ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิกิลีกส์แฉ เจ้าหน้าที่ซาอุดี้ฯ เชื่อมโยงกับกลุ่มนักรบญิฮาดิสต์
    เอกสารอ้างถึงการติดต่อกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุดี้ฯ และเครือข่ายฮักกอนี โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.ค. 6, 2015

    [​IMG]
    (ภาพ) มกุฏราชกุรมานของซาอุดิอารเบีย เจ้าชายมุฮัมมัด บิน นาเยฟ ขณะพูดระหว่งาการพบปะกับประธานาธิบดีบารัก โอบาม่าในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว เมื่อ 13 พฤษภาคม 2015 ในวอชิงตัน

    อิสลามาบัด – ซาอุดิอารเบีย พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง มีการติดต่อในระดับสูงกับศัตรูตัวฉกาจที่สุดของอเมริกาในอัฟกานิสถาน เครือข่ายฮักกอนี ตามแหล่งข่าวที่อ้างว่าเป็นข้อมูลลับของสถานทูตซาอุดี้ฯ ที่เปิดเผยโดยวิกิลีกส์

    ในเอกสารดังกล่าวที่ไม่สามารถตรวจสอบได้นี้ระบุว่า ในปี 2012 ทูตซาอุดี้ฯ ประจำปากีสถาน ได้พบกับนายนาซีรุดดีน ฮักกอนี หัวหน้าฝ่ายระดมทุนของกลุ่มนักรบญีฮาด ที่อยู่ในรายชื่อเฝ้าระวังเป็นกลุ่มก่อการร้ายของสหประชาชาติมาตั้งแต่ปี 2010

    การโต้ตอบผ่านทางสถานทูตนี้บ่งบอกว่า ในการพบกันนี้ นายฮักกอนีได้ร้องขอให้บิดาของเขา ญาลาลุดดีน ฮักกอนี ผู้ก่อตั้งองค์กรก่อการร้ายนี้ ได้เข้ารับการรักษาในซาอุดิอารเบีย เอกสารนี้ระบุว่าฮักกอนีผู้พ่อถือหนังสือเดินทางของซาอุดี้ฯ

    สถานทูตซาอุดี้ฯ ในอิสลามาบัดไม่ว่างที่จะแสดงความคิดเห็น และเจ้าหน้าที่อัฟกันก็ไม่ได้ให้คำตอบในทันทีต่อข้อกล่าวหานี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ กล่าวว่า พวกเขากำลังทบทวนรายงานเหล่านี้ แต่ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ในทันที เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา นายโอซาม่า นูกาลี โฆษกรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดี้ฯ กล่าวว่า เอกสารหลายฉบับที่เผยแพร่โดยวิกิลีกส์ “เป็นการสร้างเรื่องชัดๆ” แต่เขาก็กล่าวด้วยว่า เอกสารเหล่านี้ “ไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ นอกเหนือไปจากที่กระทรวงได้ประกาศอย่างเป็นทางการไปแล้ว” ไม่ว่าจะเกี่ยวกับประเด็นระหว่างประเทศหรือประเด็นในภูมิภาค

    ความสัมพันธ์ของวอชิงตันกับซาอุดิอารเบียมีความตึงเครียดมาหลายปี เนื่องจากสหรัฐฯ มีความกังวลว่าเงินทุนของกลุ่มก่อความไม่สงบในอัฟกานิสถานและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ในตะวันออกกลางจะมาจากผู้บริจาคในซาอุดิอารเบียและกลุ่มประเทศอ่าวอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ชุดต่อมาก็มีความระมัดระวังที่จะไม่กล่าวหารัฐบาลกลุ่มประเทศอ่าวว่ามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการก่อการร้าย

    เอกสารฉบับหนึ่งลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2012 และลงนามโดยเอกอัครราชทูตอับดุล อาซิซ อิบรอฮีม ซาเลห์ อัล-ฆอดีร ทูตซาอุดี้ฯ ประจำอิสลามาบัดในขณะนั้น ระบุว่า นักการทูตผู้นี้ได้พบกับนายนาซีรุดดีน ฮักกอนี ผู้ซึ่งขอให้เอกอัครราชทูตนำความขึ้นแจ้งต่อกษัตริย์ซาอุดี้ฯ ถึงความประสงค์ของบิดาของเขาที่ต้องการจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของซาอุดี้ฯ ข้อมูลลับนี้ยังระบุถึงหนังสือเดินทางซาอุดี้ฯ ของนายญาลาลุดดีน ฮักกอนีด้วย

    ในเอกสารอีกฉบับหนึ่ง ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2012 เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งจากกระทรวงต่างประเทศซาอุดิอารเบียแนะนำให้รักษาญาลาลุดดีน ฮักกอนี ในโรงพยาบาลของซาอุดี้ฯ แต่ไม่มีความชัดเจนว่าเคยมีการรักษาที่ว่าเกิดขึ้นหรือไม่

    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และอัฟกันเชื่อว่าเครือข่ายฮักกอนีเป็นผู้รับผิดชอบต่อการโจมตีที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ในเมืองหลวงของอัฟกานิสถานในช่วงสิบปีหลังนี้ รวมทั้งเหตุการณ์โจมตีสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงคาบุลเมื่อเดือนกันยายน 2011 เดือนนี้ เจ้าหน้าที่อัฟกันกล่าวหาเครือข่ายฮักกอนีว่าพยายามบุกเข้ารัฐสภาในคาบูลแต่ไม่ประสบความสำเร็จ

    เครือข่ายนี้เริ่มเกิดขึ้นในยุค 1980s เมื่อครั้งที่สหรัฐฯ และซาอุดิอารเบียหนุนหลังกลุ่มมุญาฮิดีนในอัฟกานิสถานที่ต่อสู้กับโซเวียตด้วยการให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยข่าวกรองของปากีสถาน หรือ ISI (Inter-Services Intelligence agency) ในการให้สัมภาษณ์กับ The Wall Street Journal อดีตประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาราฟ ของปากีสถานกล่าวถึงฮักกอนีว่าเป็น “แชมเปียนของเราในการก่อกบฏต่อสหภาพโซเวียต”

    [​IMG]
    (ภาพ) ญาลาลุดดีน ฮักกอนี, ภาพในปี 1998, ภาพโดย MOHAMMAD RIAZ/ASSOCIATED PRESS


    สหรัฐฯ เลิกสนับสนุนมุญาฮิดีนหลังจากที่โซเวียตถอนตัวออกไปจากอัฟกานิสถานในปี 1989 แต่ซาอุดิอารเบียและปากีสถานยังคงรักษาความเชื่อมโยงกับมุญาฮิดีนกลุ่มต่างๆ ภายหลังจากที่รัฐบาลตอลีบันถูกขับไล่ด้วยการรุกรานที่นำโดยสหรัฐฯ เมื่อปี 2001 ฮักกอนีก็ได้กลายมาเป็นพันธมิตรทางการสู้รบที่สำคัญของตอลีบัน ซึ่งได้สร้างความวุ่นวายอย่างรุนแรงแก่รัฐบาลอัฟกานิสถานที่สหรัฐฯ หนุนหลัง หลังการปกครองของพวกเขาต้องล่มสลายลงไป

    การระบุชื่อญาลาลุดดีน ฮักกอนี ลงในรายชื่อเฝ้าจับตาก่อการร้ายของยูเอ็น ก็เพื่อที่จะขัดขวางการเดินทางระหว่างประเทศของเขาและเป็นการระงับธุรกรรมทางการเงินของเขา นาซีรุดดีนถูกระบุชื่อในรายการเดียวกันนั้นของยูเอ็นในปี 2010 สหรัฐฯ ได้ประกาศให้เครือข่ายฮักกอนีเป็น “องค์กรก่อการร้ายต่างชาติ” ในปี 2012

    “มันแค่แสดงให้เห็นว่า มันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้แค่ไหนสำหรับการจัดลำดับของซาอุดี้ฯ ที่เอกอัครราชทูตไม่คิดอะไรเลยในการรายงานเรื่องนี้ลงในข้อมูลลับอย่างเป็นทางการ และในการพบกับพวกเขา หรือในความต้องการคำแนะนำก่อนทำอย่างนั้น” ซาฟาร์ ฮิลาลี่ อดีตทูตปาสถานประจำเยเมนกล่าว

    ความโกรธของสหรัฐฯ ในเรื่องการสนับสนุนเครือข่ายฮักกอนีนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ซาอุดิอารเบีย แต่เป็นปากีสถาน ที่ซึ่งกลุ่มนี้ตั้งฐานอยู่เป็นเวลาหลายปีในพื้นที่ชนเผ่าวาซิริสถานเหนือ ตามแนวชายแดนติดกับอัฟกานิสถาน ในปี 2011 พลเรือเอกไมร์ มุลเลน ของสหรัฐฯ ซึ่งขณะนั้นเป็นประธานเสนาธิการ ได้เรียกฮักกอนีว่าเป็น “แขนที่แท้จริง” ของ ISI เป็นการบรรยายลักษณะที่อิสลามาบัดได้ออกมาโต้แย้ง การปฏิบัติการของกองทัพปากีสถานเมื่อปีที่ได้แล้วผลักดันนักรบจำนวนมากออกไปจากวิซิริสถานเหนือ



    Source : mintpressnews, Wall Street Journal

    วิกิลีกส์แฉ เจ้าหน้าที่ซาอุดี้ฯ เชื่อมโยงกับกลุ่มนักรบญิฮาดิสต์ | abnewstoday
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หมกเม็ดรัฐสูญรายได้ คปพ.จีบิ๊กตู่ ยกเลิกพรบ.ปิโตรเลียม
    วันจันทร์ ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558, 06.00 น.

    [​IMG]

    หมกเม็ดรัฐสูญรายได้ คปพ.จีบิกตู่ ยกเลิกพรบ.ปิโตรเลียม เปิดทางมั่วอนุมัติให้สัมปทาน นัดรวมพลใหญ่9กรกฎาคม เล็งล่าชื่อคัดค้านทุกรูปแบบ

    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) เปิดเผย เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ว่า คปพ.ได้เปิดแถลงการณ์เพื่อรวม

    พลังงานประชาชนไทย กู้วิกฤติพลังงานครั้งสำคัญด้วยการขอเชิญชวนประชาชนร่วมเดินทางมาลงชื่อเพื่อเสนอต่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ถอนพระราชบัญญัติปิโตรเลียมฉบับกระทรวงพลังงานออกจากการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาและหรือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) วันที่ 9 ก.ค.นี้ตั้งแต่เวลา 9.30 น.เป็นต้นไปและหลังจากนั้นจะเดินทางไปแสดงตนต่อที่รัฐสภาเพื่อเข้าชื่อร่วมกันเสนอสนช.หยุดยั้งกฏหมายดังกล่าวต่อไปเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ

    “ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียมฉบับที่(…) พ.ศ. …และร่างพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมรวม 2 ฉบับของกระทรวงพลังงานได้ผ่านความเห็นชอบจากครม.ไปแล้วและได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาก็จะส่งไปสนช.เพื่อตราเป็นพระราชบัญญัติใช้ต่อไปนั้นที่ผ่านมาคปพ.ได้คัดค้านและทำหนังสือถึงนายกฯไปแล้ว ด้วยการขอให้ถอนร่างกฏหมายดังกล่าวออกจากการพิจารณาของกฏษฎีกาทันทีและนำร่างกฏหมายที่จัดทำโดยเครือข่ายปฏิรูปพลังงาน(คปพ.)เสนอต่อครม.เพื่อจัดทำประชาพิจารณ์ในร่างกฏหมายของภาคประชาชนแต่จวบขณะนี้คำร้องขอประชาชนยังคงถูกเมินเฉย” นายปานเทพ กล่าว

    ด้าน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลังและแกนนำคปพ.กล่าวว่า เป็นความเสี่ยงของรัฐบาลนี้หากปล่อยให้กฏหมายดังกล่าวผ่านออกไปด้วยมีความไม่โปร่งใสหลายด้านทั้งการเร่งรีบโดยไม่ยอมรับร่างกฏหมายของภาคประชาชนทั้งที่รัฐบาลเองก็สั่งให้มาทำการศึกษาร่วมกัน ขณะเดียวกันไม่มีการนำเสนอกลับมายังครม.ให้พิจารณาอีกครั้งและที่สำคัญสุดรัฐบาลจะเสี่ยงที่อาจจะเกิดการทุจริต ฉ้อราษฎบังหลวงที่สืบเนืองจากกฏหมายกระทรวงพลังงานฉบับนี้ค่อนข้างสูงเนื่องจากฏหมายกระทรวงพลังงานที่เขียนไว้เป็นการเปิดให้มีการใช้ดุลยพินิจการให้เอกชนได้สิทธิ์สำรวจปิโตรเลียมทำให้กระบวนการจะนำไปสู่ความไม่โปร่งใส

    ขณะที่ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี แกนนำคปพ.กล่าวว่า กฎหมายปิโตรเลียมของกระทรวงพลังงานมีการชิงออกก่อนโดยไม่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแต่กลับเพิ่มปัญหา เช่นด้านภาษีด้านปิโตรเลียมมีมาตรฐานต่ำกว่าประมวลรัษฎากร แต่กลับลดภาษีเงินได้ปิโตรเลียมลงจาก 50% เหลือ 20% ของกำไรสุทธิ

    ทางด้าน นายอิฐบูรณ์ อ้นวงศา แกนนำคปพ.กล่าวว่า ขอให้ประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดร่วมคัดค้าน กฏหมายปิโตรเลียมของกระทรวงพลังงานได้ด้วยการทำหนังสือส่งให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่งในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตามกฏหมายของกระทรวงพลังงานแม้ว่าจะมีการเปิดช่องให้ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตหรือ PSC แต่กลับพบว่ามีมาตรฐานต่ำกว่าประเทศอาเซียนแม้ว่ากระทรวงฯได้พยายามชี้ให้เห็นว่าใช้โมเดลของพื้นที่พัฒนาร่วมไทยมาเลเซีย(JDA) แต่หากพิจารณาจะพบว่ารัฐโดยปิโตรนาสของมาเลเซียได้ประโยชน์จริงแต่ไทยเป็นการยกให้เอกชนรับไปอีกทอดหนึ่งที่สุดแล้วก็หนีไม่พ้นระบบสัมปทาน

    ในขณะที่ พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี แกนนำ คปพ.กล่าวว่า หากกฏหมายฉบับนี้ผ่านไปได้รัฐบาลเองก็จะอยู่ไม่ได้เช่นกันเพราะสิ่งที่ภาคประชาชนเรียกร้องเป็นการรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติดังนั้นหากจะมีการนำตัวไปปรับทัศนคติก็พร้อมแต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการต่อต้านรัฐบาล

    โลกธุรกิจ - หมกเม็ดรัฐสูญรายได้ คปพ.จีบิ๊กตู่ ยกเลิกพรบ.ปิโตรเลียม
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Samphand Phuaksakon ได้แชร์รูปภาพไปยังไทม์ไลน์ของ เวหา เวหาธรรมบารมี

    ฟองเอ๋ย ไหนบอกไทยเรา จะดีไป 6 ปีไง (จำได้ไหม??? / แล้วทำไมศก.ถึงแย่ ฝนก็แล้ง ปัญหาต่างๆก็เพียบ หือ...ฟอง

    แม่หมอสมัครเล่นตอนที่79 โดยฟองสนาน จามรจันทร์
    ผลของพฤหัสบดีจรสู่ราศีสิงห์กับดวงเมืองและทุกราศี
    (ผลจากพฤหัสบดีเพียงดวงเดียว..และพื้นฐานดวงเดิมของแต่ละคนที่รองรับแตกต่างกันไป)

    [​IMG]

    ...............ข้อมูลการโคจรของดวงดาว
    วันที่ 11 กรกฏาคม 2558 เวลาประมาณ 06.00น.พฤหัสบดีจร หัวหน้าดาวดีมีกำหนดจะเดินทวนเข็มนาฬิกายกจากราศีกรฎ เข้าสู่ราศีสิงห์
    จากนั้นจะเดินหน้าถอยหลังระหว่างราศีสิงห์กับราศีกันย์ ปรากฎการณ์ที่สำคัญคือจะเดินสวนทางกับพระราหูจร(8)เจ้าของความลุ่มหลงมัวเมาคู่ศัตรูถึงสามรอบที่ตามตำราของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตรให้จับตาว่าหลังการเดินสวนกันของพระราหูจรกับดาวใหญ่รวมทั้งพฤหัสบดีเหตุการณ์ใหญ่จะเกิดตามมาคือ
    ก.สวนกันครั้งแรกในราศีกันย์ วันที่ 29 ธันวาคม 2558 ที่ประมาณ หนึ่งอาศาของราศักันย์
    ข.สวนครั้งที่สองในราศีสิงห์ วันที่ 6 มีนาคม 2559ที่ประมาณ27 องศาเศษ
    ค.สวนครั้งที่สามในราศีสิงห์ วันที่ 17 มิถุนายน 2559ที่ประมาณ21 องศาเศษๆ
    หลังจากนั้นพระพฤหัสบดีก็จะยกเข้าสู่ราศีกันย์ในวันที่ 7 สิงหาคม 2559

    ...............ผลของพฤหัสบดียกและสวนกับพระราหูจรกับดวงเมืองที่ลัคนาสถิตราศีเมษ
    พฤหัสบดีคือหัวหน้าเทวดาประจำเมือง เป็นตัวแทนของโชค ความมั่งคั่ง ความเจริญไพบูลย์ การเดินทางไกล ศาสนา ความยุติธรรม กฎหมาย หลักการและอุดมคติ การเดินเข้าราศีสิงห์ภพที่ห้า-ปุตตะดวงเมือง ได้ธรรมเกณฑ์ ให้คุณตามโฉลก เป็นห้าเพราะปรีชาได้ลาภาโดยสะบาย….พร้อมกับทักษามนตรีคราวนี้จึงคาดว่าตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2558 เป็นต้นไป เป็นคราวที่ลัคนาดวงเมืองจะเข้มแข็งสุดๆเพราะได้แสงจากพฤหัสบดีสาดมาถึงเต็มที่ ไล่อาถรรพ์ร้ายต่างๆจากการที่เคยมีคนเอาเลือดสกปรกทาแผ่นดินและคุณไสย์อื่นๆให้คนทำแพ้ภัยตนเองด้วยประการต่างๆ หรือประเทศมีมิตรช่วยเหลือหรือ บุคคลหรือประเทศชาติได้รับการชื่นชมหรือ มีการสมรสของผู้มียศมีตำแหน่งหรือ ประเทศชาติมีความหวัง การเก็งกำไร หรือมีเรื่องพลิกผันเกี่ยวกับตัวบุคคลวงศ์การพระสงฆ์ การศึกษา สาธารณสุข กฎหมาย รวมทั้งรัฐธรรมนูญฯลฯ
    แม้ช่วงแรกของการยกเข้าราศีสิงห์คุณความดีจากพฤหัสบดีอาจจะยังไม่เต็มเต็มที่เพราะยังอยู่ในนวางค์แรกของราศีสิงห์ซึ่งเป็นนวางค์ขาด แต่คุณความดีจะเพิ่มขึ้นเรื่อยประมาณปลายเดือนกรกฎาคม
    แต่ในท่ามกลางความเป็นไปนั้นคนไทยต้องพยายามทำตัวให้เข้มแข็งเพราะระหว่างการให้คุณของพฤหัสบดีนั้นแรงกดดันดวงเมืองอันเนื่องจากพระเสาร์และราหูจรก็รวมตัวกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนประมาณวันคริสต์มาสต์ปีนี้เป็นต้นไปพฤหัสบดีต้องนำทัพฝ่ายเทวดาประจำเมืองรับมือกับพระเสาร์จรที่สาดแสงถึงราศีสิงห์รออยู่ แถมด้วยต้องรับมือกับการเดินสวนกับพระราหูจรครั้งใหญ่ถึงสามรอบอันจะยังความพลิกผันทั้งเศรษฐกิจการเมือง และสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐธรรมนูญหรือ การทำประชามติ ที่จะมีนักศึกษาและคนรุ่นใหม่วัยรุ่นเข้าร่วมเป็นตัวแปรสำคัญ แถมด้วยเรื่องเศรษฐกิจที่น่าห่วงเป็นอย่างยิ่งจนกว่าจะสิ้นเดือนสิงหาคม 2559 ความพลิกผันจึงจะลดลง
    สรุปง่ายๆคือพฤหัสบดีจรมาพร้อมกับการที่ดวงเมืองและคนไทยต้องเตรียมตัวเพื่อเข้มแข็ง อดทนฟันฝ่าอุปสรรคมหึมาที่คอยอยู่เพื่อที่จะได้เห็นผลตามตำราว่าหลังจากมีนาคม 2560ไปแล้วเทวดาก็กีดกันไทยจากความรุ่งโรจน์ไม่ได้

    ............ผลที่จะเกิดกับผู้ที่ลัคนาสถิตราศีเมษ
    พฤหัสบดีจรเข้าราศีสิงห์ภพที่ห้า สาดแสงถึงลัคนาเทวดาประจำตัว ภาพรวมของดวงชะตาคือจะเข้มแข็ง สุขภาพดีขึ้น มีความนึกคิดในทางที่ดี จิตใจและสมองแจ่มใส หรืออาจมีความรักใหม่กับคนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีจากแดนไกลหรือไม่คาดฝัน หรืออาจได้ลูกหรือสิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิต หรือมีโชคจากวงการบันเทิง การเชียร์ เก็งกำไร ได้เรียนต่อ ได้ไปต่างประเทศ หากมีเรื่องกับใครจะมีคนที่ใหญ่กว่าช่วยเหลือ
    ที่ต้องจับตาคือหลังจากที่พฤหัสบดีจรสวนกับพระราหูจรแต่ละครั้งนั้น คาดว่าจะมีเหตุใหญ่พลิกผันเกิดขึ้นในชีวิตอาจเกี่ยวกับเพื่อนฝูง โชคลาภที่ได้อาจเหลือครึ่งเดียว เกิดความพลิกผันในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ในบ้าน เด็กๆในความดูแล ฯลฯ แต่ผู้ที่ลัคนาสถิตราศีเมษขอให้ต่อสู้และฟันฝ่าเพราะในระยะยาวแล้วหลังมีนาคม2560เป็นต้นไปก็เหมือนดวงชะตาเมืองที่เทวดาก็กีดกันจากความรุ่งโรจน์ไม่ได้

    ............ผลที่จะเกิดกับผู้ที่ลัคนาสถิตราศีพฤษภ
    พฤหัสบดีจรเริ่มเดินเข้าภพที่สี่-พันธุ ของดวงชะตา ได้ปทุมเกณฑ์ ตามโฉลก.. พฤหัสบดีสี่ทรงศักดิ์แช่มช้อยเ…. โดยภาพรวมทำนายว่าจะมีความร่มรื่นในครัวเรือน อาจได้รถยนต์ บ้านที่ดิน หรือได้ทำสัญญากับเรื่องเหล่านี้ เป็นระยะดีที่จะสร้างตัวให้เป็นปึกแผ่น หรืออาจได้ทรัพย์มรดก หรือทรัพย์ในดินสินในน้ำ
    ต่อมาตั้งแต่ประมาณคริสมาสต์เป็นต้นไปจนถึงสิ้นสิงหาคม2559 จะมีเรื่องพลิกผันในชีวิตเกิดขึ้นถึงสามครั้งคาดว่าจะเกี่ยวกับการงาน ผู้บังคับบัญชา บ้านที่อยู่อาศัย รถยนต์ อย่างมากถึงสามครั้งใหญ่ ส่วนจะออกมาดีหรือร้ายขึ้นอยู่กับพื้นฐานของดวงชะตาของแต่ละบุคคล

    ...........ผลที่จะเกิดกับผู้ที่ลัคนาสถิตราศีมิถุน
    พฤหัสบดีจรเข้าภพที่สาม-สหัชชะของดวงชะตา บุญเก่าจะให้คุณตามโฉลก… เป็นสามถึงบุญเพรง คนยำเกรงให้ลาภา… จะได้ผลดีด้านจากงานการเป็นนายหน้า ติดต่อสื่อสาร การพูด การเขียน วงสังคม โชคดีจากการท่องเที่ยวเดินทางทั้งทางใกล้และไกล เป็นมัคคุเทศน์ จากการร่วมทุนกับคู่ครอง หุ้นส่วนญาติพี่น้อง งานด้านการศึกษา
    ในระยะตั้งแต่ประมาณวันคริสมาสต์เป็นต้นไปจนถึงสิ้นสิงหาคม 2559 หลังจากพฤหัสบดีจรสวนกับพระราหูจรในแต่ละรอบ คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงพลิกผันขนานใหญ่เกี่ยวกับวงสังคม ญาติพี่น้อง ที่เกี่ยวโยงมาจากคู่ครองหุ้นส่วนและวิถีชีวิตรวมทั้งความเชื่อ ศาสนารวมทั้งการศึกษาที่อาจจะมีพลิกแบบไม่คาดฝันด้วยส่วนจะออกมาดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของดวงชะตาแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกัน

    ..............ผลที่จะเกิดกับผู้ที่ลัคนาสถิตราศีกรกฎ
    พฤหัสบดีจรเข้าราศีสิงห์ซึ่งเป็นภพที่สอง-กดุมพะ อันหมายถึงการเงินหรือทำมาหาได้ ผลตามตำราคือ ..เป็นสองศัตรูมีมา ขอดีโอนอ่อนเอง…คือศัตรูหรือคู่แข่งจะมีขอคืนดีและเสนอผลประโยชน์ให้ เช่นนักการเมืองคนหนึ่งพฤหัสบดีจรเข้าภพที่สองของดวงชะตา พรรคคู่แข่งมาชวนย้ายพรรคพร้อมเสนอเงินให้สูงลิ่วอะไรทำนองนี้
    สรปคือเป็นช่วงที่จะจะได้รับผลดีในเรื่องการเงิน จากหนี้ การดิ้นรนต่อสู้ การประมูลแข่งขัน เงินจากแดนไกล ทุนการศึกษา หาเงินได้จากศาสนา หรือความเชื่อ แต่ตั้งแต่คริสมาสต์ปีนี้เป็นต้นไปถึงสิ้นสิงหาคม 2559 ก็ต้องระวังการพลิกผันใหญ่ๆที่จะเกิดในเรื่องการเงิน ส่วนจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับพื้นฐานดวงเดิมชองแต่ละคน

    (โปรดอ่านต่อฉบับหน้า)
    ฟองสนาน จามรจันทร์
    3 กรกฎาคม 2558

    ดวงเมืองกับพฤหัสบดีจรยกเข้าราศีสิงห์
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศาลสั่งปล่อยตัว14นักศึกษา หลังตร.นำขอฝากขังผลัด2 โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 07 กรกฎาคม 2558, 11:26

    [​IMG]

