ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คุ้นๆ! รบ.นอร์เวย์จ่อเลิกนโยบายลดภาษี “รถยนต์ไฟฟ้า” แบกรับภาระไม่ไหว
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 เมษายน 2558 04:03 น. (แก้ไขล่าสุด 21 เมษายน 2558 10:42 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - กระทรวงการคลังนอร์เวย์เผยเมื่อวันจันทร์ (20 เม.ย.) กำลังทบทวนนโยบายอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า หลังมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลที่ทำให้ประเทศแห่งชาติกลายเป็นผู้ใช้รถยนต์พลังงานแบตเตอรีรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐ

    นอร์เวย์จดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าครบคันที่ 50,000 เมื่อวันจันทร์ (20 เม.ย.) เร็วกว่าที่คาดหมายไว้เกือบ 3 ปี อันเป็นผลจากแผนการต่างๆ ของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นลดภาษีและมอบสิทธิประโยชน์มากมาย ในนั้นรวมถึงได้รับการยกเว้นค่าผ่านทาง จอดรถฟรี มีสถานีชาร์จแบตเตอรี่ฟรี และอนุญาตให้ใช้บัสเลน

    แค่เฉพาะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ในบรรดารถยนต์ที่จำหน่ายได้ในนอร์เวย์ ชาติที่มีประชากรแค่ 5.1 ล้านคน มี 1 ใน 5 ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า คิดเป็นถึง 1 ใน 3 ของรถยนต์พลังงานแบตเตอรี่ที่ขายออกในยุโรปเมื่อปีที่แล้ว

    “เป้าหมายของเราคือนำเสนอข้อตกลงสุดท้ายในการทบทวนอนาคตของภาษีรถยนต์และเชื้อเพลิง” กระทรวงการคลังแถลง “ผลลัพธ์ของการทบทวนจะมีการแถลงในร่างแก้ไขงบประมาณ (มีกำหนดในเดือนพฤษภาคม)"

    มาตรการจูงใจในปัจจุบัน เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2012 แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเมื่อปีที่แล้ว หลังยอดขายเทสลา โมเดล เอส พุ่งทะยาน ทำให้คาดหมายว่ารัฐบาลต้องสูญเสียรายได้ไปกว่า 3 ถึง 4 ล้านโครน หรือราว 380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึง 510 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ประมาณ 12,000 ล้านบาทถึง 16,000 ล้านบาท) ทั้งนี้ด้วย เทสลา โมเดล เอส เป็นรถยนต์ที่มีราคาค่อนข้างแพง จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ก่อเสียงเรียกร้องให้เลิกโครงการอุดหนุนที่เอื้อแก่คนรวย

    อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งสมาคมรถยนต์ไฟฟ้านอร์เวย์โต้แย้งว่า โครงการนี้มีประโยชน์และจำเป็นต้องเดินหน้ามาตรการดังกล่าว โดยอ้างว่า ณ ปัจจุบันมีรถยนต์ไฟฟ้าสัญจรบนท้องถนนคิดเป็นแค่ร้อยละ 2 ของยานพาหนะทั้งหมด ถือจำนวนที่เล็กน้อยมาก แม้ว่านอร์เวย์จะเป็นผู้นำในด้านนี้ของโลกและทิ้งห่างชาติอื่นๆ อยู่ก็ตาม

    นอร์เวย์เป็นชาติที่ผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานน้ำเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นผลลัพธ์ของการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์พลังงานแบตเตอรี่คือการลดก๊าซเรือนกระจก ส่วนหนึ่งในแผนลดมลพิษให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 40 จากระดับเมื่อปี 1990 ภายในปี 2030

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000045305
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics : “ธนาคารกลางยุโรป” พร้อมแผนเตรียมไม่ให้เงินยูโรล้ม! หาก “กรีซ” ออกจากสหภาพยุโรป โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 เมษายน 2558 15:40 น. (แก้ไขล่าสุด 21 เมษายน 2558 10:23 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - ธนาคารกลางยุโรป ECB ออกแถลงการณ์ แสดงความพร้อมในกรณีที่หากกรีซต้องลาออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป อาจส่งผลร้ายกระทบค่าเงินสกุลยูโรอันเป็นสกุลเงินหลักได้

    ดิอินดีเพนเดนต์ สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ (19 เม.ย.) ว่า แถลงการณ์ของธนาคารกลางยุโรป ECB ออกมาหลังจากร่วมประชุมทางการเงินนานาชาติล่าสุด ที่มีสถาบันการเงินสำคัญต่างๆ ของโลกเข้าร่วม โดยซึ่งมาริโอ ดรากี (Mario Draghi) ประธาน ECB กล่าวว่า ทาง ECB คาดว่าแผนเตรียมพร้อม “บัฟเฟอร์” นั้นเพียงพอที่จะป้องกัน “สกุลเงินยูโร” หากต้องประสบปัญหาตามมาแบบโดมิโน เนื่องมาจากการที่กรีซจำต้องลาออกจากสมาชิกภาพสหภาพยุโรปเนื่องด้วยเกิดการผิดชำระหนี้กับสถาบันการเงิน IMF

    ดรากีขึ้นแถลงในการประชุม IMF ประจำฤดูใบไม้ผลิยืนยันความปลอดภัย 100% ทางด้านการเงินของสหภาพยุโรปจากปัญหาลูกโซ่เนื่องมาจากหนี้เน่าของกรีซ “ในขณะนี้เราเตรียมพร้อมมากกว่าที่เคยในปี 2012 2011 และ 2010” ดรากีกล่าว
    แต่ในขณะที่แผนป้องกันนั้นถูกนำมาใช้ แต่ความเป็นจริงแล้วแผนนี้ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อเตรียมรับมือความโกลาหลนี้หากกรีซลาออก เพราะการผิดชำระหนี้ของกรีซย่อมจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกที่มีความเป็นไปได้ว่าจะทำให้เกิดสถานการณ์เลวร้ายทางการเงินครั้งใหญ่ได้ เพราะแผน “บัฟเฟอร์” ป้องกันนั้นถูกเตรียมพร้อมเพื่อใช้กับสถานการณ์รูปแบบอื่น ประธาน ECB แถลง ซึ่งทาง IMF ได้ประกาศจุดยืนแน่ชัดไม่ยอมให้กรีซผิดนัดการชำระหนี้ราว 950 ล้านยูโร ที่จะมีกำหนดต้องชำระคืนภายในเดือนหน้านี้

    การประชุม IMF ประจำฤดูใบไม้ผลิ 2015 ในกรุงวอชิงตันดีซีในช่วงวันที่ 17-19 เมษายน ผู้อำนวยการ IMF คริสติน ลาการ์ด ยืนยันว่า “การต้องเลื่อนการชำระหนี้ออกไปย่อมไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์ของกรีซอย่างแน่นอน”

    และนับตั้งแต่ประกาศแถลงจุดยืนในครั้งนั้น ลาการ์ดได้เริ่มพูดคุยอย่างจริงจังกับรัฐมนตรีการคลังของกรีซ ยานีส วารูฟาคิส (Yanis Varoufakis) และกล่าวว่า จุดประสงค์ด้านการเงินและการคลังของกรีซคือ การทำให้สถาบันทางการคลังมีเสถียรภาพ และทำให้มั่นใจว่าสภาพเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัว ซึ่งสอดคล้องกับการยืนยันของดรากีว่า ถึงแม้ว่าทางสหภาพยุโรปจะมี “บัฟเฟอร์” เป็นเกราะป้องกัน แต่ทว่าจะเป็นผลดีกว่ามากหากกรีซจะสามารถฟื้นคืนได้

    การประชุมทางการเงินจัดขึ้นหลังจากมีการเปิดเผยว่ารัฐบาลกรีซกำลังขาดแคลนเงินสด ที่ดูเหมือนว่ารัฐบาลกรีซต้องการยืมเงินจากกองทุนหน่วยรัฐเพื่อชำระเป็นเงินเดือนให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ

    และถึงแม้ว่าจะมีเส้นตายที่ต้องชำระหนี้คืนที่มีจำนวนต่ำกว่า 1 พันล้านยูโรในสิ้นเดือน แต่ทว่าแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกรีซได้เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า เมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลกรีซได้ยืมเงินจำนวน 600 ล้านยูโรจากกองทุนของรัฐ เช่น หน่วยงานบริหารรถไฟใต้ดิน “เอเธนส์ ซับเวย์” รวมไปถึงหน่วยงานที่ให้เงินอุดหนุนเกษตรกรสำหรับสหภาพยุโรป “EU farm subsidies” เพื่อสามารถจ่ายเงินเดือนให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐได้

    แต่ทว่ารัฐมนตรีการเงินกรีซได้ปฏิเสธรายงานข่าวนี้

    In Pics :
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อิหร่านลั่น! ไม่ยอมให้ต่างชาติตรวจนิวเคลียร์ “ผู้นำสูงสุด อยาตอลเลาะห์ คอเมเนอี” จวกสหรัฐฯ สร้างเรื่อง “เตหะรานผลิตขีปนาวุธติดหัวรบนุ๊ก”
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 เมษายน 2558 18:31 น. (แก้ไขล่าสุด 21 เมษายน 2558 10:24 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - ผู้นำสูงสุดอิหร่าน “อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี” ออกแถลงการณ์ล่าสุด ประณามสหรัฐฯ ที่ได้สร้างเรื่องกล่าวหาอิหร่านว่ามีศักยภาพในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ในขณะที่ผู้บัญชาการระดับสูงของหน่วยเรโวลูชันนารี การ์ด อิหร่าน ประกาศ ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ต่างชาติเข้าตรวจนิวเคลียร์ในเขตทหารอย่างแน่นอนซึ่งทำเช่นนั้นก็เสมือนกับการปูพรมแดงให้ข้าศึกเยือนถึงหน้าประตู

    ดิอินดิเพนเดนต์ สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (19) ว่า แถลงการณ์ประณามสหรัฐฯของผู้นำสูงสุดอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ออกมาในขณะที่ผู้บัญชาการระดับสูงของหน่วยหน่วยเรโวลูชันนารี การ์ด อิหร่าน แถลงว่า เจ้าหน้าที่ต่างชาติจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าตรวจนิวเคลียร์ภายในเขตทหารตามข้อตกลงกับชาติมหาอำนาจอย่างแน่นอน

    ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ พล.อ.ฮอสเซน ซาลามี ( Hossein Salami) รองผู้บัญชาการหน่วยเรโวลูชันนารี การ์ดได้กล่าวว่า “กองกำลังอิหร่านจะตอบโต้อย่างสาสมต่อผู้ที่ร้องขอเข้าตรวจสอบ” และยังเตือนว่า “อิหร่านกำลังจะกลายเป็นสวรรค์ของบรรดาสายลับต่างชาติ” และยังเสริมต่อว่า อิหร่านจะไม่ปูพรมแดงต้อนรับสำหรับศัตรูอย่างแน่นอน เพราะเชื่อมั่นว่า การเข้าตรวจสอบใดๆจะนำไปสู่การล้วงความลับทางทหาร และความลับทางความมั่นคง

    ในขณะที่การประชุมนิวเคลียร์อิหร่าน ที่ก่อนหน้านี้ได้รับการสนับสนุนจากอยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอีนั้นมีกำหนดจะกลับมาเริ่มประชุมต่ออีกครั้งในสัปดาห์นี้ แต่ทว่าในแถลงการณ์ล่าสุด ผู้นำสูงสุดอิหร่านยังยืนยันจุดยืนว่า อิหร่านไม่ไว้วางใจสหรัฐฯ

    สำนักข่าวฟาร์ส สื่อกึ่งทางการอิหร่านรายงานแถลงการณ์นี้ว่า อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี กล่าวยืนยันว่าสหรัฐฯ ได้สร้างเรื่องลวงโลกเพื่อทำให้ชาติอื่นเชื่อว่า “อิหร่านเป็นภัยทางความมั่นคงต่อประชาคมโลก” แต่แท้จริงแล้วภัยคุกคามที่แท้จริงนั้นคือสหรัฐฯ

    ในภาพข่าวโทรทัศน์ ผู้นำสูงสุดทางจิตวิญญาณอิหร่านที่ได้กล่าวกับบรรดานายทหารระดับสูงของประเทศ อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ได้เรียกสหรัฐฯว่า “พวกตรงข้าม” ที่มีความประสงค์ในการคุกคามทางความมั่นคงของอิหร่านอย่างเป็นกระบวนการที่น่าไร้อย่างอายเป็นที่สุด

    แต่อย่างไรก็ตาม ผู้นำสูงสุดอิหร่านเสริมว่า “แต่ถึงแม้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้คุกคามเราอย่างเปิดเผย แต่ทางอิหร่านต้องเตรียมพร้อม”

    ในการประชุมนิวเคลียร์อิหร่านที่จะกลับมาเริ่มขึ้นอีกครั้ง หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ผู้นำสูงสุดทางจิตวิญญาณต้องการคือ เงื่อนเวลาในการยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งต้องการให้ทำการยกเลิกในทันทีที่ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านบรรลุผล แต่ทว่าสหรัฐฯ ปฏิเสธความเป็นไปได้นี้

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000045201
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “สี” เยือนปากีฯ ผุดอภิมหาโปรเจกต์ ลงทุนเป็นมูลค่า 46,000 ล้านดอลลาร์
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 เมษายน 2558 22:01 น. (แก้ไขล่าสุด 21 เมษายน 2558 10:40 น.)

    [​IMG]

    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง(ซ้าย) เดินทางถึงปากีสถานเมื่อวันจันทร์ (20 เม.ย.) ท่ามกลางการต้อนรับของ มัมนูน ฮุสเซน ประธานาธิบดีปากีสถาน(ขวา)

    เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” เดินทางถึงปากีสถานเมื่อวันจันทร์ (20 เม.ย.) และเริ่มเปิดตัวการลงทุนอภิมหาโครงการทางด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน รวมเป็นมูลค่า 46,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนอกจากเป็นการตอกย้ำแผนการทะเยอะทะยานทางเศรษฐกิจของปักกิ่งในเอเชียแล้ว ความเคลื่อนไหวนี้ยังมีนัยในการคานอิทธิพลของอเมริกาและอินเดีย

    https://youtu.be/7H8Vy9c3FmU

    ระหว่างการเยือนปากีสถาน 2 วันคราวนี้ สีกับผู้นำปากีสถานจะกำกับดูแลการลงนามในข้อตกลงจำนวนมากระหว่างประเทศทั้งสอง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสถาปนา “ระเบียงเศรษฐกิจปากีสถาน-จีน” ขึ้นครอบคลุมอาณาบริเวณระหว่างเมืองท่า “กวาดาร์” ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลอาราเบียทางภาคใต้ของปากีสถาน ไปจนถึงเขตปกครองตนเองซินเจียง (ซินเกียง) ทางภาคตะวันตกของแดนมังกร

    แผนการนี้ซึ่งจีนจะลงทุนเป็นเงินมากกว่าที่สหรัฐฯ ใช้จ่ายอยู่ในปากีสถานตลอดช่วงประมาณ 10 ปีที่ผ่านมาเสียอีก ถือเป็นส่วนหนึ่งของ “เส้นทางสายไหมสายใหม่” ทั้งทางบกและทางทะเล ซึ่งมุ่งผูกโยงดินแดนจีนเข้ากับตลาดต่างๆ ในเอเชียกลาง เอเชียใต้ ไปจนถึงยุโรป และตะวันออกกลาง

    สีระบุว่า การลงทุนเช่นนี้จะผูกพันประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองอย่างแน่นหนา ในฐานะที่เป็น “หุ้นส่วนเพื่อการร่วมมือกันทางยุทธศาสตร์ซึ่งทนทานต่อทุกสภาพอากาศ”

    ขณะที่นายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ ของปากีสถาน กล่าวว่า ระเบียงเศรษฐกิจแห่งนี้จะเปลี่ยนโฉมปากีสถานให้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งหนึ่งของภูมิภาค ส่วนทางจีนก็จะได้เส้นทางซึ่งสั้นลงและถูกลงสำหรับการค้าและการลงทุนกับเอเชียใต้ เอเชียกลาง เอเชียตะวันตก ตลอดจนตะวันออกกลาง และแอฟริกา

    ระเบียงเศรษฐกิจแห่งนี้ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายถนน ทางรถไฟ และสายท่อส่งน้ำมันและก๊าซ จะพาดผ่านแคว้นบาลูจิสถาน ที่เป็นพื้นที่ยากจนของปากีสถาน และประสบปัญหาการก่อความรุนแรงของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนมายาวนาน

    ด้วยเหตุนี้ ความปลอดภัยของคนงานจีนจึงน่าจะเป็นข้อกังวลหลักที่ สี จะหยิบยกขึ้นหารือกับชารีฟ และผู้นำทางทหารของปากีสถาน นอกจากนั้น ยังมีความเป็นไปได้ว่า ประมุขแดนมังกรจะแสดงความกังวลเกี่ยวกับการร่วมมือกันของขบวนการแบ่งแยกดินแดนชาวมุสลิมในซินเจียงกับกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ชาวปากีสถาน

