนี้เปิดขึ้นอย่างเป็นทางการวันจันทร์ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีความบาดหมางทางการทูตระหว่างไทยกับสหรัฐอยู่หลังฉาก หนังสือพิมพ์ Stars and Stripes ได้ใช้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญรายงานสถานการณ์นี้ วิพากษ์ฝ่ายการทูต คือ นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่มาเยือนไทยปลายเดือนที่แล้ว. -- US Navy Photo/Mass Communication Specialist 1st Class Gilbert A Bolibol.


    ASTVผู้จัดการออนไลน์ - การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารของไทยโดย นายแดเนียล รัสเซล (Daniel Russel) ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระหว่างเยือนไทยปลายเดือนที่แล้ว ยังคงส่งผลสะท้านสะเทือนต่อความสัมพันธ์ 2 ฝ่ายต่อเนื่อง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมของนิตยสารเจนส์ (Jane's) ที่มีชื่อเสียง และได้รับความเชื่อถือมากที่สุดฉบับหนึ่ง มองว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังผลักให้ไทยไปมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับจีนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีรายงานเรื่องนี้ในสตาร์แอนด์สไตรป์ (Stars and Stripes) หนังสือพิมพ์รายวันข่าวกองทัพกับการกลาโหมในสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2

    สตาร์แอนด์สไตรป์ รายงานเรื่องนี้วันจันทร์ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่การฝึกซ้อมคอบร้าโกลด์ 2015 ได้เปิดขึ้นอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และเป็นอีกปีที่มีคณะผู้แทนของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนเข้าร่วมด้วย

    และเมื่อนำเอาข่าวชิ้นนี้ขึ้นโพสต์ในเฟซบุ๊ก สตาร์แอนด์สไตรป์ ตั้งคำถามนำด้วยว่า “หรือเรากำลังสูญเสียพันธมิตรอีกชาติหนึ่ง?”

    หนังสือพิมพ์ยอดนิยมในวงการกลาโหมฉบับนี้ กล่าวว่า พิธีเปิดการฝึกคอบร้าโกลด์ ประจำปี 2558 เปิดขึ้นท่ามกลางความเป็นกังวลของสหรัฐฯ ต่อการรัฐประหารในประเทศเจ้าภาพเมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว และ “ในท่ามกลางความขัดแย้งทางการทูต ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมความมั่นคงปลอดภัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในระยะยา“” แต่สหรัฐฯ ก็ส่งเจ้าหน้าที่กับทหารราว 3,600 นายเข้าร่วม

    สหรัฐฯ มองไทยมีความสำคัญยิ่งยวดทางยุทธศาสตร์ และให้คุณค่าในเรื่องตำแหน่งที่ตั้ง ต่อการเป็นฐานที่มีความพร้อมด้านเครื่องมืออุปกรณ์ ในขณะที่ฝ่ายไทย ให้คุณค่าต่อสหรัฐฯ ในฐานะเป็นแหล่งเข้าถึงทางยุทธวิธี และกระบวนการปฏิบัติต่างๆ

    สำหรับการฝึกคอบร้าโกลด์ปีนี้ จะมีการฝึกยิงด้วยกระสุนจริงน้อยลง และมีการฝึกอำนวยการทางมนุษยธรรมมากขึ้น มีกว่า 20 ประเทศส่งทีมเข้าร่วม ซึ่งส่วนใหญ่ต่างก็มุ่งหวังต่อการกระชับความสัมพันธ์ต่อกัน “แต่นอกเหนือจากความสำเร็จด้านการปฏิบัติของคอบร้าโกลด์แล้ว การคัดค้านอย่างแข็งขันของไทยต่อการวิพากษ์วิจารณ์ของ แดเนียล รัสเซล ต่อคณะปกครองทหารระหว่างไปเยือนกรุงเทพฯ เมื่อเดือนที่แล้วนั้น ไม่ควรจะถูกมองง่ายๆ ว่าเป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง” สตาร์แอนด์สไตรป์ กล่าว