    ด่วน! ศาลสั่งปล่อยตัว14 นักศึกษา หลังตร.ขอฝากขังผลัด 2 แต่ยังถูกดำเนินคดีต่อไป

    ที่ศาลทหารกรุงเทพ เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนได้นำตัวนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ จำนวน 14 คน ซึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด มิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมืองที่ใด ๆ จำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 ข้อ 12 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ประกอบมาตรา 83 มาขอยื่นฝากขังเป็นผลัดที่ 2 หลังครบกำหนดฝากขังผลัดแรก 12 วัน

    ขณะที่ นายกฤษฏางค์ นุตจรัส ทนายความของกลุ่ม 14 นักศึกษาได้เดินทางมาที่ศาลทหารแล้ว ยืนยันว่า ทีมทนายจะไม่ขอประกันตัวทั้ง 14 คน แต่จะยื่นขอขัดค้านฝากขังในผลัดที่ 2 เนื่องจากกลุ่มนักศึกษาไม่มีความผิด และไม่หลบหนี จึงไม่มีเหตุผลที่จะศาลอนุญาตฝากขัง

    ทั้งนี้ 14 นักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ประกอบด้วย 1. นายรังสิมันต์ โรม 2. นายวสันต์ เสดสิทธิ 3. นายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ 4. นายพายุ บุญโสภณ 5. นายอภิวัฒน์ สุนทรารักษ์ 6. นายรัฐพล ศุภโสภณ 7. นายศุภชัย ภูคลองพลอย 8. นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ 9. นายภาณุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ 10. นายสุวิชา พิทังกร 11. นายปกรณ์ อารีกุล 12. นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา 13. นายพรชัย ยวนยี และ14. น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว

    สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบศาลทหาร มีเจ้าหน้าสารวัตรทหาร จากกองรักษาความปลอดภัย สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกองบังคับการตำรวจนครบาลทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และกระจายกำลังดูแลความปลอดภัย ตั้งแต่ทางเข้าหน้าศาลทหาร มีการนำแผงเหล็กมาปิดกั้น ไม่ให้กลุ่มที่มาให้กำลังใจเข้าไปใกล้พื้นที่ของศาลทหารได้ รวมถึง ห้ามไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวภายในศาลทหารด้วย

    ขณะเดียวกัน ญาติ 14 นักศึกษา และกลุ่มเพื่อนนักศึกษา ที่เดินทางมากจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มารอให้กำลังใจ ที่บริเวณหน้าศาลหลักเมือง พร้อมกางผ้าใบ นำเสื่อมาปู และนำเครื่องขยายเสียงขนาดเล็กมาปราศรัย เรียกร้อง ให้ปล่อยตัวเพื่อนนักศึกษาทั้ง 14 คน วันนี้ โดยไม่มีเงื่อนไข โดยมีอาจาร์ยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาสังเกตการณ์

    ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เจรจากับแกนนำนักศึกษา ขอเปิดพื้นที่บริเวณทางเข้า-ออกศาลหลักเมือง เพื่อให้รถสัญจรได้ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากนักศึกษายืนยันที่จะจัดกิจกรรมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวทันที

    นอกจากนี้ มีชาย 2 คนมาชูป้ายมีข้อความว่า “เผด็จการที่ดี ดีกว่าประชาธิปไตยที่เลว” ทำให้มวลชนที่มาให้กำลังใจ 14 นักศึกษาไม่พอใจ และโห่ขับไล่ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาเชิญชายทั้ง 2 คนออกจากพื้นที่

    ล่าสุด เมื่อ 11.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขัง 14 ผู้ต้องหาในผลัดที่สอง ศาลได้พิจารณาคำร้องและมีคำสั่งยกคำร้องเนื่องจากเห็นว่าไม่มีเหตุในการควบคุมตัวต่อ นักศึกษาและนักกิจกรรมทั้งหมดจึงจะได้รับอิสรภาพในวันนี้ คาดว่าจะมีการนำตัวไปปล่อยที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง

    ทั้งนี้ แม้จะไม่มีการฝากขังนักศึกษาและนักกิจกรรมทั้ง 14 คน แต่กระบวนการยุติธรรมยังคงดำเนินต่อไป เมื่อครบกำหนดหากอัยการทหารส่งฟ้องต่อศาลทหารก็ต้องมีการพิจารณาคดีตามที่ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกฟ้องในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง 3/2558 ที่ออกโดยม.44 และมาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี

    ศาลสั่งปล่อยตัว14นักศึกษา หลังตร.นำขอฝากขังผลัด2
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การที่ศาลสั่งปล่อยตัว14 นักศึกษา หลังตร.ขอฝากขังผลัด 2 แต่ยังถูกดำเนินคดีต่อไป 14 ดาวดินคงไม่พอใจ เพราะคงอยากถูกปล่อยตัวแบบไม่มีความผิด แต่คงยากน่ะ เพราะไม่เช่นนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่ก็มีความผิด ในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 14 ดาวดิน อ้างประชาธิปไตย ก็ต้องเคารพในสิทธิของบุคคลอื่นด้วย คงจะไม่เอาตัวรอด โดยทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปด้วยน่ะ พนักงานเจ้าหน้าที่ก็เป็นประชาชน มีสิทธิมีเสียงในระบอบประชาธิปไตย เท่าๆ กับ 14 ดาวดิน
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    มหากาพย์ "กรีซ vs ทรอยก้า" ตอนที่2 ศึกชิงประชาชนโหวตลงประชามติ No/Yes ระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้

    [​IMG]