    ก่อนการเดินทาง สี ได้ให้สัมภาษณ์สื่อปากีสถานว่า สองประเทศควรส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงไปพร้อมกัน โดยที่คาดกันว่าผู้นำจีนยังจะเรียกร้องให้เพิ่มความพยายามในการฟื้นเสถียรภาพในอัฟกานิสถาน ขณะที่ปากีสถานก็ต้องการจำกัดอิทธิพลของอินเดียในประเทศดังกล่าวเช่นกัน

    อาห์ซาน อิกบัล รัฐมนตรีกระทรวงวางแผนและการพัฒนาของปากีสถานแถลงแจกแจงว่า จีนจะลงทุนเป็นมูลค่า 37,000 ล้านดอลลาร์ในโครงการก๊าซ ถ่านหิน และพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า 16,400 เมกะวัตต์ เปรียบเทียบกับเงินที่อเมริกาอัดฉีดปากีสถานนับจากปี 2002 ที่มีมูลค่า 31,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งราว 2 ใน 3 ทุ่มให้กับกิจการด้านความมั่นคง

    ทางด้าน แอนดริว สมอลล์ ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับความสัมพันธ์จีน-ปากีสถาน ชี้ว่า แม้จีนและอเมริกาแข่งขันกันสร้างอิทธิพลในเอเชีย แต่สองประเทศก็มีผลประโยชน์ร่วมกันจำนวนมากในปากีสถาน โดยเฉพาะความต้องการที่จะให้ประเทศนี้มีรัฐบาลซึ่งมีเสถียรภาพเพื่อกวาดล้างกลุ่มหัวรุนแรง ปักกิ่งจึงต้องการให้วอชิงตันให้ความช่วยเหลือ ขายอาวุธ และให้การสนับสนุนอื่นๆ แก่อิสลามาบัดต่อไปเช่นเดิม

    นอกจากนั้น สียังอาจขอให้ปากีสถานให้ความมั่นใจว่า จะมีการปราบปรามการทุจริต รวมทั้งรับประกันว่า ผู้นำรัฐบาลและผู้นำฝ่ายค้านจะยึดมั่นในข้อตกลงที่ทำกับจีนในระยะยาว

    เจ้าหน้าที่ปากีสถานเปิดเผยว่า รัฐบาลและธนาคารของจีน อาทิ ไชน่า ดิเวลอปเมนต์ แบงก์ และอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า จะปล่อยกู้แก่บริษัทจีนต่างๆ ดังเช่น ทรี จอร์จ, ไชน่า เพาเวอร์ อินเตอร์เนชันแนล ดิเวลอปเมนต์ เพื่อนำไปลงทุนในโครงการต่างๆ ในปากีสถาน

    ทั้งนี้ ปากีสถานหวังว่าการลงทุนของจีนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำกว่าศักยภาพ รวมทั้งยุติปัญหาการขาดแคลนพลังงานเรื้อรัง ซึ่งบ่อนทำลายการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และทำให้ประชาชนดำเนินชีวิตอย่างยากลำบาก

    อิกบัลมองการลงทุนของจีนในแง่บวกอย่างมาก โดยบอกว่า เป็นการรวมสามพื้นที่ที่กำลังมีพลวัตการเติบโต ได้แก่ เอเชียใต้ เอเชียกลาง และจีน

    กระนั้นยังมีนักวิเคราะห์บางคนตั้งข้อสังเกตว่า โครงการของจีนดูเหมือนเลิศเลอเกินกว่าจะเป็นจริงได้ อีกทั้งอิสลามาบัดยังต้องสะสางปัญหาอีกมากมายเพื่อทำให้โครงการโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้เกิดขึ้นได้จริงๆ


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000045260
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แยกเขี้ยวขู่จีน! อเมริกา-ฟิลิปปินส์ เปิดฉากซ้อมรบร่วมกัน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 เมษายน 2558 21:16 น. (แก้ไขล่าสุด 21 เมษายน 2558 10:30 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - ฟิลิปปินส์เปิดฉากฝึกซ้อมรบครั้งใหญ่ร่วมกับสหรัฐอเมริกาในวันจันทร์ (20 เม.ย.) นับได้ว่าเป็นการส่งเสียงเตือนไปยังจีนที่มีท่าทีก้าวร้าวในช่วงที่ผ่านมาจากข้อพิพาทเกี่ยวกับพื้นที่ทางทะเล

    ก่อนหน้านี้ พล.อ.เกรกอริโอ คาตาปัง ผู้บัญชาการกองทัพฟิลิปปินส์ ได้เผยแพร่สิ่งที่เขาบอกว่าเป็นภาพถ่ายจากดาวเทียม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสิ่งปลูกสร้างของจีนบริเวณแนวปะการังและสันดอนที่ตื้น 7 จุด แถวหมู่เกาะสแปรตลีย์ อันเป็นพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้

    “มีหลายเหตุผลที่ทำให้เราต้องส่งเสียงบอกให้โลกรู้ถึงผลกระทบอันเลวร้ายจากท่าทีก้าวร้าวของจีน” คาตาปังบอกนักข่าว ทั้งยังระบุด้วยว่า การถมที่และดำเนินการก่อสร้างของจีนในบริเวณนั้นมีเยอะมาก

    เขาบอกว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดความวิตกกังวลอย่างมาก เพราะสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นอาจไม่ได้มีผลเพียงแค่เป็นอุปสรรคในการเดินเรือเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นไปได้ว่ามันอาจจะถูกสร้างขึ้นด้วยเป้าหมายทางการทหาร

    จีนได้อ้างอธิปไตยเหนือพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรและมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ซึ่งรวมถึงหลายพื้นที่ใกล้กับชาติในเอเชียรายอื่นๆ โดยใช้เส้นแนวแบ่งเขตที่คลุมเครือจากแผนที่จีนที่ทำขึ้นในยุคปี 1940 ทำให้เกิดมีพื้นที่ทับซ้อนในบริเวณที่ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน ได้อ้างสิทธิ์ไว้เช่นกัน

    จีนได้ขยายอาณาเขตเข้าไปในพื้นที่พิพาทหลายส่วนของทะเลจีนใต้ในช่วงปีหลังๆ ด้วยการถมที่ครั้งใหญ่ตามแนวปะการังและเกาะเล็กเกาะน้อย เพื่อทำให้กลายเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่พอสำหรับสร้างพื้นที่ลงจอดของอากาศยานทางทหาร

    ในการให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เบนิโญ อากีโน ได้บอกว่าโลกควรจะหวั่นเกรงการกระทำของจีนในพื้นที่พิพาททางทะเล พร้อมเตือนว่ามันอาจนำไปสู่การสู้รบ

    ในความพยายามที่จะยับยั้งจีน กองทัพของฟิลิปปินส์ได้รับการสนับสนุนจากมิตรประเทศที่คบกันมายาวนานอย่างสหรัฐฯ ให้แสดงตนมากขึ้นถึงการคงอยู่ของดินแดน รวมถึงชายฝั่งและน่านน้ำของฟิลิปปินส์ ด้วยการซ้อมรบร่วมกันในสัดส่วนใหญ่กว่าที่เคยทำมา

    การร่วมมือกันกันครั้งนี้ อเมริกามีแผนจะกลับมาวางกำลังไว้ในฟิลิปปินส์ ประเทศอดีตอาณานิคมของตนที่เคยมีทั้งฐานทัพอากาศและฐานทัพเรือของอเมริกาอยู่ในประเทศนี้มายาวนานจนถึงช่วงต้นของยุคปี 1990

    การซ้อมรบร่วมกันครั้งนี้มีชื่อว่า “บาลิกาตัน” เป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่ทำกันเป็นประจำทุกปีระหว่างทั้งสองชาติ จากการลงนามในข้อตกลงร่วมกันเมื่อปี 1951 ซึ่งทำให้ทั้งคู่สามารถส่งกำลังมาช่วยเหลือกันได้ ในกรณีที่เกิดการรุกรานจากภายนอก

    มีทหารเข้าร่วมการซ้อมรบครั้งนี้ถึง 12,000 นาย มากเป็น 2 เท่าของการซ้อมรบปีก่อน โดยการกล่าวในพิธีเปิดการซ้อมรบที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ที่กรุงมะนิลา เจ้าหน้าที่จากทั้ง 2 ชาติไม่สงวนท่าทีเลยแม้แต่น้อย ที่จะพูดถึงความขัดแย้งในทะเลจีนใต้

    “ผมค่อนข้างแน่ใจว่าการซ้อมรบบาลิกาตันครั้งนี้ จะเหมือนเป็นการตั้งศูนย์เพื่อยกระดับความร่วมมือในการดำเนินงานด้านมนุษยธรรมและการรับมือกับภัยพิบัติ รวมถึงรับมือกับการท้าทายความมั่นคงทางทะเล” วอลแตร์ กัสมิน รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ กล่าว

    ฟิลิป โกลด์เบิร์ก เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำฟิลิปปินส์ ก็ได้กล่าวย้ำเพิ่มความมั่นใจให้กับฟิลิปปินส์ ด้วยการบอกว่า อเมริกาจะไม่ปิดบังเลย ว่ากำลังช่วยฟิลิปปินส์ปกป้องความมั่นคงทางทะเล

    “เราขอพูดให้ชัดเจนไปเลยว่า อเมริกามีข้อผูกพันกับมิตรประเทศ ซึ่งในกรณีของฟิลิปปินส์ มิตรเก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคนี้ของเรา ข้อผูกพันนั้นก็คือการเป็นเกราะเหล็กให้ฟิลิปปินส์ ดังเช่นที่ประธานาธิบดีโอบามาได้เคยกล่าวไว้” โกลด์เบิร์ก กล่าว

    ทูตสหรัฐฯ ยังบอกอีกว่า ในขณะเดียวกันอเมริกาก็จะปกป้องหลักการสำคัญของเสรีภาพในการเดินเรือ รวมถึงแก้ไขข้อขัดแย้งอย่างสันติด้วยการใช้กฏหมาย การทูตและสันติวิธี

    การฝึกซ้อมรบร่วมกันครั้งนี้จะกินเวลา 10 วัน ที่ฐานทัพหลายแห่งทั่วฟิลิปปินส์ โดยในวันอังคารจะมีการซ้อมยกพลขึ้นบกที่ฐานทัพเรือในทะเลจีนใต้ อยู่ห่างจากเขตที่ตื้น ซึ่งทางฟิลิปปินส์บอกว่าจีนได้เข้ามาควบคุมตั้งแต่ปี 2012 ไปประมาณ 220 กิโลเมตร

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดินไหวรุนแรงอัด ไต้หวัน-ญี่ปุ่น ดับ 1 ศพที่ไทเป
    โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 21 เม.ย. 2558 04:20

    [​IMG]
    รถยนต์ในหอจอดรถอัตโนมัติในกรุงไทเปได้รับความเสียหาย หลังเกิดแผ่นดินไหว แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์นี้ (ภาพ: AFP PHOTO)

    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.8 แมกนิจูด นอกชายฝั่งตะวันออกของไต้หวัน ใกล้กับเกาะโยนะกูนิในหมู่เกาะโอกินาวา ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น เมื่อเช้าวันที่ 20 เม.ย. ทำให้ตึกสูงในกรุงไทเปสั่นไหว ผู้คนแตกตื่นวิ่งหนีออกนอกอาคารมาอยู่ตามท้องถนน ส่วนญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยสึนามิสูง 1 เมตร อาจซัดเข้าชายฝั่ง และอพยพเด็กนักเรียนกับชาวบ้านในพื้นที่ต่ำไปอยู่บนที่สูง ก่อนยกเลิกการเตือนภัยใน 1 ชม.ต่อมาหลังไม่พบคลื่นสึนามิ
    อย่างไรก็ตาม อพาร์ตเมนต์สูง 4 ชั้นหลังหนึ่งในเขตซินจ้วงชานกรุงไทเปเกิดไฟไหม้ เพราะหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดจากฤทธิ์แผ่นดินไหว ทำให้ชายชราคนหนึ่งเสียชีวิต มีผู้บาดเจ็บเพราะสำลักควันไฟถูกส่งเข้าโรงพยาบาล 1 คน ขณะที่ตึกอีกหลังในกรุงไทเปซึ่งเป็นที่จอดรถต้องอพยพผู้คนเพราะหวั่นว่ามีแก๊สรั่ว และมีรายงานว่ามีรถยนต์ 11 คันในชั้นใต้ดินได้รับความเสียหาย แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีคนอยู่ในรถด้วยหรือไม่
    ดินไหวรุนแรงอัด ไต้หวัน-ญี่ปุ่น ดับ 1 ศพที่ไทเป - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ป.ป.ช.โต้ 'ธาริต' ปัดอายัดทรัพย์หวังใช้ ม.44 เขี่ยพ้นราชการ
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 20 เม.ย. 2558 19:15

    [​IMG]

    ป.ป.ช.โต้ “ธาริต” ปัดอายัดทรัพย์เพื่อหวังใช้มาตรา 44 เขี่ยพ้นเก้าอี้ จี้อดีตอธิบดีดีเอสไอ มาให้ข้อมูลแจงที่มาทรัพย์สิน ย้ำ ป.ป.ช.พร้อมให้ความเป็นธรรม ไม่ได้เล่นงานทางการเมือง...
    วันที่ 20 เม.ย.58 ที่สำนักงาน ป.ป.ช. จ.นนทบุรี นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีการร่ำรวยผิดปกติ กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.อายัดทรัพย์นายธาริตและภริยา จำนวน 40.9 ล้านบาท ว่า การไต่สวนเรื่องนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนทำงานกันโดยละเอียดรอบคอบ ให้ความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้กลั่นแกล้ง หรือเป็นประเด็นการเมือง ข้อมูลที่ ป.ป.ช.ได้มายังมีตัวเลขความเคลื่อนไหวอื่นๆ อีก ไม่ใช่มีแค่ตัวเลขที่นายธาริตตั้งข้อสังเกตตามที่เป็นข่าวเท่านั้น จึงขอให้นายธาริตมาชี้แจงเพื่อพิสูจน์ตามสิทธิพึงมี ซึ่งในวันที่ 22 เม.ย. คณะอนุกรรมการไต่สวนจะประชุมพิจารณากรณีดังกล่าวอีกครั้ง
    ผู้สื่อข่าวถามว่า นายธาริต ระบุว่าการที่ ป.ป.ช.เผยแพร่ข่าวดังกล่าวในช่วงนี้ เพราะต้องการให้หัวหน้า คสช.ใช้มาตรา 44 สั่งให้พ้นราชการ
    นายปรีชา กล่าวว่า การที่ ป.ป.ช. ไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ให้เป็นข่าวตั้งแต่แรกเพราะไม่ต้องการให้ถูกหยิบมาเป็นประเด็นทางการเมือง ขณะเดียวกัน ป.ป.ช. ได้ขอเอกสารเพิ่มเติมไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อเท็จจริง เมื่อทุกอย่างมีความชัดเจนและนิ่งแล้ว จึงเห็นควรให้เผยแพร่ข่าว ยืนยันไม่มีประเด็นการเมือง เมื่อนายธาริตถูกย้ายมาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว คงไม่มีเหตุให้ทำไปเพื่อให้ถูกโยกย้ายหรือพ้นจากตำแหน่งอีก.
    ป.ป.ช.โต้ 'ธาริต' ปัดอายัดทรัพย์หวังใช้ ม.44 เขี่ยพ้นราชการ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'บิ๊กต๊อก' ถก 4 หน่วยงานหลักพรุ่งนี้ สอบปมทุจริต ศธ.
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 20 เม.ย. 2558 19:05

    [​IMG]

    รมว.ยุติธรรม แจง คำสั่งย้ายบิ๊กข้าราชการ ศธ. ยังตอบไม่ได้ ต้องดูทุจริตหรือไม่ รอถก 4 หน่วยงานหลัก 21 เม.ย.นี้ ที่ทำเนียบ...

    เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 เม.ย.58 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งให้คณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค. หยุดปฏิบัติหน้าที่จากการร้องเรียนทุจริต ว่า ทาง ศอตช.ต้องเข้ามาดูเรื่องของกระทรวงศึกษาธิการด้วยหรือไม่ ขอหารือ 4 หน่วยงานหลักก่อน คือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ว่ามีเรื่องนี้อยู่ในการพิจารณาด้วยหรือไม่ เพราะบางทีไม่ได้ชี้แจงตนทราบทุกเรื่อง

    ด้าน นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ ป.ป.ท. และในฐานะเลขานุการ ศอตช. เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 เม.ย. เวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) เรียกประชุม คตช.ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

    ขณะที่ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) กล่าวถึงกรณีที่หัวหน้า คสช.มีคำสั่งให้ คตร.ตรวจสอบการใช้งบประมาณและการดำเนินโครงการที่สำคัญของคณะกรรมการ 3 ชุด ในกระทรวงศึกษาธิการว่า วันที่ 22 เม.ย.นี้ คตร.จะประชุมพิจารณาเรื่องดังกล่าว ที่ห้องประชุมภายในกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน เพื่อศึกษาเรื่องต่างๆ และกำหนดเรื่องที่จะเข้าไปตรวจสอบคณะกรรมการทั้ง 3 ชุด นอกจากนี้ จะพิจารณาว่าจะเชิญผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการมาให้ข้อมูลหรือไม่ ซึ่งหลังจากประชุมครั้งนี้แล้วจะเริ่มเก็บข้อมูล แต่ขั้นต้นเรามีข้อมูลเก่าอยู่แล้ว.

