ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/oMoYpp1gpTI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ตอนรับนาโต้?... กองทัพรัสเซียจัดซ้อมรบเตรียมพร้อมสำหรับใช้งานขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์ทั้งรุ่น Topal และ Yars หลายจุดทั่วประเทศรัสเซีย (4 ก.ค.59)
    -------------
    https://www.youtube.com/watch?v=oMoYpp1gpTI
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    คณะกรรมาธิการด้านการบินระหว่างประเทศเปิดเผยว่าผลการตรวจสอบกล่องดำของเครื่องบิน Il-76 ของรัสเซียที่ประสบอุบัติเหตุตกในภารกิจดับไฟป่าที่เมือง Irkutsk ไม่ได้เกิดจากปัญหาการขัดข้องทางเทคนิค ระบบทุกอย่างของเครื่องบินทำงานตามปรกติ จะมีการเผยแพร่ผลการสืบสวนสอบสวนต่อสาธารณชน ลูกเรือทั้งสิบคนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เครื่องบิน Il-76 ขาดการติดต่อในวันศุกร์ที่ผ่านมา (แล้วมันเกิดจากอะไรหละ?)
    -------------
    Russian Il-76 Crashed Not Due to Technical Glitches
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.4.JPG
      0.4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      100.3 KB
      เปิดดู:
      1,155
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช
    เมื่อ F-15 ของค่ายสหรัฐเจอกับ Su-30 ของค่ายรัสเซีย ใครจะเจ๋งกว่ากัน?

    [​IMG]

    -----------
    เปลี่ยนบรรยากาศจากเรื่องการเมืองโลกที่แสนจะวุ่นวายมาพูดเกี่ยวกับเรื่องเครื่องบินรบกันสักหน่อยนะครับ (ก็ยังวุ่นวายเหมือนกัน) เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.59 ที่ผ่านมามีข่าวว่าเครื่องบินรบ F-15J ของกองทัพป้องกันตนเองของญี่ปุ่นสามารถล็อกเป้าพร้อมจะกดปุ่มยิงมิสไซล์สอยเครื่องบินรบ Su-30 ของกองทัพอากาศจีนได้เหนือน่านฟ้าแถวหมู่เกาะเซนกากุ/เตียวหยู ซึ่งทั้งสองประเทศมีข้อพิพาทกันในการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนแห่งนั้นในทะจีนตะวันออก ตอนแรกสื่อฯยังไม่รายงานว่าเป็นการเจอกันระหว่างเครื่องบินรบรุ่นอะไรกับรุ่นอะไร ต่อมา Sputnik news เพิ่งจะออกข่าวมาบอกว่าเป็น F-15 กับ Su-30 (Flanker-C) แต่ทางรมว.กลาโหมของญี่ปุ่นออกมาปฏิเสธว่า ญี่ปุ่นไม่ได้ทำการยั่วยุตามที่ฝ่ายจีนกล่าวหา แต่ไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าญี่ปุ่นไม่ได้ล็อกเป้าเครื่องบินรบของจีน นั่นคือภาษาทางการทูตหนะ ขึ้นอยู่กับว่าจะตีความกันไปทางไหน
    ญี่ปุ่นมีเครื่องบินรบตระกูล F-15 (Eagle) อยู่ทั้งสิ้น 154 ลำ (Mitsubishi F-15J/DJ Eagle) เป็นการผลิตร่วมกันระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นสำหรับกองทัพญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ข้อมูลบางแห่งบอกว่าญี่ปุ่นมี F-15J จำนวน 154 ลำ และ F-15DJ อีก 45 ลำ ส่วนจีนมี Su-30MKK จำนวน 76 ลำ และ Su-30MK2 จำนวน 24 ลำ
    เครื่องบินทั้งสองตระกูลนี้ต่างก็จัดอยู่ในประเภท "Air superiority fighter" ด้วยกัน หมายถึงเครื่องบินรบประเภท "เจ้าเวหา/ยึดครองน่านฟ้า/ขับไล่" มีหน้าที่ลาดตระเวนทางอากาศและไล่บี้อากาศยานของฝ่ายตรงข้าม เครื่องบินประเภทนี้ของค่ายสหรัฐก็มี F-15 และ F-22 (G5) ส่วนของค่ายตะวันตกก็ได้แก่ Eurofighter Typhoon ในขณะที่ของค่ายรัสเซียได้แก่ Su-27 ต่อมาก็พัฒนาเป็น Su-30 และล่าสุดก็คือ Su-35
    หลังจากที่อ่านข่าวดังกล่าวแล้วก็อยากจะรู้ว่าเอ... ถ้าดวลกันตัวต่อตัวระหว่าง F-15 ของสหรัฐกับ Su-30 ของรัสเซียนี่จะเป็นยังไงบ้างนะ หมายถึงว่าศักยภาพของเครื่องบินรบของฝ่ายไหนเจ๋งกว่ากัน? จึงลองค้นหาข้อมูลของเครื่องบินรบทั้งสองตระกูลจากอินเตอร์เน็ทดู มีข้อมูลเยอะแยะ และก็มีบทความเก่าที่นักวิเคราะห์ต่างประเทศทั้งสองค่ายเขาได้เขียนเอาไว้ในอดีตจึงขอนำมาแปลเล่ากันฟังต่อไปนี้... โปรอเมริกาทำใจร่มๆ นะครับ เตรียมยาดมยาหม่องไว้ข้างๆ ก็ดี คริๆ
    มีบทความฉบับหนึ่งจากเว็บไซต์ The Aviationist เขียนเอาไว้เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.57 ว่า "Can the Sukhoi Su-30 have the edge over U.S. fighters in aerial combat?" (เครื่องบินรบ Sukhoi Su-30 ล้ำกว่าเครื่องบินรบของสหรัฐในการทำยุทธเวหากันหรือเปล่านะ?) เว็บไซต์แห่งนี้เป็นของพวกนักข่าวสายทหารค่ายสหรัฐและตะวันตกมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงโรม (อิตาลี) บทความฉบับนี้เขียนโดย Dario Leone ชาวอิตาลี
    ในบทความนี้เขาขึ้นหัวข้อย่อยว่า "Su-30s would beat F-15s every time. But….." (Su-30 น่าจะเอาชนะ F-15 ได้ทุกครั้ง แต่….) แต่อะไร?...
    บทความฉบับนั้นเขียนเกริ่นนำว่า... เมื่อเร็วๆ นี้ เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว พวกเราได้อธิบายว่าเป็นยังไง เมื่อ Exercise Cope India นำเอา Su-30 ของกองทัพอากาศอินเดียประชันกับ F-15C ของกองทัพอากาศสหรัฐ โดยมีที่ได้ซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ (…with results that are still open to debate…) [ฝ่ายตะวันตกไม่ยอมรับว่าแพ้ว่างั้นเถอะ อ่านต่อนะครับแล้วจะรู้ว่าพวกนี้กำลังแถ - ผู้แปล] : เนื่องจากการฝึกซ้อมจัดขึ้นในระหว่างที่กำลังมีการทบทวนงบประมาณของ F-22 นักวิเคราะห์บางคนยืนยันว่ากองทัพอากาศจงใจที่จะยอมรับการท้าทายแบบ ROE (Rules Of Engagement กฎของการปะทะ/สู้รบกัน) เพื่อจะได้มี Raptors (F-22) เพิ่มขึ้น
    [เขากำลังจะบอกว่าสหรัฐแกล้งยอมแพ้ให้กับอินเดียที่ใช้เครื่งอบินรบของรัสเซีย เพื่อที่จะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการเพิ่มงบประมาณในส่วนของ F-22 หนะ ก็ฟังดีมีเหตุผล แต่ยังไม่เคลียร์เท่าไร พวกขี้แพ้ก็มักจะอ้างโน่นอ้างนี่อยู่เสมอ - ผู้แปล] ส่วนคนอื่นๆ อ้างว่า เรื่องเล่าเวอร์ชั่นนี้กุขึ้นมาเพื่อรักษาหน้า (save face) หลังจากที่ฝ่ายอินเดียประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจในอัตราการสังหารที่ 9:1 ครั้งต่างหากหละ (ฮิ้ววววว)
    ในบทความดังกล่าวเขียนต่อไปอีกว่า แม้ว่าพวกเราจะไม่เคยได้รู้ความจริงเลยก็ตาม แต่มันก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า อย่างน้อยที่สุดในหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ (ก็ปรากฎว่า) เครื่องบินรบ Sukhoi Su-27 Flanker ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องบินรบที่เจ๋งที่สุดของรัสเซีย

