ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    งูพิษกัด จะเดินได้ไม่เกิน 5 ก้าวต้องตาย เลยตัดนิ้วรักษาชีวิต.....เอาจริงดิ
    .
    ที่อ่านเหมือนหนังกำลังภายในแต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่ประเทศจีน และเพิ่งเกิดขึ้นด้วยไม่ใช่เรื่องโบราณหนังสือกำลังภายใน
    โดยเหตุเกิดเมื่อชาวนาคนหนึ่งอายุ 60 ปีถูกงูที่ในท้องถิ่นเรียกว่า"5 ก้าวตาย"
    ชื่อนี้จริงๆครับด้วยคนท้องถิ่นตั้งชื่อนี้เพราะเชื่อว่าหางูตัวนี้พิษร้ายแรงมากและหากถูกกัดจะตายหากเดินเกิน 5 ก้าว...
    ชาวนาท่านนี้ก็เลยตัดนิ้วตัวเองเพื่อรักษาชีวิต ก่อนนำตัวไปส่งโรงพยาบาล
    .
    ผลก็คือ....เขาตัดนิ้วฟรี
    .
    มันเป็นตำนาน แต่ความเป็นจริงแล้วงูนี้ไม่ได้มีพิษร้ายแรงขนาดนั้น
    ดังนั้นเมื่อไปถึงโรงพยาบาลหมอก็รักษาพยาบาลทำแผลให้แต่ต่อนิ้วให้เขาไม่ได้เนื่องจากเขาทิ้งนิ้วไว้ที่ภูเขาที่เขาโดนงูกัด
    .
    ก็เป็นข่าวเนื่องจากคนท้องถิ่นเข้าใจผิดเอามากๆว่างูดังกล่าวมีพิษร้ายแรง ทั้งๆที่พิษมันเพียงเล็กน้อย แค่ปวดบวมเท่านั้นรักษาพยาบาลไม่นานก็หาย
    เอวังด้วยประการละฉะนี้
    https://www.todayonline.com/world/chinese-farmer-cuts-finger-after-being-bitten-snake

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สวิสปล่อยคืนทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้บางส่วน

    รัฐบาลสวิสรายงานว่า ทรัพย์สินของรัสเซียมูลค่าราว 6,300 ล้านฟรังก์สวิส (ประมาณ 6,330 ล้านดอลลาร์) ที่ถูกแช่แข็งภายใต้มาตรการคว่ำบาตรจากการรุกรานยูเครนของมอสโคว จะได้รับการปล่อยคืน

    https://reuters.com/business/finance/swiss-release-some-frozen-russian-assets-2022-05-12/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ชาติผู้ผลิตน้ำมันเลือกทางที่ถูก?
    .
    หลังเกิดสงคราม ยูเครน รัสเซีย ชาติผู้ผลิตน้ำมันอย่างซาอุ ยูเออี ฯลฯ ถูกขอให้เพิ่มการผลิตเพื่อทดแทนรัสเซีย

    พวกเขาปฎิเสธ

    ความน่าสนใจคือกราฟราคาน้ำมันในปัจจุบัน ราคาน้ำมันและอื่นๆล้วนพุ่งจนชาติเหล่านั้นทำกำไรได้มากกว่าเดิม.........

    เขาเลือกทางถูกแล้วใช่ไหม?

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    “ยูเครนไม่ใช่พันธมิตรของเรา รัสเซียไม่ใช่ศัตรูของเรา เราต้องการรัฐบาลมาจัดการกับปัญหาหนี้สิ้น เงินเฟ้อและการลักลอบเข้าเมือง ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของปูติน”
    จาก ทวิตเตอร์ของ พอล โกซาร์ ส.ส. พรรคริพับลิกัน สหรัฐ

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เพราะนี่คือประเทศแห่งพุทธศาสนา
    .
    รัฐบาลศรีลังกาประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวเป็นเวลา 1 วัน เนื่องจากเป็นวันวิสาขบูชาเพื่อให้คนศรีลังกาซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธสามารถมาเฉลิมฉลองเวียนเทียนและประกอบกิจทางศาสนาได้
    โดยปัจจุบันเกิดการจราจลทั่วประเทศศรีลังกาเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ จนรัฐบาลต้องประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ อย่างไรก็ดีเพราะนี่คือ"ประเทศพุทธศาสนา"กฎนี้จึงถูกยกเลิก 1 วันในวันวิสาขบูชา

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ยังแค้น #รัสเซีย

    Wraak voor MH17 คือคำจารึกบนกระสุนปืนใหญ่ที่ Netherland มอบให้ยูเครน
    Wraak voor MH17 เป็นภาษา dutch แปลว่า "ความเคืองแค้นแห่ง MH17"
    โดยเมื่อปี 2014 เกิดเหตุรัสเซียยิงเครื่องบินโดยสารเที่ยวบิน MH17 โดยในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตถึง 298 คนและส่วนใหญ่เป็นชาว เนเธอร์แลนด์
    กระสุนปืนใหญ่ที่มอบให้ยูเครนจึงมีจารึกเช่นนี้

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เมื่อชายมุสลิมผู้มีทรัพย์สินมากที่สุดคนหนึ่งในโลกเสียชีวิต....
    .
    ที่เห็นเป็นหลุมศพของ เชค คอลีฟา บิน ซายิด อัล นะห์ญาน เจ้าผู้ครองรัฐอาบูดาบี และประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
    โดยพระองค์ถือเป็นชาวมุสลิมผู้มีทรัพย์สินมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ทรงเป็นเจ้าของตึกBirj Khalifa อาคารที่สูงที่สุดในโลก โดยพระองค์ทรงมีทรัพย์สิน 1 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์ (5แสนล้านบาท)

    เมื่อสิ้นพระชนม์ก็ได้มีพิธีศพเรียบง่าย ตามแบบอย่างอิสลาม โดยทั้งหมดจะทำอย่างรวดเร็วยึดถือแนวคิดอิสลาม
    คนตายไม่มีธุระกับคนเป็น
    พิธีจึงต้องเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ที่ยังมีชีวิต เพราะธุระของคนตายต่อคนเป็นไม่น่าจะยาวนาน คนตายมีธุระกับพระเจ้ามากกว่า
    และเมื่อฝังก็ด้วยเหตุผลหลักสำคัญคือ
    เมื่อมาจากดินก็กลับสู่ดิน
    .
    หลังสิ้นพระชนม์ไม่ถึง 24 ชั่วโมงทางการอาบูดาบีก็ได้แต่งตั้งมกุฎราชกุมารขึ้นเป็นสุลต่านของอาบูดาบีต่อไป และได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อเนื่องจากท่าน

    อย่างที่บอกครับคนเป็นไม่มีธุระอะไรคนตายอีกจึงต้องจัดการให้เร็วที่สุดและถือเป็นธรรมเนียมปกติของโลกมุสลิม
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปธน.คนใหม่ของสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ #UAE ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ซายิด อัล นาห์ยาน (Sheikh Mohamed bin Zayed Al Nahyan)
    ทรงเรียก #รัสเซีย ว่า “บ้านหลังที่สอง

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    พาเหรดญี่ปุ่นในอเมริกา
    .
    ภาพที่ทำมาเป็นพาเหรตใน วันญี่ปุ่น ซึ่งจัดในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
    เดินวันนี้จะมีขบวนพาเหรดที่จะรวมชาวญี่ปุ่นมาโชว์วัฒนธรรมของพวกเขา โดยญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    # # Do Kwon
    โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
    Published :16/5/22

    ในขณะนี้บุคคลที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคนหนึ่งก็คือ Do Kwon หนุ่มวัย 29 ปี ชาวเกาหลีใต้ผู้อยู่เบื้องหลัง Luna token และ Terra USDหรือ UST ซึ่งกำลังล่มสลาย

    มีคำถามว่า Do Kwon เป็นอัจฉริยะหรือนักหลอกลวง เขาทำให้นักลงทุนล้มละลายจำนวนมากเเละ stable coin ที่ล่มสลายนำมาสู่การล่มสลายของธุรกิจ crytocurrency เช่น coinbase , binanceและ micro strategy และการลดลงในมูลค่าของ crytocurrency สกุลต่างๆอย่างหนักรวมทั้ง Bitcoin