    'บิ๊กต๊อก' ถก 4 หน่วยงานหลักพรุ่งนี้ สอบปมทุจริต ศธ. - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดวงกรุงครบ '233 ปี 'ก้าวสู่ปีที่ 234' เกณฑ์ดาวก็ชี้ปฏิรูป?
    ครบ 233 ปีเต็ม ในวันที่ 21 เมษายน 2558 จากนั้นก็จะย่างเข้าสู่ปีที่ 234
    วันอังคารที่ 21 เมษายน 2558 เวลา 4:30 น. คำสำคัญ: สกู๊ปหน้า1

    [​IMG]

    "...จะครบ 233 ปีเต็ม ในวันที่ 21 เมษายน 2558 จากนั้นก็จะย่างเข้าสู่ปีที่ 234”...นี่เป็นการระบุไว้ของ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ...นี่เป็นการระบุถึงยุค ’กรุงรัตนโกสินทร์“
    ในทางโหราศาสตร์จะมีเรื่องของ “ดวงกรุง”
    ’ดวงกรุงรัตนโกสินทร์“ ยึดโยงสู่ ’ดวงเมือง“
    ทั้งนี้ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ สะท้อนข้อมูลความรู้ความเข้าใจเรื่อง “ดวงกรุงรัตนโกสินทร์-ดวงเมือง” ในทางโหราศาสตร์ ไว้ว่า...การพยากรณ์ชะตาบ้านเมืองนั้นเป็นเรื่องใหญ่ มีความสลับซับซ้อนกว่าการพยากรณ์ชะตาบุคคลมาก เพราะเป็นดวงสังคมขนาดใหญ่ และก็มีระยะเวลาอันยาวนานกว่าชะตาบุคคล
    ถามว่า...ดวงเมืองจะบ่งบอกอะไร? จะพิจารณาจากดวงเมืองได้อย่างไร??...เมื่อจะพยากรณ์ดวงเมืองยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ก็จะต้องมีแผนภูมิ ’ดวงกำเนิดของดวงพระฤกษ์ฝังเสาหลักเมือง“ กรุงรัตนโกสินทร์
    “ดวงกรุงรัตนโกสินทร์” ดวงกำเนิดของดวงพระฤกษ์ฯนั้น สุริยคติกาล...วันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2325, จันทรคติกาล...ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 เวลา...รุ่งเช้าแล้วเก้าบาท คือเวลา 06.54 น., อาทิตย์ (1)…เป็นตนุเศษ สถิตอยู่ตรงราศีเมษ ระยะ 10 องศา 42 ลิปดา, ลัคนา...สถิตอยู่ตรงราศีเมษ ระยะ 24 องศา 9 ลิปดา, เกตุ (9)…สถิตราศีพฤษภ ระยะ 3 องศา 37 ลิปดา, อังคาร (3)…สถิตราศีพฤษภ ระยะ 20 องศา 22 ลิปดา, มฤตยู (0)...สถิตอยู่ตรงราศีมิถุน ระยะ 5 องศา 42 ลิปดา, จันทร์ (2)...อยู่ในราศีกรกฎ ระยะ 16 องศา 18 ลิปดา, เสาร์ (7)...โคจรพักร์องศา (ถอยหลัง) ในราศีธนู ระยะ 8 องศา 24 ลิปดา, พฤหัสบดี (5)...โคจรพักร์องศา (ถอยหลัง) ในราศีธนู ระยะ 10 องศา 35 ลิปดา, ศุกร์ (6)...สถิตราศีมีน ระยะ 9 องศา 25 ลิปดา, พุธ (4)...สถิตราศีมีน ระยะ 20 องศา 1 ลิปดา, ราหู (8)...กำลังโคจรย้อนวิถีในราศีมีน ระยะ 24 องศา 39 ลิปดา
    “นี่คือดวงพระฤกษ์ฝังเสาหลักเมือง ที่เรียกว่า ดวงกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งตอนนี้กาลเวลาได้ล่วงเลยผ่าน 232 ปี ย่างเข้าปีที่ 233 จะครบ 233 ปีเต็มในวันที่ 21 เมษายน 2558 จากนั้นก็จะย่างเข้าสู่ปีที่ 234 ซึ่งดวงดาวต่าง ๆ ในท้องฟ้าของดวงเมืองก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปโดยการโคจรยักย้ายถ่ายเทไปตามจักราศี ไม่ได้สถิตอยู่ตรงที่เดิมแล้ว เพราะดวงดาวย่อมมีการโคจรเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา”...นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ระบุ
    พร้อมทั้งแจกแจงไว้อีกว่า...ปัจจุบันนี้ ดวงดาวต่าง ๆ ที่กล่าวถึงได้โคจรเคลื่อนไปตามจักราศี ตามวิถีแห่งการโคจร ของดวงดาวแต่ละดวง โดยมีคาบและอัตราการโคจรที่แน่นอนเป็นปกติสม่ำเสมอ แต่ ในบางเวลาก็โคจรวิปริตบ้าง คือการโคจรที่ผิดปกติ ที่โหรเรียกว่า “วิสมคติ” มี 5 ประการ คือ...การโคจรคดเคี้ยวดุจงอนไถ, การโคจรคดเคี้ยวดุจงอนไถแต่มากยิ่งกว่า, การโคจรไปโค้ง ๆ ดุจวงเดือน, การโคจรไปช้ากว่าปกติ และการโคจรไปเร็วกว่าปกติ ขณะที่นักโหราศาสตร์ฝ่ายไทยนิยมใช้กันอยู่ 3 ประการ คือ... การโคจรพักร์ (ถอยหลัง), การโคจรมณฑ์ (หยุดนิ่งย่ำอยู่กับที่) และการโคจรเสริด (ไปเร็วอย่างรีบเร่ง)
    สำหรับการพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคตตามวิถีแห่งโหราศาสตร์ ก็คือการนำเอาดาวที่โคจรไปในราศีต่าง ๆ อยู่ในเรือนชะตาหรือภพต่าง ๆ ที่มีทั้งภพที่ดีและเสีย โคจรไปในอาการต่าง ๆ กัน ภายในห้วงเวลาที่พึงประสงค์ มาพยากรณ์เข้าไปสัมพันธ์ หรือที่ท่านเรียกว่า “สนธิ” กับจุดตั้งรับในดวงเดิม ว่าเป็นอย่างไร? นั่นเอง
    ...อ.ภิญโญ สะท้อนข้อมูลความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ “การทำนายดวงชะตา” ในทางโหราศาสตร์ไว้ ซึ่งกับ “ดวงเมืองประเทศไทย” ที่สลับซับซ้อนกว่าดวงชะตาบุคคลมากมายนัก ก็อยู่บนหลักการดังกล่าวนี้
    ทั้งนี้ กับ ดวงเมืองประเทศไทยในปี 2558 และหลังปี 2558 แล้ว...ที่ผ่านมาก็มีนักโหราศาสตร์ได้ทำนายทายทักไว้แล้วไม่น้อย ซึ่งส่วนหนึ่งก็อิงอยู่บนหลักการเกี่ยวกับดวงดาว ไม่ว่าจะเป็น...อาทิตย์, พฤหัสบดี, ศุกร์, จันทร์ หรือดาวที่ในทางโหราศาสตร์ถือว่าแรง หรือเป็นฝ่ายบาปเคราะห์ อย่าง...เสาร์, อังคาร, ราหู
    อย่างไรก็ตาม ที่น่าสังเกต เกี่ยวกับ การบ่งชี้ตามเกณฑ์ดาว กับประเทศไทยยุคนี้ ในส่วนของ ’ดาวมฤตยู“ ดังที่ อ.ภิญโญ ได้เคยสะท้อนผ่าน “เดลินิวส์” ไว้ตั้งแต่ปลายปี 2556 ก่อนเกิดรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ก็นับว่า ’น่าคิด-น่าพิจารณา“ ไม่น้อยเลย โดยช่วงนี้ดาวมฤตยูกำลังโคจรถอยหลังอยู่ในราศีมีน ภพที่ 12 (วินาศ) ไปจนถึงวันที่ 12 กรกฎาคม 2558 เวลา 18.27 น. จึงย้ายเข้าสู่ราศีเมษ ซึ่งเป็นภพที่ 1 (ตนุ) ทับอาทิตย์ ตนุเศษ เดินหน้าถอยหลังกลับไปกลับมา ทับลัคนาดวงเมือง โดยจะโคจรอยู่ในราศีเมษเป็นเวลาประมาณ 7 ปี
    ประเด็นคือ...ดวงเมืองไทยยุคนี้ ยุคที่ดวงกรุงรัตนโกสินทร์ใกล้ครบ-ครบ-ผ่าน 233 ปี-ล่วงเข้าสู่ปีที่ 234 มีดาวมฤตยูที่เป็น ดาวแห่งการปฏิรูปและการเปลี่ยนแปลง...โคจรอย่างมีนัยสำคัญ ในทางโหร
    ดาวแห่งการปฏิรูปก็บ่งชี้ไว้ว่าถึง ’ยุคปฏิรูป“
    แต่ก็ต้องดู ’เกณฑ์ดาวที่สัมพันธ์กับมฤตยู“
    เพราะ ’ยึดโยงได้ทั้งด้านดี-ด้านร้าย?!?!?“.
    บอกต่อ: ...
    http://www.dailynews.co.th/…/_ดวง%e…
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ตามลุ้น’ดวงห้วงที่ 3 ‘ผ่านสงกรานต์’ สู่ยุค‘ล้างอาถรรพณ์’
    ดวงเมือง ปีพุทธศักราช 2558 แบ่งตามห้วงเวลาทางจันทรคติกับสุริยคติกาลได้ 3 ห้วง คือ...
    วันอังคารที่ 14 เมษายน 2558 เวลา 2:00 น.
    คำสำคัญ: ตามลุ้น ดวงห้วงที่ 3 ผ่านสงกรานต์ สู่ยุค ล้างอาถรรพณ์
    หากจะว่ากันถึงการเปลี่ยนปีนักษัตร ว่ากันถึงการขึ้นปีใหม่แบบไทย ก็ต้องช่วงตั้งแต่ก่อน ’สงกรานต์“ จนถึงช่วงสงกรานต์ ซึ่งสงกรานต์นับ ’เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านหลายสิ่ง“ รวมถึง ’ดวงเมือง“ ตามหลักโหราศาสตร์
    “สงกรานต์” วนมาถึง...ก็ลองมาดูเรื่องนี้...
    ทั้งนี้ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ สะท้อนข้อมูล “หลักโหรเกี่ยวกับดวงเมืองที่ยึดโยงกับสงกรานต์” ผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ไว้ เนื้อหาโดยสรุปคือ...ดวงเมือง ปีพุทธศักราช 2558 แบ่งตามห้วงเวลาทางจันทรคติกับสุริยคติกาลได้ 3 ห้วง คือ... ห้วงที่ 1 ระหว่าง 1 มกราคม-19 มีนาคม ยังเป็นปีนักษัตรมะเมีย, ห้วงที่ 2 ระหว่าง 20 มีนาคม-15 เมษายน เปลี่ยนเป็นปีมะแมแล้ว และ ห้วงที่ 3 ดวงเมือง ปีมะแม สัปตศก จุลศักราช 1377 ระหว่างวันที่ 16 เมษายน-31 ธันวาคม 2558
    นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ระบุว่า... ชนชาติไทยในแผ่นดินสุวรรณภูมิสมัยก่อนกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี นับปีโดยใช้วันขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ วันเปลี่ยนปี เปลี่ยนปีนักษัตร พอถึงรัชสมัย สมเด็จพระมหาธรรมราชา (ลือไท) พระองค์ทรงมีความรู้ด้านโหราศาสตร์อย่างยอดเยี่ยม จึงมีการ ถือเอาวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 เป็นวันเปลี่ยนปีนักษัตร ชวด ฉลู ขาล เถาะ ฯลฯ ซึ่งชนชาวไทยก็ยึดถือตามเรื่อยมา
    การเปลี่ยนปีนักษัตรเป็นปีมะแมในปีนี้ คือในวันที่ 20 มีนาคม ดังนั้นก่อนหน้าจึงยังเป็นดวงเมืองปีมะเมีย และช่วง 20 มีนาคม-16 เมษายน ที่เปลี่ยนเป็นจุลศักราชใหม่ 1377 ปีมะแม ก็เป็นดวงเมืองอีกห้วงหนึ่ง
    ประเด็นคือ ’ดวงเมืองห้วงที่ 3“ มีอะไร??
    นอกจาก “ประกาศสงกรานต์” ที่มีออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ทาง อ.ภิญโญ ระบุว่า... ดวงเมืองก็ยึดโยงกับสงกรานต์ ด้วย โดยปี 2558 วันมหาสงกรานต์ตรงกับวันที่ 14 เมษายน ซึ่งก่อนถึงวันนี้คำพยากรณ์ดวงจึงยังต้องใช้ตามประกาศสงกรานต์เดิม จนหลังวันเวลามหาสงกรานต์แล้วจึงจะใช้ตามประกาศสงกรานต์ใหม่
    ขณะที่ทางโหราศาสตร์ก็มีข้อมูลคือ... วันมหาสงกรานต์ เป็นวันที่พระอาทิตย์โคจรมาครบ 1 รอบจักราศี ครบ 360 องศา แล้วก็จะโคจรวิวัฒน์เข้าสู่รอบใหม่ คือ ราศีเมษ ระยะ 00 องศา 00 ลิปดา เมื่อเวลา 14 นาฬิกา 24 นาที 00 วินาที ซึ่ง วันมหาสงกรานต์ปีนี้ทางจันทรคติกาลตรงกับวันอังคาร แรม 11 ค่ำ เดือน 5
