ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รู้จักกับปืนพก North American Arms .22 Magnums ที่บิ๊กแจ๊ด ถูกจับที่ญี่ปุ่น
    Posted by สิงห์นอกระบบ , ผู้อ่าน : 8235 , 11:29:37 น.

    ปืนพก North American Arms ขนาด .22 Magnums แบบที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ นำพาติดตัวไปจนถูกจับที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่นครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    North American Arms (NAA) "Pug" ขนาด .22 แมกนั่ม

    [​IMG]

    ปืนพกรีวอลเว่อร์ North American Arms (NAA) "Pug" ชื่อรุ่น ปั๊ก ของปืนยี่ห้อ NAA นี้มาจากภาษาลาติน Pugnus ซึ่งแปลว่า “กำปั้น” NAA ได้เน้นออกแบบปืนรุ่นนี้ใหม้มีคุณสมบัติทั้งเล็กและแรง

    NAA PUG เป็นปืนพกรีวอลเว่อร์ขนาด .22 แมกนั่ม ลำกล้องหนายาว 1 นิ้ว ด้ามยางผิวลายจุดขนาดกระทัดรัด พร้อมทั้งศูนย์ปืนออกแบบใหม่ในระบบ XS ช่วยให้จับเป้าได้เร็วยิ่งขึ้น

    ขนาดกระสุน .22 แมกนั่ม
    ความจุลูกโม่ 5 นัด
    ความยาวลำกล้อง 25.4 มม. (1 นิ้ว)
    ความยาวปืน 114.3 มม. (4 ½ นิ้ว)
    ความสูงปืน 69 มม. (2 ¾ นิ้ว)
    ความหนาปืน 22.2 มม. (7/8 นิ้ว)
    น้ำหนักปืน (ไม่บรรจุกระสุน)176 กรัม (6.4 ออนซ์)
    วัสดุสเตนเลส
    ระบบการยิงซิงเกิลแอคชั่น ง้างนกก่อนยิง
    ระบบความปลอดภัยระบบลูกโม่นิรภัย นกปืนจะอยู่ในร่องลูกโม่ที่ไม่ตรงกับท้ายปลอกกระสุน ตกไม่ลั่น ไม่มีทางที่นกปืนจะกระแทกจานท้ายปลอกกระสุนได้ถ้าผู้ยิงไม่ง้างนกก่อน
    ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล Swasdikarn.com


    [​IMG]

    GURU อาวุธปืนของไทย ดร.ผณิศวร ชำนาญเวชได้เขียนเล่าเรื่องราวรายละเอียดของปืนพกรุ่นนี้ไว้ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ดังนี้ครับ

    [​IMG]

    ลูกโม่จิ๋ว .22 แม็กนั่ม NAA Mini Revolver | เดลินิวส์
    รู้ลองเลือกปืน ลูกโม่จิ๋ว .22 แม็กนั่ม NAA Mini Revolver นอร์ท อเมริกัน อาร์มส์ (North American Arms : NAA) เป็นบริษัทระดับ SME ตั้งอยู่ที่เมืองโพรโว รัฐยูท่าห์ (Provo, Utah) ในสหรัฐ

    ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1971 แต่เดิมใช้ชื่อ Rocky Mountain Arms วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2557 เวลา 0:00 น. นอร์ท อเมริกัน อาร์มส์ (North American Arms : NAA) เป็นบริษัทระดับ SME ตั้งอยู่ที่เมืองโพรโว รัฐยูท่าห์ (Provo, Utah) ในสหรัฐ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1971 แต่เดิมใช้ชื่อ Rocky Mountain Arms อยู่เพียงสองปีก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบัน

    เครื่องหมายการค้าเป็นรูปนกอินทรีหัวขาว (Bald Eagle) ที่เป็นนกประจำชาติของสหรัฐ อเมริกา ยี่สิบปีแรกของบริษัท NAA ผลงานไม่เด่นชัด ส่วนใหญ่เป็นปืนย้อนยุค เช่น ปืนประจุปาก ปืนพกเล็กลำกล้องแฝดแบบเดอริงเยอร์ เป็นต้น ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ฟรีดอม อาร์ม (Freedom Arms) จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1978 ทำปืนลูกโม่ขนาดจิ๋ว ฝังไว้กับหัวเข็มขัด มอง ผ่าน ๆ เหมือนเป็นภาพสลักนูนขึ้นไม่ใช่ปืนจริง ในปี ค.ศ. 1983 เบนเข็มไปผลิตปืนลูกโม่ซิงเกิลแอ๊คชั่นตัวใหญ่ใช้งานจริง เริ่มจากขนาดกระสุนแรงสุดของยุคนั้น คือ .454 Casull ซึ่งเป็นผลงานออกแบบของ Richard J. Casull ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ฟรีดอม อาร์ม คนหนึ่ง หลังจากนั้นสามปีจึงเพิ่มขนาด .45 Long Colt และ .44 แม็กนั่ม ลูกโม่โครงใหญ่ของ ฟรีดอม อาร์ม เน้นคุณภาพระดับสูง สร้างชื่อว่าเป็นลูกโม่ซิงเกิลที่ยิงได้แม่นยำที่สุดในตลาด สร้างยอดขายและกำไรแซงหน้าปืนจิ๋วไปหลายเท่าตัว บริษัทจึงตัดสินใจเลิกผลิตลูกโม่จิ๋วในปี ค.ศ. 1990 โดยขายแบบให้กับ NAA ที่รับไปเป็นผลิตภัณฑ์หลัก ทำอยู่รายเดียวในโลกไม่มีคู่แข่ง

    กลไกของลูกโม่จิ๋ว NAA เป็นแบบซิงเกิลแอ๊คชั่น คือ ต้องง้างนกก่อนยิงแต่ละนัด ปืนลูกโม่ซิงเกิลในยุคแรกไม่มีระบบความปลอดภัย ผู้ใช้จะเว้นช่องโม่ว่างไว้หนึ่งช่องไม่บรรจุกระสุน เมื่อพกพาจะลดนกลงในช่องว่างนี้ จากที่บรรจุได้หกนัดก็บรรจุเพียงห้านัด แต่สำหรับปืนลูกโม่จิ๋ว ทางโรงงานเพิ่มช่องล็อกนกสับไว้รอบขอบโม่ สับหว่างกับช่องบรรจุกระสุน ในการพกพาสามารถลดนกลงในช่องนี้ ซึ่งจะเป็นการล็อกตัวโม่ไปด้วย ปืนปลอดภัยเต็มที่ การบรรจุกระสุน เริ่มจากง้างนกมาตำแหน่งครึ่งทาง กดปุ่มปลดล็อกที่ปลายก้านคัดปลอกใต้ลำกล้อง ดึงก้านคัดปลอกออกด้านหน้า ตัวโม่จะหลุดออกจากโครงปืน บรรจุกระสุนเข้าในช่องโม่ ใส่โม่กลับเข้าตัวปืน เสียบก้านคัดปลอกกลับเข้าที่ ลดนกลงในช่องล็อกไม่ให้ตรงท้ายกระสุน เมื่อต้องการยิงจึงง้างนกสุด และเมื่อยิงแล้ว ปลดโม่ออกมาคัดปลอกโดยใช้ก้านคัดปลอกแยงออกทีละช่อง ตัวปืนเล็ก ด้ามสั้น ทำให้การจับยิงแตกต่างจากปืนทั่วไป ถ้ายิงมือเดียวใช้นิ้วกลางเกี่ยวหน้าด้าม นิ้วโป้งยันหลังด้าม เหนี่ยวไกด้วยข้อที่สองของนิ้วชี้ น้ำหนักไกวัดได้สามปอนด์ ซึ่งเบากว่าปืนโรงงานทั่วไปของยุคนี้

    กระสุน .22 แม็กนั่มยิงจากตัวปืนที่น้ำหนักเบาเพียง 165 กรัม (พอ ๆ กับนาฬิกาข้อมือหน้าปัดใหญ่) จะสะบัดพอสมควร ถ้ายิงสองมือสิ่งแรกที่ต้องระวังคืออย่าให้นิ้วยื่นเกินหน้าโม่ จะถูกเปลวไฟลวกเมื่อกระสุนลั่น ใช้นิ้วโป้งซ้ายยันหลังด้าม เพิ่มความหนาให้มือขวาจับถนัดขึ้น ฝ่ามือซ้ายรองใต้สันมือขวา แม้ว่าชื่อกระสุนจะเป็น “แม็กนั่ม” แต่ก็อยู่ในระดับลูกกรดชนวนริม หัวกระสุน 40 เกรน ถ้ายิงจากปืนยาวได้ความเร็วกว่า 2,000 ฟุต/วินาที พลังงาน 360 ฟุต-ปอนด์ ยิงจากปืนสั้นลำกล้อง 4 นิ้ว ความเร็วเหลือประมาณ 1,300 ฟุต/วินาที ได้พลังงาน 150 ฟุต-ปอนด์ และเมื่อยิงจากลูกโม่จิ๋วลำกล้องนิ้วเศษ เหลือความเร็วไม่ถึง 1,000 ฟุต/วินาที พลังงานระดับ 80 ฟุต-ปอนด์ ใกล้เคียงกับลูกกรดธรรมดายิงจากลำกล้อง 4-6 นิ้ว ยังเป็นอาวุธปืนเต็มสภาพ ไม่ใช่ของเล่น

    โดยรวม ลูกโม่จิ๋วของ NAA เป็นปืนสะสม ประ ณีตสวยงาม วัสดุ เป็นสเตนเลสล้วน ทนทานดูแลง่าย ตัวเล็กมากพกซ่อนได้มิดชิด แต่ก็ทำให้จับและเล็งยิงค่อนข้างยาก

    กระบอกตัวอย่างนี้แกะลาย คร่ำทองสวยงามเป็นพิเศษ ใช้กระสุน .22 แม็กนั่ม พออาศัยเป็นเขี้ยวเล็บชิ้นสุดท้ายได้ในระยะไม่เกินมือเอื้อม เมื่อยิงเสียงจะดังมาก และมีไฟพ่นยาว ใช้ยิงไล่แบบข่มขวัญจากระยะห่างออกไปได้ดี

    ถ้าต้องการยิงเล่นควรเลือกขนาด .22 LR ที่กระสุนราคาถูกกว่า หาซื้อได้ตามสนามซ้อมยิงปืนทั่วไป และมีรุ่นที่ลำกล้องยาวกว่านี้ ติดศูนย์หน้าหลังให้เล็งหวังผลได้สะดวกขึ้น.

    ข้อมูลสรุปNorth American Arms:Mini Revolver ลักษณะตัวปืน ลูกโม่ซิงเกลแอ๊คชันตัวเล็กพิเศษ ขนาดกระสุน .22 WMR โม่จุ 5 นัด

    มิติตัวปืน ยาว x สูงxหนา =121x73x22 มม.

    ลำกล้องยาว 29 มม.

    น้ำหนัก 165 กรัม (5.8 ออนซ์)

    แรงเหนี่ยวไก 1,350 กรัม (3 ปอนด์)

    วัสดุ เหล็กสเตนเลส ด้ามไม้ อื่น ๆ มาพร้อมซองพกและกระเป๋า

    ลักษณะใช้งาน ปืนพกซ่อน, สะสม

    ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช

    ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล ลูกโม่จิ๋ว .22 แม็กนั่ม NAA Mini Revolver | เดลินิวส์



    ปืนพกรุ่นนี้มีขนาดเล็กจนสามารถเก็บได้



    ในหัวเข็มขัด (ตามรูป)

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เผยคลื่นยักษ์จากขั้วโลกใต้เข้าไทย "รอยล" ชี้ช่วยเพิ่มน้ำในเขื่อน-แนะหาแหล่งน้ำสำรอง updated: 23 มิ.ย. 2558 เวลา 17:21:39 น.

    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. นายรอยล จิตรดอน ผอ.สถาบันสารสนเทศน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) (สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริเวณกลางทะเลในขั้วโลกใต้เกิดคลื่นสูงขนาด 10-12 เมตร โดยคลื่นลูกดังกล่าวเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ หรือไคลเมทเชนจ์ ตรวจสอบพบว่าคลื่นลูกนี้กำลังเคลื่อนที่ไปใน 2 ทิศทาง คือเคลื่อนที่อ้อมทางด้านใต้ของทวีปออสเตรเลีย แล้ววกเข้าทางมหาสมุทรแปซิฟิก อีกทิศทางหนึ่งคือเคลื่อนที่มาทางมหาสมุทรอินเดีย เข้ามาทางภาคตะวันตกของประเทศไทย โดยจะหอบเอาความชื้นและฝนจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้เข้ามาพร้อมกัน โดยลมมรสุมดังกล่าวจะเข้าสู่ประเทศไทยทางภาคตะวันตก ซึ่งจะส่งผลให้ จ.ระนอง กาญจนบุรี และตาก เกิดฝนตกหนัก ถึงหนักมากติดต่อกัน อีก 2-3 วัน
    คลื่นลมดังกล่าวจะเข้ามาถึงประเทศไทยถือเป็นเรื่องดี ที่จะทำให้ฝนตกช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ได้ ทั้งนี้ การเกิดคลื่นใหญ่ในขั้วโลกมักจะเกิดขึ้นทุกปี โดยปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นช่วงกลางเดือน พ.ค. แต่ปีนี้ถือว่าล่าช้าไปมาก น่าจะเป็นเพราะเป็นปีที่เกิดเอลนีโญอากาศค่อนข้างร้อนจัด
    ผอ.สสนก. กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามความสูงของคลื่น 10-12 เมตร นั้นจะสูงบริเวณจุดกำเนิด คือกลางทะเลในบริเวณขั้วโลกใต้ ยิ่งคลื่นมีความสูงมากเท่าใด ที่มีกำลังแรงและจะหอบนำเอาความชื้นมาได้เยอะ ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักจากอิทธิพลของลมมรสุมในทิศทางที่คลื่นนั้นเคลื่อนที่ไป ซึ่งขนาดความสูงดังกล่าวนี้มีแรงส่งและพลังค่อนข้างมาก ซึ่งเมื่อเคลื่อนที่เข้าใกล้ฝั่ง ความสูงของคลื่นก็จะลดลงตามลำดับ อาจจะอยู่แต่ 2 เมตร เท่านั้น แต่อิทธิพลที่เหนี่ยวนำเอาลมมรสุมเข้ามานั้น ไม่ได้ลดลงเหมือนความสูงของคลื่น
    นายรอยลยังกล่าวถึงปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรในหลายพื้นที่เวลานี้ ว่า การขาดแคลนน้ำจะเกิดขึ้นเฉพาะพื้นที่ที่ต้องพึ่งพาน้ำจากระบบชลประทานเท่านั้น โดยระบบชลประทานนั้นจะต้องพึ่งพาน้ำจากเขื่อนขนาดใหญ่ เมื่อเขื่อนขนาดใหญ่ไม่สามารถส่งน้ำให้ได้ก็มีปัญหา ก่อนหน้านี้เคยเสนอแล้วว่า นับแต่นี้โลกจะเกิดภาวะการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ ฤดูกาล รวมทั้งการเกิดฝนตกนั้นไม่มีความแน่นอน
    ดังนั้น ทุกพื้นที่การเกษตรจะต้องทำแหล่งน้ำสำรองเอาไว้ใช้ จะพึ่งพาระบบชลประทานอย่างเดียวไม่ได้ ซึ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลายหมู่บ้านตอบรับกับข้อเสนอดังกล่าว มีการระดมกำลังจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะทหารช่างเข้าไปขุดบ่อน้ำทำแหล่งน้ำสำรองไว้ใช้ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำสำหรับทำการเกษตรเลย ต่อไปเราจะต้องเตรียมการเรื่องแหล่งน้ำสำรองเอาไว้สำหรับทุกพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขาดน้ำและแย่งน้ำกันใช้อีก
    ที่มา : ข่าวสดออนไลน์
    เผยคลื่นยักษ์จากขั้วโลกใต้เข้าไทย "รอยล" ชี้ช่วยเพิ่มน้ำในเขื่อน-แนะหาแหล่งน้ำสำรอง : Prachach
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เล่าประวัติศาสตร์จากละคร ข้าบดินทร์ วันนี้ (10:20 น.) จาก sanook.com
    ละครมาแรงที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในขณะต้องยกให้ละครอิงประวัติศาสตร์เรื่อง "ข้าบดินทร์" ของค่าย ทีวีซีน ผลงานการกำกับของ "หนุ่ม อรรถพร ธีมากร" ที่เดินทางมาถึงครึ่งเรื่องแล้ว เรื่องราวสนุกเข้มข้นจนถูกพูดถึงไม่หยุดทั้งในและนอกโซเชียลเน็ตเวิร์ค
    ไม่ได้มีแต่ประชาชนคนดูละครทั่วไป ที่ชมละครเรื่องนี้ แม้แต่ "ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ได้ดูละคร ข้าบดินทร์ และได้เขียนเล่ามุมมองประวัติศาสตร์จากการดูละคร ผ่านทางเฟสบุ๊คของท่าน Narongchai Akrasanee แชร์ให้หลายคนที่สนใจได้ติดตามกัน