    ระบบของ Do Kwon ที่พัฒนาจาก Terraform labในการที่ผูก Crytocurrency Lunaไว้กับ Terra USD เพื่อสร้าง stable coin สำหรับ Do Kwon รู้อยู่เเล้วว่ามีรูรั่วที่จะทำให้เกิดการโจมตี เเต่ Do Kwon ก็ยังทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในระบบและทำให้มีนักลงทุนเข้าลงทุนถึง 58,000ล้านดอลลาร์สำหรับมูลค่าในกระดาษ 40,000ล้านของ Lunaและ 18,000ล้านดอลลาร์ใน Terra USD

    จากการเปิดเผยของอดีตวิศวกรของ Terraform lab ทำให้ทราบว่าดูเหมือนว่า Do Kwon จะรู้อยู่เเล้วว่ามีจุดอ่อนมีรูรั่วอยู่ในระบบ และได้มีผู้เตือน Do Kwon ใน Twitter แต่ Do Kwon จะตอบโต้อย่างเกรี้ยวกราด มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ Do Kwon จะต้องไปตอบในศาลเหมือน คดี Elizabeth Holmes ที่สร้างธุรกิจ Theranos Labaratory ที่ลวงนักลงทุนว่ามี technology ใหม่ในการตรวจ Lab testing ชนิดต่างๆ

    ด้วยกลไกที่ซับซ้อนของการเป็น stable coin ของ Terra USD ในการผูกกับ Luna token ซึ่งต่างจาก stable coin tether ซึ่งผูกกับเงิน ดอลลาร์โดยตรง เมื่อ Terra USD ถูกโจมตีเมื่อมีผู้ปล่อยออกมาสู่ตลาดจำนวนมากทำให้ราคา USTตำ่กว่า 1 ดอลลาร์ตามที่กำหนดไว้ มูลค่า Luna จึงถูกดึงลดลงเกือบถึง 0 เพราะรูรั่วของระบบที่ซับซ้อนของ Terraform lab ไม่ปลอดภัยจริง จึงทำให้ stable coin ไม่ stable จริง

    Do Kwon รู้อยู่ว่าระบบใช้ไม่ได้ หรือพยายามจะหลอกตนเองว่าระบบใช้ได้ เเต่สิ่งที่ Do Kwon ทำใน Terra USD เป็นแนวทางเดียวกันกับ Basic Cash ที่รู้อยู่เเล้วว่าล้มเหลว

    โครงการ Luna และ Terra USD ไม่ใช้โครงการ stable coinอันเดียวที่ Do Kwon ทำ เเต่ก่อนหน้านี้ Do Kwon ได้ทดลองเปิดโครงการ Basic cash หรือ BAC ซึ่งมีแนวทางเป็น stable coin เช่นกัน เเต่โครงการทำท่าจะไปไม่ได้จึงได้ถูกชะลอ และโครงการได้ถูกตรวจสอบโดย regulator ของอเมริกาในปี 2018

    Basic Cash ระบบไม่ประสบผลสำเร็จที่จะทำให้ราคาเหรียญstable อยู่ที่ 1 ดอลลาร์โดยมีทรัพย์สินที่คำ้ back up เป็น cryto assetเป็น Basic bond และBasic shareรองรับ

    Do Kwon ก็ได้ปกป้อง Terra USD และ Luna token โดยใช้ Luna Foundation guard LFG ซื้อ Bitcoin มูลค่า3500ล้านดอลลาร์เข้ามาป้องกันระบบ เเต่ได้สูญไปจากระบบในวันที่ 9/5/22 โดยที่การโอน transecton ไปยังบัญชีที่ติดตามไม่ได้

    ทั้ง Basic Cash และ Terra USD ล้วนพัฒนามาจาก Terraform Labs จากคำบอกเล่าของอดีตลูกจ้างของ Terra

    Chris Burniste ได้เตือนถึงจุดเปราะบางที่มีรูรั่วใน Luna เช่นเดียวกับใน Basic Cash ถึงเเม้ว่าจะเป็น black swan ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ยาก เเต่เกิดขึ้นได้ Do Kwon ได้ตอบโต้กลับอย่างรุนแรง

    สิ่งที่เหมือนกันระหว่าง Do Kwon และElizabeth Holmes คือเป็นคนหนุ่มสาว รู้จักใช้คนมีชื่อเสียงที่ไม่รู้เรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาเป็น board สนับสนุนให้ธุรกิจเป็นที่น่าเชื่อถือ ในBoard ของ Theranos มีทั้ง Herry Kisingerและ General Mattis และ Theranos แพ้คดีถูกศาลสั่งจำคุก

    มีคำถามว่าการล่มสลายของ stable coin เกิดจากโครงการที่ทำขึ้นมีสิ่งหลอกลวงที่ซ่อนเร้นอยู่หรือไม่หรือเป็นการพัฒนา innovation ใหม่ที่ไม่ประสบผลสำเร็จ ที่สำคัญ regulator ผู้ควบคุมตามทันสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นหรือไม่ นักลงทุนเข้าใจความซับซ้อนของระบบใหม่ๆหรือไม่ ผู้พัฒนาไม่มีความโปร่งใส ไม่บอกถึงจุดอ่อนและความเสี่ยงที่มีเพื่อประโยชน์อันมหาศาลของธุรกิจ

    Do Kwon ยังพยายามจะหาเงินทุนมาพลิกฟื้น stable coin ของ Terra USD และ Lunaแต่การซื้อขายได้ถูกระงับในบริษัทต่างๆ เขาพยายามจะโน้มน้าวว่าทั้ง Lunaและ Terra USD ยังมีโอกาสพลิกกลับมาได้ บริษัท Venture capital ที่หนุน Terra USD ต้องพบกับการขาดทุน เเต่คงไม่ส่งผลต่อระบบการเงินโดยรวม ผู้ที่สูญเสียมากที่สุดคือนักลงทุนรายย่อย

    CEO ของ Binance บริษัทซื้อขายเเลกเปลี่ยน crytocurrency ที่ใหญ่ที่สุดได้ให้เหตุผลในการระงับการซื้อขายเเละฝาก Luna และ Terra USD เพราะมีความผิดปกติเกิดขึ้นในระบบของ Terraform Lab เพราะมี Lunaออกมาเป็นจำนวนมากนอกตลาด exchanged และติดใจในการจัดการของ Do Kwon

    นักต้มตุ่ม call center สามารถหลอกเงินผู้คนได้เป็นหลักหมื่นหลักแสนบาท สถาบันการเงินระดับโลกอย่าง Lehman brother และ Bear sternสามารถลวงนักลงทุนให้เสียเงินใน subprime mortgage ได้นับเป็นหมื่นๆล้านดอลลาร์ นักพัฒนาระบบ stable coin สามารถลวงนักลงทุนให้มั่นใจในระบบจนมาลงทุนนับหมื่นๆล้านดอลลาร์และสูญเสียไปในเวลา2-3,วัน ยาพิษที่เกิดขึ้นจากคนบางคนทำให้ทำลายความมั่นใจที่มีต่อ ระบบblock chain และ Defi ซึ่งคิดว่าจะนำโลกไปสู่ยุคใหม่ ในโลกของ Web 3 ระบบธุรกิจและการเงินขึ้นอยู่ที่ศรัทธา สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดการชงักงันในการที่โลกจะไปสู่โลกของ decenlization

    ในระบบของ stable coinอันซับซ้อนย่อมซ่อนสิ่งที่เป็นความไม่เป็น decentralization ที่เเท้จริงในขบวนการ ตราบใดที่ระบบไม่สามารถสร้างความมั่นใจความปลอดภัยได้เท่าระบบการเงินปกติก็ยากที่ crytocurrency จะก้าวขึ้นมาอย่างเต็มตัว เหล่าสาวกของ tokenทั้งหลายคงต้องใช้เวลาตั้งตัว ทำใจอีกนานกว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้