    เรื่องวันมหาสงกรานต์นี้ มีศิลาจารึกคติความเชื่อตำนานสงกรานต์ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงให้จารึกลงแผ่นศิลาติดไว้ที่วัดโพธิ์ เป็นเรื่องเล่าความเป็นมาประเพณีโดยสมมุติผ่านเรื่องราว ธรรมบาลกุมาร และ นางสงกรานต์ทั้ง 7 ที่มีนามต่าง ๆ ตามวัน ดังที่คงจะพอทราบ ๆ กันบ้างแล้ว
    ปี 2558 นี้เป็นคิวของนางสงกรานต์วันอังคาร
    ’รากษสเทวี...นางสงกรานต์ฝ่ายบาปเคราะห์“
    ทั้งนี้ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ระบุต่อไปว่า... วันอังคารเป็นวันบาปเคราะห์ เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม ความขัดแย้ง ใช้กำลัง ใช้ความรุนแรง ท่านว่าถ้าปีใดวันอังคารเป็นวันมหาสงกรานต์ โจรผู้ร้ายจะชุกชุม และ จะเกิดการเจ็บไข้ร้ายแรง ด้วย ส่วน นางสงกรานต์ “รากษสเทวี” ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง แก้วโมราเป็นอาภรณ์ ภักษาหารโลหิต พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายทรงธนูศิลป์ เสด็จนั่งไปบนหลังวราหะ (สุกร) ซึ่ง อิริยาบถนางสงกรานต์เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการพยากรณ์ดวงเมืองตามหลักการทางโหราศาสตร์ โดยอิริยาบถ “นั่ง” มีนัยหมายถึง จะรู้สึกสบายขึ้น (กว่ายืน) แต่ก็ยัง “คร่ำเคร่ง-จริงจัง” อยู่
    การพยากรณ์เมื่อดูจากนางสงกรานต์ปีนี้... จะเป็นปี-ห้วงเวลา ดุร้าย-รุนแรง อีกห้วงหนึ่ง ภักษาหารโลหิต ตำราไม่ได้บอกว่าโลหิตอะไร-ของใคร?? แต่เป็นที่เข้าใจกันว่า ชอบดื่มกินเลือดมนุษย์ นั่นเอง อีกทั้งเมื่อพิจารณาอาวุธประจำกาย โดยรวมแล้วก็จะ ต้องระมัดระวังเรื่องความขัดแย้ง ความรุนแรง สงคราม อุบัติเหตุ อุบัติภัย ภัยธรรมชาติ ที่จะนำมาซึ่งการสูญเสียเลือดเนื้อชีวิตและทรัพย์สินเป็นอันมาก
    อย่างไรก็ตาม กับดวงเมืองนั้น ก็มีอีกมุมคำทำนายช่วง “หลังสงกรานต์” โดยนักโหราศาสตร์อีกราย คือ ฟองสนาน จามรจันทร์ ได้ทายทักไว้ในหนังสือ “ดวงเมือง ดวงคน ๒๕๕๘” ที่เขียนร่วมกับ อ.ภิญโญ และ ยูเรสโตร ไว้อย่างน่าติดตาม โดยสังเขปคือ... จากการที่ดาวพระเสาร์ย้ายราศี โดยภาพรวมดาวพฤหัสบดีจะดีขึ้น เทพเทวาดวงเมืองจะดีขึ้น และเริ่มปกติ ตั้งแต่ หลัง 21 เม.ย. 2558 เป็นต้นไป ซึ่งครบรอบดวงเมืองและการวางพื้นฐานต่าง ๆ ให้ประเทศ ทางด้าน เศรษฐกิจจะดีขึ้น พื้นฐานของประเทศจะก้าวหน้ามากขึ้น
    พอถึง 11 ก.ค. 2558 ถึงสิ้นปี พฤหัสบดีแกร่งกล้า ด้านการเมืองมีเกณฑ์ เกิดการจากไปของนักการเมือง-คนสำคัญ อาจมี นักการเมืองเก๋า ๆ เข้าคุก เป็นยุคเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ใครไม่เปลี่ยนก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    นักโหราศาสตร์รายนี้ยังชี้ไว้อย่าง “น่าตามลุ้น”
    ผ่านสงกรานต์แล้ว โดยเฉพาะหลัง 11 ก.ค.
    ดวงเมืองจะมีการ “ล้างอาถรรพณ์ชั่วร้าย”.
    ‘ตามลุ้น’ดวงห้วงที่ 3 ‘ผ่านสงกรานต์’ สู่ยุค‘ล้างอาถรรพณ์’ | เดลินิวส์
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กระแสร้อนมีเป็นระยะ 'เรื่องของโหร' ศาสตร์นี้มี'กฎกติกา'
    เรื่องราวทาง “การเมือง” ในประเทศไทย ที่มีการยึดโยงกับเรื่องราว "การทำนายทายทักดวง"
    วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2558 เวลา 0:30 น.
    คำสำคัญ: สกู๊ปหน้า1 ดวง โหร โหราศาสตร์ การเมือง ทำนาย
    เรื่องราวทาง “การเมือง” ในประเทศไทย ที่มีการยึดโยงกับเรื่องราว "การทำนายทายทักดวง" ล่าสุดก็เพิ่งเป็นเรื่องฮอต-เรื่องฮิต เป็นประเด็นเด่น-ประเด็นร้อน ขึ้นอีกครั้ง โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเซ็งแซ่ ซึ่งหลักใหญ่ใจความที่นำสู่การเป็นประเด็นฮอตร้อนฉ่าคืออะไร? ก็ดังที่ทราบ ๆ กัน ซึ่ง ณ ที่นี้คงไม่ต้องฉายภาพซ้ำ
    “การเมือง” นั้น “การโหร” ก็ยึดโยงมาตลอด
    ก็เช่นเดียวกับที่โยง “การเชื่อของรายบุคคล”
    ทั้งนี้ ว่ากันในภาพรวมเกี่ยวกับการทำนายทายทักดวง ทายทักเกณฑ์ชะตา ในเรื่องต่าง ๆ ด้วยรูปแบบต่าง ๆ กล่าวสำหรับผู้ที่เป็นนักโหราศาสตร์ หรือโหร หรือหมอดู ที่ไม่ใช่ประเภทแอบอ้าง อวดอ้าง ไม่ใช่ตัวจริง แต่ได้ศึกษาจริง เป็นตัวจริง โดยยึดถือ-ตั้งอยู่บนหลักวิชาโหร หรือโหราศาสตร์ ไม่ว่าจะรูปแบบใด ศาสตร์แบบใด ในทางปฏิบัติ กับการจะทำนายทายทักนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะมีการคำนึงถึง ’จรรยาบรรณของโหร“ ด้วย
    กับ "โหราศาสตร์" นั้น "ศาสตร์นี้ก็มีหลักยึด"
    "มีกฎกติกามารยาท" ให้ยึดถือมาแต่โบราณ...
    และว่ากันในภาพรวมเกี่ยวกับโหราศาสตร์ ในส่วนของนักโหราศาสตร์ หรือโหร หรือหมอดู กับกรณีจรรยาบรรณ หรือกฎกติกามารยาท หรือหลักปฏิบัติในการจะทำนายทายทัก ซึ่ง ณ ที่นี้ขอเน้นว่านี่มิใช่จะไปยึดโยงกับที่เพิ่งเป็นเรื่องฮอต-เรื่องฮิต เป็นประเด็นเด่น-ประเด็นร้อนล่าสุด แต่กับกรณีนี้ในภาพรวมทั่ว ๆ ไปนั้น...ทางนายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ ก็ได้เคยให้ข้อมูลผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ไว้
    หลักใหญ่ใจความสำคัญเกี่ยวกับกรณีกฎกติกามารยาทตามหลักโหราศาสตร์นั้น นักโหราศาสตร์รายนี้ เคยระบุไว้ว่า... คนที่ประกอบอาชีพโหร คนที่ประกอบอาชีพหมอดู ทุกคนนั้นจำเป็นที่จะต้องมีจรรยาบรรณ ซึ่งบรรดาโหราจารย์ในอดีตที่ผ่าน ๆ มาก็ได้มีการกล่าวต่อ ๆ กันมาว่า... โหรนั้นก็จัดอยู่ในตระกูลหมอจำพวกหนึ่ง เพราะฉะนั้น... โหรหรือหมอดูทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องมีจรรยาบรรณ และจำเป็นที่จะต้องยึดมั่นในจรรยาบรรณ เช่นเดียวกับที่หมอรักษาโรคภัยไข้เจ็บ หมอรักษาคนป่วย-รักษาคนไข้ ก็จำเป็นต้องมีจรรยาบรรณ
    “โดยมีคำกล่าวไว้ว่า... หมอที่ดีจะต้องมีจรรยาบรรณที่ดีฉันใด โหรที่ดีก็จะต้องมีจรรยาบรรณที่ดีฉันนั้น ซึ่งแม้แต่คนที่เป็นโจร ก็ยังมีจรรยาบรรณในแบบของโจร” ...นี่ก็เป็นเนื้อความอีกส่วนหนึ่งจากที่ทางนายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติได้ระบุไว้ กับจรรยาบรรณของโหร ตามหลักของโหราจารย์แต่โบราณ
    จรรยาบรรณของโจรนั้นอาจชวนงงว่า...มีหรือ?
    แต่สำหรับจรรยาบรรณของโหรนั้น...มีอยู่จริง!!!
    ทั้งนี้ ทาง อ.ภิญโญ ได้มีการขยายความเกี่ยวกับจรรยาบรรณของโหรไว้ โดยได้หยิบยกหลักคำสอนของโหราจารย์-ครูอาจารย์โหรสมัยโบราณ ถึง ’ข้อห้ามของคนมีอาชีพโหร“ ที่ต้องยึดถือเป็นหลักไว้ โดยบอกว่า...
    “ข้อห้าม” นั้นก็คือ... “1. ทายสมพงศ์เมียผัวเรื่องชั่วดี, 2. ทายชีวีวิบัติตัดชัณสา, 3. ทายคุณโทษทารกทาริกา” ซึ่งกับ 3 ข้อห้ามสำคัญนี้ เป็นสิ่งที่หมอดูหรือโหรจริง ๆ ทุกคน “ต้องพึงรู้-พึงปฏิบัติ”
    ขยายความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 3 ข้อห้ามสำคัญ ตามคำทางโหร ตามหลักการของโหร ทางผู้สันทัดกรณีอีกราย คือ นายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทย อ.ธนกร สินเกษม ก็ได้เคยให้ข้อมูลผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ไว้เช่นกัน กล่าวคือ... ในส่วนของข้อห้ามแรก ที่เกี่ยวกับเมียผัว หรือภรรยาสามี หลักใหญ่ใจความของการห้ามคือ... ไม่ควรทำนายทายทักให้คู่สามีภรรยาต้องมีความเสียหาย หย่าร้างกัน ข้อห้ามถัดมา ที่เกี่ยวกับชีวีวิบัติ หลักใหญ่ใจความของการห้ามคือ... ไม่ควรบอกคำทายให้กับผู้ที่มาดูนั้นขั้นร้ายแรง ถึงแก่ความตาย และอีกข้อห้าม ที่เกี่ยวกับทารก หลักใหญ่ใจความของการห้ามคือ... ไม่ควรทายทักลูกของผู้ที่มาดูว่าไม่ดี ว่าร้าย
    นอกจากข้อห้ามหลัก 3 ข้อดังที่ว่ามาแล้ว ทั้ง อ.ธนกร และ อ.ภิญโญ ก็ยังได้เคยระบุถึง ’ข้อห้ามอื่น ๆ“ ไว้อีก ซึ่งยกตัวอย่างจากที่ทาง อ.ภิญโญ ได้เคยบอกไว้ ก็เช่น... ต้องสำรวมกิริยามารยาทให้เป็นที่น่าเคารพ, ต้องระมัดระวังในการใช้ถ้อยคำ ใช้คำพูดที่สุภาพ ไม่ควรใช้คำพูดที่เป็นผรุสวาท คำพูดที่หยาบคาย, ต้องดูดวงชะตาของผู้ที่มาดูอย่างละเอียดรอบคอบ มีความจริงใจในการดู บอกทุกเรื่องที่บอกได้กับคนที่มาดู โดยการบอกไม่ควรใช้คำพูดที่รุนแรง ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ดีก็ต้องชี้ช่องหาทางออก แนะนำ หาวิธีแก้ไขให้ แต่ไม่ควรหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากผู้ที่มาดู, ต้องรักษาความลับของคนที่มาดูดังว่าเป็นความลับของตัวเอง และ ไม่ควรดูดวงสนับสนุนในเรื่องที่ผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย ...นี่ก็ถือว่าสำคัญ
    “ส่วนในการทำนายดวงของบุคคลสาธารณะนั้น ต้องไม่พยากรณ์ในเรื่องส่วนตัวของเจ้าชะตา และอีกข้อสำคัญคือไม่ควรที่จะเปิดเผยต่อสาธารณชน” ...นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ระบุไว้
    ณ ที่นี้ก็เป็นแต่เพียงนำมาสะท้อนต่อไว้อีกครั้ง
    หลังกระแสร้อนที่เกี่ยวกับโหรเกิดขึ้นอีกครา!!!.
    กระแสร้อนมีเป็นระยะ 'เรื่องของโหร' ศาสตร์นี้มี'กฎกติกา' | เดลินิวส์
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เกิดอะไรขึ้น? ซาอุดิฯประกาศยกเลิกโจมตีเยเมน!