    -----------
    (อ่านไปก่อนนะครับ ถ้ามีคำผิดก็ขออภัย เดี๋ยวจะตามแก้ไขให้ในภายหลัง)
    กลับมาที่ประเด็นวิกฤตหนี้สินของกรีซอีกครั้ง เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.58 ที่ผ่านมาแอ็ดมิน (คุณอาย) ได้เล่าตำนานบู๊ล้างผลาญระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ทรอยก้าไปแล้ว (ความเดิมที่เล่าเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ของกรีซเรื่อง "กรีซ vs ทรอยก้า: สุดยอดเกมชิงไหวชิงพริบขับเคี่ยวสู้กันยิบตาระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ทรอยก้า ใครจะอยู่ใครจะไป?" สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/fisont/posts/1687701438116656) ซึ่งเป็นการเล่าความเป็นมาของวิกฤตหนี้และการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลใหม่ของกรีซที่ต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาที่ตัวเองไม่ได้สร้างไว้ แต่พวกเจ้าหนี้ไม่ปลื้มนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่นำโดยนายกฯ Alexis Tsipras และ Yanis Varoufakis อดีตรมว.คลัง การเจรจาสไตล์ Yanis Varoufakis ที่ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นใหญ่ไม่สอดคล้องกับนโยบายรัดเข็มขัดของพวกเจ้าหนี้ที่หวังจะกินรวบกรีซ กินเวลายาวนานถึง 5 เดือนตั้งแต่เป็นรัฐบาลมาไม่สามารถคลี่คลายและแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกัน รัฐบาลใหม่ของกรีซที่มี Yanis Varoufakis เป็นกุนซือใหญ่บอกว่าจะเอาอย่างนี้ แต่พวกเจ้าหนี้ทรอยก้าบอกว่าจะเอาอีกแบบหนึี่ง ไม่สามารถลงเรือลำเดียวกันได้
    ดังนั้นกรีซจึงเดินเกมด้วยการให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าจะเอานโยบายรัดเข็มขัดตามที่พวกเจ้าหน้าเสนอมาให้หรือไม่ ถ้ารับ Alexis Tsipras และ Yanis Varoufakis ก็จะลาออกจากตำแหน่งหากผลการทำประชามติออกมาเป็น "Yes" แต่ถ้าเป็น "No" คือไม่รับเงื่อนไขของเจ้าหนี้หละ? จะยังไงต่อไป? กรีซก็บอกว่าพร้อมจะเข้าสู่โต๊ะเจรจากันอีกรอบ อ้าวแล้วจะทำประชามติไปทำแป๊ะอะไรหละนั่น อ่ะฮ้าาาา! อย่างน้อยคณะเจราจาของกรีซก็มีเหตุผลที่มีน้ำมากขึ้นในการเจรจาต่อรองกับพวกเจ้าหนี้ โดยบอกว่าก็ประชาชนชาวกรีซส่วนมากเขาจะไม่ต้องการมาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้อีกต่อไป ซึ่งมีมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และแม้จะผ่านไป 5 เดือนหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก็ยังยืนยันแบบเดิมคือไม่เอามาตรการรัดเข็มขัดของอียูและสหรัฐฯ
    และผลการทำประชามติก็ออกมาเมื่อวันที่ 5 ก.ค.58 ที่ผ่านมาแล้วว่าประชาชนชาวกรีซส่วนใหญ่เลือกโหวต "No" เป็นฝ่ายชนะ ด้วยคณะแนนเสียง 61.31% ฝ่ายที่เลือก "Yes" ซึ่งสนับสนุนพวกเจ้าหนี้ได้คะแนนไป 38.69% ซึ่งพลิกผลโพลที่ออกมาก่อนหน้านี้ทำให้พวกเจ้าหนี้ทรอยก้าหน้าแตกไปตามๆกัน มาย้อนรอยดูว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ใครรุกใครรับเกมกันอย่างไรบ้าง บอกได้เลยว่าดุเดือดมาก อยากรู้อ่ะดิ สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวประจำวันนั้นก็พอจะรู้ผลและดูสถานการณ์ออกได้บ้าง แอ็ดมินก็รับปากแฟนเพจไปหลายท่านแล้วว่าจะมาเล่าเรื่องกรีซให้ฟัง พอมาดูลิ้งค์ข่าวเฉพาะเรื่อง "กรีซ" นี้ซึ่งตัวเองเก็บไว้รายวันต้องอุทานออกมาเลยว่า "ทำไมเยอะจังอ่ะ! จะเล่าได้หมดหรือเปล่าหนอ" เล่าได้เท่าไรก็เท่านั้นหละนะครับ เห็นใจคนแก่บ้าง พิมพ์นานๆก็เมื่อยมือ เมื่อยตา ปวดหลัง ฮี่ๆๆ สงสัยจะแก่จริงๆหละนี่ ที่สำคัญคือเปลืองกาแฟด้วย ฮ่าๆๆ
    เริ่มเลยนะ... 30 มิ.ย. 58 นายกฯ Alexis Tsipras ออกมาประกาศว่าจะยอมรับเงื่อนไขเกือบทั้งหมดของพวกเจ้าหนี้ในสุดสัปดาห์นี้ โดยการเขียนจดหมายถึงประธานคณะกรรมธิการอียู (EC) ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) และประธาน IMF โดยยื่นเงื่อนไขให้ 5 ข้อคือ 1.) ปฏิรูปภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Reform) โดยจะคงส่วนลดอัตราภาษี VAT ที่ 30% เพื่อนำไปใช้ในอัตราใหม่ (ปัจจุบันอัตรา VAT ของกรีซอยู่ 23% ลดภาษี VAT 13% (เวชภัณฑ์และอาหาร) ลด 6% (หนังสือ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และภัตตาคาร) และยกเว้นภาษี VAT ด้านการประกัน การให้บริการด้านการเงิน การไปรษณีย์ อสังหาริมทรัพย์ ด้านการแพทย์ และสุขภาพ เออ… แล้วจะเอารายได้ที่ไหนพัฒนาประเทศหละนี่ ไอ้ที่ได้รับการยกเว้นนี่มีแต่ของคนรวยทั้งนั้นเลยนะ)
    2.) การปรับโครงสร้างมาตรการทางการคลัง เพิ่มการชำระภาษีล่วงหน้าจากรายได้ในธุรกิจส่วนบุคคลขึ้นเป็น 100% และออกมาตรการดูแลภาษีพิเศษให้กับเกษตรกรรวมถึงการให้เงินอุดหนุนในภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ภายในสิ้นปีนี้ถึงปี 2017 ลดเพดางบกลาโหมลง $200 ล้านเหรีญในปี 2016 และ $400 ล้านเหรียญในปี 2017
    3.) เรื่องเงินบำนาญ ในจ.ม.ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียด แต่ Sputnik news รายงานว่าการเพิ่มอัตราการเกษียณอายุขึ้นเป็น 67 ปีจะเริ่มต้นในปี 2022 ไม่ใช่เริ่มในทันทีทันใดในตอนนี้ การชำระเงินเพิ่มเติมให้ผู้เกษียณอายุที่ยากจนจำเป็นต้องยืดเวลาออกไปจนถึงปี 2019 ไม่ใช่ก่อนหน้านี้ (หมายถึงให้ครอบคลุมถึงผู้ที่จะปลดเกษียณอายุในปี 2019 ด้วย)
    4.) ตลาดแรงงาน จะมีการกำหนดกรอบด้านกฎหมายใหม่ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2015 นี้ (ยังไม่ชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร เดี๋ยวเจ้าหนี้รู้ ต้องกั๊กไว้ก่อน)
    5.) ด้านตลาดสินค้า อันนี้ยาวอ่ะ มีการกำหนดเครื่องมือ (Toolkit) ในการบริหารงานด้านธุรกิจออกมาสองชุด โดยกรีซยื่นเงื่อนไขว่าให้มีผลบังคับใช้ได้ทันที เช่น ค่าเช่าที่พักนักท่องเที่ยว รถบัสนักท่องเที่ยว การออกใบอนุญาตให้รถบรรทุก ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับอาหารดั้งเดิม (พื้นเมือง) และระเบียบของยุโรปเกี่ยวกับวัสถุก่อสร้าง ส่วนเครื่องมือชุดที่สองนั้นเกี่ยวกับเครื่องดื่มและผลิตภัณฑืปิโตรเลียม เปิดกว้างอาชีพต่างๆมีการจำกัดไว้เฉพาะบางคนบางกลุ่มเช่น ทนายความ ผู้ชำนาญการด้านสถิติ ปลัดศาล เปิดเสรีด้านโรงยิม ขจัดส่วนที่ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่น่ารำคาญ และเสนอให้มีบริการ "One-Stop-Shop" (OSS) สำหรับธุรกิจต่างๆ เป็นต้น เขาก็มีการกำหนดโร้ดแม็ปและไทม์ไลน์คล้ายๆการปฏิรูปของไทยนี่แหละ
    นี่คือเงื่อนไขที่นายกฯ Alexis Tsipras ยื่นให้กับพวกเจ้าหนี้ทรอยก้า ก่อนหน้านี้ทางผู้นำเยอรมันก็ออกมากล่าวว่าจะไม่มีการพูดคุยใดๆ อีกต่อไปจนกว่าจะรู้ผลการทำประชามติซะก่อน ลึกๆแล้วพวกเจ้าหนี้ก็รู้ว่ายังซะงานนี้ สองสิงห์ดูโอ้ Alexis Tsipras กับขุนคลัง Yanis Varoufakis ก็ได้ใจประชาชนชาวกรีซอยู่แล้ว เพราะอย่างน้อยฐานเสียงของพรรคนี้ก็คือกลุ่มประชาชนระดับล่างและระดับกลางที่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการรัดเข็มขัดของพวกเจ้าหนี้และวิกฤตหนี้สินของกรีซเป็นอย่างมาก และมีจำนวนมากกว่าพวกมหาเศรษฐีนักธุรกิจรวยๆซะอีก แต่เจ้าหนี้ทรอยก้าก็ยังแอบหวังว่า ไม่แน่นะหากออกแรงเพิ่มมากขึ้นซักหน่อยอาจจะพลิกเกมก็ได้ โดยเฉพาะในช่วงก่อนถึงวันชี้ชะตาในวันที่ 5 ก.ค.58 นี่แหละ ถือว่าเป็นจังหวะดีที่สุดที่จะชิงมวลชนกรีซมาจาก Alexis Tsipras
    เรื่องการเพิ่มและตัดงบประมาณทางกองทัพของกรีซซึ่งเป็น 1 ในชาติสมาชิกนาโต้นี้เป็นนโยบายของสหรัฐฯที่ต้องการจะเสริมความเข้มแข็งทางทหารและขายอาวุธให้กับนาโต้ รายละเอียดที่ต้องพูดถึงอีกเยอะมาก ต้องท้าวความกันอีกยาว ไม่ใช่พูด 5 ย่อหน้า ครึ่งหน้ากระดาษ A4 แล้วก็สรุปว่าที่มาของวิกฤตหนี้สินของกรีซแล้วก็โยงมาที่เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำของไทยอย่างที่มติชินลงข่าวหรอกนะ สังเกตได้ว่ามติชินพยายามจะเบี่ยงประเด็นการโจมตีเรื่อง "ประชานิยม" ที่เป็นสาเหตุหลักของวิกฤตหนี้สินในกรีซและในอียูซึ่งก็คล้ายกับประชานิยมของรัฐบานเบอะชุดที่แล้วที่ล้มเหลวนั่นแหละ มาที่เรื่องการซื้ออาวุธของกองทัพแทน แล้วก็โทษว่าเป็นเพราะกองทัพกรีซถึงได้มีสภาพเช่นทุกวันนี้ หุย! ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อต่อต้านการจัดซื้อเรือดำน้ำของไทยนั่นเอง ปลุกกระแสให้เกิดการต่อต้านสำหรับผู้ที่ไม่รู้ขึ้นมา โดยยกความยากจนของประชาชนเป็นข้ออ้าง แท้ที่จริงแล้วก็เพื่อปิดบังความล้มเหลวในโครงการประชานิยมข้าวเน่าของพวกตัวเอง ประชาชนคนไทยสมัยนี้ส่วนมากเขาตื่นรู้กันหมดแล้ว จะหลอกได้ก็เฉพาะบางคนที่ยังมึนๆอยู่กับพวกขายชาติล้มเจ้าเผาไทยเท่านั้นและ บอกได้เลยว่าคุณภาพการทำข่าวของมติชินสมัยนี้ห่วยมากๆ เน้นข่าวเสี้ยมเล่นการเมืองมากเกินไป อีกไม่นานคงจะได้เห็นมติชินล้มละลายเพราะความด้อยคุณภาพในการนำเสนอข่าวของตัวเองแน่ๆ (ว่าจะไม่พูดเรื่องการเมืองในประเทศแล้วนะ มีเรื่องให้พูดจนได้ อ่านแล้วก็เซ็งกับสื่อฯพวกนี้จริงๆ)
    กลับมาที่กรีซต่อดีกว่า... เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.58 ที่ผ่านมากรีซได้ผิดชำระหนี้ของเดือนมิถุนายนให้กับ IMF ถึง $1.7 billion (ประมาณ 5.7 หมื่นล้านบาท) จนป่านนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะจ่ายเลย เมื่อวันก่อนมีข่าวออกมาว่า อนาคตนาง Christine Lagarde อาจจะหลุดจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ IMF แน่ๆหากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป เพราะยังไม่มีวี่แววว่านางจะได้รับการต่ออายุให้ทำงานในตำแหน่งต่อไปอีกหรือไม่ซึ่งจะปลดเกษียณในอีก 1-2 ข้างน้า งานนี้อาจจะมีการเด้งหลายๆคนที่เกี่ยวข้องก็ได้
    ในขณะที่กรีซเดินเกมทำประชามติขอเสียงสนับสนุนจากภาคประชาชนเพื่อใช้เป็นเงื่อนไขโดยชอบธรรมในการต่อรองกับพวกเจ้าหนี้ เป็นเกมที่เจ้าหนี้เซ็งเอามากๆ แล้วสื่อฯกระแสหลักของตะวันตกที่คุมโดยพวกนายทุนเครือข่ายเจ้าหนี้ทั้งหลายก็ออกมาตอบโต้กลยุทธของ Alexis Tsipras กับ Yanis Varoufakis ว่าถ้าประชาชนเลือกโหวต "No" คือไม่รับเงื่อนไขของเจ้าหนี้ Alexis Tsipras กับ Yanis Varoufakis ก็จะชวนพวกท่าน (ประชาชนชาวกรีซ) ขอแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพอียู ชาวกรีซจะไม่ได้เป็นชาวอียูอีกต่อไป จะรับไหวไหม? สื่อฯตะวันตกเล่นข่าวนี้แรงมาก หวังใช้ความหวาดกลัวของประชาชนที่กำลังมีอาการมึนๆแยกไม่ออกว่า ตกลงว่าการทำประชามติในครั้งนี้เป็นการทำประชามติเพื่อบอกว่ารับหรือไม่รับเงื่อนไขของเจ้าหนี้ หรือว่าเป็นการทำประชามติว่าจะอยู่ในอียูต่อไปหรือจะออกจากอียูกันแน่?
    แค่นี้ยังไม่พอ พวกเจ้าหนี้ก็จัดม็อบขึ้นมารณรงค์สนับสนุนโหวต "Yes" (รับเงื่อนไขเจ้าหนี้ แล้วก็ตกเป็นทาสของเจ้าหนี้ต่อไป) และคัดค้านการโหวต "No" ซวยหละสิ Tsipras พวกเจ้าหนี้มามุกนี้เฉยเลย จะแก้ลำอย่างไรดีหละนี่? อ้อ… เกือบลืมไป ว่าจะวิเคราะห์กรณีที่ Tsipras ออกมาเขียนจดหมายบอกว่าจะยอมรับเงื่อนไขของพวกเจ้าหนี้บางประการนั้น มองว่าเป็นการสับขาหลอกของ Alexis Tsipras กับ Yanis Varoufakis มากกว่านะ เพื่อทำให้เจ้าหน้าตายใจและเชื่อว่ากรีซอาจจะยอมแพ้เจ้าหนี้แน่ๆ จะได้ปล่อยเงินกู้ก้อนใหม่ให้กรีซอีกรอบ ก็สู้กันมาตั้ง 5 เดือนแล้วและกำลังจะทำประชามติด้วย จู่ๆ Alexis Tsipras กับ Yanis Varoufakis จะออกมาบอกว่ายอมแพ้แล้ว มันแปลกๆ และไม่สมเหตุสมผลเอาอย่างมากเลย จะมายอมแพ้เอาง่ายๆเพราะถูกพวกเจ้าหนี้โจมตีระบบการเงินจนทำให้ประชาชนพากันแตกตื่นแห่ไปกดเงินออกจากธนาคาร โดยหวังจะล้มรัฐบาลชุดปัจจุบันของกรีซให้ได้ เจอแค่นี้ท่านสป็อกขุนคลังของกรีซก็จะยอมแพ้แล้วรึ? ไม่มีทาง เล่ห์ต้องเจอเล่ห์ เหลี่ยมต้องเจอเหลี่ยม พวกเจ้าหนี้ก็ยังไม่เชื่อ Alexis Tsipras เพราะตราบใดที่กุนซือใหญ่ Yanis Varoufakis ยังอยู่ในตำแหน่ง รมว.คลังอยู่พวกเจ้าหนี้ไม่มีหวังว่าจะเอาชนะ Alexis Tsipras ได้เลย ดังนั้นทางพวกเจ้าหนี้จึงยื่นคำขาดว่าถ้า Yanis Varoufakis ยังอยู่ในตำแหน่งขุนคลังก็จะไม่สามารถเจรจาอะไรกันได้เลยและจะรอเจรจากันอีกทีหลังรู้ผลประชามติแล้ว ตายหละหว่า... Alexis Tsipras ขาด Yanis Varoufakis ก็เหมือนเล่าปี่ขาดขงเบ้งสินี่ ต้องดูกันต่อไป
    กลับมาที่การแก้เกมของกรีซบ้าง หลังจากที่พวกเจ้าหนี้งัดลูกไม้ออกมาขู่ประชาชนว่าถ้าเลือกโหวต "No" ก็จะเท่ากับเป็นการออกจากอียูนั้น วันต่อมา (1 มิ.ย.58) Alexis Tsipras ออกมาพูดชัดเจนเลยว่า "คำตอบ 'No' ในการทำประชามตินั้นจะเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ได้ข้อตกลงที่ดีกว่า ไม่ได้หมายความว่าเป็นการแยกตัวออกจากยุโรป ผมเข้าใจความยากลำบากทั้งหลาย และผมจะกระทำทุกอย่างในอำนาจของผม เพื่อให้ความทุกข์ยากลำบากเหล่านั้นเป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น ส่วนพวกที่ออกมาบอกว่ารัฐบาลมีแผนที่จะออกจากยูโรปนั้น เป็นพวกโกหกทั้งเพ การทำประชามติไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับว่ากรีซจะอยู่ในยุโรปต่อไปอีกหรือไม่" (ฮี่ๆๆ… ไม่รู้ว่าใครโกหกใครกันแน่หละคราวนี้ รู้แต่ว่างานนี้กรีซแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าแพ้กรีซจะไม่มีทางหลุดพ้นจากหนี้ก้อนมโหฬารที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้นทุกวันทั้งดอกเบี้ยและหนี้ก้อนใหม่ได้เลย ดังนั้นมีอะไรดีก็ต้องงัดออกมาสู้กันเต็มที่ ตอนนี้ Alexis Tsipras จำเป็นต้องพูดอย่างนี้ก่อนเป็นก้าวแรก เพราะเชื่อว่าทั้ง Alexis Tsipras ขาด Yanis Varoufakis และชาวกรีซส่วนมากยังต้องการที่จะอยู่ในอียูต่อไป หากได้เจ้าหนี้ยอมรับเงื่อนไขของกรีซ แต่ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้แล้ว ก็เปล่าประโยชน์ที่จะอยู่ในอียูต่อไป แต่ถ้า Alexis Tsipras ออกมาประกาศเลยว่าเราจะออกจากอียู รับรองว่าเกิดจลาจลขึั้นในกรีซอีกรอบแน่ๆ เร็วเกินไปที่จะให้ประชาชนตัดสินใจเลือกอย่างนั้น)
    เมื่อ Alexis Tsipras ออกมาพูดแก้เกมของพวกเจ้าหนี้ที่ปล่อยข่าวลวงแบบนั้นออกมา และเพื่อดึงประชาชนออกจากความสับสน และสนับสนุนโหวต "No" แล้วพวกเจ้าหนี้จะเดินเกมอย่างไรต่อไปอีก? น่าติดตาม... อ้าวแอ็ดอย่าพูดอย่างนั้นดิ กำลังมันเลยนะนี่ ฮี่ๆๆ จริงดิ๊? จริงงงงง... งั้นต่อเลยนะ วันที่ 2 ก.ค.58 พวกเจ้าหนี้มามุกใหม่ แต่ลูกได้เดิมตื้นๆ โดยจัดทำโพลขึ้นมาโดยสำนัก GOP ผ่านของธนาคาร BNP Paribas โดยผลโพลบอกว่าฝ่ายที่เลือกโหวต "Yes" มีคะแนนอยู่ที่ 47.1% ในขณะที่ฝ่ายที่สนับสนุนโหวต "No" มีคะแนนที่ 43.2% อัยย่ะ! เล่นเอาเราใจแป้วไปด้วยเลยนะนี่ เป็นแบบนี้ได้ไง? และในผลโพลยังบอกอีกว่า 60% มองว่ากรีซควรจะอยู่ในยูโรโซน (ใช้สกุลเงินยูโรเดียวกับชาติสมาชิกอียูอีก 19 ประเทศต่อไป จากสมาชิกอียูทั้งหมด 28 ประเทศ) อยากรู้อ่ะว่า BNP Paribas เป็นของใคร ก็ลองหาข้อมูลดูพบว่าเป็นของของฝรั่งเศส อ่ะฮ้า! แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครคุมโพลในครั้งนี้ และรู้ได้เลยว่านี่เป็นการเดินหมากของพวกเจ้าหนี้ทรอยก้าเพื่อเรียกเสียงสนับสนุนโหวต "Yes" นั่นเอง
    แล้วท่านสป็อกขุนคลังของกรีซจะรับมือพวกเจ้าหนี้อย่างไรหละนี่? ติ๊กต็อกๆๆ... และแล้วท่าน Yanis Varoufakis ก็ออกมาประกาศว่า หากชาวกรีซเลือกโหวต "Yes" งั้นเขาก็จะลาออกจากตำแหน่ง รมว.คลังของกรีซ! อ้าวประกาศไปแล้วรอบหนึ่งไม่ใช่รึ? ก็ประกาศซ้ำอีกไง รอบแรกชาวกรีซอาจจะยังไม่ได้ยินกันหมดทุกคน และก็บอกเหตุผล 6 ข้อในการโหวต "No" (ขี้เกียจแปลอ่ะ... เอาสั้นๆก็พอนะ) 1.) การเจรจาต่อรองได้มาถึงทางตัน เพราะเจ้าหนี้ของกรีซปฏิเสธที่จะลดหนี้ที่ไม่มีทางจะชำระได้หมด และเจ้าหนี้บอกว่ากรีซควรจะจ่ายคืนโดยสมาชิกที่อ่อนแอที่สุดในสังคมเราให้กับเด็กๆและลูกหลานของพวกเขา
    2.) ทั้ง IMF และสหรัฐฯ รัฐบาลของประเทศต่างๆทั่วโลกและเหล่านักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าจะต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้กรีซ (หมายความว่ามีโอกาสสูงที่หนี้บางส่วนของกรีซจะกลายเป็นหนี้เน่าหนี้สูญ ฮี่ๆๆ แปลว่าอะไร? ก็แปลว่าพวกเจ้าหนี้จะไม่ได้รับเงินคืนเต็ม 100% รวมทั้งดอกเบี้ยด้วยนะสิ)
    3.) เมื่อปี 2012 กลุ่มยุโรปได้ยอมรับเองว่า ควรจะมีการปรับโครงสร้างหนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ปฏิเสธที่จะปรับ
    4.) เนื่องจากมีการประกาศทำประชามติ พวกเจ้าหน้าที่ยุโรปได้ส่งสัญญาณออกมาว่าพวกเขาพร้อมที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ สัญญาณเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าหน้าทีี่ยุโรปเองก็ควรจะโหวต No ในข้อเสนอของพวกเขาด้วย (ว้าวว! ไม่ธรรมดาจริงๆ)
    5.) กรีซจะยังคงอยู่ในยูโรต่อไป การฝากเงินในธนาคารของกรีซยังคงปลอดภัยดี พวกเจ้าหนี้เลือกใช้กลยุทธแบล็กเมล์ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของการปิดธนาคาร การที่มาถึงทางตันในปัจจุบันนี้เป็นตัวเลือกของพวกเจ้าหนี้ ไม่ใช่รัฐบาลกรีซหยุดการเจรจาเพราะว่ากรีซต้องการจะออกจากอียูหรือต้องการลดค่าเงิน ที่อยู่ของกรีซในยูโรโซนและในสหภาพยุโรปเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะต่อรองได้ (Greece’s place in the Eurozone and in the European Union is non-negotiable)
    6.) กรีซต้องการที่จะอยู่ในยูโรโซนอีกต่อไปอย่างภาคภูมิใจในอนาคต และอยู่ในหัวใจของยุโรป อนาคตต้องการให้ชาวกรีกพูดคำว่า "NO" ดังๆในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ และพูดว่าพวกเราอยู่ในพื้นที่ยุโรป... พวกเราจะกลับไปเจรจาหนี้สาธารณะของกรีซทั้งลดภาระทั้งหลายว่าจะเอาหรือไม่เอา
    โอ้ว! อันนี้น่าสนใจมาก... วันที่ 2 ก.ค.58 Sputnik news ลงข่าวว่า "จีนอาจจะช่วยเหลือกรีซผ่านเครื่องไม้เครื่องมือของอียูหรืออาจจะช่วยเหลือโดยตรง" โดย Fan Mingtao สมาชิกของสถาบันสังคมศาสตร์ของจีนร่วมกับรัฐสภาประชาชนจีนกล่าวว่า "วิกฤตหนี้สินของกรีซมีผลร้ายแรงต่อการค้าของจีนกับกรีซและการลงทุนในประเทศกรีซโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ผมคิดว่ากลุ่มประเทศยุโรปกับจีนสามารถที่จะช่วยเหลือให้กรีซเอาชนะปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ได้" ตามความคิดเห็นของ Fan Mingtao นั้นมองว่าจีนมีศักยภาพที่จะช่วยเหลือกรีซให้รอดพ้นจากวิกฤตนี้ได้ โดยอาศัยโครงการสายพานลำเลียงทางเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม และธนาคารโครงสร้างพื้นฐานในเอเซีย (AIIB) นั่นไง! ฮี่ๆๆ Fan Mingtao เน้นย้ำว่า จีนมีศักยภาพตรงนี้ จีนมีศักยภาพทางการเงินพร้อมที่จะช่วยเหลือกรีซหากกรีซต้องการ เพราะว่าจีนมีโครงการเส้นทางสายไหมและธนาคาร AIIB อยู่แล้ว
    แล้วอย่างนี้อียูจะรอดพ้นจากกงเล็บมังกรไปได้อย่างไร เอามาเป็นพวกซะดีๆ ทิ้งอเมริกาตัวแสบไว้ตรงโน้นแหละ นี่เป็นตอบโต้พวกเจ้าหนี้จากกรีซที่ดึงจีนเข้ามาร่วมในเกมนี้ด้วย ให้จีนออกหน้าจะเป็นการลดแรงต่อต้านจากอียูและสหรัฐฯได้มากกว่าให้รัสเซียออกมาพูด อียูจะปฏิเสธยังไง? ถ้าให้จีนเข้ามาช่วยแม้ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้จีนขยายอิทธิพลในยุโรปเพิ่มมากขึ้น แต่ข้อดีมีมากกว่าข้อเสีย เพราะจีนจะช่วยให้เศรษฐกิจของอียูดีขึ้นได้ และมีความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างจีนกับอียูเพิ่มมากขึ้น เชื่อประชาชนส่วนมากของยุโรปคงไม่เลือกทำสงครามกับรัสเซียที่สหรัฐฯพยายามยัดเยียดให้ แต่จะหันมาร่วมมือกับจีนและกลุ่ม BRICS เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและหาทางออกให้วิกฤตหนี้สินของกรีซแทน ในขณะเดียวกันพวกเจ้าหนี้ก็ยังมั่นใจได้ว่าจะได้รับเงินของพวกตนคืนด้วย แต่ถ้าไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากจีน เพราะโลภมากจนเกินไปหวังจะกิจกรีซให้เกลี้ยงตัวนั้น สุดท้ายแล้วก็จะคว้าน้ำเหลวเป็นแน่
    และในวันเดียวกันนี้ทาง Yanis Varoufakis ก็ออกมากล่าวอีกว่าถ้าจะให้ผมเซ็นยอมรับเงื่อนไขของพวกเจ้าหนี้ภายใต้เงื่อนไขปัจจุบัน งั้นตัดแขนผมทิ้งไปเลยซะจะยังดีกว่า (โอ้โฮ… แรงมาก เด็ดขาด เด็ดเดี่ยว สมแล้วที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์สายเสรีนิยมมาร์กซิสต์ (Libertarian Marxist))
    และในวันที่ 3 ก.ค.58 ทางนาย Matteo Renzi นายกฯของอิตาลีเพื่อนซี้วัยเดียวกันของนายกฯ Alexis Tsipras ก็ออกมาย้ำอีกแรงหนึ่งว่า "กรีซจะไม่ออกจากยูโรโซน กรีซจะทำทุกอย่างที่สามารถทำให้บรรลุข้อตกลง [กับพวกเจ้าหนี้] ได้" นี่ถือว่าเป็นการเดินหมากที่ไม่เป็นไปตามกระแสการปล่อยข่าวว่ากรีซจะออกจากอียูจากฝั่งเจ้าหนี้เลย
    อ้อ… เมื่อวันที่ 2 ก.ค.58 สื่อฯรายงายว่ามีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ประท้วงเล็กน้อย โดยกลุ่มผู้ประท้วงมาจากพรรค Communist Party ของกรีซ (พรรค KKE) ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นพรรคฝ่ายค้าน และกลุ่มหัวสหพันธ์ Antarsya coalition หัวรุนแรงในกรุงเอเธน ทั้งสองกลุ่มออกมาสนับสนุนโหวต No สาเหตุก็เนื่องมาจากหนึ่งในกลุ่มผู้ประท้วงพยายามจะขึ้นไปติดป้ายสนับสนุนโหวต No บนตึกของอียู แต่ถูกตำรวจห้าม ก็เลยมีปากมีเสียงกัน แล้วตำรวจก็เลยแจกแก๊สน้ำตาให้ และกระจายกันไปคนละทิศละทาง แค่นั้นเอง
    วันที่ 3 ก.ค.58 สื่อฯของกรีซออกมาตำหนิการทำโพล Greek Public Opinion [GPO] ธนาคาร BNP Paribas ของฝรั่งเศสที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า "มั่ว บิดเบือน" โดยนำโพลสำนักอื่นอีก 4 สำนักมาเปรียบเทียบกันพบว่าเสียงโหวต No มีมากกว่า Yes ซะอีก และแล้วพวกเจ้าหนี้ทำโพลปลอมก็หน้าแตกยับไม่เป็นท่า สื่อฯตะวันตกไม่กล้าเล่นข่าวนั้นอีกเลย แล้วก็ไม่กล้าพูดถึงอีกด้วย กิ้วๆ ถูกจับได้ขายหน้าหละสิ เห็นหรือยังว่างานนี้เขาสู้กันยิบตาจริงๆ ทั้งมนดำและคุณไสย์งัดใส่กันเต็มที่ แต่มาจากฝั่งเจ้าหนี้นะ พอพูดถึงตรงนี้แล้วทำให้นึกถึงช่วงที่เกิดสงครามยูเครน ฝ่ายนักการเมืองของสหรัฐฯขยันสร้างหลักฐานเท็จแนวนี้อีกมากล่าวหารัสเซียอยู่เรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็หน้าแตก แต่ไม่เข็ดเอาใหม่อีก
    ในวันเดียวกันนี้รายงานข่าวบอกว่าประชาชนชาวกรีซที่คัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้ และสนับสนุนโหวต No ได้ออกมารวมตัวกันประท้วงที่จตุรัส Syntagma Square เพิ่มมากขึ้น (Sputnik news)
    และในวันเดียวกันนี้ทางนายกฯ Alexis Tsipras ก็ออกมาเสนอหให้พวกเจ้าหนี้ลดหนี้ให้ 30% โดยใช้ระยะเวลาผ่อนผัน 20 ปี (Tsipras asks for 30% debt haircut, 20yr grace period - RT news) ที่ว่าผ่อนผัน 20 ปีนี้หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่ากรีซต้องการที่จะพักการชำระหนี้ระยะยาวออกไปถึง 20 ปี (2055) นะสิ ซวยแล้วไหมหละอียูและเจ้าหนี้เอ๋ย เล่นกับใครไม่เล่น ดันมาเจอ Alexis Tsipras และ Yanis Varoufakis ผู้ไม่กลัวฟ้ากลัวดินซะนี่ (ตายเป็นตายหละงานนี้ ขอให้กรีซรอดเป็นพอ) แล้วอย่างนี้ IMF ยังคิดว่าจะได้เงินคืนจากกรีซในเร็วๆนี้อยู่อีกรึ?
    ส่วนพวกเจ้าหนี้ก็ให้นาย Juncker ประธานคณะกรรมธิการของอียูออกมากล่าว่า การโหวต No จะทำให้กรีซอ่อนแอลง ในขณะเดียวกันพวกเจ้าหนี้ก็ส่ง NGO ประธานของ the Hellenic Foundation for European & Foreign Policy (ELIAMEP) ออกมาพูดโน้มน้าวจิตใจของประชาชนชาวกรีซอีกว่า มีแต่โหวต Yes เท่านั้นที่จะทำให้กรีซได้รับเงินกู้ก้อนใหม่ที่ดีกว่าเดิม
    วันที่ 4 ก.ค.58 ศึกวันหมาหอนก่อนวันชิงดำ มีประชาชนไปร่วมชุมกันสองแห่ง กลุ่มที่สนับสนุนโหวต NO ยึดจตุรัส Syntagma Square ใจกลางกรุงเอเธนเอาไว้ได้ สำนักข่าว RIA Novosti ของรัสเซียคำนวณประมาณว่ามีจำนวนราว 50,000 คนในขณะที่ตำรวจบอกว่ามีประมาณ 25,000 คน (ฮ่าๆๆ นึกถึงเป็ดเหลิมขึ้นมาทันทีเลยนะนี่ พับผ่าสิ! นึกว่ามีแต่เมืองไทย ตำรวจกรีซก็เป็นกับเขาด้วยน้อ) ส่วนอีกอีกกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันที่ Panathenaic Stadium (Kallimarmaro) ในกรุงเอเธนเช่นกัน พวกนี้เป็นพวกที่สนับสนุนเจ้าหนี้ สำนักข่าว RIA Novosti บอกว่ามีประมาณ 15,000 คนส่วนนักข่าวสำนักอื่นบอกว่ามีประมาณ 10,000 คน
    ในวันเดียวกันนี้สำนักข่าว Sputnik news รายงานว่าการเดินขบวบสนับสนุนโหวต No ไม่ได้มีเฉพาะในกรีซเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงเมืองสำคัญต่างๆในยุโรปอีกด้วย เช่นที่ Copenhagen, Aarhus, Paris, Osnabrueck, Glasgow, Oxford, Santiago de Campostela, Sevilla, Granada, Molfetta, Padova, Firenze, Cordoba กลายเป็น "Greek Spring up Across Europe"
    วันเดียวกันนี้ Yanis Varoufakis อดีตรมว.คลังของกรีซออกมากล่าวตำหนิพวกเจ้าหนี้ว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้าย (terrorism) โดยเปรียบเทียบการกระทำของพวกเจ้าหนี้ว่าเหมือนขบวนการผู้ก่อการร้าย Yanis Varoufakis กล่าวว่า "ทำไมพวกเขา (เจ้าหนี้) จะต้องมุ่งมาที่เรื่องของการปิดธนาคารต่างๆด้วย? เพื่อที่จะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก และเมื่อความหวาดกลัวถูกแพร่กระจายออกไป ปรากฎการนี้เรียกว่าการก่อการร้าย" Yanis Varoufakis กล่าวต่ออีกว่า "ผมมั่นใจว่านี่มากพอแล้วสำหรับกรีซ ยุโรปก็เช่นกัน หากกรีซพัง (crashes) เงินจำนวนหลายล้านๆยูโร (ซึ่งก็พอๆกันกับ GDP ของสเปน) ก็จะสูญหายไปด้วย มันเป็นเงินจำนวนมากและผมไม่เชื่อว่ายุโรปจะปล่อยให้มันเกิดขึ้น" (นี่ไม่ใช่การขู่นะ แต่เป็นการเตือนพวกเจ้าหนี้ เพราะถ้ากรีซพัง รับรองได้เลยว่าจะเป็นโดมิโน่แน่ๆ)
    ยัง… พวกเจ้าหนี้ยังไม่ยอม... ล่าสุดนาย F. William Engdahl นักวิจัยและนักประวัติศาสตร์ (รับจ้าง?) อเมริกัน-เยอรมันออกมาเสี้ยมผ่านสื่อฯว่า สงสัยว่า Yanis Varoufakis ขุนคลังของกรีซจะเป็น "Trojan Horse" (ม้าโทรจัน ม้าไม้เมืองทรอย) ของพวกนักการเมืองที่ถูกส่งเข้าไปหวังบ่อนทำลายพรรค Syriza และเพื่อทำลายยูโรโซนทั้งหมด (โดยใคร?) นาย F. William Engdahl บอกว่าโดยพวกนายธนาคารและพวกผู้มีอำนาจในกรีซนะสิ (กรรม!) นาย F. William Engdahl ไปไกลถึงขนาดว่า "มีความเป็นไปได้ที่ Yanis Varoufakis รมว.คลังของกรีซจะเป็นผู้พิทักษ์ (protégé) ของพวกอีลีททางการเงินของอียู" โดยให้เหตุผลว่า Varoufakis ได้แสดงออกถึงการรัดเข็มขัดที่เข้มงวด (เขาบอกว่านาย Yanis Varoufakis เป็นพวกสนับสนุนมาตรการรัดเข็มขัดนะ) มาเป็นระยะเวลายาวนาน และเป็นศัตรูของชาวกรีซที่ต้องการให้ออกจากยูโรโซน
    ฮ่าๆๆ... ยี่พูดก็ดูเหมือนว่าหมอนี่ยิ่งมึนกับคำพูดของตัวเองนะ ไม่รู้ว่าพวกเจ้าหนี้ไปขุดมาจากหลุมไหน จะเล่นงาน Yanis Varoufakis ทั้งทีหาไอ้ที่เจ๋งๆกว่านี้ไม่มีแล้วหรือไง? พูดไปได้ยังไงว่า Yanis Varoufakis เป็นพวกสนับสนุนมาตรการรัดเข็มขัด สงสัยสมองแกจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก เดี๋ยวจะหาว่าแอ็ดมินใส่ร้ายเขา งั้นอ่านต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษเลยละกัน "Varoufakis had long been a proponent of the "draconian austerity" and an antagonist of Greece's exit from the Eurozone." ถ้าไม่แน่ใจคิดว่าแอ็ดมินจะเขียนภาษาอังกฤษขึ้นมาเองเพื่อบิดเบือนข่าว งั้นก็ตามไปอ่านจากต้นฉบับตามลิ้งค์ข้างล่างเองก็ได้ ไม่ได้มีแค่นาย F. William Engdahl คนเดียวนะที่พูดในลักษณะนี้ ยังมีนาย K. Galbraith นักวิชาเกินรับเชิญอีกรายจากสถาบัน Brookings Institution ในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นเพื่อนกันกับ F. William Engdahl ก็ยังกล้า (ต้องพูดว่าด้านสุดๆถึงจะถูก) ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า Yanis Varoufakis เริ่มมีกลิ่นตุๆ (fishy) โชยออกมาในการจัดการกับปัญหาวิกฤตหนี้สินของกรีซ โดยมองว่า Yanis Varoufakis อาจจะเข้ามาเพื่อทำให้กรีซออกจากอียู ระงับการชำระหนี้ให้ทรอยก้า หันไปให้ใช้สกุลเงินเดิมของกรีซ และประสานความสัมพันธ์กับรัสเซีย จีน และกลุ่ม BRICS (ว้าว! สุดยอดวิชามโนปั้นน้ำเป็นตัวนี่ต้องยกให้สองหมอนี่เลยครับ)
    วันที่ 5 ก.ค.58 วันลงประชามติของกรีซ หนังสือพิมพ์ El País ของสเปนกล่าว่า "เยอรมันจะต้องถูกตำหนิเต็มๆในกรณี Greixt" หมายความว่า ความรับผิดชอบทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องการออกจากยูโรโซนของกรีซต้องเป็นของเยอรมันและถือว่าเป็นการโกหกทั้งเพ หากชาวกรีซตัดสินใจไม่ยอมรับข้อเสนอของเจ้าหนี้ และโหวต No ในการทำประชามติวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
    ในขณะที่มีการลงประชามตินี้ ทางสถานีโทรทัศน์ของกรีซก็มีการแสดงโพลอีก 4 สำนักควบคู่กันไปด้วย โดยผลออกมาว่าคะแนนโหวต No สูงกว่าโหวต Yes ทั้ง 4 สำนัก ฮ่าๆๆ พวกโพลหลอกจากฝรั่งเศสของพวกเจ้าหนี้ก็หน้าแตกอีกรอบ
    และแล้วสุดท้ายผลการลงประชามติว่าจะรับข้อเสนอของพวกเจ้าหนี้หรือไม่ก็ออกมาในตอนกลางคืนวันที่ 5 ก.ค.58 ว่าผู้ที่โหวต "Όχι" (No) มีคะแนนสูงสุดที่ 61.31% และผู้ที่โหวต Yes เลือกฝั่งเจ้าหนี้ ได้คะแนนที่ 38.69% จากผู้มาลงทะเบียนทั้งหมด 9,858,508 คน
    มีใครออกมาพูดบ้าง? ท่านแรกเลยจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากนายกฯ Alexis Tsipras ออกมาส่งทวีตเตอร์ว่า "คราวนี้ปัญหาเรื่องหนี้สินของพวกเราก็จะกลับไปที่โต๊ะเจรจาอีกครั้ง ในแง่ของรายงานเมื่อเร็วๆนี้ของ IMF เกีี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืน" ส่วนพวกเจ้าหนี้ก็ส่งนาย Donald Tusk ประธานสภายุโรปออกมาทวีตข้อความว่า "ผมได้เรียกประชุมยุโรปในตอนเย็นวันอังคารเวลา 18 นาฬิกา เพื่อพูดคุยกับสถานการณ์หลังจากการทำประชามติในกรีซ" ส่วนนาย Frank-Walter Steinmeier รมว.ต่างประเทศของเยอรมันกล่าวว่า "กรีซได้ทำการตัดสินใจอย่างเห็นได้ชัดแล้วในการทำประชามติ ซึ่งจำเป็นต้องยอมรับ" (เขาบอกว่ายอมรับการทำประชามติ แต่ไม่ได้บอกว่าจะยอมรับเงื่อนไขอย่างอื่นของกรีซหรือไม่นะ พวกอียูนี้แสบ ต้องระวังให้ดีเวลาเจรจากับพวกนี้)
    เอาหละเกิดอะไรขึ้นกับค่าเงินยูโรในวันที่มีการทำประชามติ รายงานข่าวบอกว่าค่าเงินยูโรเริ่มอ่อนตัวลงตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของวันทำประชามติแล้ว เพราะอะไร ก็เพราะว่าสื่อฯกระแสหลักของตะวันตกโหมกระหน่ำเล่นข่าวว่ากรีซจะออกจากยูโรโซนอยู่ตลอดเวลานะสิ ณ เวลา 18.50 GMT 1 ยูโรมีค่าเท่ากับ $1.0963 ลดลง 1.58% จากคนวันศุกร์ (รายงานเมื่อวันที่ 6 ก.ค.58)
    เกิดอะไรขึ้น? สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่า Yanis Varoufakis เล่าปี่ของนายกฯ Alexis Tsipras ประกาศลาออกจากตำแหน่ง รมว.คลังหลังรู้ผลโหวต No เป็นชนะ 1 วัน (แป้วเลยหัวใจฉัน) ในเว็บไซต์ของท่านสป็อกขึ้นหัวข้อว่า "Minister No More!" (ไม่เอาอีกแล้วรัฐมนตรี!) อัยย่ะ แล้ว Tsipras จะทำอย่างไรหละคราวนี้? Yanis Varoufakis กล่าวว่า "การทำประชามติในวันที่ 5 กรกฎาคม จะอยู่ในประวัติศาสตร์ ว่าเป็นช่วงเวลาที่พิเศษเมื่อประเทศเล็กๆแห่งหนึ่งในยุโรปลุกขึ้นมาต่อสู้กับการเป็นทาสหนี้" (The referendum of 5th July will stay in history as a unique moment when a small European nation rose up against debt-bondage.)
    คำพูดบางตอนของศาสตราจารย์ Yanis Varoufakis ผู้สร้างประวัติศาสตร์ที่ชาวกรีซ ยุโรป เจ้าหนี้ และทั่วโลกจะต้องจารึกไปอีกนานมีดังนี้ "ในเร็วๆนี้หลังจากมีการประกาศผลการทำประชามติ ผมได้ตระหนักถึงท่าทีที่ชัดเจนของผู้มีส่วนร่วมในกลุ่มยุโรป (Eurogroup) และได้เลือกสรร 'หุ้นส่วน' เอาไว้แล้ว สำหรับผม... 'การหายหน้า' (absence) ไปจากที่ประชุมของพวกเขา ความคิดที่ว่านายกรัฐมนตรีได้ทำการตัดสินใจที่เป็นโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับเขาในการบรรลุข้อตกลง (กับเจ้าหนี้) สำหรับเหตุผลนี้ ผมขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในวันนี้" (เศร้าอ่ะ...)
    "ผมได้พิจารณาแล้วว่ามันเป็นหน้าที่ของผมที่จะเอื้อประโยชน์ให้ Alexis Tsipras ประสบความสำเร็จ ในขณะที่เขามีความเหมาะสม (มันเป็น) ความยอดเยี่ยม (capital) ที่ประชาชนชาวกรีกได้ส่งมอบให้กับพวกเราผ่านการลงประชามติเมื่อวานนี้ และผมคงจะต้องน้อมรับ (สวมใส่) ความเกลียดชัง (loathing) จากพวกเจ้าหนี้ไว้ด้วยความภาคภูมิใจ (คมมากกกก เหน็บได้เจ็บมาก) …ผมจะยังคงสนับสนุนนายกรัฐมนตรี Tsipras ท่านรมว.คลังคนใหม่ และรัฐบาลของพวกเราอย่างเต็มที่ (แหม… พูดอย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย นึกว่าจะไม่เหลียวแลกันซะแล้ว) ความพยายามของยอดมนุษย์ (superhuman) เพื่อให้เกียรติประชาชนชาวกรีซที่กล้าหาญ และ OXI (NO) ที่โด่งดัง ซึ่งพวกเขาได้มอบให้นักประชาธิไตยทั่วโลก พึ่งจะเริ่มต้น"
    ข้อสงสัยก็มีอยู่ว่าทำไม Yanis Varoufakis ต้องลาออกจากตำแหน่งด้วย ทั้งๆที่ชนะผลการทำประชามติ? ต้องบอกว่าพวกเจ้าหนี้หาทางเขี่ยเขาออกจากการเป็นตัวแทนผู้เจรจากับเจ้าหนี้นานแล้ว โดยก่อนหน้านี้ทางเจ้าหนี้ได้ออกมาพูดว่าถ้าหากกรีซไม่ยอมเปลี่ยนตัวให้คนอื่นมาร่วมเจรจาแทนนาย Yanis Varoufakis พวกเจ้าหนี้ก็จะไม่ยอมคุยด้วย (นิสัยเหมือนเด็กเลยนะพวกเจ้าหนี้เหล่านี้นี่) ขนาดหลายคนรุมหนึ่งก็ยังไม่สามารถเอาชนะ Yanis Varoufakis ได้เลย พูดง่ายก็คือเจ้าหนี้ทรอยก้าไม่สามารถบีบหรือกล่อมให้ Yanis Varoufakis ยอมรับเงื่อนไขของเจ้าหนี้ได้ โดยใช้เวลาคุยกันอยู่ถึง 5 เดือนนับตั้งแต่ตั้งรัฐบาลมา ไม่สามารถหาข้อยุติได้ เพราะกรีซก็ไม่ยอม ถ้ายอมรับแล้วจะชูนโยบายไม่เอามาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้ตั้งแต่แรกทำไม แบบนี้ก็เท่ากับเป็นการหักหลังประชาชนที่เลือกพวกเขาเข้ามานะสิ?
    ทางกรีซก็ยืดหยุ่นให้กับพวกเจ้าหนี้โดยยอมเปลี่ยนตัวผู้เจรจาจาก รมว.คลัง Yanis Varoufakis ไปเป็นนาย Euclid Tsakalotos ซึ่งก็คือ รมว.คลังคนใหม่นั่นเอง ขนาดนั้นก็ยังตกลงกันไม่ได้อยู่ดี เพราะพวกเจ้าหนี้ก็บ่นอุบอิบว่า Yanis Varoufakis ยังเป็นรมว.คลังของกรีซที่กุมบังเหียนอยู่ ดังนั้นนาย Euclid Tsakalotos จะต้องพูดตามที่ Yanis Varoufakis กำหนดมาให้พูดเท่านั้น จะเป็นอื่นไปไม่ได้ แล้วจะให้ทำอย่างไร? จะให้ Yanis Varoufakis ลาออกโดยไม่ให้บทเรียนใดๆกับพวกเจ้าหนี้เหล่านั้นเลยอย่างนั้นหรือ? มันง่ายเกินไป แม้จะเป็นนักเศรษฐศาสตร์ แต่เขาก็ศึกษาเกมการเมืองมาไม่น้อย เจ้าหนี้เผชิญหน้าผิดคนแล้วเพราะ Yanis Varoufakis เขาเขียนหนังสือแต่ละเล่มเกี่ยวกับเกมทั้งนั้น เช่น Game Theory: A critical text (2004), Game Theory: Critical Perspectives (2001), Foundations of Economics: A beginner's companion (1998), Game Theory: A critical introduction (1995), Rational Conflict (1991) และ Conflict in Economics (1990)
    ดังนั้นเพื่อความสง่างามในการก้าวลงจากตำแหน่งของเขาเพื่อเปิดทางไปสู่การเจรจาที่พวกเจ้าหนี้จะไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างงอแงกับเงื่อนไขของกรีซได้อีก จำเป็นต้องมีการเสียสละ (sacrifice) ครั้งยิ่งใหญ่บ้าง และผู้ที่เหมาะสมที่สุดก็คงจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากตัวเขาเอง (Yanis Varoufakis) เพราะถ้าให้นายกฯ Alexis Tsipras ลาออกก็เท่ากับว่ากรีซยอมแพ้และไม่รู้ว่าอนาคตของกรีซต่อไปจะเป็นอย่างไร ถ้าอำนาจไปตกอยู่ในมือของกลุ่มรัฐบาลก่อนหน้านี้จะไม่ซวยไปกันใหญ่หรือเพราะว่าฝ่ายนั้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพวกเจ้าหนี้ซะด้วย เพื่อช่วยให้รัฐบาลชุดปัจจุบันของกรีซและประเทศกรีซอยู่รอดและสามารถเอาชนะพวกเจ้าหนี้ได้ จึงจำเป็นที่ Yanis Varoufakis เสียสละตัวเองให้เป็นเรือเป็นสะพานให้ชาวกรีซที่เหลือใช้ข้ามแม่น้ำต่อไป การก้าวลงจากตำแหน่งทางการเมืองของเขาถือว่ามีความสง่างามเป็นอย่างมาก หากเจ้าหนี้ยอมรับเงื่อนไขของกรีซ คนนี้แม้คนทั่วไปจะมองข้ามเขาแต่เขาคือหนึ่งในมหาบุรุษคนใหม่ของกรีซที่จะทำให้กรีซหลุดพ้นจากห่วงโซ่ความเป็นทาสของเจ้าหนี้ได้ตลอดกาล
    แล้วคนที่มาแทนนั่นหละเป็นอย่างไรบ้าง? เขาชื่อ Euclid Tsakalotos ดูประวัติคร่าวๆแล้วเป็นสมาชิกพรรค Syriza ตั้งแต่ปี 2012 แต่งงานกับแหม่มอังกฤษเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ด้านการศึกษาจบระดับปริญญาตรีและเอกจาก University of Oxford เกี่ยวกับการเมือง ปรัชญา และเศรษฐศาสตร์ จบโทจาก The University of Sussex เคยเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย หลายแห่งเช่นเดียวกับ Yanis Varoufakis สไตล์ชีวิตดูเหมือนจะถอดแบบท่าน Yanis Varoufakis มาเลยนะคือไม่ชอบผูกเน็คไท แต่คงจะไม่ห้าวมากอย่าง Yanis Varoufakis คนนี้ Yanis Varoufakis เลือกมาเองกับมือ หรือว่านี่จะเป็นฝันร้ายซ้อนฝันร้ายของพวกเจ้าหนี้ทรอยก้ากันแน่ ฮี่ๆๆ
    สมมุติว่า Euclid Tsakalotos รมว.คลังคนใหม่ของกรีซ ยืนกระต่ายขาเดียวกับแบบ Yanis Varoufakis หละ? อียูจะงอแงเป็นเด็กไม่ได้อีกแล้วนะคราวนี้ ถ้าขืนยังทำนิสัยอย่างนั้นอีก ก็จะถูกชาวโลกตำหนิเอาได้ ว่าพวกเจ้าหนี้ไม่ได้ต้องการที่จะแก้ไขปัญหาให้กับกรีซและอียูจริงๆ ดังนั้นได้ทีทางกรีซก็เลยเดินหน้าของเลื่อนการชำระหนี้ระยะยาวออกไป 20 ปีซะเลย และลดภาษีอีก 30% ด้วยซวยเลย นี่แหละหนาที่โบราณว่า "โลภมาก ลาภหาย" หากอียูยังมามุกเดิมอีก กรีซก็มีความชอบธรรมที่จะออกจากยูโรโซน และมีความชอบธรรมที่จะหันไปพึ่งรัสเซีย จีน BRICS และ AIIB ถ้ากรีซจะประกาศว่าไม่ขอชำระหนี้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ อีก 20 ปีค่อยมาว่ากันปลอดดอกเบี้ยนะ แล้วเจ้าหนี้จะทำอย่างไร ถึงตอนนั้นกลุ่ม BRICS ก็แข็งแกร่งแล้ว อียูจะแซงชั่นกรีซเหมือนอย่างที่สหรัฐฯทำกับรัสเซียและประเทศอื่นๆอย่างนั้นหรือ? กรีซก็หันไปค้าขายกับ BRICS แต่จีนคงจะไม่ยอมให้ทำอย่างนั้นคือไม่ยอมให้กรีซทิ้งยุโรปเด็ดขาด เพราะกรีซคือประตูสู่ยุโรปของจีน หากอียูตัดขาดกรีซ ก็จะกลายเป็นความน่าอับอายของอียูเองที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของพวกตัวเองได้ พอเกิดปัญหาก็ตัดทิ้ง แล้วอย่างนี้ยังจะมีหน้าไปชักชวนให้ใครเข้าร่วมเป็นสมาชิกกับอียูอยู่อีกต่อไป
    ความคืบหน้าจากเกี่ยวกับกรีซหลังรู้ผลการทำประชามติเพียงหนึ่งชั่วโมงก็เกิดมีกลุ่มผู้ประท้วงประมาณ 150 คนออกมาเดินขบวนบนท้องถนนในกรุงเอเธนแล้วพากันร้องตะโกนว่าปฏิเสธการเพิ่มมาตรการรัดเข็มขัดเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินกู้รอบใหม่จากเจ้าหนี้ เป็นพวกนิยมความรุนแรง เริ่มขว้างปาระเบิดเพลิงเข้าใส่ตำรวจปราบจลาจล รายงานบอกว่าเป็นที่เดียวกันกับที่มีการจัดชุมนุมโหวต No อ่ะฮ้า ถ้ากลุ่มโหวต No ต้องการสร้างความรุนแรง แล้วทำไมถึงไม่ทำตั้งแต่แรก? แต่พอกลุ่มโหวต No กลับไปหมดแล้ว ก็มีอีกกลุ่มหนึี่งสวมรอยทำเป็นว่าอยู่ฝั่งไม่เอามาตรการรัดเข็มขัด แล้วก็ก่อเรื่องขึ้นเหมือนเพื่อป้ายสีให้กลุ่มโหวต No ว่างั้นเหอะ พฤติกรรมแบบนี้เคยมีมาแล้ว หลายครั้งในกรีซ น่าจะเป็นพวกเดียวกัน ที่พยายามจะสร้างสถานการณ์ หากสถานการณ์รุนแรงออกไปก็สามารถล้มรัฐบาลชุดปัจจุบันได้ ก็จะเข้าทางพวกเจ้าหนี้อีก ลูกไม้เดิมๆน่า
    ในวันเดียวกันนี้ (6 ก.ค.58) ไม่รู้ว่าพวกเจ้าหนี้เขาคิดอะไรกันอยู่ ดันส่ง Martin Schulz ประธานสภายุโรปออกมาพูดว่าทางอียูเสนอให้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับกรีซ กรีซนะไม่ใช่ยูเครนตะวันออก หรือเยเมน หรือเนปาลที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวหรือประเทศที่ประสบภัยทางธรรมชาติหรือสงครามที่จะต้องให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค ที่เป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม นี่ไม่ใช่เจตนาที่ต้องการจะช่วยเหลือกรีซจริงๆ มันเป็นลูกเล่นของพวกเจ้าหนี้ตะหาก โดยนาย Martin Schulz ได้ยกกรณีการปิดธนาคารในกรีซออกมากล่าวอ้างเหมือนกับจะบอกว่าประชาชนชาวกรีซได้รับความเดือดร้อนมาก เบิกเงินในธนาคารไม่ได้ ไม่มีเงินซื้ออาหารกิน ดังนั้นอียูจำเป็นต้องส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้กรีซโดยด่วย ไม่มีข่าวเกี่ยวกับการขนาดแคลนอาหารบริโภคเกิดขึ้นในกรีซถึงขนาดที่จะต้องทำอย่างนั้นเลย ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปรกติ แต่ดูเหมือนกับว่าอียูพยายามจะยื้อเกมนี้ต่อไป ยังไม่สำนึกตัวว่างั้นเหอะ ก็เลยออกมาเล่นข่าวแบบนี้ กรรมของชาวยุโรปจริงๆที่มีแต่นักการเมืองแบบนี้ การที่อียูออกมาพูดแบบนั้นมันช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นตรงไหนบ้าง? นอกจากจะเป็นการซ้ำเติมกรีซ การซ้ำเติมกรีซก็คือการซ้ำเติมอียูเองนั่นแหละ
    โอเค… จบแล้ว กรีซ vs ทรอยก้า ตอนที่2
    ป.ล. เพื่อเป็นเกียรติแก่ขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ร่วมสมัยของกรีซในการทำสงครามบนโต๊ะเจรจากับเจ้าหนี้ จึงขอขึ้นภาพท่าน Yanis Varoufakis ผู้นี้เป็นภาพแรกของโพสต์นี้ซะเลย
    The Eyes
    06/07/2558
    ----------
    Greece Bailout: Tsipras Accepts Most Conditions, Proposes Some Changes / Sputnik International
    http://blogs.ft.com/…/ESM-loan-agreement-prior-actions-amen…
    Greek VAT compliance and rates - Avalara VATLive
    ​Greece becomes first developed nation to default on international obligations — RT Business
    Greek PM: We aim to seal deal with creditors after referendum — RT News
    Threats to Expel Greece From Eurozone Are a Bluff - Tsipras / Sputnik International
    http://rt.com/bus…/271183-greece-referendum-polls-forecasts/
    Countdown to the Greferendum - Has Greece Got the Stomach for It? / Sputnik International
    http://yanisvaroufakis.eu/…/why-we-recommend-a-no-in-the-r…/
    China May Aid Greece Directly - Think Tank Expert / Sputnik International
    ​Greece's Varoufakis: Rather 'cut my arm off' than agree to current deal — RT Business
    Italian PM: Grexit Ruled Out, Athens to Continue Talks With Creditors / Sputnik International
    RT correspondent caught in Athens anarchist protest, teargassed — RT News
    Greek Press Accused of Spinning Preliminary Poll Results as Yes Vote / Sputnik International
    Tsipras asks for 30% debt haircut, 20yr grace period — RT Business
    Tsipras Urges 'Proud No' as Greeks Rally Ahead of Bailout Referendum / Sputnik International
    Only ‘Yes’ Vote in Greek Referendum Can Achieve Better Bailout Terms – NGO / Sputnik International
    Greek Solidarity Protests Spring up Across Europe / Sputnik International
    http://rt.com/…/271666-varoufakis-creditors-terrorism-grex…/
    Is Varoufakis Eurozone's Trojan Horse in Greece's Government? / Sputnik International
    Germany is Solely to Blame for Grexit – Spanish Newspaper / Sputnik International
    Germany is Solely to Blame for Grexit – Spanish Newspaper / Sputnik International
    49.5-54% of Greeks Say No to Creditors' Bailout Proposals - Polls / Sputnik International
    German FM: Greeks' Decision on Creditors' Proposals Needs to Be Accepted / Sputnik International
    Euro Drops on Greferendum Early Results / Sputnik International
    Minister No More! | Yanis Varoufakis
    Greek Finance Minister Varoufakis Resigns, and Here is Why / Sputnik International
    https://en.wikipedia.org/wiki/Yanis_Varoufakis
    https://en.wikipedia.org/wiki/Euclid_Tsakalotos
    http://rt.com/bu…/271948-greece-finance-minister-tsakalotos/
    EP President Proposes to Discuss Humanitarian Aid for Greece / Sputnik International
    Street Protests Erupt in Athens in Wake of Bailout Vote / Sputnik International
    EP President Proposes to Discuss Humanitarian Aid for Greece / Sputnik International
    Meet the New Greek Finance Minister: What We Know About Euclid Tsakalotos / Sputnik International
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ธีระชัย” แฉร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม สร้างกลลวงเอื้อระบบสัมปทาน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2558 10:14 น. (แก้ไขล่าสุด 7 กรกฎาคม 2558 10:43 น.)