    ป้ายโฆษณาธุรกิจ cryptoที่เต็มเมือง เเต่จะมีการทำให้ลูกค้าเข้าใจถึงความซับซ้อนของธุรกิจ ความเสี่ยงที่มีอยู่มาก จะสร้างความมั่งคั่งหรือหายนะให้ลูกค้าคนรุ่นใหม่ บรรดา influencer ที่เคยออกมา promote ความรุ่งเรืองจาก crytocurrency ควรจะต้องออกมาสร้างความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่มีในระบบ

    โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
    เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ตัวอย่างการสื่อสารวิทยาศาสตร์ที่คลาดเคลื่อนยังเห็นได้บ่อยๆผ่านสื่อดังๆ เข้าใจว่าต้องการสื่อสารให้ชาวบ้านเข้าใจอะไรที่ยากๆให้ง่ายๆขึ้น แต่เนื่องจากเป็นรูปภาพที่ปรากฏในสื่อดังๆ มักมีคนเอาไปใช้อ้างอิงต่อ และ กลายเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดไปในที่สุด ยกตัวอย่างภาพนี้เป็นการอธิบายกลไกการเกิดไวรัสลูกผสมตระกูล X ที่เกิดขึ้นในร่างกายของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส 2 สายพันธุ์ที่ต่างกันพร้อมๆกัน เกิดการแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมก กลายเป็นไวรัสลูกผสมตัวใหม่ขึ้นมา

    ภาพประกอบที่วาดออกมาก็ดูตรงไปตรงมาครับ เพียงแต่ว่าไวรัสที่วาดมาในภาพไม่ใช่ Coronavirus หรือ SARS-CoV-2 ถึงแม้ว่าจะวาดภาพสื่อให้เห็นโครงสร้างเหมือนมีสไปค์เหมือนที่ผิว เนื่องจากสารพันธุกรรมของไวรัส SARS-CoV-2 เป็น RNA เส้นเดียว การที่วาดสารพันธุกรรมภายในอนุภาคเป็นเหมือน DNA สายคู่ จึงผิดอย่างชัดเจน แย่ไปกว่านั้น DNA สายคู่ที่มีสีต่างกันของไวรัส เกิดการสลับสายกัน คือ เส้นสีเหลือง กับ เส้นสีน้ำเงิน ไปจับคู่กันเป็น สายคู่ในไวรัสตัวใหม่สายพันธุ์ X ยิ่งทำให้ดูแย่ลงไปอีก เพราะ ถ้าสีที่ต่างกันต้องการสื่อว่า มีรหัสพันธุกรรมที่ต่างกัน การสลับจับคู่กันได้แบบสนิทแน่นแบบนั้นยิ่งไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ

    https://theconversation.com/why-are...einfected-is-the-virus-mutating-faster-182274

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    แล้วสกุลเงินจริงๆ ล่ะ?
    อย่างที่เห็นข่าวครึกโครม เงินคริปโตจำพวก “สเตเบิลคอยน์” ที่ ผูก (peg) กับเงินดอลลาร์แห่งสหรัฐอเมริกา มันอาจจะล้มได้ --- ว่าง่ายๆ คือ มันคล้ายๆ มีดอลลาร์มา “ค้ำ” แต่ค้ำด้วย “กลไก” ที่ออกแบบมาสลับซับซ้อน มีเหรียญซ้อนเหรียญ ค้ำซ้อนค้ำ และไม่ใช่ค้ำตรงไปตรงมา (แล้วที่ล้ม ก็ไม่ใช่ล้มเพราะตัวดอลลาร์ แต่ล้มเพราะช่องโหว่ในความซ่อนเงื่อนของกลไกมันเอง)
    ทีนี้ ถามว่า สกุลเงินจริงๆ ในโลกจริงๆ ที่ไม่ใช่คริปโตล่ะ มันมีสิทธิ์ล้มแบบนี้ได้มั้ย?

    สกุลเงินจริงๆ ต้องผูก (peg) ตรงๆ ค้ำตรงๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนนะครับท่าน
    ยังมีหรือ?
    เยอะแยะ ยกตัวอย่างชาติอาหรับ มาเป็นพรวน --- ซาอุฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต กาตาร์ โอมาน บาห์เรน
    เห็นชัดๆ ว่าหลักๆ เป็นชาติผู้ผลิตน้ำมัน …

    รายได้เกือบจะทั้งหมดของประเทศมาจากน้ำมัน (และน้ำมันก็ซื้อขายเป็นดอลลาร์) … การมีดอลลาร์มาค้ำ ก็ป้องกันความปั่นป่วนวิ่งขึ้นลงของราคาน้ำมันได้ประมาณหนึ่ง

    ซึ่งมันช่วยมั้ย?
    ที่ผ่านมา มันก็พิสูจน์เลยแหละ ตอนราคาน้ำมันดิ่งเหว แต่ค่าเงินก็ไม่ได้พินาศย่อยยับ ส่วนหนึ่งก็เพราะมีดอลลาร์ค้ำอยู่

    แต่มันไม่รับประกันนะครับท่าน ถ้าโดน “โจมตีค่าเงิน” หนักๆ ดิบๆ ดุๆ จนกระทั่งมันหลุด peg ไปไกล
    จากนั้น มันจะนำมาซึ่งความแตกตื่นโกลาหล คนธรรมดาที่ไม่ได้คิดโจมตี ก็จะผสมโรง แห่ “เทขาย” … ทีนี้ล่ะ น่ากลัว --- คือ มันก็จะคล้ายๆ กับที่เพิ่งเกิดขึ้นในโลกคริปโตนั่นแล

    แต่ แต่ แต่ อาจบางที การที่ชาติใดปวารณาตัวมาใช้กลไก “ผูก” (peg) … จะ “รับรอง” ได้ว่าไม่ถูกโจมตีค่าเงิน … นั่นก็ไม่รู้

    สรุป ไม่มีคำตอบให้ครับท่าน --- ไม่ขอบังอาจแสดงตนเป็นผู้เชี่ยวชาญ
    เพียงตั้งคำถาม เป็นข้อสงสัยเท่านั้น

    https://www.bloomberg.com/news/arti...egs-survive-through-wars-oil-shocks-quicktake

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ระหว่างซื้อหวยกับซื้อบิทคอยน์สะสมทุกเดือน แบบไหนได้ผลตอบแทนเยอะกว่า ?

    ปัจจุบันโลกการเงินและกิจกรรมลุ้นรางวัลแบบถูกกฎหมายในประเทศไทยได้รับความนิยมสูงสุด หลายคนอาจเรียกว่าการลงทุน การเก็งกำไร การพนันหรือการเปิดประตูดวง ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล กิจกรรมดังกล่าวข้างต้นถูกกฎหมายและเป็นสิทธิส่วนบุคคลในการแสวงหาความหวังในชีวิตและความสุข หากประสบความสำเร็จ โดยผู้ลงทุนจะต้องมีการศึกษาข้อมูลและประเมินความเสี่ยงที่สามารถรับโดยละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน

    กระแสร้อนแรงคงหนีไม่พ้นการซื้อหวยหรือสลากกินแบ่งรัฐบาล และการซื้อเงินดิจิทัลคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ที่กลายเป็นกิจกรรมยอดนิยม เคยมีคำถามไหมว่ารูปแบบไหนให้ผลตอบแทนเยอะกว่า ? ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่ากิจกรรมทั้งสองรูปแบบมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

    หวยหรือสลากกินแบ่งรัฐบาลถูกจัดทำขึ้นโดยรัฐบาลและมีการจำหน่ายเพื่อลุ้นรางวัล โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 80 บาท ปัจจุบันประเทศไทยจะมีการประกาศรางวัลประมาณงวดวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน ตัวเลขที่เปิดให้ประชาชนซื้อประกอบด้วยเลข 000000 - 999999 โดยมีเงินรางวัลให้ลุ้นมากมาย เช่น รางวัลที่ 1 รางวัลเลขท้าย 3 ตัวและ 2 ตัว และรางวัลอื่น ๆ สำหรับรายได้จากสลากกินแบ่งรัฐบาลจะถูกนำไปใช้เป็นงบประมาณพัฒนาประเทศ ในปี 2021 ที่ผ่านมารายได้จากสลากกินแบ่งรัฐบาลถูกส่งเข้าไปพัฒนาประเทศกว่า 51,124 ล้านบาท