    [​IMG]

    Su-27 เป็นหนึ่งในเครื่องบินรุ่น (class) เดียวกับ F-14 และ F-15 ของสหรัฐ [หมายถึงอยู่ในกลุ่มหรือประเภทเดียวกัน - ผู้แปล] แต่ส่วนที่ไม่เหมือนกับเครื่องบินรบของอเมริกันก็คือ Su-27 สามารถทำมุมโจมตี 30 องศา และยังสามารถทำท่าบินแบบ "งูเห่าฉกของปูกาเชฟ" (Pugachev's Cobra) ได้ด้วย [บางครั้งเรียกสั้นว่าท่า "คอบรา" ก็มี Pugachev หรือ Pugachyov เป็นชื่อของนักบินทดสอบของบริษัท Sukhoi OKB ของรัสเซียที่แสดงการบินประลองยุทธ์ด้วยท่านี้เป็นครั้งแรกในงาน Paris Le Bourget Airshow ในปี 1989 ดังกระฉ่อนเลย ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า F-22 ของสหรัฐก็ทำท่านี้ได้เช่นกัน - ผู้แปล]
    [ท่า Cobra นี้มันเป็นอย่างไร?... ในการบินแบบคอบรานั้น ในขณะที่เครื่องบินรบกำลังบินไปด้วยความเร็วสูงในอากาศอยู่นั้นก็จะคล้ายกับการเบรกเอี๊ยดดดดกลางอากาศเกือบจะหยุดอยู่กับที่ก็ว่าได้ แล้วก็เชิดหัวขึ้นในแนวดิ่งโน้มมาข้างหลังทำมุมมากกว่า 90 องศา (วัดจากด้านหน้า) เหมือนจะตีลังกา (/ไม่ตีอินเดีย) กลับหลัง ความเร็วก็จะชะลอลง จากนั้นโน้มตัวกลับไปข้างหน้าอีกครั้ง แล้วก็บินในแนวราบตามปรกติเริ่งความเร็วเต็มที่ เหมือนตอนที่งูเห่าชูคอแผ่แม่เบี้ยโน้มหัวมาข้างหลังเตรียมจะฉกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วนั่นแหละ ฟังดูก็เหมือนเป็นลูกเล่นของพวกนักบินผาดโผนชอบเล่นหวาดเสียวนี่ แล้วมันมีประโยชน์อย่างไรหละ?
    มีประโยชน์มากในการทำยุทธเวหาระหว่างเครื่องบินรบด้วยกัน เพื่อหลบเลี่ยงเรดาร์และการไล่ล่าของฝ่ายตรงข้าม สมมุติว่า Su-27 หรือ Su-30 กำลังถูก F-15 กำลังไล่กวาดเตรียมจะล็อกเป้าหรือยิงในระดับสายตาอยู่แล้ว เพื่อหลบเรดาร์หรือหลบวิถีกระสุนของฝ่ายที่ไล่ล่า นักบินของ Su-30 ก็ใช้เทคนิคการบินแบบ "เห่าฉก" เพื่อให้ F-15 แซงหน้าไป ตัวเองจะได้เปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่ข้างหลัง และกลายเป็นฝ่ายไล่ล่า F-15 แทน ประมาณนี้ - ผู้แปล]
    บทความกล่าวต่ออีกว่า Su-27 และท่า Cobra กลายเป็นจุดเด่นในการแสดงทางอากาศจากปลายปี 1980s ไปจนถึงกลางปี 1990s แต่ นับตั้งแต่นั้นมายุทธิวิธีของเครื่องบินรบ Flanker (Su-27) ก็ได้รับการยกระดับด้วย
    เครื่องบินรบ Su-30MK หลากบทบาทที่ได้รับการปรับปรุงเป็น Flanker รุ่นที่ลงตัวทั้งในด้านของปีกหน้า (canard forewings) และส่วนท้ายของท่อบังคับทิศทางไอพ่น (thrust-vectoring nozzles) ซึ่งได้รับการพัฒนาให้มีความคล่องตัวมากขึ้นด้วย
    แต่ว่ายุทธวิธีการบิน (maneuvers) แบบนี้จะสามารถนำไปใช้ในการรบได้อย่างไร? [เอ้า... ก็อธิบายไปแล้วไง - ผู้แปล]
    ความเข้าใจที่ชัดเจนมาจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ: นิตยสาร Aviation Week and Space Technology
    ในบทความชื่อ "Su-30MK อัด F-15C ได้ทุกครั้ง" (Su-30MK Beats F-15C 'Every Time') ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2002 ในส่วน AW&ST นั้น David A. Fulghum และ Douglas Barrie (ผู้เขียน) ได้รายงานเอาไว้ว่า Su-30 ใช้ความสามารถที่คล่องแคล่วของตนเองขยี้ F-15 ในการเผชิญหน้ากับหลายรอบ ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์จำลองการบิน 360 องศาที่อาคาร St.Louis ของบริษัทโบอิ้ง
    บทความดังกล่าวได้เขียนเอาไว้ (ซึ่งบ่อยครั้งได้รับการอ้างอิง (/กล่าวถึง) จากสื่อของอินเดียเพื่อพูดถึงเหตุการณ์สำคัญที่สันนิษฐานว่า Su-30 เหนือกว่าเครื่องบินรบของอเมริกัน) ว่า เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามในกองทัพอากาศของสหรัฐ (USAF) ได้อธิบายว่า ในกรณีที่มิสไซล์ BVR (beyond-visual-range - นอกระยะสายตาของนักบิน) ยิงพลาด (เช่น AA-22 Adder) จากการยิงเครื่องบินรบ Flanker เจ้า Su-30 ก็จะเปลี่ยนเข้าสู่ clutter notch ของเรดาร์ของ F-15 ซึ่งเรดาร์แบบ Doppler ของ Eagle (F-15) ไม่สามารถตรวจจับได้ (…the Su-30 could turn into the clutter notch of the F-15’s radar, where the Eagle’s Doppler was ineffective.)
    ได้มีการอธิบายเรื่องนี้อย่างละเอียดใน AW&ST ยุทธวิธีในการบินแบบนี้จะประสบความสำเร็จในการลดระดับ (descending) เลี้ยวขวาเพื่อลดระดับให้ต่ำกว่า F-15 ที่กำลังจะเข้ามาใกล้ ในขณะที่ Su-30 กำลังลดความเร็วลงไปเกือบจะถึงศูนย์นั้น: แม้ว่าวิธีนี้จะเป็นกลยุทธ์ (tactic) ในการต่อสู้ของอากาศยานรุ่นเก่า แต่เจ้าหน้าที่ในกองทัพอากาศของสหรัฐก็กล่าวว่า เจ้า Suknoi อาจจะใช้ยุทธวิธีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอบคุณสำหรับความสามารถในการลดความเร็วลงได้อย่างรวดเร็วและก็สามารถเร่งความเร็วขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วอีกครั้ง
    หากว่าเครื่องบินรบ Flanker (Su-30) ทำการยุทธได้อย่างถูกต้อง Su-30 ก็จะล่องหน (invisible) ในเรดาร์ของ F-15 [แปลว่าหลุดจากการตรวจจับด้วยเรดาร์ของ F-15 ไม่ได้แปลว่า Su-30 กลายเป็นสเตลท์ขึ้นมาในบัดดล - ผู้แปล] จนกระทั่งเจ้าเครื่อง Eagle จะอยู่ในพิสัยการยิงมิสไซล์ AA-11 Archer IR (R-73 ของรัสเซีย) เนื่องจากเรดาร์ Doppler ของ F-15 พึ่งพาการเคลื่อนไหวของเป้าหมาย [ถ้าเป้าหมายหยุดนิ่ง ระบบเรดาร์แบบนี้ก็จอด ตรวจจับเป้าหมายไม่ได้เลย - ผู้แปล]