    [​IMG]
    @นายธีระชัย ภูมนารถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ภาพจากแฟ้ม)

    อดีต รมว.คลังแฉ ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ฉบับ “พลังงาน” เปิดให้เอกชนเลือกเสนอผลประโยชน์แก่รัฐในระบบสัมปทานหรือแบ่งปันผลผลิตก็ได้ โดยรัฐจะเลือกรูปแบบที่ให้ประโยชน์สูงสุด ชี้เป็นการเล่นกลเพื่อต่อสัมปทานให้ผู้รับสัมปทานรายเดิมหรือไม่ เพราะทั้งสองระบบเอามาเปรียบเทียบผลประโยชน์กันไมได้ ยันถ้ายังใช้ระบบนี้ นำประชาชนยื่นร้องศาลปกครอง สตง.และผู้ตรวจการแน่ “ปานเทพ” ระบุเป็นวิธีการอำพรางรายได้เพื่อเป็นข้องอ้างเลือกระบบสัมปทาน

    วันนี้ เมื่อเวลา 06.35 น. ในเฟซบุ๊กThirachai Phuvanatnaranubala ของนายธีระชัย ภูมนารถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความว่า เมื่อวานนี้มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลคนหนึ่งให้ข้อมูลผมว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียมของกระทรวงพลังงานกำลังจะเปลี่ยนเป็นเปิดให้เอกชนเป็นผู้ยื่นข้อเสนอสำหรับแต่ละแปลง โดยเอกชนแต่ละรายจะเสนอผลประโยชน์ให้แก่รัฐเท่าไรก็ได้ โดยสามารถเสนอแบบใดแบบหนึ่งก็ได้ ระหว่างสัญญาสัมปทาน กับสัญญาแบ่งปันผลผลิต แล้วผู้ใหญ่คนนั้นอ้างว่า กระทรวงพลังงานจะสามารถกำหนดสูตร เพื่อจะเปรียบเทียบระหว่างข้อเสนอรูปแบบต่างๆ เพื่อให้รัฐบาลเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุด เป็นการอ้างว่าวิธีนี้ คือการประมูลแข่งขันกันแบบหนึ่ง

    แนวคิดนี้แปลกมาก และไม่มีประเทศใดในโลกใช้มาก่อน แต่ไม่ถูกหลักวิชาการ เพราะเหตุใด ระบบสัมปทาน ปิโตรเลียมอยู่ในความควบคุมของเอกชน รัฐได้ค่าภาคหลวงและผลประโยชน์ส่วนเพิ่มเป็นตัวเงิน เอกชนเป็นผู้ตัดสิน ว่าจะใช้ปิโตรเลียมทำอย่างไร จะขายให้ใคร เพียงแต่จ่ายเงินให้แก่รัฐตามอัตราที่กำหนด

    ระบบแบ่งปันผลผลิต รัฐได้ส่วนแบ่งเป็นปิโตรเลียม และส่วนแบ่งนี้ อยู่ในความควบคุมของรัฐ รัฐเป็นผู้ตัดสินว่าจะใช้ปิโตรเลียมทำอย่างไร (ก) อาจจะมอบให้หน่วยราชการบางส่วน หรือ (ข) อาจจะใช้เป็นยุทธปัจจัยบางส่วน หรือ (ค) อาจจะขายในตลาดทันที (spot) บางส่วน หรือ (ง) อาจจะทำสัญญาขายระยะยาวบางส่วน

    ตัวเลขของทั้งสองระบบจะเปรียบเทียบกันล่วงหน้าไม่ได้ แต่จะสามารถเปรียบเทียบกันได้ เฉพาะย้อนหลัง ในระบบสัมปทาน จะรู้ว่ารัฐได้เงินจริงเท่าใดก็ต่อเมื่อเอกชนมีการขายปิโตรเลียมออกไปเรียบร้อยแล้วเท่านั้น จึงจะทราบว่าขายได้ในราคาขณะนั้นเท่าใด

    ในระบบแบ่งปันผลผลิตก็เช่นกัน เนื่องจากทางเลือกของรัฐ (ก) ถึง (ง) นั้น ได้ตัวเลขราคาขายที่แตกต่างกัน ดังนั้น กว่าจะรู้ตัวเลขผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นแก่รัฐ ก็ต้องมีการจำหน่ายจ่ายแจกเสร็จแล้วเช่นกัน และสมมติว่า ตัวเลขจากระบบแบ่งปันผผลิต เกิดต่ำกว่าตัวเลขจากระบบสัมปทาน ก็ไม่ได้หมายความอัตโนมัติว่าสัญญาแบ่งปันผลผลิตจะด้อยกว่าสัมปทาน เพราะวิธีการขาย (ก)-(ง) อาจทำให้ตัวเลขต่ำกว่า ทั้งที่ประเทศอาจจะได้ประโยชน์โดยรวมสูงกว่า

    ดังนั้นจึงไม่เคยมีประเทศใดที่คัดเลือกเพื่อให้ธุรกิจแก่เอกชน โดยเปรียบเทียบข้ามสายพันธุ์อย่างนี้ ทำแบบนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการนับจำนวนผลแอปเปิลกับการนับจำนวนผลกล้วย แล้วถามว่าอะไรจะให้ประโยชน์มากกว่ากัน

    ถ้าหากรัฐบาลพยายามนำแนวคิดนี้มาใช้ ภาคประชาชนจะยื่นเรื่องไปที่ศาลปกครอง และจะต้องร้องเรียนให้ สตง. และผู้ตรวจการแผ่นดินช่วยพิจารณาเรื่องนี้ด้วย จะมีการต่อสู้ในทุกเวที เพราะการเปรียบเทียบที่ไม่ถูกหลักวิชาการ นอกจากจะไม่เป็นธรรมแก่เอกชนบางรายแล้ว ยังอาจทำให้การคัดเลือก มีการเปรียบเทียบปัจจัยที่ไม่ทำให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุดอีกด้วย

    “และแนวคิดนี้ ผมอ่านเลยไปด้วยว่า เป็นวิธีการที่จะแทรกขบวนการเพื่อให้สัมปทานแก่แปลงที่กำลังจะหมดอายุ โดยเฉพาะแปลงเอราวัณ/บงกช ซึ่งเดิมกฎหมายปิดช่อง ไม่สามารถต่อสัมปทานได้อีก แต่คราวนี้จะสามารถแทรกเข้ามา ด้วยการใช้ระบบเล่นกล อ้างว่ามีการประมูลหรือไม่ และแท้จริงเป็นการใช้หมอกควันและกระจกเงา ในการสร้างภาพลวงตาแก่ประชาชนหรือไม่”

    ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกและแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 2 ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า “คุณธีระชัยได้โพสต์เบาะแสล่าสุดจากผู้ใหญ่ในรัฐบาล ว่าการผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่จะให้เอกชนยื่นข้อเสนออะไรก็ได้ระหว่างแบ่งปันผลผลิต กับสัมปทาน ทั้งๆ ที่มันไม่เหมือนกันตั้งแต่กรรมสิทธิ์ วิธีการอำพรางรายได้เพื่อหลบเลี่ยงค่าภาคหลวงในอนาคตเมื่อมีการผลิตจริง ฯลฯ การไม่แก้ไขสิ่งเหล่านี้จึงมีความโน้มเอียงเพื่อเป็นข้ออ้างในการเลือกระบบสัมปทาน จึงเป็นเทคนิคพลิกแพลงเพื่อใช้วิธีการ “เลียนแบบการประมูล” เพื่ออำพรางการใช้ดุลพินิจส่วนตัวภายหลังจากการยื่นเงื่อนไขของเอกชน ว่าจะเลือกใครก็ได้ อ้างเหตุผลไหนก็ได้ เพราะมันไม่ใช่การประมูลแข่งขันราคบนฐานเดียวกัน ต่างจากการประมูลในระบบแบ่งปันผลผลิตรวมที่ภาคประชาชนเสนอ เปิดซองมา ใครให้ผลตอบแทนแก่รัฐสูงสุดก็ได้รับสิทธิ์ผลิตปิโตรเลียมไป

    ที่จริงปัญหาสำคัญของการคิดค่าภาคหลวง เอกชนจะจ่ายให้รัฐจาก “รายได้ที่ขายได้” ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับ “ราคาที่จะขายในอนาคต” ด้วย ต่างจากระบบแบ่งปันผลผลิตที่คิดผลตอบแทนแก่รัฐจากปริมาณปิโตรเลียมที่ผลิตได้ จึงไม่มีปัจจัยราคามาบิดเบือนผลตอบแทนแก่รัฐ เช่น ถ้าเอกชนที่ชนะการเปรียบเทียบเงื่อนไขด้วยระบบสัมปทานในตอนแรกด้วยการเพิ่มค่าภาคหลวงให้ แต่ต่อมาขายน้ำมันหรือก๊าซให้บริษัทลูกในราคาต่ำกว่าตลาดโลกมากๆ แม้ต่อให้ตอนแข่งขันราคาเสนอค่าผลตอบแทนรัฐสูงกว่าระบบแบ่งปันผลผลิต แต่เวลาจริงผลตอบแทนแก่รัฐกลับต่ำกว่าความเป็นจริง และจะต่ำกว่าระบบแบ่งปันผลผลิตด้วย วิธีนี้ผมจึงเชื่อว่าเขาตั้งธงเดินเกมจะเลือกสัมปทาน โดยเอาระบบแบ่งปันผลผลิตมาอำพรางเท่านั้น”

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมเยอรมนี ทำอุณหภูมิสูงสุดเมืองเบียร์ พุ่งสูงทุบสถิติใหม่ “40.3 องศาเซลเซียส” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2558 10:35 น. (แก้ไขล่าสุด 7 กรกฎาคม 2558 12:39 น.)

    [​IMG]

    เอพี / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - คลื่นความร้อนที่กำลังแผ่ปกคลุมในหลายพื้นที่ของทวีปยุโรปเวลานี้ ส่งผลให้เยอรมนีต้องเผชิญกับระดับอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลบันทึกสถิติเมื่อปี ค.ศ. 1881 เป็นต้นมา

    [​IMG]

    รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างการเปิดเผยในวันจันทร์ (6 ก.ค.) ของสำนักงานบริการข้อมูลสภาพอากาศแห่งชาติของเยอรมนี ระบุว่า สามารถตรวจวัดอุณหภูมิสูงสุดได้ถึง “40.3 องศาเซลเซียส” ได้ที่เมืองคิตซิงเงนซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของแคว้นบาวาเรียเมื่อวันอาทิตย์ (5 ก.ค.) ที่ผ่านมา

    โดยระดับอุณหภูมิที่ตรวจวัดได้สูงถึง 40.3 องศาเซลเซียสที่เมืองคิตซิงเงนของแคว้นบาวาเรียดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นระดับอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ที่ทางสำนักงานบริการข้อมูลสภาพอากาศแห่งชาติของเยอรมนี เริ่มมีการเก็บข้อมูลบันทึกสถิติเมื่อปี ค.ศ. 1881

    รายงานข่าวระบุว่า ระดับอุณหภูมิที่ตรวจวัดได้สูงถึง 40.3 องศาเซลเซียสที่เมืองคิตซิงเงนนี้ ได้ทำลายสถิติอุณหภูมิสูงสุดของเมืองเบียร์ก่อนหน้านี้ที่ตรวจวัดได้ 40.2 องศาเซลเซียสที่เมืองคาร์ลสรูห์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศที่มีการบันทึกไว้ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2003

    อย่างไรก็ดี สำนักงานบริการข้อมูลสภาพอากาศแห่งชาติของเยอรมนี คาดการณ์ว่า ผลกระทบจากกระแสคลื่นความร้อนในเยอรมนีจะเริ่มทุเลาเบาบางลงนับจากนี้ หลังตรวจพบการก่อตัวของพายุหลายลูกตั้งแต่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งคาดว่าจะทำให้มีฝนตกลงมาช่วยคลายความร้อนได้ในหลายพื้นที่

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดไฟป่าลุกลามหนักในสเปน ประชาชนนับพันอพยพหนีตายวุ่น โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2558 09:53 น. (แก้ไขล่าสุด 7 กรกฎาคม 2558 12:41 น.)

    [​IMG]

    เอพี / เอเจนซีส์ /ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประชาชนจำนวนมากกว่า 1,350 รายต้องอพยพออกจากแคว้น “อรากอน” ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสเปน หลังเกิดไฟป่าลุกลามอย่างหนักในพื้นที่นี้ซึ่งกำลังได้รับผลกระทบจากการโจมตีของ “คลื่นความร้อน” ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเมื่อวันจันทร์ (6 ก.ค.)