    บิทคอยน์ (Bitcoin) คือ เงินดิจิทัลคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) สกุลหนึ่งมีลักษณะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้การเข้ารหัสและเก็บข้อมูลโดยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ทำให้ยากต่อการปลอมแปลงหรือทำการแก้ไขข้อมูล เงินดิจิทัลคริปโทเคอร์เรนซีไม่ได้มีเฉพาะเงินบิทคอยน์แต่มีสกุลอื่น ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจำนวนมาก เช่น อีเธอร์ (ETH) คาร์ดาโน (ADA) ไบแนนซ์คอยน์ (BNB) เป็นต้น

    มูลค่าของเงินดิจิทัลมีการขึ้นและลงจากหลายปัจจัย เช่น สภาวะของตลาด จำนวนเหรียญ จำนวนความต้องการถือครองเหรียญ เป็นต้น ผู้ที่ถือครองเหรียญจะได้รับผลตอบแทนจากมูลค่าเหรียญดิจิทัลที่ตนเองถือครองบวกลบจากต้นทุน ปัจจุบันกฎหมายประเทศไทยอนุญาตให้ทำการซื้อขายเงินดิจิทัลเพื่อถือครองในตลาดเงินดิจิทัลแต่ยังคงห้ามใช้เงินดิจิทัลในการซื้อสินค้า

    สำหรับคำถามสำคัญที่ว่าระหว่างซื้อหวยกับซื้อบิทคอยน์สะสมทุกเดือน แบบไหนได้ผลตอบแทนเยอะกว่า ? หากนับเฉพาะช่วงเวลา 1 ปี ย้อนหลังจากเดือนพฤษภาคมปี 2021 ถึงเดือนพฤษภาคมปี 2022 หากใช้เงินต้นทุนการซื้อในจำนวนที่เท่ากัน คือ 1,920 บาท

    เริ่มจากหวยหรือสลากกินแบ่งรัฐบาล

    การซื้อหวยหรือสลากกินแบ่งรัฐบาล ความน่าจะเป็นในการถูกรางวัลที่ 1 คือ 0.0001% และรางวัลอื่น ๆ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามลำดับ หากถูกรางวัลที่ 1 จะได้รับรางวัลละ 6,000,000 บาท ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของหวยหรือสลากกินแบ่งรัฐบาลในประเทศไทย แต่หากไม่ถูกรางวัลเงิน 1,920 บาท ที่ลงทุนไปจะถูกส่งคืนเข้ารัฐบาลทั้งหมด

    เปรียบเทียบบิทคอยน์ (Bitcoin)

    ราคาบิทคอยน์เดือนพฤษภาคมปี 2021 อยู่ที่ 1,420,000 บาท ต่อ 1 บิทคอยน์
    ราคาบิทคอยน์เดือนพฤษภาคมปี 2022 อยู่ที่ 1,025,699 บาท ต่อ 1 บิทคอยน์
    จากข้อมูลข้างต้น ราคาบิทคอยน์ลดลง 27.76% ในช่วงเวลา 1 ปี ที่ผ่าน หากคุณลงทุนซื้อบิทคอยน์มูลค่า 1,920 บาท ในเดือนพฤษภาคมปี 2021 ปัจจุบันจะเหลือเงินในพอร์ตเพียง 1,387 บาท

    อย่างไรก็ตามเงินดิจิทัลคริปโทเคอร์เรนซี เช่น บิทคอยน์ (Bitcoin) มีความผันผวนสูงมากและมีการขึ้นลงของราคาที่รุนแรง ราคาบิทคอยน์เคยมีจุดต่ำสุดหลายครั้ง เช่น ในปี 2012 มีราคาเพียง 12 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 417 บาท ในปี 2018 ราคาขยับไปที่ 19,892 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 692,761 บาท และล่าสุดในปี 2021 ราคาขยับไปที่ 66,971 ดอลลาร์ หรือ 2,332,386 บาท รวมไปถึงราคาเหรียญดิจิทัลอื่น ๆ ในตลาดซื้อขายเงินดิจิทัลที่ขึ้นลงตามราคาบิทคอยน์ (Bitcoin)

    บทสรุปอาจไม่สามารถฟันธงหรือชี้ชัดลงไปได้ เนื่องจากทั้ง 2 รูปแบบ มีความน่าจะเป็น ช่วงเวลาและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามทั้งการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและการซื้อบิทคอยน์ (Bitcoin) ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจ ประเมินความเสี่ยงโดยละเอียด

    ที่มาของข้อมูล
    https://www.tnnthailand.com/news/tech/113897/
    #Bitcoin #BTC #ETH #LUNA #ราคาเหรียญLUNA #เหรียญLUNA #ลอตเตอรี่ #เลขเด็ด16565 #เลขเด็ด #สถิติหวย
    #Cryptocurrency #Crypto #TNNTechreports #Techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #Msatoshi
    —————————————————————————
    ติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    • Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
    • Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
    • TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
    • Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo
    หรือดูรายการ Live ได้ทาง
    https://www.facebook.com/TNN16LIVE/#

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนา ได้ศึกษาพื้นที่ที่เรียกว่า Samail Ophiolite ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งของประเทศโอมาน ซึ่งแผ่นเปลือกโลกพื้นมหาสมุทรขนาดใหญ่ของพื้นที่ดังกล่าว เป็นการรวมตัวของหินภูเขาไฟและหินอุลตรามาฟิกจากแผ่นชั้นบนของเปลือกโลก หินเหล่านี้ยังเปิดเผยให้เห็นกระบวนการทางธรณีวิทยาที่เรียกว่า เซอร์เพนทิไนซ์เซชัน (serpentinization) หรือกระบวนการที่น้ำทำปฏิกิริยากับหินในอุณหภูมิต่ำ และเกิดกระบวนการออกซิเดชัน (Oxidation) โดยจุลินทรีย์ และสร้างก๊าซไฮโดรเจนออกมา

    "เชื่อกันว่ากระบวนการต่าง ๆ เช่นการ serpentinization อาจมีอยู่ทั่วทั้งจักรวาล และหลักฐานพบว่า มันอาจเกิดขึ้นบนดวงจันทร์ยูโรปาของดาวพฤหัสบดีและดวงจันทร์เอนเซลาดัสของดาวเสาร์" อัลตา ฮาวเวลส์ (Alta Howells) หัวหน้าโครงการ และเป็นผู้ร่วมโครงการดุษฏีบัณฑิตที่ศูนย์วิจัย Ames ของ NASA ในแคลิฟอร์เนีย กล่าวในแถลงการณ์ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนา

    นักวิจัยได้ตรวจสอบจุลินทรีย์ที่เรียกว่าเมทาโนเจน (Methanogens) ซึ่งผลิตก๊าซมีเทนออกมาจากกระบวนการออกซิเดชันของก๊าซไฮโดรเจนกับคาร์บอนไดออกไซด์ โดยสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปแบบเรียบง่าย และมีแนวโน้มว่าจะวิวัฒนาการมาบนโลกตั้งแต่อดีตกาล

    ดังนั้น การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศที่อาศัยการ serpentinization อาจช่วยให้นักวิจัยเข้าใจถึงความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงอื่นได้ดีขึ้น และพัฒนาเครื่องมือที่สามารถตรวจจับสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรของดาวอื่น ๆ นอกโลกได้

    การวิเคราะห์กระบวนการ serpentinization ในพื้นที่ Samail Ophiolite เปิดเผยว่า เมทาโนเจน หรือจุลินทรีย์ที่ผลิตก๊าซมีเทนในพื้นที่ดังกล่าว อาจไม่สามารถเติบโตในทุกระบบนิเวศที่มีการ serpenitize เกิดขึ้น แต่ในทางกลับกัน สิ่งมีชีวิตที่ใช้ซัลเฟต หรือเกลือของกรดซัลฟิวริกเป็นแหล่งพลังงานอาจเติบโตได้มากกว่า นักวิจัยกล่าวว่าข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับการพัฒนาเครื่องมือที่เหมาะสมในการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกต่อไป

    นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบว่าเมทาโนเจนในของเหลวที่ผ่านกระบวนการ serpenitization ยังต้องการพลังงานมากกว่าเมทาโนเจนที่พบในตะกอนน้ำจืดหรือน้ำทะเล ซึ่งอาจเป็นผลจากค่าความเป็นกรดสูง หรืออาจแปรผันตามปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีอยู่ต่ำของกระบวนการ serpentinization

    "ความต้องการพลังงานเป็นพื้นฐานของทุกชีวิตบนโลก" ฮาวเวลล์กล่าวในแถลงการณ์ "ถ้าเราสามารถพัฒนาแบบจำลองของการจ่ายพลังงานอย่างง่ายในรูปแบบพารามิเตอร์ เพื่อทำนายการเกิดและดำรงอยู่ ของสิ่งมีชีวิตบนโลก เราสามารถปรับใช้แบบจำลองเหล่านี้ในการศึกษามหาสมุทรของดาวอื่น ๆ ได้"

    ที่มาของข้อมูล https://www.tnnthailand.com/news/tech/113889/
    ที่มาของภาพ Joel Philips

    #จุลินทรีย์ #วิจัย #ใต้ทะเล #เอเลียน #สิ่งมีชีวิต #ต่างดาว #มหาสมุทร
    #TNNTechreports #Techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #NarathonNJaxx
    —————————————————————————
    ติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    • Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
    • Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
    • TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
    • Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo
    หรือดูรายการ Live ได้ทาง
    https://www.facebook.com/TNN16LIVE/#
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ใครเคยเจอปัญหาปลูกต้นไม้ แต่ไม่รู้ว่ามันต้องการแสงแดด หรือน้ำขนาดไหน สุดท้ายก็ดูแลไม่ได้จนต้นไม้ตายเรียบ อาจจะถูกใจสิ่งนี้ กับเซนเซอร์ที่มีชื่อว่า ลีฟเล็ต (Leaflet) ที่เพียงปักลงในดินก็ช่วยวัดระดับความเจริญเติบโตของมันได้ และคอยตรวจจับว่าพวกมันต้องการอะไร เพื่อให้สามารถเลี้ยงต้นไม้ให้โตได้ง่ายขึ้น
    .
    โดยลีฟเล็ต (Leaflet) มีลักษณะคล้ายแท่งเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ ที่มีปลายเป็นทรงใบไม้ ตัวแท่งทำมาจากวัสดุพิมพ์สามมิติ ส่วนภายในจะมีหลอดไฟที่เปลี่ยนสีสันไปมา เพื่อบ่งบอกความต้องการของต้นไม้ในแต่ละอย่าง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันและระบบดูแลต้นไม้แบบรอบด้าน (Leaflet Plant Care System) ไม่ว่าจะเป็นการวัดการเจริญเติบโต ระดับความต้องการแสง น้ำ และสุขภาพโดยรวม นอกจากนี้ยังบอกได้ด้วยว่าต้องการมากขนาดไหน ในเวลาใด เพื่อให้เราดูแลต้นไม้ได้อย่างเหมาะสม
    .
    สำหรับวิธีการใช้ เพียงแค่ถ่ายรูปต้นไม้ จากนั้นแอปพลิเคชันของ ลีฟเล็ต (Leaflet) จะทำการระบุพันธุ์ต้นไม้ให้ ผู้ใช้งานเพียงแค่เสียบก้านลีฟเล็ต (Leaflet) ลงไปในกระถางก็สามารถรอรับข้อมูลของต้นไม้ผ่านแอปพลิเคชันได้ทันที นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ให้ข้อมูลที่เป็นความรู้เพิ่มเติม เช่น การเลือกซื้อปุ๋ย ดินปลูก ยาฆ่าแมลง ให้อีกด้วย
    .
    นับว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่น่าสนใจสำหรับใครที่อยากปลูกต้นไม้ และต้องการตัวช่วยดูแล เพียงเท่านี้ต้นไม้ของเราก็อาจจะมีชีวิตรอดและเติบโตได้อย่างแข็งแรง ด้วยการดูแลเอาใจใส่ที่ถูกวิธีมากขึ้น โดยอุปกรณ์ชุดนี้สนนราคาอยู่ที่ 139 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4,900 บาท
    .
    ที่มาของข้อมูล : https://www.tnnthailand.com/news/tech/113644/
    ที่มาของรูปภาพ : KRADO
    #ต้นไม้ #krado #leaflet #ปลูกต้นไม้ #ต้นไม้ในบ้าน #ต้นไม้ตาย #วิธีดูแลต้นไม้ #ต้นไม้มงคล
    #TNNTechreports #Techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #Frame
    —————————————————————————
    ติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    • Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
    • Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
    • TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
    • Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo
    หรือดูรายการ Live ได้ทาง
    https://www.facebook.com/TNN16LIVE/

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    "เขียงอัจฉริยะ" ตรวจแคลอรี่ได้ ช่วยจับเวลา รักสุขภาพต้องมี !!
    .
    ส่วนแรกคือตัวเขียง สามารถเลือกได้ 2 แบบ คือไม้ไผ่และวอลนัท ตัวเขียงเคลือบกันน้ำและเชื้อราไว้อย่างสมบูรณ์ ถูกออกแบบมาสำหรับใช้กับส่วนประกอบที่เป็นเนื้อโดยเฉพาะ
    .
    ส่วนที่สองคือแผ่นป้องกันแบคทีเรียซิลเวอร์ไอออน ที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับรองการหั่นผักและผลไม้ สามารถป้องกันการปนเปื้อนในตัวอาหาร ต้านแบคทีเรียตามธรรมชาติ มีผิวที่มุมล่างขวาช่วยบดเครื่องเทศได้
    .
    "โฟร์ทีเซเว่น สมาร์ตช๊อปปิ้งบอร์ด" (4T7 Smart Chopping Board) คือเขียงอัจฉริยะที่จะช่วยเราทำอาหารเพื่อสุขภาพได้ง่าย ตัวเขียงจะประกอบไปด้วย 4 ส่วนที่แตกต่างกัน
    .
    ส่วนที่สามคือถาดละลายน้ำแข็งนำความร้อน ทำมาจากวัสดุระบายความร้อนพิเศษ มีช่องไหลเวียนของอากาศที่ช่วยให้เนื้อมีอุณหภูมิลดลงเร็วถึง 6 เท่า สามารถใช้ละลายน้ำแข็งได้อย่างรวดเร็ว ทำให้อาหารไปถึงอุณหภูมิห้องได้โดยเวลาไม่นาน มีถาดที่เก็บน้ำที่ละลายออกมาได้ครบจบในที่เดียวเลย นอกจากนี้ยังใช้เป็นถาดอบได้อีกด้วย
    .
    สุดท้ายคือส่วนของตัวฐานที่ใช้เป็นเครื่องชั่งน้ำหนักในตัว สามารถเชื่อมเข้ากับตัวสมาร์ตโฟนได้โดยตรงและสามารถนับแคลอรีได้ทันที ตัวเครื่องชั่งน้ำหนักมาพร้อมจอแสดงผลดิจิทัล 7 ส่วน สามารถแยกการชั่งน้ำหนักเป็นกรัม ปอนด์ ออนซ์ มิลลิลิตร และสามารถชั่งน้ำหนักได้ละเอียดถึง 0.1 กรัม สูงสุด 3 กิโลกรัมในแต่ละครั้ง
    .
    ส่วนประกอบทั้ง 4 ส่วนของ 4T7 สามารถแยกส่วนใช้เฉพาะได้ และสามารถใช้รวมกันได้ ซึ่งช่วยให้เราแยกผลไม้กับผักและเนื้อสัตว์ออกจากกัน (ตัวเขียงสำหรับเนื้อ แผ่นรองสำหรับผัก) ตัวเขียงมีขอบที่เป็นช่องช่วยลำเลียงเลือดของเนื้อหรือตัวน้ำจากผักและผลไม้ได้
    .
    อีกหนึ่งของความเจ๋งของ 4T7 นั่นคือการเชื่อมกับแอปบนสมาร์ตโฟนได้โดยตรง มันสามารถช่วยบอกเราเกี่ยวกับแคลอรี่ได้ทั้งหมด เพียงแค่เราชั่งส่วนผสมของเราบนตัวเขียงเท่านั้น นอกจากนี้ตัวแอปยังสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวสูตร ส่วนผสม สัดส่วน และรายละเอียดแคลอรี่แบบครบจบในแอปเดียวเลย
    .
    นอกจากการเชื่อมเข้ากับแอปแล้ว ตัวเขียงยังมีหน้าจอดิจิทัลสำหรับใช้จับเวลาในครัวได้ด้วย โดยสามารถนับถอยหลังได้สูงสุด 99 นาที 59 วินาที ในขณะที่ตัวเขียงยังสามารถใช้ติดมีดได้อีกด้วย เพราะติดแม่เหล็กแรงสูงไว้ที่มุมขวาของตัวเขียง กลายเป็นที่เก็บมีดอีกที่หนึ่ง (โดยส่วนตัวคิดว่าดูอันตรายและไม่มั่นใจจะทำให้ตัวมีดดูสกปรกหรือเสื่อมสภาพง่ายขึ้นไหม เพราะอาจจะเก็บอย่างไม่ถูกวิธี)
    .
    สำหรับข้อมูลทั่วไป ตัวเขียงกว้าง 17.3 นิ้วและยาว 11.2 นิ้ว มีแผ่นรองด้านหลังในตัวสามารถยกเขียงขึ้นตั้งทำมุมได้ เครื่องชั่งกับนาฬิกาจับเวลาใช้ถ่าน AAA ทั้งหมด 4 ก้อนเท่านั้น ครบจบหมดนี้ตัวเขียงมีราคาเพียง 89 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3,100 บาทเท่านั้น
    .
    ที่มาของข้อมูล : https://www.tnnthailand.com/news/tech/113644/
    .
    #TNNTechreports #Techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #tor
    —————————————————————————
    ติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    • Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
    • Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
    • TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
    • Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo
    หรือดูรายการ Live ได้ทาง
    https://www.facebook.com/TNN16LIVE/