    เจ้าหน้าที่ในกองทัพอากาศของสหรัฐระบุอย่างชัดเจนว่า กลยุทธแบบนี้ "ใช้ได้ผลทุกครั้งในห้องจำลองการบิน" (works in the simulator every time) อย่างไรก็ตาม มีไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่มีนักบินที่มีทักษะการบินระดับนี้ได้ [ก็รัสเซียนี่แหละครับ - ผู้แปล] สุดท้ายบทความนี้กล่าวว่า เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว [แต่เล่าทีไรมันก็สนุกและอดสะใจแทนนักบินรัสเซียไม่ได้ทุกทีอ่ะ คริๆ - ผู้แปล]
    ก็มีข้อสงสัยอยู่ว่า ก็ในเมื่อมั่นใจว่า Su-30 เจ๋งกว่า F-15 ขนาดนั้นแล้วในทางปฏิบัติทำไมกลาโหมของจีนได้โวยวายว่า Su-30 ของจีนถูกล็อกเป้าโดย F-15 ของญี่ปุ่นหละ? นั่นแหละคือปัญหา
    ขอตั้งข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า นักบินจีนคงจะไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นมา อาจจะเพลินอยู่กับการนับจำนวนฝูงนกเปิดน้ำหรือฝูงห่านป่าที่กำลังบินอพพยพอยู่ในอากาศก็ได้ และเมื่ออากาศยานของข้าศึกย่องมาข้างหลังเงียบๆ ซึ่งทำให้เรดาร์ของ Su-30 ของกองทัพอากาศจีนตรวจจับไม่ได้ เพราะว่าไม่อยู่ในรัศมีของเรดาร์ เหมือนกับกรณีที่ F-16 ของตุรกีย่องเงียบมาฟาดหัว Su-24 ของรัสเซียนั่นแหละ จีนจึงพลาดท่าญี่ปุ่นในครั้งนี้ อีกอย่าง หากตรวจจับ F-15 ของญี่ปุ่นทั้งสองลำไม่ได้ ก็แสดงให้เห็นว่าระบบเรดาร์ภาคพื้นดินหรือบนเรือรบของจีนยังไม่พร้อม หรืออาจจะเป็นเพราะบริเวณดังกล่าวอยู่นอกเหนือรัศมีของระบบเรดาร์ภาคพื้นดินของจีนก็ได้
    อ้อ… แถมให้อีกเรื่องหนึ่งนะครับ คราวนี้เป็นการเจอกันระหว่าง F-15 ของอิสราเอลกับ Su-30 SM ของรัสเซียเหนือนน่านฟ้าของซีเรีย สงสัยว่าอิสราเอลอยากจะลองของหนะ คืนแรกที่รัสเซียส่งฝูงบินรบไปประจำการและปฏิบัติการในซีเรีย วันที่ 2 ต.ค.58 ปรากฏว่าอิสราเอลส่ง F-15 จำนวน 4 ลำบินข้ามเลบานอนเข้ามาในน่านฟ้าของซีเรียมุ่งหน้าเกาะไซปรัส รัสเซียเห็นอย่างนั้นจึงส่งฝูงบิน Sukhoi SU – 30 SM จำนวน 6 ลำจากฐานทัพอากาศ Hmimim ในจังหวัด Latakia ของซีเรียเข้าสกัดกั้นและตะเพิดฝูงบิน F-15 ของอิสราเอลให้พ้นจากน่านฟ้าของซีเรีย รายงานข่าวบอกว่าเป็นการบินในรูปแบบการโจมตีกัน จากนั้นฝูงบินของอิสราเอลก็หันหัวเครื่องบินของตนเองกลับไปที่เลบานอนอย่างรวดเร็ว ทางเลบานอนออกมาประกาศอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมาว่า มีอากาศยานของศัตรูบินข้ามน่านฟ้าของเลบานอน [ก็แล้วทำไมถึงไม่สอยลงซะหละ? ไม่กล้า - ผู้แปล]
    ต่อมาทางกองทัพของอิสราเอลออกมาบอกว่าการทำด็อกไฟท์ระหว่าง F-15 ของอิสราเอลและ Su-30 ของรัสเซียอาจจะนำไปสู่การสูญเสียอากาศยานทั้งสี่ลำของอิสราเอลก็ได้ อิสราเอลได้ทำการประท้วงรัสเซียเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่รัสเซียบอกว่างั้นคุณอิสราเอลก็ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยซิว่าอากาศยานของกองทัพอิสราเอลเข้ามาทำอะไรในน่านฟ้าของซีเรีย? อิสราเอลเงียบกริ๊บ เหตุการณ์ดังกล่าวบอกว่าตอนนี้รัสเซียได้เข้าควบคุมน่านฟ้าของซีเรียเรียบร้อยแล้ว ทำให้กรุงวอชิงตันกัดฟันก๊อดๆ หลังจากที่อิสราเอลห้าวเป้งลองของรัสเซียในคืนแรก แต่โดนตบกลับหัวทิ่มไม่เป็นท่า ซ่าไม่ดูตาม้าตาเรือเอง และต่อมาก็ตุรกีลงมือเองซะเลย สุดท้ายแอร์โดกันก็คลานไปขอโทษปูตินที่บังอาจลอบกัดรัสเซีย
    ป.ล.อีกบทความหนึ่งจากเว็บไซต์ The National Interest ของสหรัฐก็พูดถึงการเปรียบเทียบกันระหว่ง F-15 ของสหรัฐกับ Su-35 ของรัสเซีย อ่านแล้วก็มันส์เช่นกัน เขาไม่ได้พูดถึงการดวลกัน แต่เปรียบเทียบด้านศักยภาพ เปิดตัวด้วยการอวยอเมริกาเต็มที่ แต่ในรายละเอียด แพ้รัสเซียหลายขุม แต่พี่แกบอกว่า "สูสี" (comparable) ว่างั้นนะ สูสีขี้แมวนี่ คริๆ
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    06/07/2559
    ----------
    Japan Denies Locking Missiles Onto Chinese Fighter Jets Over East China Sea
    Tokyo denies Beijing's claim that Japanese jets locked targeting radar on fighters over East China Sea | The Japan Times
    Air Duel between the Sukhoi Su - 30 Russian SM and Israeli F-15 - Intifada Palestine
    https://en.wikipedia.org/wiki/Sukhoi_Su-30
    https://en.wikipedia.org/wiki/Mitsubishi_F-15J
    https://en.wikipedia.org/wiki/Japan_Air_Self-Defense_Force
    https://theaviationist.com/2014/06/18/su-30-beat-f-15-everytime/
    Aviation Week & Space Technology - Su-30MK Beats F-15C 'Every Time'
    America's F-15 Eagle vs. Russia's Su-35 Fighter: Who Wins? | The National Interest Blog
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช

    <iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/i_NWFk0oFhc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    สภาท้องถิ่น Lombardy ในเมืองมิลานของอิตาลีผ่านมติให้ยกเลิกการแซงชั่นรัสเซีย และยืนยันว่าชาวไคร์เมียมีสิทธิ์ในการตัดสินใจด้วยตัวเอง (ในการทำประชามติผนวกรวมเข้ากับแผ่นดินใหญ่ของรัสเซีย) (5 ก.ค.59)
    -------------
    https://www.youtube.com/watch?v=i_NWFk0oFhc
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช

    <iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/j38opCytc1s" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    งานอดิเรกของกองทัพยูเครนคือยิงปืนใหญ่หรือจรวดถล่มบ้านเรือนประชาชนชาวยูเครนตะวันออกในภูมิภาคโดเน็ทส์ก งานหลักของอียูและสหรัฐลูกพี่ใหญ่ของรัฐบาลหุ่นเชิดยูเครนก็คือส่งเจ้าหน้าที่ OSCE ไปตรวจผลงานของกองทัพฝ่ายยูเครนว่าเข้าเป้ากี่เปอร์เซ็น จากนั้นพวกนักการเมืองและสื่อฯ ตะวันตกก็จะดาหน้าออกมาด่ารัสเซียว่าเป็นเพราะรัสเซียนี่แหละ สงครามและความขัดแย้งในยูเครนถึงไม่จบซักทีแล้วก็ใช้เป็นข้ออ้างในการแซงชั่นรัสเซียต่อไป ในขณะเดียวกัน สหรัฐและตะวันตกก็จัดส่งอาวุธไปเสริมให้กับฝ่ายรัฐบาลยูเครนเรื่อยๆ (5 ก.ค.59)
    ----------------
    https://www.youtube.com/watch?v=j38opCytc1s
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช
    โดรนสังหารรุ่น MQ-9 Reaper ของสหรัฐตกทางภาคเหนือของซีเรีย หุๆ

    [​IMG]

    -----------
    วันที่ 5 ก.ค.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "โดรนติดอาวุธของสหรัฐประสบอุบัติเหตุตกในซีเรีย" (US Armed Drone Crashes in Syria)
    โดรนติดอาวุธรุ่น MQ-9 Reaper ของสหรัฐประสบอุบัติเหตุตกในซีเรียในขณะที่กำลังบินปฏิบัติภารกิจสู้รบ กองทัพอากาศสหรัฐออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคารนี้
    "โดรน MQ-9 Reaper ประสบอุบัติเหตุตกในภาคเหนือของซีเรียเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม อากาศยานลำดังกล่าวได้กำลังบินปฏิบัติภารกิจในขณะที่การควบคุมเชิงบวก (positive control) ของอากาศยานขาดหายไป" [positive control หรือ Positive Aircraft Control คือการที่อากาศยานยังอยู่ในพื้นที่รัศมีการควบคุมจากระยะไกลหรืออยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ ในกรณีนี้หมายถึง MQ-9 Reaper หลุดออกนอกรัศมีสัญญาณการควบคุม - ผู้แปล]
    กองทัพอากาศสหรัฐยืนยันว่า โดรนลำดังกล่าวไม่ได้ประสบอุบัติเหตุเนื่องจากการยิงของศัตรู กำลังทำการตรวจสอบเกี่ยวกับสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้
    อากาศยานของกองกำลังพันธมิตรได้ทำลายโดรนลำนั้นหลังจากที่ประสบอุบัติเหตุตก เพื่อไม่ให้มันตกอยู่ในมือของศัตรู แถลงการณ์กล่าว
    [แหม… ก็นึกว่าจะเล่นมุกเดิมว่า "ปูตินสั่งยิง" อีก หรือไม่ก็บอกว่า "คิมน้อยสั่งยิง" โดรนรุ่นนี้ราคาลำละ US$16.9 ล้านเหรียญ ค่าโปรแกรมอีก US$1.18 หมื่นล้านเหรียญ รวม US$11,816,900,000 หรือประมาณ 419,499,950,000 บาท - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    06/07/2559
    ----------
    US Armed Drone Crashes in Syria
    PressTV-US drone crashes in northern Syria
    Reaper down: MQ-9 crashes in Syria
    https://en.wikipedia.org/wiki/General_Atomics_MQ-9_Reaper
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    UN เตือนยอดนักรบต่างชาติเข้าร่วม “ไอเอส” สูงกว่า 30,000 ราย ชี้เป็นภัยคุกคามใหญ่หากกลับประเทศ โดย MGR Online 6 กรกฎาคม 2559 07:32 น. (แก้ไขล่าสุด 6 กรกฎาคม 2559 10:11 น.)