    รายงานข่าวระบุว่า จนถึงขณะนี้มีชาวบ้านจากอย่างน้อย 5 หมู่บ้านต้องอพยพหนีเอาชีวิตรอดจากไฟป่าที่ลุกลามอย่างหนักในแคว้นอรากอนของสเปน โดยศูนย์กลางของไฟป่าซึ่งปะทุขึ้นตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ถูกระบุว่าอยู่ห่างจากกรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 375 กิโลเมตร

    ฆาเบียร์ ลัมบัน ประธานาธิบดีของแคว้นอรากอน ออกมาแถลงว่า จนถึงขณะนี้มีประชาชนจำนวนมากกว่า 1,350 รายแล้วที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตน และเข้ามาพักพิงในศูนย์รองรับผู้อพยพชั่วคราวที่ทางการท้องถิ่นจัดตั้งขึ้น โดยในจำนวนผู้ที่ต้องอพยพหนีการลุกลามของไฟป่าในคราวนี้มีบรรดาผู้สูงอายุจากบ้านพักคนชราแห่งหนึ่งรวมอยู่ด้วย

    ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 500 ชีวิตกำลังเร่งทำงานแข่งกับเวลาเพื่อหาทางควบคุมการลุกลามของไฟป่าครั้งนี้ในแคว้นอรากอน แต่ความพยายามของพวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญจากกระแสลมที่พัดแรง และการโจมตีของคลื่นความร้อนที่ทำให้เกิดการปะทุของไฟป่าจุดใหม่ๆ ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ด้าน โมเดสโต โลบอน โฆษกกระทรวงเกษตรและสิ่งแวดล้อมของสเปน ออกมาแถลงว่า เหตุไฟป่าในแคว้นอรากอนได้เผาผลาญสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ป่าในแคว้นแห่งนี้ไปแล้วเกือบ 19,770 เอเคอร์

    ล่าสุด ทางสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสเปน รายงานว่า หลายพื้นทีทั่วทั้งคาบสมุทรไอบีเรีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของสเปนและโปรตุเกสจะต้องเผชิญกับการโจมตีของคลื่นความร้อนที่ทำให้อุณหภูมิของหลายเมืองพุ่งสูงจนแตะระดับ “40 องศาเซลเซียส” ต่อไปอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์

    นอกเหนือจากเหตุไฟป่าที่กำลังลุกลามอย่างหนักอยู่ในแคว้นอรากอนของสเปนแล้ว ทางการโปรตุเกสได้สั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 100 นายเข้าไปยังพื้นที่ป่าใกล้เมืองอัลโกเบร์ตาส ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงลิสบอน เมืองหลวงของประเทศไปไม่ไกล หลังจากพบการปะทุของไฟป่า ตั้งแต่เมื่อคืนวันเสาร์ (4 ก.ค.) ที่ผ่านมา

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics : รอยเตอร์ประกาศ “กรุงเทพฯอาจมีน้ำประปาเหลือใช้ได้แค่ 30 วัน” เตือนคนกรุงฯเร่งกักตุนน้ำดื่มยามฉุกเฉิน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2558 14:31 น. (แก้ไขล่าสุด 7 กรกฎาคม 2558 14:35 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ปรากฏการณ์วิกฤตแล้งจัดในไทยในปัจจุบันเป็นภัยแล้งมากที่สุดในช่วง 10ปีที่ผ่านมา ล่าสุดทอมสัน รอยเตอร์ ฟาวเดชันเปิดเผยข้อมูลภัยแล้งที่กระทบถึงการผู้ใช้ชีวิตของชาวกทม. ซึ่งเป็นที่น่าตกตะลึงจากการให้สัมภาษณ์ของธนศักดิ์ วัฒนฐานะ ผู้ว่าการประปานครหลวงระบุว่า “หากยังไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม ประชาชนในกรุงเทพฯจะมีน้ำประปาไว้ใช้สอยต่อไปได้เพียงแค่ 30 วันเท่านั้น” พร้อมกับประกาศให้ผู้ใช้น้ำกักตุนน้ำดื่มจำนวน 60 ลิตรไว้ในยามฉุกเฉิน หลังสถานการณ์รอบนอกวิกฤต รวมไปถึงระดับน้ำในเขื่อนพลังงานภูมิพล จ.ตาก ที่อยู่ในขั้นวิกฟตระดับ 2 แล้ว ยังไม่รวมถึงถนนทรุดตัวก่อนหน้านี้

    หลังจากปรากฎการณ์แล้งอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ล่าสุดระดับน้ำเขื่อนภูมิพลที่เป็นกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าของไทยอยู่ในระดับวิกฤตขั้น 2 ที่มีน้ำเพียงพอสำหรับการใช้ในครัวเรือนเท่านั้น คล้ายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนียที่มาจนถึงวันนี้ต้องใช้มาตรการปันน้ำ และห้ามการรดน้ำสนามหญ้าเด็ดขาด ทอมสัน รอยเตอร์ ฟาวเดชันรายงานสถานการณ์ภัยแล้งหนักในไทย ที่ประชาชนในกรุงเทพอาจมีน้ำประปาใช้ได้อีกเพียงแค่เดือนเดียว หลังฝนทิ้งช่วงห่างเติมน้ำในบริเวณแหล่งต้นน้ำในการผลิตทำน้ำประปาไม่ทัน รวมไปถึงภัยคุกคามจากน้ำเค็มที่หนุนเข้าแหล่งน้ำและเปลี่ยนให้น้ำจืดในแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นน้ำกร่อย จนกระทั่งการประปานครหลวงต้องงดใช้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อผลิตน้ำเป็นเวลาร่วม 3 ชม.ก่อนที่จำต้องกลับดึงน้ำกลับมาใช้ผลิตต่อ

    รอยเตอร์รายงวันนี้(7)ว่า จากการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารการประปานครหลวงกับรอยเตอร์พบว่ากรุงเทพฯอาจมีน้ำประปาเพียงพอสำหรับใช้สอยได้เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้นท่ามกลางสถานการณ์ภัยแล้งหนักที่ไทยกำลังประสบปัญหาทุกวันนี้ ร้ายแรงมากที่สุดในรอบหลายสิบปี

    และจากความพยายามในการรักษาระดับน้ำในเขื่อนที่ส่งต่อไปยังพื้นที่การเกษตรของไทยในจังหวัดต่างๆ รวมไปถึงน้ำนี้ยังถูกส่งเข้ามาเพื่อผลิตเป็นน้ำประปาให้กับประชาชนในเมืองหลวงของประเทศ ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ร้องขอไม่ให้ชาวนาเริ่มทำการเพาะปลูกตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว

    และถึงแม้ทางการไทยจะมีมาตรการแก้ไขเหล่านี้ออกไป แต่ทว่าระดับน้ำยังอยู่ขั้นวิกฤตในแหล่งเก็บน้ำ 3แหล่งใหญ่ที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นหนึ่งในสองของแหล่งน้ำสำหรับผลิตเป็นน้ำประปาให้คนกรุงได้ใช้สอย

    รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า และเมื่อพิจารณาดูจำนวนน้ำที่สามารถกักเก็บได้ล่าสุดนั้นมีจำนวนลดลงอย่างน่าใจหาย โดยพบว่าในเดือนพฤศจิกายน 2014 ไทยสามารถกักเก็บน้ำรวมกันจากทั้ง 3เขื่อนหลักได้เพียงแค่ 5 พันล้านคิวบิกเมตร เมื่อเทียบกับตามปกติก่อนหน้านั้นสามารถกักเก็บได้ถึง 8 พันล้านคิวบิกเมตร ธนศักดิ์ วัฒนฐานะ ผู้ว่าการประปานครหลวงกล่าว พร้อมระบุว่า เฉพาะในวันจันทร์(6) มีน้ำเหลือเพียงแค่ 660 ล้านคิวบิกเมตรเท่านั้น รายงานจากกรมชลประทาน

    “ในขณะนี้มีน้ำในเขื่อนเหลือเพียงพอที่จะสามารถป้อนเข้ามาทำน้ำประปาได้เพียงแค่ 30 วันเท่านั้น ในกรณีที่ฝนไม่ตกเลย” ผู้ว่าการประปานครหลวงกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับทอมสัน รอยเตอร์ ฟาวเดชันเมื่อวานนี้(6)

    และรอยเตอร์ยังรายงานเพิ่มเติมว่า ตามปกติระดับน้ำฝนและน้ำในเขื่อนจะช่วยกั้นไม่ให้น้ำเค็มจากอ่าวไทยไหลเข้ามา แต่ทว่าในช่วงหน้าแล้ง น้ำเค็มได้คืบคลานไปยังบริเวณต้นแหล่งน้ำ ส่งผลทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยากลายเป็น “น้ำกร่อย” ที่มีรสชาติเค็มเล็กน้อย

    และอย่างที่ทราบกันว่า น้ำกร่อยที่มีเกลือผสมนี้ไม่สามารถใช้ทำการเกษตรได้ เพราะพืชผลตอลดจนต้นไม้ต่างๆจะตายหากมีการใช้น้ำกร่อยรด และยังนำลายสถานีสูบน้ำอีกด้วย ซึ่งดูดน้ำจากแม่น้ำร่วม 100 กม. ลงสู่อ่าว

    ทั้งนี้การประปานครหลวงมีกำลังการผลิตน้ำประปา 5.2 ล้านคิวบิกเมตร/วัน สำหรับผู้ใช้น้ำร่วม 2.2 ล้านคน ที่รวมไปถึง โรงงาน ธุรกิจ และห้างร้านต่างๆ แต่ทว่าทางการประปานครหลวงยังไม่มีความสามารถในการบำบัดน้ำเค็มได้อย่างมีประสิทธิภาพทันตามความต้องการ

    “มีบางวันที่ระดับน้ำเค็มเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ทางการประปานครหลวงตัดสินใจไม่นำน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามาใช้ในการผลิต แต่เราใช้น้ำจากคลังเก็บน้ำสำรองในคลองชลประทานที่เรามีเพื่อนำผลิต แต่ทางการประปาสามารถหยุดการนำน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อมาใช้ในการผลิตได้แค่เพียง 3 ชม.เท่านั้น”

    รอยเตอร์รายงานต่อว่า การประปานครหลวงได้ประกาศเตือนให้ผู้ใช้น้ำในเขตกรุงเทพฯกักตุนน้ำดื่มจำนวน 60 ลิตรไว้ในการเตรียมพร้อมเมื่อมีการประกาศแจ้งน้ำประปาขาดแคลนออกมา และพร้อมกันนั้นยังขอให้คนกรุงเทพฯลดปริมาณการใช้น้ำลง แต่ทว่าในตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ ธนศักดิ์กล่าวต่อ เพราะราคาต่อหน่วยของปริมาตรน้ำที่ผู้ใช้ต้องจ่ายเป็นราคาที่ถูกมากคือ 8.50 บาท / 1,000 ลิตร

    “เป็นเพราะมีราคาถูกมากจนเกินไป จึงทำให้ผู้ใช้ไม่เห็นคุณค่าที่ต้องประหยัดน้ำ และอัตรานี้กำหนดมาตั้งแต่ปี 1999 แล้ว และอาจกล่าวได้ว่าเป็นนครที่ใหญ่แต่มีราคาน้ำประปาที่ถูกที่สุดในโลกก็ว่าได้” ผู้ว่าการประปานครหลวงตัดพ้อ

    และหน่วยงานการประปามีแผนที่จะใช้เม็ดเงิน 1.3 พันล้านดอลลาร์ในโครงการระยะเวลา 7 ปีเพื่อเพิ่มความสามารถการผลิตและการกักเก็บน้ำ และนอกจากนี้ยังมีการเริ่มพิจารณาในโครงการระยะยาว 30 ปีเพื่อ (1)ประเมินความต้องการน้ำสำหรับการใช้สอย (2)การหาแหล่งน้ำใหม่ และ(3)การสร้างเครื่องป้องกันน้ำเค็ม ธนศักดิ์กล่าว

    แต่อย่างไรก็ตาม แหล่งน้ำใหญ่เพื่อผลิตน้ำประปายังคงเป็น “น้ำฝน” ที่ทางการประปานครหลวงต้องการกักเก็บ แต่กลับพบว่า ฝนที่ตกในกรุงเทพฯเมื่อไม่นานามานี้กลับพบว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักนั้นกลับไหลซึมลงสู่ใต้ดินลงมหาสมุทรหมด และทำให้เสียปล่าวไป

    “และนอกจากนี้ยังมีน้ำท่วมทุกปี แต่ทว่ากลับไม่สามารถนำก้อนน้ำเหล่านั้นมาใช้การได้เพราะต้องบังคับให้น้ำเหล่านั้นไหลลงมาหสมุทรไป ดังนั้นจึงเป็นปัญหาว่าทางการประปาจะสามารถกักเก็บน้ำเหล่านั้นเพื่อใช้ในยามขาดแคลนได้อย่างไร” ผู้ว่าการประปานครหลวงเปิดใจเชิงตั้งคำถาม

    และสุดท้ายธนศักดิ์กล่าวว่า “เป็นที่น่าประหลาดที่เราปล่อยให้น้ำฝนจำนวนมหาศาลไหลลงมหาสมุทรทุกปี ซึ่งถือเป็นจำนวนปริมตรน้ำที่มีสูงกว่าที่เราได้กักเก็บไว้ในระบบเขื่อนในไทยทั้งหมด และแม้หากว่าไทยสามารถกักเก็บน้ำฝนได้เพียงแค่ 10% ของฝนที่ตกทั้งหมด ก็นับว่ามีจำนวนมากพอแล้ว”

    โดยก่อนหน้านี้วิกฤตสถานการณ์ภัยแล้งจัดได้คุกคามระดับน้ำในเขื่อนภูมิพล จ.ตาก รวมไปถึงเขื่อนสิริกิต จ. อุตรดิตถ์ และมีศึกชิงน้ำเกิดขึ้นระหว่าง นายก อบต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ. สิงห์บุรี ที่ต้องการสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามาชลประทานช่วยเหลือชาวบ้านที่ขาดน้ำหนักในการทำการเกษตร แต่กลับต้องถูกศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ขัดขวางด้วยให้เหตุผลว่า “อีกสองวันน้ำแห้ง น้ำทะลน่าจะหนุนขึ้นมาพรวดเดียวทำลายทุกแหล่งน้ำดิบตั้งแต่อ่างทองลงมา ก็ชิบหายจริง ๆ ล่ะครับ ชาวนา และผู้นำก็ต้องแก้แบบท้องถิ่นไป ใครจะปล่อยให้ตัวเองตาย แต่ถ้ารัฐบาลไม่สามารถจัดการได้ ก็อยู่ในสภาพไร้การควบคุม เข้าสู่ยุคหนังเรื่อง แมดแม็กซ์ กันไปเลย”

    ซึ่งปัญหาภัยแล้งที่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อชาวกรุงฯนั้น แต่ทว่าทำให้ประชาชนตามภูมิภาคอื่นๆเดือดร้อนกันทั่วหน้าโดยฉพาะปัญหระดับน้ำในเขื่อนที่อยู่ในขั้นต่ำอย่างวิกฤต โดยในวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำกักเก็บของเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤตระดับที่ 2 คือ ไม่สามารถระบายเพื่อการเกษตร แต่มีน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค ระบายให้แก่ประชาชนในพื้นที่ท้ายน้ำได้เท่านั้น

    และยังถือว่าปีนี้เป็นปีที่มีน้ำใหม่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลน้อยที่สุดในรอบ 51 ปี ของการก่อสร้างเขื่อนภูมิพล โดยระหว่างวันที่ 1 เมษายน-6 กรกฎาคม(ปีน้ำ นับตั้งแต่ 1 เมษายน.-31 มีนาคม ) มีน้ำเหนือใหม่ที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลเพียง 48.13 ล้าน คิวบิกเมตร

    ประกอบกับฝนในพื้นที่ตกไม่มากพอ และพื้นดินที่แห้งแล้งเมื่อเจอกับฝนตกทำให้ดูดซับน้ำไว้เกือบหมด ส่งผลให้ในวันที่ 6 กรกฎาคมมีน้ำใหม่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลเพียง 0.89 ล้านคิวบิกเมตรเท่านั้น และมีพื้นที่ว่างในเขื่อนสามารถรับน้ำใหม่ได้จำนวนถึง 9,455 ล้าน คิวบิกเมตร หรือ 70.24% ของพื้นที่ทั้งหมด

    ด้านสถานการณ์ระดับน้ำในเขื่อนสิริกิตก็ไม่ต่างไปมากนัก โดยพบว่ามีน้ำใหม่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำจำนวน 2.92 ล้าน คิวบิกเมตร มีพื้นที่ว่างสามารถรับน้ำใหม่จำนวน 6,276 ล้านคิวบิกเมตร หรือ 65.99% ของพื้นที่ทั้งหมด

    นอกจากนี้ภัยแล้งในต่างจังหวัดได้กระทบกับกระเป๋าเงินชาวบ้านเข้าอย่างจังเพราะไม่สามารถทำการเกษตรได้ เช่น ประเทือง แสนดี อายุ 58 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 79 หมู่ 2 บ้านโนนป่าแดง ต.หนองหลุม อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ที่ทำนา 10 ไร่ เปิดเผยกับศูนย์ข่าวภาคเหนือ ASTVว่า เจอภัยแล้งอย่างหนักทำนาไม่ได้มานานกว่า 8 เดือนแล้ว จึงยอมลงทุนเพิ่มเกือบ 1 แสนบาทเจาะบ่อบาดาลลึกลงไปประมาณ 40 เมตร หรือ 20 วา ซึ่งผู้รับจ้างคิดค่าเจาะวาละ 500 บาท และต้องใส่ท่อพลาสติกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้วลงไปใต้ดิน พร้อมกับต้องต่อไฟฟ้ามาใช้กับเครื่องสูบน้ำด้วย

    นอกจากนี้ ขันต์ทอง อินทร์เลี้ยง อายุ 57 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 59 หมู่ 9 ต.วังโมกข์ อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ซึ่งมีอาชีพรับจ้างเจาะบ่อน้ำบาดาล ยังเปิดเผยว่า ตนทำอาชีพนี้มา 30 ปีเต็ม ปีนี้มีงานเจาะบ่อน้ำบาดาลเยอะมากเนื่องจากความแห้งแล้งที่มีมายาวนานตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2014 มาจนถึงวันนี้ ฝนก็แทบไม่ตกเลยทำให้ชาวนาต้องดิ้นรนช่วยเหลือตนเองด้วยการจ้างคนเจาะบ่อน้ำบาดาล

    ขันต์ทองยังเปิดเผยในรายละเอียดของอัตราขุดเจาะบ่อบาดาลว่า โดยปกติการคิดราคาเจาะบ่อน้ำบาดาลเริ่มต้นที่ราคา 500-800 บาท/วา ขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ไกล ส่วนค่าอุปกรณ์ผู้ว่าจ้างต้องจัดหามาเอง ในรอบเดือนที่ผ่านมามีงานเจาะบ่อน้ำบาดาลแทบทุกวัน ตนและคนงานรวม 5 คนต้องทำงานกันอย่างหนัก แต่ก็มีรายได้คุ้มค่า เพราะลงทุนซื้ออุปกรณ์ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลครั้งแรกประมาณ 5 แสนบาท แต่ก็ใช้เป็นเครื่องมือหากินมาได้หลายสิบปี

    ซึ่งสถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ทั้ง 2 แห่งของภาคเหนือดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรใต้เขื่อนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสุเทพ ลิมปะพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร สำนักงานเกษตรจังหวัดสุโขทัย เปิดเผยในวันที่ 7 กรกฎาคม 2015 ว่า นาข้าว พืชไร่ และพืชสวนต่างๆ ในจังหวัดสุโขทัย อยู่ในระยะวิกฤตเหี่ยวเฉาและตาย และคาดว่าจะส่งผลความเสียหายร่วม 90,120 ไร่

    โดยภาพรวมทั้งจังหวัดแล้วมีพื้นที่ประสบภัยแล้งจำนวน 6 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.บ้านด่านลานหอย อ.คีรีมาศ อ.ศรีสำโรง อ.สวรรคโลก และ อ.ทุ่งเสลี่ยม รวม 34 ตำบล 266 หมู่บ้าน มีราษฎรได้รับความเดือดร้อนจำนวน 9,693 ครัวเรือน ส่วนพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้งทั้งหมดมี 130,929 ไร่ ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดฯ ได้สำรวจ และเตรียมให้ความช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป

    นอกเหนือจากพื้นที่ทางการเกษตรที่ได้รับความเสียหายแล้ว ภัยแล้งยังเป็นปัญหาทำให้เกิดถนนทรุดตัวอีกด้วย จากการรายงานของสื่อไทยก่อนหน้านี้ พบว่ามีการทรุดตัวร่วม 3 ม. โดยในวันที่ 6 กรกฎาคม 2015 ถนนสายหนองแค-หนองเสือ กม. 16-17 เป็นถนนขนาด 2 เลนอยู่ติดฝั่งซ้ายของคลองระพีพัฒน์ ในจ.สระบุรี เกิดทรุดตัวลึก 3 ม. และเป็นแถวแนวยาวตลอดริมฝั่งคลองระพีพัฒน์ร่วม 300 เม. ซึ่งมีบางจุดทรุดลึกถึง 4-5 ม.ทีเดียว ส่งผลทำให้ต้องมีการปิดการจราจรถนนเส้นนี้ทั้งสาย และประกาศให้ผู้สัญจรเปลี่ยนไปใช้ถนนฝั่งขวาของคลองระพีพัฒน์แทน

    โดยสาเหตุการทรุดตัวคาดว่าเกิดจากน้ำในคลองระพีพัฒน์ลดลงทำให้ดินใต้ถนนทรุดตัวลง โดยได้รับแจ้งจากผู้ที่อาศัยในพื้นที่ว่า เริ่มทีการทรุดตัวตั้งแต่เวลา 20.00 น.ในวันที่ 4 กรกฎาคมก่อนหน้านั้น

    และนอกจากการทรุดตัวของถนนที่เกิดจากการลดระดับของน้ำจะเกิดขึ้นในจ.สระบุรีแล้ว ยังพบว่าเกิดขึ้นในจ.พระนครศรีอยุธยา อีกด้วย ถนนสายลาดบัวหลวง-สามเมือง เลียบคันคลองพระยาบันลือ บริเวณหน้ามัสยิดนูรุ้ลฮิดายะห์ (สุเหร่าใหม่) หมู่ 2 ต.สามเมือง อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดทรุดตัวลึกกว่า 2.50 ม. เป็นระยะทางกว่า 80 เมตร และทำให้ต้องปิดถนนเส้นนี้ลง

    ส่วนสาเหตุการทรุดตัว คาดว่าจะมาจากระดับน้ำในคลองพระยา–บันลือ ลดต่ำลงทำให้ดินใต้ถนนทรุดพังลงมา
    [​IMG]
    @เขื่อนภูมิพล จ.ตาก

    [​IMG]
    @การคิดราคาเจาะบ่อน้ำบาดาลเริ่มต้นที่ราคา 500-800 บาท/วา ขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ไกล ส่วนค่าอุปกรณ์ผู้ว่าจ้างต้องจัดหามาเอง

    [​IMG]
    @ถนนทรุดตัวจากปัญหาภัยแล้งในจ.สระบุรี ถนนสายหนองแค-หนองเสือ กม. 16-17 ฝั่งซ้ายเลียบคลองระพีพัฒน์เกิดทรุดตัวลงลึก 3 ม.