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    "Phage" ไวรัสกำจัดแบคทีเรีย ใช้รักษาโรคติดเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะ

    หัวใจหลักของการรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial infection) คือ การให้ยาปฏิชีวนะแก่ผู้ป่วย ทว่า ในปัจจุบันแบคทีเรียดื้อยาเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ ส่งผลให้นักวิทยาศาสตร์ต้องพัฒนายาใหม่ ๆ ออกมาเพื่อกำจัดเชื้อ หากแต่การพัฒนามิอาจรวดเร็วเท่ากับวิวัฒนาการของแบคทีเรีย การติดเชื้อดื้อยาจึงกลายเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย

    ดื้อยาเพื่อความอยู่รอด

    หลังจากการค้นพบยาปฏิชีวนะเพนิซิลลิน (Penicillin) โดย เซอร์ อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง (Sir Alexander Fleming) ในวงการแพทย์ได้นำยาชนิดนี้มาใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียอย่างกว้างขวาง และช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิตมาแล้วหลายต่อหลายราย

    อย่างไรก็ตาม แบคทีเรียนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งบนโลกใบนี้ พวกมันต้องการมีชีวิตอยู่รอดเพื่อแพร่ขยายเผ่าพันธุ์ของตนเอง ในวันแรกที่พวกมันเจอเข้ากับยาปฏิชีวนะ แบคทีเรียกลุ่มที่อ่อนไหวต่อยาอาจจะล้มตายไปบ้างจนเหลือแต่กลุ่มที่ยังสามารถทนทานต่อฤทธิ์ยาได้ แต่พวกมันอาจจะตายในวันที่ 2, 3 หรือ 4 เมื่อได้รับยาอย่างต่อเนื่อง

    นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมผู้ป่วยโรคติดเชื้อจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะอย่างต่อเนื่องจนกว่ายาจะหมด เพราะถ้าหากยังมีเชื้อเหลือรอดอยู่ในร่างกาย พวกมันจะสามารถวิวัฒนาการให้เซลล์ทนต่อยาปฏิชีวนะได้ หรือสร้างเอนไซม์ออกมาทำลายยาได้ เราเรียกแบคทีเรียเหล่านี้ว่า เชื้อดื้อยา (Multiple drug-resistant bacteria หรือในวงการแพทย์นิยมเรียกกันว่า เชื้อ MDR) เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่าในอดีตแบคทีเรียเกือบทุกชนิดสามารถกำจัดได้โดยง่ายด้วยยาเพนิซิลลิน แต่ในปัจจุบันแทบไม่มีแบคทีเรียตัวไหนที่สามารถกำจัดได้ด้วยยาเพนิซิลลินอีกแล้ว

    เมื่อแบคทีเรียดื้อยาชนิดหนึ่งแล้ว นักวิทยาศาสตร์จึงต้องพัฒนายาชนิดใหม่ขึ้นมาเพื่อกำจัดข้อบกพร่องของยาชนิดเดิม ทว่า ยิ่งยาปฏิชีวนะมีความรุนแรงมาก มันก็มีผลข้างเคียงต่อร่างกายมากด้วยเช่นกัน บางครั้งร่างกายของผู้ป่วยอาจทรุดหนักจากยาปฏิชีวนะแทน

    เชื้อโรคสู้เชื้อโรค

    จะเกิดอะไรขึ้นหากแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะทุกชนิดที่มีอยู่ในตอนนี้ ? คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อและอาจจะเป็นไปได้ยาก แต่ปัจจุบันเริ่มมีรายงานการติดเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะทุกชนิด (Pandrung-resistant bacteria หรือเชื้อ PDR) นั่นหมายความว่า ไม่มียาปฏิชีวนะชนิดใดที่จะสามารถกำจัดหรือยับยั้งเชื้อได้ และสุดท้ายคือการปล่อยให้ผู้ป่วยต้องจบชีวิตลงด้วยการติดเชื้อดังกล่าว

    เจอร์รี นิก (Jerry Nick) แพทย์จากสถาบันสุขภาพแห่งชาติยิว ได้รับผู้ป่วยโรคปอดซิสติกไฟโบซิส (Cystic fibrosis) ซึ่งต้องการเข้ารับการปลูกถ่ายปอดใหม่ แต่กลับประสบปัญหาติดเชื้อไมโคแบคทีเรียมดื้อยา (Mycobacterium) และไม่สามารถใช้ยาปฏิชีวนะชนิดใดกำจัดได้ นิกจึงเริ่มทดลองรักาาภาวะติดเชื้อด้วยศัตรูตัวฉกาจของแบคทีเรีย นั่นคือไวรัสแบคเทอริโอเฟจ (Bacteriophage virus) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า เฟจ (Phage)

    หากกล่าวว่าแบคทีเรีย คือ เชื้อโรคในร่างกายมนุษย์ ไวรัสแบคเทอริโอเฟจก็คือเชื้อโรคในเซลล์ของแบคทีเรียเช่นกัน ไวรัสชนิดนี้จะเข้าไปก่อกวนระบบทางชีวเคมีภายในเซลล์ของแบคทีเรีย นำสารอาหาร, พลังงาน และกระบวนการต่าง ๆ มาใช้สร้างไวรัสชุดใหม่ขึ้น จนกระทั่งเมื่อไวรัสเพิ่มจำนวนเต็มที่แล้ว พวกมันจะทำให้เซลล์แบคทีเรียแตก ปล่อยกระจายไวรัสออกไปสู่สิ่งแวดล้อมเพื่อติดเชื้อในแบคทีเรียเซลล์อื่นต่อไป