    [​IMG]
    ภาพจากรอยเตอร์

    เอเจนซีส์ / MGR online - เจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ เผยมีชาวต่างชาติราว 30,000 รายเข้าร่วมเป็นนักรบของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย และอิรัก พร้อมเตือนว่าคนเหล่านี้จะเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงหากเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด

    ฌอง-ปอล ลาบอร์เด ผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ และประธานคณะกรรมาธิการต่อต้านการก่อการร้ายของยูเอ็น ออกมาเปิดเผยตัวเลขนักรบต่างชาติดังกล่าวที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ในวันอังคาร (5) โดยยอมรับว่าตัวเลขนักรบต่างชาติที่ระดับ 30,000 รายของกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรักถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก

    ผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติระบุว่า การเพลี่ยงพล้ำในสนามรบอย่างต่อเนื่องของกลุ่มรัฐอิสลามในระยะหลังมานี้ ส่งผลให้ดินแดนในความยึดครองของกลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่หัวสุดโต่งกลุ่มนี้ลดจำนวนลงอย่างสำคัญ และอาจส่งผลให้นักรบชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อย ตัดสินใจเดินทางกลับสู่ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตน

    “ไม่เพียงแต่เฉพาะประเทศในยุโรปเท่านั้น แต่ประเทศอื่นๆ อย่างตูนิเซีย และโมร็อกโกในแอฟริกาตอนเหนือ ต่างต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการเกิดเหตุรุนแรงและการก่อการร้ายเช่นกันเมื่อบรรดานักรบต่างชาติของไอเอสเหล่านี้เดินทางกลับประเทศจากสมรภูมิในซีเรียและอิรัก” ลาบอร์เดกล่าว พร้อมเรียกร้องรัฐบาลทั่วโลกยกระดับการคัดกรองการเดินทางเข้าประเทศ และปรับปรุงกฎระเบียบด้านการตรวจคนเข้าเมืองเพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี

    UN
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ผลวิจัยชี้ “ฝุ่น” จากโรงไฟฟ้าถ่านหินคร่าชีวิตพลเมือง EU ปีละ 23,000 คน
    โดย MGR Online 5 กรกฎาคม 2559 14:28 น. (แก้ไขล่าสุด 5 กรกฎาคม 2559 17:58 น.)

    [​IMG]
    เอเอฟพี - ฝุ่นละอองขนาดเล็กจากโรงไฟฟ้าถ่านหินในสหภาพยุโรป (อียู) คร่าชีวิตประชาชนมากถึงปีละ 23,000 คน และยังทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณอีกหลายหมื่นล้านยูโรในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย ผลการศึกษาจากหน่วยงานเอ็นจีโอเผยวันนี้ (5 ก.ค.)

    บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ระบุว่า แม้อียูจะเริ่มหันไปพึ่งพาพลังงานทางเลือกที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ถ่านหินยังคงถูกใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าราว 1 ใน 4 เมื่อปี 2015 และก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากถึงร้อยละ 18 ในปี 2014

    รายงานซึ่งใช้ชื่อว่า “Europe’s dark cloud: How coal-burning countries make their neighbours sick” ระบุว่า ปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากโรงไฟฟ้า 257 แห่งที่สามารถค้นข้อมูลมาวิเคราะห์ได้นั้น “เกี่ยวพันกับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของพลเมือง 22,900 คนในปี 2013”

    ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าถ่านหินในสภาพยุโรปรวมทั้งสิ้น 280 แห่ง

    บทความชิ้นนี้สรุปจากข้อมูลที่รวบรวมโดยนักวิจัยจากองค์กรส่งเสริมพลังงานสะอาด 4 กลุ่ม ได้แก่ สหพันธ์สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม (Health and Environment Alliance), กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF), องค์กร Climate Action Network Europe และองค์กร Sandbag

    นอกจากจะเป็นสาเหตุการเสียชีวิตแล้ว นักวิจัยยังกล่าวโทษโรงไฟฟ้าถ่านหินว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังเพิ่มขึ้นเกือบ 12,000 คนในปี 2013 และในปีเดียวกันนั้นยังมีเด็กและเยาวชนป่วยเป็นโรคหอบหืดอีกกว่า 500,000 คน

    ขั้นตอนการรักษาพยาบาลที่จำเป็น ตลอดจนผลิตภาพที่ลดลงเนื่องจากผู้ป่วยไม่สามารถทำงานได้ สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจเป็นมูลค่าระหว่าง 32,400-62,300 ล้านยูโร

    รายงานระบุว่า ผู้เสียชีวิตราว 19,000 คน หรือร้อยละ 83 ได้สูดเอาฝุ่นผงในอากาศซึ่งมีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมโครมิเตอร์ เข้าไปในปอดและเส้นเลือด

    “สาเหตุการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับอนุภาคขนาดเล็กเหล่านี้ ได้แก่ โรคเส้นเลือดสมองตีบ, โรคหัวใจ, โรคปอดเรื้อรัง หรือมะเร็งปอด”

    นักวิจัยเตือนว่า อนุภาคมลพิษเหล่านี้ “อาจถูกกระแสลมพัดพาไปไกลหลายร้อยกิโลเมตร และข้ามเส้นพรมแดนประเทศ จึงส่งผลกระทบทั้งต่อพลเมืองในประเทศนั้นๆ และผู้ที่อยู่ไกลออกไป”

    รายงานฉบับนี้ยังระบุชื่อประเทศที่ก่อปัญหาร้ายแรงที่สุด โดยอันดับ 1 ได้แก่ โปแลนด์ ซึ่งโรงไฟฟ้าถ่านหินที่นั่นเป็นต้นเหตุการเสียชีวิตของประชากรราว 4,690 คน, เยอรมนี 2,490 คน, โรมาเนีย 1,660 คน, บัลแกเรีย 1,390 คน และอังกฤษ 1,350 คน

    ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองมากที่สุด ทั้งจากโรงไฟฟ้าถ่านหินของตนเองและต่างชาติ ได้แก่ เยอรมนี ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 3,630 คน, อิตาลี 1,610 คน, ฝรั่งเศส 1,380 คน, กรีซ 1,050 คน และฮังการี 700 คน

    โรแบร์โต แบร์โตลลินี ผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำอียู แถลงว่า “มลพิษทางอากาศเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรหลายล้านคนทั่วโลก... อุณหภูมิที่สูงขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงก็เป็นตัวกระตุ้นให้ปัญหานี้ทวีความรุนแรง”

    ผลการศึกษาลักษณะเดียวกันนี้ในสหรัฐฯ พบผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพราะฝุ่นละอองจากโรงไฟฟ้าถ่านหินมากกว่า 13,000 คน ส่วนที่อินเดียพบว่าฝุ่นละเอียดจากโรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นสาเหตุให้ประชากรเสียชีวิตก่อนวัยอันควรปีละ 115,000 คน และทำให้มีผู้ป่วยหอบหืดเพิ่มขึ้นถึงปีละ 20 ล้านคน