    In Pics :
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2015
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    สุดยอดเทคโนโลยีสำหรับเรือดำน้ำ รัสเซียพัฒนาระบบโซนาร์ที่สามารถได้ยินเรือดำน้ำทุกชนิด และพัฒนา Spy Robot Submarine เพื่อหลอกเรือดำน้ำของข้าศึก

    [​IMG]

    -------------
    หันมาดูเทคโนโลใต้น้ำสำหรับเรือดำน้ำของฝั่งรัสเซียบ้างนะครับ ว่าช่วงนี้เทคโนโลยีของเฮียปูตินก้าวไกลไปถึงไหนแล้ว จะได้ไม่ตกข่าวกันโดยเฉพาะแฟนเพจที่ชอบเรื่องอาวุธสมัยใหม่
    วันนี้ (7 ก.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า ศูนย์วิจัย Krylov State Research Center (KSRC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวกับการพัฒนาเรือของรัสเซียได้เปิดเผยงานวิจัยเทคโนโลยีล่าสุดอีกตัวหนึ่งเกี่ยวกับการตรวจจับคลื่นเสียงสะท้อน (Sonar) ใต้น้ำลึก รายงานบอกว่าระบบดังกล่าวนี้สามารถได้ยินเสียงเรือดำน้ำนิวเคลียร์รุ่นที่ 4 และกำลังมีการทดลองการใช้งานในกองเรือภาคเหนือของรัสเซียภายในสิ้นปีนี้
    อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นหน่วยรับ-ส่งโซนาร์ (Batareya (Battery) sonar) ซึ่งจะติดตั้งอยู่ใต้ทะเลลึก 300 เมตร ห่างออกไปจากชายฝั่งของทะเลขาว (White Sea) ราว 30 กิโลเมตร (เคยได้ยินแต่ "ทะเลดำ" (Black Sea) มี "ทะเลขาว" (White Sea) ด้วยรึ? มีดิ อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย) เพื่อดักจับเสียงของเรือดำน้ำและส่งข้อมูลกลับไปยังศูนย์ควบคุมผ่านสายเคเบิลไฟเบอร์ออปติกความเร็วสูง
    Sergei Tsygankov หนึ่งในทีมวิจัยออกแบบกว่า "เราได้ดำเนินการส่งถ่ายข้อมูลด้วยวิธีนี้ที่มีความแม่นยำสูง เพราะว่าขณะนี้ยังไม่มีชาติใดในตะวันตกที่รู้วิธีวิธีดักจับข้อมูลที่วิ่งผ่านสายเคเบิลไฟเบอร์ออปติกนี้" รายงานบอกว่ามีอีกอย่างที่ทำให้ระบบโซนาร์รุ่นใหม่ของรัสเซียมีความพิเศษก็คือ มันสามารถแยกแยะเสียงของเรือดำน้ำออกจากสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ คลื่น ก้อนหิน ฯลฯ ได้อย่างแม่นยำ
    Sergei Tsygankov กล่าวต่ออีกว่า "เรือดำน้ำสมัยใหม่มีความเงียบมากกว่าเสียงในธรรมชาติซะอีก แต่พวกอเมริกันก็ยังชอบที่เงี่ยหูฟังในระหว่างความสงบเข้าใกล้ความตาย (a dead calm) ในขณะเดียวกัน Batareya sonar จะทำหน้าที่นี้ได้ภายใต้ทุกสภาวะการณ์ ระบบโซนาร์รุ่นใหม่ของรัสเซียนี้จะทำให้ผู้สร้างเรือดำน้ำของรัสเซียมีโอกาสที่จะแยกเสียงรบกวนอื่นๆจากเรือของพวกเขา เพื่อทำให้เรือดำน้ำ (ของรัสเซีย) เงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" (ว้าว! ทำเป็นเล่นไป ถ้ารัสเซียติดตั้งเครือข่ายของระบบนี้ไว้ในทะเลในน่านน้ำของตนได้หมด แล้วเรือดำน้ำของสหรัฐฯและนาโต้ก็เข้ามาแอบด้อมๆมองๆในน่านน้ำของรัสเซียไม่ได้แล้วสินี่ อเมริกาเริ่มเสียวแล้วหละสิ คริๆ)
    พูดถึงเรื่องเทคโนโลยีเกี่ยวกับเรือดำน้ำของรัสเซียแล้วก็ทำให้นึกถึงอีกข่าวหนึ่งที่สื่อฯรัสเซียพึ่งจะลงไปเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตั้งใจว่าจะเล่าให้ฟังตั้งนานแล้ว วันนี้ได้จังหวะหละถือโอกาสเล่าให้ฟังซะเลยนะ ไม่ใช่เรือดำน้ำ แต่เป็นของเล่นรุ่นใหม่อุปกรณ์เสริมเขี้ยวเล็บให้กับกองเรือดำน้ำของรัสเซีย มันคืออะไร?
    รายงานข่าวบอกว่ารัสเซียกำลังพัฒนา "เรือดำน้ำหุ่นยนต์สายลับ" (spy robot submarine) รูปร่างหน้าตาก็เหมือนกับที่นำมาให้ดูในภาพประกอบนั่นแหละครับ อันสีน้ำเงินหนะ มองดูเพียงผิวเผินบางคนอาจจะบอกว่าเป็นตอร์ปิโด (torpedo) ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่จรวดใต้น้ำตอร์ปิโดที่ใช้ระเบิดเรือดำน้ำหรือเรือรบของข้าศึกนะ ทางรัสเซียบอกว่ามันคือหุ่นยนต์ใต้น้ำรุ่นใหม่ ที่นำไปโชว์ในงานแสดงอาวุธของรัสเซีย "Army 2015" เจ้าตัวนี้มีชื่อว่า "Glider-T" เป็นยานหุ่นยนต์ใต้น้ำ มีความสามารถตรวจจับเรือดำน้ำทุกชนิดที่เข้าใกล้หรือแล่นผ่านไป สามารถแยกแยะได้ด้วยว่าเป็นเรือดำน้ำของฝ่ายตัวเองหรือของข้าศึก
    มีความฉลาดสามารถสร้างเสียงลวงเรือดำน้ำของข้าศึกได้ด้วย และสามารถบล็อคอุปกรณ์รับ-ส่งคลื่นโซน่าของฝ่ายศัตรูได้ด้วย มีความรวดเร็วคล่องแคล่วว่องไวในการหลบหลีกจากการถูกโจมตีด้วยตอร์ปิโดของฝ่ายตรงข้ามได้ด้วยตัวเอง เจ้า Glider-T ตัวนี้จะถูกส่งให้ไปปฏิบัติการในทะเลโดยอัตโนมัติเป็นระยะเวลา 180 วัน (6 เดือน) โดยไม่จำเป็นต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์ จากนั้นก็จะหาทางกลับเข้าฝั่งเพื่อส่งข้อมูลที่ได้มาให้กับกองบัญชาการเพื่อนำไปตรวจสอบและเคราะห์ต่อไป และเพื่อเติมพลังงานซ่อมบำรุง ส่วนจะออกปฏิบัติการอีกหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับคำสั่งผู้บังคับบัญชา (แหม… แอ็ดมินพูดยังว่า Glider-T เป็นทหารเรือเลยนะ คริๆ)
    ในการส่งข้อมูลให้กับศูนย์หรือกองบัญชาการนั้น รายงานบอกว่าเจ้าโรบอต Glider-T นี้สามารถส่งข้อมูลต่างๆที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการคำนวณผ่านระบบการสื่อสารด้วยโมเด็ม GSM คลื่นวิทยุ หรือดาวเทียมได้ด้วย Glider-T พัฒนาขึ้นมาโดย Moscow Design Bureau "Kompas" ติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ที่ล้ำสมัย เงียบกริ๊บ ไม่มีอุปกรณ์สมัยใหม่ชนิดใดสามารถตรวจจับได้ (กรรมของอเมริกาแท้ๆ เล่นกับใครไม่เล่น ว่าแต่ว่ากองทร.ไทยเราสนใจจะจัดหามาใช้หรือจะพัฒนาเจ้าหุ่นยนต์แบบนี้ขึ้นมาใช้เองบ้างหรือเปล่านะ? คริๆ)
    อ้อลืมบอกไปเจ้า Glider-T ตัวนี้ยังสามารถเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อวิเคราะห์ระดับมลภาวะของน้ำทะเลได้ด้วย และยังสามารถถ่ายภาพใต้น้ำส่งไปยังศูนย์บัญชาการได้ ไม่มีระบบ GLONASS (GPS) เพราะไม่ต้องการให้ถูกติดตามได้มั๊ง?
    The Eyes
    07/07/2558
    ----------
    Russian Navy's New Sonar Can 'Hear' Every Sub Anywhere / Sputnik International
    New Russian Underwater Spy Robot to Trick Submarines, Evading Detection / Sputnik International
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    กรีซ vs ทรอยก้า ตอนที่3: Euclid Tsakalotos ขุนคลังใหม่ของกรีซประกาศชัดสืบทอดเจตนารมณ์เดิมของ Yanis Varoufakis

    [​IMG]

    -------------
    พอได้พูดเรื่องกรีซแล้วคนเขียนก็ติดลมเหมือนกันนะ ก็อยากจะรู้ว่าต้นสายปลายเหตุมันมีความเป็นมาอย่างไร จึงหาข้อมูลเพิ่มเติม ว้าววว! น่าสนใจมาก (อีกหละ คริๆ) สื่อฯต่างๆส่วนมากมักจะนำเสนอข่าวสารข้อมูลให้ทราบเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบัน และก็ย้อนอดีตหรือกล่าวถึงสาเหตุวิกฤตหนี้สินของกรีซน้อยมาก ที่ได้ยินได้ฟังมาชัดๆก็คือเป็นเพราะ "นโยบายประชานิยม" ล่าสุดสำนักข่าวด้อยคุณภาพของไทยก็บอกว่า "เป็นเพราะกรีซเพิ่มงบทหารมากเกินไปในช่วงที่ผ่านมา" (กรรม! ไม่ได้หมายถึงกรีซ แต่หมายถึงสำนักข่าวแห่งนั้น) พอไปศึกษาข้อมูลเชิงลึก (ระดับหนึ่งซึ่งในความเป็นจริงน่าจะมีลึกกว่านั้นอีก) ก็พบว่ามีอะไรหลายอย่างที่เป็นสาเหตุและเกี่ยวข้องกันจนนำมาสู่วิกฤตหนี้สินครั้งใหญ่ของกรีซจนถึงทางตันในปัจจุบันนี้ เอาไว้โอกาสหน้าจะเล่าให้ฟังนะครับ (ถ้าไม่ลืมนะ คริๆ)
    ขอย้อนรอยสั้นๆสักนิดนะ... คราวนี้มาติดตามสถานการณ์ล่าสุดจากฝั่งกรีซดูบ้างหลังจากที่ศาสตราจารย์ Yanis Varoufakis ลาออกจากตำแหน่ง รมว.คลังของกรีซ 1 วันหลังจากชนะการทำประชามติไม่รับข้อเสนอของพวกเจ้าหนี้ทรอยก้า (EC, ECB, IMF) ซึ่งทางกรีซก็ได้แต่งตั้งให้ด็อกเตอร์ Euclid Tsakalotos ขึ้นมามาเป็น รมว.คลังคนใหม่แทน Yanis Varoufakis ตามที่ได้กล่าวไว้ในโพสต์ก่อนหน้านี้ว่า Euclid Tsakalotos เป็นผู้แทนเจรจาประณอมหนี้ของกรีซกับพวกเจ้าหนี้ทรอยก้าคนล่าสุด เนื่องจากทางเจ้าหนี้ทรอยก้างอแงหาทางที่จะยื้อเรื่องนี้ต่อไปโดยพยายามบีบให้ Yais Varoufakis หลุดจากตำแหน่งผู้แทนเจรจากับเจ้าหนี้ให้ได้ ซึ่งคาดว่าทางพวกเจ้าหนี้หวังจะให้กรีซถลำเข้าสู่วิกฤตที่หนักกว่าเดิมจนไม่มีทางเลือกซึ่งสุดท้ายก็ต้องกลับมาง้อและรับเงื่อนไขทุกอย่างของพวกเจ้าหนี้อยู่ดี แต่ตราบใดที่ Yanis Varoufakis ยังอยู่ในตำแหน่งหรือมีบทบาทในทางการเมืองของกรีซอยู่ เป็นการยากมากๆที่พวกเจ้าหนี้จะสมหวังได้
    พวกเจ้าหนี้ก็ยื่นคำขาดว่าตราบใดที่ Yanis Varoufakis ยังเป็นผู้แทนการเจรจาอยู่พวกเจ้าหนี้ก็จะไม่เข้าร่วมโต๊ะเจรจาด้วยเด็ดขาด ทางกรีซก็บอกว่า ก็ได้งั้น Yanis Varoufakis จะยอมถอยให้ก้าวหนึี่ง แล้วก็แต่งตั้ง Euclid Tsakalotos ขึ้นไปเป็นผู้แทนการเจรจากับเจ้าหนี้ทรอยก้าแทน ผลออกมาก็เหมือนเดิมคือกรีซยืนก็ยังยืนกรานว่าจะไม่รับเงื่อนไขที่โหดร้ายของพวกเจ้าหนี้เด็ดขาดและขอยืนยันว่าไม่รับมาตรการรัดเข็มขัดจากพวกเจ้าหนี้ด้วย (เหล้าเก่าในขวดใหม่) เปลี่ยนตัว แต่หัวใจยังเหมือนเดิม พวกเจ้าหนี้ก็หาทางบีบ Yanis Varoufakis ให้หลุดจากตำแหน่ง รมว.คลังซะเลย ดูซิว่าถ้าไม่มี Yanis Varoufakis แล้วใครจะมาช่วยนายกฯ Alexis Tsipras ได้อีก
    Yanis Varoufakis นึกในใจเลยว่า "อ่ะฮ้า! เสร็จหละ พวกเจ้าหนี้หลงกลขงเบ้งและลูกหลานของ Socrates นักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตของกรีกเข้าให้แล้ว" เมื่อพวกเจ้าหนี้อ้างว่า Yanis Varoufakis เป็นอุปสรรคในการเจรจาและต้องการจะเขี่ย Yanis Varoufakis ออกจากตำแหน่งให้ได้ เมื่ออยากให้ออกก็จะออก (ถอยเป็นก้าวที่สอง) แต่ก่อนจะออกนั้นขอฝากลวดลายภูมิปัญญาและวิสัยทัศน์ของลูกหลานอดีตนักปราชญ์กรีซผู้ยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการสั่งสอนพวกเจ้าหนี้ซักหน่อยก่อนนะ
    เพื่อเป็นการยืนยันว่า Yanis Varoufakis มาถูกทางแล้ว และเป็นความคิดเห็นของประชาชนชาวกรีซหมู่มากด้วย Yanis Varoufakis จึงเลือกใช้ "ประชาธิปไตย" ตอบโต้พวกเจ้าหนี้โดยการจัดทำประชามติซะเลย ดูซิว่าประชาชนจะเลือกฝ่ายไหนระหว่างเจ้าหนี้กับอิสรภาพ ผลการทำประชามติก็ปรากฏว่าฝ่ายที่ไม่รับเงื่อนไขของเจ้าหนี้เป็นฝ่ายชนะ นั่นเป็นข้อพิสูจน์และยืนยันแล้วว่าประชาชนสนับสนุนแนวทางของ Yanis Varoufakis และแล้วท่าน Yanis Varoufakis ก็ประกาศก้าวลงจากตำแหน่งตามที่พวกเจ้าหนี้ต้องการ อย่างผู้มีชัยและสง่างาม
    คราวนี้กรีซก็กลับเข้าสู่โต๊ะเจรจากับเจ้าหนี้อีกรอบพร้อมพกความมั่นใจมาเกินร้อย (รายละเอียดในการต่อสู้ขับเคี่ยวกันในช่วงนี้แนะนำให้อ่านในโพสต์ก่อนหน้านี้นะครับสำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่าน แต่ขอบอกก่อนนะว่ายาวมากกกก) พวกเจ้าหนี้ทรอยก้าหวังว่าหากขจัด Yanis Varoufakis ออกจากตำแหน่งได้แล้ว โอกาสที่พวกเจ้าหนี้จะชนะบนโต๊ะเจรจาก็มีสูงมากขึ้น จริงรึ? งั้นมาฟังคำพูดของ Euclid Tsakalotos รมว.คลังคนใหม่ของกรีซดูบ้างว่าจะมีเสียงเอียงไปทางเจ้าหนี้บ้างหรือไม่?
    Euclid Tsakalotos พูดในการเข้ารับตำแหน่งใหม่ว่า "ผมเชื่อว่าการส่งสารผ่านการทำประชามติ 61% ของผู้ออกเสียง [คัดค้านแผนให้เงินช่วยเหลือของประเทศมหาอำนาจในอียู] จะยังคงอยู่ในประวัติศาสตร์ ทุกอย่างที่กำลังดำเนินไปนั้น จะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของยุโรป... ผมเชื่อว่าบางอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงยุโรปได้" (ฟังให้ดีนะ เปลี่ยนแปลงยุโรป! ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงกรีซ)
    นอกจากนี้แล้ว Euclid Tsakalotos ยังกล่าวยกย่อง Yanis Varoufakis อีกด้วยว่า "ผมไม่คิดว่าจะมีใครอื่นที่เหมาะสมจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ของกรีซ) ในวันที่ 28 มกราคม (2558) ทั่วโลกต่างถกเถียงกันถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในที่นี้ ในประเทศนี้ พวกเราทุกคน ไม่ใช่มีเฉพาะผู้ที่สนับสนุนพรรค Syriza [พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลเสียงข้างมาก] เท่านั้น แต่ประชาชนชาวกรีซทุกคน ควรจะขอบคุณเขา (Yanis Varoufakis) ด้วยเช่นกัน" (ทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนกันด้วย)
    สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "Greek Government Cannot Accept ‘Nonviable’ Proposals of Lenders" (แปลว่า รัฐบาลกรีซไม่สามารถที่จะยอมรับข้อเสนอ 'ที่จะก่อให้เกิดความพินาศย่อยยับ' ของเหล่าผู้นำประเทศมหาอำนาจได้) โดยอ้างคำพูดของ Euclid Tsakalotos รมว.คลังคนใหม่ของกรีซ
    นั่นไงถึงบอกว่าเข้าทางค่ายกลกองหินที่ขงเบ้ง (Yanis Varoufakis) ที่วางหมากเอาไว้แล้ว แม้ว่าตัวเองจะไม่อยู่ดูแล ก็ไม่ต้องห่วง ยกเว้นจะมีคนอย่าง "ฮองเซ็งหงัน" (พ่อตาของขงเบ้ง) เป็นคนบอกวิธีแก้ค่ายกลหรือนำแม่ทัพ "ลกซุน" ของง่อก๊ก (ซุนกวน - เจ้าหนี้ทรอยก้า) ออกไปจากค่ายกลกองหินของขงเบ้งเท่านั้น
    พูดย่อๆแบบนี้เดี๋ยวบางท่านที่ไม่ได้อ่านหรือดูสามก๊กมาอาจจะไม่ค่อยเข้าใจนัก ในยุคปลายของเล่าปี่นั้น พระเจ้าเล่าปี่ยกทัพไปลุยกับพวกง่อก๊กเพื่อล้างแค้นให้กับกวนอู แต่เล่าปีพ่ายแพ้ให้กับลกซุนซึ่งฉลาดมาก ลกซุนใช้วิธีเผาค่ายทหารของเล่าปี่จนย่อยยับ สุดท้ายแล้วเล่าปี่ก็หนีตาย ทางขงเบ้งทราบข่าวจึงรุดไปช่วยจากเสฉวน ในระหว่างทางก็ได้วางค่ายกลกองหินเอาไว้ โดยบอกกับ "ฮองเซ็งหงัน" ซึ่งเป็นพ่อตาของขงเบ้งเองนั่นแหละว่าในอนาคตจะมีแม่ทัพท่านหนึ่งของพวกง่อก๊กเข้ามาติดอยู่ในค่ายกลนี้ ท่านพ่อตาไม่ต้องช่วยชี้ทางออกให้เขานะ แล้วขงเบ้งก็สอนวิธีออกจากค่ายกลดังกล่าวให้กับพ่อตาตัวเอง และเมื่อลกซุนไล่ตามเล่าปี่มาถึงค่ายกลแห่งนั้น ก็เป็นไปตามที่ขงเบ้งพูดเอาไว้เป๊ะเลย อัยย๊ะ! ฮองเซ็งหงัน เห็นเข้าก็อดไม่ได้จึงเข้าไปช่วยเหลือลกซุนให้ออกจากค่ายกลนั้นได้ ถ้าไม่มีฮองเซ็งหงัน ลกซุนก็คงจะสิ้นชีพอยู่ในค่ายกลนี้แน่นอน อ้าวแล้วขงเบ้งไม่รู้หรือว่าพ่อตาตัวเองอาจจะใจอ่อนบอกทางออกให้กับลกซุนก็ได้ รู้สิไม่งั้นจะบอกเคล็ดลับไว้ให้ด้วยทำไมเล่า หลังจากที่ลกซุนได้รับการช่วยเหลือแล้วก็สอบถามความเป็นมาของค่ายกลนี้ว่าใครสร้างขึ้นมาและท่านผู้เฒ่าฮองเซ็งหงัน ได้รู้วิธีแก้ไขได้อย่างไร จากฮองเซ็งหงันทั้งหมด สุดท้ายลกซุนก็ไม่คิดจะติดตามไล่ล่าเล่าปี่อีกต่อไป จึงเดินทางกลับ ขืนตามไปอาจจะเจอหนักกว่านั้น หรืออาจจะเห็นแก่น้ำใจของขงเบ้งที่แกล้งให้พ่อตามาช่วยบอกทางออกให้
    คนที่จะแก้หมากของ Yanis Varoufakis ได้ก็มีแต่คนกรีซที่ทำงานใกล้ชิดกับเขาเท่านั้น ต้องดูต่อไปว่าจะมี ฮองเซ็งหงัน สมัยนี้อยู่ในรัฐบาลชุดนี้ของกรีซหรือไม่ ถ้าไม่มีกรีซก็อาจจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกเจ้าหนี้ ถ้ามีกรีซก็จะอยู่ในอาณัติของเจ้าหน้าตลอดกาลนาน ข้อได้เปรียบของกรีซตอนนี้ก็คือกรีซยอมถอยเพื่อให้เจ้าหนี้เข้ามาติดกับดักที่เดิมทีพวกเจ้าหนี้คิดว่าเป็นการได้ชัยและเป็นไปตามแผนของพวกตน แต่หารู้ไม่ เจอค่ายกลประชามติย้อนศรโดยใช้ประชาธิปไตยของจริงของ Yanis Varoufakis เข้าให้ทำเอาพวกเจ้าหนี้ตกอยู่ในอาการยิ่งกว่าสำลักควันไฟในค่ายกลกองหินของขงเบ้งซะอีก ทั้งร้อน ทั้งขาดน้ำ ทั้งหายใจไม่ออก เพราะข้อเรียกต้องของพวกเจ้าหนี้ที่ต้องการบีบให้ Yanis Varoufakis ลาออกกลับกลายเป็นบ่วงผูกคอตัวเองซะงั้น
    ดังนั้นกรีซจึงยื่นไม้ตายเลยว่าต้องการพักชำระหนี้ระยะยาว 20 ปีเอาไว้ให้เศรษฐกิจดีขึ้นก่อนถึงจะมาคุยกันอีกครั้ง ซวยแล้วเจ้าหนี้เอ๋ย จะงอแงไม่รับเงื่อนไขข้อเรียกร้องของกรีซก็ไม่ได้แล้วนะคราวนี้ เพราะรัฐบาลกรีซยึดประชาชนเป็นหลัก และที่สำคัญที่กรีซเป็นต่อในตอนนี้ก็คือชูเรื่องประชาธิปไตยซะด้วย ก็พวกอียูชอบประชาธิปไตยกันนักไม่ใช่รึ? นี่ไงประชาธิปไตยของจริงเลย กรีซจัดให้แล้ว เจ้าหนี้จะพากันปฏิเสธยังไงหละคราวนี้ จะยึดสมบัติของกรีซในต่างประเทศอย่างที่เบลเยี่ยมทำกับรัสเซียอย่างนั้นรึ? จะแลกกันขนาดนั้นเลยหรือ?
    หันมาดูทางรัสเซียบ้าง รัสเซียรู้ว่างานนี้พวกเจ้าหนี้ต้องการจะหาแพะรับบาบแน่ๆ และที่พอจะเป็นไปได้ก็คือรัสเซียกับจีนนี่แหละ โดยอาจจะอ้างว่ารัสเซียยื่นเงื่อนไขบางอย่าง (เช่นการยกเลิกแบนอาหารมายังรัสเซีย) ให้กับกรีซเพื่อให้กรีซออกจากอียูหรือยูโรโซน และเพื่อสร้างความแตกแยกในอียู อ่ะฮ้า! ไม่มีวันซะหละ Alexei Likhachev รมช.กระทรวงเศรษฐกิจของรัสเซียออกมาดักพอบางคนเอาไว้เลยว่า "ในความคิดเห็นของผม... สองประเด็นนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน เท่าที่รับรู้มานั้น เรื่องที่กรีซจะออกจากสหภาพยุโรป ยังไม่มีการพูดคุยกัน... ดังนั้นในขณะที่ (กรีซ) ยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพเศรษฐกิจและการเมืองนี้ กรีซจะกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจแซงชั่น ซึ่งได้ดำเนินการต่อรัสเซียมาแล้ว ดังนั้นในมุมมองของผมก็คือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแสดงตนของกรีซในยูโรโซน ไม่ได้สร้างการเชื่อมโยงกับมาตรการตอบโต้ของรัสเซีย"
    ฮ่าๆ… จบเลย ใครมาอ้างว่าหากกรีซออกจากอียูหรือยูโรโซนนั้นเป็นเพราะรัสเซีย และหากเกิดความเสียหายขึ้นในอียูเพียงเพราะวิกฤตหนี้ของกรีซ ก็จะมาโทษรัสเซียและบอกว่ารัสเซียจะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยนั้น ไม่ได้ซะแล้ว แล้วสหรัฐฯหละทำไมเงียบจัง คิดอะไรอยู่? กรีซจะเลิกใช้เงินยูโรแล้วหันมาใช้สกุลเงินของตัวเองหรือไม่ หรือว่ากรีซจะออกจากอียูหรือไม่นั้นสหรัฐฯไม่เดือดร้อนเลย เฉยๆ แต่ก็ส่งเจ้าหน้าที่ออกพูดบ้างเล็กน้อยว่าขอให้กรีซกับเจ้าหนี้พูดคุยตกลงกันเอง เห็นมะทีปัญหาวิกฤตยูเครนนั้นสหรัฐฯวิ่งล็อบบี้ทั่วยุโรปอย่างออกหน้าออกตา แต่กรณีของกรีซสหรัฐฯเฉยๆ เพราะถ้าเงินยูโรล้มได้ก็ดีสำหรับสหรัฐฯ จะได้ตัดคู่แข่งเงินดอลล่าร์ไปได้อีก 1 ราย นั่นแหละมิตรแท้และเพื่อนในยามยากของอียู เพราะถึงไม่มีอียู (ประชาคมยุโรป/สหภาพยุโรป) แต่ก็ยังมีนาโต้ซึ่งก็คือประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปนั่นเอง ที่สหรัฐฯสามารถสั่งการควบคุมทางกองทัพได้โดยตรง
    The Eyes
    08/07/2558
    ----------
    Greek Government Cannot Accept ‘Nonviable’ Proposals of Lenders / Sputnik International
    US Stays Cool and Hands-Off in Greek Eurozone Crisis - Reports / Sputnik International
    Donald Trump: US Has 99 Problems, But Greece Ain't One / Sputnik International
    Balancing the Bloc / Sputnik International
    Greeks Created Democracy, Now They Strive to Revive It – French Media / Sputnik International
    No to Austerity, Yes to Democracy / Sputnik International
    Russia Rules Out Excluding Greece From Anti-EU Food Ban in Case of Grexit / Sputnik International
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    รอยร้าว US-EU… วุฒิสมาชิกฝรั่งเศสเรียกร้องให้สหรัฐฯหยุดแทรกแซงในกิจการของยุโรป (อุบ๊ะ! ฝรั่งเศสกล้ามาก)

    [​IMG]

