ติดตามสถานะการณ์

เปิดสรรพคุณ “กระท่อม” พืชมากประโยชน์ ต้มน้ำกินเองได้แต่ห้ามขาย!
.
Follow Up - “กระท่อม” นับเป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจ ที่กำลังมาแรงมากในเวลานี้ โดยหลังจากถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ซึ่งประชาชนสามารถครอบครอง บริโภค และใช้ประโยชน์ได้ แต่ยังคงห้ามนำไปต้มผสมกับยาเสพติดสูตร 4x100 ทำให้ตอนนี้ใบกระท่อมเป็นที่ต้องการของตลาด ล่าสุดที่ “ตลาดดินแดง” ซื้อขายกันในราคาที่สูงถึงกิโลกรัมละ 500 บาทเลยทีเดียว
.
▪️ ไขข้อข้องใจการใช้ประโยชน์ “กระท่อม” หลังพ้นบัญชียาเสพติด
.
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติพบว่ายังมีหลายคนสงสัย เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ ว่าสามารถทำในส่วนใดได้บ้าง ในประเด็นนี้ ‘นายสมศักดิ์ เทพสุทิน’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ย้ำว่า “ในส่วนของการเคี้ยวใบ การปลูก การครอบครอง และการขายใบสด ที่ไม่ได้ปรุงหรือทำเป็นอาหาร สามารถทำได้อย่างเสรีไม่ผิดกฎหมาย”
.
“แต่หากนำไปทำผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่แจ้งว่ามีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ต้องไปขออนุญาตตามกฎหมายของ สธ. เพราะมี พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 ควบคุมอยู่” นายสมศักดิ์ กล่าว
.
ส่วนการนำไปทำเป็นอาหาร หรือเป็นส่วนผสมในอาหารเพื่อขายนั้น พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ยังไม่ปลดล็อกให้ผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย หรือแม้กระทั่ง “น้ำต้มกระท่อมที่ไม่ได้ผสมกับสิ่งใดเลย” ก็เป็นสิ่งที่ห้ามผลิตเพื่อจำหน่าย การฝ่าฝืนผลิตและขาย มีโทษตามมาตรา 50 จำคุก 6 เดือน - 2 ปี ปรับ 5,000 - 20,000 บาท
.
▪️ 6 สรรพคุณทางยา - มีฤทธิ์ระงับปวดทดแทนมอร์ฟีน
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่โบราณในบ้านเรามีการนำมาใช้เป็นยาแก้โรคบิด ท้องร่วง และปวดมวนท้อง และบางพื้นที่ กล่าวกันต่อมาว่าสามารถบรรเทาโรคเบาหวานได้ ชาวนานิยมบริโภคโดยการเคี้ยวใบสด หรือเอาใบย่างให้เกรียมและตำผสมกับน้าพริกรับประทานเป็นอาหาร เพื่อให้มีแรงทางานและสามารถทน ตากแดดอยู่กลางแจ้งได้เป็นเวลานานโดยไม่รู้สึกเหนื่อย
.
ขณะที่สรรพคุณทางยานั้น ‘ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ’ ภาควิชาเภสัชเวทและเภสัชพฤษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร ระบุว่า กระท่อมเป็นพืชที่ใช้เข้าเป็นตัวยาในตำรับประเภทยา ดังนี้

1 - แก้ท้องเสีย
2 - ปวดเบ่ง
3 - ปวดเมื่อยตามร่างกาย
4 - ท้องเสีย ท้องเฟ้อ ท้องร่วง
5 - ทำให้นอนหลับ
6 - ระงับประสาท
.
ทั้งนี้ พืชกระท่อมมีสารแอลคะลอยด์ Mitragynine อยู่ในใบ มีฤทธิ์ระงับอาการปวด เช่นเดียวกับมอร์ฟีน แต่มีความแรงต่ำกว่าประมาณ 10 เท่า และมีข้อดีกว่ามอร์ฟีนอยู่หลายข้อ ทว่าแม้ใบกระท่อมให้ผลการออกฤทธิ์ที่อาจมีประโยชน์ทางยาได้ แต่ทำให้เสพติดและมีผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน หากใช้ติดต่อกันนานๆ และใช้ในทางที่ผิด
.
#ใบกระท่อม #น้ำท่อม #สี่คูณร้อย #สรรพคุณทางยา #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

ตำรวจชลบุรี บุกรวบผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพร้อมพวก หลังร่วมกันลักลอบค้าอาวุธปืนข้ามชาติ ตรวจค้นยึดปืนได้อีก 48 กระบอก นำไปตรวจสอบ

ภาพปืนสั้น 30 กระบอก และปืนยาว 16 กระบอก เป็นของกลางที่ตำรวจตรวจยึดมาได้จากบ้านพักภายใน หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นของ นาย ดนุพล ยมพงษ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตำบลแสมสาร หมู่ที่ 1 โดยทั้งหมดมีใบอนุญาตทะเบียน ป.4 พร้อมตีตราเพื่อการกีฬา

นอกจากนี้เข้าค้นบ้านนาย พลเทพ ทองก้น หรือบอม แสมสาร ใน ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ พบปืนสั้นจำนวน 2 กระบอก มีใบอนุญาตทะเบียน ป.4 แต่เป็นชื่อผู้อื่น

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://mono29.com/news/344114.html

#ค้าอาวุธ #ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านค้าอาวุธ #อาวุธ #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

ไต้หวันจัดหนักรับ “จีน” ส่งนักบินรบขับไล่ฝึกลงจอดบนถนนครั้งแรกระหว่างซ้อมรับประจำปี “ปธน.ไช่” ชมเปาะ
.
.
.
.
เอเจนซีส์/รอยเตอร์/เอเอฟพี - ประธานาธิบดีหญิงไต้หวัน ไช่ อิงเหมิน แสดงความชื่นชมต่อการฝึกซ้อมรบประจำปีของกองทัพไต้หวันที่ในปีนี้นักรบเครื่องบินขับไล่ฝึกซ้อมการร่อนลงจอดบนถนนมอเตอร์เวย์เป็นครั้งแรกท่ามกลางแรงกดดันจากจีนส่งเครื่องบินรบบุกรุกน่านฟ้าถี่ยิบ
.
อัลจาซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ รายงานวันนี้(15 ก.ย)ว่า นักบินเครื่องบินรบขับไล่ไต้หวันซ้อมร่อนลงจอดบนถนนไฮเวย์เป้าหมายเป็นครั้งแรกระหว่างการฝึกประจำปีในวันพุธ(15)ที่ถึงขั้นสูงสุดของสมรรถนะ เป็นการซ้อมที่จำเป็นในกรณีหากถูกจีนโจมตี
.
ประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิงเหวิน ที่เคยให้คำมั่นสัญญาจะปรับปรุงกองทัพไทเปให้ทันสมัยเฝ้ามองการฝึกซ้อมในวันนี้(15)ด้วยความชื่นชม
.
จีนส่งเครื่องบินรบรุกล้ำน่านฟ้าไต้หวันบ่อยครั้ง และยังมีการฝึกซ้อมรบของกองทัพจีน PLA ใกล้กับไทเป หวังเพื่อบีบบังคับให้ไต้หวันยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของจีนตามนโยบายจีนเดียวของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่
.
ไช่เคยกล่าวไว้ว่ามีเป้าหมายให้กองทัพไต้หวันซึ่งได้รับเขี้ยวเล็บทางยุทโธปกรณ์ส่วนใหญ่จากสหรัฐฯให้กลายเป็น “เม่น” ที่มีทั้งสามารถเคลื่อนที่ได้และยากต่อการถูกโจมตี
.
เครื่องบินรบขับไล่ 4 ลำได้แก่เครื่องบินขับไล่ F-16 เครื่องบินมิราจ (Mirage)ของฝรั่งเศส และเครื่องบินรบไต้หวัน จิ้งกว๋อ (Ching-kuo) และเครื่องบินสอดแนมสำหรับการเตือนล่วงหน้า E-2ฮ็อกอาย(E-2 Hawkeye)ร่อนลงจอดบนถนนไฮเวย์ที่ห่างไกลที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษให้เป็นทางยาวและแบนราบที่เทศมณฑลผิงตง(Pingtung County)
.
อ้างอิงจากสื่อโฟกัสไต้หวันพบว่า การฝึกซ้อมที่มีภาพปรากฎของไช่สวมเครื่องแบบกองทัพไต้หวันกำลังโบกมือให้กับนักบินเริ่มขึ้นในเวลา 06.30 น. บนถนนไฮเวย์ที่มีระยะทาง 2.26 กิโลเมตร
.
เป้าหมายการฝึกครั้งนี้เพื่อพิสูจน์สมรรถนะเครื่องบินและนักบินของการร่อนลงจอดบนถนนแคบในสถานการณ์ที่ลานบินเสียหายจากการทำลายของข้าศึก
.
เครื่องบินฝึกทั้ง 4 ลำสามารถลงจอดได้ตามกำหนดในเวลา 06.30 น. 06.32 น. 06.34 น. และ06.36 น. ตามลำดับก่อนที่จะเทคออฟบินขึ้นในระยะเวลา 2 นาทีโดยเริ่มตั้งแต่เวลา 07.02 น.เป็นต้นไปและเป็นการสิ้นสุดการฝึกซ้อมรบ
.
อ้างอิงจากกองทัพไต้หวันพบว่า การฝึกซ้อมร่อนลงจอดบนถนนครั้งแรกนี้ต้องการทดสอบว่านักบินจะสามารถนำเครื่องลงจอดบนถนนที่มีความกว้างเพียง 24 เมตรได้หรือไม่ ถือเป็นครั้งแรกที่กองทัพไต้หวันใช้ถนนไฮเวย์ในการซ้อม
.
ทั้งนี้นอกจากไช่ที่เข้าร่วมชมการฝึกซ้อมรบประจำปีครั้งนี้แล้วพบว่ายังรวมไปถึงรัฐมนตรีกลาโหมไต้หวัน Chiu Kuo-cheng เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไทเปและเจ้าหน้าที่กองทัพไต้หวันรวมไปถึงสื่อมวลชนที่มีมากกว่าร้อยคนร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้

“ช่างเป็นฝีมือการรบที่น่าทึ่งและรวดเร็วและเป็นปฎิบัติการจริงที่ออกมาจากการฝึกซ้อมที่แข็งแกร่งทุกวันและยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของกองทัพอากาศไต้หวันในการป้องกันน่านฟ้า” ไช่กล่าวผ่านแถลงการณ์ผ่านทางเฟซบุ๊ก
.
สื่อกาตาร์ชี้ว่า ไต้หวันต้องบินขับไล่เป็นประจำเกือบทุกวันเพื่อที่จะสกัดเครื่องบินรบจีนที่บุกรุกเข้าเขตป้องกันตัวเองทางอากาศ ADIZของไต้หวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะใกล้กับหมู่เกาะปราตาส(Pratas Islands)ที่อยู่ทางเหนือในทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นเขตพิพาทระหว่างจีนและเพื่อนบ้านรวมไต้หวัน

.