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    IS ปล่อยคลิปประกาศสงคราม จ่อบุกมาเลเซีย-อินโดนีเซีย

    [​IMG]

    IS ปล่อยคลิปประกาศกร้าว เล็งทำสงครามกับมาเลเซียและอินโดนีเซีย หลังซ่องสุมรวมพลในประเทศได้สำเร็จ มีทั้งหนุ่มวัยรุ่นและเด็กชายเป็นกำลังสำคัญ ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนเพิ่งก่อเหตุบึ้มฆ่าตัวตายในสถานีตำรวจอิเหนา แต่โชคดีไม่มีใครเสียชีวิต

    วันที่ 5 กรกฎาคม 2559 เว็บไซต์ Strait Times ของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า กลุ่มไอซิส (ISIS) หรือ กลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย (Islamic State of Iraq and Syria) ได้ปล่อยคลิปวิดีโอขู่ขวัญคลิปใหม่ ซึ่งเป็นคลิปของกลุ่ม ISIS ประจำมาเลเซีย ที่ประกาศว่าพร้อมจะก่อการร้ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก

    โดยในคลิปวิดีโอปรากฏภาพกลุ่มชายฉกรรจ์ ที่น่าตกใจคือ มีหนุ่มวัยรุ่นและเด็กชายอีกหลายคนกำลังประคองปืนกล AK-47 เอาไว้ในมือน้อย ๆ อย่างทะมัดทะแมง

    จากนั้น มีชายคนหนึ่งออกมาประกาศโดยใช้ภาษาบาฮาซา มลายู ปนกับภาษาที่ฟังดูคล้ายภาษาอาหรับ ระบุว่า กลุ่ม ISIS ไม่ได้เป็นพลเมืองของประเทศมาเลเซียอีกต่อไป และขอประกาศตนเป็นอิสระนับตั้งแต่บัดนี้ พร้อมโยนพาสปอร์ตของประเทศมาเลเซียลงสู่พื้นเบื้องล่าง ขณะที่เด็กหนุ่มรอบ ๆ เขาก็ทำตามเช่นเดียวกัน

    ในขณะที่คลิปอื่น ๆ ซึ่งถูกปล่อยมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ปรากฏภาพเหล่าเด็กชายในห้องเรียนสอนวิชาศาสนา และชั่วโมงเรียนสอนการใช้ปืนกล พร้อมสอนให้เด็ก ๆ ตะโกนพร้อมกันว่า "อัลเลาะห์ อัคบาร์" (Allah Akbar) ซึ่งแปลว่า พระอัลเลาะห์เจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ด้วย

    นอกจากนี้ยังเพิ่งมีรายงานข่าวการโจมตีล่าสุด เกิดขึ้นในอินโดนีเซีย โดยเว็บไซต์เอเชียนิวส์เน็ตเวิร์ก รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่สถานีตำรวจเมืองสุราการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเวลาประมาณ 7.35 น. ของวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 ตามเวลาท้องถิ่น โดยคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์พุ่งเข้าไปในสถานีตำรวจ แต่ระเบิดเกิดทำงานเสียก่อน ทำให้ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวยกเว้นมือระเบิดเอง แต่มีตำรวจ 1 นายได้รับบาดเจ็บ

    จากการสืบสวน พบว่ามือระเบิดรายนี้ มีนามว่า นูร์ โรแมน (Nur Rohman) อายุ 30 ปี เป็นผู้สนับสนุนกลุ่ม ISIS อย่างออกนอกหน้า โดยเป็นหนึ่งในกลุ่มสนับสนุนการก่อการร้ายท้องถิ่น ซึ่งเขาเคยถูกตำรวจจับมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อช่วงสิ้นปี ขณะกำลังวางแผนโจมตีงานเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่

    การออกตัวประกาศ สงครามจากกลุ่ม ISIS ต่อมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างชัดเจนนี้ ยิ่งขับเน้นให้เห็นว่า ความรุนแรงจากลุ่มผู้ก่อการร้ายระดับโลกรุกคืบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้นทุกขณะ

    ติดตามข่าว กลุ่ม isis ไอซิส แบบอัพเดททั้งหมด คลิกเลย


    IS ปล่อยคลิปประกาศสงคราม จ่อบุกมาเลเซีย-อินโดนีเซีย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียเตรียมติดตั้งระบบเรดาร์ OTH ที่ไคร์เมียดักจับเรือรบและเครื่องบินรบของนาโต้

    [​IMG]