    [​IMG]
    @ที่มา https://www.facebook.com/NarongchaiAkrasanee/posts/1604736719743336
    - สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 21 มิ.ย. 2558 ครับ
    - ช่วงเวลานี้ วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ มีละครอิงประวัติศาสตร์ สมัย ร.3 ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ออกอากาศทางช่อง 3 เรื่องข้าบดินทร์ ละครดี พระเอก นางเอก และผู้แสดงหลายคน หล่อ/สวย ชุด+ฉากเยี่ยม ถ่ายทำยอด คนดูติดกันตรึม ผมเห็นว่า มีมุมสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่อยาก Share กับท่านประชาชน ถ้าสนใจเชิญติดตามอ่านได้ครับ
    - คือ ตัวหลักที่ขับเคลื่อนเรื่อง (Story) ของละครนี้ เป็นเรื่องการเมืองระดับโลก ระดับภูมิภาคและการเมืองในประเทศของเราเอง ซึ่งมีส่วนทำให้ผลออกมาเป็นสยาม เป็นประเทศไทย ที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้
    - ขอเรียนว่า เหตุการณ์ในเรื่องข้าบดินทร์เกิดขึ้นสมัยร.3 สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว- นามเดิม กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (ที่มาของชื่อ เจ้าพระยาบดินทรเดชา และของเหม- หมื่นสุรบดินทร์) ครองราชย์ปีค.ศ.1824-1851 (ขอใช้ปีฝรั่งเพื่ออ้างอิง) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อังกฤษสมัย Queen Victoria เข้ายึดเมียนมาบางส่วนแล้ว และกำลังใช้สงครามฝิ่น (ครั้งแรก 1839-1842) เข้ารุกรานจีน ส่วนสงครามในภูมิภาคเราก็คือ ระหว่างไทยกับญวนรบกันแย่งอำนาจเหนือเขมร (กัมพูชา) เรียกว่า อานามสยามยุทธ ปี 1831-1834 และ 1841-1845 โดยมีลาวเกี่ยวข้อง
    - ส่วนการเมืองในสยามเอง ก็คือช่วงต่อร.3 ไปร.4 ที่มีราชวงศ์จักรีปกครอง โดยมีตระกูลบุนนาค สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์- ดิศ บุนนาค (บิดาคุณชายช่วงในละคร) และสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ- ทัต บุนนาค มีบทบาทสำคัญ
    - ในละคร จุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตเหมมาจากการเมือง 3 ระดับนี้
    - ครอบครัวเหม (เจมส์ มาร์) อยู่ปากน้ำ บิดามีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการค้าอังกฤษ (วิลาศ) มีการแย่งชิงผลประโยชน์ มีการฆ่าพ่อค้าชาวอังกฤษ แล้วกล่าวโทษบิดาเหม พระยาบริรักษ์ (จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) จนเหมต้องตกระกำลำบาก ต้องไปตะพุ่นหญ้าช้าง (เลี้ยงช้าง) ฝึกฝนจนเก่งทางคชศาสตร์ มามีโอกาสในชีวิต ก็เพราะช่วยเจ้าพระยาบดินทร์เดชา ในสงครามอานามสยามยุทธ ที่เขมร ต่อมาได้เป็นถึงหมื่นสุรบดินทร์ มาช่วยงานคุณชายช่วง แต่ก็ยังต้องพบกับวิบากกรรมในขบวนการต้านอิทธิพลของอังกฤษ (กรณีซื้อเรือกลไฟไม่เหมาะสม) จนในที่สุดต้องจบบทบาททางการบริหารกลายไปเป็นผู้ช่วยอยู่นอกเวทีแทน
    - การเมืองภายในของสยามเองก็น่าสนใจมาก มีความปรองดอง จนสู้ศึกนอกจากอังกฤษ รวมทั้งการต่อต้านการค้าฝิ่น ที่อังกฤษเป็นผู้ค้าใหญ่สุด และรบศึกรอบบ้านจนสงบในปี 1834 ก่อนที่ฝรั่งเศสจะบุกเข้ามายึดญวน เขมร และลาวในปี 1887 คือ เมื่อร.3ขึ้นครองราชย์ เจ้าฟ้ามงกุฎ (ต่อมาเป็นร.4) อุปสมบทอยู่ที่วัดสมอราย (เปลี่ยนชื่อเป็นวัดราชาธิวาสวิหาร) ต่อมา ร.3 ก็ทรงสร้างวัดบวรนิเวศ ถวายให้เจ้าฟ้ามงกุฎในสมณภาพประทับ (ชื่อบวร แปลว่า วังหน้า คือวังของกษัตริย์ระดับถัดวังหลวง) และร.3 ก็ไม่ทรงแต่งตั้งเจ้าฟ้า การสืบทอดราชบัลลังค์เป็นไปโดยเรียบร้อย ส่วนเสนาบดี ก็จะมีจากตระกูลบุนนาคมีบทบาทสำคัญ คุณชายช่วง บุตรสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (การิน ศตายุ) จึงมีความสำคัญมาก และสำคัญต่อชีวิตของเหม ต่อมาคุณชายช่วงเป็นเจ้าพระยาพระคลัง (วิวัฒน์ ผสมทรัพย์) และเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ในสมัยร. 5
    - ในละครมีเรื่อง ข้อตกลงทางการค้า ที่ทูตอังกฤษชื่อ เจมส์ บรู๊ค มาเจรจา ซึ่ง เหม (หมื่นสุรบดินทร์) และคุณชายช่วง- พระยาพระคลัง มีบทบาทเจรจาเรื่องนี้ ตอนหลังมาเป็นสนธิสัญญาเบาว์ริงปี 1855 ที่ไทยเปิดการค้าเสรีให้อังกฤษ รวมทั้งให้สิทธิสภาพนอกอาณาเขต ซึ่งต่อมาก็ทำกับประเทศในยุโรปอีกหลายประเทศ จนโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญ ไปเป็นเศรษฐกิจที่ผลิตตามกลไกการค้าโลก
    - การเมืองอีกมิติหนึ่งในละครข้าบดินทร์โยงใยมาทางสังคม คือนางเอกชื่อ ลำดวน (ภีรนีย์ คงไทย) ในละครเป็นชาวอัมพวา หลานสาวคุณชายช่วง- พระยาพระคลัง สายภรรยาของต้นตระกูลบุนนาค คือเจ้าคุณนวล (วัดนวลนรดิศ) เป็นชาวอัมพวา ซึ่งเป็นพี่น้องกับเจ้าคุณนาค (เจ้าคุณอรุณอัมรินทร์) มเหสีของร.1 โดยร.2 สมเด็จพระบิดาของร.3 ประสูติที่อัมพวา จึงตอนหลัง เมื่อเหมมาแต่งงานกับลำดวนก็เท่ากับเป็นหลานเขยของคุณชายช่วง
    - น่าสนใจนะครับ พื้นที่ไทยกับอินโดจีนผ่านจากการช่วงชิงอำนาจระหว่างกัน ไปเป็นฝรั่งเศสเข้ามายึดครอง ผ่านสงครามผ่านการสู้รบทางลัทธิสังคมนิยม/คอมมิวนิสต์ กับทุนนิยม/ประชาธิปไตย วันนี้ เวลานี้ สันติภาพมีอยู่ทั่ว สัปดาห์หน้านี้ วันอังคารที่ 23 มิ.ย. ก็จะมีการประชุมกัน เรื่องกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม (CLMV Meeting) ที่กรุงเนปิดอร์ ประเทศเมียนมา เพื่อเพิ่มความร่วมมือ โดยท่านนรม.ของไทยไปร่วมประชุมด้วย
    - สุดท้ายครับ เจ้าพระยาบดินทร์เดชา สิงห์ สิงหเสนี ผู้ซึ่งชุบชีวิตใหม่ให้เหม มีบทบาทสำคัญในการสร้างอานุภาพของสยามในยุคนั้น เช่นในการรบกับลาว-เจ้าอนุวงศ์ และในการควบคุมสถานการณ์ในเขมร ซึ่งในกรณีหลัง ท่านต้องอยู่เขมรถึง 15 ปี เวลานี้ เราก็ได้เห็นสถานที่สำคัญในชื่อท่านหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงเรียนบดินทร์เดชา หลายโรงเรียน
    - เวลาดูละครข้าบดินทร์ จะนึกโยงใยไปถึงประวัติศาสตร์เหล่านี้บ้าง ก็อาจจะน่าสนใจอีกมิติหนึ่งนะครับ
    - สวัสดีครับ...
    ขอบคุณที่มาจากเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/NarongchaiAkrasanee/
    เมื่อท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เล่าประวัติศาสตร์จากละคร ข้าบดินทร์
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมขอแนะนำคาถาคุ้มครองภัยอีก 1 คาถา คือ คาถามงกุฎแก้ว สำหรับผมแล้วคุณวิเศษอันใดของพระคาถานี้ผมไม่ได้มุ่งหวังนำไปใช้ แต่ต้องการเพียงปกป้องคุ้มครองตัวเองเท่านั้น เวลาเราโดนผู้ใช้อาคมมารังแก ข่มเหง วิธีการเอาตัวรอดคือสลายพลัง และวิชาของผู้กระทำทิ้งเสีย ความคิดผมดีไหมครับ ถ้าพลังและวิชาถูกสลายไป ถึงเขาจะบริกรรมก็ไม่มีผลอะไรกับเรา ซึ่งผมเชื่อในคุณของพระคาถามงกุฏแก้วว่าสลายพลังและวิชาของจอมอาคมทั้งหลายได้จริง ทั้งนี้อย่านำไปใช้ในทางที่ผิด ๆ น่ะครับ เพราะมีคำสาปแช่งไว้ ถ้าใช้ในทางที่ผิดชีวิตจะพินาศ

    [​IMG]

    เอหินะโม พุทธายะ อานุภาเวนะ เอหินะโมอาพัทคงคง
    เอหินะโม ธัมมายะ อานุภาเวนะ เอหินะโมอาพัทคงคง
    เอหินะโม สังฆายะ อานุภาเวนะ เอหินะโมพัทคงคง
    นะมหาเถระ พระปัจเจกะโพธิ ชัยโย ชัยยะ
    คุณณันตรี สุริโยจันโท สักกัตวา ไภภสัชคุรุ
    สัพพะเทวา กูจะทรง ๆ สัพพะเทวา กูจะปลุก ๆ
    สัพพะเทวากูจะกรึง ๆ สัพพะเทวากูจะครอบ ๆ
    สัพพะเทวากูจะสูบ ๆ สัพพะเทวากูจะเรียก ๆ
    สัพพเทวากูจะเชิญ ๆ สัพพะเทวากูจะเสก ๆ
    แตกกราบกลายมิตร สัพพะเทวาอาคัจฉายะ
    สัพพะเทวาอาคัจฉาหิ พันธะ พันธัง พันธะ เจตะสิกัง สวาหะ

    คาถามงกุฎแก้ว ใช้ชุมนุมเหล่าพระคาถาทั้งปวงทั้งเรียกคัดถอนคาถาผู้อยู่ยงคงกระพัน แม้อาบว่านยา หรือ อยู่คงด้วยอาถรรพ์ ทนยะสิทธิ ทั้งปวงเมื่อเราขับขันถูกข่มขู่ข่มเหง ทำการสิ่งใดแม้นติดขัด กระทำการสิ่งใดไม่ศักดิ์สิทธิ์วิทยา อธิษฐานเสกภวนาขอให้การกระทำใด สารพัดประสิทธิ ขอให้นำไปใช้อย่างถูกวิธีนะครับ อย่าเล่าเรียนไปเพื่อทิษฐินะครับ รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม รู้ไว้ใช้ก่อกรรมจิตใจจะตำทราม ผู้ใหญ่ท่านสั่งไว้อย่างนี้

    คาถามงกุฎแก้ว - myhora.com
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    หนุ่มอังกฤษใส่สูทเล่นโคเคนในขณะโดยสารรถไฟใต้ดินโดยไม่แคร์สายตาใครในกรุงลอนดอน
    --------------
    อีกมุมหนึ่งของสังคมเมืองผู้ดีในวันนี้ ผู้โดยสารรถไฟ คนชั้นกลางใส่สูทอ้างว่าทำงานด้านการเงิน (ธนาคาร) โด๊ปโค้ก (โคเคน) ในที่สาธารณะโดยไม่แคร์สายตาใคร ไม่สนว่าจะถูกถ่ายคลิปหรือไม่ รายงานข่าวบอกว่าชายคนดังกล่าวเล่นของ Class A (เกรด A) เลยหละในรถไฟใต้ดินใจกลางกรุงลอนดอน เขาเอาโคเคนของเขาเองออกมาเสพภายในรถไฟในขณะที่กำลังโดยสารไปพร้อมผู้โดยสารอื่นๆ และยังเสนอโคเคนให้ผู้โดยสารบางคนด้วย ชายคนดังกล่าว (คนที่เสพยาเสพติด) กล่าวว่า "ผมแค่ใช้ชอบใช้ยา (I just like taking it.)…" บางคนกล่าวว่าพฤติกรรมของหมอนี่คล้ายกับในภาพยนต์เรื่อง "Wolf of Wall Street" สื่อฯบางสำนักในอังกฤษก็ลงข่าวนี้ แต่ไม่ใช่ BBC และ CNN
    The Eyes
    24/06/2558
    ----------
    Passengers get sniffy at City boy snorting coke on London tube — RT UK
    https://www.youtube.com/watch?v=CtX7SKCH6KM
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ฮี่ๆ "F**k US imperialism" - อดีตรมว.คลังเยอรมันด่ากลาโหมสหรัฐฯเดินทางเสี้ยมยุโรป

    [​IMG]

    [​IMG]