    -------------
    เมื่อวานนี้ (7 ก.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวเรื่องหนึ่งว่า "French Senator Urges US to Stop Intervening in European Affairs" (แปลตามหัวเรื่องของโพสต์นี้นั่นแหละครับ) สื่อฯรัสเซียอธิบายเพิ่มเติมว่า "คณะผู้แทนฝรั่งเศสกล่าวกับสำนักข่าว Sputnik ในที่ประชุมสมัชชาสภาของ OSCE ว่าสหรัฐฯจะต้องหยุดแทรกในกิจการต่างๆของยุโรป โดยนาย Yves Pozzo di Borgo สมาชิกคณะผู้แทนฝรั่งเศสกล่าวในที่ประชุม OSCE PA เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา"
    นาย Pozzo di Borgo กล่าวว่า "ผมขอเรียกร้องให้สหรัฐฯหยุดทำการแทรกแซงและการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของยุโรป สำหรับผมนั้น ยุโรปรวมถึง (/หมายถึง) ยูเรเซีย (Eurasia) ที่กว้างใหญ่ที่มีรัสเซียรวมอยู่ด้วย วิกฤตการณ์ในยูเครนเป็นเรื่องภายในของยุโรป และผมไม่สามารถมองว่ามันเป็นธุรกงการอะไรของสหรัฐฯเลย (I cannot see it is any business of the United States)" (ว้าวววว! อีตาลุงนี่มาแรงแฮะ แกคงจะโกรธมากที่เกิดเหตุการณ์โจมตีบริษัทแก๊สในเมือง Saint-Quentin-Fallavier ทางตะวันออกของประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.58 ที่ผ่านมามั๊ง? https://www.facebook.com/fisont/posts/1686404798246320)
    ไม่ใช่เฉพาะสหรัฐฯเท่านั้น วุฒิสมาชิกชาวฝรั่งเศสคนนี้ยังได้เรียกร้องให้ทั้งสหรัฐฯและแคนาดาหยุดแทรกแซงในความขัดแย้งของยูเครนอีกด้วย นาย Pozzo di Borgo กล่าวเพิ่มเติมว่า "ผมต้องการให้พวกอเมริกันหยุดทำให้สถานการณ์เกิดความวุ่นวายและบั่นทอนบทบาทของข้อตกลงเจรจาสันติภาพกรุงมินส์ ซึ่งได้เข้าถึงการเจรจาในรูปแบบ Normandy แล้ว ทั้งชาวอเมริกันและแคนาดาที่ทำงานให้กับสหรัฐฯจำเป็นต้องเลิกการแทรกแซง (ทันที)"
    การประชุมสมัชชาสภาองค์กรเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe - OSCE) กำลังจัดขึ้นที่กรุงเฮลซินกิ (Helsinki) เมืองหลวงของฟินแลนด์ คณะผู้แทนของรัสเซียไม่ได้เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ด้วย เนื่องจากถูกแบนวีซ่าโดยทางการของฟินแลนด์ และ OSCE เป็นหน่วยงานหลักของนานาชาติที่เข้าไปสังเกตการณ์ในยูเครนตะวันออกในปัจจุบันนี้ ตามข้อตกลงกรุงมินส์ก แต่สหรัฐฯมักจะไม่ยอมรับรายงานและข้อมูลที่ได้จาก OSCE ในขณะที่ยุโรปยอมรับ สหรัฐฯเอาตัวเลขจาก OSCE มาดูแล้วว่าไม่ถูกต้อง ของสหรัฐฯเท่านั้นที่ถูกต้อง
    เมื่อถามว่าอ้าวแล้วสหรัฐฯส่งคนของตนเองเข้าไปสังเกตการณ์ในสนามรบในยูเครนตะวันออกตั้งแต่เมื่อไรและสหรัฐฯเอาข้อมูลมาจากไหน? สหรัฐฯก็บอกว่าเราก็เอามาจากแหล่งข่าวอื่นๆ อีกหลายแห่ง ซึ่งไม่ได้บอกว่าแหล่งข่าวที่สหรัฐฯอ้างถึงนั้นเป็นใครและหน่วยงานไหน ได้รับอนุญาตจากนานาชาติตั้งแต่เมื่อไร สำหรับสหรัฐฯที่ชอบชูประชาธิไตยนำหน้าแล้วนั้น คำพูดของสหรัฐฯเท่านั้นคือประกาศิต ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นรายงานหรือข้อมูลอะไรที่ได้จาก OSCE หากไม่เข้าข้างสหรัฐฯหรือยูเครน จึงไม่มีความหมายในสายตาของสหรัฐฯ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ทั่วโลกเขารังเกียจพฤติกรรมของพี่แกได้อย่างไร? จับตาดูต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฝรั่งเศสบ้าง
    The Eyes
    08/07/2558
    ----------
    French Senator Urges US to Stop Intervening in European Affairs / Sputnik International
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    Russia-China's Style New World Order (ระเบียบโลกใหม่สไตล์รัสเซียกับจีน)

    [​IMG]

    -------------
    เราเคยได้ยินได้ฟังคำว่า "การจัดระเบียบโลกใหม่" หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "New World Order" (NWO) กันอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะพักหลังมานี้ได้ยินถี่มากขึ้นเรื่อยๆจากทั้งสื่อฯต่างๆและโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งมักจะถูกใช้ในความหมายที่ว่าสหรัฐฯหรือกลุ่มอีลีทนายทุนที่อยู่เบื้องหลังนักการเมืองและรัฐบาลสหรัฐฯพยายามจะจัดระเบียบโลกใหม่ด้วยกฎและกติกาของพวกเขาเองที่จะตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อให้สอดรับกับลัทธิจักรวรรดิอเมริกา ซึ่งมีลักษณะที่เป็นไปในทางผูกขาดอำนาจในการปกครองโลกไว้ที่สหรัฐฯแต่เพียงผู้เดียว เช่นระบบการเงิน เศรษฐกิจ และการปกครอง เป็นต้น แม้กระทั่งรัฐบาลสหรัฐฯเองก็พยายามที่จัดระเบียบโลกเพื่อสนองความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงของตนเหนือชาติใดๆในโลกด้วย โดยดึงอำนาจทั้งหมดมารวมศูนย์ไว้ที่สหรัฐอเมริกาแต่เพียงผู้เดียว นั่นคือความหมายโดยคร่าวๆของ "New World Order" สไตล์สหรัฐฯ
    สหรัฐฯต้องการจะทำอย่างนั้น ถามคนทั้งโลกแล้วหรือยัง? ไม่จำเป็น หากสหรัฐฯสามารถขยายกองทัพของตัวเองไปได้ทั่วโลกมากขึ้นเท่าไรจะมีใครกล้าคัดค้านต่อต้านสหรัฐฯได้รึ? ประเทศเล็กๆอาจจะไม่มีขีดความสามารถที่จะไปต่อกรกับจักรวรรดิอเมริกาได้ แต่ถ้าเป็นมหาอำนาจใหม่อย่างจีนและรัสเซียหละ? สหรัฐฯถามสองผู้ยิ่งใหญ่นี้แล้วหรือยัง? นี่แหละคือก้างชิ้นใหญ่ขวางคอของสหรัฐฯอยู่ในตอนนี้ ดังนั้นสหรัฐฯจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะบั่นทอนทำลายทั้งสองมหาอำนาจนี้ลงให้ได้ จึงนำไปสู่การดำเนินนโยบาย anti-Russia และ anti-China ขึ้นมาอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนี้
    มีหรือที่จีนกับรัสเซียจะยอมให้สหรัฐฯซึ่งพึ่งจะเกิดใหม่ได้แค่ 200 กว่าปีมากดหัวผู้ที่สร้างอารยธรรมของตัวเองยาวนานมาเป็นพันพันปีได้ง่ายๆ แม้ว่าหากเทียบกำลังกันตัวต่อตัวระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซีย หรือ สหรัฐฯ-จีนแล้ว ทั้งกองทัพและเศรษฐฯกิจทั้งของจีนและรัสเซียจะสู้สหรัฐฯไม่ได้ แต่ถ้าจีนกับรัสเซียรวมกันแล้วมวยคู่นี้ สองต่อหนึี่งก็นับว่าสูสีนะ
    เพื่อไม่ให้เกิดจอมเผด็จการโลกขึ้นมา ดังนั้นจีนและรัสเซียจึงออกมาแท็กทีมกันประกาศ "New World Order" ในสไตล์ของตนเองขึ้นมาบ้าง มันเป็นยังไงรึ? เมื่อวานนี้อ่านเจอข่าวๆหนึ่งจาก Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "Russia-China Partnership Plays Key Role in Establishing New World Order" แปลว่า "รัสเซีย-จีน ร่วมมือมีบทบาทสำคัญในการสร้างระเบียบโลกใหม่" เห็นว่าน่าสนใจดี จึงอยากจะนำมาแปลให้ท่านทั้งหลายได้รับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมบ้าง
    Sputnik อธิบายต่อว่า Zheng Yu นักวิเคราะห์ด้านการเมืองของจีนแสดงความคิดเห็นว่า "ในฐานะที่เป็นประเทศเศรษฐกิจที่แข็งแรงพึ่งเติบโตขึ้นมาใหม่ (เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกหน้าใหม่) การเป็นพันธมิตรกันระหว่างรัสเซียและจีนถือว่าเป็น "แรงยึดเหนี่ยว" (binding force) ในองค์กรต่างๆจำนวนมากทั้งในระดับนานาชาติและในภูมิภาค เช่น BRICS และ องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) (และ AIIB)
    Zheng Yu กล่าวว่า "ตั้งแต่ปี 2008 (2551) เป็นต้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้เป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ต่างๆที่ได้ทำให้โลกแบบขั้วอำนาจเดียว (unipolar world) เข้าถึงจุดจบ โลกแบบขั้วอำนาจเดียวนี้ ได้รับความเดือดร้อนทุกข์ยากเป็นอย่างมากเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจ หลังจากที่กรุงวอชิงตันได้สูญเสียอิทธิพลของตนไป อย่างไรก็ตาม ปัญหาทางเศรษฐกิจก็ยังได้ส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ประเทศเหล่านั้นได้ตระหนักรู้แล้วว่าความร่วมมือกันถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการเร่งสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ"
    อำนาจของประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจเกิดใหม่เหล่านี้กำลังเติบโตและเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่อิทธิพลของ (แก๊ง) "บิ๊กเซเว่น" (Big Seven) กำลังเสื่อมถอยจมดิ่งลงเรื่อยๆ
    ใครคือ Big Seven? ขอบอกตามตรงเลยนะครับว่า ไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนเลย รู้จักแต่ 7-Eleven นี่แหละ คริๆ มันดูดตังค์เราทู๊กกกกวัน ลองหาข้อมูลจาก wiki พบว่าเป็นองค์/สมาคมขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ เขาบอกว่าเป็นพวก "nonpartisan" แปลว่าพวกไม่เอนเอียงทางการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นกลางว่างั้นเถอะ แต่ในความเป็นจริงแล้วคำว่า "เป็นกลาง" ของพวกเขาก็คือ "เหยียบเรือสองแคม" คบทั้งสองฝ่าย ทั้งรีพับลิกันและดีโมแครต และบอกว่าเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร (non-profit organizations)
    คำว่า "non-profit" ในที่นี้สำหรับชาวโลกสวยตาใสซื่อทั้งหลายอาจจะมองว่าเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างประโยชน์แก่สาธารณะโดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นกำไร อ่ะ… คิดว่าองค์กรพวกนี้เขาจะทำอย่างนั้นจริงๆรึ? คำว่า "non-profit" ในที่นี้หมายถึง "ไม่มีการขาดทุนหรือกำไร" เพราะอะไร? ก็เพราะว่าไม่ได้เป็นองค์ที่ตั้งขึ้นมาในนามของการประกอบการทางธุรกิจ จึงไม่มีการลงทุน เมื่อไม่มีการลงทุน ก็ย่อมไม่มีการขาดทุน หรือกำไร นะสิ เพราะคำว่า "กำไร" หมายถึงรายได้ที่เกิดขึ้นหลังจากหักต้นทุนออกไปแล้ว ก็เมื่อไม่มีการลงทุนแล้วจะเอาอะไรไปวัดว่าเป็นการขาดทุนหรือกำไร? ดังนั้นเมื่อไม่มีกำไรแม้จะมีรายได้/รายรับเยอะมาก จึงเรียกว่า "non-profit" เข้าใจยัง? มีแต่รายได้อย่างเดียว ไม่เคยขาดทุน! สิ่งที่ได้รับมาจึงไม่อาจจัดให้อยู่ความหมายของคำว่า "กำไร" ตามคำนิยามในเรื่องการทำธุรกิจหรือการบัญชี
    สังเกตง่าย ดูอย่างมูลนิธิต่างๆที่ดังๆมีชื่อเสียงมีนักการเมืองและนักธุรกิจหนุนหลังของต่างชาติดูสิ เขาเคยบอกว่าแต่ละปีขาดทุนหรือกำไรเท่านั้นเท่านี้บ้างไหม? ไม่มีเลย แต่มีเงินหมุนเวียนอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะมูลนิธิของพวกนักการเมืองและองค์กรระหว่างประเทศ ngo ต่างๆ นี่แหละคือที่มาของคำว่า "non-profit" ของพวกเขาหละ
    กลับมาที่เรื่อง Big Seven ของสหรัฐฯต่อนะ wiki บอกว่าเป็นกลุ่มที่สร้างขึ้นมาจากหน่วยงานรัฐบาลทั้งในรัฐต่างๆของสหรัฐฯและระดับท้องถิ่นซึ่งประกอบด้วย สภาปกครองรัฐ (Council of State Governments), สมาคมผู้ว่าการรัฐแห่งชาติ (National Governors Association), ที่ประชุมฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐแห่งชาติ (National Conference of State Legislatures), สันนิบาตนครแห่งชาติ (National League of Cities), ที่ประชุมนายกเทศมนตรีสหรัฐฯ (U.S. Conference of Mayors), สมาคมเขตปกครองแห่งชาติ (National Association of Counties) และสมาคมการจัดการธุรกิจระดับเมือง/เขตปกครองแห่งชาติ (International City/County Management Association) นี่… ทั้ง 7 องค์กรหรือสมาคมเหล่านี้ เรียกว่า "Big Seven" ที่คุมสหรัฐฯอยู่ในตอนนี้ ส่วนที่ว่าใครคุมพวกนี้อีกทีหนึ่งนั้น.... ลองเดาเล่นๆดูซิ
    Zheng Yu นักวิจัยประจำสถาบันการศึกษาสังคมศาสตร์ของจีนเขียนไว้ในหนังสือพิมพ์ Chinese Global Times ของจีนว่า "ความร่วมมือระหว่างจีนกับรัสเซียในปัจจุบันนี้กำลังมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งระเบียบโลกใหม่" (ฟังดูเหมือนน่ากลัวนะ เพราะเราเคยได้ยินมาแต่ระเบียบโลกแบบที่สหรัฐฯต้องการจะให้เป็น แต่ถ้าไม่มีจีนกับรัสเซียเข้าขวางไว้ อาจจะน่ากลัวยิ่งกว่าปัจจุบันก็ได้)
    สื่อฯรัสเซียกล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือ (ระหว่างจีนกับรัสเซีย) ในรูปแบบนี้จะช่วยให้กรุงปักกิ่งและกรุงมอสโคว์เพิ่มประสิทธิภาพและเสริมสร้างอิทธิพลของทั้งสองประเทศ ทั้งในเวทีนานาชาติและในภูมิภาคเช่นเดียวกับในเอเซียกลาง
    Zheng Yu กล่าวว่า "ในภูมิภาคนี้ ผลประโยชน์ของรัสเซียและจีนนั้นตัดผ่านกัน (intersect) ผ่านการพัฒนาสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียน (Eurasian Economic Union - EEU) ซึ่งเริ่มต้นโดยกรุงมอสโคว์ และยุทธศาสตร์เส้นทางสายใหม่แห่งใหม่ (New Silk Road) ของจีน เป็นก้าวที่มีความหวังเป็นอย่างมาก"
    สื่อฯรัสเซียอธิบายเพิ่มเติมว่า การที่ปธน.สี จิ้นผิงของจีนเดินทางไปเยี่ยมรัสเซียเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (งานวัน V-Day) ได้แสงให้เห็นว่าบัดนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้เข้าถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน (unprecedented level) สิ่งนี้หมายความว่า ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม สัญญาของมิตรภาพระหว่างกรุงมอสโคว์และกรุงปักกิ่งไม่เพียงแต่จะช่วยทั้งสองประเทศนี้เท่านั้น แต่ยังจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและ "การพัฒนาความสามัคคี" ของโลกโดยรวมอีกด้วย
    ว้าว! เท่าที่สังเกตการเคลื่อนไหวทั้งของจีนและรัสเซียในหลายๆด้าน หลายๆครั้ง ก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นจริงอย่างที่สื่อฯรัสเซียและนักวิเคราะห์ชาวจีนว่ามาอยู่นะ คงไม่ใช่ขายฝัน เอาขนมหวานมาหลอกเด็กแน่นอน ดูอย่างอียูยังหันมาร่วมมือกับจีนมากขึ้น แม้จะเคืองๆรัสเซียเพราะหลงกลสหรัฐฯให้ต่อต้านและแซงชั่นรัสเซียกรณียูเครนก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วหากอียูต้องการที่จะอยู่รอดในภาวะเศรษฐกิจโลกแบบนี้ และต้องการที่จะก้าวหน้ามากกว่านี้ ก็คงต้องหันมาจับมือกับรัสเซียอยู่ดี เพราะรัสเซียกับจีนเป็นคู่หูดูโอ้ปาท่องโก๋ไปแล้ว คบกับจีนก็ต้องคบกับรัสเซียด้วยอยู่ดี หนีไม่พ้นหรอก มาร่วมมือกับจีนและรัสเซียและยูเรเซียดีกว่า ทิ้งสหรัฐฯไว้ตรงนั้นแหละ
    อ้าว… ที่ว่ามานี้ไม่เห็นว่า NWO ของจีนกับรัสเซียมันจะน่ากลัวตรงไหนเลยนิ ผู้เขียนเขาไม่ได้เน้นเรื่องการจัดระเบียบโลกนะ เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการสร้างร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัสเซียกับจีนมากกว่จะเป็นเรื่องการจัดระเบียบโลกซะอีก แต่มีจุดหนึ่งที่ผู้เขียนเขาพูดถึงก็คือโลกแบบขั้วอำนาจเดียวไม่สามารถแก้ไขวิกฤตปัญหาต่างๆของโลกได้ เหมือนพยายามจะบอกว่าควรจะเป็นแบบหลายขั้วอำนาจมากกว่า ส่วนการใช้คำว่า "New World Order" ของผู้เขียนในที่นี้เหมือนเป็นวาทกรรมมากกว่าที่ต้องการจะชี้ให้เห็นถึงระเบียบใหม่จริงๆ แต่ในทางปฏิบัตินั้นทั้งจีนกับรัสเซียต่างก็งัดกับอำนาจเผด็จการของสหรัฐฯอยู่ในหลายเวทีและในหลายสถานการณ์ซะด้วย และจุดเริ่มต้นของ New World Order ของฝั่งจีนและรัสเซียนั้นก็คือความพยยามที่จะเพิ่มระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐ และระบบธนาคารโลกขึ้นมาใหม่เพื่อถ่วงดุลอำนาจกับระบบเก่าที่ควบคุมโดยสหรัฐฯและ G7 ในทุกวันนี้ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับสังคมโลก แม้จะถูกสหรัฐฯแซงชั่นก็ยังสามารถดำเนินการทางธุรกิจค้าขายกับกลุ่มประเทศอื่นที่ไม่อยู่ในอาณัติของสหรัฐฯได้ต่อไป ความหมายของคำว่า "New World Order" แบบของจีนและรัสเซียน่าจะหมายถึงอย่างนี้มากกว่า
    The Eyes
    08/07/2558
    ----------
    Russia-China Partnership Plays Key Role in Establishing New World Order / Sputnik International
    https://en.wikipedia.org/wiki/Big_Seven_(United_States)
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อุแม่จ้าววว! ฝรั่งเศสเรียกร้องให้นำระบบกษัตริย์กลับมา ตำหนิความล้มเหลวของประชาธิปไตย

    [​IMG]

    ------------
    ข่าวนี้น่าสนใจมาก... วันนี้ (8 ก.ค.58) Sputnik news พาดหัวข่าวเรื่องหนึ่งว่า "Long Live the King: French Minister Misses Monarchy, Slams Democracy" แปลว่า "ทีฆายุโก โหตุ มหาราชา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ: รัฐมนตรีฝรั่งเศสคิดถึงระบอบกษัตริย์ จวกระบอบประชาธิปไตย" อ่านพาดหัวข่าวแค่นี้ถึงกับ ตะลึงงึงงันไปเลย เป็นไปได้ไงนี่! นี่เขาล้อเล่นหรือจะเอาจริงกันแน่? อย่าพึ่งวิจารณ์ อ่านต่อนะ... สื่อฯรัสเซียพาดหัวข่าวรองว่า "นาย Emmanuel Macron รมว.กระทรวงเศรษฐกิจของฝรั่งเศสให้สำภาษณ์กับนิตยสาร Le 1 Hebdo อ้างโดยหนังสือพิมพ์รายวัน Le Figaro ของฝรั่งเศสว่าฝรั่งเศสจำเป็นต้องหวนกลับไปใช้ระบอบการปกครองแบบกษัตริย์ (monarchy) เนื่องจากระบบประชาธิปไตยไร้ความสามารถและนำพาประเทศดิ่งเหว" (ว้าววว! นี่ไม่ใช่คำพูดของนักวิจารณ์ นักวิชาการทั่วไปนะ แต่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบันของฝรั่งเศสซะด้วยสิ แต่เอ... พอได้ยินชื่อ "Le 1 Hebdo" รู้สึกว่ามันคุ้นๆกับ "ชาร์ลี เอ็บโด" ที่เกิดเรื่องเลยนะ รู้สึกเสียวแทนนิตยสารและหนังสือพิมพ์ทั้งสองแห่งนี้แล้วสิ)
    รัฐมนตรี Emmanuel Macron บอกว่ารู้สึกเสียใจที่ระบอบกษัตริย์หายไปจากการเมืองของฝรั่งเศส และหนังสือพิมพ์ Le Figaro อ้างคำพูดของเขาว่า "ประชาธิปไตยมักจะหมายถึงความไม่สมบูรณ์บางอย่าง เนื่องจากมันไม่เพียงพอในตัวเอง" (Democracy always implies some kind of incompleteness because it isn't sufficient in itself.) (นั่นไง... เริ่มจะรับรู้ความเป็นจริงของประชาธิปไตยสุดโต่งกันแล้วหละสิ สงสัยฝรั่งเศสจะอิจฉาอังกฤษกับไทยแน่ๆ พวกแดงล้มเจ้าทั้งหลายควรจะอ่านข่าวนี้นะ คริๆ)
    Emmanuel Macron กล่าวต่อว่า "ชีวิตทางการเมืองของฝรั่งเศสกำลังสูญเสียภาพ (บุคคล) ที่เข้มแข็งไป (เรื่อยๆ) คนบางคนที่มีความเด็ดเดี่ยวในการนำพาฝรั่งเศส มันเป็นช่วงเวลาที่นโปเลียนใหม่จะปรากฎขึ้นมา" (French political life is missing a strong figure, someone who could decisively lead France. It's the moment a new Napoleon appears) (กษัตริย์ในรูปแบบที่นักการเมืองชาวฝรั่งเศสคนนี้โหยหานั้น ไม่ใช่พระมหากษัตริย์นักพัฒนาแบบพ่อหลวงของพวกเราชาวไทย แต่เขาต้องการแบบนโปเลียน กษัตริย์นักรบผู้รุกรานประเทศอื่น)
    Emmanuel Macron กล่าวกับนิตยสาร Le 1 Hebdo อีกว่า "นับตั้งแต่การจากไปของนายพล Charles de Gaulle ประชาชนชาวฝรั่งเศสได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับภาวะความเป็นผู้นำในรูปแบบการปกครองแบบประธานาธิบดี และลักษณะการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของฝรั่งเศส"
    รายงายข่าวบอกว่า Emmanuel Macron ไม่ใช่นักเมืองฝรั่งเศสคนแรกที่ออกมากวิพากษ์วิจารณ์ความอ่อนแอและการไม่กล้าตัดสินใจของประธานาธิบดี Francois Hollande ของฝรั่งเศสคนปัจจุบันอย่างเปิดเผย Valery Giscard d'Estaing อดีตปธน.ของฝรั่งเศสก็ได้วิพากษ์วิจารณ์ปธน. Hollande ว่าถูกจูงจมูกโดยกรุงวอชิงตัน และทำตามที่ทำเนียบขาวสั่งให้ทำ แทนที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติของตัวเอง
    เป็นอย่างไรบ้างครับ กระแสการเมืองของตะวันตกในสมัยนี้ ทำไมมันถึงได้พลิกขั้วกันได้ถึงขนาดนั้น? หรือว่านี่คือยุดเสื่อมของประชาธิปไตยจอมปลอมซะแล้ว ฝรั่งเศสจะกลับไปใช้ระบบประชาธิปไตยแบบของกรีกโบราณหรือของอังกฤษในปัจจุบันที่มีระบบกษัตริย์รวมอยู่ด้วย แต่เอ... ของอังกฤษเขากันไม่ให้กษัตริย์ (พระราชินี) เข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องการเมืองแล้วนะ ตอนนี้กลุ่มที่กุมอำนาจทางการเมืองและการบริหารประเทศก็คือฝ่ายอีลิทนายทุนทั้งหลายต่างหาก (แต่มักจะอ้างประชาชนบังหน้าเสมอ) รูปแบบกษัตริย์ที่ Emmanuel Macron ต้องการนั้นคือแบบ "นโปเลีียน" คือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolute Monarchy) เต็มฉบับเลยหละ
    The Eyes
    08/07/2558
    ----------
    Long Live the King: French Minister Misses Monarchy, Slams Democracy / Sputnik International
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    จนได้!... เยอรมันอ้างโดนแฮ็กเกอร์เจาะระบบควบคุมกองร้อยขีปนาวุธส่งคำสั่งปลอม ที่ซื้อมาจากสหรัฐฯ

    [​IMG]