 

“แกวิน นิวซอม” กลายเป็นผู้ว่าการรัฐคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ รอดจากการถูกปลด หลังผู้มีสิทธิโหวตโนล้นหลาม
.
.
.
.
เอพี/เอเจนซีส์ – แกวิน นิวซอม ลอยลำสื่อสหรัฐฯต่างชี้ให้ชนะการโหวตเลือกตั้งถอดถอนแบบทิ้งห่างหลังจากประชาชนชาวแคลิฟอร์เนียเมื่อนับคะแนนไปแล้ว 2 ใน 3 ของบัตรเลือกตั้งทั้งหมดตอกฝาโลงคู่แข่งนักจัดรายการวิทยุชื่อดังผิวสีจากพรรครีพับลิกัน แลร์รี เอลเดอร์ (Larry Elder)
.
เอพีรายงานวันนี้(15 ก.ย)ว่า สื่อสหรัฐฯหลายสำนักเป็นต้นว่า CNN NBC รวมเอพี ต่างออกมาชี้ว่า ผู้ชนะการเลือกตั้งปลดผู้ว่าการรัฐ แกวิน นิวซอม(Gavin Newsom) ที่เกิดขึ้นในวันอังคาร(14) พบว่านิวซอมได้รับคะแนนเสียงโหวตโน รอดพ้นการถูกปลดออกจากตำแหน่งก่อนกำหนดไปได้อย่างไม่ยากเย็น
.
โดยเอพีประกาศชื่อผู้ที่คาดว่าจะชนะการเลือกตั้งหลังจากปิดหีบการลงคะแนนไปราว 45 นาทีในคืนวานนี้(14) โดยที่มีคู่แข่งนักจัดรายการวิทยุผิวสีชื่อดังพรรครีพับลิกัน แลร์รี เอลเดอร์ (Larry Elder) ที่ถูกเปรียบเทียบไปถึงอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่พยายามจะกล่าวหาโดยที่ไม่มีหลักฐานไปถึงกระบวนการเลือกตั้ง
.
นิวซอมกล่าวว่า “โหวตโน” ไม่ใช่แค่สิ่งเดียวที่แสดงออกในคืนนี้” และเสริมต่อว่า “ผมต้องการให้ความสำคัญต่อในสิ่งที่พวกเราเรียกว่า “โหวตเยส” พวกเรากล่าว “เยส” ต่อวิทยาศาสตร์ พวกเรากล่าว “เยส” ต่อวัคซีน พวกเรากล่าว “เยส” ต่อการทำให้วิกฤตโรคระบาดนี้สิ้นสุด”
.
โดยหลังจากที่มีการนับบัตรเลือกตั้งไปแล้ว 2 ใน 3 ต่อคำถามแรกที่ว่าจะปลดนิวซอมออกจากตำแหน่งผู้ว่าการรัฐหรือไม่โดยมีคะแนนทิ้งห่างถึง 30 จุด เอพีชี้ โดยคะแนนที่นำนี้มาจากบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์และการเลือกตั้งล่วงหน้าแบบเข้าคูหาโหวตซึ่งสะท้อนออกมาจากฐานเสียงที่แข็งแกร่งของพรรคเดโมแครต ที่ออกมาลงคะแนนให้มากกว่าในกลุ่มของฐานเสียงพรรครีพับลิกันเกือบ 2 ต่อ 1 ในรัฐโกลเดนสเตทแห่งนี้แต่ในช่วงแรกแสดงความไม่สนใจต่อการเลือกตั้งถอดถอน CNN สื่อสหรัฐฯรายงาน
.
การขึ้นนำของนิวซอมไม่สามารถถูกตีกลับได้ CNN เป็นอีกสำนักที่ชี้ให้นิวซอมชนะในการเลือกตั้งโดยระบุว่า นิวซอมได้โหวตโนไป 67.5% หรือราว 5,313,621 เสียง ขณะที่โหวตเยสที่ต้องการปลดเขามีราว 32.5% หรือราว 2,562,883 เสียง
.
ซึ่งก่อนหน้าการเลือกตั้งเขาได้รับการสนับสนุนจากแกนนำของพรรคไม่ว่าจะเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯผิวสี กมลา แฮร์ริส ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี รวมไปถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ต่างพาเหรดมาถึงรัฐแคลิฟอร์เนียโดยเฉพาะ
.
โดยในคืนวันจันทร์(13)ที่เมืองลองบีช ไบเดนได้ขึ้นเวทีหาเสียงช่วยนิวซอม โดยชี้ว่า การเลือกตั้งถอดถอนผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียนี้เป็นส่วนขยายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 ที่เขาชนะเลือกตั้ง
.
ไบเดนกล่าวว่า แลร์รี เอลเดอร์ เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับโดนัลด์ ทรัมป์มากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นในรัฐของคุณ พร้อมเตือนว่า เอลเดอร์จะบั่นทอนสิทธิสตรี จะทำการการปกป้องสิทธิแรงงานต้องอ่อนแอลง และทำให้การต่อสู่การเปลี่ยนแปลงทางสภาวะอากาศของรัฐแคลิฟอร์เนียต้องหมดประสิทธิภาพ
.
ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ารัฐโกลเดนสเตทแห่งนี้มีปัญหาไฟป่าทุกปีซึ่งในเวลานี้ยังคงเกิดขึ้น ไบเดนย้ำในคืนวันจันทร์(13)ว่าหากว่าคนแคลิฟอร์เนียไม่เก็บนิวซอมไว้ พวกเขาจะได้ “โดนัลด์ ทรัมป์” มาอย่างแน่นอน โพลิติโก สื่อการเมืองสหรัฐฯรายงานเมื่อวันจันทร์(13)
.
อ้างอิงจาก CNN พบว่า เอลเดอร์คู่แข่งขึ้นเวทีประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองที่คอสตา เมซา( Costa Mesa) เอพีรายงานว่า ผู้ที่สนับสนุนการปลดนิวซอมออกจากตำแหน่งเนื่องมาจากนโนยบายโควิด-19ที่แข็งกร้าวของเขา เป็นต้นว่าการสั่งให้ธุรกิจและโรงงานต้องปิดลงเป็นเวลานานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด จนทำให้อีลอน มัสค์ เจ้าของบริษัทรถไฟฟ้าเทสลาออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างมาก รวมไปถึงนโยบายการปิดโรงเรียน การเพิ่มขึ้นสูงของคดีอาชญากรรม วิกฤตคนไร้บ้านภายในรัฐและคดีการหลอกวงเงินสวัสดิการว่างงานของรัฐเป็นต้น

 

ศาลฮ่องกงสั่งจำคุก 9 แกนนำจุดเทียนรำลึก ‘เทียนอันเหมิน’
.
แกนนำกลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยฮ่องกง 9 คนถูกศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 6-10 เดือนวันนี้ (15 ก.ย.) ฐานเข้าร่วมกิจกรรมจุดเทียนรำลึกถึงเหตุการณ์นองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่อีก 3 คนถูกตัดสินจำคุกโดยรอลงอาญาด้วยข้อหาจัดการชุมนุมผิดกฎหมาย และชักชวนผู้อื่นให้เข้าร่วมชุมนุม
.
อัลเบิร์ต โฮ อดีตประธานกลุ่มพันธมิตรฮ่องกง ถูกศาลสั่งจำคุกฐานยุยงปลุกปั่นเป็นเวลา 10 เดือน และอีก 6 เดือนฐานเข้าร่วมกิจกรรมจุดเทียนรำลึกเทียนอันเหมิน โดยให้นับเวลาลงโทษพร้อมกับโทษจำคุกอีก 18 เดือนที่ โฮ ได้รับในคดีอื่นๆ
.
คำพิพากษามีขึ้นเพียง 1 สัปดาห์ หลังจากที่แกนนำจัดงานจุดเทียนรำลึกเทียนอันเหมินถูกดำเนินคดีฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดการบ่อนทำลายรัฐ และก่อนหน้านั้นตำรวจยังได้บุกค้นพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในฮ่องกงที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการปราบปรามประชาชนที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี 1989
.
กลุ่มพันธมิตรฮ่องกงมีการจุดเทียนรำลึกในวันที่ 4 มิ.ย. เพื่อแสดงความอาลัยต่อเหยื่อผู้เสียชีวิตที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเป็นประจำทุกปี ทว่ากิจกรรมดังกล่าวได้ถูกทางการฮ่องกงสั่งห้ามในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยอ้างปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงประเด็นความมั่นคง
.
การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยซึ่งนำไปสู่สถานการณ์รุนแรงในฮ่องกงเมื่อปี 2019 ทำให้จีนตัดสินใจนำกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่มาบังคับใช้กับฮ่องกง พร้อมทั้งไล่เบี้ยกวาดล้างแกนนำฝ่ายประชาธิปไตย รวมถึงบุคคลใดก็ตามที่ถูกมองว่า “ไม่รักชาติ”
.
คดีที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมจุดเทียนรำลึกเมื่อปีที่แล้วมีนักเคลื่อนไหวถูกดำเนินคดีมากถึง 26 คน โดยนอกจาก 12 คนที่ถูกศาลตัดสินลงโทษในวันนี้ (15) แล้วก็ยังมี นาธาน หลอ (Nathan Law) และ ซันนี เฉิง (Sunny Cheung) ซึ่งหลบหนีออกจากฮ่องกงไปตั้งแต่ก่อนที่ศาลจะออกหมายเรียกเมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว ขณะที่ โจชัว หว่อง (Joshua Wong), เลสเตอร์ ชุม (Lester Shum), ทิฟฟานี หยวน (Tiffany Yuen) และ เจเนลล์ เหลียง (Janelle Leung) ถูกศาลตัดสินจำคุกไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
.
สำหรับอีก 8 คนซึ่งยังปฏิเสธที่จะรับสารภาพ ศาลได้นัดไต่สวนความผิดในเดือน พ.ย.
.
ปีที่แล้วมีชาวฮ่องกงหลายพันคนฝ่าฝืนคำสั่งของรัฐออกมาร่วมจุดเทียนรำลึกโดยสงบที่สวนสาธารณะวิกตอเรียพาร์ค
.
กระแสความไม่พอใจแนวทางการบริหารจัดการฮ่องกงของจีนแผ่นดินใหญ่ทำให้กิจกรรมนี้มีผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
.
ที่มา: เอเอฟพี

 