    [​IMG]

    ----------
    เมื่อวานนี้ (21 เม.ย.58) เวลาประมาณเกือบสามทุ่มตามเวลาท้องถิ่น กองกำลังผสมอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบียออกมาประกาศอย่างเป็นทางการผ่านสถานีโทรทัศน์ของซาอุดิฯว่า ซาอุดิฯจะยุติปฏิบัติการ "Firmness Storm" (บ้างก็เรียกว่า "Storm of Resolve") ในการโจมตีเยเมนนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นไปตามคำเรียกร้องของรัฐบาลเยเมนก่อนหน้านี้ แต่ซาอุดิฯประกาศว่าจะมีปฏิบัติการใหม่มาแทนซึ่งตั้งชื่อว่า "Operation Restoring Hope" (ปฏิบัติการฟื้นฟูความหวัง) โดยปฏิบัติการดังกล่าวจะเป็นภาคการเมืองแทนการโจมตีด้วยอาวุธทางการทหาร ซาอุดิฯอ้างว่าขณะนี้การโจมตีทางอากาศสามารถกำจัดแหล่งที่ถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อราชอาณาจักรและประเทศเพื่อนบ้านได้หมดแล้ว ซึ่งได้ทำลายอาวุธหนัก และขีปนาวุธพิสัยไกล (ballistic missiles) ของกลุ่มฮูติและกองกำลังผู้สนับสนุนอดีตปธน. Saleh ในเยเมนเรียบร้อยแล้ว
    มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมซาอุดิฯถึงออกมาประกาศหยุดยิงเอาดื้อๆแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอย่างนี้ หมายความว่ายังไม่เห็นมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการอย่างที่เกิดขึ้นในกรณีของยูเครนตะวันออกเลย มันน่าสงสัยมะ...? ทั้งๆที่สหรัฐฯพึ่งจะเคลื่อนเรือรบของตนเข้าไปยังอ่าวอาดัง (Gulf of Aden) เมื่อวันจันทร์นี้เอง พอตกกลางคืนของวันอังคารซาอุดิฯออกมาบอกว่าหยุดถล่มเยเมนแล้วเฉยเลย เอ… มันชักจะยังไงๆอยู่นะนี่ มันต้องมีสาเหตุสิ อยากรู้มะ... (แอ็ดมิน…มามุกนี้อีกหละ)
    มันต้องเล่าทีละสเต็บอ่ะนะถึงจะหนุก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯเคลื่อนเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Theodore Roosevelt และเรือรบ USS Normandy ติดขีปนาวุธนำวิถีเข้าสู่อ่าวอาดังของเยเมน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อคุ้มกันเสรีภาพของการเดินเรือและเสรีภาพในเส้นทางการเดินเรือพาณิชย์ทั้งในทะเลแดงและในอ่าวอาดัง สหรัฐฯบอกว่านี่คือเป้าหมายหลักของปฏิบัติการดังกล่าว โดยให้เหตุผลอีกว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ "กลุ่มอัลเคด้าในแหลมอารเบียนหัวรุนแรง" (AQAP [Al-Qaeda in the Arabian Peninsula]) ใช้ประโยชน์จากความไม่แน่นอนและความสับสนวุ่นวายในภูมิภาคเพื่อก่อตั้งที่มั่นและใช้เป็นช่องทางในการโจมสหรัฐฯและพันธมิตรทั่วโลก
    จะพูดอะไรเพื่อให้ตัวเองดูดีก็พูดไปเถอะสหรัฐฯเอ๋ย ตอนนี้ชาวโลกเขารู้ธาตุแท้ของปีศาจอย่างคุณหมดแล้ว คำพูดของคุณนั้นกลับกลอกพลิกลิ้นไปมาหาความน่าเชื่อถือไม่ได้อีกแล้ว ยกตัวอย่างการใส่ร้ายโปแลนด์ตอนแรกก็ออกมากล่าวหาโปแลนด์กับฮังการีว่าร่วมมือกับนาซีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว พอเขาประท้วงหนักเข้าก็พลิกลิ้นว่าขอชื่นชมในความกล้าหาญของโปแลนด์ที่ให้ความช่วยเหลือชาวยิวให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของนาซีซะงั้น
    ตอนที่จีนกับรัสเซียส่งเรือรบเข้าไปช่วยอพยพผู้คนออกจากเยเมน สหรัฐฯก็ไม่สนใจที่จะยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะไม่ว่างจากการชี้เป้าให้เครื่องบินรบของซาอุดิฯกับพวกไปทิ้งระเบิดใส่เยเมน พอเขาช่วยเหลือผู้คนได้หมดแล้ว มีสัญญาณบางอย่างบ่งบอกว่าซาอุดิฯเริ่มจะถอดใจจากการโจมตีเยเมน เนื่องจากเกิดการต่อต้านจากทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ พี่แกก็เคลื่อนเรือรบเข้ามาซะงั้น แล้วยังมีหน้ามาบอกอีกว่าเพื่อกันพวกหัวรุนแรง AQAP ในเยเมนไม่ให้ก่อเหตุ ใครๆก็รู้ทั้งนั้นว่าพวก AQAP ก็คือเด็กปั้นของสหรัฐฯนั่นเอง ซาอุดิฯพึ่งจะโยนอาวุธจากทางอากาศไปให้หยกๆ แล้วพวก AQAP ก็ยึดสนามบินและสถานที่สำคัญบางแห่งในเยเมนได้ ตกลงว่าสหรัฐฯต้องการจะให้ความคุ้มครองใครกันแน่นี่?
    อีกเหตุผลหนึ่งที่สหรัฐฯอ้างในการเคลื่อนเรือรบของตนเข้าสู่อ่าวอาดังของเยเมนก็คือเพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านส่งอาวุธสนับสนุนกลุ่มฮูติทางน้ำ เพราะอเมริกาบอกว่าเห็นเรือรบของอิหร่านเข้าประจำการในอ่าวอาดังเช่นกัน อิหร่านสวนกลับทันทีเลยว่า จะบ้ารึ! เรืออิหร่านก็แล่นไปมาอยู่แถวนี้แต่ไหนแต่ไรมาตั้งหลายปีแล้ว ที่อิหร่านนำเรือรบของตนเข้าสู่อ่าวอาดังนี้ไม่ใช่เพื่อส่งอาวุธให้เยเมน แต่เพื่อปกป้องเส้นทางการเดินเรือและผลประโยชน์ของอิหร่านและของประเทศต่างๆเท่านั้นเอง รวมทั้งปกป้องเรือพาณิชย์จากโจรสลัดด้วย ในข่าวนั้นอิหร่านซัดสหรัฐฯ (ด้วยคำพูด) มากกว่านี้ มันหยดติ๋งๆๆๆเลย ปากจัดน่าดู เล่นเอาอเมริกาเถียงไม่ขึ้นซักคำ แต่อาศัยความด้านระดับ 5 ดาว 5 ห่วง พี่แกก็ไม่ตอบโต้อิหร่านแต่จะเอาเรือรบของสหรัฐฯมาไว้ตรงนี้อ่ะ ใครจะทำไม สหรัฐฯซะอย่าง อยากทำอะไรก็ทำได้ อยากได้อะไรของใครก็หยิบเอาได้
    ก่อนหน้านี้สหรัฐฯและซาอุดิรวมทั้่งอิสราเอลด้วย พยายามกล่าวหาอิหร่านมาโดยตลอดว่าอิหร่านเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่พวกฮูติในเยเมน แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันคำกล่าวหานั้นซักครั้ง เช่นเดียวกันกับที่สหรัฐฯและยูเครน ทั้งกล่าวหาและสร้างหลักฐานเท็จใส่ร้ายรัสเซียมาโดยตลอดว่าให้การสนับสนุนด้านอาวุธให้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครนตะวันออก (โดเนทส์กและลูฮานส์ก) แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ซักที อียูส่งผู้ชำนาญการทางกองทัพเข้าไปตรวจสอบบริเวณชาแดนของรัสเซียกับยูเครนเกือบ 10 ครั้งก็ไม่พบร่องรอยการสนับสนุนอาวุธและการเคลื่อนกำลังของกองทัพรัสเซียเข้ามาในยูเครน ล่าสุดฝรั่งเศสก็ออกมายืนยันอีกว่าหน่วยข่าวกรองของฝรั่งเศสไม่พบว่ามีกองทัพของรัสเซียเคลื่อนเข้ามาในยูเครนเลย นาโต้อย่ามาหลอกฝรั่งเศสซะให้ยาก มุกนี้สหรัฐฯเคยใช้กับรัสเซียในกรณีของยูเครนมาแล้วแต่ไม่ได้ผล จึงคิดจะเอามาใช้กับอิหร่านอีก คงจะเพื่อหาข้ออ้างแซงชั่นอิหร่านอีกรอบรวมไปถึงการสร้างความชอบธรรมในการถล่มอิหร่านอีกหละสิ
    การที่สหรัฐฯเคลื่อนเรือรบของตนมาเผชิญหน้ากับเรือรบของอิหร่านในอ่าวอาดังนี้ อีกนัยหนึ่งเหมือนจะเป็นการยั่วยุให้อิหร่าน ลงมือกับสหรัฐฯก่อนด้วย เพราะสหรัฐฯถือว่าศักยภาพด้านอาวุธของตนนั้นเหนือกว่าอิหร่านอยู่แล้ว อาวุธของอิหร่านคงไม่ระคายผิวเรือรบของสหรัฐแน่ จากนั้นค่อยถล่มคืนเพื่อเปิดสนามรบใหม่ แต่อิหร่านก็ไม่หลงกล ได้แต่ทำสงครามน้ำลายแทนซึ่งก็หนุกไปอีกแบบ อย่างน้อยก็ (ยัง) ไม่มีใครเสียชีวิต
    เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ก่อนที่ซาอุดิฯจะประกาศหยุดยิงเยเมน มีรายงานว่า King Salman ของซาอุดิฯได้มีคำสั่งให้กองกำลัง National Guard ทั่วประเทศเตรียมพร้อมปฏิบัติการทางทหารซึ่งนำโดยกองกำลังผสมอาหรับต่อต้านฮูติในเยเมนในปัจจุบัน
    เอ้านี่... พูดมาตั้งนานยังไม่เห็นมีตรงไหนบ่งบอกว่าจะนำไปสู่การหยุดยิงเลย แหม… ใจเย็นๆสิครับ พระเอกกำลังจะออกโรงแล้ว เอาหละนะ... เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาจากรายงานของสำนักข่าวในกรุงเครมลิน (มอสโคว์) บอกว่าปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และกษัตริย์ Salman bin Abdulaziz Al Saud ของซาอุดิอาระเบียได้ยืนยันในความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศในประเด็นที่เกี่ยวกับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ผ่านการเจรจากันทางโทรศัพท์
    รายงานบอกว่าทางซาอุดิฯโทรมาหาปูตินและทั่งสองฝ่ายได้ตกลงเพื่อสร้างความร่วมมือกันในระดับลึก (แน่นแฟ้น) ระหว่างรัสเซียกับซาอุดิอาระเบีย ปูตินได้เชิญให้กษัตริย์ของซาอุดิฯเสด็จมาเยี่ยมรัสเซีย ตามรายงานกล่าวว่ากษัตริย์ซาอุดิฯได้กล่าวยกย่องรัสเซียในความพยายามที่จะแก้ไขวิกฤตปัญหาในเยเมน แค่นี้แหละทางการของรัสเซียไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้
    คราวนี้ก็ตีความกันเอาเองสิครับ ว่าปูติพูดอะไรกับ King Salman บ้างถึงทำให้ซาอุดิฯ ยอมลดความแข็งกร้าวที่จะรุกรานเยเมนและล้มเลิกการโจมตีเยเมนในที่สุด ใครว่าปูตินธรรมดาบ้างหละนี่? สหรัฐฯพยายามแทบตายที่จะทำให้ชาติอาหรับถล่มเยเมนต่อไปให้ได้ แต่จู่ๆก็มาโดนปูตินเล่นนอกเวทีสากลร่ายมนต์กล่อม King Salman แห่งซาอุดิซะอยู่หมัดขนาดนี้ มิน่าสหรัฐฯถึงเคลื่อนเรือรบเข้าของตนเข้ามาในอ่าวอาดัง ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มฮูติออกมาประกาศก่อนเลยว่าคลังแสงของพวกตนถูกทำลายไปแล้วมากกว่า 80% ในการศึกนั้นมีหรือที่จู่ๆจะออกมาประกาศให้ฝ่ายข้าศึกรู้ว่าอาวุธของตนกำลังจะหมดแล้วอย่างนี้ นอกจากเป็นกลยุทธ์เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามชะล่าใจ รุกเข้ามาติดกับดัก หากเป็นเช่นนั้นจริงงั้นกองกำลังผสมภาคพื้นดินของอาหรับฯก็คงบุกเข้ามาในแล้วสิ
    แต่ผลวันนี้ก็คือว่ายกเลิกโจมตีซะงั้น แสดงว่าการที่เยเมนออกมาปล่อยข่าวก่อนหน้านี้ว่าคลังอาวุธถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากนั้น อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อไว้หน้าซาอุดิฯหรือเปล่า (ทำไมต้องไว้หน้าด้วย? ก็คนกลางแนะนำให้ทำอย่างนั้นเพื่อให้เกียติฝั่งซาอุดิฯ จะได้หยุดถล่มเยเมนได้ แต่ไม่จำเป็นต้องประกาศยอมแพ้) เพราะในคำแถลงการณ์ของซาอุดิฯก็พูดเช่นเดียวกันนี้ เมื่อซาอุดิฯยืนยันคำพูดของผู้นำฮูติแล้วอย่างนี้ หากยังต้องการจะทำสงครามกันต่อไปก็น่าที่จะเริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินยกทัพเข้าสู่เยเมนได้เลยสิ จะไปกลัวอะไรอีก หรือว่าปูตินกระซิบบอกกษัตริย์ซาอุดิฯว่าฮูติมีของดีบางอย่างซ่อนอยู่ ที่เมื่อซาอุดิฯได้ยินแล้วถึงกับต้องหยุดการโจมตีในเวลาต่อมา
    อ้าวแล้วสหรัฐฯหละ? ยังไง? เมื่อซาอุดิฯหันมาหารัสเซียแล้วใครจะให้ความคุ้มครองซาอุดิฯจากการรังแกของสหรัฐฯในเวลาต่อมา ก็เมื่อปูตินให้คำแนะนำได้ก็ย่อมให้ยันต์กันภัยเอาไว้ด้วยอยู่แล้ว จะไปกลัวอะไรกะอีแค่ไข่เยี่ยวม้าเอง ถ้าซาอุดิคบกับสหรัฐฯฝ่ายเดียวนั้น วันข้างหน้าจะดีหรือร้ายก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของสหรัฐฯเท่านั้นคิดดูให้ดี แต่ถ้าคบกับรัสเซีย (และจีน) ด้วย อย่างน้อยก็ยังมีรัสเซียช่วยถ่วงดุลของสหรัฐฯเอาไว้ได้นะ ก็คงจะมีการตกลงกันอยู่หลายอย่างที่เป็นความลับระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศจนนำไปสู่การหยุดยิงในเยเมนได้ในที่สุด โดยหันมาใช้วิธีทางการเมืองแทน ว้าาาา แบบนี้ Hadi ก็เซ็งเบย (ฮาดี้คือปธน.คนปัจจุบันของเยเมนที่ลี้ภัยไปอยู่ที่ซาอุดิฯเพราะถูกกลุ่มฮูติยึดอำนาจ)
    แถมให้อีกนิดหนึ่งช่วงที่เกิดสงครามในเยเมนมานี้ โดยเฉพาะครึ่งหลังเป็นต้นมาจนถึงเมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง WTI ของสหรัฐฯอยู่ที่ $56.29 ต่อบาร์เรล Brent ของอังกฤษอยู่ที่ $62.78 ต่อบาร์เรล ส่วน DME ของดูไบอยู่ที่ $60.43 ต่อบาร์เรล ก่อนหน้านี้ทาง IMF ออกมากล่าวประมาณว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกกำลังทำระดับราคามาตรฐานครั้งใหม่ พวกนี้อาศัยสงครามในการปั่นราคาน้ำมันนี่เอง จับตาดูว่าหลังสงครามเยเมนสงบแล้วราคาน้ำมันจะลดลงหรือไม่ ยกเว้นสหรัฐฯจะไม่อยากให้มันลงจึงพยายามหาเรื่องกับอิหร่านในอ่าวอาดังต่อไป
    อีกเหตุผลหนึ่งที่สหรัฐฯเคลื่อนเรือรบเข้ามาในอ่าวอาดัง ก็คงจะเพื่อคุ้มกันพวก AQAP จากกลุ่มฮูติในตอนแรก จากนั้นเมื่อศีกระหว่างซาอุดิฯกับซาอุดิจะจบลง แต่สหรัฐฯจะไม่ให้มันจบลงง่ายๆ ก็จะหันมาถล่อม AQAP ด้วยตัวเองซะเลยอย่างที่ก่อสงครามในอิรัคและในซีเรียในตอนแรกว่าเพื่อปราบปรามพวกไอซิสนั่นเอง การขยันสร้างสงครามต่อไปเรื่อยๆอย่างนี้ดีต่อราคามน้ำมัน เพราะผู้ค้าน้ำมันจะทำกำไรได้มาก ถ้าสงครามสงบ ราคาน้ำมันดิบก็ลดลงตามมาด้วย สหรัฐฯก็เจ๊งอีก ดังนั้นจึงหยุดสงครามไม่ได้
    The Eyes
    22/04/2558
    -----------
    Saudi-led Coalition Declares End to Yemen Campaign / Sputnik International
    TASS: World - Saudi-led coalition announces end of "Storm of Resolve" military operation in Yemen
    US Aircraft Carrier in Gulf of Aden Ensures Freedom of Navigation, Commerce / Sputnik International
    Iran Not Arming Houthis, Claims US Thirst for Yemen Oil Provoking Bloodshed / Sputnik International
    Saudi National Guard to Take Part in Coalition Operation in Yemen / Sputnik International
    Putin, Saudi King Agree to Deepen Regional and International Coordination / Sputnik International
    http://www.bbc.com/…/market_d…/commodities/28696/default.stm
    DME - DME Data
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียกับจีนร่วมกันในทุกมิติ สงครามเย็นรอบใหม่กำลังจะเกิดขึ้น? กับจุดเสื่อมของจักรวรรดิอเมริกา

    [​IMG]

    ----------
    หันมาดูการวิเคราะห์ข่าวด้านการเมืองระหว่างประเทศเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียจากสื่อฯฝั่งจีนกันบ้างครับ sputnik news เอาข่าวมาจาก "China Times" ของจีนที่พูดถึงความสัมพันธ์ของจีนกับรัสเซียต่อกรณีวิกฤตยูเครนมาเล่าต่อ โดย sputnik พาดหัวว่า "ความร่วมมือระหว่าง จีน-รัสเซีย กำลังจะเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก - สื่อฯจีน" วิกฤตยูเครนและการแซงชั่นจากตะวันตกถือว่าเป็นตัวเร่งการขยายความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับจีนในด้านการเมือง การทหารและด้านพลังมากขึ้น
    นโยบายการเปิดกว้างของจีนและนโยบายมุ่งสู่ตะวันออกของรัสเซียสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันให้กับทั้งสองประเทศมากขึ้น เนื่องจากทั้งสองประเทศมีหลายอย่างโดยทั่วไปที่คล้ายกัน และกำลังมีความยินดีในการสร้างประวัติศาสตร์ในการพัฒนาด้านต่างๆในระดับทวิภาคีร่วมกัน
    ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับจีนนั้น ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วมากกว่าคู่อื่นในสามกลุ่ม (จีน-รัสเซีย, จีน-เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น-อินเดีย) การขยายความร่วมมือของทั้งสองประเทศถูกผลักดันโดยวิกฤตในยูเครนและการแซงชั่นจากตะวันตก (ที่กระทำต่อรัสเซีย) ซึ่งกำลังจะกลายเป็นภัยคุกคามของจักวรรดิอเมริกา
    รัสเซียกับจีนได้มีการขยายความสัมพันธ์ร่วมกันทั้งด้านการเมือง กองทัพ พลังงาน การลงทุน การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และทางเทคนิคในด้านอื่นๆอีก ปัจจุบันนี้ทั้งสองประเทศมียอดการค้าขายระหว่างกันถึง $100 billion (ประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท) และจะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2 เท่าภายใน 5 ปีข้างหน้า
    ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ผู้นำของประเทศต่างๆ 26 ประเทศจะเข้าร่วมงานวัน Victory Day ที่กรุงมอสโคว์ ซึ่งประกอบด้วย จีน อินเดีย เวียตนาม เกาหลีเหนือ มองโกเลีย (และคิวบา ซึ่งพึ่งจะรับปากอย่างเป็นทางการเมื่อวันก่อนนี้เอง) นอกจากนี้รัสเซียก็ได้ตัดสินใจเข้าร่วมใน "ธนาคารเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเซีย" (AIIB) ร่วมกับจีนด้วย ซึ่งถือว่าเป็นไปตามแนวความคิดของปธน.ปูตินที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งในความร่วมมือกับประเทศเหล่านี้
    รัสเซียกับจีนได้บรรลุข้อตกลงกันโดยรัสเซียจะให้การสนับสนุนเครื่องบินรบ Su-35 ให้กับจีนด้วย คาดว่าผู้นำของทั้งสองประเทศประกาศแผนการซ้อมรบร่วมกันในทะเลดำระหว่างการเจรจากันครั้งหน้า
    หนังสือพิมพ์จีนมองว่า นี่แสดงให้เห็นว่ากรุงมอสโคว์กับกรุงปักกิ่งกำลังยึดจุดยุทธศาสตร์ในการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯใน "สงครามเย็นยุคใหม่"
    สมัยก่อนสหรัฐฯกับโซเวียตสร้างสงครามเย็นต่อกัน ตอนนั้นจีนก็เฉยๆ เพราะยังไม่พร้อมในหลายๆด้าน เนื่องจากพึ่งจะรอดตายจากสงครามโลกครั้งที่สองมา แต่ตอนนี้จีนผงาดขึ้นมาแล้ว และเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับรัสเซียด้วย อียูก็รู้ว่าจะเลือกฝ่ายไหน และรู้แล้วว่าฝ่ายไหนกำลังจะรุ่งและฝ่ายไหนกำลังจะร่วง ดังนั้นอียูจึงหันมาร่วมมือกับจีน ไม่สนคำขู่ของสหรัฐฯอีกต่อไป สหรัฐฯตอนนี้ตกอับพยายามจะเอาเปรียบแม้กระทั่งกับพันธมิตรของตัวเองคืออียู ด้วยการออกกฎหมายเอาเปรียบด้านการค้าร่วมกัน ทางอีก็ประท้วงสหรัฐฯทั่วยุโรป
    สหรัฐฯนี่จะแพ้เกมตัวเองตลอด คือเขาจะใช้ประชาชนของแต่ละประเทศในการต่อต้านรัฐบาลของประเทศนั้น เพื่อสร้างความแตกแยกในประเทศที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อ แต่หากรัฐบาลของประเทศเป้าหมายรู้ทันและใช้แผนเดียวกันนั้นย้อนศรสหรัฐฯบ้างโดยเรียกร้องให้ประชาชนของตน (หรือประชาชนร่วมมือกันเองหากนักการเมืองร่วมมือกับสหรัฐฯ) ลุกฮือต่อต้านนโยบายบางอย่างของรัฐบาลสหรัฐฯ สหรัฐฯก็จะถอย ไม่กล้าที่จะดันทุรังต่อไป ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันก็คือกรณีของเวเนซูเอล่าที่มีการล่ารายชื่อประชาชนกว่า 10 ล้านรายชื่อเพื่อต่อต้านนโยบายของโอบามาที่จะหาเรื่องรุกรานเวเนซูเอล่าให้ได้ และการที่ชาติลาตินอเมริกันผนึกกำลังกันต่อต้านสหรัฐฯ ก็ทำให้สหรัฐฯไม่กล้าที่จะเล่นไม้แข็งกับกลุ่มประเทศเหล่านั้นอีก
    ส่วนที่ยุโรปนอกจากการประท้วงคัดค้าน TTIP ของสหรัฐฯแล้ว เมื่อเร็วๆนี้ FBI ก็ออกมาเขียนรายงานกล่าวหาโปแลนด์และฮังการีว่ามีส่วนร่วมในการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ยิวร่วมกับนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 (Holocaust) นี่แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯเข้าตาจนแล้วจึงงัดสารพัดลูกไม้ออกมาขู่พวกเดียวกันเอง และเพื่อกดดันให้อยู่ใต้อาณัติของสหรัฐฯต่อไป มิฉะนั้นสหรัฐฯก็จะตั้งข้อกล่าวหาลอยๆเอาแบบนี้แหละ
    ประชาชนชาวโปแลนด์ก็ไม่ยอมสิ เขาก็ออกมาต่อต้านสหรัฐฯเรียกร้องให้ผอ.FBI ออกมากล่าวขอโทษชาวโปแลนด์ซะดีๆ แล้วสหรัฐฯก็กลับคำออกมากล่าวชื่นชมและยกย่องความกล้าหาญของชาวโปแลนด์และชาชนในหลายประเทศในยุโรปที่ได้ให้ความช่วยเหลือชาวยิวให้ลอดพ้นจากเงื้อมือของนาซี นี่ถ้าประชาชนในชาตินั้นๆแข็ง สหรัฐฯก็จะทำอะไรไม่ได้ หรือทำได้แต่ไม่สะดวกนัก การที่สหรัฐฯออกมาเล่นเกมนี้ก็คงจะเพื่อหาทางเล่นงานโปแลนด์ที่พักหลังนี้ออกมาคัดค้านการแซงชั่นรัสเซีย และโปแลนด์เริ่มจะหันมาให้ความร่วมมือด้านการค้ากับรัสเซีย สหรัฐฯพยายามจะทำให้ชาวยิวทั่วโลกต่อต้านโปแลนด์ และสร้างความวุ่นวายทางเชื้อชาติและศาสนาขึ้นมาในโปแลนด์อีก แต่ครั้งนี้ไม่ได้ผลซะแล้ว
    The Eyes
    22/04/2558
    -----------
    China-Russia Cooperation is Changing World Order – Chinese Media / Sputnik International
    FBI Director’s Holocaust Remark 'Outrageous' - Polish Foreign Minister / Sputnik International
    Hungary Furious Over FBI Director’s Holocaust Remarks / Sputnik International
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ชาวยุโรปส่วนมากไม่เชื่อข่าวเกี่ยวกับวิกฤตยูเครนจากสื่อฯกระแสหลัก, ชาวยูเครนกว่า 800,000 รายขอลี้ภัยอยู่ตามประเทศเพื่อบ้าน