    -----------
    วันก่อนสื่อฯรัสเซียนำเสนอข่าวเกี่ยวกับระบบดาร์ภาคพื้นดินที่บอกว่าสามารถตรวจจับเครื่องบินรบสเตลท์ F-35 ของสหรัฐได้ เล่นเอาโปรอเมริกานั่งไม่ติดออกการหงุดหงิดฟึดฟัดหัวฟัดหัวเหวี่ยงกันน่าดู วันนี้มีข่าวเกี่ยวกับระบบเรดาร์รุ่นนี้ของรัสเซียมานำเสนอต่อนะครับ
    วันที่ 6 ก.ค.59 RT news พาดหัวข่าวว่า "รัสเซียจะเฝ้าระวังเรือของนาโต้ในช่องแคบบอสฟอรัสด้วยเรดาร์ระยะไกลรุ่นใหม่จากไคร์เมีย - แหล่งข่าวกล่าว" (Russia to monitor NATO vessels in Bosphorus with new long-range radars from Crimea - source)
    กองทัพรัสเซียจะประจำการเรดาร์ระยะไกลรุ่นใหม่ในบอลติกและทะเลดำเพื่อจับตาปฏิบัติการของนาโต้อย่างใกล้ชิด [to keep a weather eye on เป็นสำนวน แปลว่าจับตาดูบางคนหรือบางอย่างอย่างระมัดระวังเพราะว่าพวกเขาอาจจะสร้างปัญหายุ่งยากหรือต้องการความช่วยเหลือก็ได้ - ผู้แปล] สำนักข่าว Interfax ของรัสเซียรายงาน ระบบเรดาร์ดังกล่าวสามารถตรวจจับเครื่องบินและอากาศยานในระยะไกลถึง 450 กิโลเมตร
    "พวกเราคาดว่าเรดารเหนือเส้นขอบฟ้าพอดโซลนุก (Podsolnukh over-the-horizon radar) จะสามารถออนไลน์ในบอลติกได้ในปี 2017" แหล่งข่าวทางทหารกล่าวกับสำนักข่าว Interfax ในวันพุธ
    แหล่งข่าวคนดังกล่าวยงได้กล่าวต่ออีกว่า ดูเหมือนว่าจะมีการติดตั้งสถานีเรดาร์ที่คล้ายกันนี้ในไคร์เมียด้วย "ซึ่งจะสามารถตรวจจับเรือรบทุกชนิด [ของต่างชาติ] ที่ผ่านช่องแคบ Bosphorus"
    เรดาร์ทั้งสองแห่งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพของรัสเซียในการจับตากองกำลังของนาโต้ในภูมิภาคเหล่านี้ ซึ่งได้มีการเพิ่มการซ้อมรบทางทหาร ปฏิบัติการสอดแนม และการประจำการของกองทัพเรือจำนวนมากของพวกพันธมิตรมากขึ้นอย่างน่าตกใจ
    ระบบเรดาร์แบบ over-the-horizon ชื่อ Podsolnukh (ชื่อรัสเซียแปลว่า "Sunflower/ดอกทานตะวัน") ได้รับการออกแบมาเพื่อตรวจจับ (detect) ติดตาม (track) และจำแนก (classify) เป้าหมายทางทะเลได้ถึง 300 เป้าหมาย และทางอากาศอีก 100 เป้าหมายในโหมดอัตโนมัติในระยะ 450 กิโลเมตร (280 ไมล์)
    ระบบเรดาร์ Podsolnukh ของรัสเซียยังสามารถระบุเป้าหมายเรือรบและระบบป้องกันภัยทางอากาศของฝ่ายที่เป็นมิตรเหนือเส้นเรดาร์ของเส้นขอบฟ้า (radar horizon) ได้ด้วย ซึ่งเป็นข้อจำกัดระยะไกลของระบบเรดาร์รุ่นเก่า ปัจจุบันนี้รัสเซียได้มีการติดตั้งสถานีเรดาร์รุ่น Podsolnukh จำนวน 3 สถานีที่ปฏิบัติการอยู่ในตะวันออกไกล ทะเลแคสเปี้ยน และทะเลญี่ปุ่น
    RTI Systems ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเรดาร์ Podsolnukh กล่าวว่า จะส่งมอบสถานีเรดาร์จำนวนมากให้กับกลาโหมของรัสเซียในปี 2017
    "ในปี 2017 กระทรวงกลาโหมของรัสเซียมีแผนจะจัดหาสถานีเรดาร์จำนวนมากสำหรับกองทัพเรือ ซึ่งอาจจะติดตั้งในขั้วโลกเหนือรวมทั้งตามแนวพรมแดนในภาคใต้และภาคตะวันตกของรัสเซียด้วย" นาย Sergey Baev กรรรมการผู้จัดการใหญ่ของ RTI Systems กล่าวกับสำนักข่าว Interfax
    โดยพื้นฐานแล้ว เรดาร์แบบ Over-the-horizon (OTH) (บางครั้งก็เขียนเป็น OTHR) ใช้หลักการสะท้อนจากชั้นบรรยากาศ (ionospheric reflection) ซึ่งหมายความว่า สัญญาณวิทยุที่ถูกส่งออกไปยังชั้นบรรยากาศจะถูกสะท้อนกลับมายังภาคพื้นดิน จากนั้นจำนวนของสัญญาณเพียงเล็กน้อยก็จะสะท้อนจากพื้นดินกลับไปที่ชั้นบรรยากาศอีกครั้ง และสัญญาณเพียงเล็กน้อยบางส่วนก็จะสะท้อนกลับไปที่สถานีส่ง (broadcaster) [กล่าวคือยิงสัญญาณวิทยุขึ้นไปบนท้องฟ้ากระทบกับชั้นบรรยากาศ แล้วก็สะท้อนตกลงมายังพื้นดิน เด้งจากพื้นดินกลับขึ้นไปบนฟ้า กระทบกับชั้นบรรยากาศ เด้งกลับมาที่สถานีส่งสัญญาณในตอนแรก - ผู้แปล]
    รายงานข่าวกล่าวในตอนท้ายว่า ระบบเรดาร์แบบ OTH ที่ไม่ใช่ของทหาร (ของพลเรือน) ซึ่งติดตั้งอยู่ในทะเลและตามชายฝั่ง ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในกลุ่มประเทศที่ติดทะเล (coastal countries) เพื่อปกป้องเขตเศรษฐกิจพิเศษจากโจรสลัด จากพวกลักลอบค้าของเถื่อน และจากการทำประมงผิดกฎหมาย
    [อึ่มมมม เหตุผลข้อสุดท้ายนี่น่าสนใจ ไม่รู้ว่าไทยมีระบบนี้ใช้บ้างหรือยัง เพราะว่าสามารถตรวจจับเรือประมงผิดกฎหมายจากเพื่อนบ้านได้ แต่ปัญหาก็มีอยู่ว่า พี่ไทยเราเองก็ขยันไปทำประมงผิดกฏหมายในประเทศอื่นเช่นกันนะสิ - ผู้แปล]
    [เนื้อหาในข่าวต้นฉบับก็มีอยู่เท่าที่แปลมานี้แหละ วันก่อนสื่อฯรัสเซียคุยว่าเจ้าเรดาร์ดอกทานตะวันของรัสเซียนี่ มันสามารถตรวจจับเครื่องบินรบยุคที่ห้าหรือบางครั้งนิยมเรียกว่าสเตลท์อย่าง F-35 ของสหรัฐได้ บางคนก็ยังคางแคลงใจว่าโม้หรือเปล่า? รัสเซียนี่นะที่จะตรวจจับเครื่องบินรบขั้นเทพของจักรวรรดิ์เฮเกเจ้าโลกได้ เป็นไปบ่ได้เด็ดขาด นั่นคือเสียงบ่นพรึมพรัมจากเหล่าโปรอเมริกา
    นั่นสิ... แอ็ดมินก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกัน จึงไปสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมมาให้ดังต่อไปนี้ โดยเอามาจากวิกิพีเดียในเรื่อง "Over-the-horizon radar" เรดาร์ระบบนี้เรียกชื่อย่อว่า OTH หรือบางครั้งเรียกว่า BTH (ไม่ใช่ชื่อบริษัทรถไฟฟ้าในกรุงเทพนะครัช ย่อมาจาก beyond the horizon)
    ระบบนี้ (OTH) พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1949 โดยสหภาพโซเวียต ได้รับความนิยมสูงในช่วงปี 1950s ถึง 1960s เป็นส่วนหนึ่งของระบบเรดาร์เตือนภัยล่วงหน้า (early warning radar) มีใช้ในหลายประเทศตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