ระอุต่อเนื่อง! ‘เกาหลีเหนือ’ ยิงขีปนาวุธลงทะเลอีก 2 ลูก หลังเพิ่งทดสอบ ‘ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล’ สำเร็จ
.
คณะประธานเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้แถลงว่า เช้าวันนี้ (15 ก.ย.) เกาหลีเหนือได้ยิง “ขีปนาวุธทิ้งตัวไม่ทราบชนิด” จากทางตอนกลางของประเทศไปตกลงในทะเลนอกชายฝั่งตะวันออก
.
“หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้และสหรัฐฯ อยู่ระหว่างวิเคราะห์รายละเอียด” คำแถลงระบุ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับพิสัยเดินทางของขีปนาวุธโสมแดง
.
ล่าสุด มีคำยืนยันจากกองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของกองทัพสหรัฐฯ ว่า ขีปนาวุธเกาหลีเหนือทั้ง 2 ลูก “ไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามเฉพาะหน้า” ต่อบุคลากรและดินแดนของสหรัฐฯ รวมไปถึงชาติพันธมิตร
.
การยิงขีปนาวุธครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน เดินทางไปเยือนกรุงโซล โดยจีนนั้นถือว่าเป็นมหามิตรของโสมแดงทั้งในด้านการทูต การค้า และความช่วยเหลือต่างๆ แม้ว่าเปียงยางจะสั่งปิดพรมแดนตั้งแต่ต้นปีที่แล้วเพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19 ก็ตาม
.
สำนักข่าวยอนฮัปรายงานคำพูดของ หวัง ก่อนที่จะมีข่าวการยิงขีปนาวุธในเกาหลีเหนือ โดยรัฐมนตรีต่างประเทศจีนตั้งความหวังว่า “ทุกประเทศจะมีส่วนช่วยส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี”
.
“ตัวอย่างก็คือ ไม่ใช่แค่เกาหลีเหนือ แต่ประเทศอื่นก็ดำเนินกิจกรรมทางทหารเช่นกัน ดังนั้นเราทุกฝ่ายจึงต้องร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูการเจรจา” หวัง ระบุ
.
เมื่อวันจันทร์ (13) สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือรายงานว่าโสมแดงประสบความสำเร็จในการยิงทดสอบ “ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล” ซึ่งถือเป็น “อาวุธทางยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง” พร้อมกันนั้นหนังสือพิมพ์โรดองซินมุนก็ได้เผยแพร่ภาพขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งทะยานออกจากแท่นยิงขีปนาวุธที่มี 5 ลำกล้อง และภาพของขีปนาวุธขณะร่อนอยู่กลางอากาศในแนวนอน
.
นักวิเคราะห์ประเมินว่า ขีปนาวุธลักษณะนี้อาจส่งหัวรบไปโจมตีเป้าหมายได้ทั่วทุกแห่งในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น โดยมีศักยภาพในการหลบเลี่ยงระบบป้องกันภัยทางอากาศได้ดีขึ้นด้วย
.
KCNA อ้างว่า ขีปนาวุธร่อนที่เกาหลีเหนือทดสอบเมื่อช่วงสุดสัปดาห์เดินทางไปได้ไกลถึง 1,500 กิโลเมตร โดยใช้ระยะเวลา 2 ชั่วโมง และโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
.
ผู้แทนฝ่ายกิจการเกาหลีเหนือของสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ได้จัดประชุมที่กรุงโตเกียวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดย ซุง คิม ซึ่งเป็นผู้แทนวอชิงตัน เน้นย้ำว่า “เราหวังว่าเกาหลีเหนือจะให้คำตอบที่น่าพอใจต่อความพยายามของพวกเราที่เสนอให้มีการพบปะแบบไม่มีเงื่อนไข”
.
เขายืนยันว่าสหรัฐฯ “พร้อมจะมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้ โดยไม่ยึดโยงกับความก้าวหน้าในการปลดอาวุธนิวเคลียร์” เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลสำหรับการเข้าถึงและสังเกตการณ์
.
ที่มา : เอเอฟพี

 

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ออกมาชี้แจงกรณีสื่อรายงานว่าตนถูกประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ปฏิเสธข้อเสนอพบปะตัวต่อตัว โดยชี้ว่าเรื่องดังกล่าว “ไม่เป็นความจริง”
.
คำตอบของ ไบเดน มีขึ้น หลังจากที่หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สอ้างแหล่งข่าวหลายคนที่ยืนยันว่า หลังการพูดคุยทางโทรศัพท์นาน 90 นาทีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สี ไม่ตอบรับข้อเสนอประชุมซัมมิตกับ ไบเดน และยื่นเงื่อนไขให้วอชิงตันลดท่าทีก้าวร้าวกับจีนลงเสียก่อน
.
“ไม่จริง” ไบเดน กล่าววานนี้ (14 ก.ย.) หลังถูกสื่อมวลชนยิงคำถามว่าผิดหวังหรือไม่ที่ สี ไม่อยากเจอหน้า
.
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ได้ออกคำแถลงก่อนหน้านั้นว่า รายงานดังกล่าว “ไม่ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง” เกี่ยวกับบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสอง
.
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวคนหนึ่งที่ได้ทราบรายละเอียดการสนทนาระหว่าง ไบเดน และ สี ยืนยันว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน
.
“ประธานาธิบดี สี ระบุว่า บรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างประเทศควรได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นเสียก่อน” แหล่งข่าวบอกกับรอยเตอร์
.
ล่าสุด สถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้
.
ไฟแนนเชียลไทม์สอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวคนหนึ่งที่บอกว่า ไบเดน ได้เอ่ยความเป็นไปได้ต่างๆ เพื่อที่จะหารือกับ สี ในโอกาสต่อไป หนึ่งในนั้นคือการจัดประชุมซัมมิต แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบจากผู้นำจีนในทันทีทันใด
.
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อีกคนให้ข้อมูลว่า แม้ สี จะไม่ตอบรับข้อเสนอประชุมซัมมิตกับไบเดน แต่ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะกังวลเรื่องโควิด-19 ด้วย
.
ทั้งนี้ หลายฝ่ายคาดว่าการประชุมซัมมิต G20 ที่อิตาลีในเดือน ต.ค. อาจจะเป็นเวทีให้ ไบเดน และ สี ได้มีโอกาสพูดคุยตัวต่อตัว แต่ก็ยังไม่มีอะไรแน่นอน เนื่องจาก สี นั้นไม่เดินทางเยือนต่างประเทศเลยแม้แต่ครั้งเดียวนับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ระบาดในจีนเมื่อต้นปี 2020
.
สื่อทางการจีนรายงานว่า ประธานาธิบดี สี ได้บอกกับ ไบเดน ว่านโยบายที่สหรัฐฯ มีต่อจีนในเวลานี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ “ยุ่งยาก” ทว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังยินดีที่จะพูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเพิ่มการติดต่อสื่อสารในระดับคณะทำงาน
.
ที่มา: รอยเตอร์

 

เชื่อสหรัฐฯใกล้จุดพีคหลังค่าเฉลี่ยติดเชื้อรายวันทะลุ1.7แสน ทำใจไวรัสจะอยู่ต่อไปอีกหลายปี

การแพร่ระบาดระลอกล่าสุดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ ซึ่งขับเคลื่อนโดยตัวกลายพันธุ์เดลตา อาจถึงจุดสูงสุดเร็วๆนี้ แต่พวกผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอย่าชะล่าใจและคาดหมายว่าไวรัสจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า

ค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อรายวันในช่วง 7 วันหลังสุดจนถึงวันจันทร์(13ก.ย.) อยู่ที่ 172,000 ราย สูงที่สุดในระลอกการแพร่ระบาดปัจจุบัน อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าอัตราการแพร่ระบาดกำลังชะลอตัวลงและเคสผู้ติดเชื้อมุ่งหน้าสู่ในทิศทางที่ลดลงในเกือบทุกรัฐของสหรัฐฯ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานโดยอ้างข้อมูลที่รวบรวมโดยเว็บไซต์ Covid Act Now

อย่างไรก็ตามด้วยที่ยังคงมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,800 คนในแต่ละวัน และอีกกว่า 100,000 คนยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด-19 อาการหนัก ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่หลวงสำหรับเจ้าหน้าที่ในความพยายามโน้มน้าวให้ชาวอเมริกันชนผู้ยังลังเลเข้ารับวัคซีน ท่ามกลางการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนและบรรยากาศทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความแตกแยก

บาคติ ฮันโซติ รองศาสตราจารย์ในแผนกการแพทย์ฉุกเฉินมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อปกินส์ และผู้เชี่ยวชาญในการดูแลผู้ป่วยหนักโควิด-19 แสดงความคิดเห็นกับเอเอฟพีว่า เธอเห็นสหรัฐฯกำลังเดินตามวงโคจรแบบเดียวกับอินเดีย ขณะที่ประเทศอื่นๆในยุโรปตะวันตกก็อยู่ในแนวโน้มขาลงเช่นกัน ในการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตาระลอกปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ฮันโซติ เตือนว่าเคยมีสัญญาณหายใจได้โล่งขึ้น เมื่อครั้งการแพร่ระบาดระลอกฤดูใบไม้ผลิดูท่าจะจบลง แต่สุดท้ายมันกลับไม่เป็นแบบนั้น และ "คราวนี้ ฉันรู้สึกสองจิตสองใจ" เธอยอมรับ

"มีความเป็นไปได้จะเกิดตัวกลายพันธุ์น่าที่กังวลใหม่ๆและพบปะกันทางสังคมในร่มกันมากขึ้นท่ามกลางการมาเยือนของฤดูหนาว อาจทำให้ไวรัสฟื้นคืน จนกว่าเราจะเรียนรู้บทเรียนจากการแพร่ระบาดระลอก 4" ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ระบุ

อังเกลา รัสมูสเซน นักไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยซัสแคตเชวันในแคนาดา เสริมว่าเธอไม่แน่ใจว่าการแพร่ระบาดระลอก 4 นั้นจบลงไปแล้วหรือไม่ "หากคุณดูระลอกฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว เคยมีช่วงเวลาที่เคสผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นสูงมากเป็นทวีคูณ จากนั้นก็ดูเหมือนกำลังลดลง แล้วจากนั้นมันกลับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง"

เพื่อรับประกันว่าการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อจะทรงตัว การเร่งจำนวนผู้เข้ารับวัคซีนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ปัจจุบันมีพลเรือนสหรัฐฯอายุ 12 ปีขึ้นไปที่มีสิทธิ์ฉีดวัคซีน เข้ารับวัคซีนแล้วคิดเป็นสัดส่วน 63.1% หรือคิดเป็น 54% ของประชากรทั้งหมด

ตัวเลขดังกล่าวทำให้สหรัฐฯยังเป็นรองบรรดาชาติต่างๆอย่าง โปรตุเกสและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในอัตราฉีดวัคซีนแก่ประชาชน แม้อเมริกามีวัคซีนอย่างล้นเหลือ โดยโปรตุเกสและสหรัฐอาหรับเอเมริเรตส์ ฉีดวัคซีนแก่ประชาชนครบแล้วคิดเป็นสัดส่วน 81% และ 79% ตามลำดับ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลของประธานาธิบดโจ ไบเดน แถลงมาตรการใหม่ๆจำนวนหนึ่งเพื่อยกระดับโครงการฉีดวัคซีนประชาชน ในนั้นรวมถึงบังคับฉีดวัคซีนสำหรับบริษัทต่างๆที่มีพนักงานเกิน 100 คน อย่างไรก็ตามเบื้องต้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามาตรการนี้จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน

นอกเหนือจากการฉีดวัคซีนแล้ว พวกผู้เชี่ยวชาญมองว่ามาตรการอื่นๆก็ยังคงมีความสำคัญเช่นกัน

โธมัส ไซ ศัลยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณสุขแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ให้ความเห็นว่าพื้นที่จุดร้อนทั้งหลายยังจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการสวมหน้ากาก และแนะนำว่าสหรัฐฯควรดูประเทศอื่นๆเป็นตัวอย่าง ในการนำชุดตรวจรวดเร็ว (Rapid Test) มาใช้อย่างกว้างขวางตามโรงเรียนและภารธุรกิจต่างๆ