    --------------
    อูยยยยยส์!... งานนี้เยอรมันกล้าจัดหนักอ่ะ เมื่อวานนี้สำนักข่าว RT news ของรัสเซียรายงานว่านาย Oskar Lafontaine นักการเมืองฝ่ายซ้ายอดีตขุนคลังของเยอรมันออกมาฉะสหรัฐฯในการดำเนินนโยบายเกี่ยวกับรัสเซียและยูเครน และยังได้เรียกร้องให้อียูอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับสหรัฐฯด้วย นาย Oskar Lafontaine ได้โพสต์ข้อความที่มีคำรุนแรง (มากๆ ที่ว่า "มากๆ" นี่หมายถึงถูกใจคนอ่านนะครับ คริๆ) โดยเรียกนาย Ashton Carter รมว.กลาโหมของสหรัฐฯว่า "เจ้ากระทรวงสงคราม" (Secretary of War) และเรียกการดำเนินนโยบายชองกรุงวอชิงตันว่าเป็น "ลัทธิจักรวรรดินิยม" (imperialism)
    Lafontaine กล่าวว่า "เจ้ากระทรวงสงครามของสหรัฐฯเรียกร้องให้ชาวยุโรปเผชิญหน้ากับการรุกรานของรัสเซีย ชาวยุโรปมีเหตุผลทุกอย่างที่จะไม่เห็นด้วยกับการรุกรานของสหรัฐฯ"
    รายงานข่าวบอกว่านาย Ashton Carter ได้เดินทางไปยังกรุง Tallinn เมืองหลวงของเอสโตเนียหนึ่งในกลุ่มประเทศบอลติก และได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะส่งรถถังรุ่นใหม่ล่าสุดจำนวน 250 คันยานพาหนะติดอาวุธอื่นๆอีกไปให้กลุ่มประเทศยุโรปที่อยู่ติดกับชายแดนของรัสเซีย ส่วนพวกบอลติก (เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิธัวเนีย) ก็กระดี๊กระด๊าอยากจะได้อาวุธของสหรัฐฯเต็มทน โดยบอกว่านี่เป็นการส่งข้อความไปยังรัสเซียซึ่งพวกนี้เรียกว่าเป็นความก้าวร้าว
    จากนั้น Lafontaine ก็ได้อ้างถึงนาย George Kennan ปรมาจารย์ด้านการทูตของสหรัฐฯที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูดของสหรัฐฯประจำสหภาพโซเวียตในยุค 1950 และประจำยูโกสลาเวียในปี 1960 ด้วย Kennan ได้อธิบายเอาไว้ว่าการขยายตัวไปทางยุโรปตะวันออกของนาโต้ถือว่าเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงที่สุดของการดำเนินนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯหลังสงครามโลกครั้งที่สอง Lafontaine ให้เหตุผลว่า "เพราะว่านั่นจะทำให้เกิดสงครามเย็นรอบใหม่ขึ้นมา"
    นักวิเคราะห์ชาวไทยคนหนึ่งมองว่า จะเกิดสงครามเย็นขึ้นมาอีกรอบหรือไม่นั้นยังไม่แน่ แต่ที่แน่ๆก็คือสหรัฐฯสามารถขายอาวุธหนักของตนให้กับกลุ่มประเทศบอลติกและยุโรปตะวันออกได้อย่างสบาย ตอนแรกก็จะบอกว่าเอาไปฝากไว้ก่อน ต่อไปก็จะแอบขายให้ภายหลังเอง จากนั้นก็จะให้กลุ่มประเทศบอลติกและอียูตะวันออกส่งหรือขายอาวุธเหล่านั้นไปให้ยูเครนอีกต่อหนึ่ง ซึ่งสหรัฐฯไม่ต้องรับผิดชอบอะไร หากถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนอาวุธหนักให้ยูเครนนำไปก่อสงครามกลางเมือง ถ้าจะโทษก็ต้องไปโทษบอลติกกับอียูตะวันออกโน่น งานนี้สหรัฐฯลอยลำ โกยเงินอย่างเดียว ผู้ที่จะขัดแย้งกับรัสเซียก็จะมีแต่บอลติกและอียูตะวันออกที่บ้าตามคำยุของสหรัฐฯเท่านั้น
    เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.58 ที่ผ่านมานาย Marius Janukonis เอกอัครราชทูตลิธัวเนียกล่าวในรายการโทรทัศน์ช่อง 5 ของยูเครนว่า "ทางการของลิธัวเนียมีความประสงค์ทางการเมืองที่จะสนับสนุนอาวุธให้กับยูเครน...ผมไม่เห็นมีเหตุผลว่าทำไมเราถึงไม่ควรทำอย่างนั้น" ต่อมาวันที่ 22 มิ.ย.58 สื่อฯรัสเซียลงข่าวว่า นาย Algirdas Butkevičius นายกฯของลิธัวเนียออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวโดยบอกว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในสภากลาโหมของลิธัวเนีย เขาไม่เคยได้ยินแผนดังกล่าวเลย ไม่มีผู้นำคนไหนที่จะกระทำการตัดสินใจแบบนั้น โดยปราศจาก (ความเห็นชอบของ) ที่ประชุมกลาโหม แต่นาง Dalia Grybauskaitė ซึ่งเป็นปธน.ของลิธัวเนียนั้นดูเหมือนว่าจะหลงมนต์ดำของโอบาม่าเอามากๆ ไม่ต่างจากนายโปโรเชนโก้ของยูเครนเลยนะ)
    กลับมาต่อที่กรณีของเยอรมันนะ... Lafontaine กล่าวต่ออีกว่า "นาง Victoria Nuland ทูตสหรัฐฯประจำอียูได้เคยพูดเอาไว้ว่าพวกเรา (สหรัฐฯ) ได้ทุ่มเงินไปถึง 5 พันล้านดอลล่าร์เพื่อทำให้ยูเครนไร้เสถียรภาพ (we have spent more than five billion dollars to destabilize Ukraine)" Lafontaine อ้างถึงแถลงการณ์ของนาง Victoria Nuland เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2014 ว่าตั้งแต่ปี 1991 เป็นต้นมานั้นกรุงวอชิงตันได้ลงทุนสถาบันประชาธิปไตย (democratic institutions) ในยูเครนไปแล้วถึง $5 billion (ว้าววว! นี่สหรัฐฯวางแผนยึดยูเครนมาตั้งนานแล้วนิ? กรรม! ค่อยซึมไปตามหน่วยงานและองค์การต่างๆโดยใช้เงินนำหน้า ให้พวกไม่รักชาติคอยบ่อนทำลายประเทศของตัวเอง งานนี้สหรัฐฯไม่มีทางวางมือจากยูเครนง่ายๆแน่ สหรัฐฯใช้คำว่า "ลงทุนด้านประชาธิปไตย" แต่เยอรมันก็รู้ว่าสหรัฐฯคิดและวางแผนอะไรอยู่จึงไม่แปลกที่เยอรมันจะเหลืออดเหลือทนแล้วออกมาบอกว่า "นั่นคือการทำลายเสถียรภาพของยูเครน" โดยชูคำว่าประชาธิปไตยจอมปลอมบังหน้าต่างหากหละ ชัดนะ)
    Lafontaine ยังได้อ้างถึงคำพูดของนาง Victoria Nuland ที่เคยออกอาการหงุดหงิดในการที่มีบางประเทศในอียูคัดค้านการแซงชั่นรัสเซียสมัยก่อนโดยนางได้ใช้คำพูดด่าพวกอียูว่า "f**k the EU" (ข่าวนี้ดังมากนะ) ก็ไม่แปลกที่สหรัฐฯจะถูกฝั่งอียู (นักการเมืองชาวเยอรมันจวกกลับไปบ้าง 2 เด้ง คริๆ)
    สุดท้าย Lafontaine กล่าวสรุปว่า "You (ดิอเมริกัน) ยังเล่นกับไฟต่อไป และยุโรปต้องจ่ายด้วยรายได้ที่ลดลงในการค้าขายกับรัสเซีย และสูญเสียตำแหน่งงานต่างๆด้วย... เรา (อียู) ต้องการนโยบายต่างประเทศของยุโรปที่จะยับยั้งลัทธิจักรวรรดินิยมคลั่งสงครามของสหรัฐฯ! (the warmongering US imperialism!)" และ Lafontaine ก็ปิดท้ายคำพูดด้วยคำเดียวกันกับตอนเริ่มต้นว่า "F**k the US-Imperialism!" ฮี่ๆๆ
    ป.ล. ตอนนาง Nuland ซัดอียูนั้น นางได้ให้ F อียูไปหนึ่งครั้ง เยอรมันจะน้อยหน้าได้อย่างไร ต้องคืนให้เป็นสองเท่า ดังนั้น Lafontaine จึงให้ F แก่สหรัฐฯทั้งข้างหน้าและข้างหลังซะเลย.... คงถูกใจโปรอเมริกากันนะ คริๆ
    ป.ล. โพสต์ต่อไปจะพูดเรื่องการประท้วงขึ้นค่าไฟที่ Armenia ซึ่งตอนนี้กำลังเดือด และส่อเค้าจะบานปลายซะด้วย
    The Eyes
    24/06/2558
    ----------
    http://rt.com/news/269206-us-imperialism-germany-minister/
    Lithuania to Continue Arms Supplies to Ukraine - Envoy / Sputnik International
    Lithuanian PM Denies Any Arms Supplies to Ukraine / Sputnik International
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลำตะคองวิกฤติหนัก ถนนโผล่กลางอ่างเก็บน้ำยาว 15 กม. รถวิ่งผ่านได้ วันที่ 24 มิ.ย. 2558 เวลา 12:13 น.

    [​IMG]

    จากกรณีการเกิดปัญหาภัยแล้ง ในพื้นที่ภาคอีสาน ทำให้หลายพื้นที่ปริมาณลดลงอย่างต่อเนื่องจนเข้าขั้นวิกฤติ ซึ่งที่อ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือน้ำใช้เพียง 18 เปอร์เซ็นต์
    ล่าสุด สถานการณ์อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ปริมาณน้ำที่ใช้ได้เหลือเพียง 59 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 18 เปอร์เซนต์ของปริมาณความจุเขื่อนที่ 314.49 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งส่งผลให้เกิดถนนโผล่กลางอ่างเก็บน้ำเป็นระยะทางกว่า 15 กิโลเมตร จนประชาชนสามารถใช้ถนนที่โผล่ขึ้นมาในการสัญจรไป-มาได้ โดยถนนสายดังกล่าวเป็นถนนมิตรภาพสายเก่า
    นายชิตชนก สมประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 กล่าวว่า การที่ถนนมิตรภาพสายเก่าโผล่ขึ้นภายในอ่างเก็บน้ำ ลำตะคองถือว่าเกิดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อปริมาณน้ำลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันปริมาณน้ำลงห่างจากผิวถนนมิตรภาพสายเก่านั้นเป็นระยะทางเกือบ 2 กม. แสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำอาจลดต่ำลงกว่านี้ เนื่องจากไม่มีปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาเติมน้ำในอ่างเพิ่มขึ้น ดังนั้นชลประทานต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 24 มิถุนายนนี้
    ขณะที่สถานการณ์ปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำหลักอีก 4 แห่ง โดยอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย ปริมาณน้ำ 30 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 27 เปอร์เซ็นต์ของความจุ, อ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำ 102 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 37 เปอร์เซ็นต์ ของความจุ, อ่างเก็บน้ำมูลบน อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำ 54 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 38 เปอร์เซ็นต์ จากความจุ และอ่างเก็บน้ำลำปลายมาศ อ.เสิงสาง มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 62 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 51 เปอร์เซ็นต์ จากความจุกักเก็บทั้งหมด
    ข้อมูลโดย เช้านี้ที่หมอชิต
    http://news.ch7.com/…/ลำตะ%…
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เริ่มอีกประเทศหนึ่งแล้วออสเตรียรวบรวมรายชื่อ 10,000 รายชื่อรณรงค์ออกจากอียู

    [​IMG]

    [​IMG]

    --------------
    ขอลัดคิวข่าวอาร์เมเนียก่อนนะครับ มีข่าวที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟัง (อันที่จริงมีข่าวที่น่าสนใจอยู่หลายข่าวเหมือนกัน แต่พิมพ์ทันอ่ะ จึงเลือกมาเป็นบางข่าว) เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "Austrian Campaigners Start Collecting Signatures in Support of EU Exit" แปลว่า "ออสเตรียจัดแคมเปญจ์ล่ารายชื่อสนับสนุนออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป" อัยย๊ะ!… ทำเป็นเล่นไป นี่คือสัญญาณบ่งบอกถึงหายนะของอียูอีกอย่างหนึ่งแล้วนะนี่ จำได้ไหมว่ามีประเทศไหนบ้างที่เริ่มแสดงตนว่าอยากจะออกจากอียู เริ่มที่ กรีซ ต่อมาก็สหราชอาณาจักร ลามมาที่ฟินแลนด์ (ขู่) และก็ล่าสุดคือออสเตรียนี่แหละ ซวยแล้วไหมหละอียู ดันไปเชื่อสหรัฐฯเล่นกับไฟ รู้ฤทธิ์ปูตินไปแล้วสินะ (คริๆ)
    บอกไว้ก่อนนะครับ ออสเตรียนี่อยู่ฝั่งรัสเซียนะ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.58 ที่ผ่านมาก็มีรายงานข่าวโดย Sputnik news ว่า "ขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองซึ่งรู้กันในนาม 'Homeland and Environment civic initiative' (การริเริ่มภาคพลเรือนปกป้องมาตุภูมิและสิ่งแวดล้อมของออสเตรีย) ซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นประชาชนที่มีความเชื่อมั่น ซึ่งกำลังต่อสู้เพื่อเรียกร้องให้มีการทำประชามติให้ประเทศออสเตรียออกจากการเป็นสมาชิกของ 'เผด็จการอียูและการรวมอำนาจศูนย์กลางไปอยู่ที่อียู' ขอยืนยันว่าการรวมไคร์เมียเข้ากับรัสเซียนั้นถือว่ามีความชอบธรรมทางกฎหมายเต็มที่ (fully legitimate) และไม่เห็นด้วยการกับการแซงชั่นรัสเซีย" (บางคนอาจจะถามว่า แล้วออสเตรียมาเกี่ยวอะไรกับไคร์เมียด้วย? งั้นถามกลับนะ อ้าวแล้วสหรัฐฯมาเกี่ยวอะไรกับไคร์เมียของรัสเซียด้วยหละ? คริๆ)
    รายงานข่าวบอกว่าตัวแทนคณะกรรมการความคิดริเริ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (the initiative’s non-partisan committee) (Austrian civic initiative Heimat & Umwelt, or Homeland and Environment) ได้กล่าวกับสถานีวิทยุของ Sputnik news ของรัสเซียว่า "กลุ่มความคิดริเริ่มนี้เปิดกว้างสำหรับพรรคการเมืองต่างๆ และพวกเราคาดหวังการสนับสนุนจากคณะกรรมการ (ภาครัฐ?) การตัดสินใจในครั้งนี้ได้รับการพิสูจน์จากการสนทนากับพลเมืองเป็นจำนวนมากตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา"
    Inge Rauscher ตัวแทนของกลุ่มปกป้องมาตุภูมิและสิ่งแวดล้อมของออสเตรียกล่าวเพิ่มเติมว่า "ขั้นแรก ก่อนที่กลุ่มนี้ริเริ่มจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้น พวกตนจะล่ารายชื่อจากประชาชนชาวออสเตรียจำนวน 10,000 คน เพื่อเสนอต่อสภาล่าง แต่สื่อฯของออสเตรียเองดูเหมือนจะไม่ให้ความสนใจเลย เพราะพวกเขาซื่อสัตย์ต่อสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากๆในการโปรโมทกลุ่มความคิดริเริ่ม (the initiative) การรณรงค์ออกจากอียู (EU exit) นี้เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะทำให้ออสเตรียเป็นเอกราชจากกรุงบรัสเซลส์และกลับคืนสู่ความเป็นกลาง (independent of Brussels and return to neutrality)"
    กลุ่ม initiative บอกว่าจะรวบรวมรายชื่อให้ได้ครบ 10,000 รายชื่อระหว่างวันที่ 24 มิ.ย. ถึง 1 ก.ค.58 นี้เพื่อเสนอต่อสภาล่างของออสเตรียเพื่อให้พิจารณาต่อไป
    อีกข่าวหนึ่งนาย Inge Rauscher กล่าวว่า "พวกเราไม่ได้เป็นรัฐที่มีอธิปไตย (เป็นของตัวเอง) ในสหภาพยุโรปต่อไปอีกแล้ว การออกกฎหมายหลักมากกว่า 80% นั้นออกโดยกรุงบรัสเซลส์ ไม่ใช่โดยคณะกรรมาธิการที่มาจากการเลือกตั้ง ในมุมมองของพวกเรานั้น ยุโรปไม่ได้เป็นประชาธิปไตย สภายุโรปไม่ได้มีแม้กระทั่งอำนาจนิติบัญญัติ (legislative powers) อะไรเลย ชาวออสเตรียต้องการที่จะกำหนดนโยบายของพวกเราเองโดยปราศจากอิทธิพลภายนอก"
    รายงานข่าวบอกว่านาย Inge Rauscher ไม่ได้มีความกังวลใจว่าออสเตรียอาจจะต้องเผชิญกับความเสียหายทางเศรษฐกิจหากออสเตรียออกจากยูโรโซน (กลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรร่วมกันในสหภาพยุโรป ซึ่งมีจำนวน 19 ประเทศจากสมาชิกของอียูทั้งหมด 28 ประเทศ)
    Inge Rauscher กล่าวต่ออีกว่า "ก็ลองเปรียบเทียบกับประเทศ Switzerland ดูสิ สวิตเซอร์แลนด์มียอดเกินดุลการค้าตลอดหลายปีที่ผ่านมา และคราวนี้สิสวิตเซอร์แลนด์กำลังจะไปถึงตัวเลขที่มีการบันทึกไว้ (it is reaching record figures) ส่วนออสเตรียนั้นได้ประสบกับความทุกข์ยากเพราะขาดดุลการค้าเนื่องจากการเข้าเป็นสมาชิกของอียู พวกเรานำเข้าสินค้ามากกว่าส่งออก หากเราออกจากสหภาพยุโรป แนวโน้มนี้ก็จะย้อนกลับ" (ดูภาพ GDP ของสวิตเซอร์แลนด์ในภาพที่ 4 ประกอบปี 2011 อยู่ที่ 658.87 ปี 2013 อยู่ที่ 650.78 ข้อมูลจาก tradingeconomics สวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป)
    ประเด็นการออกมาเรียกต้องให้ออสเตรียออกจากอียูในครั้งนี้มองได้อย่างน้อย 2 มุม 1.) ออสเตรียประสบปัญหาขาดดุลการค้าและเศรษฐกิจแย่จริงๆ และซ้ำร้ายโดนรัสเซียแซงชั่นกลับเพราะร่วมกับอียูแซงชั่นรัสเซียก่อน ดังนั้นการส่งออกของออสเตรียมายังรัสเซียจึงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งอียูมาขยายระยะเวลาในการแซงชั่นรัสเซียออกไปอีกจนถึงสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า ประเทศเล็กๆแบบนี้จะได้รับผลกระทบอย่างหนักกว่ามหาอำนาจอย่างเยอรมันและฝรั่งเศสแน่นอน
    2.) นี่เป็นการเดินเกมสั่งสอนอียูที่หลงเชื่อคำยุยงของสหรัฐฯให้เล่นเกมแซงชั่นกับรัสเซียโดยเอาเศรษฐกิจของอียูเป็นทุนในการเดิมพันของสหรัฐฯ และกลุ่มทุนและนักการเมืองของอียูเอง เมื่อสหรัฐฯและอียูพยายามบ่อนทำลายเสถียรภาพของรัสเซีย จะแปลกอะไรที่จะมีผู้สนับสนุนรัสเซียในอียูออกมาเรียกร้องให้ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของอียูเพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงว่าหากอียูยังดื้อที่จะเล่นเกมนี้ต่อไป ความเสียหายและการล่มสลายของสหภาพยุโรปก็จะเกิดขึ้นจากภายในของยุโรปและจากการกระทำของยุโรปเอง รัสเซียเพียงแค่ปรบมือให้กำลังใจออสเตรียเท่านั้นเอง ประมาณว่า "ดีลูก เอาเลยลูก สู้ๆ คริๆ" เขาเรียกว่าเกลือจิ้มเกลือ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
    The Eyes
    25/06/2558
    ----------
    Austrian Campaigners Start Collecting Signatures in Support of EU Exit / Sputnik International
    Austrian Campaigners Against 'Dictatorial EU' View Crimea as Russian / Sputnik International
    EU Strips Member States of Power Claims Austria's EU Exit Campaign / Sputnik International
    https://en.wikipedia.org/wiki/European_Union
    Switzerland GDP | 1960-2015 | Data | Chart | Calendar | Forecast | News
    Switzerland GDP Growth Rate | 1980-2015 | Data | Chart | Calendar
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักบินซาอุฯ ฆ่าตัวตายหลังจากเห็นภาพศพของเด็กๆ ในเยเมน
    Category: News & Event Published on Wednesday, 24 June 2015 14:15 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    นักบินชาวซาอุฯ ที่เข้าร่วมในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเยเมน หลังจากที่ได้เห็นภาพศพที่แหลกเป็นชิ้นๆ ของบรรดาสตรีและเด็กๆ ชาวเยเมน ทำให้เขาต้องฆ่าตัวตาย