    ไทยก็เช่นเดียวกันกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคที่กำลังพิจารณาว่าจะสร้างความสมดุลด้านผลประโยชน์อย่างไรระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่มีผลประโยชน์ด้านความมั่นคงปลอดภัยแตกต่างกันเสมอๆ ในภูมิภาคนี้ นายแอนโธนี เดวิส (Anthony Davis) นักวิเคราะห์ด้านการทหารและความมั่นคงของนิตยสารเจนส์ ประจำกรุงเทพฯ กล่าวว่า สิ่งที่ นายรัสเซล อาจจะมองว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เมื่อเร็วๆ นี้นั้่นสามารถผลักไทยให้เข้าใกล้ชิดกับจีนได้อย่างช้าๆ

    “ในอีกหนึ่งทศวรรษ หรืออีก 15 ปีข้างหน้า เรื่องนี้อาจจะถูกมองเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการปรับแต่งความสัมพันธ์ (สหรัฐฯ-ไทย) ซึ่งจะส่งผลในทางเสื่อมถอยลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” นายเดวิสกล่าว

    ระหว่างไปปราศรัยที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 ม.ค. นายรัสเซล ได้วิจารณ์แบบขวานผ่าซาก การรัฐประหารยึดอำนาจ และการลงโทษรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งภายใต้ระบอบประชาธิปไตยของไทย ที่ฝ่ายทหารกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมองว่าทำให้ (ประเทศ) เสื่อมทรามลง และยังให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์อีกในเวลาต่อมา โดยเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วประเทศ ยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ เกี่ยวกับการพูด และการชุมนุม ซึ่งเขามองว่าเป็นก้าวสำคัญไปสู่ขบวนการปฏิรูปอันแท้จริง ที่หลายฝ่ายมีส่วนร่วมที่จะสะท้อนความหลากหลายทางความคิดในประเทศนี้

    สตาร์แอนด์สไตรป์ กล่าวว่า การแสดงความเห็นของ นายรัสเซล คงจะไม่เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร ถ้าหากกระทำเป็นการส่วนตัว หรือผ่านโฆษกสักคนหนึ่งในกรุงวอชิงตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นายจอห์น แครี (John Kerry) กับอีกหลายต่อหลายคนก็เคยวิจารณ์กรณีรัฐบาลไทยปราบปรามผู้ประท้วง และกำราบสื่อ สั่งแบนหนังสือ และอื่นๆ

    อย่างไรก็ตาม ชาวไทยมองว่า นายรัสเซล นั้นเป็นแขกรับเชิญที่วิจารณ์เจ้าของบ้าน แม้แต่คนไทยจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยต่อการยึดอำนาจของฝ่ายทหาร ก็ยังโกรธเคืองต่อความเห็นของนายรัสเซล หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันอ้างคำพูดของผู้เชี่ยวชาญของนิตยสารเจนส์

    หลัง นายรัสเซล จากไป เจ้าหน้าที่ไทยได้เรียกอุปทูตประจำสถานทูตสหรัฐฯ เข้าพบ และได้กล่าวแสดงความไม่พอใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้นำการยึดอำนาจ กล่าวว่าความเห็นของนายรัสเซล นั้นสร้างความผิดหวังอย่างใหญ่หลวง

    “ผมรู้สึกเศร้าใจที่สหรัฐฯ ไม่เข้าใจเหตุผลที่ผมต้องเข้าแทรกแซง และไม่เข้าใจวิธีการทำงานของเรา ถึงแม้ว่าเราจะเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดต่อกันมานานก็ตาม” พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์

    สัปดาห์ที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอบคุณจีนที่เข้าใจสิ่งที่ไทยกำลังกระทำ นรม.ของไทยได้พบกับรัฐมนตรีกลาโหมจีน พล.อ.ชัง หวันกวน (Chang Wanguan) และมีการประกาศความตกลงเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ฝ่ายจีนกล่าวว่า จีนไม่มีแผนการที่จะแทรกแซงไทย

    จีน และสหรัฐฯ ต่างก็เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญระหว่างกัน สองประเทศนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนทางด้านกลาโหมอย่างจำกัด ยกตัวอย่างเช่น คณะตัวแทนของสองฝ่ายเพิ่งร่วมมือกันในโครงการทางด้านมนุษยธรรมโครงการหนึ่งในประเทศไทย แต่สองประเทศนี้่ก็มองแตกต่างกันมากมายเกี่ยวกับทิศทางไปสู่อนาคตของย่านเอเชียแปซิฟิก