ชุดตรวจเหล่านี้หาได้ฟรีหรือไม่ก็มีราคาถูกมากๆในเยอรมนี สหราชอาณาจักรและแคนาดา แต่กลับมีราคาสูงถึง 25 ดอลลาร์(ประมาณ 823 บาท) ต่อ 1 แพ็ค 2ชุด ในสหรัฐฯ แม้รัฐบาลของโบเดนมีความพยายามฉุดราคาให้ต่ำลงผ่านข้อตกลงกับบรรดาผู้ค้าปลีกแล้วก็ตาม

ก่อนหน้าการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตา พวกผู้เชี่ยวชาญบางส่วนถึงกับประกาศว่าเมื่อดูจากเปอร์เซ็นต์ของประชาชนที่ฉีดวัคซีนแล้วและคนที่มีภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อโดยธรรมชาติ สหรัฐฯกำลังเข้าใกล้จุดของการบรรลุภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว

รัสมูสเซน บอกว่าการคาดเดาเหล่านี้พิสูจน์แล้วว่าไม่ถูกต้อง และยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเมื่อไหร่ที่สหรัฐฯจะบรรลุเป้าหมายภูมิคุ้มกันหมู่ "ยังมีอีกหลายพื้นที่ของประเทศ ที่ประชากรวัยผู้ใหญ่มีอัตราการฉีดวัคซีนไม่ถึง 50%" เธอกล่าว

(ที่มา:เอเอฟพี)

 

กลายเป็นกระแสไวรัลในจีน หลังชาวเน็ตแห่แชร์คลิปครูใหญ่ของโรงเรียนแห่งหนึ่งยืนดักกินอาหารเหลือของนักเรียนในโรงอาหาร เพื่อที่จะสอนเยาวชนของชาติว่าไม่ควรกินทิ้งกินขว้าง
.
หวัง หย่งซิน (Wang Yongxin) ครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยมเอกชนในเขตฉีหยาง (Qiyang) มณฑลหูหนัน จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์จีนว่า ระหว่างการทำให้เห็นเป็นตัวอย่างกับเรื่องของสุขอนามัยนั้น... อะไรสำคัญกว่ากัน?
.
จากคลิปดังกล่าวจะเห็นว่า หวัง ไปยืนดักอยู่ใกล้ๆ ถังขยะในโรงอาหาร และเมื่อนักเรียนคนไหนเดินถือจานที่ยังมีอาหารเหลือมาทิ้ง เขาก็จะเรียกให้หยุด และเข้าไปเก็บกินอาหารเหล่านั้นจนเกลี้ยง
.
เด็กบางคนได้แต่ยิ้มเขินๆ ในขณะที่บางคนเมื่อถูกครูใหญ่เรียกก็หันไปทานอาหารที่เหลือของตัวเองจนหมด
.
หวัง วัย 58 ปี บอกกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Xiaoxiang Morning Post ว่า เขาเริ่มดักกินอาหารเหลือของนักเรียนมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
.
“ผมอยากทำให้พวกเขาดูเป็นตัวอย่างว่า การกินทิ้งกินขว้างมันไม่ดี และไม่ใช่แค่เด็กๆ เท่านั้นที่แปลกใจ แม้แต่พวกครูก็ด้วย” เขากล่าว
.
“นักเรียนบางคนพอเห็นว่าผมกินข้าวเหลือของเพื่อน ก็หันไปกินข้าวในจานตัวเองจนหมด บางคนก็บอกเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ต้นว่าอยากจะกินแค่ไหน ซึ่งช่วยให้มีของเหลือทิ้งน้อยลง”
.
แม้ครูใหญ่ หวัง จะได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในสังคมจีนปัจจุบันที่ผู้คนมักกินทิ้งกินขว้าง แต่บางคนก็มองว่าครูเพียงต้องการสร้างกระแส และการเก็บกินอาหารเหลือในจานคนอื่นก็ไม่ถูกสุขลักษณะด้วย
.
“การประหยัดอดออมมันก็ดีอยู่หรอก แต่ไปกินข้าวเหลือของคนอื่นเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี และขัดต่อมาตรการควบคุมโรค บางทีพวกเขาน่าจะคิดหาวิธีสอนเด็กได้ดีกว่านี้” ผู้ใช้เวยปั๋วคนหนึ่งให้ความเห็น
.
ครูใหญ่ หวัง ยืนยันว่าเขา “ไม่ถือสา” เรื่องการกินของเหลือ
.
“อาหารมาจากครัวเดียวกัน นักเรียนและครูทุกคนก็กินอาหารที่นี่ ผมถือว่านักเรียนทุกคนเป็นเสมือนลูกผมเอง เพราะฉะนั้นผมไม่ถือสาเลย” เขากล่าว
.
รัฐบาลจีนเริ่มให้ความสำคัญกับการลดปริมาณขยะอาหาร โดยเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาได้มีการออกกฎหมายที่กำหนดโทษปรับสำหรับร้านอาหารและลูกค้าที่ทิ้งเศษอาหารเยอะเกินไป นอกจากนี้ยังห้ามไม่ให้มีการไลฟ์สดกินอาหารโชว์ในปริมาณมากๆ ด้วย
.
ที่มา: South China Morning Post

 

สยอง!จระเข้กินคนในสหรัฐฯ ผ่าท้องพบชิ้นส่วนมนุษย์ คาดเป็นคุณปู่ที่สูญหายท่ามกลางเฮอร์ริเคน

จระเข้น้ำหนักราว 228 กิโลกรัมตัวหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้คร่าชีวิตชายชาวลุยเซียนาวัย 71 ปี ท่ามกลางอุทกภัยจากอิทธิพลของเฮอร์ริเคนไอดาเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ถูกตามล่าเจอตัวแล้วและหลังจากทำการผ่าท้อง พบเศษซากมนุษย์อยู่ภายในท้องของมัน จากการเปิดเผยของสำนักงานนายอำเภอเซนต์ แทมานีย์ เคาน์ตี เมื่อวันอังคาร(14ก.ย.)

ปฏิบัติการตามล่าจระเข้ความยาว 12 ฟุต(ประมาณ 3.6 เมตร) ของหน่วยงานท้องถิ่นและระดับรัฐเริ่มต้นขึ้น หลังจากนายทิโมที แซตเทอร์ลี ซีเนียร์ วัย 71 ปี สูญหายไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ขณะกำลังออกมาตรวจสอบความเสียหายจากพายุนอกบ้านในเมืองสไลเดลล์ ห่างจากเมืองนิวออร์ลีนส์ ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 55 กิโลเมตร

เหตุโจมตีเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากเฮอร์ริเคนทรงพลัง "ไอดา" ซัดถล่มลุยเซียนา ก่ออุทุกภัยในบางพื้นที่นรอบนอกแนวคันกั้นน้ำและระบบประตูระบายน้ำที่เพิ่งสร้างใหม่เพื่อปกป้องนิวออร์ลีนส์

จระเข้ตัวหนึ่งน้ำหนัก 228 กิโลกรัมถูกจับได้เมื่อวันจันทร์(13ก.ย.) ผ่านกับดักที่วางเอาไว้โดยนายพราน 2 คนซึ่งมีใบอนุญาตของกรมสัตว์ป่าลุยเซียนา จากการเปิดเผยของสำนักงานนายอำเภอเซนต์ แทมานีย์ เคาน์ตี

"เมื่อตรวจสอบจระเข้ พบว่าดูเหมือนจะมีเศษซากมนุษย์อยู่ภายในท้องของมัน" สำนักงานนายอำเภอเซนต์ แทมานีย์ เคาน์ตี ระบุ "คณะสืบสวนกำลังทำงานร่วมกับสำนักงานชันสูตรของเซนต์ แทมานีย์ เคาน์ตี เพื่อพิสูจน์เศษชิ้นส่วนเหล่านั้นว่าเป็นของ ทิโมที แซตเทอร์ลี หรือไม่"

โฆษกสำนักงานนายอำเภอเผยว่าเจ้าหน้าที่พิทักษ์สัตว์ป่าใช้เรือยางออกสอดส่องทั่วพื้นที่ละแวกดังกล่าวในวันเสาร์(11ก.ย.) หลังจากโดรนลำหนึ่งของพวกเขาส่องพบจระเข้ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของแซตเทอร์ลี

เจ้าหน้าที่วางกับดักและประสบความสำเร็จในการจับจระเข้ในวันจันทร์(13ก.ย.) จากนั้นก็ทำการุณยฆาตและผ่าท้องจระเข้ และท้ายที่สุดพวกเขาก็พบเศษชิ้นส่วนมนุษย์อยู่ภายในท้องของมัน "มันเป็นชิ้นส่วนด้านบนของร่างกายมนุษย์" โฆษกระบุ

บ้านพักของแซตเทอร์ลี อยู่ไม่ไกลจากจุดที่บรรดานักท่องเที่ยวนิยมมาทัวร์หนองน้ำชมจระเข้และสัตว์ป่าอื่นๆ โฆษกสำนักงานนายอำเภอระบุ อย่างไรก็ตามเขาบอกว่าปกติแล้วจระเข้จะไม่จู่โจมมนุษย์ แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้หากอาหารที่พวกมันสะสมเอาไว้นั้นหายไป และมีความเป็นไปได้ว่าเรื่องนี้อาจเกิดขึ้นท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ

โฆษกเผยต่อว่า ภรรยาของแซตเทอร์ลี เล่าให้ฟังว่าเห็นจระเข้ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งเล่นงานสามีของเธอ ตอนที่เขาออกไปนอกบ้านเพื่อตรวจสอบความเสียหาย จระเข้งับเขาและหมุนมันไปมาในน้ำ กระชากแขนข้างหนึ่งขาด ฝ่ายภรรยาอายุ 68 ปี พยายามช่วยเหลือ จนกระทั่งจระเข้ดำหายลงไปในน้ำ

แซตเทอร์ลี เสียเลือดมากและเริ่มค่อยๆหมดสติ ระหว่างนั้นเขาบอกให้ภรรยาใช้เรือเล็กพายไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ แต่ด้วยกำลังอันน้อยนิดของเธอ ฝ่ายภรรยาไม่สามารถอุ้มสามีขึ้นเรือได้ สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจทิ้ง แซตเทอร์ลี ไว้บนบันไดบ้านที่ถูกน้ำท่วม ก่อนพายเรือออกไปขอความช่วยเหลือด้วยความทุลักทุเล

ภรรยาของแซตเทอร์ลี พบคนที่ให้ความช่วยเหลือได้อยู่ห่างออกไปราวๆ 1.6 กิโลเมตร แต่พอกลับมาถึง เธอไม่พบสามีอยู่บนบันไดบ้านอีกแล้ว

โฆษกสำนักงานนายอำเภอ ระบว่าปกติแล้วจระเข้ในพื้นที่จะไม่มีขนาดใหญ่เท่านี้ ส่วนใหญ่แล้วจะมีขนาดความยาวประมาณ 7 ฟุตครึ่งถึง 8 ฟุต(ราว 2.28 เมตร ถึง 2.4 เมตร) และน้อยครั้งที่จะพบจระเข้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน 300 ปอนด์(ราว 136 กิโลกรัม)

(ที่มา:รอยเตอร์)

 

ละเมิดเสรีภาพ!กลุ่มครูเดินขบวนในนิวยอร์กต้านบังคับฉีดวัคซีนโควิด ด่า'F--kไบเดน'(ชมคลิป)

คณะครูกลุ่มหนึ่งเดินขบวนข้ามสะพานบรูคลิน ประท้วงต่อต้านคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนในนิวยอร์ก ซิตี บางคนตะโกนด่าทอประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย

"F--k โจ ไบเดน" พวกผู้ประท้วงตะโกนระหว่างเดินขบวนข้ามสะพานบรูคลิน อ้างอิงจากภาพวิดีโอที่โพสต์บนทวิตเตอร์เมื่อวันจันทร์(13ก.ย.)