    สำนักข่าว "Mehr" รายงานโดยอ้างจาก "Yemen Press" ว่า "มุฮัมมัด อุมัร อัลอุนซี" นักบินของกองทัพอากาศซาอุดีอาระเบีย ที่มีส่วนร่วมในการโจมตีในพื้นที่ต่างๆ ของเยเมน หลังจากที่ได้เห็นภาพของศพที่ขาดวิ่นของเด็กและสตรีในเยเมน ซึ่งเป็นผลมาจากการโจมตีทางอากาศของพันธมิตรต่อสู้กับเยเมน ทำให้เขาต้องฆ่าตัวตาย

    หลังจากปฏิบัติการโจมตีและการทิ้งระเบิดกรุงซานา (ซ็อนอาอ์) และก่อนที่จะฆ่าตัวตายเขาได้เขียนจดหมายถึงเพื่อนๆ ของเขาว่า “สงครามในเยเมนนั้นเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่กระทำกับพลเรือนชาวเยเมน”

    ในจดหมายนี้เขากล่าวเสริมว่า “เราได้หลงลืมจากศาสนาอิสลามไปแล้ว และเราจำเป็นต้องบินร่วมกับบรรดานักบินชาวยิวและชาวคริสเตียน เพื่อทำการหลั่งเลือดของชาวมุสลิม”

    นักบินชาวซาอุฯ ผู้นี้กล่าวเสริมอีกว่า "มุฮัมมัด บินซัลมาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของซาอุดีอาระเบียได้เข้าสู่สงครามที่จะจบลงด้วยความปราชัยอย่างแน่นอน เขาได้ครอบงำกษัตริย์และกำลังจะนำประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤตอย่างเต็มรูปแบบในทุกด้าน”

    เขาได้กล่าวในตอนท้ายของจดหมายว่า “ผมไม่เห็นทางใดอยู่เบื้องหน้าของผมนอกจากความตาย และหากผมมีชีวิตอยู่ต่อไปมากกว่านี้ ผมก็ยังจะต้องถูกบังคับให้มีส่วนร่วมในการเข่นฆ่าประชาชนอีก”

    [​IMG]

    ที่มา : mehrnews

    นักบินซาอุฯ ฆ่าตัวตายหลังจากเห็นภาพศพของเด็กๆ ในเยเมน
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปัญหาใหม่ของราชวงศ์ซะอูด / บรรดานักบินซาอุฯไม่ยอมโจมตีเยเมนในช่วงเดือนรอมฎอน Category: News & Event Published on Thursday, 25 June 2015 02:21 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    แหล่งที่มาในสหประชาชาติกล่าวว่า เนื่องจากเดือนรอมฎอนได้เริ่มต้นขึ้นทำให้นักบินของซาอุดิอาระเบียจำนวนหนึ่งได้ปฏิเสธที่จะปฏิบัติการโจมตีเยเมนในเดือนนี้

    สำนักข่าวฟาร์สรายงานว่า หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์ของตนในการโจมตีเยเมน ดูเหมือนว่าซาอุดีอาระเบียกำลังเผชิญกับปัญหาที่ใหญ่กว่า

    หนังสือพิมพ์เลบานอน "อัซซะฟีร" ได้อ้างคำพูดจากเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งของสหประชาชาติที่ได้รายงานว่า นักบินของซาอุดิอาระเบียบางส่วนได้หลีกเลี่ยงที่จะปฏิบัติการโจมตีเยเมน

    เจ้าหน้าที่ผู้นี้ได้กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียต้องการที่จะได้รับชนะในระดับหนึ่งเพื่อที่จะได้ยุติการโจมตีเยเมน เขากล่าวเสริมว่า ซาอุดีอาระเบียได้อ่อนแอลงทุกๆ วัน เนื่องจากใครที่จะยอมทำสงครามเพื่อความชอบธรรมของ "อับดุร็อบบิฮ์ มันซูร ฮาดี" และแม้ว่าชาวเยเมนกลุ่มหนึ่งจะให้การช่วยเหลือซาอุดิอาระเบียในเรื่องนี้ แต่ก็ยิ่งจะก่อให้เกิดความขัดแย้งต่างๆ ในหมู่พวกเขามากยิ่งขึ้น

    บนพื้นฐานดังกล่าวนี้ แหล่งที่มานี้ได้รายงานว่า ในการเจรจาสันติภาพในกรุงเจนีวา การเจรจาเหล่านี้ก็ได้เกิดขึ้นพร้อมกับความหวั่นกลัวของ "อับดุร็อบบิฮ์ มันซูร ฮาดี" ว่าตนเองอาจจะต้องถูกทอดทิ้ง พร้อมกับกล่าวว่า : ทุกคนในที่ประชุมเห็นพ้องตรงกันว่า งานของมันซูรฮาดีได้จบสิ้นลงแล้ว และ "ริยาด ยาซีน" รัฐมนตรีต่างประเทศและผู้แทนของมันซูร ฮาดี ก็รู้ดีเช่นกันว่า ทุกๆ การบรรลุข้อตกลงนั้น หมายถึงการไม่มีมันซูร ฮาดีอีกต่อไป

    [​IMG]

    ที่มา : farsnews

    ปัญหาใหม่ของราชวงศ์ซะอูด / บรรดานักบินซาอุฯไม่ยอมโจมตีเยเมนในช่วงเดือนรอมฎอน
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รูปภาพ / กลุ่มดาอิช (ISIS) ประหารชีวิตนักวิชาการซุนนีชาวอิรัก
    Category: News & Event Published on Thursday, 25 June 2015 07:19 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    อะห์มัด อัลก็อยซี (คนกลาง) ในระหว่างการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกในจอร์แดน (ภาพ)

    กลุ่มก่อการร้ายดาอิช (ISIS) ได้ประหารชีวิตคณบดีคณะนิติศาสตร์อิสลาม (อุซูลุลฟิกฮ์) ในมหาวิทยาลัยซอลาฮุดดีนของอิรัก

    อัลอาลัมรายงานว่า หน้าเว็บไซต์ต่างๆ ในเครือของกลุ่มก่อการร้ายดาอิช (ISIS) ได้เผยแพร่รูปภาพต่างๆ ของการประหารชีวิตนักวิชาการศาสนาชาวอิรักผู้หนึ่งในวันพุธ

    ภาพเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นว่า อะห์มัด อัลก็อยซี นักวิชาการศาสนาผู้มีชื่อเสียงของมัซฮับฮะนะฟีซึ่งเป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์อิสลาม (อุซูลุลฟิกฮ์) ในมหาวิทยาลัยซอลาฮุดดีนของอิรักได้ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงกระสุนเข้าที่ศีรษะ

    หนังสือพิมพ์ "เราะยุ้ลเยาม์" ได้เขียนว่า อะห์มัด อัลก็อยซี ได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยอิสลามของจอร์แดน

    [​IMG]

    ที่มา : fa.alalam

    รูปภาพ / กลุ่มดาอิช (ISIS) ประหารชีวิตนักวิชาการซุนนีชาวอิรัก
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เลี้ยงละศีลอด แต่ให้การสนับสนุนซาอุดิอาระเบียโจมตีชาติอิสลามเยเมน ในเดือนรอมฎอนอย่างต่อเนื่อง ทำให้สังหารผู้บริสุทธิ์ทั้งเด็กและสตรีนับพันคน

    “โอบามา” เปิดทำเนียบขาว จัดเลี้ยงละศีลอด
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มิ.ย. 24, 2015 146

    [​IMG]

    iqna – เมื่อค่ำวันจันทร์ (22 มิ.ย.) ได้มีพิธีจัดเลี้ยงละศีลอดเดือนรอมฎอนที่ทำเนียบขาว ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาทุกปี

    ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ของสหรัฐ จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำละศีลอด เนื่องในโอกาสเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิของชาวมุสลิม เมื่อค่ำวันจันทร์ (22 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ที่ทำเนียบขาว โดยกล่าวเปิดงานว่า เอกองค์อัลลอฮ์ (ซบ) ทรงมีคำสั่งให้บ่าวของพระองค์เดินบนหน้าแผ่นดินอย่างนอบน้อมถ่อมตน

    ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ของสหรัฐ กล่าวย้ำว่า ชาวอเมริกันทุกความเชื่อ ทุกศาสนาล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน
    โอบามา กล่าวว่า ไม่ควรมีใครต้องตกเป็นเหยื่อเพราะสีผิวหรือความเชื่อ ความศรัทธาที่แตกต่างกัน

    งานเลี้ยงละศีลอดเดือนรอมฎอนที่ทำเนียบขาว เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่มีการจัดขึ้นมาทุกปี เริ่มตั้งแต่สมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีคลินตัน จนมาถึงสมัยบุช

    โอบามา ถือเป็นประธานาธิบดี ของสหรัฐคนที่สาม ที่จัดงานเลี้ยงละศีลอดเป็นประจำทุกปีสมัยดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี 
ก่อนหน้านี้ท่านประธานาธิบดีได้ส่งสาส์นแสดงความปรารถนาดีไปยังมุสลิมทั่วโลก เนื่องในโอกาสเริ่มต้นเดือนรอมฎอน ซึ่งเนื้อหามีการกล่าวถึงความคล้ายคลึงกันในบางหลักการของคริสต์ศาสนา กับอิสลามด้วย
    คีธ เอลลิสัน และ อังเดร คาร์สัน สมาชิกสภาคองเกรสมุสลิม 2 คนแรกมาร่วมในงาน รวมทั้งคณะรัฐบาล เช่น โรเบิร์ต เกทส์ รัฐมนตรีกลาโหม อัยการแผ่นดิน อีริค โฮลเดอร์ ประธานคณะกรรมการด้านยุติธรรม จอห์ คอนเยอส์ และริชาร์ด ลูก้าร์ สมาชิกคณะกรรมาธิการต่างประเทศ รวมทั้งทูตจากประเทศมุสลิม และอิสราเอล และสมาชิกจากประชาคมมุสลิมทั่วประเทศ

    คำพูดของโอบามา และการจัดเลี้ยงละศีลอดให้กับพี่น้องมุสลิมนั้น ในขณะที่สหรัฐยังคงให้การสนับสนุนอิสราเอล และกลุ่มก่อการร้ายตักฟีรี ในตะวันออกกลาง ทำให้ชีวิตของมุสลิมในตะวันออกวันกลางต้องพบกับอันตรายและความยากลำบาก อาคารบ้านเรือนเสียหายย่อยยับและชีวิตผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อสงครามจำนวนมาก
    นอกจากนั้น อเมริกายังให้การสนับสนุนซาอุดิอาระเบีย ในการโจมตีชาติอิสลามเยเมน ในเดือนรอมฎอนอย่างต่อเนื่อง ทำให้สังหารผู้บริสุทธิ์ทั้งเด็กและสตรีนับพันคน

    “โอบามา” เปิดทำเนียบขาว จัดเลี้ยงละศีลอด | abnewstoday
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจาะลึก! โครงสร้างแห่ง “อำนาจ” ในราชวงศ์ซาอุฯ
    โดย อิบรอฮีม อาแว - ม.ค. 23, 2015

    [​IMG]