    [​IMG]

    ----------
    มะ… คราวนี้กลับสู่โหมดข่าวต่างประเทศตามปรกติกันบ้างครับ วันนี้ sputnik เอาผลโพลล์จาก ICM Research ของอังกฤษที่ทำไว้ระหว่างวันที่ 20 มี.ค. - 9 เม.ย. 58 ออกเปิดเผย เป็นตัวเลขเกี่ยวกับการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปในอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมันนี และกรีซ ว่ามีความเชื่อถือกับข่าวที่นำเสนอโดยสื่อฯหลักของยุโรปและอเมริกากรณีวิกฤตยูเครนมากน้อยแค่ไหน อันนี้ไม่ธรรมดานะครับ ช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุนี้ต่อกรณีวิกฤตยูเครนนั้นสื่อฯหลักของตะวันตกที่ควบคุมโดยรัฐบาลและผู้มีอิทธิพลทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจทั้งหลายต่างก็สร้างภาพให้รัสเซียเป็นฝ่ายผู้ร้าย กล่าวหาว่ารุกรานยูเครน ต่างๆนาๆ ซึ่งเพจนี้ได้นำเสนอความจริงในอีกด้านหนึ่งที่ไม่สามารถพบหาได้จากสื่อฯหลักของตะวันตกมาโดยตลอด พร้อมทั้งแฉเบื้องหน้าเบื้องหลังให้ฟังกันมาแล้ว
    จากการสำรวจความคิดเห็นจากภาคประชาชนในยุโรปพบว่า โดยเฉลี่ย 54 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมันนี และกรีซ บอกว่าเชื่อนิดหน่อยแลไม่เชื่อถือข้อมูลและข่าวสารจากสื่อฯหลักในประเทศของพวกเขาที่รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนเลย โอ๊ะโอ... เป็นไปได้อย่างไรนี่ แสดงว่าที่รัฐบาลสหรัฐฯและอียูช่วยกันโหมประโคมข่าวหลอกลวงประชาชนของพวกเขาโดยทุ่มเงินสร้าง propaganda มาตลอดนี้ก็ไม่ได้ผลเลยนะสิ
    การสำรวจเป็นการสุ่มตัวอย่างจากทั้งหมด 4,000 คน ได้รับการเปิดเผยว่า มีประชาชน 39% กล่าวว่าพวกเขา "ไม่เชื่อถือเป็นอย่างมาก" ("not very much" trust) ในสื่อฯหลักของพวกเขาที่มีรายงานเกี่ยวกับวิกฤตยูเครนอย่างถูกต้องและเป็นธรรม (accurately and fairly) ในขณะที่ 15% บอกว่า "เชื่อถือไม่ได้เลย" (none at al) ในการรายงานของสื่อฯหลัก และ 34 เปอร์เซ็นต์บอกว่า "ปานกลาง" (fair amount) ก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง มีเพียงแค่ 4% เท่าน้ันที่บอกว่าเชื่อสื่อฯโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ (absolutely trustworthy) พวกหลังนี้น่าจะเป็นพวกที่ไม่เคารพในดุลพินิจและการตัดสินใจของตัวเอง ยอมให้สื่อฯหลักของตะวันตกปั่นหัวเอาได้ เขาว่าอะไรมาก็เชื่อหมดในทันที
    เฉพาะในอังกฤษนั้นตัวเลขบอกว่าประชาชน 55% ยังเชื่อถือข่าวจากสื่อฯหลักของพวกเขาที่รายงานเกี่ยวกับเรื่องยูเครน ในขณะที่อีก 33% บอกว่าสื่อฯลำเอียง
    รายงานจากยูเอ็น (UNHCR) สรุปว่ามีประชาชนชาวยูเครนขอลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้านโดยถูกกฎหมายจำนวน 800,961 คน โดยมีชาวยูเครนจำนวน 659,143 คนขอลี้ภัยไปอยู่ที่รัสเซีย ส่วนอีก 81,023 ขออพยพลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศเบลารุส ส่วนอีกแสนกว่าคนนั้นก็คงจะกระจายอยู่ตามประเทศต่างๆในอียู หลังจากที่สงครามในยูเครนตะวันออกสงบลงแล้ว ชาวยูเครนที่อพยพลี้ภัยไปในอยู่ในรัสเซียก็ทะยอยกลับมายังที่บ้านของตนในยูเครน แต่เหลือแต่ซากเพราะถูกภัยสงครามถล่มจนไม่เหลืออะไรไว้คุ้มหัวนอนได้ ทางการรัสเซียพยายามส่งขบวนรถคอนวอยให้ความช่วยเหลือด้้านมนุษยธรรมไปยังยูเครนตลอดเวลาไม่ขาดสายหลายสิบเที่ยวแม้ในยามเกิดสงคราม (เคยรายงานให้ฟังแล้วหลายครั้ง) ในขณะที่สหรัฐฯ อียู และรัฐบาลยูเครนนั้นเฉยๆ เหมือนกับว่าประชาชนเหล่านั้นไม่ใช่คนยูเครนซะอย่างนั้น
    ล่าสุดสหรัฐฯบอกว่าจะให้เงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่รัฐบาลยูเครนจำนวน $17.7 million (ประมาณ 575 ล้านบาท) แต่ไม่บอกว่าคิดอัตราดอกเบี้ยเท่าไร หรือแลกกับอะไร และไม่รู้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวจะเข้าถึงมือประชาชนในยูเครนตะวันออกหรือไม่ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องมารัฐบาลยูเครนทำเหมือนกับว่าประชาชนเหล่านั้นไม่ใช่พลเมืองของตัวเองอีกต่อไป
    ท่าทีของยูเอ็นเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่ายูเอ็นสมัยนี้ก็หากินกับการค้าความตายอย่างสหรัฐฯบ้างแล้ว วันนี้สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าโปโรเชนโก้ (ปธน.ของยูเครน) ได้โทรศัพท์คุยกับนายบัน คีมูน เลขาฯยูเอ็นพูดถึงความเป็นไปได้ในการส่งกองกำลังรักษาสันติภาพภายใต้การสนับสนุนของยูเอ็นให้เข้าไปปฏิบัติการในภูมิภาคดอนบาสส์ คือโดเนทส์กและลูฮานส์กในยูเครนตะวันออก โปโรเชนโก้พยายามผลักดันแผนส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าไปในพื้นที่หลังจากบรรลุข้อตกลงเจรจาสันติภาพกรุงมินส์กมาแล้ว โดยไม่สนใจว่าจะซ้ำซ้อนกับ OSCE หรือไม่ ทางรัสเซียได้ออกมาตั้งคำถามในเรื่องนี้โดยตลอดและคัดค้านแผนดังกล่าวของยูเครน ก่อนหน้านี้ทางอียูก็ไม่ได้เห็นด้วยกับแผนของโปโรเชนโก้ แต่เห็นด้วยกับรัสเซียในการให้เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานของ OSCE ในพื้นที่ให้มากขึ้นไปอีก 1-2 เท่า
    ส่วนสหรัฐฯ ยังไม่ออกหน้าในการสนับสนุนแผนนี้ แต่เชื่อได้ว่าถ้าสหรัฐฯไม่ขวางโปโรเชนโก้เพราะสหรัฐฯตั้งรัฐบาลและยกตำแหน่งนี้ให้กับโปโรเชนโก้มาเองกับมือนั้น ก็แสดงว่าสหรัฐฯเห็นดีเห็นงามกับโปโรเชนโก้ด้วย เผลอๆอาจจะเป็นแผนของสหรัฐฯเองนั่นแหละที่ต้องการจะใช้กำลังทางกองทัพนานาชาติเข้าสู่ภูมิภาคนั้นอย่างเป็นทางการแทนหน่วย OSCE ที่ทำหน้าที่เป็นเพียง รปภ.ไม่มีอาวุธคอยเก็บหลักฐานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
    และมันก็เป็นสูตรสำเร็จของยูเอ็นกับสหรัฐฯอีกนั่นแหละที่หลังจากฝ่ายสหรัฐฯก่อสงครามหรือมีส่วนร่วมให้การก่อให้เกิดสงครามแล้ว ยูเอ็นก็จะต้องส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าไป จากนั้นก็ให้ความช่วยเหลือด้านอาหารน้ำดื่มบ้างให้แก่ผู้ลี้ภัยในค่ายอพยพต่างๆอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แต่ไม่เคยที่จะทำให้สงครามสงบและทำให้ประชาชนเหล่านั้นสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปรกติ ที่ยูเอ็นทำได้ก็คือเอามาขังรวมกันไว้ แล้วก็ออกมาเรียกร้องให้ประเทศต่างๆช่วยกันบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ไร้ที่พักเหล่านั้น มันเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร
    The Eyes
    21/04/2558
    -----------
    Most Europeans Mistrust Mainstream Media Biased Coverage of Ukraine Crisis / Sputnik International
    Over 800,000 Refugees From Ukraine Seek Asylum in Neighboring Countries / Sputnik International
    US to Provide Additional $17.7 Mln in Humanitarian Aid to Ukraine / Sputnik International
    Poroshenko, UN Agree on Steps of Possible Peacekeepers Deployment in Donbas / Sputnik International
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    อียูขีดเส้นตายแบนอาหารทะเลไทยบีบเร่งแก้ไขปัญหาทำการประมงผิดกฎหมายให้ได้ภายใน 6 เดือน
    [​IMG]