พวกเขายังชูป้ายข้อความต่างๆนานา อาทิ "ปีที่แล้วเป็นฮีโร่ แต่ปีนี้ตกงาน" รวมถึง "ร่างกายของฉัน ฉันเลือกเอง" และ "ฉันคือคนตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่" ส่วนอีกคลิปวิดีโอหนึ่งที่โพสต์บนสื่อวังคมออนไลน์ พบเห็นพวกผู้ตะโกนว่า "F--k โจ ไบเดน" จากท่าเทียบเรือบรูคลิน

ภาพในวิดีโอต่างๆเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการประท้วงที่จัดขึ้นโดยกลุ่มเคลื่อนไหว Teachers for Choice ที่จัตุรัสโฟลีย์ เมื่อวันจันทร์(13ก.ย.) ที่ผ่านมา

ผู้ประท้วงหลายร้อยคน ในนั้นรวมถึงครูปัจจุบันหรือเกษียณอายุไปแล้ว พวกผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่อื่นๆของโรงเรียยน รวมตัวกันที่จัตุรัสโฟลีย์ ประณามคำสั่งบังคับวัคซีน ไม่อย่างนั้นอาจต้องตกงาน จากนั้นผู้ชุมนุมได้พากันเดินขบวน "Freedom Rally" ข้ามสะพานบรูคลิน

"ฉันใช้ชีวิตและทำงานในเมืองแห่งนี้ ในฐานะข้าราชการมานานกว่า 28 ปี" เอมี คาร์โรลล์ ครูปลดเกษียณรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนท้องถิ่น "ฉันควรมีสิทธิ์ตัดสินใจต่างๆที่เกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง และการตัดสินใจไม่ควรส่งผลกระทบต่อการจ้างงานฉัน ไม่ควรกระทบต่อสิทธิของฉันในการเข้าไปในร้านอาหาร ชมละครบรอดเวย์หรือเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์"

บิลล์ คาร์โรลล์ สามีของเธอ ซึ่งเป็นครูเกษียณอายุเช่นกัน เสริมว่า "ผมคิดว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำในอเมริกา พวกเขากำลังพรากสิทธิการตัดสินใจต่างๆนานาของพวกเราไป การตัดสินใจทางการแพทย์ เราจะไม่ยืนอยู่เฉยๆปล่อยให้รรัฐบาลพรากทุกอย่างไปจากเรา"

ความเคลื่อนไหวประท้วงมีขึ้นหลังจาก บิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก แถลงเมื่อเดือนที่แล้วว่า ลูกจ้างทุกคนของกระทรวงศึกษาธิการจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ภายในวันที่ 27 กันยายน ขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อน ไบเดน แถลงบังคับฉีดซัควีนลูกจ้างของบริษัทต่างๆที่มีพนักงานเกิน 100 คน ไม่อย่างนั้นก็จำเป็นต้องตรวจไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในทุกสัปดาห์

"ฉันมาพร้อมกับครูกลุ่มหนึ่งจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในไวท์สโตน เขตควีนส์" ครูอลีเซีย โมเรลล์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนท้องถิ่น "เรามาอยู่ที่นี่เพราะคำสั่งบังคับ มีบางคนในผู้ประท้วงฉีดวัคซีนแล้วด้วยซ้ำ แต่เรากำลังสู้กับคำสั่งบังคับและเราไม่ต้องการเห็นเด็กๆถูกบังคับฉีดวัคซีน ดังนั้นเรากำลังสู้เพื่อทุกคน ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเราเอง"

กลุ่ม Teachers for Choice เผยด้วยว่ามีแผนยื่นดำเนินการทางกฎหมายคัดค้านคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนของเมืองนิวยอร์ก

(ที่มา:ฟ็อกซ์นิวส์)

ชมคลิปที่นี่ : https://mgronline.com/around/detail/9640000091355

 

UPDATE: ศาลปกครองสั่ง ป.ป.ช. เปิดเผยผลสอบและคำชี้แจง คดี ‘นาฬิกาเพื่อน’ ของประวิตร ชี้การเปิดเผยข้อมูลแสดงถึงความโปร่งใสและตรวจสอบได้
.
วันนี้ (15 กันยายน) ที่สำนักงานศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 2557/2562 คดีหมายเลขแดงที่ 1327/2564 ในคดีที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ The MATTER ยื่นฟ้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. ซึ่ง ป.ป.ช. มีมติไม่รับคดีนี้ไว้ไต่สวนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2561
.
โดยศาลปกครองกลางได้พิพากษาให้ ป.ป.ช. ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร จำนวน 2 รายการที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ให้กับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ The MATTER ประกอบด้วย
.
1. รายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งคณะทำงานรวบรวมเสนอต่อที่ประชุม ป.ป.ช.ในวันที่มีมติเกี่ยวกับคดีนี้ รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
.
2. คำชี้แจงของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ในคดีนี้ รวมทั้งหมด 4 ครั้ง

ทั้งนี้ ให้ปกปิดข้อมูลที่มีลักษณะเฉพาะของบุคคล และให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวภายใน 15 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
.
โดยเหตุผลในคำพิพากษาบางส่วนระบุว่า “การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนี้จะแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและตรวจสอบได้ อันจะก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือและศรัทธาในการปฏิบัติงานของ ป.ป.ช. อีกทั้งผู้ฟ้องคดีสมควรจะได้รับความคุ้มครองสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารซึ่งอยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐจะต้องเปิดเผย ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 41 และ 59 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆ ของรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในระบอบประชาธิปไตย ตามหลักการและเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ และเพื่อให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช. ให้สิ้นสงสัย อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจ ที่ต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลยพินิจ”
.
โดยในคดีนี้ นอกจากผลของคำพิพากษาที่สั่งให้ ป.ป.ช. ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ. ประวิตรข้างต้นแล้ว ยังมีข้อต่อสู้ทางกฎหมายจาก ป.ป.ช. ที่ศาลปกครองกลางปัดตก คำอ้างของ ป.ป.ช. ในหลายๆ กรณี เช่น ป.ป.ช. อ้างว่าตัวเองเป็นองค์กรอิสระ ข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากการทำหน้าที่ควรถูกเก็บไว้เป็นความลับ และกฎหมาย ป.ป.ช. เองก็ออกมาใช้ในปี 2561 หลังจาก พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ที่ออกมาใช้ในปี 2540 ซึ่งตามหลักหากมีบทบัญญัติกฎหมายขัดกัน จะต้องยึดตามกฎหมายที่ออกมาภายหลัง โดยศาลชี้ว่า กฎหมาย ป.ป.ช. โดยเฉพาะมาตรา 36 ไม่ใช่บทยกเว้นให้ไม่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ แต่อย่างใด และ ป.ป.ช. เองก็เป็น ‘หน่วยงานของรัฐ’ ตามนิยามของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ มาตรา 4 จึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายนี้
.
ศาลปกครองกลางยังยกกฎหมายหลายฉบับมายืนยันหน้าที่ในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของ ป.ป.ช. และสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจาก ป.ป.ช. ทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 3 วรรค 2 คือ องค์กรอิสระต้องปฏิบัติตามกฎหมาย มาตรา 41 คือ รับรองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐ, มาตรา 59 รัฐมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาธารณะ, มาตรา 215 องค์กรอิสระต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติ, กฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 36 คดีที่ ป.ป.ช. มีมติแล้ว ให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้
.
รวมถึง มาตรา 180 กำหนด ‘ข้อยกเว้น’ โทษในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของ ป.ป.ช. และ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ มาตรา 15 ที่เขียนถึงการให้เจ้าหน้าที่มีดุลยพินิจในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่างๆ โดยจะต้องพิจารณาถึง 3 ปัจจัย คือ การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานรัฐ ประโยชน์ของสาธารณะ และประโยชน์ของเอกชน
.
ส่วนที่ ป.ป.ช. อ้างว่า ข้อเท็จจริงในสำนวนคดีนี้ที่มีข้อหาเรื่องการไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน จะถูกนำไปใช้กับสำนวนคดีอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา เช่น ข้อหารับทรัพย์สินหรือประโยชน์เกิน 3,000 บาท และข้อหาร่ำรวยผิดปกติ ศาลปกครองกลางก็ปัดตกคำอ้างนี้เช่นกัน โดยระบุว่าเป็นคนละกรณีกัน
.
อย่างไรก็ตาม ทาง ป.ป.ช. ยังสามารถอุทธรณ์คดีนี้ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษา
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews #โควิด19 #COVID19 #โควิด19วันนี้ #วัคซีนโควิด19