    ราช์วงศ์ซาอุฯ เป็นหนึ่งในครอบครัวที่มีอิทธิพลและบทบาทอย่างสูงในอำนาจการปกครองของซาอุดิอาระเบีย หนึ่งในคุณลักษณะด้านประวัติศาสตร์ของครอบครัวนี้คือ ประกอบด้วยหลายชนเผ่าที่มีความแตกต่างและหลากหลายในองค์ประกอบโครงสร้าง ซึ่งมีความใกล้ชิดอย่างยิ่งในการกำหนดอำนาจและการปกครอง

    บุคคลในครอบครัวซาอุฯ มีหลากหลายและมีจำนวนมาก ซึ่งจำนวนบุรุษที่เป็นตัวหลักและตัว รองมีมากถึง 20,000 -25,000 คน ความหลากหลายและจำนวนคนในราชวงศ์ที่มีจำนวนมากถึงขนาดนี้นั้น ย่อมเกิดการแข่งขันช่วงชิงอำนาจสูงขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา เช่นกรณีตัวอย่าง ความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่าง กษัตริย์ซาอูด กับไฟศอล และเจ้าชายฏอลาล ในปี 1958 -1964

    ราชวงศ์ซาอูด ประกอบด้วยกิ่งก้านสาขาครอบครัวหลักและครอบครัวย่อยดังนี้

    1 สาขาเผ่าครอบครัวที่มาจาก “ ม็อคเรน บิน มัรญอน บิน อิบรอฮีม” ซึ่งเป็นปู่ทวดของครอบครัว แต่ไม่นับเป็นลูกหลานของซาอูด บิน มุฮัมมัด บิน ม็อคเรน สาขาครอบครัวนี้ไม่มีบทบาททางการเมืองในสังคมซาอุฯ

    2 สาขาครอบครัวย่อย ที่มีความสัมพันธ์กับ “ซาอูดบิน มุฮัมมัด บิน ม็อคเรน” เป็นบิดาของมุฮัมมัด บินซาอูด ผู้สถาปนาซาอุดิอาระเบียครั้งแรก ประกอบด้วย อาลีมุฮัมมัด บินซาอูด -อาลีซานียาน – อาลี มาชารีและ อาลี ฟัรฮาน
    ฝ่ายอาลี ซานียาน มีอำนาจ เนื่องจากผูกญาติกับครอบครัวซุดัยรีย์ และอีกส่วนหนึ่งได้มาจากสืบเชื้อสายจากตระกูล อาลีเชค์ เพราะทั้งสองตระกูลนี้มีการแต่งงานระหว่างสองตระกูลกันอย่างแพร่หลายและวงกว้าง

    3 ตระกูลย่อยจาก “อิมามตุรกี บินอับดุลลอฮ์ บิน มุฮัมมัดบินซาอูด” ผู้สถาปนารัฐซาอูดครั้งที่สอง ประกอบด้วย อาลี ญัลวา อาลีตุรกี อาลีไฟศอล ซึ่ง สายตระกูล อาลีตุรกี อาลีไฟศอล มาจาก อาลี อับดุลรอฮ์มาน บินไฟศอล และอาลี ซาอูด บินไฟศอล คือ “ซาอูด อัลกะบียร์”

    การที่ “ซาอูดอัลกะบียร์” ถูกนับรวมในหมู่ตระกูลราชวงศ์ซาอูด เพราะหญิงคนหนึ่ง นามว่า “นูรอ” เป็นน้องสารของอับดุลอาซิส และเป็นภรรยาของ ซาอูด อัลกะบียร์ ในทัศนะของอับดุลอาซิสถือว่าน้องสาวคนนี้ “นูรอ” เป็นคนโปรดที่สุดในบรรดาน้องสาวและพี่สาวของเขา ด้วยเหตุนี้จึงพยายามให้สายตระกูลนี้ ขึ้นมามีอำนาจและมีบทบาทในประเทศ
    ส่วน อาลี ญัลวา ก็เป็นตระกูลย่อย แต่มีอิทธิพลและอำนาจในราชวงศ์ซาอูด ซึ่งสืบเชื้อสายมาจาก ญัลวาคนน้อง ที่สืบเชื้อสายจาก ไฟศอล ปูของอับดุลอาซิส และลูกหลานของตระกูลญัลวา ก็มีส่วนร่วมในการพิชิตกรุงริยาด ในปี 1902
    ปูของตระกูลนี้ “ญัลวา” เป็นตัวแทนของอิบนุซาอูด ในการทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหาร และมีความร่วมมือในการยึดตะวันออกของคราบสมุทรอาหรับ และในวันนี้ตระกูลนี้สามารถครอบครองและมีอำนาจในทางภาคตะวันออกของประเทศ

    ระหว่างตระกูล อาลี ญัลวา กับสองตระกูล อาลีซะดีรีย์และ อาลีศานิยาน เคยมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงมาแล้ว หนึ่งในกรณีตัวอย่างที่เด่นชัด คือ หลังจากที่ไฟศอล ถูกลอบสังหาร ซึ่งถือว่าตำแหน่งกษัตริย์จะต้องตกเป็นของครอบครัวญัลวา แต่เมื่อคอลิด ได้เสียชีวิตลงในปี 1982 ครอบครัวฝ่ายญัลวามีความเข้มข้นลดน้อยลงในการจะได้บังลังค์ อันเนื่องจากปัญหภายในบางประการ

    4 สายตระกูลหลัก ที่เกี่ยวข้องโดยตรงยังลูกหลานของกษัตริย์ อับดุลอาซิส บิน อับดุลรอฮ์มาน ผู้สถาปนารัฐซาอูดครั้งที่สาม ซึ่งบุคคลในตระกูลนี้ล้วนแล้วถูกเรียกว่าเจ้าชาย “ผู้สูงศักดิ์”

    ครอบครัวภายในตระกูล

    บนพื้นฐานของการแย่งชิงอำนาจของลูกหลานกษัตริย์ อับดุลอาซิส ซึ่งตระกูลเชื้อสายหลักที่มีการแย่งชิงอำนาจมีด้วยกันสามตระกูลดังนี้

    1 ฝ่ายสุดัยรีย์ กลุ่มนี้เป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในราชวงศ์ซาอูด อัลสุดัยรีย์ เป็นเผ่าอาหรับหนึ่งโดยปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่ผู้นำเผ่าชื่อว่า อะห์มัด บิน มุฮัมมัด อัลสุดัยรีย์ ได้ผูกสัมพันธ์กับครอบครัวของผู้ปกครอง และตระกูลนี้เป็นตระกูลแรกที่ให้การปกป้องสนับสนุนกษัตริย์อับดุลอาซิส

    ลูกชายของอับดุลอ่ซิส ได้แต่งงานกับลูกสาวของอะห์มัด บิน มุฮัมมัด อัลซะดีรีย์ นามว่า ฮุศศอฮ์ ผลของการแต่งงานของทั้งสองทำให้มีบุตรหญิงหลายคนและบุตรชาย 7 คน ซึ่งเป็นที่ถูกรู้จักในนาม เจ้าชาย 7 องค์

    สายตระกูลนี้ ประกอบด้วย

    -ฟาฮัด อดีตกษัตริย์คนที่เสียชีวิตแล้ว
    -ซุลฎอน บิน อับดุลอาซิส อดีตมกุฎราชกุมารและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม(เสียชีวิตแล้ว)
    -อับดุลรอฮ์มาน บิน อับดุลอาซิส อดีตรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
    -นาเยฟ บิน อับดุลอาซิส อดีตมกุฎราชกุมารและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม(เสียชีวิตแล้ว)
    -ตุรกี บิน อับดุลอาซิส อดีตรัฐมนตรีช่วยกลาโหมซาอุ
    -ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส รัชทายาทองค์ที่ 1 มกุฎราชกุมารคนปัจจุบัน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
    – และอะห์มัด บิน อับดุลอาซิส เคยคำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยแต่ได้ลาออกไปแล้ว

    หนึ่งในผลงานความสำเร็จของตระกูลนี้คือให้การสนับสนุนเจ้าชายไฟศอล ขึ้นครองอำนาจ

    และแม้นว่าหลังจากนั้น ตระกูลนี้ต้องสูญเสียเจ้าชายถึงสองคน คือ เจ้าชายสุลฏอน และเจ้านาเยฟ ในช่วงเวลาแปดเดือน แต่ก็ยังรักษาอำนาจไว้ในครอบครองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีการแบ่งตำแหน่งสำคัญต่างๆในประเทศให้กับลูกหลานในเครือญาติอีกด้วย

    2 เผ่าพันธุ์ “ชิมร์” หรือเผ่าของกษัตริย์อับดุลลอฮ์ กษัตริย์อับดุลลอฮ์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์หลังจากที่ กษัตริย์ฟาฮัด ได้เสียชีวิตลง ซึ่งกษัตริย์อับดุลลอฮ์ เป็นหัวเผ่าของตระกูลนี้ที่มีความโดดเด่น และอับดุลลอฮ์ ไม่มีพี่ชายและน้องชายร่วมมารดา มารดาของเขา ชื่อว่า ฟะฮ์ดะห์ บินติ อาศีย์ อัลชิมร์ เป็นเผ่าหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดและมีอำนาจบทบาทมากที่สุดในภาคเหนือของซาอุ (เผ่าชิมร์) ซึ่งเป็นอดีตศัตรูเบอร์หนึ่ง ของอิบนู ซาอูด

    กษัตริย์อับดุลลออฮ์ยังแสดงให้เห็นว่ามีความสนใจในปัญหาในท้องถิ่น ส่วนมากของเวลาของเขาจะใช้เวลาในการพบปะกับผู้นำชนเผ่า และในความเป็นจริงแล้ว กษัตริย์อับดุลลอฮ์เป็นผู้ปกป้องค่านิยมแห่งเผ่าพันธุ์ด้วยการนำมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบของชาตินิยมยุคสมัยใหม่ (ยุคใหม่) แต่ด้วยวิธีอนุรักษ์นิยม

    กษัตริย์อับดุลลอฮ์ ยังสามารถรวบรวมและเรียกบรรดาเจ้าชายจากเผ่าตระกูลย่อยต่างๆให้มาอยู่กับตน และได้ก่อตั้งหน่วยงานรักษาพระองค์แห่งชาติและติดตั้งอาวุธที่หนักและทันสมัย ซึ่งภารกิจหนึ่งของหน่วยงานรักษาพระองค์แห่งชาติ คือการปกป้องและรักษาบังลังก์

    หลังจากอับดุลลอฮ์ ขึ้นครองบักลังก์ ก็ได้เสริมสร้างความเป็นพันธมิตรกับบรรดาเจ้าชายทั้งหลายและพี่น้องต่างมารดาที่มาจากเผ่าไม่ใช่ “สุดัยรีย์” และอีกด้านหนึ่งได้แต่งตั้งให้ลูกหลานตนเอง ขึ้นไปมีบทบาทและดำรงตำแหน่งที่สำคัญของประเทศ เพื่อสร้างฐานโอกาสและอำนาจให้กับลูกหลานของตนในการกำหนดโครงสร้างให้กับอนาคตของประเทศ
    ซึ่งอับดุลลอฮ์ ได้แต่งตั้งบุตรชายขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยงานรักษาพระองค์แห่งชาติ และอับดุลอิส เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะสร้างฐานอำนาจในระบบโครงสร้างใหม่ในประเทศให้มั่นคงมากขึ้น

    ช่วงระยะเวลาหนึ่ง อับดุลลอฮ์ เคยเป็นตัวหลักในการต่อต้านอเมริกาในหมู่ครอบครัวของเขา แต่หลังจากขึ้นครองบังลังก์ ก็ได้เปลี่ยนท่าทีด้วยการให้ความร่วมมือ ผูกมิตรสัมพันธ์กับอเมริกาอย่างชัดเจนมากขึ้น

    ลูกหลานคนสำคัญของกษัตริย์ อับดุลลอฮ์

    -เจ้าชาย มัชอัล บิน อับดุลอาซิส ประธานวุฒิสภา (สภาบัยอัต)

    -อับดุลลอฮ์ บิน อับดุลอาซิส ที่ปรึกษาของกษัตริย์ในสำนักพระราชวงศ์

    -ม็อคเรน บิน อับดุลอาซิส ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของกษัตริย์ในสำนักพระราชวงศ์ และเป็นรัชทายาทคนที่หนึ่ง และอดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งชาติซาอุดิอาระเบีย

    -และ มะชารีย์ บิน ซาอูด ผู้ว่าการเมือง บาเฮห์ ซึ่งทั้งสี่ท่านล้วนเป็นผู้มีบทบาทและอิทธิพลจากครอบครัวสายตระกูลไม่ใช่สุดัยรีย์

    3 เผ่าแห่งลูกหลานของไฟศอล

    ลูกหลานของกษัตริย์ไฟศอล จะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากเผ่าตระกูลอับดุลลอฮ์ ที่ปราศจากการจัดระบบ แต่กระนั้นก็ตามก็ยังได้รับตำแหน่งที่สำคัญบางอย่างในประเทศ เช่น ซาอูด บิน ไฟศอล เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ คอลิด บิน ไฟศอล เป็นผู้ว่าการเมืองมักกะห์ และตุรกี บิน ไฟศอล อดีตหัวหน้าหน่วยงานสบราชการลับ และอดีตทูตของซาอุฯประจำอังกฤษ

    เผ่านี้มีลูกหลานของอับดุลอาซิส มากถึง 60 คน ซึ่งสมาชิกในครอบครัวส่วนใหญ่เป็นผู้มีการศึกษาในอเมริกาและยุโรป และมีอิทธิพลมากในโครงสร้างทางการเมืองของซาอุฯ และ ก็พยายามที่จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่าง สุดัยรีย์กับกษัตริย์อับดุลลอฮ์

    ความขัดแย้งระหว่างทั้งสามกลุ่มสามฝ่ายดังกล่าวนั้น ไม่ใช่เป็นปัญหาหลัก แต่ทว่าในช่วงที่มีความสำคัญเช่นนี้ มันย่อมเกิดความขัดแย้งอย่างแน่นอน แต่อาจจะลงเอ่ยในทิศทางที่ดีขึ้นด้วยการการเปลี่ยนแปลงในระดับบางส่วนจากเบื้องบนก็เป็นเป็นได้…..