    นิกใช้หลักการนี้ในการกำจัดแบคทีเรียให้แก่ จอห์นสัน หนุ่มน้อยวัย 26 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคปอดซิสติกไฟโบรซิส และจำเป็นต้องได้รับการปลูกถ่ายปอดชุดใหม่ที่ได้รับบริจาค อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะมีปอดที่ได้รับบริจาคอยู่แล้ว แต่สถานพยาบาลกว่า 3 แห่งปฏิเสธที่จะรักษาให้แก่จอห์นสัน เนื่องจากปอดดั้งเดิมของเขาพบปัญหาการติดเชื้อไมโคแบคทีเรียม ด้วยเหตุนี้นิกจึงต้องกำจัดเชื้อแบคทีเรียวายร้ายให้หมดไปเสียก่อน แล้วจึงจะสามารถปลูกถ่ายปอดให้แก่จอห์นสันได้

    ผู้อ่านบางท่านอาจสงสัยว่าการปล่อยไวรัสเข้าไปในร่างกายจะส่งผลเสียต่อผู้ป่วยหรือไม่ ? คำตอบคือ มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยได้ ทั้งนี้ เนื่องจากเฟจที่ใช้ในการรักษาเป็นไวรัสก่อโรคในแบคทีเรีย จึงไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์ในร่างกายของมนุษย์ นอกจากนี้ พวกมันสามารถกำจัดแบคทีเรียได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะถูกภูมิคุ้มกันในร่างกายทำลายไปจนหมด ดังนั้น เมื่อภารกิจในการกำจัดแบคทีเรียของเฟจเสร็จสิ้นแล้ว ร่างกายของมนุษย์จะสามารถกำจัดไวรัสนี้ออกได้ด้วยภูมิคุ้มกัน

    หลังจากการรักษากว่า 200 ด้วยเฟจร่วมกับยาปฏิชีวนะ ร่างกายของจอห์นสันก็ปราศจากเชื้อแบคทีเรียดื้อยาและพร้อมเข้ารับการปลูกถ่ายปอดชุดใหม่ การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า การใช้เฟจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาโรคติดเชื้อดื้อยา อย่างน้อยก็อาจช่วยชีวิตของผู้ป่วยได้จนกว่าจะมีการพัฒนาปฏิชีวนะชนิดใหม่ขึ้นมา

    ที่มาของข้อมูล : https://www.tnnthailand.com/news/tech/113778/
    ที่มาของรูปภาพ : Scanpix

    #เฟจ #phage #virus #ไวรัส #โรคติดเชื้อ #ดื้อยา #TNNTechreports #Techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #Teammy
    —————————————————————————
    ติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    • Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
    • Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
    • TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
    • Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo
    หรือดูรายการ Live ได้ทาง
    https://www.facebook.com/TNN16LIVE/#

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นักวิจัยสร้างเซนเซอร์จิ๋วตรวจสภาพอากาศลอยได้แบบเดียวกับเมล็ดดอกแดนดิไลออน

    เมล็ดดอกแดนดิไลออนสามารถลอยออกไปจากตัวดอกได้ไกลโดยอาศัยเพียงแค่แรงลมเท่านั้น เป็นแรงบันดาลใจให้กลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) ในสหรัฐอเมริกา สร้างตัวต้นแบบเซนเซอร์วัดสภาพอากาศจากพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดจิ๋วเพื่อให้ลอยกลางอากาศได้โดยใช้เพียงแค่แรงลมเท่านั้น

    ลักษณะการตกของเซนเซอร์เป็นความท้าทายในงานวิจัยครั้งนี้ เพราะชิ้นส่วนทั้งทั้งหมดอาจจะเสียหายจากการคว่ำหน้ากระแทกพื้นได้ ด้วยเหตุนี้ ทีมนักวิจัยจึงต้องออกแบบตัวต้นแบบมากกว่า 75 รูปแบบเพื่อเลียนแบบการตกของเมล็ดดอกแดนดิไลออนที่จะคงลักษณะการตกแบบหงายขึ้น โดยผลลัพธ์ที่ได้ทำให้ตัวเซนเซอร์มีโอกาสร่อนลงโดยหน้าไม่คว่ำพื้นถึง 95%

    น้ำหนักของตัวเซนเซอร์นั้นส่งผลต่อระยะทางในการร่อนโดยตรง ดังนั้น ทีมนักวิจัยจึงเลือกใช้แผงโซลาร์เซลล์แทนการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีน้ำหนักมากกว่า ทำให้ตัวเซนเซอร์ 1 ชิ้นจะมีน้ำหนักเพียง 30 มิลลิกรัม (Milligram) หรือ 30 เท่าของเมล็ดดอกแดนดิไลออนเท่านั้น ซึ่งช่วยให้โดรนบรรทุกเซนเซอร์เพื่อนำไปปล่อยกลางอากาศได้ครั้งละมากกว่า 1,000 ตัว

    เซนเซอร์แต่ละตัวจะส่งสัญญาณข้อมูลไปยังตัวรับสัญญาณ สร้างเป็นเครือข่ายข้อมูลตรวจสอบสภาพอากาศ หลังจากถูกปล่อยกลางอากาศ อุปกรณ์จะสามารถลอยไปได้ไกลสูงสุด 100 เมตร หรือประมาณความยาวของสนามฟุตบอลในสภาพอากาศทั่วไป อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่วัดได้จะมีระยะส่งสัญญาณกลับมาสูดสุดที่ 60 เมตร เนื่องด้วยข้อจำกัดของตัวอุปกรณ์เอง

    เนื่องจากเซนเซอร์ไม่มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่เสื่อมสภาพได้ ดังนั้น ตราบใดที่ชิ้นส่วนไม่ได้รับความเสียหาย เซนเซอร์ก็จะสามารถนำมาใช้ซ้ำเพื่อลดต้นทุนและปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้ อย่างไรก็ตาม ตัวเซนเซอร์ยังไม่สามารถควบคุมทิศทางเองได้ และยังทำงานไม่ได้ทันทีที่แสงอาทิตย์หมดลง ทีมนักวิจัยจึงจะกลับไปพัฒนาการออกแบบหน้าตาเซนเซอร์ รวมถึงติดตั้งตัวเก็บประจุ (Capacitor) ลงบนอุปกรณ์ในการพัฒนาระยะถัดไป

    ทีมนักวิจัยตั้งเป้าหมายให้ผลงานในครั้งนี้มีส่วนช่วยเพิ่มขีดความสามารถการตรวจสอบสภาพอากาศสำหรับพื้นที่ที่เครื่องวัดสภาพอากาศแบบปกติเข้าไม่ถึง ตลอดจนการนำอุปกรณ์ไปใช้ในการพยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรที่แม่นยำมากยิ่งขึ้นในอนาคต

    ที่มาข้อมูล https://www.tnnthailand.com/news/tech/113752/
    ที่มารูปภาพ University of Washington

    #เซนเซอร์ #สภาพอากาศ #พยากรณ์อากาศ #โดรน #งานวิจัย #ภาวะโลกร้อน #TNNTechreports #Techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #DThanaboon
    —————————————————————————
    ติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    • Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
    • Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
    • TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
    • Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo
    หรือดูรายการ Live ได้ทาง
    https://www.facebook.com/TNN16LIVE/#

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    14 พฤษภาคม 1973 เวลา 17:30 น. ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา จรวด Saturn V นำสถานีอวกาศสกายแล็บ (Skylab) สถานีอวกาศแห่งแรกของสหรัฐอเมริกาเดินทางขึ้นสู่อวกาศแบบไร้นักบินอวกาศจากฐานปล่อย Launch Pad 39A ศูนย์อวกาศเคนเนดี รัฐฟลอริดา ตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา สถานีอวกาศแห่งนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาในช่วงการแข่งขันด้านเทคโนโลยีอวกาศระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต

    ในระหว่างการเดินทางขึ้นสู่อวกาศทีมงานภาคพื้นโลกได้รับสัญญาณความผิดปกติของแผงป้องกันความร้อนไมโครเมทิโอรอยด์ เมื่อสถานีอวกาศสกายแล็บ (Skylab) เข้าสู่วงโคจรอุปกรณ์ต่าง ๆ เริ่มปรับเข้าสู่โหมดการใช้งาน ทีมงานบนโลกพบว่าแผงโซลาร์เซลล์ได้รับความเสียหายและผลิตกระแสไฟฟ้าได้น้อยกว่าที่กำหนด นอกจากนี้การสูญเสียแผงป้องกันความร้อนไมโครเมทิโอรอยด์ยังส่งผลให้อุณหภูมิภายในสถานีอวกาศสูงจนมนุษย์ใช้อยู่อาศัยได้