    การกล่าวอ้างอันกำกวมของฝ่ายจีนเป็นเจ้าของพื้นที่เกือบ 90% ของทะเลจีนใต้นั้น ขัดแย้งต่อการตีความทางกฎหมายระหว่างประเทศที่สหรัฐฯ กับประเทศอื่นๆ อีกเกือบทั้งหมดต่างรับรอง และการกล่าวอ้างสิทธิเหนือเกาะหลายเกาะ พร้อมกับข่มขู่ด้วยกำลังของจีนนั้น ได้สร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สหรัฐฯ ได้ปกป้องคุ้มครองไต้หวันให้รอดพ้นจากการรุกรานของจีนมาเป็นเวลาหลายทศวรรษซึ่งเป็นภูมิหลังของเรื่องนี้

    ไทยไม่ได้มีความขัดแย้งกับจีนเกี่ยวกับดินแดน และได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่องจากขีดความสามารถของตนที่เพิ่มขยายขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งนี้สามารถนำไปสู่ “การปรับแต่งอย่างค่อยเป็นค่อยไป” (gradual recalibration) ในความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงปลอดภัย นายเดวิส กล่าว

    อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์รายนี้มองว่า ประเทศไทยไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไทยมีเกียรติภูมิจากการเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกคอบร้าโกลด์ รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคจากสหรัฐฯ ในการต่อสู้กับการก่อการร้ายในภาคใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประโยชน์ที่ได้รับ เมื่อปีที่แล้ว ไทยส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ รวมมูลค่า 27,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2556 เล็กน้อย

    “ทั้งสองฝ่ายยังคงเป็นคู่ที่มีหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกัน และได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมายาวนาน” และ “ผมไม่คิดว่าจะมีใครคนใดคนหนึ่งไม่ว่าจะด้วยกรณีใดก็ตาม กำลังส่งสัญญาณเกี่ยวกับความเป็นไปได้สำหรับการหย่าร้าง” ผู้เชี่ยวชาญของเจนส์ กล่าวต่อสตาร์แอนด์สไตรป์.

    http://manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9580000016133
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    7 มี.ค. สหรัฐจงใจทำให้เว็บไซต์ง่ายต่อการถอดรหัส

    [​IMG]

    เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐอเมริกานี่มีมาอย่างไม่หยุดหย่อนจริงๆ ตั้งแต่การเปิดประเด็นของ นายเอดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตลูกจ้างบริษัทเอกชนที่ทำงานให้แก่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ) แห่งสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่า เอ็นเอสเอ เจาะบัญชีอีเมลของชาวอเมริกัน ดักฟังการสื่อสารระหว่างชาวอเมริกันด้วยกันเอง ทั้งยังดักฟังการสนทนาของผู้นำประเทศพันธมิตรอย่างเยอรมนี จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตมาแล้ว

    ล่าสุด นักวิจัยในฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา ก็ออกมาแฉอีกว่า นักการเมืองสหรัฐเองนั่นแหละ ที่เป็นผู้กำหนดนโยบายกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในการเข้ารหัสเว็บไซต์ต่างๆ ให้มีความง่ายในการเจาะเข้าเว็บไซต์ เพื่อเปิดประตูการเจาะ ล้วงตับข้อมูลของผู้ที่เป็นศัตรูกับสหรัฐอเมริกา

    นโยบายนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ทศวรรษ 2533 หรือ กว่า 20 ปีมาแล้ว !!

    เรื่องนี้แดงขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้เอง จากการเปิดเผยผลการวิจัยของคาธีเคยาน ภคาวาน แห่งไอเอ็นอาร์ไอเอ หรือ สถาบันวิจัยศาสตร์ว่าด้วยคอมพิวเตอร์และระบบออโตเมชั่นแห่งฝรั่งเศส กับ แมธิว กรีน นักรหัสวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา ที่เรียกความผิดปกตินี้ว่า "FREAK" ที่มีความหมายตรงตัวในภาษาอังกฤษว่า ประหลาด

    ในเอกสารงานวิจัยระบุว่า นักการเมืองสหรัฐอเมริกา จงใจงดการส่งออกเทคโนโลยีการเข้ารหัสที่มีความมั่นคงสูงไปยังต่างประเทศ โดยได้รับคำแนะนำจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการทำให้มั่นใจว่า เอ็นเอสเอ จะสามารถถอดรหัสในระบบการสื่อสารของต่างประเทศได้