    การสถาปนารัฐซาอูดครั้งแรก

    ราชวงศ์ซาอูดยุคแรกมีอำนาจปกครองอยู่เป็นเวลาประมาณ 75 ปี (ฮ.ศ.1157 – 1232) โดยมีผู้ปกครอง ดังนี้

    • มุฮัมมัด บิน ซาอูด ฮ.ศ.1157 – 1179

    • อับดุลอาซิส บิน มุฮัมมัด ฮ.ศ.1179 – 1218

    • ซาอูด บิน อับดุลอาซีส (ฮ.ศ.1218 – 1229)

    – อับดุลลอฮฺ บิน ซาอูด (ฮ.ศ.1229 – 1233) เขาถูกลอบสังหารในกรุงอิสตันบูลในประเทศตุรกี โดยอิบรอฮีม ฟอชา อุศมานี ทำให้ราชวงศ์ซาอูดล่มสลายไม่มีอำนาจรัฐเป็นเวลาเกือบ 80 ปี



    ผู้นำซาอุฯ หลังจากการล่มสลายของราชวงค์ซาอูด

    • ตุรกี บิน อับดุลลอฮฺ บิน มุฮัมมัด บิน ซาอูด ถูกสังหารเมื่อปี ฮ.ศ.1249

    • ไฟซอล บิน ตุรกี บิน อับดุลลอฮฺ เป็นผู้นำต่อไป เสียชีวิตเมื่อ ฮ.ศ.1282

    • อับดุลรอฮฺมาน บินไฟซอล บิน ตุรกี ได้เป็นผู้นำไปจนปี ฮ.ศ. 1346



    การสถาปนาแห่งราชวงศ์ซาอูดครั้งที่ 2

    ปี ฮ.ศ. 1319 กษัตริย์อับดุลอาซีส บิน อับดุลรอฮฺมาน ได้เดินทางออกจากคูเวตกลับคืนสู่กรุงริยาด โดยความร่วมมือและสนับสนุนจากวงศ์ศาคณาญาติที่ยึดมั่นปฏิบัติตามแนวทางวะฮาบี จักรวรรดินิยมประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสในขณะนั้น สามารถยึดครองอำนาจเหนือแผ่นดินฮิญาซได้สำเร็จ โดยใช้ระยะเวลาในการทำสงครามต่อสู้กันอยู่ 20 ปี จึงเปลี่ยนชื่อแผ่นดินฮิญาซเป็นซาอุดีอาระเบียตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (9)

    รูปแบบและวิธียึดครองอำนาจเหนือแผ่นดินฮิญาซ

    อับดุลอาซีส บิน อับดุลรอฮฺมาน อาลี ซาอูด กำเนิดปี ค.ศ.1880 ได้ถูกกดดันจากอัลรอชีดอย่างหนัก จนต้องอพยพครอบครัวจากกรุงฮิญาซไปอาศัยอยู่ในคูเวต ในเดือนตุลาคมปี ค.ศ.1901 ด้วยวัย 25 ปี ได้เดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองนัจดฺเพื่อล้างแค้นทวงคืนเอากรุงฮิญาซ และสามารถยึดกรุงฮิญาซได้สำเร็จในปี ค.ศ.1902 แล้วเริ่มล่าอาณานิคมแผ่ขยายอาณาเขตต่อไป

    ต่อมา ในปี ฮ.ศ 1322 อับดุลอาซีส ได้รับการสนับสนุนกองกำลังจากอุศมานี อัลรอชีด จนสามารถยึดเมืองนัจดฺได้สำเร็จ อัลรอชีดเสียชีวิตในปี ค.ศ.1906 ส่งผลให้อับดุลอาซีสแผ่ขยายอำนาจไปครอบคลุมเขตอิทธิพลของอัลรอชีดได้ทั้งหมด ปี ค.ศ.1913 ก็สามารถยึดเมือง อิฮฺซะอฺได้สำเร็จแล้วขยายอาณาเขตของตนไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย

    จักรวรรดินิยมอังกฤษในขณะนั้นก็พยายามขับไล่ราชวงศ์อุศมานียะฮฺ (ออตโตมาน) ให้หมดอำนาจไปจากแผ่นดินอาหรับใน ปี ค.ศ.1916 และในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษก็ให้การรับรองการปกครองเมืองนัจดฺของอับดุลอาซีสอย่างเป็นทางการ

    ปี ค.ศ.1925 เกิดกรณีพิพาทระหว่างมักกะฮฺกับอังกฤษ อับดุลอาซีสได้เข้ายึดฮิญาซแล้วสถาปนาตนเองขึ้นเป็นผู้ปกครองนัจดฺและฮิญาซอย่างเป็นทางการ

    เดือนมกราคม ปี ค.ศ.1926 อับดุลอาซีสได้ประกาศสถาปนาประเทศซาอุดิอารเบียโดยรัฐบาลอังกฤษยอมปฏิบัติตามสัญญาสัมพันธไมตรีกับกรุงญิดดะฮฺ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1927 แต่การประกาศสถาปนาประเทศซาอุดิอาระเบียโดยเอาชื่อของบรรพบุรุษตนเป็นชื่อประเทศ และตั้งตนเองเป็นกษัตริย์แห่งซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการนั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 เดือนกันยายน ค.ศ. 1932

    ซาอูด บิน อับดุลอาซีส ครองอำนาจ 11 ปี ตั้งแต่ปี ฮ.ศ.1377 -1388

    ไฟซอล บิน อับดุลอาซีส ครองอำนาจ 7 ปี ต่อจากพี่ชายที่เสียชีวิตตั้งแต่ปี ฮ.ศ.1388 -1395 ยุคนี้เองได้มีการขยายอาณาบริเวณมัสยิดดิลฮะรอม มหานครมักกะฮฺ และมัสยิดนบี มหานครมะดีนะฮฺ

    คอลิด บิน อับดุลอาซีส ขึ้นครองอำนาจ 7 ปี ต่อจากพี่ชายที่ถูกลอบสังหารเสียชีวิตตั้งแต่ปี ฮ.ศ.1395 -1402

    ฟาฮัด บิน อับดุลอาซีส ขึ้นครองอำนาจ 24 ปี ต่อจากพี่ชายที่ถูกลอบสังหารเสียชีวิตตั้งแต่ปี ฮ.ศ.1402 -1426

    อัลดุลลอฮฺ บิน อับดุลอาซีส กำเนิด ปี ฮ.ศ. 1325 ขึ้นครองอำนาจแทนที่พี่ชาย ตั้งแต่ปี 1426 จนถึงปัจจุบัน…และวันนี้ (23 มกราคม 2558) ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 90 ปี



    source : چشم‌انداز جانشینی قدرت در عربستان سعودی/۴ نگاهی به جناح‌های درونی قدرت در آل‌ سعود/ رقابت ۲ شاخه اصلی و نقش فرزندان فیصل

    เจาะลึก! โครงสร้างแห่ง “อำนาจ” ในราชวงศ์ซาอุฯ | abnewstoday
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประวัติศาสตร์[แก้] ประเทศซาอุดีอาระเบีย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    [​IMG]

    ประวัติศาสตร์ประเทศซาอุดีอาระเบียเริ่มขึ้นประมาณปี 1850 ในใจกลางคาบสมุทรอาหรับ เมื่อ มุฮัมมัด บินซะอูดผู้นำท้องถิ่นได้ร่วมมือกันกับ มุฮัมมัด บินอับดุลวะฮาบ ก่อตั้งอาณาจักรใหม่ขึ้นมา เรียกว่า ราชอาณาจักรซาอุดีแรก โดยแยกออกจากอาณาจักรออตโตมัน แต่ประเทศที่เป็นซาอุดีอาระเบียในปัจจุบันนั้นสถาปนาขึ้นเป็นครั้งที่สองโดยกษัตริย์อับดุลอะซีซ อาลซะอูด (หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนามของ อิบนุซะอูด) ในปี 1902 อิบนุซะอูดได้ยึดริยาดซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของราชวงศ์ซะอูด คืนมาจากตระกูลอัลรอชีด ซึ่งเป็นศัตรูคู่แข่งของราชวงศ์ซะอูด ต่อจากนั้น ก็ได้กรีฑาทัพเข้ายึดแคว้นต่าง ๆ มาได้ ได้แก่ อัลฮะสาอ์, นะญัด และฮิญาซ อันเป็นที่ตั้งของนครมักกะฮ์และนครมะดีนะฮ์ ในปี 1932 อิบนุซะอูดได้ทำการรวมประเทศขึ้นเป็นราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

    การเจรจาทำสนธิสัญญาแบ่งเส้นเขตแดนระหว่างซาอุดีอาระเบียกับจอร์แดน อิรัก และคูเวต มีขึ้นช่วงทศวรรษ 1920 และได้มีการจัดตั้ง "เขตเป็นกลาง" ขึ้นด้วยกัน 2 แห่ง คือระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิรัก และซาอุดีอาระเบียกับคูเวต ในปี 1971 ได้มีการแบ่งเขตเป็นกลางระหว่างซาอุดีอาระเบียกับคูเวต โดยให้แต่ละฝ่ายแบ่งทรัพยากรน้ำมันกันอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนการแบ่งขตเป็นกลางระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิรักได้เสร็จสิ้นลงในปี 1983 ทางด้านเขตแดนตอนใต้ที่ติดกับเยเมนนั้น มีการเจรจาแบ่งเขตแดนโดยสนธิสัญญาฏออิฟ ในปี 1934 (พ.ศ. 2477) แต่ก็สิ้นสุดลงด้วยการสู้รบระหว่างสองประเทศ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ เขตแดนระหว่างซาอุดีอาระเบียกับเยเมนในบางพื้นที่ก็ยังมิได้แบ่งลงไปอย่างแน่ชัด ส่วนเขตแดนที่ติดกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้นสามารถตกลงกันได้ในปี 1974 สำหรับเขตแดนกับกาตาร์นั้นยังเป็นปัญหาอยู่

    “TO the kings of saudi how are you? enemy kill you. I'm very sad. I meet you and do somethings for us (all yahoyah and esus and you) to marry in the heaven yesterday. I choose the yellow flowers to do. because I can't to see the another flowers. you can go to see me at my home my dalings. you must do everythings by use the word. word from god. แม้ความตายก็ไม่อาจพรากสองเราให้จากกันได้ นี่คือความรักของพระเจ้าที่มีต่อกัน I meet you. da god for justment” — อิบนุซะอูด

    อิบนุซะอูด สิ้นพระชนม์ในปี 1953 และพระราชโอรสองค์โตคือเจ้าชายซะอูด ได้ขึ้นครองราชย์ต่อมาอีก 11 ปี ในปี 1964 กษัตริย์ซะอูดได้สละราชสมบัติให้กับเจ้าชายฟัยศ็อล ซึ่งเป็นน้องชายต่างมารดาและดำรงตำแหน่ง รมว.กต.อยู่ด้วย กษัตริย์ฟัยศ็อล เป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบียพัฒนาไปสู่ระบบที่ทันสมัย

    ซาอุดีอาระเบียมิได้ส่งกำลังทหารเข้าร่วมรบในสงครามหกวันระหว่างอาหรับกับอิสราเอล แต่ได้ให้เงินช่วยเหลือรายปีแก่อียิปต์ จอร์แยเหลือเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ ในช่วงสงครามอาหรับ-อิสราเอล ปี 1973 ซาอุดีอาระเบียได้เข้าร่วมการคว่ำบาตรทางน้ำมันต่อสหรัฐอเมริกาและเนเธอร์แลนด์ ในฐานะสมาชิกของโอเปก (OPEC) ซาอุดีอาระเบียได้ร่วมกับประเทศสมาชิกอื่น ๆ ขึ้นราคาน้ำมันในปี 1971 ภายหลังสงครามปี 1973 ราคาน้ำมันได้พุ่งสูงขึ้นอย่างมากนำความมั่งคั่งและอิทธิพลทางการเมืองมาสู่ซาอุดีอาระเบีย

    ในปี 1975 กษัตริย์ฟัยศ็อล ถูกลอบสังหารโดยหลานชายของพระองค์เอง เจ้าชายคอลิด พระอนุชาต่างมารดาได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อมาและยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย กษัตริย์คอลิด ได้แต่งตั้งเจ้าชายฟะฮัด น้องชายต่างมารดาของพระองค์เป็นมกุฎราชกุมาร และมอบหมายให้มีอำนาจให้ดูแลกิจการภายในประเทศและต่างประเทศ ในรัชสมัยของกษัตริย์คอลิด เศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบียได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและซาอุดีอาระเบียได้มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในเวทีการเมืองในภูมิภาคและในเวทีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในปี 1982 กษัติรย์ฟะฮัดได้ขึ้นครองราชย์และดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนกษัตริย์คอลิด ซึ่งสิ้นพระชนม์ลง กษัตริย์ฟะฮัดได้แต่งตั้งเจ้าชายอับดุลลอฮ์ น้องชายต่างมารดาซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการของซาอุดิอาระเบียขึ้นเป็นมกุฎราชกุมาร ส่วนเจ้าชายสุลต่านรัฐมนตรีกลาโหมซึ่งเป็นน้องชายแท้ ๆ ของกษัตริย์ฟะฮัด ได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีคนที่สอง

    ภายใต้รัชสมัยของพระราชาธิบดีฟะฮัด เศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบียได้ปรับสภาพให้เข้ากับรายได้จากน้ำมันซึ่งมีราคาตกต่ำลงอย่างมากอันสืบเนื่องมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกซึ่งตกต่ำลงในช่วงสงครามอิรัก-อิหร่าน ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการให้มีการหยุดยิงระหว่างอิรัก-อิหร่านในปี 1988 และในการก่อตั้งคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศรัฐริมอ่าว 6 ประเทศ
    ในระหว่างปี 1990-1991 พระราชาธิบดีฯ มีบทบาทสำคัญทั้งก่อนหน้าและระหว่างสงครามอ่าวเปอร์เซีย (Gulf War) โดยพระองค์ได้ช่วยเป็นจุดศูนย์กลางในการระดมความสนับสนุนความช่วยเหลือ และได้ใช้อิทธิพลของพระองค์ในฐานะผู้พิทักษ์มัสญิดต้องห้ามอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง ชักชวนให้ประเทศอาหรับและอิสลามเข้าร่วมในกองกำลังผสม

    ---
    การเมือง[แก้]
    อนหน้าปี 2534 ซาอุดีอาระเบียใช้กฎหมายอิสลามเป็นหลักในการปกครองประเทศโดยพระมหากษัตริย์มีอำนาจเด็ดขาดและสูงสุดในการบริหารประเทศ ต่อมาหลังจากวิกฤตการณ์อิรัก-คูเวต ได้มีความเคลื่อนไหวจากประชาชนบางส่วนให้มีการพัฒนารูปแบบการปกครองให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย พระราชาธิบดีฯ จึงได้วางรูปแบบการปกครองอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรก โดยประกาศใช้พระราชกฤษฎีกา 3 ฉบับ เมื่อเดือนมีนาคม 2534 กฎหมายดังกล่าวระบุว่า การปกครองเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช พระมหากษัตริย์ มีอำนาจสูงสุด เป็นผู้แต่งตั้งและเพิกถอนครม. และสภาที่ปรึกษา (Shura) สภาที่ปรึกษานี้ถือเป็นพัฒนาการใหม่ของซาอุดีอาระเบีย ทีเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ แต่ก็เป็นเพียงในฐานะที่ปรึกษาเท่านั้น มิใช่สภานิติบัญญัติเช่นประเทศอื่นๆ แม้ว่าในทางกฎหมายพระราชาธิบดีฯ มีอำนาจสิทธิขาดในปกครองประเทศ แต่ในทางปฏิบัติ พระราชาธิบดีฯ จะใช้วิธีดำเนินนโยบายที่ได้รับความเห็นชอบร่วมกัน (consensus) จากกลุ่มต่างๆ ในประเทศ อาทิ ประชาชน ฝ่ายศาสนา ทหาร ราชวงศ์ และนักธุรกิจ

    ---
    การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]
    ซาอุดีอาระเบียแบ่งการปกครองเป็น 13 เขตการปกครอง (mintaqah)[1]
    1. อัลบาฮะหฺ (Al Bahah)
    2. อัลฮุดูด อัช ชะมาลียะหฺ (Al Hudud ash Shamaliyah)
    3. อัลเญาฟุ (Al Jawf)
    4. อัลมะดีนะฮ์ (Al Madinah)
    5. อัลกอซิม (Al Qasim)
    6. อัรริยาด (Ar Riyad)
    7. อัชชัรกิยะหฺ (Ash Sharqiyah, Eastern Province)
    8. อะซีร์ ('Asir)
    9. ฮาอิล (Ha'il)
    10. ญีซาน (Jizan)
    11. มักกะฮ์ (Makkah)
    12. นัจญ์รอน (Najran)
    13. ตะบูก (Tabuk)

    ---
    ภูมิศาสตร์[แก้]
    ทะเลทรายในซาอุดีอาระเบีย
    ประเทศซาอุดีอาระเบียตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทิศเหนือติดอิรักและจอร์แดน ทิศตะวันออกติด คูเวต กาตาร์ บาห์เรน ทิศตะวันตก อียิปต์ ทิศใต้ติดเยเมน ติดอ่าวอาหรับ (อ่าวเปอร์เซีย)มีพื้นที่ ประมาณ 2149690 ตร.กม.