—————————————————

ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

UPDATE: Nicki Minaj ถูก Anthony Fauci เตือนว่า ควรคิดให้รอบคอบก่อนเผยแพร่ข้อมูลเรื่องวัคซีน
.
หลังจากที่เมื่อวาน (14 กันยายน) มีข่าวออกมาว่า Nicki Minaj แรปเปอร์ตัวแม่วัย 38 ปี ไม่ได้เข้าร่วมงาน Met Gala ในปีนี้ เพราะยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เนื่องจากกังวลเรื่องผลข้างเคียง ซึ่งเธอได้ยกตัวอย่างโดยการทวีตเรื่องราวของญาติตัวเองที่ตัดสินใจไม่ฉีดวัคซีน เพราะเห็นเพื่อนไปฉีดมาแล้วมีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ จนส่งผลต่อชีวิตคู่
.
“ลูกอัณฑะของเขาบวมเป่ง ทั้งๆ ที่เขากำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่สัปดาห์แท้ๆ แต่เจ้าสาวดันขอยกเลิกงานแต่งเสียก่อน เห็นแบบนี้แล้วก็สวดภาวนาเอาแล้วกันนะ และอย่าลืมทำให้ตัวเองสบายใจกับการตัดสินใจ (ว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่) ด้วยล่ะ” Nicki Minaj กล่าว
.
ล่าสุด Anthony Fauci ที่ปรึกษาระดับสูงด้านโรคระบาดของทำเนียบขาว ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Jake Tapper ในรายการ The Lead ของสำนักข่าว CNN ถึงประเด็นนี้ โดยเขาบอกว่า ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานอะไรที่พิสูจน์ได้ว่าวัคซีนที่สหรัฐฯ ใช้ฉีดให้ประชาชนอย่าง Pfizer, Moderna และ Johnson & Johnson จะทำให้เกิดอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศหรือส่งผลร้ายต่อระบบสืบพันธุ์
.
“คำตอบอย่างหนักแน่นก็คือไม่ ไม่มีหลักฐานอะไรที่พิสูจน์ได้ว่ามันจะเกิดขึ้น และไม่มีเหตุผลทางกลไกใดๆ เลย ที่จะทำให้เราจินตนาการว่ามันจะเกิดขึ้น
.
“ตอนนี้มีข้อมูลเท็จมากมายที่ถูกเผยแพร่ออกมา โดยเฉพาะในอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดีย และวิธีเดียวที่เราจะจัดการกับมันได้ก็คือการป้อนข้อมูลที่ถูกต้องให้มากที่สุด เพื่อหักล้างคำกล่าวอ้างประเภทนี้ ซึ่งในกรณีของ Nicki Minaj อาจเป็นเพราะความไร้เดียงสาที่ทำให้เธอพูดแบบนั้น” Anthony Fauci กล่าว
.
ทั้งนี้ เมื่อถูกถามว่า หน่วยงานด้านสุขภาพจะสามารถรับมือกับข้อมูลเท็จที่ถูกปล่อยออกมาบนโลกออนไลน์ได้อย่างไร ทาง Anthony Fauci ก็ยอมรับตามตรงว่ามันเป็นเรื่องยากมาก แต่ส่วนตัวเขาคิดว่าวิธีที่ดีคือการป้อนข้อมูลที่ถูกต้องเข้าไปให้เยอะที่สุด เพื่อหักล้างกับคำกล่าวอ้างผิดๆ พวกนั้น และฝากไปถึง Nicki Minaj ว่าก่อนจะเผยแพร่ข้อมูลใดๆ ก็ควรคิดทบทวนให้รอบคอบเสียก่อน
.
ภาพ: Jamie McCarthy / Getty Images
.
อ้างอิง:
https://www.nme.com/news/music/anth...-to-nicki-minajs-covid-vaccine-claims-3045998
.
อ่านเรื่องราวป๊อปๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/pop
#TheStandardPop #NickiMinaj #AnthonyFauci

 

UPDATE: เริ่มพิจารณาร่างกฎหมายป้องกันซ้อมทรมานอุ้มหาย 4 ร่าง จาก 4 ผู้เสนอ หวังประเทศไทยยกระดับคุ้มครองสิทธิสู่ระดับสากล
.
วันนี้ (15 กันยายน) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้เข้าสู่วาระการพิจารณาเรื่องด่วนที่ 3 คือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคล สูญหาย พ.ศ. ....
.
โดยก่อนการพิจารณา จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเสนอใช้ข้อบังคับต่อ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า หากวันนี้การพิจารณาไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากมีสมาชิกต้องการอภิปรายจำนวนมาก และมาพิจารณาเอาช่วงเย็น ขอให้มีการประชุมสภาต่อในวันพรุ่งนี้ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนดังกล่าว โดยชวนเห็นชอบด้วย และขณะเดียวกันมีร่างกฎหมายลักษณะเดียวกันถูกเสนอเข้าสู่สภาอีก 3 ร่าง รวม 4 ร่าง จึงให้นำมาพิจารณาในคราวเดียวกัน จากนั้นได้เปิดให้ผู้เสนอร่างได้นำเสนอหลักการของกฎหมาย
.
สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำเสนอหลักการและเหตุผลในร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ต่อที่ประชุมว่า การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่ไม่อาจกระทำได้ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใด ดังนั้น เพื่อยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย จึงสมควรที่จะกำหนดความผิด มาตรการป้องกันและปราบปราม รวมถึงมาตรการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหาย ให้สอดรับกับอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน การปฏิบัติ หรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรี และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ
.
ขณะเดียวกัน ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ ฉบับดังกล่าว ยังได้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 ในประเด็นยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม และประเด็นยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาการบริหารจัดการภาครัฐ โดยร่าง พ.ร.บ. จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างหลักประกันด้านสิทธิมนุษยชนแก่ประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคี จึงจำเป็นต้องตรา พ.ร.บ. นี้
.
ด้าน กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส. จังหวัดนราธิวาส พรรคประชาชาติ ได้นำเสนอหลักการและเหตุผลของร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ ฉบับของพรรคประชาชาติว่า การทรมานเป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีมนุษย์ ที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่ไม่อาจยกเว้นให้กระทำได้ไม่ว่าสถานการณ์ใดๆ โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติให้รัฐมีหน้าที่คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของบุคคลจากการถูกค้นตัว จับคุมขัง หรือกระทำใดที่กระทบกระเทือนต่อสิทธิและเสรีภาพเกินสมควรแก่เหตุผลที่กฎหมายกำหนดจะกระทำมิได้ จึงจำเป็นจะต้องมีบทบัญญัติที่กำหนดฐานความผิดเฉพาะ และมาตรการป้องกันปราบปรามเยียวยาผู้เสียหาย รวมถึงมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นจะเป็นการยกระดับการคุ้มครองหลักสิทธิมนุษยชนของไทยให้สอดคล้องกับระดับสากล
.
กมลศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ตนในฐานะผู้เสนอร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ รู้สึกดีใจที่สามารถเสนอร่างกฎหมายได้ก่อนปิดสมัยประชุม ซึ่งหากร่างกฏหมายดังกล่าวไม่สามารถพิจารณาได้ในสมัยประชุมนี้ มองว่าการเมืองในปัจจุบันหากมีการยุบสภา กฎหมายดังกล่าวก็จะตกไป ตนในฐานะ ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้ยินเสียงสะท้อนเข้ามาอย่างหนาหูว่าเป็นดินแดนแห่งการซ้อมทรมานและบังคับใช้กฎหมายพิเศษมาตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา
.
“การซ้อมทรมานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าได้เกิดวิวัฒนาการซ้อมทรมานมาโดยตลอด ซึ่งต้องขอบคุณผู้กล้าหาญที่กล้านำคลิปวิดีโอการซ้อมทรมานที่จังหวัดนครสวรรค์มาเปิดเผย ทำให้รัฐบาลต้องรีบเร่งเสนอกฎหมายเข้าสู่สภา โดยวันนี้การซ้อมทรมานไม่ใช่เพียงการคลุมถุงดำเท่านั้น ยังมีอีกหลายกรณี ซึ่งการคลุมถุงดำวันนี้ไม่ใช่ถุงดำแห้งแบบปกติแล้ว ถุงดำเปียกก็มี หรือการถอดเสื้อผ้าในห้องเย็น ก็เป็นลักษณะหนึ่งที่ซ้อมทรมานและเกิดขึ้นจริงในสังคมนี้ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะเป็นเกราะป้องกันสิทธิมนุษยชน และทำให้หลักนิติธรรมเกิดรูปธรรมและเป็นจริงในทางปฏิบัติได้” กมลศักดิ์กล่าว
.
ด้าน สุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำเสนอร่างกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายของพรรคประชาธิปัตย์ โดยกล่าวว่า การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายถือเป็นการกระทำที่ทารุณโหดร้ายและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เกี่ยวกับการทรมานหรือสูญหาย จะเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อให้ได้มาซึ่งคำรับสารภาพ หรือบังคับให้เป็นพยาน หรือกรณีอุ้มหายผู้มีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง โดยการทำให้หายตัวไป สำหรับประเทศไทยได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับบุคคลจำนวนมากนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 ซึ่งเป็นผลของการกระทำจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะสมัยรัฐเผด็จการ เช่น กรณีการสังหารอดีตรัฐมนตรี 4 คน เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2492 ซึ่งระหว่างการย้ายที่คุมขัง อดีตรัฐมนตรีได้ถูกยิงจากเจ้าหน้าของรัฐที่บริเวณสี่แยกบางเขน โดยอ้างว่าเป็นการแย่งชิงตัวจากโจรในครั้งนั้น ภายหลังจากการพิจารณาของศาล เป็นที่ชี้ชัดแล้วว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือแม่กระทั่งกรณีของ เตียง ศิริขันธ์ อดีตรัฐมนตรี 3 สมัย ที่ถูกอุ้มฆ่าบริเวณป่าจังหวัดกาญจนบุรี หรือกรณีของ หะยีสุหลง โต๊ะมีนา ที่ได้หายไปพร้อมกับลูกชาย และอีกหลายกรณีมากมาย เป็นต้น ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากกระบวนการยุติธรรมที่ขาดความสม่ำเสมอและมีหลายมาตรฐาน และยังขาดกลไกความรับผิดชอบและกฎหมายโดยตรง ไม่มีกลไกการตรวจสอบและการควบคุมการกระทำความผิดพิเศษในการรับมือกับความซับซ้อนของคดี จึงจำเป็นต้องพิจารณากฎหมายดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้กับประชาชน
.
ส่วน อาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส. จังหวัดยะลา พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งนำเสนอหลักการและเหตุผลในร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การกระทำให้สูญหายโดยเจ้าหน้าที่ภาครัฐจะต้องถูกลงโทษ การกำหนดให้มีกลไกป้องกันตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นญาติ ทนายความ หรือผู้มีส่วนได้เสีย มีสิทธิร้องขอเปิดเผยข้อมูลของผู้ที่ถูกควบคุมตัวได้ ให้ศาลสามารถตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ และกำหนดวิธีเยียวยาความเสียหายหลังจากการไต่สวน หากมีมูลเหตุในการกระทำความผิดจริงสามารถกำหนดการเยียวยาโดยคณะกรรมการที่บัญญัติในกฎหมายได้ รวมถึงมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายอย่างเร่งด่วนได้ทั้งร่างกายและจิตใจ
.
ขณะเดียวกัน ในร่างกฎหมายได้บัญญัติให้คดีความที่เกี่ยวกับการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหายไม่มีอายุความ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต้องสืบสวนจนกว่าจะรู้ชะตากรรมของผู้ถูกอุ้มหาย และสอบสวนคดีสูญหายอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะพบตัวหรือเชื่อว่าบุคคลนั้นถึงแก่ความตายด้วย
.
“รวมทั้งกำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบข้อร้องเรียนและกำหนดนโยบาย รวมถึงกรอบในการเยียวยาดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำความผิดทรมานและสูญหาย ซึ่งสัดส่วนคณะกรรมการต้องประกอบไปด้วย ผู้แทนของรัฐ อดีตผู้เสียหาย ผู้แทนภาคประชาสังคม ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิสูจน์หลักฐาน นักกฎหมายและนักสิทธิมนุษยชนเป็นองค์ประกอบ” อาดิลันกล่าว
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co
#TheStandardNews

 