    ขณะที่ระบบการเข้ารหัสที่ใช้อยู่ภายในสหรัฐอเมริกาเองนั้นระดับความมั่นคงมากกว่ากัน เพื่อป้องกันการถูกเจาะ และถอดข้อความการสื่อสารโดยฝ่ายที่ไม่หวังดีกับสหรัฐอเมริกา

    ด้วยนโยบายดังกล่าวของนักการเมืองสหรัฐอเมริกา ทำให้เว็บไซต์ในโลกใบนี้มีความอ่อนไหวต่อการถอดรหัส มากถึง 122,000 เว็บไซต์ หรือ 12.2% ของเว็บไซต์ยอดนิยมระดับโลก 1 ล้านเว็บไซต์ (จากการคำนวณของอเลกซา เซอร์วิส ของอะเมซอนดอทคอม)

    เว็บไซต์ที่มีความอ่อนไหวต่อการถอดรหัสนั้น รวมไปถึงเว็บไซต์ของ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ผู้ให้บริการบัตรเครดิตชั้นนำในสหรัฐอเมริกา เครือโรงแรมแมริออต สำนักข่าวบลูมเบิร์ก และแม้แต่เว็บไซต์ที่เปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้ของเอ็นเอสเอ เอง

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2015
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,300
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พันธมิตรสหรัฐกังวลบทบาทอิหร่านสู้ไอเอส โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 07 มีนาคม 2558,

    [​IMG]

    เจ้าหน้าที่ระดับสูงกองทัพสหรัฐเผย ไม่แน่ใจบทบาทอิหร่านในการสนับสนุนกองกำลังชีอะห์สู้ไอเอส

    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐ "พลเอกมาร์ติน เดมป์ซีย์" เปิดเผยว่า อิหร่านสนับสนุนกองกำลังชีอะห์ในการยึดคืนเมืองทิกริตของอิรัก แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นการช่วยเหลือหรือขัดขวางการต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสกันแน่
    พลเอกเดมป์ซีย์กล่าวบนเครื่องบินระหว่างเดินทางไปเยือนบาห์เรนและอิรัก เมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) ว่า เขาจะยกประเด็นความกังวลเรื่องอิทธิพลของอิหร่านมาหารือกับผู้นำอิรัก หลังจากที่เมื่อไม่กี่วันก่อนอิรักเปิดปฏิบัติการยึดคืนเมืองทิกริตจากไอเอส โดยมีกองกำลังชีอะห์ซึ่งได้รับการติดอาวุธและให้คำแนะนำจากรัฐบาลอิหร่าน มีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการครั้งนี้ ขณะที่กองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐ ซึ่งไม่ได้ติดต่อโดยตรงกับกองกำลังชีอะห์ และไม่ได้ร่วมปฏิบัติการยึดคืนเมืองทิกริตเลย ต่างกังวลในบทบาทของอิหร่านว่าอาจทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น เพราะในกองกำลังพันธมิตรมีชาติซุนนีอาหรับรวมอยู่ด้วย ซึ่งประเทศเหล่านี้ต่างมองว่าอิหร่านคือภัยคุกคาม เขาจึงอยากมั่นใจว่า ความช่วยเหลือของอิหร่านเข้ามาเป็นส่วนเสริมกองกำลังพันธมิตรอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นแล้วจะมีปัญหาอย่างมาก
    ในวันเดียวกันนั้นกระทรวงกลาโหมอิรักแถลงว่า กองทัพอิรักได้เปิดปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่ทางตะวันออกและทางเหนือของเมืองอัล-การ์มา ในจังหวัดอันบาร์ทางภาคตะวันตก ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของชาวซุนนี โดยใช้กำลังทหารราบสามหน่วยร่วมกับกองกำลังเคลื่อนที่เร็วซึ่งมีตำรวจและกองกำลังชีอะห์เป็นกองหนุน ส่วนที่จังหวัดซาลาฮุดดินกองทัพอิรักร่วมกับกองกำลังชีอะห์โจมตีเพื่อยึดคืนเมืองทิกริตเป็นวันที่ 5
    - See more at: พันธมิตรสหรัฐกังวลบทบาทอิหร่านสู้ไอเอส

    พันธมิตรสหรัฐกังวลบทบาทอิหร่านสู้ไอเอส
     

แชร์หน้านี้

Loading...