    --
    เศรษฐกิจ[แก้]
    ซาอุดีอาระเบีย มีปริมาณน้ำมันสำรองมากที่สุดในโลก คิดเป็นประมาณ 260 พันล้านบาร์เรลหรือประมาณเศษหนึ่งส่วนสี่ของปริมาณน้ำมันสำรองของโลก โดยที่รายรับของประเทศประมาณ 2 ใน 3 มาจากการส่งออกน้ำมัน เศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบีย จึงขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันโลกค่อนข้างมาก ในช่วงหลังสงครามอิรัก-คูเวต ภาระค่าใช้จ่ายในระหว่างวิกฤตการณ์อ่าวเปอร์เซียประกอบกับรายได้ที่ลดลงจากการตกต่ำของราคาน้ำมัน และรายจ่ายภาครัฐบาลซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้ออาวุธ ทำให้ซาอุดีอาระเบีย เผชิญปัญหาขาดดุลงบประมาณติดต่อกัน อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจโดยรวมของซาอุดีอาระเบีย ยังอยู่ในสภาพที่มั่นคง การลงทุนภาคเอกชนมีมากขึ้น ความพยายามในการกระจายรายรับโดยการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่น้ำมันเริ่มประสบผลสำเร็จ

    ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในต่อหัว (Per Capita Gross Domestic Product GDP Per Capita) ของซาอุดีอาระเบีย มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 เป็นต้นมาเนื่องจากอัตราเพิ่มของประชากรมีมากกว่าอัตราความเจริญทางเศรษฐกิจ
    ศาสนา[แก้]
    ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามประมาณ 80%

    อ้างอิง[แก้]
    1. กระโดดขึ้น↑ ใช้คำว่า มินฏอเกาะห์ ในคำเอกพจน์ ใช้คำว่า มินฏอกอต ในคำพหูพจน์ (mintaqat)
    2. กระโดดขึ้น↑ Central Department of Statistics & Information [1]
    • ประเทศซาอุดีอาระเบีย จากเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศ

    https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศซาอุดีอาระเบีย
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    . "Yanis Varoufakis กับ Joseph Stiglitz " สัมมนาเรื่องกรีซ เมื่อ 9 เมษายน ที่ผ่านมา
    ... เห็นภาพนี้แล้วคงเดาได้ว่ากรีซคงจะปรองดองกับเจ้าหนี้ยาก ... สติกลิตส์ อดีตนักเศรษฐสาศตร์โนเบล ไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของเจ้าหนี้ เพราะจะทำให้นักศึกษาไม่ได้เรียน ข้าราชการต้องถูกปลด เขาค้านการรัดเข็มขัดมาโดยตลอด ... ทำให้นึกถึง พอล ครู๊กแมนที่แนะนำมาเลเซียให้ใช้วิธีการ Capital control กักเงินไม่ให้ไหลออก แล้วอาจจะตามด้วยหันหน้าหาบริกส์ ... เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติ เพื่อรักษาสมบัติชาติเอาไว้ให้ได้ ไม่ต้องออก พรบ. แปรรูปรัฐวิสาหกิจ

    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/OY3Qxm6BoUI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    27. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
    คำพูดที่ว่าเสือไม่ทิ้งลายนั้นถูกที่สุดเมื่อเอามาใช้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ คือเลวอย่างไรก็เลวอย่างนั้นไม่มีวันเปลี่ยน
    ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งปี1997 ไอเอ็มเอฟโดนวิจารณ์หนักมากว่าโปรแกรมที่ให้ความช่วยเหลือทั้งไทยและอินโดเนเซียโหดสุด เพราะว่าไอเอ็มเอฟหมกมุ่นกับการดูแลผลประโยชน์ของเจ้าหนี้ที่เป็นแบงค์ต่างชาติ ให้ยาแรงทั้งด้านการคลังและการเงินจนฉิบหายหนักทั้งสองประเทศ
    ในทางการคลังไอเอ็มเอฟให้ไทยและอินโดเนเซียลดการใช้จ่ายภาครัฐ ตัดการอุดหนุนงบประมาณทางสังคม เพื่อว่าจะมีเงินดูแลในารเพิ่มทุนแบงค์ที่ล้มละลายจากหนี้เสียเพราะว่าเงินไหลออกจากระบบการเงินจนแบงค์เจ้งหมด และค่าเงินตกแบบกู่ไม่กลับ ในทางการเงิน ไอเอ็มเอฟแนะให้ไทยและอินโดเนเซียขึ้นดอกเบี้ยสูงเหยียดฟ้าเพื่อปกป้องค่าเงิน จนดอกเบี้ยไทยไปสูงเกือบ 20%
    ผลของยาที่แรงนี้ทำให้เศรษฐกิจไทยฉิบหายหนักในปี1998หลังจากรับการช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟ จีดีพีตกเหมือนคนท้องร่วง เพราะงบประมาณเกินดุลแทนที่จะขาดดุลเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และดอกเบี้ยสุดโหด ส่วนอินโดเจอจลาจลทางสังคมเพราะว่ารัฐบาลตัดเงินอุดหนุนน้ำมัน ทำให้ค่าครองชีพคนอินโดที่รายได้ต่ำอยู่แล้วไม่พอกินพอใช้ จนประธานาธิบดีซูฮาร์โต้เซแทบทรุด
    ภาพถ่ายนายMichel Camdessusผู้อำนวยการของไอเอ็มเอฟยืนเท้าสะเอวดูซูฮาร์โต้เซ็นรับเงื่อนไขไอเอ็มเอฟเหมือนกับจักรวรรดินิยมสั่งยึดประเทศอาณานิคมที่ต้องจำยอม
    หลังจากวิกฤติต้มยำกุ้งมีการวิจารณ์ไอเอ็มเอฟอย่างกว้างขวางว่าให้ยาคนไข้ผิด อย่างกรณีไทย เราไม่ได้มีปัญหาหนี้ภาครัฐ มีแต่ปัญหาหนี้ของแบงค์และบริษัท ภาคประชาชนก็ไม่มีหนี้ ในเมื่อรัฐไม่มีปัญหาหนี้ก็สามารถดำเนินนโยบายงบประมาณเกินดุลได้เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจที่ล่มสลายจากภาคการเงินและภาคธุรกิจเนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยปกป้องค่าเงินบาทจนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศหมดเกลี้ยงกระเป๋า นโยบายการเงินไม่สมควรจะให้ไทยขึ้นดอกเบี้ยไปถึง18%เพื่อปกป้องค่าบาท เพราะว่าดอกเบี้ยสูงอย่างนั้น อาจจะปกป้องค่าเงินได้ชั่วคราว แต่ทำให้ภาคธุรกิจตายสนิท ถ้าธุรกิจตายสนิท แบงค์ก็ต้องเจ้งทั้งระบบ แล้วค่าเงินจะยืนอยู่ได้อย่างได้ ส่วนเรื่องการสั่งให้บิ๊กจิ๋วปิดแบงค์ก็เป็นนโยบายที่ผิด ความจริงควรต้องให้ควบรวมกิจการแบงค์ โดยแยกทรัพย์สินดีออกจากทรัพย์สินที่เลว (non-performing loans) การปิดแบงค์ทำให้ระบบการเงินไทยเป็นอัมพาตทันที
    ผลของการวิจารณ์เรื่องยาแรงของไทยและอินโดเนเซียนี้ทำให้เกิดมีการคิดใหม่ในองค์กรไอเอ็มเอฟว่าต่อไปไม่ควรจะใช้ยาสูตรเดียวกับทุกประเทศ และที่สำคัญการแก้ปัญหาวิกฤติการของของประเทศ ควรจะคำนึงถึงปัญหาสังคมที่ตามมาด้วย
    ในทางสาธารณะ ไอเอ็มเอฟรักษาหน้าตัวเองด้วยการบอกว่าโปรแกรมที่ทำกับไทยอาจจะมีข้อบกพร่องบ้าง แต่โดยรวมแล้วโอเค เพราะว่าไทยสามารถฟื้นหลังจากนั้น และสามารถจ่ายหนี้คืนไอเอ็มเอฟได้ แต่ในทางส่วนตัว ไอเอ็มเอฟยอมรับว่ายาที่ให้ไทยแรงเกินไป และควรที่จะเป็นบทเรียนสำหรับไอเอ็มเอฟในการวางโปรแกรมช่วยเหลือประเทศที่ประสบวิกฤติการเงินต่อไป
    ทีนี้ย้อนกลับมาดูว่าไอเอ็มเอฟกำลังทำอะไรกับกรีซบ้าง จะเห็นว่าไอเอ็มเอฟก็ยังคงเป็นไอเอ็มเอฟอยู่ดี ไม่ทิ้งลายเลว คือให้ยาแรงกับประเทศที่ขอกู้เงินเพื่อให้ประเทศนั้นเจ้ง แบงค์หรือต่างชาติจะได้เข้าไปฮุบกิจการและซื้อของถูกในประเทศนั้นได้ ประเทศไทยเสียเมืองในปี1997แล้ว แต่คนไทยจำนวนมากยังไม่เข้าใจ ดูไม่ออกกัน
    thanong
    24/6/2015
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [​IMG]