    -------------
    ลุงตู่ครับ... นี่ก็เรื่องใหญ่และเรื่องเร่งด่วนอีกเรื่องหนึ่งนะครับผม เมื่อวานนี้ (20 เม.ย.58) AP รายงานว่าสหภาพยุโรปให้เวลาไทยในการแก้ไขนโยบายและปัญหาการกระทำผิดกฎหมายในการทำการประมง มิฉะนั้นอียูจะสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากไทยภายในสิ้นปีนี้ ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป 28 ประเทศมีมติยื่นคำเตือนขั้นเด็ดขาดมายังรัฐบาลไทยว่าอาจจะทำให้ไทยสูญเสียรายได้ถึง 500 ล้านยูโรต่อปีจากการค้าขายอาหารทะเลให้กับยุโรปก็ได้
    ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ประเทศหนึ่ง (อันที่จริงต้องบอกว่าที่ 1 ของโลกเลยหละนี่นายกฯรัสเซียเขาพูดตอนมาเยี่ยมเมืองไทยเมื่อไม่นานนี้เอง) ตามรายงานบอกว่าไทยสามารถสร้างรายได้จากการทำประมงทางทะเลได้ถึงเกือบ 5 พันล้านยูโร ($5.4 billion) (ประมาณ 1.75 แสนล้านบาท) ต่อปี (นี่หมายถึงยอดรวมส่งออกอาหารทะเลของไทยทั่วโลกนะครับ ไม่ใช่เฉพาะที่อียูเท่านั้นนะ) และมันมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมด้านนี้ของอียูโดยตรง (เพราะเขาเริ่มขาดดุลการค้ากับเรา เขามีความรู้สึกว่าเขาเสียเปรียบให้ไทย อุตสาหกรรมการประมงของเขากำลังจะไปไม่รอด เพราะถูกสินค้าไทยไปตีตลาด) ไทยส่งออกอาหารทะเลไปยังอียูมีมูลค่าตกประมาณ 575-730 ล้านยูโรต่อปี (ประมาณ 2 - 2.5 หมื่นล้านบาท)
    ในขณะที่ปริมาณปลาทะเลทั่วโลกกำลังลดลง อียูจึงเริ่มเข้มงวดกับประเทศต่างๆที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอียูด้วยการอ้างว่าไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ อียูอ้างว่าสถิติการทำการประมงทางทะเลอย่างผิดกฎหมายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 15% และได้สร้างตลาดมืดขึ้นมาซึ่งมีมูลค่าถึง 10,000 ล้านยูโร (ประมาณ 3.52 ร้อยล้านบาท) อียูถือว่านั่นคือการทำลายสภาพแวดล้อมและชุมชนการทำประมง (ตอนอ้างสถิติก็อ้างสถิติโลก แต่พอจะเล่นงานก็มุ่งมาที่ไทยเพียงประเทศเดียว)
    ขณนี้ทางอียูหวังว่าจะเริ่มสร้างความร่วมมือกับไทยหันมาปรับปรุงข้อปฏิบัติต่างๆเกี่ยวกับด้านกฎหมายให้กระชับขึ้นและอุดช่องโหว่จากการหาประโยชน์จากอุตสาหกรรมประมงที่ผิดกฎหมาย สำหรับประเทศที่ได้รับใบเหลือง (yellow card) แล้วสามารถที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นใบเขียว (green card) ได้หากทำตามมาตรฐานที่อียูกำหนด หรือมิฉะนั้นอียูก็จะแจกใบแดง (red card) และสั่งห้ามทำการค้าขายแทน (ตรงนี้เขาต้องการให้เราวิ่งเข้าไปหาเขา เพราะเขาเปิดช่องให้ว่าต้องการความร่วมมือกับไทย)
    ตอนแรกก็เล่นงานอุตสาหกรรมการประมงของไทยด้วยข้อหาแรงงานทาส แรงงานผิดกฎหมาย เรื่องสิทธิมนุษยชน พอรัฐบาลไทย (คสช.) แก้ไขปัญหาที่เรื้อรังมานานตั้งแต่สมัยรัฐบาลก่อนๆได้แล้ว ตอนนี้อียูก็หันมาเล่นงานอุตสาหกรรมการประมงของไทยด้วยข้อหาใหม่อีก คือกระทำการประมงอย่างผิดกฎหมายหรือไม่ได้มาตรฐานยุโรป เพราะฝีมือการทำการประมงของอียูนั้นสู้ไทยไม่ได้ และอาหารทะเลของไทยได้รับความนิยมในกลุ่มประเทศยุโรปเป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทท้องถิ่นของพวกเขาขาดรายได้ และรัฐบาลของพวกเขามีความรู้สึกว่าเขาเริ่มจะเอาเปรียบไทยไม่ได้อีกแล้ว จึงพยายามหาข้ออ้างสารพัดมาเล่นงานอาหารทะเลของไทย
    ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ทำผิดกฎหมายอย่างที่เขากล่าวหา ถ้าผิดจริงก็ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรมการส่งออกอาหารทะเลของไทยเป็นอย่างมาก หากเราต้องการจะค้าขายกับเขาก็ต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบที่เขากำหนด แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เราจะไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบด้วย
    การลดความเสี่ยงจากการถูกกลั่นแกล้งและกีดกันทางการค้าแบบนี้ ก็คือเลี่ยงการผูกขาดการทำการค้ากับกลุ่มประเทศเดียวเป็นหลัก ควรกระจายความเสี่ยงออกไปยังประเทศต่างๆด้วย กล่าวคือหาตลาดใหม่ในประเทศอื่นเพิ่ม เช่นกลุ่มยูเรเซียนของรัสเซีย จีน ตะวันออกกลางเป็นต้น แทนการเน้นส่งออกไปที่ยุโรปเป็นหลัก
    วันข้างหน้าหากเกิดปัญหาในลักษณะนี้ หรืออย่างที่สหรัฐฯและอียูทำกับรัสเซียเราก็จะยังสามารถค้าขายกับประเทศอื่นได้อยู่อีก โดยมีผลกระทบน้อยที่สุด แต่ถ้าเรายังเน้นตลาดยุโรปเป็นหลักเชื่อเถอะว่าลูกเล่นแบบนี้ของยุโรปก็จะถูกนำมาใช้กับไทยอยู่เรื่อยๆ ตราบใดที่เขามีความรู้สึกว่าเขาเสียเปรียบไทยหรือเอาเปรียบไทยไม่ได้ตามที่เขาต้องการ
    คำว่า "มิตร" ในความหมายของตะวันตกนั้นอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์เป็นหลัก แต่ของตะวันออกคือความจริงใจและการให้ความช่วยเหลือกันรวมทั้งการร่วมมือกันด้วย เมื่ออียูเริ่มรับรู้ว่าผลประโยชน์ของเขาลดลงโดยเฉพาะในภาวะที่อียูกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจอยู่ในขณะนี้ ความเป็นมิตรของเขาที่ยึดผลประโยชน์เป็นหลักกับประเทศต่างๆจึงลดลงตามไปด้วย อียูจึงพยายามกระทำทุกทางเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเองไว้ มันเป็นเรื่องปรกติของการค้าและการเมืองระหว่างประเทศ
    การแก้ไขปัญหานอกจากทำตามที่อียูเรียกร้องคือปรับปรุงตัวเองให้ได้ตามมาตรฐานของเขา ปราบปรามพวกกระทำผิดกฎหมาย จัดระเบียบใหม่ และแสวงหาตลาดใหม่ๆเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เหมือนสมัยที่คสช.เข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหาการระบายข้าวและยางพาราออกไปยังประเทศต่างๆนั้น อีกวิธีหนึ่งก็คือการดึงอียูมาเป็นพันธมิตรด้วยการจัดตั้งบริษัทด้านการประมงร่วมกันกับไทยซะเลย เช่นดึงอียูมาร่วมตั้งบริษัทในไทยด้วยกัน อย่างที่รัสเซียและจีนกำลังทำอยู่ในขณะนี้ที่เรียกว่า joint venture คือการร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ
    ข้อดีตรงนี้นอกจากจะเป็นการดึงเงินทุนจากต่างชาติเข้ามาในไทยได้แล้ว ยังสามารถลดการกดดันและกีดดันสินค้าประมงของไทยจากอียูได้อีกด้วย เพราะว่าเขามีผลประโยชน์ร่วมด้วย หากเขาแบนสินค้าไทย บริษัทของเขาก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย งานนี้เขาจะต้องคิดหนักก่อนจะออกมาข่มขู่ไทยในลักษณะนี้อีก ด้วยความเป็นห่วงไทยด้วยกันจึงพยายามเสนอทางออกเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขและป้องกันปัญหาจากการแบนอาหารทะเลของไทยในอียูตามสมควรแก่เวลา ขอเป็นกำลังใจให้ลุงตู่ให้สามารถแก้ไขปัญหายุ่งยากพวกนี้และอื่นๆให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี นำประเทศไทยสู่ความก้าวหน้าและยั่งยืนต่อไป
    The Eyes
    21/04/2558
    ----------
    http://news.yahoo.com/ap-newsbreak-eu-put-thailand-1-step-a…
    http://abcnews.go.com/…/ap-newsbreak-eu-put-thailand-step-f…
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สิ้นขรก.โกงก็ครานี้! ประยุทธ์ขึงขังต้องจัดการ/หาสุสานให้กังฉินนับร้อย
    ByadminIn Apr 22, 20150

    “บิ๊กตู่” นั่งหัวโต๊ะถก "คตช." เตรียมล้างบาง ขรก.ทุจริตระลอกใหญ่ อ้างใช้ระบบปกติล่าช้าต้องงัด ม.44 ปลดล็อก "วิษณุ" แย้ม 100 รายชื่ออยู่ในขั้นตอนจัดการทั้งหมด เด้งออกจากกระทรวงเดิมแน่ อาจมาประจำสำนักนายกฯ แต่ไม่อยากเรียกสุสานคนโกง ชงแม่น้ำ 5 สายจับตา 30 คดีใหญ่ "อนันตพร" จ่อเข้าร่วม EITI เพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติตามหลักสากล ปลัด ศธ.คนใหม่เตรียมเสนอ รมว.ศธ. เลิกจ้างเลขาฯ สกสค.ฟันอาญา หลังพบทุจริตหอพักครู เชียงใหม่ 360 ล้าน

    ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 21 เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ครั้งที่ 3 โดยมีคณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ อาทิ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.), พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผบ.ทบ., พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

    ก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การทำงานต่างๆ ต้องเร่งรัดให้เดินหน้าได้ โดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วน แต่หากดำเนินการตามระบบมีความล่าช้า ก็จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 เพื่อปลดล็อกให้การทำงานเร็วขึ้น เพราะรัฐบาลมีเวลาจำกัด แต่ต้องใช้ด้วยความเป็นธรรม รัดกุมและถูกต้อง หากพบว่ามีผู้กระทำความผิด ทุจริต ก็ต้องดำเนินคดี และสิ่งเหล่านี้ทุกรัฐบาลก็ต้องทำเช่นกัน ประชาชนต้องเรียนรู้ว่าหากกระทำความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี ยอมรับว่าการทำงานมีปัญหามาก เนื่องจากที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมถูกครอบงำ ทำให้การทำงานต่างๆ ไม่สามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มที่ ถึงวันนี้ข้าราชการทุกคนต้องทำงาน หากมีปัญหาติดขัดก็ให้แจ้งมา

    หลังจากนั้น นายวิษณุ เครืองาม นำประธานอนุกรรมการ คตช. 4 ฝ่ายแถลงข่าว โดยนางจุรี วิจิตรวาทการ ประธานคณะอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ด้านการปลูกฝังจิตสำนึกและสร้างการรับรู้ กล่าวว่า การปลูกฝังการศึกษาและอบรมเพื่อป้องกันการทุจริต กำหนดบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนในทุกระดับชั้น ที่จะเน้นกิจกรรมให้ซึมซับ อาทิ โครงการโตไปไม่โกง โครงการบัณฑิตไม่โกง กำหนดหลักสูตรอบรมข้าราชการ จัดทำสื่อสั้นๆ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึก เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญจิตสาธารณะ ไม่ทุจริต

    นายต่อตระกูล ยมนาค ประธานคณะอนุกรรมการฯ ด้านการป้องกันการทุจริต กล่าวว่า ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารทางราชการ เพื่อให้เครือข่ายประชาชนรับรู้มากขึ้น อดีตไม่มีหน่วยงานติดตามทำตามกฎหมายกำหนดไว้ หลายสิบ หน่วยงานไม่เปิดเผยข้อมูล ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารทางราชการในรูปแบบดิจิตอล ทำให้คนรับข่าวสารสามารถสังเคราะห์ข้อมูลได้สะดวก ต้องเปิดเผยขั้นตอนการทำงาน ขณะนี้ภาครัฐ 21 หน่วยพร้อมเปิดเผยขั้นตอนการทำงานแล้วนับจากนี้ไป 30 วัน

    นายประยงค์ ปรียาจิตต์ ประธานคณะอนุกรรมการฯ ด้านการปราบปรามการทุจริต กล่าวว่า การปราบปรามการทุจริตประสบปัญหาล่าช้า ทำให้ประชาชนมองว่าไม่ได้ผล คนก็จะไม่กลัว นายกฯ จึงให้นำมาตรการการปกครองและวินัยมาใช้ เพราะข้าราชการไม่ได้กลัวมาตรการอาญา กลัวติดคุก เพราะถ้าข้าราชการโดนวินัย ก็มีผลกระทบ และสามารถดำเนินการได้ และจริงๆแล้วความผิดทุจริตทางอาญา มีผลมากมายทางวินัย ถ้าเอามาตรการวินัยและการปกครองไปตัดไฟแต่ต้นลม ตั้งแต่ตอนนี้ ทำให้ทุจริตลดลง

    เข้าร่วมภาคี EITI

    "ศอตช.จึงเสนอให้ใช้คำสั่งที่ คสช.ที่ 69 เข้าไปกระตุ้นในกรณีที่พบผู้บังคับบัญชาทำผิดวินัย โดย ศอตช.เข้าไปตรวจสอบ ถ้าพบผู้บังคับบัญชาการไม่ดำเนินการ จะโดนวินัยเสียเอง จะใช้ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวก ที่กำหนดชัดการขออนุญาตจากหน่วยไหนใช้เวลาเท่าไร เช่น กำหนดอนุมัติใน 30 วัน หากผู้ประกอบการไม่ได้รับอนุมัติใน 30 วันก็ร้องเรียนมา ทาง ศอตช.เข้าตรวจสอบทันที ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็โดน กรณีละเลยก็ผิดวินัย ถ้าละเว้นก็ผิดอาญา นายกฯ ย้ำว่าขอให้มุ่งเน้นความผิดทุกประเภท อย่าได้ละเว้นหรือมีสองมาตรฐาน" นายประยงค์กล่าว

    ด้าน พล.อ.อนันตพรเปิดเผยว่า การเข้าร่วมกับโครงการเพื่อความโปร่งใสในภาคอุตสาหากรรมสกัดทรัพยากร (EITI) นั้น เพื่อนำประเทศไทยเข้าสู่ความเป็นสากลในเรื่องของความโปร่งใสในเรื่องของการจัดการท รัพยากร ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ปิโตรเลียม ป่าไม้ ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินการอาจมีความไม่ชัดเจน แต่ในครั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นมาตรฐานสากล จึงมีการเสนอให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีเครือข่ายกับ EITI ซึ่งองค์กรดังกล่าวมีการกำหนดมาตรฐานในการดำเนินการแก่แต่ละประเทศที่เป็นสมาชิก

    "การที่จะเป็นสมาชิกภาคีนี้ได้ต้องมีการจัดทำข้อมูล สำหรับการสร้างความโปร่งใสและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนตามหัวข้อที่ทางภาคีกำหนด ซึ่งขณะนี้เรามีความพร้อมที่จะเข้าสู่ภาคี เมื่อได้รับการอนุมัติให้เข้าสู่ภาคี ก็จะทำให้การจัดการทรัพยากรของเราเป็นไปด้วยความโปร่งใส ประชาชนในประเทศจะมีความมั่นใจ และเข้าใจในการใช้ทรัพยากร ซึ่งเป็นของพวกเราทุกคน ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งในการดำเนินการต่างๆ ขั้นต้นจะต้องนำเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. เพื่อให้เห็นชอบการสมัครเข้าสู่ภาคี" พล.อ.อนันตพรกล่าว

    นายวิษณุกล่าวเสริมว่า อนุกรรมการต้านการปราบปรามได้กำหนดมาตรการการปราบปรามไว้ 4 ขั้นตอนคือ การวางกรอบให้ผู้กระทำผิดได้ยั้งคิด หากพบการกระทำความผิดก็จะมีการตรวจสอบ จากนั้นจะเข้าสู่การดำเนินการด้วยวิธีการทางการปกครองและวินัย สุดท้ายคือการฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งรายชื่อข้าราชการที่ส่งให้นายกรัฐมนตรีเรือนร้อยรายชื่อนั้น ถือว่าอยู่ในขั้นที่จะต้องดำเนินการทางปกครองและวินัย คืออาจจะต้องพักงานหรือโยกย้ายเปลี่ยนหน้าที่การทำงานจำนวนมาก

    “พวกนี้เป็นรุ่นที่ 1 จากนี้ รุ่น 2 และรุ่น 3 อาจตามมา โดยรายชื่อทั้งหมดนี้มาจากองค์กรที่ตรวจสอบ เช่น ป.ป.ช., สตง., ป.ป.ท. และดีเอสไอ ซึ่งเขาตรวจสอบอยู่แล้วก่อนที่ คสช.จะเข้ามา รัฐบาลนี้ให้ความมั่นใจว่าให้ดำเนินการ โดยไม่ต้องการไปแก้แค้นหรือเล่นงานใคร ใครไม่ผิดก็ปล่อยไป ใครที่ผิดก็ดำเนินการต่อไป จึงมีการส่งรายชื่อและพฤติกรรมมายังคณะทำงานที่ตั้งขึ้น ก่อนหน้านี้ผมก็เคยรายงานในที่ประชุมแม่น้ำ 5 สายว่ามีคดีใหญ่ๆ ที่รัฐจับตาดูอยู่ประมาณ 30 เรื่องด้วยกัน” นายวิษณุกล่าว

    จ่อฟันเลขาฯ สกสค.

    นายวิษณุกล่าวต่อว่า รายชื่อในมือนายกฯ วันนี้เป็นข้าราชการ จึงต้องหาวิธีการจัดการ จากนี้ไปจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายนอกฤดูกาลเกิดขึ้นเพื่อจัดการกับคนบางประเภท โดยการแต่งตั้งโยกย้ายที่จะเกิดขึ้นจะทำกับบุคคล 3 ประเภท คือ 1.ทดแทนตำแหน่งที่ว่าง 2.สับเปลี่ยนเพื่อประสิทธิภาพของงาน และ 3.คือผู้ที่ถูกส่งรายชื่อมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าทั้งกว่า 100 คนที่มีทั้งข้าราชการผู้ใหญ่และผู้น้อย บางกรณีเป็นข้าราชการระดับสูง อาจหาตำแหน่งรองรับปกติยาก ต้องเอาออกจากกระทรวงที่สังกัด โดยหาตำแหน่งมารองรับ หัวหน้า คสช.อาจต้องใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อสร้างตำแหน่งใหม่รองรับ โดยเอาคนเหล่านี้ออกมา โดยให้หลักประกันว่าเป็นมาตรการชั่วคราว เมื่อการสอบสวนดำเนินการแล้วพบว่าไม่มีความผิด ก็กลับไปตำแหน่งเดิม แต่ถ้าผิดต้องถูกดำเนินคดี

    “เหตุที่ต้องใช้มาตรา 44 ในการโยกย้ายข้าราชการเพราะกระบวนการปกติล่าช้า อาจใช้เวลาหลายเดือน ตำแหน่งที่จะให้บุคคลที่โดนโยกย้ายเข้ามารัฐบาลกำลังตัดสินใจ แต่ไม่ให้อยู่กระทรวงเดิมแน่นอน ทุกคนอาจจะมาประจำที่สำนักนายกรัฐมนตรี หรือเป็นที่ปรึกษานายกฯ อย่างไรก็ตาม ไม่อยากใช้คำว่าสุสานคนโกง เพราะหลายคนสุดท้ายเขาก็ไม่ได้ผิดอะไร” นายวิษณุกล่าว

    ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. กล่าวว่า กรณีสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทาศึกษา(สกสค.) นำเงินสมาชิกโครงการการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ไปลงทุนกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด จำนวน 2,100 ล้านบาทนั้น ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่หากทางเลขาฯ สกสค.ยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย และเป็นมติของคณะกรรมการ ช.พ.ค. หากเกิดความเสียหายขึ้น สกสค.และคณะกรรมการ ช.พ.ค.ที่มีอำนาจตะดสินใจเรื่องนี้ ก็ต้องรับผิดชอบหาเงินมาคืนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับผลกระทบ

    “ผ่านมาได้มีการแต่งตั้งผมเป็นประธานคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีปัญหาการทุจริตการก่อสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ จำนวน 360 ล้านบาท ซึ่งผลออกมาแล้วว่ามีมูลว่ามีการดำเนินการที่ส่อไปในทางทุจริต ซึ่งจะส่งข้อมูลดังกล่าวให้ รมว.ศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการ สกสค.พิจารณา โดยได้เสนอให้ตั้งกรรมการสอบวินัยเลขาธิการ สกสค. ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะสามารถสอบวินัยได้หรือไม่ เพราะไม่ได้เป็นข้าราชการ แต่ทำงานตามสัญญาจ้าง โดยคณะกรรมการ สกสค. ดังนั้นอีกแนวทางหนึ่งคือยกเลิกสัญญาจ้างและให้ดำเนินคดีอาญา เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความเสียหายกับทางราชการ” ปลัด ศธ.กล่าว

    แถลงถอดบุญทรง-ภูมิ

    พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า ตนได้ลงนามในคำสั่ง ศธ.ที่ สร.602/2558 มอบหมายให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้ ให้นายกมล ศิริบรรณ รองปลัด ศธ. ปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภา, นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. และนายสุเทพ ชิตยวงษ์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. โดยให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวอาศัยอำนาจตามความในข้อ 6 ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2558 ลงวันที่ 16 เมษายน 2558

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าว พล.ร.อ.ณรงค์ได้เรียกตัวผู้ได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ฯ ทั้ง 3 หน่วยงานเข้าพบเป็นการเร่งด่วน เพื่อมอบนโยบายและแนวทางการการบริหารจัดการ รวมถึงแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้น

    ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมวิป สนช.ได้กำหนดให้การประชุม สนช.วาระถอดถอนหรือไม่ ตามสำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิด นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์, นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว โดยกำหนดให้ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป เป็นวันแถลงเปิดสำนวน ซึ่งจะมีการตั้งกรรมาธิการซักถามจำนวน 7 คนในวันดังกล่าวด้วย โดยจะมีการยกเว้นข้อบังคับการประชุมให้สมาชิกสามารถยื่นญัตติซักถามได้ภายในเวลา 12.00 น. ของวันที่ 27 เม.ย. และในวันที่ 30 เม.ย. จะมีการนัดประชุมให้คณะกรรมาธิการซักถามได้ถามคู่กรณี หลังจากนั้น ในวันที่ 7 พ.ค. จะมีการแถลงปิดสำนวน ก่อนจะมีการลงมติถอดถอนหรือไม่ ในวันที่ 8 พ.ค.นี้

    อย่างไรก็ตาม ในวันแถลงเปิดสำนวน นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. จะมาแถลงเปิดสำนวนด้วยตัวเอง โดยจะมีการแถลงข้อกล่าวหาพร้อมทั้ง 3 คน เนื่องจากเป็นมีข้อหาเดียวกัน ส่วนผู้ถูกกล่าวหาก็จะแถลงแก้ข้อกล่าวทีละคน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งมายัง สนช.ว่าจะมาด้วยตัวเองหรือไม่.

    สิ้นขรก.โกงก็ครานี้! ประยุทธ์ขึงขังต้องจัดการ/หาสุสานให้กังฉินนับร้อย | Thai Post | อิสรภาพแห่งค
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    [​IMG]

    หลายวันก่อนผมพูดถึงการฝึก ทางทหารของหน่วยรบพิเศษสหรัฐ ทั้งของกองทัพเรือ นาวิกโยธิน และกรีนเบเรต์ของกองทัพบก นั่นคือการฝึกที่เรียกว่า "Jade Helm" (Joint Assistant for Deployment and Execution Homeland Eradication of Local Militants) และวิเคราะห์แนวโน้มของสถานการณ์ว่า น่าจะเตรียมการสำหรับการประกาศใช้ กฎอัยการศึก เพื่อรับมือสงครามโลกครั้งที่ 3 รวมถึงสงครามกลางเมืองในสหรัฐ จากผลกระทบทางเศรษฐกิจ และเงินดอลลาร์ล่มสลาย
    ผมคงไม่ได้ "มโน" คนเดียวครับ เพราะตอนนี้มีคอลัมนิสต์ ที่วิเคราะห์เรื่องนี้ ในทำนองเดียวกัน และตั้งคำถามว่า กลาโหมสหรัฐกำลังวางแผนเตรียมการ ปูทางไปสู่การประกาศใช้กฎอัยการศึก สำหรับรับมือสงครามโลกครั้งที่ 3
    ซึ่งห้วงสงกรานต์ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่คลิ๊ป และประโคมข่าวเรื่อง เครือข่าย ISIS ที่กำลังเคลื่อนไหว ตลอดแนวพรมแดนเม็กซิโก ฝั่งที่ติดกับสหรัฐ ซึ่งข่มขู่ว่าจะโจมตีสหรัฐ Isis propaganda threatens new 9/11 in We Will Burn America video
    นี่แหละครับคือสิ่งที่เรียกว่า สงครามจิตวิทยา(PsyOps) ก่อนการสร้างสถานการณ์ คล้ายๆเหตุการณ์9/11 ซึ่งรัฐบาลแอบสนับสนุน และอยู่เบื้องหลังเครือข่ายดังกล่าว ในการโจมตีพลเมืองของตน ในห้วงการฝึกทางทหาร ที่กำลังจะเกิดขึ้น ระหว่างเดือน กรกฎาคม- กันยายน ปีนี้ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสหรัฐ มีความชอบธรรม ในการประกาศใช้กฎอัยการศึก เพื่อรับมือเครือข่ายดังกล่าว และปูทางไปสู่สงครามโลกนั่นเอง...
    The Pentagon’s “Operation Jade Helm 15″: The Floodgate towards Martial Law and World War III? | Global Research - Centre for Research on Globalization
    The Pentagon’s “Operation Jade Helm 15″: The Floodgate towards Martial Law and World War III? | Global Research - Centre for Research on Globalization
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จ่อใช้ ม.44 เปิดตำแหน่งรองรับ เด้ง ขรก.เอี่ยวโกง
    “วิษณุ”รอชงชื่อ ขรก.เอี่ยวโกงอีก แย้มมีลอต 2-3 ชี้บางคนต้องจัดการเชิงบริหาร โยกย้ายออกจากตำแหน่งก่อน เพื่อไม่ให้เสียรูปคดี เล็งใช้ ม.44 เปิดตำแหน่งรองรับระดับบิ๊ก ก่อนเด้งพ้นกระทรวง วันอังคารที่ 21 เมษายน 2558 เวลา 15:15 น.

    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ครั้งที่ 3/2558 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เป็นประธาน ว่า รายชื่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตที่ส่งให้นายกรัฐมนตรีนับร้อยรายชื่อนั้น ถือว่าอยู่ในขั้นที่จะต้องดำเนินการทางปกครองและวินัย คืออาจจะต้องพักงาน หรือโยกย้ายเปลี่ยนหน้าที่จำนวนมาก พวกนี้ถือเป็นรุ่นที่ 1 จากนี้รุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 อาจตามมา โดยรายชื่อทั้งหมดนี้มาจากองค์กรตรวจสอบ เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ซึ่งได้ตรวจสอบอยู่แล้ว ก่อนที่ คสช.จะเข้ามา แต่อาจมีเหตุผลบางประการทำให้บางเรื่องเงียบไป เมื่อรัฐบาลนี้ให้ความมั่นใจว่าให้ดำเนินการ โดยไม่ต้องการไปแก้แค้น หรือเล่นงานใคร ใครไม่ผิดก็ปล่อยไป ใครที่ผิดก็ดำเนินการ จึงมีการส่งรายชื่อและพฤติกรรมมายังคณะทำงานที่ตั้งขึ้น แต่เรายังปักใจไม่ได้ว่าพวกเขาทุจริต เพราะถ้าทุจริตต้องมีการฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ผลอาจจะไม่ทุจริต หรือพฤติกรรมไม่หนักหนาก็ได้ ก่อนหน้านี้ตนก็เคยรายงานในที่ประชุมแม่น้ำ 5 สายว่ามีคดีใหญ่ ๆ ที่รัฐบาล จับตาดูอยู่ประมาณ 30 เรื่อง

    นายวิษณุ กล่าวต่อว่า รายชื่อในมือนายกฯ วันนี้เป็นข้าราชการ จึงต้องหาวิธีการจัดการ บางคนอาจไม่ต้องทำอะไร เพราะยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่บางพวกหากให้อยู่ในหน้าที่เดิมต่อไป อาจเป็นปัญหา เข้าไปยุ่งกับพยานหลักฐาน จนทำให้เสียรูปคดี หรือเป็นปัญหาทางปกครอง ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาอาจไม่เชื่อถือผู้บังคับบัญชาที่ถูกกล่าวหาด้วยข้อหาใหญ่ จึงต้องจัดการในเชิงบริหารคือการโยกย้าย สับเปลี่ยนหน้าที่ จากนี้ไปจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายนอกฤดูกาลเกิดขึ้นเพื่อจัดการกับคนบางประเภท โดยการแต่งตั้งโยกย้ายที่จะเกิดขึ้น จะทำกับบุคคล 3 ประเภทคือ 1. ทดแทนตำแหน่งที่ว่าง 2. สับเปลี่ยนเพื่อประสิทธิภาพของงาน และ 3. คือผู้ที่ถูกส่งรายชื่อมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าทั้ง 100 กว่าคน ที่มีทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และผู้น้อย อยู่ในขั้นต้องจัดการทั้งหมดหรือไม่ อาจจะมีทั้งพวกที่ปล่อยให้อยู่ที่เดิม หรือกลุ่มที่อาจจะมีปัญหาต้องโยกย้าย ซึ่งอาจทำตามช่องทางปกติเข้าที่ประชุม ครม. หรือบางกรณีเป็นข้าราชการระดับสูง อาจหาตำแหน่งรองรับปกติยาก ต้องเอาออกจากกระทรวงที่สังกัด โดยหาตำแหน่งมารองรับ หัวหน้า คสช.อาจต้องใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อสร้างตำแหน่งใหม่รองรับ โดยเอาคนเหล่านี้ออกมา และให้หลักประกันว่าเป็นมาตรการชั่วคราว เมื่อการสอบสวนดำเนินการแล้วพบว่าไม่มีความผิด ก็กลับไปดำแหน่งเดิม แต่ถ้าผิดต้องถูกดำเนินคดี.

    จ่อใช้ ม.44 เปิดตำแหน่งรองรับ เด้ง ขรก.เอี่ยวโกง | เดลินิวส์
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จี้ตั้งอนุฯ ไต่สวน สอบ 'ธาริต' สั่งไม่ฟ้องคดียิงวัดพระแก้ว
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 เม.ย. 2558 17:10

    [​IMG]

    "วัชระ" จี้ ป.ป.ช. ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน "ธาริต" สั่งไม่ฟ้องคดีพิเศษจ้างยิงวัดพระแก้ว ทั้งที่เป็นคนแถลงผ่านทีวีพูลเอง ...

    นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เวลา 10.00 น. วันที่ 22 เมษายน ตนจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กับพวก ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีนายธาริตในฐานะเลขานุการ ศอฉ. ได้แถลงออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ระบุว่า พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ (ยศในขณะนั้น) เป็นผู้ว่าจ้างมือปืนให้ยิงจรวดอาร์พีจีใส่วัดพระแก้ว ในช่วงเหตุชุมนุมทางการเมืองปี 2553 เป็นเงิน 5 แสนบาท โดยดีเอสไอมีมติให้รับเป็นคดีพิเศษ แต่ต่อมาเรื่องเงียบหาย จนมีคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ 3/2557 ลำดับที่ 57 ให้โยกย้าย พ.ต.อ.ศุภชัย มาเป็น ผกก.สน.บวรมงคล

    เมื่อตนเข้ายื่นหนังสือติดตามเรื่องนี้ต่อ นางสุวะณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอคนปัจจุบัน จึงทราบว่า นายธาริตสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.อ.ศุภชัย ไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งที่ข้อเท็จจริง นายธาริตเองได้แถลงผ่านสื่อทีวีพูลต่อประชาชนทั้งประเทศว่า พ.ต.อ.ศุภชัย เป็นผู้จ้างวานในชั้นสอบสวนของดีเอสไอ แต่กลับสั่งไม่ฟ้อง โดยปิดลับมา 4 ปี จึงขอให้ ป.ป.ช. รีบตั้งอนุฯ ไต่สวนว่า นายธาริตร่วมมือกับผู้ใดในกรณีนี้ เพราะการใช้อาวุธอาร์พีจีไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย.

    http://www.thairath.co.th/content/494270
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    16. เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก
    ศาสดาจารย์ Irina Aref'eva และ ดร. Igor Volovich นักฟิสิกซ์ทางคณิตศาสตร์แห่ง Steklov Mathematical Institute ในมอสโควให้สัมภาษณ์ในปี2008 ในช่วงที่CERNเริ่มจะปฏิบัติการทดลองยิงอนุภาคว่า โครงการของCERNอาจจะเป็นไทม์มาชีน หรือเครื่องเดินทางผ่านมิติของเวลาเครื่องแรก เพราะว่าCERNทำการทดลองเดินทางย้อนเวลา กลับไปหาช่วงเสี้ยววินาทีก่อนที่ระบบจักรวาลจะถือกำเนิดขึ้นมาผ่านปรากฎการณ์บิ๊กแบง
    เพื่อนของไอสไตน์คนหนึ่งชื่อว่าKurt Gödel ใช้ทฤษฎีสัมพัทธ์ของไอสไตน์เพื่อยืนยันในปีคศ. 1949ว่่า การเดินทางย้อนไปสู่อดีตมีความเป็นไปได้ ตั้งแต่นั้นมาเรื่องการเดินทางย้อนอดีตเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในหมู่นักวิทยาศาสตร์และนักฟิสิกซ์ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับความเป็นไปได้นี้ เพราะว่ามันขัดกับหลักเหตุปัจจัยทำให้เกิดความขัดแย้งของปรากฎการณ์ที่ตามมา เช่นคำถามที่ว่า สมมุติว่านักเดินทางข้ามเวลาย้อนกลับสู่อดีตไปฆ่าพ่อตัวเองเพื่อว่าเขาจะได้ไม่ต้องเกิดขึ้นมา แล้วผลมันจะเป็นอย่างไรกันแน่
    แต่นักฟิสิกซ์ของรัสเชียแย้งว่า ถ้าหากเครื่องเร่งอนุภาคของCERNมุ่งเจาะจงใส่พลังงานที่มหาศาลเข้าไปในอนุภาคระดับซับอะตอมมิกเพียงหนึ่งหน่วยที่มีขนาดเล็กกว่ายุงหลายล้านล้านเท่า จะสามารถสร้างสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ให้กับโครงสร้างของจักรวาล ก็คือการกคลุกเคล้ากันระหว่างอวกาศและเวลา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกว่าspacetimeหรือเวลาอวกาศ
    ในขณะที่แรงโน้มถ่วงบนโลกทำให้เวลาอวกาศบิดเบี้ยวได้ เครื่องเร่งอนุภาคของCERNจะทำให้เวลาอวกาศบิดเบี้ยวอย่างมหาศาลจนกระทั่ง มันย้อนตีกลับหาตัวเองเป็นช่องหลูบที่โค้งทำให้อาจจะสามารถเดินทางย้อนกลับเวลาได้ชั่วขณะหนึ่ง
    ในปี1988ศาสดาจารย์ Kip Thorne และเพื่อนร่วมงานที่California Institute of Technologyเมือง Pasadenaชี้ให้เห็นว่าช่องตัวหนอน ( wormholes) หรืออุโมงค์ผ่านเวลาอวกาศสามารถทำให้เดินทางผ่านเวลาได้ ทำให้ Carl Sagan เขียนนิยายวิทยาศาสตร์ขึ้นมาและมีการทำเป็นภาพยนต์ชือว่า Contact.
    ทั้งศาสดาจารย์ Aref'eva และดรDr Volovich เชื่อว่าเครื่องเร่งอนภาคสามารถสร้างช่องไส้เดือนเพื่อให้การเดินทางผ่านมิติของเวลาเป็นไปได้อัน เกดมาจากการที่อนุภาคมาชนกันภายใต้พลังงานมหาศาล แต่มีเพียงอนุภาคเท่านั้นที่จะสามารถเดินทางย้อนเวลาได้ภายใต้สวาวะนั้น การที่จะทำให้มนุษย์สามารถเดินทางย้อนเวลาได้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องขบคิดกันต่อไป
    และประเด็นที่สำคัญคือทำอย่างไรให้ช่องตัวหนอน(wormhole)เปิดออกมาเป็นครั้งแรก
    thanong
    22/4/2015
    http://www.telegraph.co.uk/…/Time-travellers-from-the-futur…
     

แชร์หน้านี้

Loading...