    ------------
    ซวยหละสิเจ้แมร์เกิล... โดนมือมืด (เหมือนจะรู้ว่าใคร?) เล่นงานเข้าให้อีกรอบแล้วไหมหละ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.58 ที่ผ่านมา สำนักข่าว Sputnik news รายงานว่า "แฮ็กเกอร์นิรนามเจาะเข้าระบบยิงขีปนาวุธแพรทริออต (Patriot missile) ของเเยอรมันนีซึ่งประจำการอยู่ในประเทศตุรกีเพื่อป้องกันประเทศจากการแผ่ขยายของสงครามกลางเมืองที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในซีเรีย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาใกล้กับชายแดนซีเรีย" (RT news ก็ลงข่าวนี้ด้วย)
    รายงานข่าวบอกว่ากองร้อยขีปนาวุธ Patriot missiles ได้รับรายงานให้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ (unexplained commands) โดยเป้าหมายสุดท้ายและตำแหน่งที่ตั้งที่มีคำสั่งออกมายังคงเป็นปริศนา (หมายความว่าทางกองทัพเยอรมันอาจจะไม่เปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้)
    รายงานข่าวบอกว่า กลุ่มผู้โจมตีอาจจะค้นพบช่องโหว่ของระบบ โดยหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นที่ระบบการทำงานร่วมกันของเซ็นเซอร์และการยิง (Sensor-Shooter-Interoperability (SSI)) ซึ่งเชื่อมต่อเข้ากับระบบควบคุมขีปนาวุป และเครื่องยิง และจุดที่สองอาจจะเป็นชิปคอมพิวเตอร์ที่ตอบสนองต่อระบบนำวิถีของขีปนาวุธ
    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า พวกแฮ็กเกอร์อาจจะวางแผนเจาะเข้าระบบโดยมีวัตถุประสงค์สองอย่างด้วยกัน: โดยเข้าควบคุมระบบปฏิบัติการ หรือขโมยข้อมูลจากระบบปฏิบัติการ
    ขีปนาวุธชุดนี้ถูกนำไปประจำการโดยกองทัพเยอรมัน เพื่อเป็นการรับประกันความมั่นคงของประเทศ อันเนื่องมาจากวิกฤตในซีเรีย รายงานข่าวบอกว่าประเทศตุรกีได้ร้องขอการสนับสนุนทางทหารจากนาโต้ในปี 2012
    ร้อยวันพันปีไม่เคยมีข่าวว่าระบบขีปนาวุธ Patriot ของสหรัฐฯถูกเจาะได้โดยแฮ็กเกอร์มาก่อน จู่ๆก็มีข่าวนี้ปรากฎออกมาจากทางเยอรมันเองซะด้วย มันแปลกๆอยู่นะ
    เยอรมันนีบอกว่าไม่มีการเชื่อมโยงระบบขีปนาวุธนี้เข้ากับระบบเครือข่ายสาธารณะ ในการจะยิงขีปนาวุธแต่ละครั้งนั้นจำเป็นต้องมีรหัสพิเศษ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ และจำเป็นจะต้องได้รหัสอย่างน้อยจาก 2-3 คนถึงจะยิงได้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องปรกติ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าระบบเหล่านี้บางอย่างจะไม่สามารถแฮ็กได้ แต่ผู้ที่จะทำได้นั้นจะต้องมีทักษะฝีมือชั้นสูง (ระดับบรมครูเซียนเหยียบเมฆเลยหละ)
    Robert Jonathan Schifreen แฮ็กเกอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ในอังกฤษกล่าวว่าที่แน่ๆก็คือรัฐบาลต่างประเทศ (ไม่ได้บอกว่าประเทศไหน) และหน่วยข่าวกรองพยายามที่จะแฮ็กเข้าสู่ระบบเหล่านี้ และอาจจะเป็นไปได้ว่าซอฟแวร์ที่ติดตั้งกับขีปนาวุธนั้นถูกโจมตีในบางกรณีโดยรัฐบาลต่างประเทศ (โยนไปให้มือที่มองไม่เห็นที่เสกขึ้นมาในอากาศอีกแล้ว)
    เมื่อเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลเยอรมันประกาศว่าจะซื้อและติดตั้งระบบขีปนาวุธแพรทริออตพร้อมด้วย MEADS (Medium Extended Air Defense System) ซึ่งเป็นระบบป้องกันอากาศยานรุ่นใหม่ที่พัฒนาร่วมกันโดย สหรัฐฯ อิตาลี และเยอรมัน ซึ่งมีมูลค่าราว €4 billion (ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท)
    ในขณะเดียวกันจอมแฉ Annie Machon อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ MI5 ของอังกฤษออกมาตั้งคำถามว่า "ใครกันที่เหนี่ยวไกรในครั้งนี้? นี่เป็นปัญหาพื้นฐานของหุ้นส่วนของสหรัฐฯ หากพวกเขาซื้อซอฟแวร์ของสหรัฐฯ หากพวกเขาซื้ออาวุธหนักจากสหรัฐฯ พวกเขาสามารถที่จะควบคุมมันได้จริงๆหรือ?"
    Annie Machon กล่าวต่ออีกว่า "คราวนี้ประเทศต่างๆที่จริงจังกับเรื่องความมั่นคงของประเทศ และภัยคุกคามระดับชาติของตนควรจะสร้างระบบอาวุธของตนขึ้นมาใช้งานเองเพื่อความมั่นใจ และควรจะมั่นใจด้วยว่าอาวุธเหล่านั้นพัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐานความรู้ประชากรของตัวเอง มาจากพื้นฐานทักษะของตัวเอง"
    ก็เมื่อสหรัฐฯมั่นใจและคุยนักหนาว่าของตัวเองดีอย่างนั้นอย่างนี้ เหนือกว่าระบบของประเทศอื่น แล้วทำไมเยอรมันนีถึงออกมาประกาศอย่างนี้หละนี่? ใครกันนะที่กล้าเล่นเกมอันตรายในครั้งนี้ เขาต้องการให้เยอรมันนียิงขีปนาวุธจากตุรกีไปใส่ซีเรีย (?) เพื่ออะไร? สหรัฐฯอยากให้เยอรมันซื้ออาวุธแพรทริออตรุ่นใหม่ เยอรมันก็ตัดสินใจซื้อให้แล้วไง ยังต้องการอะไรอีก? อ้อ… หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับข่าวที่สภายุโรปจะมีการโหวตว่าจะรับข้อตกลงการค้าทรานสแอตแลนติกและหุ้นส่วนการลงทุน The Transatlantic Trade and Investment Partnership (TTIP) ระหว่างสหรัฐกับอียูในวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเกิดการคัดค้านและต่อต้านจากภาคประชาชนในยุโรปอย่างหนัก
    เดี๋ยวขอดูข่าวก่อนนะว่าผลโหวต TTIP ของสภายุโรปเป็นอย่างไรบ้าง?... รายงานข่าวบอกว่าผลโหวตเมื่่อวันพุธที่ผ่านมาเป็น "Yes" 436 เสียง และโหวต "No" 241 เสียง เสร็จเลย อียูแพ้สหรัฐฯเห็นๆ และแล้วสินค้า GMO ของสหรัฐฯก็จะไหลทะลักเข้าไปในยุโรป เออ… มันได้ผลแฮะ อยากให้เขายกมือให้ก็ต้องทำอย่างนี้แหละ ถ้าไม่ยกเดี๋ยวบึ้มนะ...
    อ้อ… มีอีกข่าวหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน วันที่ 7 ก.ค.58 สำนักข่าว RT news พาดหัวข่าวว่า "วัตถุระเบิดถูกขโมยจากฐานทัพของฝรั่งเศส ไม่ตัดประเด็นการก่อการร้่าย" (Explosives stolen from French army base - terrorism not ruled out)
    รายงานข่าวกล่าวเพ่ิมเติมว่ามีระบบจุดชนวนและวัตถุระเบิดจำนวน 200 ลูกถูกนำออกไปจากคลังแสงในเมือง Miramas การขโมย (โจรกรรม) ยังคงเกิดขึ้นแม้จะมีการออกมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นหลังจากการโจมตีด้วยการก่อการร้ายครั้งใหญ่ 2 ครั้งภายในปี 2015 การตรวจสอบยังเดินต่อไป แต่ทางการของฝรั่งเศสบอกว่ายังไม่ตัดเรื่องการก่อการร้ายออกไป
    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเดียวกันกับที่ระบบขีปนาวุธของเยอรมันนีถูกแฮ็ก (หรือสร้างสถานการณ์ก็ไม่รู้?) และในวันต่อมาสภายุโรปก็โหวตรับ TTIP ของสหรัฐฯผ่านฉลุย แต่สื่อฯตะวันตกพยายามนำเสนอข่าวโจรกรรมวัตถุระเบิดของฝรั่งเศสในแง่มุมที่โยงหรือชี้นำไปทางไอซิสและบางศาสนาโดยพยายามพูดถึงเรื่องการก่อเหตุครั้งล่าสุดในการระเบิดโรงงานแก๊สในเมือง Lyon ที่ฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.58 ที่ผ่านมา ฮึ่ม… มันช่างบังเอิญจังนะ ทั้งเยอรมันและฝรั่งเศสเลยนะ แล้วไหนจะการเคลื่อนไหวจากนักการเมืองฝรั่งเศสที่ออกมาตำหนิระบอบประชาธิปไตยและบอกว่าจะเอาระบอบกษัตริย์แบบนโปเลียนผู้เข้มแข็งกลับมาอีกนั้นด้วยเล่า
    The Eyes
    09/07/2558
    ----------
    'Hackers' Take Control of German Missile Battery in Turkey / Sputnik International
    http://rt.com/news/272275-german-patriot-missiles-hackers/
    European Parliament to Vote on EU-US Free Trade Deal Amid Public Concerns / Sputnik International
    Controversial TTIP Deal to Progress After Europe Votes Yes / Sputnik International
    Explosives stolen from French army base - terrorism not ruled out — RT News
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฟองสบู่ตลาดทุนจีนแตกสาหัสกว่ากรีซ เขย่าหุ้นมะกันร่วงหนัก น้ำมันลง-ทองคำพุ่ง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กรกฎาคม 2558 04:56 น. (แก้ไขล่าสุด 9 กรกฎาคม 2558 09:01 น.)

    [​IMG]

    @ตลาดหุ้นนิวยอร์กประสบปัญหาขัดข้องต้องระงับการซื้อขายนานกว่า 3 ชั่วโมงในวันพุธ(8ก.ค.)

    เอเอฟพี/รอยเตอร์ - วอลล์สตรีทเกิดปัญหาทางเทคนิคต้องระงับการซื้อขายนานกว่า 3 ชั่วโมง ในวันพุธ (8 ก.ค.) ก่อนปิดลบหนักจากความกังวลต่อภาวะฟองสบู่แตกในตลาดหุ้นจีน และวิกฤตหนี้กรีซ ปัจจัยนี้ผลักนักลงทุนแห่ถือครองทองคำจนพุ่งขึ้นกว่า 10 ดอลลาร์ ส่วนน้ำมันตลาดอเมริกาปรับลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน

    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/1a52Gh7QbaI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ดาวโจนส์ ลดลง 261.49 จุด (1.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,515.42 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 34.65 จุด (1.66 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,046.69 จุด แนสแดค ลดลง 87.70 จุด (1.75 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,909.76 จุด

    ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ปรับมาทำการซื้อขายได้อีกครั้งในช่วงท้าย หลังต้องระงับไปนานกว่า 3 ชั่วโมง สืบเนื่องจากปัญหาขัดข้องทางเทคนิค ถือเป็นเหตุขัดข้องครั้งเลวร้ายที่สุดของตลาดการเงินสหรัฐฯในรอบเกือบ 2 ปี ขณะที่ทาง NYSE ชี้แจงว่ามันไม่ได้มีสาเหตุจากการถูกแฮกระบบ

    อย่างไรก็ตาม เหตุขัดข้องดังกล่าวไม่อาจยับยั้งการดิ่งลงของวอลล์สตรีท ที่ถูกกดดันจากภาวะฟองสบู่แตกในตลาดทุนจีน หลังจากตลาดหุ้นแดนมังกรร่วงลงมามากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลาแค่ช่วง 3 สัปดาห์หลังสุด ส่งผลให้ราคาหุ้นดิ่งลงถึง 30% คิดเป็นมูลค่าถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ และนักลงทุนบางส่วนหวาดหวั่นว่าตอนนี้ความยุ่งเหยิงของจีนกลายเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่หลวงกว่าวิกฤตในกรีซไปแล้ว

    นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า การดำดิ่งของตลาดหุ้นคราวนี้ อาจถึงกับสร้างความเสียหายให้แก่ระบบเศรษฐกิจจีน ซึ่งใหญ่โตเป็นอันดับ 2 ของโลก ตลอดจนอาจเป็นชนวนทำให้เกิดความไม่สงบทางสังคมขึ้นมา ถึงแม้จีนเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ซึ่งควบคุมผู้ที่ความเห็นแตกต่างจากรัฐบาล อย่างเข้มงวดกวดขันก็ตามที

    ปัจจัยแห่งความกังวลต่อภาวะฟองสบู่แตกในตลาดหุ้นจีน กระตุ้นให้นักลงทุนอพยพเข้าสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และส่งผลให้ราคาทองคำเมื่อวันพุธ (8 ก.ค.) ปิดบวกอย่างแรง ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดรอบเกือบ 4 เดือน หนึ่งวันก่อนหน้านี้ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 10.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,163.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    ด้านราคาน้ำมันตลาดสหรัฐฯในวันพุธ (8 ก.ค.) ปรับลดเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน หลังพบสต๊อกเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น แต่ลอนดอนปิดบวกในกรอบแคบ ๆ จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 68 เซนต์ ปิดที่ 51.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ ปิดที่ 57.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ตลาดน้ำมันอยู่ภายใต้แรงกดดันของประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก ในนั้นรวมถึงภาวะพังครืนของตลาดหุ้นจีน วิกฤตหนี้กรีซ และการเจรจาโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งล้วนจะกระทบต่อสมดุลทางอุปสงค์ - อุปทานพลังงานโลก

    ขณะเดียวกัน คลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 กรกฎาคม เพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล เป็น 465.8 ล้านบาร์เรล เช่นเดียวกับสต๊อกเบนซิน แม้จะเป็นช่วงพีคสุดของฤดูกาลขับขี่ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บอกว่า ราคาน้ำมันตลาดลอนดอน ได้แรงสนับสนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไร หลังราคาลดต่ำลงเมื่อเร็ว ๆ นี้

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรีซปิดธนาคารต่อจนถึงสัปดาห์หน้า-ยุโรปแย้มแบงก์ใหญ่ถึงจุดจบเซ่นแผนปฏิรูปโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กรกฎาคม 2558 06:02 น. (แก้ไขล่าสุด 9 กรกฎาคม 2558 08:56 น.)

    [​IMG]
    @ชาวกรีกยืนต่อแถวกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มแห่งหนึ่งในเอเธนส์ ขณะที่ในวันพุธ(8ก.ค.) รัฐบาลกรีซประกาศขยายเวลาปิดธนาคารและจำกัดการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มไม่เกิน 60 ยูโรต่อวันออกไป

    รอยเตอร์/เอเอฟพี - รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ยุโรปเผยแบงก์ใหญ่บางแห่งของกรีซอาจต้องปิดตัวลงและถูกเทกโอเวอร์โดยคู่แข่งที่มีความเข้มแข็งกว่า ส่วนหนึ่งในแผนปฏิรูปภาคธนาคารที่จะมีขึ้นตามหลังเอเธนส์ได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน ความเห็นซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่กระทรวงการคลังกรีซ เผยว่า คงต้องปิดธนาคารไปจนถึงวันจันทร์หน้า (13 ก.ค.) ระหว่างที่รัฐบาลเร่งจัดทำข้อเสนอใหม่ไปยื่นต่อเหล่าเจ้าหนี้ ในความพยายามนาทีสุดท้ายเพื่อหลีกเลี่ยงออกจากยูโรโซน

    เหล่าผู้นำยุโรปจะรวมตัวกันในวันอาทิตย์ (12 ก.ค.) ในความพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อบรรลุข้อตกลงกับกรีซ ตามหลังการเจรจาอันเผ็ดร้อนที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือน ซึ่งผลักให้ประเทศแห่งนี้มุ่งสู่ขอบเหวแห่งการออกจากยูโร

    อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยุโรปหลายคนที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามให้ความเห็นกับรอยเตอร์ ว่า ไม่ว่าจะสามารถปลดล็อกเงินช่วยเหลือใหม่สำหรับรัฐบาลได้หรือไม่ บางทีธนาคารบางแห่งของกรีซที่ได้รับความเสียหายจากหายนะทางการเมืองและเศรษฐกิจ อาจต้องปิดตัวลงและควบรวมกิจการกับธนาคารคู่แข่งที่มีความเข้มแข็งกว่า

    เจ้าหน้าที่รายหนึ่งบอกว่าธนาคารรายใหญ่ 4 แห่งของกรีซ ได้แก่ เนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ, ยูโรแบงก์, พิเรอุสแบงก์ และ อัลฟาแบงก์ อาจถูกลดเหลือแค่ 2 แห่ง มาตรการที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะถูกต่อต้านอย่างดุเดือดในเอเธนส์

    อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อีกคนบอกว่าแม้มาตรการควบรวมธนาคารเป็นสิ่งจำเป็น ต้องมันอาจเกิดขึ้นในระยะยาวมากกว่า “เศรษฐกิจกรีซอยู่ในภาวะพังทลาย นั่นหมายความว่า ธนาคารต่าง ๆ จำเป็นต้องเริ่มต้นใหม่” พร้อมระบุว่า มาตรการฉับพลันตามหลังข้อตกลงช่วยเหลือใด ๆ ระหว่างเอเธนส์ กับยูโรโซนเป็นสิ่งจำเป็น และยกไซปรัส เป็นกรณีต้นแบบ

    ระบบการเงินของกรีซ คือ แก่นกลางของวิกฤตปัจจุบัน จากการไหลออกไม่หยุดของเงินฝาก ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลซ้ายจัดของนายอเล็กซิส ซีปราส แห่งเอเธนส์กับเหล่าเจ้าหนี้ระหว่างประเทศเสื่อมทรามลง

    หลังจากเอเธนส์ผิดนัดชำระหนี้ต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ก็ได้ระงับการให้เงินทุนฉุกเฉินแก่ธนาคารในกรีซ กระตุ้นให้เอเธนส์ต้องประกาศปิดธนาคารชั่วคราวและจำกัดการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มไม่เกิน 60 ยูโรต่อวัน

    การตัดสินใจของผู้มีสิทธิออกเสียงชาวกรีซ ที่ลงประชามติปฏิเสธข้อเสนอช่วยเหลือตามเงื่อนไขของเหล่าเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ กระตุ้นให้อีซีบี ประกาศว่าจะให้ความช่วยเหลือด้านอัดฉีดสภาพคล่องแก่ธนาคารกรีซต่อไปในอัตราคงเดิม นั่นหมายความว่าธนาคารต่างๆจะหมดเงินสดเร็ว ๆ นี้

    จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ในวันพุธ (8 ก.ค.) กระทรวงการคลังของกรีซ เปิดเผยว่า ธนาคารต่าง ๆของเอเธนส์จะปิดบริการต่อไปจนถึงวันจันทร์หน้า (13 ก.ค.) ระหว่างที่รัฐบาลเร่งจัดทำข้อเสนอใหม่ไปยื่นต่อเหล่าเจ้าหนี้ ในความพยายามนาทีสุดท้ายเพื่อหลีกเลี่ยงออกจากยูโรโซน

    “วันหยุดธนาคารจะถูกขยายออกไปจนถึงวันที่ 13 กรกฎาคม” กระทรวงการคลังระบุในถ้อยแถลง และแหล่งข่าวในกระทรวงบอกกับเอเอฟพีว่ามาตรการจำกัดการถอนเงินจะถูกคงไว้ตามเดิมเช่นกัน

    ธนาคารต่าง ๆ ของกรีซปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน พร้อมกับจำกัดการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มสำหรับชาวกรีกที่ 60 ยูโรต่อวัน เพื่อปัดเป่าปัญหาขาดสภาพคล่อง หลังจากรัฐบาลประกาศจัดลงประชามติต่อเงื่อนไขกู้ยืมที่เสนอโดยเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ และผลออกมาก็คือชาวกรีซโหวตต่อต้านข้อเสนอดังกล่าว ฉุดความสัมพันธ์ระหว่างเอเธนส์กับคู่หูยุโรให้ตึงเครียดหนักเข้าไปอีก

    ในวันพุธ (8 ก.ค.) นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส ไปกล่าวปราศรัยต่อรัฐสภายุโรป รับปากว่า เอเธนส์จะยื่นข้อเสนอที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับแผนการคลี่คลายวิกฤตหนี้สินของตนที่มีรายละเอียดครบถ้วนภายในคืนวันพฤหัสบดี (9) และหากผู้เชี่ยวชาญจากคณะกรรมาธิการยุโรป อันเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (อียู), ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และ ไอเอ็มเอฟ อนุมัติข้อเสนอดังกล่าว เหล่ารัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) จะประชุมกันในวันเสาร์ (11) เพื่อเสนอแนะให้เปิดการเจรจาแพกเกจเงินกู้กับเอเธนส์ แล้วจึงตามด้วยการประชุมสุดยอด 28 ชาติอียู ในวันอาทิตย์ (12) เพื่ออนุมัติแผนการช่วยเหลือ

    ทั้งนี้ พวกผู้นำยูโรโซนกล่าวเตือนในคืนวันอังคารว่า วันอาทิตย์ (12) เป็น “เส้นตายสุดท้าย” ที่จะต้องบรรลุข้อตกลงกันให้ได้ และช่วยให้กรีซรอดพ้นจากภาวะล้มละลาย



     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พ่ายยับศึกตลาดมือถือ ไมโครซอฟต์ปรับลดพนักงาน 7,800 ตำแหน่ง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กรกฎาคม 2558 02:00 น. (แก้ไขล่าสุด 9 กรกฎาคม 2558 09:20 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - ไมโครซอฟต์ในวันพุธ (8 ก.ค.) แถลงแผนปรับลดพนักงาน 7,800 ตำแหน่ง พร้อมกับปรับโครงสร้างองค์กรหน่วยธุรกิจวินโดว์สโฟน หลังประสบปัญหาด้านการแข่งขันในตลาดโทรศัพท์มือถือ

    ความเคลื่อนไหวครั้งนี้นับเป็นการเลิกจ้างพนักงานหนใหญ่เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 ปีของไมโครซอฟต์ หลังจากเมื่อราว ๆ 1 ปีก่อน ได้ปรับลดพนักงาน 18,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลจากการควบรวมกิจการกับหน่วยธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของโนเกีย (Nokia)

    ตำแหน่งที่จะถูกปรับลดในบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐฯแห่งนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในแผนกงานโทรศัพท์ และทางบริษัทจะลดมูลค่าทางบัญชีของธุรกิจโทรศัพท์ที่ซื้อกิจการมาจากโนเกีย ลงราว 7,600 ล้านดอลลาร์

    ไมโครซอฟต์ระบุในถ้อยแถลงว่าทางบริษัทจะปรับโครงสร้างธุรกิจฮาร์ดแวร์โทรศัพท์ เพื่อมุ่งเน้นและจัดสรรทรัพยากรให้ดียิ่งขึ้น

    ทั้งนี้ ไมโครซอฟต์ ล้มเหลวในความพยายามผลักดันแพลตฟอร์มวินโดว์สโฟน แม้ได้ซื้อกิจการมาจากโนเกีย โดยผลสำรวจของไอดีซี คาดหมายว่าวินโดว์สคว้าส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนโลกได้แค่ 3.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นในปีนี้

    จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟต์ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แห่งนี้มีพนักงานอยู่ทั่วโลกราว ๆ 118,000 คน โดยราวครึ่งหนึ่งในนั้นอยู่ในสหรัฐฯ

    โมโครซอฟต์ มีแผนเปิดตัว วินโดว์ส 10 ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม แนะนำระบบปฏิบัติการใหม่ ซึ่งที่ถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แต่ยังรวมไปถึงอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ ด้วย

    ในขณะที่ยังคงครองตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แต่ไมโครซอฟต์ ต้องตะเกียกตะกายในตลาดอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งเจ้าตลาดส่วนใหญ่เป็นของระบบแอนดรอยด์กูเกิล และ iOS ของแอปเปิล

    เมื่อเดือนที่แล้ว ไมโครซอฟต์ เพิ่งแถลงปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ในนั้นรวมถึงการลาออกของ สตีเฟน อีลอป อดีตอดีตซีอีโอโนเกีย ซึ่งเข้ามาเป็นคณะบริหารของ ไมโครซอฟต์ หลังจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ซื้อหน่วยธุรกิจโทรศัพท์ของโนเกีย

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    WHO มึน! ต้นตอไวรัสอีโบลาระบาดรอบใหม่ในไลบีเรียยังเป็นปริศนา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กรกฎาคม 2558 04:26 น. (แก้ไขล่าสุด 9 กรกฎาคม 2558 09:04 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - เหล่าผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อวันพุธ (8 ก.ค.) เผยต้นตอของการแพร่ระบาดรอบใหม่ของอีโบลาในไลบีเรียยังเป็นปริศนา หลังถูกประกาศให้เป็นดินแดนปลอดเชื้อไวรัสมรณะมานานกว่าเดือน พร้อมชี้เป็นคนละแหล่งกับการแพร่ระบาดที่ผ่านมา ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันศพ

    ชาติในแอฟริกาตะวันตกแห่งนี้แถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เด็กชายวัย 17 ปีคนหนึ่งเสียชีวิตจากอีโบลา หลังแพร่เชื้อให้คนอื่น ๆ อีก 2 คน นับเป็นการพบผู้ติดเชื้อรายแรกในรอบกว่า 3 เดือน “แหล่งกำเนิดของเชื้อของกลุ่มผู้ติดเชื้อปัจจุบันกำลังอยู่ภายใต้การสืบสวน” องค์การอนามัยโลกระบุในรายงานประจำสัปดาห์ “ในตอนนี้ ผู้ติดเชื้อเหล่านี้ถูกมองว่ามีองค์ประกอบต่างจากการแพร่ระบาดคราวที่แล้ว ซึ่งประกาศปลอดเชื้อไปเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม”

    อีโบลาคร่าชีวิตชาวไลบีเรียไปมากกว่า 4,800 ศพ ก่อนองค์การอนามัยโลกจะประกาศให้ประเทศแห่งนี้ปลอดเชื้อไวรัสชนิดนี้ 42 วัน หลังศพผู้ติดเชื้อรายสุดท้ายได้รับการฝัง

    ทั้งนี้ กินี และ เซียร์ราลีโอน ชาติเพื่อนบ้านของไลบีเรีย ต่างก็ต่อสู้กับการแพร่ระบาดซึ่งคร่าชีวิตผู้คนรวมกว่า 11,200 ศพเช่นกัน แต่เมืองมาร์กิบี จุดที่พบการแพร่ระบาดรอบใหม่ ไม่ได้มีพรมแดนอยู่ติดกับทั้งสองประเทศ

    นอกจากนี้แล้ว เด็กชายวัย 17 ปี ก็ไม่เคยเดินทางไปทั้งสองประเทศ แต่ได้สัมผัสกับผู้ติดเชื้ออื่น ๆ อีก 2 คน ซึ่งเข้ารับการรักษาฉุกเฉินในกรุงมันโรเวีย ส่วนผู้ติดเชื้อรายที่ 4 ที่สัมผัสกับเด็กชายคนนี้ก็เข้ารักษาตัว ด้วยความสงสัยว่าอาจติดเชื้ออีโบลา หลังมีอาการป่วยต่าง ๆ แม้ยังไม่ยืนยันก็ตาม

    รูเบอิน ดูโอ หัวหน้าชนเผ่าในพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาดระลอกใหม่ บอกว่า เหยื่อและเพื่อน ๆ นำสุนัขตายมาปรุงอาหารและรับประทานไม่นานก่อนที่จะล้มป่วย ทั้งนี้ มีหลักฐานอย่างจำกัดว่าสุนัขสามารถติดเชื้ออีโบลาได้ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่พบว่ามีสัตว์ชนิดนี้ติดเชื้อไวรัสมรณะเลย หรือแสดงให้เห็นว่าสามารถส่งผ่านอีโบมาสู่มนุษย์ได้

    “ถึงแม้ความจริงพวกเขาจะรับประทานสุนัข แต่ก็ไม่ใช่แหล่งที่พวกเขาได้รับเชื้อไวรัส เรากำลังเสาะหาเส้นทางความเป็นไปได้อื่น ๆ และเมื่อมันได้รับการยืนยันแล้ว เราจะแจ้งให้สาธารณชนทราบว่าพวกเขาเหล่านั้นติดเชื้อไวรัสมาได้อย่างไร” เซตัส ทาร์เปห์ โฆษกหน่วยงานสาธารณสุขในมาร์กิบี เคาน์ตี บอกกับเอเอฟพี

    ในรอบสัปดาห์จนถึงวันอาทิตย์ (5 ก.ค.) ยืนยันพบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 30 คน ในนั้น 18 คน อยู่ในกินี 3 คน ในไลบีเรีย และ 9 คน ในเซียร์ราลีโอน นับเป็นสัปดาห์ที่สูงที่สุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม แต่ถือเป็นจำนวนเล็กน้อยอย่างมากหากเทียบกับช่วงเวลาการแพร่ระบาดหนักหน่วงที่สุดเมื่อปีที่แล้ว

    ความพยายามแกะรอยหาต้นตอของอีโบลาในไลบีเรีย มีขึ้นในขณะที่เซียร์ราลีโอนเมื่อวันพุธ (8 ก.ค.) ประกาศจะขยายเคอร์ฟิวที่บังคับใช้ตามชุมชนต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว ออกไปจนกว่าจะสามารถถอนรากถอนโคนไวรัสมรณะได้สำเร็จ


    WHO
     

แชร์หน้านี้

Loading...