นายกฯ ตรวจน้ำท่วมชัยนาท รับฟังความเห็น ส.ส. ในพื้นที่ บอกทุกคนคือตัวแทนของประชาชน ไม่มีการแบ่งแยก
.
วันนี้ (15 กันยายน) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี, อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง, ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. ลงพื้นที่จังหวัดชัยนาทตรวจสถานการณ์น้ำในเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อเตรียมรับน้ำเหนือหลากและวางแผนป้องกันพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง เขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท
.
เมื่อนายกรัฐมนตรีมาถึงยังเขื่อนเจ้าพระยา ได้รับฟังการรายงานสถานการณ์ รวมไปถึงเส้นทางน้ำที่จะเข้ามายังเขื่อนเจ้าพระยาและพื้นที่เสี่ยงจุดรับน้ำต่างๆ โดยได้มีการแจ้งเตือนให้ประชาชนมีการยกของขึ้นที่สูง
.
ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่า วันนี้ได้มาเยี่ยมชาวชัยนาท ซึ่งนายกฯ คณะรัฐมนตรี และรัฐบาล มีความห่วงใยทั้งจังหวัดชัยนาทและพื้นที่ใกล้เคียงที่มีผลกระทบร่วมกัน ซึ่งวันนี้ตนได้รับฟังคำชี้แจงจาก สทนช. ซึ่งเป็นผู้บริหารน้ำภาพรวมของทั้งประเทศ รับฟังคำชี้แจงจากผู้ว่าราชการจังหวัด รวมไปถึงรับฟังความคิดเห็นต่างๆ จากบรรดา ส.ส. ในพื้นที่ ให้รับทราบว่ารัฐบาลมีความห่วงใยอย่างไร เพราะทุกคนคือตัวแทนของประชาชนทั้งสิ้น ตนไม่มีการแบ่งแยกกับใครทั้งสิ้น เพราะเป็นรัฐบาลที่ต้องบริหารทั้งประเทศ ต้องดูแลคนทั้งประเทศอยู่แล้ว ซึ่งก็ต้องพิจารณาตามลำดับความเร่งด่วนของการทำงาน ส่วนนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการในเรื่องเหล่านี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย ตามระเบียบทุกประการ จะต้องไม่มีการทุจริต ต้องโปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อให้ตรงต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่บอกไปแล้ว
.
พล.อ. ประยุทธ์ ยังระบุอีกว่า วันนี้ตนก็มีความพอใจที่ทางฝ่ายการบริหารได้ชี้แจงตนทั้งหมด ทั้งน้ำทางตอนเหนือ ตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง ซึ่งมีการตัดยอดน้ำออกไปยังพื้นที่ด้านข้าง จนกระทั่งมวลน้ำเหลือมายังพื้นที่นี้ และหากมีการระบายน้ำในพื้นที่นี้ลดลง แต่สูงสุดไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เมตร เพราะหากสูงจากนี้จะส่งผลกระทบในพื้นที่ลุ่มต่ำ วันนี้ตนก็ได้สั่งเน้นย้ำให้ดำเนินการกำจัดวัชพืชที่ขวางทางน้ำ ซึ่งเขาก็กำลังดำเนินการอยู่ ยอมรับว่าเป็นอย่างนี้มาทุกปี แหล่งกำเนิดอยู่จากบนฝั่ง จากแหล่งน้ำขนาดเล็ก คูคลองไหลมารวมกันในแม่น้ำ ซึ่งต้องกำจัดต่อไปเป็นระยะ
.
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขอฝากความห่วงใยไปยังประชาชนทุกคน แม้ว่าวันนี้จะไม่มีโอกาสพบกันอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด สิ่งที่ต้องระมัดระวังที่สุดตอนนี้คือโควิด โดยต้องเน้นย้ำมาตรการ DMHTT สวมหน้ากากอนามัย
.
ส่วนแผนเผชิญเหตุในการบริหารจัดการน้ำในครั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ เปิดเผยว่า ได้มีการเตรียมการในช่วงหน้าฝนและเผื่อหน้าแล้งไปด้วย นี่เขาเรียกว่าแผนเผชิญเหตุ ไม่ใช่ว่าระบายน้ำพอให้ไม่ท่วม แล้วนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่ใช่ ทุกคนมีบทเรียนมาแล้วในการระบายน้ำเมื่อปี 2554 ส่วนปี 2563 ก็อีกเรื่องหนึ่งปริมาณน้ำฝนมากพายุเข้าก็เรื่องธรรมดา พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีความเสี่ยง ซึ่งหากปริมาณน้ำตรงนี้มากก็จะไปท่วมบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยในวันนี้ต้องมีการเตรียมพื้นที่สำรองกักเก็บน้ำ ทั้งธรรมชาติและที่สร้างไว้ ขณะเดียวกันต้องมีการเตรียมแผนในกรณีที่มีการชำรุด โดยมีการประสานกับกระทรวงกลาโหมใช้เฮลิคอปเตอร์ในการทิ้งตะกร้า ทิ้งหินลงมา เพื่อให้กันน้ำได้ชั่วคราว
.
โดยในช่วงท้าย พล.อ. ประยุทธ์ ยังระบุอีกว่า สิ่งที่พูดวันนี้ก็คือเรื่องของการเกษตร ก็ต้องมีการปรับพื้นที่ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในวันนี้ให้ไม่มากเกินไป ไม่ให้น้อยเกินไป เพราะฉะนั้นทุกคนต้องปรับตัวเองด้วย รัฐบาลพยายามคิดใหม่ทำใหม่ ต้องกล้าคิดกล้าทำกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง เราถึงจะพลิกโฉมประเทศไทยได้ เข้าใจหรือไม่ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน ขอให้สู้ๆ
.
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยระหว่างที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์อยู่นั้น ได้มีอาการจามออกมาเป็นระยะ โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า ไม่ได้ป่วยเป็นอะไร ได้ตรวจโรคแล้ว ตนแพ้อากาศ เพราะที่นี่อากาศชื้น
.
ขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำเก็บกักรวม 9,800 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุอ่าง ในปัจจุบันสามารถรองรับน้ำได้อีก 15,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แยกเป็นพื้นที่ 4 เขื่อน โดยปัจจุบันเขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำกว่าล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 38 ของความจุอ่าง สามารถรองรับน้ำได้อีก 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำ 3,834 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 40 ของความจุอ่าง สามารถรับน้ำได้อีก 5,646 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งทั้งสองเขื่อนนี้อยู่เหนือเขื่อนลุ่มน้ำเจ้าพระยา ส่วนอีก 2 เขื่อนหลัก ซึ่งเป็นเขื่อนใหญ่ ของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนมีปริมาณน้ำอยู่ 537 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 51 ของความจุอ่าง รับน้ำได้อีก 400 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ปริมาณน้ำ 255 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 20 ของความจุอ่าง รับน้ำได้อีก 705 ล้านลูกบาศก์เมตร
.
ภาพ: สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co
#TheStandardNews

 

UPDATE: การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เดินหน้ามาสเตอร์แพลนเพิ่มความมั่นคงระบบไฟฟ้า เปลี่ยนเบตงเป็นเมืองไร้สายเปลือย
.
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA เปิดแผน Road Map to Strong Grid และจัดทำมาสเตอร์แพลนเพื่อปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง มุ่งสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้า โดยเปลี่ยนสายเปลือยเป็นสายหุ้มฉนวนทั้งเมืองเบตง รวมระยะทางที่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว 22 วงจรกิโลเมตรจากทั้งหมด 444 วงจรกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 5 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนบ้านอัยเยอร์ซอ บ้านเหมือง บ้านไทรัฐ บ้านสวนผัก และชุมชนบ้านกะลาพอ ซึ่งมีผู้ใช้ไฟฟ้าประมาณ 22,000 ราย
.
“โครงการ Road Map to Strong Grid มีกิจกรรมที่ต้องดำเนินการทั้งหมด 11 กิจกรรม กิจกรรมหลักที่จะเพิ่มความมั่นคงในการจ่ายไฟเพื่อเป็นแผนที่นำทางให้พนักงานการไฟฟ้าฯ แก้ปัญหาไฟดับ เรื่องแรกคือเพิ่มประสิทธิภาพการตัดต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ทุเรียน สะตอ ที่อยู่บริเวณระบบจำหน่าย ได้ให้พนักงานช่วยลาดตระเวนดูแลการตัดแต่งต้นไม้ให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยต่อประชาชนในพื้นที่ สองคือเพิ่มประสิทธิภาพป้องกันสัตว์ ทั้ง Snake Guard ป้องกันงูเลื้อยขึ้นเสา และ Bird Guard ป้องกันนก สุดท้ายกิจกรรมที่ทำให้เกิดความยั่งยืน คือการเปลี่ยนสายเปลือยที่เสื่อมสภาพเป็นสายฉนวน ซึ่งจะทำให้ระบบจำหน่ายมีความมั่นคงโดยใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง เราก็จัดทำมาสเตอร์แพลน ดำเนินการในปี 2565 และต่อๆ ไป” พนมวังก์ นิลพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและบำรุงรักษา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคใต้) จังหวัดยะลา กล่าว
.
ในพื้นที่ความดูแลของการไฟฟ้าฯ เบตง มีสายไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพประมาณ 50% โดยในปี 2563 ปัญหาไฟดับและกระแสไฟฟ้าขัดข้องมีสาเหตุจากต้นไม้ที่อยู่ใกล้แนวสายไฟฟ้ากว่า 30% และสัตว์อีก 30%
.
#การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
.
[PR NEWS]

 

UPDATE: กทม. เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ท่องเที่ยวได้ทุกเขต เริ่ม 15 ตุลาคมนี้
.
วันนี้ (15 กันยายน) พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยหลังการหารือกับ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ถึงแผนการเตรียมเปิดพื้นที่ กทม. ในการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
.
โดย กทม. มีความพร้อมที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ในขณะนี้การฉีดวัคซีนในพื้นที่ กทม. ยังไม่ครบตามเกณฑ์ 70% ทุกเขต ซึ่งคาดว่าต้นเดือนตุลาคมนี้ประชาชนในพื้นที่จะได้รับวีคซีนครบทุกเขต ประกอบกับต้องเว้นระยะเวลาการฉีดวัคซีนเข็ม 2 ของ AstraZeneca ที่ใช้เวลา 8-12 สัปดาห์ จึงสรุปร่วมกันว่า กทม.จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วมาเที่ยวไทยได้ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
.
โดยจะเปิดให้เที่ยวพร้อมกันทุกเขตใน กทม. เพื่อความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว ส่วนอีก 4 จังหวัด คือ หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี, อำเภอเมือง อำเภอแม่ริม อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอบางละมุง (พัทยา) อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พร้อมเปิด 1 ตุลาคมนี้ พื้นที่ไหนพร้อมก็เดินหน้าเปิดไปก่อน
.
หมายเหตุ: แก้ไขเนื้อหาล่าสุดเวลา 19.48 น.
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co
#TheStandardNews

 