    เราคงจะคาดหวังจะได้รับความช่วยเหลือจาก IMF เวลาเราประสบปัญหา คงไม่ได้ จากเฟสอาจารย์ Thanong Fanclub ภาพถ่ายนายMichel Camdessusผู้อำนวยการของไอเอ็มเอฟยืนเท้าสะเอวดูซูฮาร์โต้เซ็นรับเงื่อนไขไอเอ็มเอฟเหมือนกับจักรวรรดินิยมสั่งยึดประเทศอาณานิคมที่ต้องจำยอม คนประเภทนี้น่ะหรือที่จะช่วยเหลือใครเพราะความเห็นใจ ยือเอามือกอดอก เหมือนเจ้าหนี้เงินโหดมากกว่าน่ะครับ
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    28. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
    มีข่าวออกมาว่าเจ้าหนี้บางรายไม่เห็นด้วยกับแผนปฏิรูปการเงินของกรีซที่ได้นำเสนอให้กับทรอยก้า -- ไอเอ็มเอฟ สหภาพยุโรปและธนาคารกลางยุโรป ผู้ที่ไม่เห็นด้วยนอกจากจะเป็นเยอรมันที่มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมากแล้ว ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากไอเอ็มเอฟ
    แผนปฏิรูปการเงินของนายAlexis Tsipras นายกรัฐมนตรีหนุ่มของกรีซที่นำเสนอให้เจ้าหนี้เพื่อแลกกับการเบิกจ่ายเงินกู้ก้อนใหม่จำนวน7,200ล้านยูโรถูกไอเอ็มเอฟให้สอบตก ถ้าสอบตกหมายความว่ากรีซจะไม่สามารถชำระหนี้1,600ล้านยูโรได้ภายในวันที่30มิถุนายนนี้ เพราะว่าไม่สามารถเอาอัฐยายมาจ่ายหนี้ยายได้
    ที่ขัดแข้งกันระหว่างไอเอ็มเอฟกับกรีซในแผนปฏิรูปการเงินนี้ คือนโยบายการใช้จ่ายและนโยบายการหารายได้
    นายซิปราสต้องการเพิ่มรายได้ของรัฐผ่านการเก็บภาษีรายได้นิติบุคคลหรือคนรวย และไม่ต้องการลดการใช้จ่ายบำนาญและเงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐ ในแผนของเขาจะเพิ่มรายได้7,900ล้านยูโร ที่ไม่ต้องการลดงบประมาณของเงินบำนาญเพราะว่าจะเป็นการทรยศกับประชาชนที่เลือกเข้ามา คนกรีกกินบำนายมาก แค่นี้ก็จนตายอยู่แล้ว ถ้าลดบำนาญอีก มีหวังต้องกัดก้อนเกลือกินแทนขนมปัง
    แต่นายOliver Blanchard ผู้อำนายการฝ่ายวิจัยของไอเอ็มเอฟเห็นว่ากรีซไม่ควรเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษีมากเกินไป แต่ควรเน้นการตัดรายจ่ายมากกว่า เพราะว่าภาษีที่สูงจะทำให้จีดีพียิ่งลงเหว จีดีพีกรีซติดลบไปแล้ว26%ในระยะ4-5ปีที่ผ่านมา Blanchardเห็นว่าการตัดรายจ่ายจะช่วยให้กรีซทำงบประมาณเกินดุล เพื่อสร้างความมั่นใจว่ากรีซกำลังแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยที่กรีซควรลดงบประมาณบำนาญจาก16%ต่อจีดีพี ให้เหลือ15%ต่อจีดีพี หรือลดการใช้จ่ายส่วนนี้ลง1,800ล้านยูโรต่อปี
    ส่วนเรื่องภาษีVAT ไอเอ็มเอฟต้องการให้กรีซขยายฐานภาษีและขึ้นภาษีพร้อมกัน แต้กรีซไม่ต้องการขึ้นVATในหมวดยาและไฟฟ้า
    ด้วยเหตุผลนี้เองที่Christine Lagarde ผู้อำนวยการของไอเอ็มเอฟมีท่าทีที่ไม่ยอมรับข้อเสนอของนายTsipras ที่ทำการบ้านส่งครูโดยตอบโจทย์อีกอย่าง ทั้งๆที่การบ้านต้องการให้มีคำตอบอีกอย่าง
    ทางเยอรมันมีข่าวว่ารมวคลัง Wolfgang Schaubleมีความเห็นไม่ลงรอยกับนายกAngela Merkelเพราะว่าเขาไม่ยอมลดลาวาศอกให้กรีซ เพราะกลัวว่าจะเป็นเยี่ยงอย่างให้ประเทศในเขตยูโรโซนอื่นๆ
    ส่วนนายMario Draghi ผู้ว่าการธนาคารกลางของยุโรปขู่นายTsipras ว่าถ้ากรีซไม่เดินตามแผนปฏิรูปการเงินที่เจ้าหนี้เห็นชอบ ธนาคารกลางยุโรปจะถอดปลั๊กไม่ให้เงินกู้สภาพคล่องเร่งด่วนให้ธนาคารกรีซที่โดนถอนเงินฝากวันละหลายร้อยล้านยูโร สัปดาห์ที่แล้วระบบแบงค์กรีซโดนถอนเงินไปแล้ว4,000ล้านยูโร จนสภาพคล่องในประเทศเหือดแห้งเหมือนภัยแล้งในประเทศไทยเวลานี้
    ฝรั่งเศสอาจจะมีทีท่าเห็นใจกรีซมากกว่าเพื่อนเพราะว่านายFrancois Hollandeขึ้นมาเป็นผู้นำได้เพราะว่าสัญญากับประชาชนว่าจะไม่ใช้นโยบายรัดเข็มขัดมาก แต่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจและจ้างงาน ด้วยการก่อหนี้เพิ่ม ท่าทีนี้ขัดแย้งกับเยอรมันที่ต้องการเห็นฝรั่งเศสลดการใช้จ่ายภาครัฐให้อยู่ในกรอบของสหภาพยุโรป
    จะเห็นได้ว่าไอเอ็มเอฟจุ้นจ้านเรื่องแผนปฏิรูปการเงินของกรีซในส่วนที่เป็นรายจ่ายเงินบำนาญ โดยที่ถ้ากรีซทำตาม พวกคนจนระดับล่างสุด จะโดนตัดเงินบำนาญหมด ไอเอ็มเอฟไม่สนใจว่าคนกรีกจะอยู่หรือจะตาย ขอให้ทำตามแผนการเงินเพื่อฟื้นความมั่นใจ ซึ่งไม่รู้ว่าจะฟื้นได้เมื่อไหร่ เพราะว่ากรีซเป็นเด็กดีทำตามหมอสั่งแล้ว แต่จีดีพีหดแล้วหดอีก จนประชาชนทนไม่ไหว ต้องเลือกนายTsiprasเข้ามาล้มโต๊ะเจรจา ทำให้โปรแกรมระหว่างกรีซและเจ้าหนี้อยู่ในสภาพชะงักงันมา5เดือนกว่าแล้ว
    แสดงว่าบทเรียนที่ไอเอ็มเอฟผิดพลาดในโปรแกรมไทยและอินโดเนเซียโดยสัญญาว่าต่อไปจะให้น้ำหนักปัญหาทางสังคมควบคู่กับการแก่้ปัญหาการเงิน ไม่ได้รับการใส่ใจ แค่แก้เกี้ยวตอนนั้น นโยบายไอเอ็มเอฟยังเหมือนเดิม คือบี้ลูกหนี้ให้เศรษฐกิจและระบบการเงินแฟบจนถึงกระดูก แล้วแบงค์และนักลงทุนต่างชาติจะได้เข้าไปซื้อของถูก หลังจากนั้นเศรษฐกิจต้องฟื้นเป็นธรรมดาเพราะว่าแฟบไปถึงกระดูกแล้ว แต่การฟื้นนั้น แบงค์และต่างชาติที่บงการไอเอ็มเอฟเป็นผู้ครอบงำประเทศที่เป็นเหยือโดยสมบูรณ์เหมือนกับที่ทำกับไทย ที่กิจการใหญ่ๆ โดนซื้อหมด แบงค์โดนต่างชาติเข้ามาฮุบ และต้องเปลี่ยนกฎหมายให้ต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจต่างๆเพื่อครอบงำไทย ให้คนไทยเป็นแค่ทาสเงินเดือน
    เมืองไทยตอนนั้นไม่มีทางเลือกมากนักต้องยอมไอเอ็มเอฟ แต่นายTiprasกำลังเล่นเกมกับเจ้าหนี้ โดยที่อาจจะถือไพ่เหนือกว่าเจ้าหนี้ด้วยซ้ำ เพราะว่าถ้ากรีซไป ยุโรปจะไปด้วย
    thanong
    24/6/2015
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    29. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
    ถือว่าวัดดวงกันก็แล้วกันว่าใครจะอยู่จะไปทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้
    เพราะว่านายTsiprasนำเสนอแผนปฏิรูปการเงินให้เจ้าหนี้โดยที่รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าหนี้จะไม่ยอมรับ เพราะว่าเขาไม่ยอมลดงบประมานการใช้จ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดงบประมาณบำนาญ ซึ่งจะเป็นการทรยศประชาชนที่เลือกเขาเข้ามา
    ข่าวที่ออกมาว่าเจ้าหนี้พอใจกับแผนปฏิรูปการเงินของกรีซในวันจันทร์และวันอังคารจึงเป็นข่าวลวงเพื่อปั่นตลาดการเงินของยุโรป เพราะว่ามาวันพุธหรือวันนี้ ถึงเริ่มจะมีกระแสข่าวว่าเจ้าหนี้ ไอเอ็มเอฟและทางเยอรมันไม่พอใจกับแผนปฏิรูปการเงินของกรีซ
    วันนี้Tsiprasเจอกับเจ้าหนี้3เจ้าคือChristine Lagarde แห่งไอเอ็มเอฟ Jean-Claude Juncker แห่งสหภาพยุโรป และMario Draghiแห่งอีซีบีเพื่อเจรจาแผนปฏิรูปการเงินของกรีซ ก่อนที่เขาจะเข้าร่วมประชุมผู้นำของอียูในวันพรุ่งนี้ หรือวันที่25มิถุนายน
    เจ้าหนี้3เจ้านี้จะว่าอย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นเรื่องการตัดสินใจทางการเมือง อยู่ที่ว่านางเสือร้ายAngela Merkelผู้นำเยอรมันจะเอาอย่างไรมากกว่า เพราะว่าเยอรมันเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่และเป็นสปอนเซอร์ตัวจริงของยุโรป
    ถ้าMerkelยอมผอนปรน เกมหนี้กรีซจะเดินหน้าต่อไป ยืดอายุต่อไปได้อีกแบบKick the can down the road แต่ถ้าเธอไม่ยอม เกมจะโอเวอร์ กรีซต้องผิดชำระหนี้และต้องออกจากเขตยูโรโซน ยุโรปจะป่วนอย่างหนัก
    เดิมทีกรีซเป็นหนี้แบงค์ ไปๆมาๆ ทรอยก้ามาจากไหนก็ไม่รู้ขอแบกรับหนี้กรีซและเป็นตัวเจ้ากี้เจ้าการในการจัดโปรแกรมแก้ไขปัญหาการเงินหรือหนี้ของกรีซ โดยที่ไม่มีนโยบายลดหนี้ Hair cutแม้แต่ยูโรเดียว ความจริงปัญหาล้มละลายของกรีซต้องแก้ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ คือเจ้าหนี้ต้องยอมถูกตัดผม ให้กรีซกู้100 ได้คืนมา 50-60ก็ดีถมแล้ว ถ้าทำอย่างนี้ กรีซอาจจะมีโอกาสฟื้น ถ้าปล่อยให้ว่ากันเองระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ตามระบบที่เล่นกันมา
    แต่ทรอยก้าเข้ามาจุ้นจ้าน เหมือนกับว่าจะเข้ามาบี้เพื่อยึดกรีซ ไม่มีการลดหนี้ มีแต่โปรแกรมมหาโหด ทำให้กรีซยิ่งอยู่ในโปรแกรมเงินช่วยเหลือ240,000ยิ่งจะฉิบหาย เพราะว่าจีดีพีมีแต่หดตัวลงไป
    นายTsiprasใช่ว่าจะไม่มีน้ำยา ก่อนหน้านี้เขาบินไปSt Petersburgเพื่อเจอกับปูตินเป็นครั้งที่2 น่าจะเป็นการไปทำแผนสำรองสำหรับกรีซในกรณีที่จะต้องแครชออกมาจากยูโรโซน
    เพราะว่าหลังจากการเยือนรัสเซีย มีข่าวว่ารัสเซียพร้อมสร้างท่อแก๊ซผ่านทะเลดำ ไปขึ้นบกที่ตุรกี ก่อนที่จะไปขึ้นแผนดินใหญ่ยุโรปที่กรีซ เพื่อส่งท่อแก๊ซเข้ายุโรปอีกที เพราะว่ารัสเซียไม่ต้องการพึ่งพายูเครนอีกต่อไป เนื่องจากมีวิกฤติยูเครนเวลานี้ เดิมทีท่อก๊าซนี้จะขึ้นที่บัลกาเรีย แต่ประเทศนี้เข้าข้างนาโต้ในการปิดล้อมรัสเซียทางทหาร ปูตินเลยเปลี่ยนแผน
    แม้ว่าไม่มีข่าวว่าปูตินจะให้ความช่วยเหลือกรีซทางการเงิน แต่ข่าวการลงทุนวางท่อแก๊ซขึ้นบกที่กรีซนี้ ถือว่ารัสเซียได้เข้ามาอุ้มกรีซเรียบร้อยแล้ว
    ทั้งนี้เป็นเพราะว่ากรีซจะมีรายได้จากท่อแก๊ซสม่ำเสมอและมีอำนาจต่อรองกับยุโรปมากยิ่งขึ้น เป็นการลงทุนจ้างงานกรีซด้วย การที่รัสเซียหรือBRICSจะให้เงินช่วยเหลือกรีซต่อไปเรื่องเล็ก จีนโยนให้บราซิล$50,000ล้านยังเฉยเลย กรีซอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง ถ้ารัสเซียได้ท่าเรือกรีซเป็นฐานทัพเรือ จะทำให้กองทัพเรือรัสเซียสามารถเพ่นพ่านในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้สะดวก นาโต้ที่กำลังปิดล้อมรัสเซียทางชายแดนตะวันตกอยู่ จะโดนปิดล้อมทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกลับบ้าง
    Tsiprasอาจจะเลือกเป็นลูกหนี้กบฎก็ได้ โดยที่ยอมผิดนัดชำระหนี้ ออกจากเขตยูโร หันมาพิมพ์เงินDrachmaเหมือนเดิม ผลก็คือแบงค์ของกรีซจะโดนแห่ถอนเงินจนพัง แต่แบงค์เยอรมันหรือแบงค์ต่างชาติจะเจ้งไปด้วย แบงค์แม่ต้องเข้ามาอุ้ม อุ้มไม่ไหว อีซีบีต้องพิมพ์เงินมาอุ้ม ยิ่งถ้าแบงค์รันลามไปประเทศอื่นๆ เหมือนต้มยำกุ้ง อีซีบีจะตาเหลือก เพราะว่าจะต้องพิมพ์เงินมหาศาล
    ด้วยเหตุนี้พวกนี้จึงคิดเรื่องcashless societyคือต่อไปจะห้ามประชาชนใช้เงินสด ให้ใช้เงินดิจิตัลแทน จะได้ถอนเงินฝากไปเก็บในตุ่มที่บ้านไม่ได้
    กรีซออกจากยูโรจะเสียหายหนัก หนึ่งเจนเนอร์เรชั่นจะต้องสูญเสียโอกาสของการกินดีอยู่ดี แต่เป็นคอสท์ราคาแพงที่ต้องจ่ายการการบริหารการเงินและประเทศผิดพลาด แต่มันยังดีกว่าอยู่ในเขตยูโรโซนต่อไป ที่ประเทศสมาชิกรุมทึ้งรุมประนาม ไม่มีใครเห็นใจ ไม่มีโอกาสโงหัวขึ้น ต้องเป็นทาสหนี้ตลอดไป
    การออกจากเขตยูโรของกรีซ คือการชักดาบหนี้นั้นเอง แต่เป็นสิ่งที่ควรทำเพราะว่ายังไงๆก็ไม่มีปัญญาจ่ายหนี้อยู่แล้ว ออกไปแล้ว ค่อยเรียกเจ้าหนี้มาคุยว่าจะลดหนี้แค่ไหน ขอผ่อนหนี้100ปีได้หรือเปล่า เพราะว่าประชาชนต้องกินต้องใช้
    เงินDrachmaอาจจะอ่อนค่าจนแทบไร้ค่า แต่ถ้าได้BRICSมาหนุนอาจจะพออยู่รอด เอาหยวนมาช่วยค้ำเงินDrachmaเปิดตลาดทัวร์ให้คนจีนมาท่องเที่ยวลดแจกแถม เพราะว่าเงินยูโรจะไม่เข้าประเทศ ต้องเอาเงินหยวนมาแทน ขายของให้รัสเซียให้เพิ่มขึ้นเพราะว่าปูตินเปิดทางให้อยู่แล้ว
    ในทางกลับกัน เจ้าหนี้จะอ่วม เพราะว่าความเสียหายจากหนี้กรีซ320,00ล้านยูโรที่จะหยุดพักชำระหนี้จะทำให้แบงค์รันลามไปทั่วยุโรป แบงค์จะเสียหาย ตลาดการเงินจะป่วนหนัก รวมทั้งตลาดอนุพันธ์ ดีไม่ดีเจ้าหนี้เจ้งตามไปด้วย อีซีบีคงต้องพิมพ์เงินเหมือนกับว่าพรุ่งนี้พระอาทิตย์อาจจะไม่ขึ้นทางทิศตะวันออกอีก
    ต้องดูว่าTsiprasกล้าหรือใจถึงหรือเปล่าที่จะเอากรีซออกจากยูโรโซนและเบี้ยวหนี้ไปเลย กรีซอาจจะล้ม แต่เจ้าหนี้จะล้มด้วย แต่การล้มของกรีซมีโอกาสฟื้น ดีกว่าอยู่ในยูโรโซนในสภาวะปัจจุบันมีแต่ฉิบหายอย่างสมบูรณ์แบบ
    ได้เวลาวัดดวงโศกนาฎกรรมกรีกแล้ว ว่าจะเป็นโศกนาฎกรรมของยุโรปด้วยหรือไม่ ไม่นานคงจะได้รู้กัน
    thanong
    24/6/2015
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    30. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
    ฝรั่งปล่อยข่าวลวงโลก เพื่อปั่นหุ้น
    ในวันที่22 และ23 มิถุนายน 2015 สำนักข่าวตะวันตกทุกแห่งรายงานเหมือนกันว่ามีความคืบหน้าในการเจรจาแก้ปัญหาหนี้กรีซจากข้อเสนอใหม่ของนายกรัฐมนตรี Alexis Tsiprasที่เจ้าหนี้มีท่าทีตอบรับ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานสูงขึ้นรับข่าวดี
    ลองดูพาดหัวข่าวที่เล่นกันในสื่อตะวันตกที่แสนจะน่าเชื่อถือระหว่างวันที่22-23 มิถุนายน หรือวันจันทร์และอังคารที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ
    วิกฤติหนี้กรีซ: ผู้นำยูโรโซนมีความหวังจะบรรลุข้อตกลง -- สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ
    Greek debt crisis: Eurozone leaders hopeful of deal (June 23, 2015)
    Greek debt crisis: Eurozone leaders hopeful of deal - BBC News
    วิกฤติหนี้กรีซ: ข้อเสนอใหม่ให้ความหวังที่จะตกลงกันได้ (สำนักข่าวทีวีCTV News)
    Greek debt crisis: New proposals give hope to deal (June 23, 2015)
    http://www.ctvnews.ca/…/greek-debt-crisis-new-proposals-giv…
    กรีซยื่นข้อเสนอใหม่เพื่อที่จะเลี่ยงการผิดชำระหนี้ เจ้าหนี้เห็นความหวัง (สำนักข่าวรอยเตอร์)
    Greece offers new proposals to avert default, creditors see hope (June 22, 2015)
    http://www.reuters.com/…/us-eurozone-greece-idUSKBN0P10JN20…
    กรีซและเจ้าหนี้แสดงสัญญานความคืบหน้าในการเจรจาหนี้ (สำนักข่าวนิวยอร์คไทมส์)
    Greece and Its Creditors Show Signs of Headway in Debt Talks (June 22, 2015)
    http://www.nytimes.com/…/internatio…/greek-debt-crisis.html…
    ยุโรปมีความหวังจะบรรลุข้อตกลงกรีซภายใน48ชั่วโมง ในขณะที่ซิปราสจำต้องกลืนกินมาตรการรัดเข็มขัด (สำนักข่าวThe Telegraph ของอังกฤษ)
    Europeans raise hopes of Greek deal within 48 hours as Tsipras forced to swallow austerity (June 22 , 2015)
    http://www.telegraph.co.uk/…/Greek-debt-crisis-crunch-time-…
    หุ้นสหรัฐเปิดสูงขึ้นท่ามกลางความหวังของการบรรลุข้อตกลงกรีซ (จากUS News)
    US stocks open higher amid hopes of Greek breakthrough (June 22, 2015)
    http://www.usnews.com/…/asian-stock-markets-rise-shrug-off-…
    **************************************************************************
    แต่มาเมื่อวานนี้ สำนักข่าวตะวันตกพลิกตัวแทบไม่ทัน รายงานกลับตาลปัตรว่าข้อตกลงกรีซยังห่างไกลจากความเป็นจริง
    เยอรมันบอกว่าข้อตกลงกรีซยังห่างไกล ได้ปฏิเสธเงื่อนไขไปแล้ว (จากBloomberg)
    Germany Says Greece Breakthrough Far Off as Terms Rejected
    (June 24, 2015)
    http://www.bloomberg.com/…/germany-says-greece-breakthrough…
    เจรจาหนี้กรีซดูเหมือนว่าจะสะดุด (จากUSA Today)
    Greek debt talks appear to stumble (June 24, 2015)
    http://www.usatoday.com/…/greece-debt-crisis-euro…/29202323/
    ซิปราสบอกว่าเจ้าหนี้กรีซอาจจะไม่สนใจให้ข้อตกลงสำเร็จ
    Greek debt crisis: Tsipras in intensive talks with creditors
    Mr Tsipras said Greece's creditors may not be interested in a deal (June 25, 2015)
    Greek debt crisis: Tsipras in intensive talks with creditors - BBC News
    ดูเอาก็แล้วกันว่า เกิดอะไรขึ้นกับการปล่อยข่าวลวงเพื่อปั่นหุ้น และการรายงานข่าวแบบผิดพลาดอย่างหน้ามือเป็นหลังมือของสำนักข่าวชื่อดังของตะวันตก ที่พลิกตัวแทบไม่ทัน
    thanong
    25/6/2015
     

แชร์หน้านี้

Loading...