    ต่อมาในภารกิจสกายแล็บ 2 (Skylab 2) นาซาส่งนักบินอวกาศ 3 คน เดินทางเข้าสู่สถานีอวกาศสกายแล็บ (Skylab) ในวันที่ 25 พฤษภาคม 1973 โดยใช้ยานอะพอลโล (Apollo CSM-116) ยานเข้าเทียบท่าเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศสกายแล็บ (Skylab) ในวันที่ 26 พฤษภาคม 1973 ภารกิจแรกนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากนักบินอวกาศจะต้องทำภารกิจซ่อมแซมสถานีอวกาศ แผงป้องกันความร้อนไมโครเมทิโอรอยด์และแผงโซลาร์เซลล์

    นักบินอวกาศได้ทำการติดตั้งโล่ป้องกันความร้อนมีลักษณะเป็นแผ่นสีทองปิดทับผิวด้านนอกของสถานีอวกาศสกายแล็บ (Skylab) ทำให้โล่ป้องกันความร้อนดังกล่าวกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญในภาพถ่ายหลาย ๆ ภาพของสถานีอวกาศแห่งนี้ ภารกิจสกายแล็บ 2 ใช้เวลาอยู่บนสถานีอวกาศนาน 28 ก่อนเดินทางกลับโลกอย่างปลอดภัย ต่อมานาซาส่งนักบินอวกาศขึ้นไปประจำการบนสถานีอวกาศสกายแล็บอีก 2 ภารกิจ คือ ภารกิจสกายแล็บ 3 ใช้เวลา 60 วัน และภารกิจสกายแล็บ 4 ใช้เวลา 84 วัน

    โครงสร้างของสถานีอวกาศสกายแล็บ (Skylab) ประกอบด้วย Orbital Workshop (OWS) ใช้สำหรับการอยู่อาศัยและทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์ Airlock Module (AM) ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับยานอวกาศอะพอลโลที่เข้าเทียบท่าบริเวณจุดเชื่อมต่อ Multiple Docking Adapter (MDA) และ Apollo Telescope Mount (ATM) กล้องโทรทรรศน์สำหรับการสังเกตการณ์แสงอาทิตย์และแผงเซลล์แสงอาทิตย์สี่ชุดสำหรับพลังงานเพิ่มเติม ส่วนประกอบสุดท้ายเป็นยานอวกาศอะพอลโล Apollo Command และ Service Module ใช้สำหรับขนส่งนักบินอวกาศขึ้นไปจากโลก

    โครงสร้างหลักของสถานีอวกาศดัดแปลงมาจากชิ้นส่วนจรวด Saturn V ทำให้มีขนาดใหญ่รองรับห้องควบคุมหลัก ห้องนั่งเล่นและห้องนอนสำหรับลูกเรือ และมีอุปกรณ์ออกกำลังกาย ห้องครัว และการทดลองทางวิทยาศาสตร์มากมาย โดยเฉพาะสำหรับการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์เพื่อการดำรงชีวิตบนอวกาศของมนุษย์

    ตลอดระยะเวลาของการทำภารกิจนักบินอวกาศได้ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ 270 รายการ เช่น การทดลองด้านชีวการแพทย์และวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต การสังเกตการณ์โลก ดาราศาสตร์สุริยะ และการประมวลผลวัสดุ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตรวจสอบการตอบสนองทางสรีรวิทยาของนักบินอวกาศต่อการบินในอวกาศเป็นเวลานาน

    สถานีอวกาศสกายแล็บ (Skylab) โคจรอยู่บนอวกาศนานประมาณ 7 ปี และในวันที่ 11 กรกฎาคม 1979 สถานีอวกาศแห่งนี้ก็ได้ปลดประจำการและโคจรตกลงสู่พื้นโลก ชิ้นส่วนสถานีอวกาศที่ถูกเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศไม่หมดบางชิ้นตกลงบริเวณเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย และมีรายงานว่ามีวัวโชคร้ายตัวหนึ่งเสียชีวิตจากเศษชิ้นส่วนสถานีอวกาศสกายแล็บ (Skylab)

    ที่มาของข้อมูล https://www.nasa.gov/feature/skylab-america-s-first-space-station
    ที่มาของรูป nasa

    #nasa #skylab #spacestation #space #TNNTechreports #Techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #Msatoshi
    —————————————————————————
    ติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    • Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
    • Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
    • TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
    • Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo
    หรือดูรายการ Live ได้ทาง
    https://www.facebook.com/TNN16LIVE/#

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ประตูเอเลียนบนดาวอังคารความจริงแล้วคืออะไรกันแน่?

    วันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ยานสำรวจคิวริออซิที (Curiosity Rover) ได้ส่งภาพถ่ายปริศนาของพื้นผิวดาวอังคารบริเวณ ภูเขาชาร์ป (Mount Sharp) ภายในแอ่งหลุมเกล (Gale Crater) ตรงบริเวณที่เรียกว่าเนินเขา Greenheugh Pediment ภาพถ่ายมีลักษณะคล้ายประตูทางเข้าถ้ำหรืออาคาร อย่างไรก็ตามนาซายังไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพถ่ายดังกล่าว

    นักวิเคราะห์ในต่างประเทศให้ความเห็นว่าพื้นผิวดาวอังคารที่มีลักษณะคล้ายประตูเอเลียนอาจเป็นเพียงรอยแตกที่เกิดจากแผ่นดินไหวปกติบนดาวอังคาร โดยแผ่นดินไหวบนดาวอังคารเคยถูกตรงพบโดยยานอินไซต์ (InSight) ประกอบลักษณะชั้นหินบนดาวอังคารมีลักษณะที่สามารถแตกหักได้และไม่ได้เกิดจากการกระทำของสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร นอกจากนี้ยังไม่มีหลักฐานอื่นแสดงการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร

    ภาพลวงตาบนพื้นผิวดาวอังคารเป็นสิ่งที่พบได้ปกติ เนื่องจากมุมมองในการถ่ายภาพและแสงตกกระทบจากดวงอาทิตย์ที่แตกต่างกัน เช่น ภาพถ่าย The Face บนผิวดาวอังคารในปี 1976 ถ่ายโดยยานไวกิง 1 มีลักษณะคล้ายใบหน้าของมนุษย์หรืออนุสาวรีย์อะไรบางอย่าง ซึ่งต่อมาในปี 2001 ภาพที่ถูกส่งมาจากยานสำรวจรุ่นใหม่พบว่าเป็นเพียงเนินเขาปกติบนพื้นผิวดาวอังคาร

    ภาพลวงตาในลักษณะเดียวกันนี้ไม่ได้พบแค่เฉพาะบนดาวอังคารยังสามารถพบได้บนดวงจันทร์ ซึ่งยานสำรวจของจีนเคยถ่ายภาพก้อนหินบนดวงจันทร์มีลักษณะเป็นทรงกล่องสี่เหลี่ยม รวมไปถึงบนโลก เช่น เมื่อสายตาของมนุษย์มองเห็นผ่านมุมมองที่หลากหลายและแสงตกกระทบทำให้มองเห็นเป็นภูเขา ต้นไม้ ก้อนเมฆหรือลักษณะตามธรรมชาติอื่น ๆ เป็นสิ่งของที่มีมนุษย์คุ้นตา

    ที่มาของข้อมูล
    https://news.sky.com/story/nasa-pic...-into-the-rock-heres-how-it-was-made-12611936
    https://www.sciencealert.com/this-cool-rock-formation-on-mars-looks-just-like-an-alien-doorway

    ที่มาของรูป nasa

    #nasa #mar #ดาวอังคาร #space #TNNTechreports #Techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #Msatoshi
    —————————————————————————
    ติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    • Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
    • Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
    • TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
    • Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo
    หรือดูรายการ Live ได้ทาง
    https://www.facebook.com/TNN16LIVE/#
     

แชร์หน้านี้

Loading...