UPDATE: อภ. เผยบริษัทซิลลิคฯ แจ้งส่งมอบวัคซีน Moderna ล็อตแรก กลาง ต.ค.นี้ ทยอยส่งสัปดาห์ละ 3 แสนกว่าโดส
.
วานนี้ (14 กันยายน) องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จัดประชุมติดตามความคืบหน้าการส่งมอบวัคซีน Moderna ร่วมกับบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จํากัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายและนำเข้าวัคซีน Moderna และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน โดยบริษัทซิลลิคฯ ได้แจ้งความคืบหน้าว่าด้วยกฎเกณฑ์การส่งมอบที่ต้องดำเนินการตามแนวทางของบริษัทผู้ผลิตต่างชาติ และเป็นแนวทางเดียวกันกับทุกประเทศที่สั่งซื้อวัคซีน Moderna ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความต้องการวัคซีนจำนวนมาก
.
โดยวัคซีน Moderna จำนวน 1,958,400 ล้านโดส ผู้ผลิตจะสามารถส่งมอบล็อตแรกถึงไทยประมาณกลางเดือนตุลาคมนี้ และจะทยอยส่งสัปดาห์ละ 3 แสนกว่าโดส ต่อเนื่องทุกสัปดาห์จนครบในไตรมาส 4/64 ส่วนที่เหลืออีกกว่า 3 ล้านโดส บริษัทจะได้เร่งทยอยส่งมอบจนจบดีลไม่เกินเดือนมีนาคม 2565
.
ทั้งนี้ ในแต่ละครั้งที่ส่งมอบ บริษัทซิลลิคฯ จะส่งวัคซีนให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อตรวจสอบคุณภาพตามกระบวนการ โดยใช้เวลาอีก 3-5 วัน ก่อนกระจายวัคซีนไปยังโรงพยาบาลเอกชนต่อไป
.
ในส่วนของการจัดสรรจำนวนวัคซีนที่บริษัทซิลลิคฯ นำเข้ามาในแต่ละครั้ง อภ. จะจัดสรรตามสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ของยอดโควตาที่มีการจองเข้ามาเป็นหลัก ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนและสภากาชาดไทย โดยจะแจ้งให้โรงพยาบาลทราบล่วงหน้า เพื่อให้โรงพยาบาลแต่ละแห่งกำหนดเวลาบริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่สั่งจองต่อไป
.
บริษัทซิลลิคฯ ยังได้ยืนยันว่า การดำเนินงานร่วมกับ อภ. และสมาคมโรงพยาบาลเอกชนในการนำเข้าและส่งมอบวัคซีนวัคซีน Moderna นับเป็นพันธสัญญาแรกในประเทศไทย ดังนั้น กำหนดการส่งมอบจึงเป็นไปตามลำดับการสั่งซื้อกับผู้ผลิต (First Come First Serve) โรงพยาบาลเอกชนจึงมั่นใจได้ว่าจะมีวัคซีนฉีดให้ผู้สั่งจองตามกำหนดการตามแผนแน่นอน
.
อภ. และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้ติดตามความคืบหน้าการนำเข้าวัคซีนจากบริษัทซิลลิคฯ อย่างต่อเนื่อง และหลังจากนี้จะได้กระชับการติดตามให้มากขึ้นเนื่องจากใกล้เวลาการส่งมอบ ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องดำเนินงานในกระบวนการอีกหลายอย่าง อีกทั้งได้พยายามเร่งรัดให้บริษัทซิลลิคฯ ส่งมอบวัคซีนทางเลือกมาให้บริการกับประชาชนไทยให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยบริษัทซิลลิคฯ จะรายงานข้อมูลความคืบหน้าให้ อภ. และสมาคมโรงพยาบาลเอกชนทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้แจ้งความคืบหน้าให้สาธารณชนรับทราบต่อไป
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co
#TheStandardNews

 

UPDATE: แรงงานอพยพบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา วอนไทยเร่งช่วยเหลือเรื่องวัคซีน เพื่อรับมือวิกฤตโควิด
.
วานนี้ (14 กันยายน) สำนักข่าวต่างประเทศอย่าง Al Jazeera รายงานถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โดยแรงงานผู้อพยพบริเวณดังกล่าววอนไทยเร่งช่วยเหลือด้านวัคซีนและการเข้าถึงบริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานเพื่อรับมือวิกฤตโควิด หลังโรคระบาดทยอยพรากงาน พรากอาชีพ พรากชีวิตของผู้คนกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ตรวจพบผู้ป่วยโควิดรายแรกของแม่สอดในช่วงเดือนเมษายน ปี 2020
.
หลังจากที่เชื้อโควิดกลายพันธ์ุสายพันธุ์เดลตาระบาดอย่างหนักในไทย ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้พื้นที่หลายจังหวัดที่มีชายแดนติดกับเมียนมาประกาศล็อกดาวน์ จำกัดการเดินทางเข้า-ออกเข้มงวดขึ้น โรงเรียนสอนเด็กอพยพชาวต่างชาติที่ Hnin Hnin คุณครูจากเมียนมาทำการสอนอยู่ จำเป็นต้องปิดการเรียนการสอนชั่วคราว
.
Hnin Hnin เล่าว่า เพื่อนของเธอติดโควิดกันหลายคน และต้องจบชีวิตลงในท้ายที่สุดเนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ อีกทั้งยังเป็นห่วงนักเรียนของเธอถึงประเด็นด้านความปลอดภัยและความเสี่ยงที่อาจจะหลุดออกจากระบบการศึกษาที่เธอดูแลอยู่ เพื่อไปทำงานใช้แรงงาน
.
“ผู้คนจำนวนมากเริ่มทยอยเสียชีวิต เพื่อนฉันหลายคนเสียชีวิตจากโควิด เชื้อแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่ของแม่สอด เพื่อนของฉันคนหนึ่งเธอติดเชื้อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่เธอไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยเลย ท้ายที่สุดเธอคนนั้นก็เสียชีวิตลงที่บ้านพักของตัวเองในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม”
.
ในช่วงที่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ ผู้คนสูญเสียเงินและรายได้เป็นจำนวนมาก บางรายรับค่าจ้างรายวัน ส่งผลกระทบโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เงินช่วยเหลือที่ได้รับมากำลังหร่อยหรอลงทุกขณะ จนแทบจะไม่พอซื้ออาหารให้เพียงพอในแต่ละวัน
.
แรงงานต่างชาติจำนวนมากและผู้อพยพลี้ภัยอีกกว่า 90,000 ราย ที่อยู่บริเวณแนวชายแดนกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทาย หลายชีวิตกำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตราย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของแรงงานอพยพ จึงวอนให้ไทยเร่งให้ความช่วยเหลือคนกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นโดยเร็ว
.
“ปัญหาคือ ถ้าคุณเป็นคนไทย คุณจะเข้ารับการฉีดวัคซีนฟรี แต่สำหรับแรงงานอพยพ เราไม่สามารถเข้ารับวัคซีนได้ แม้ว่าเราจะจ่ายเงินค่าวัคซีน ฉันคิดว่าจะมีคนเสียชีวิตอีก ถ้าพวกเขาไม่สามารถเข้ารับบริการทางด้านสาธารณสุขได้”
.
ทางด้านสำนักข่าวของเมียนมาอย่าง The Irrawaddy รายงานว่า รัฐบาลไทยเริ่มฉีดวัคซีนโควิดให้กับแรงงานอพยพบางส่วนบริเวณอำเภอแม่สอดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คาดว่ายังมีแรงงานอพยพอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังรอความช่วยเหลืออยู่ในขณะนี้
.
แฟ้มภาพ: Chaiwat Subprasom / Reuters
.
อ้างอิง:
https://www.aljazeera.com/news/2021...-plead-for-vaccines-as-covid-takes-lives-jobs
https://www.irrawaddy.com/news/burma/myanmar-migrant-workers-in-mae-sot-get-free-covid-19-jabs.html
.
บทความที่เกี่ยวข้อง:
ภาพรวมประเทศในอาเซียนฉีดวัคซีนโควิดไปถึงไหนแล้ว โดย Our World in Data อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/our-world-in-data-covid-19-vaccination/
สำรวจแนวทางการใช้วัคซีน mRNA เป็น ‘วัคซีนเข็มที่ 3’ ในประเทศที่ใช้วัคซีน Sinovac อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/exploring-guidelines-for-using-mrna-vaccine-as-a-third-dose-vaccine/
เปรียบเทียบประสิทธิภาพล่าสุด วัคซีน Sinovac vs. Pfizer-BioNTech ในชิลี อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/efficacy-comparison-of-sinovac-vs-pfizer-biontech-vaccine-in-chile/
โควิด-19 กลายพันธ์ุสายพันธ์ุต่างๆ มีชื่อเรียกใหม่ว่าอย่างไร อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/new-name-covid-19-in-diferrent-species/
สำรวจราคาวัคซีนต้านโควิด-19 ในประชาคมโลก โดสละเท่าไร เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/price-survey-of-covid-19-vaccine/
ผลข้างเคียงวัคซีนต้านโควิด-19 ในประชาคมโลก อาการเป็นอย่างไรบ้าง อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/side-effects-of-the-covid-19-vaccine-2/
เช็กประสิทธิภาพวัคซีนต้านโควิด-19 ล่าสุด อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/coronavirus-vaccine-potential-update/
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co
#TheStandardNews #โควิด19 #COVID19 #โควิด19วันนี้

 

UPDATE: เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 2 ลูกไปตกในทะเลญี่ปุ่น ทำคาบสมุทรตึงเครียดอีกระลอก
.
กองทัพเกาหลีใต้ยืนยันว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธ 2 ลูกข้ามชายฝั่งตะวันออกของประเทศในวันนี้ (15 กันยายน) ท่ามกลางความตึงเครียดระลอกใหม่ในคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ ของญี่ปุ่น ระบุว่า การกระทำดังกล่าวคุกคามสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค
.
คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้เผยว่า ขีปนาวุธสองลูกถูกปล่อยจากพื้นที่ตอนกลางของเกาหลีเหนือ และบินมุ่งหน้าไปทางตะวันออกสู่ทะเลญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในชื่อทะเลตะวันออก โดยถือเป็นการทดสอบอาวุธนำวิถีครั้งที่ 2 ในรอบไม่กี่วัน หลังจากเพิ่งทดสอบจรวดร่อนพิสัยไกลรุ่นใหม่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
.
การยิงขีปนาวุธในวันนี้เป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ ซึ่งเดินทางในอากาศราว 800 กิโลเมตร และไต่ระดับสูงสุดที่ 60 กิโลเมตร ขณะที่กองทัพเกาหลีใต้เตรียมพร้อมเต็มที่และกำลังร่วมมือกับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด
.
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ระบุว่า การยิงขีปนาวุธครั้งนี้ยังไม่ก่อภัยคุกคามในทันทีต่อบุคลากรหรือดินแดนของสหรัฐฯ รวมทั้งพันธมิตรของสหรัฐฯ
.
ทั้งนี้การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือนั้นถือเป็นการฝ่าฝืนมติของสหประชาชาติที่ต้องการจำกัดกิจกรรมนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ขณะที่ขีปนาวุธดังกล่าวสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเกาหลีเหนือพยายามพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลที่สามารถเดินทางได้หลายพันหรือหลายหมื่นกิโลเมตร หรือที่เรียกว่าขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM)
.
ก่อนหน้านี้เกาหลีเหนืออ้างว่าได้ทดสอบขีปนาวุธ ICBM ที่สามารถเดินทางไปเกือบทุกพื้นที่ของยุโรปตะวันตกและราวครึ่งหนึ่งของแผ่นดินสหรัฐฯ ส่วนจรวดร่อนที่เพิ่งทดสอบไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นสามารถโจมตีเป้าหมายส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นได้
.
ภาพ: Yuri Smityuk / TASS via Getty Images
.
อ้างอิง:
https://www.bbc.com/news/world-asia-58554326
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co
#TheStandardNews