    สหรัฐก็เคยพัฒนาและนำระบบนี้ไปใช้เช่นกัน โดยกองทัพอากาศของสหรัฐใช้ระบบ AN/FPS-118 OTH-B มีรัศมีครอบคลุมพื้นที่ 900-3,300 กม.ขนาด 60 องศา เริ่มสร้างในปี 1960s และยกเลิกการใช้งานพับเก็บไว้ในโกดังในปี 2007
    ส่วนของกองทัพเรือสหรัฐก็พัฒนาระบบนี้ขึ้นมาใช้งานเช่นกันตั้งชื่อว่า AN/TPS-71 ROTHR มีรัศมีตรวจจับอยู่ที่ 925 to 3,000 กม. คอยจับตาชายฝั่งด้านทิศตะวันออกของรัสเซียระหว่างปี 1991-1993 จากนั้นก็ยุติการใช้งานพับเก็บเข้าโกดัง
    ของโซเวียตพัฒนาขึ้นมาในปี 1949 มีชื่อว่า Veyer รุ่นต่อมาตั้งชื่อว่า Duga-2 และ Duga-3 ฝั่งตะวันตกเรียกว่า "Steel Yard" เมื่อต้นปี 2014 รัสเซียประกาศว่าได้พัฒนาระบบใหม่ขึ้นมาเรียกชื่อว่า "Container" มีรัศมีตรวจกับได้ไกลกว่า 3,000 กิโลเมตร
    ส่วนระบบ Podsolnuh(Sunflower) นี้เป็นการพัฒนาต่อยอดจาก OTH เป็นเรดาร์พิสัยใกล้ (ระยะใกล้ short-range radar) ผ่านการทดสอบการใช้งานตั้งแต่ปี 2008 คุณสมบัติได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
    ออสเตรเลียก็มีระบบ OTH เช่นกันชื่อ "Jindalee Operational Radar Network" นิยมเรียกชื่อย่อว่า "JORN" พัฒนามาจาก OTH-B ของสหรัฐตั้งแต่ปี 1997 มีรัศมีทำการ 1,000 - 3,000 กม. มีรายงานบอกว่าในปี 1997 เครื่องต้นแบบสามารถตรวจจับการยิงขีปนาวุธของจีนที่อยู่ห่างออกไปถึง 5,500 กม.ได้
    จีนก็มีทั้ง OTH-B และ OTH-SW เช่นกัน แต่มีข้อมูลปรากฏออกมาภายนอกน้อยมาก ส่วนเรดาร์ OTH ของอิหร่านมีชื่อว่า "Sepehr" มีรัศมี 3,000 กม. ประจำการอยู่ในปัจจุบัน
    ในปี 1990s ฝรั่งเศสก็พัฒนาเรดาร์ OTH ของตนเองขึ้นมาใช้เช่นกัน มีชื่อว่า "NOSTRADAMUS" รายงานข่าวบอกว่าในเดือนมีนาคม 1999 ระบบเรดาร์ OTH ของฝรั่งเศส (NOSTRADAMUS) สามารถตรวจจับเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ระยะไกลสเตลท์ Northrop B-2 Spirit ของสหรัฐได้สองลำในขณะที่กำลังบินไปยังโคโซโว (Kosovo) ฝรั่งเศสนำระบบเรดาร์รุ่นนี้เข้าประจำการในกองทัพในปี 2005 และยังอยู่ในการพัฒนา มีรัศมีทำการอยู่ที่ 2,000 กม. ครอบคลุม 360 องศา
    ถ้าขนาดเรดาร์ NOSTRADAMUS ของฝรั่งเศสที่พัฒนาทีหลังโซเวียต หรือรัสเซียก็ยังสามารถตรวจจับเครื่องบินสเตลท์ B-2 ของสหรัฐได้ แล้วทำไม OTH ของค่ายรัสเซียซึ่งเป็นผู้คิดค้นระบบเรดาร์ชนิดนี้ขึ้นมาอย่าง Podsolnuh ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดที่พัฒนาจะไม่สามารถตรวจจับ F-35 ของสหรัฐได้? คำกล่าวของสื่อฯรัสเซียก็ไม่น่าจะเกินความจริง สหรัฐหนาววววว ที่แน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นสเตลท์รุ่นไหนของสหรัฐอย่าง F-22 หรือ F-35 ก็ไม่สามารถหลุดลอดสายตาของ S-400 และ S-500 ของรัสเซียไปได้เด็ดขาด ลองดูกันซักยกไหมครับท่านโอบามา แต่ถ้า F-22 หรือ F-35 ร่วง อย่าโวยวายหรือโทษรัสเซียหละ คริๆ - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    07/07/2559
    ----------
    https://www.rt.com/news/349620-crimea-radar-stations-nato/
    https://en.wikipedia.org/wiki/Over-the-horizon_radar
    Over-the-Horizon Radar: A Better Way to Watch the Skies
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.4.JPG
      0.4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      52.7 KB
      เปิดดู:
      920
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/zmC038-so8I" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    กลุ่มหัวรุนแงในแคว้นแคชเมียร์ที่เรียกร้องแบ่งแยกประเทศออกจากอินเดียปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลของอิเดีย พวกนั้นถือธงไอซิสด้วย กรรม! ไอซิสเข้าไประบาดในอินเดียแล้ว และก็เป็นพวกเดียวกันกับฝ่ายหัวรุนแรงแบ่งแยกดินแดนซะด้วย (6 ก.ค.59)
    ------------------
    https://www.youtube.com/watch?v=zmC038-so8I
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/OTUOE6SuaUw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    กองทัพอาหรับซีเรีย (SAA) ดักซุ่มโจมตีกลุ่มก่อการร้ายที่เมือง Dara'a ร่างกระจายหลายรายจากแรงระเบิด ส่วนที่รอดชีวิตก็ถูกรวบตัวได้ ไม่รู้ว่างานนี้สหรัฐจะออกมพูดปกป้องลูกน้องตัวเองว่าฝ่ายรัฐบาลซีเรียรังแกกบฏฝ่ายค้านสายกลางของซีเรียอีกหรือเปล่านะ พวกกบฏยิงเครื่องบินรบของกองทัพอากาศฝ่ายรัฐบาลตกจับตัวนักบินไป แล้วก็สังหารหลายนายแล้ว แต่กองกำลังฝ่ายรัฐบาลถ้าจับเป็นพวกกบฏได้ ไม่เคยทำพฤติกรรมแบบนั้นกับฝ่ายกบฏเลย ต่างกันไหม? (6 ก.ค.59)
    -------------
    https://www.youtube.com/watch?v=OTUOE6SuaUw
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/27WL4DD-Daw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    หนึ่งในภารกิจที่สำคัญของกองทัพรัสเซียและกองทัพซีเรียในซีเรียก็คือจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมพร้อมด้วยหน่วยแพทย์ทหารไปให้ความช่วยเหลือประชาชนชาวซีเรียหลังประสบภัยสงครามในพื้นที่ต่างๆ ทุกสัปดาห์ ไหนหละของสหรัฐ? มีเหมือนกัน แต่หย่อนทางอากาศให้พวกผู้ก่อการร้ายและกลุ่มหัวรุนแรงทั้งอาหารและอาวุธ พอถูกจับได้ก็บอกว่า "Oopz! sorry หย่อนผิดพิกัดอ่ะ" ไม่ผิดหละครับ ตั้งใจเต็มๆ ก็บอกเหอะ บางครั้งก็ทิ้งระเบิดใส่ฐานที่มั่นของกองทัพซีเรีย แล้วก็บอกว่า "Oopz! sorry จ้า นึกว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้าย" แต่ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย ประจำ! ถ้าเครื่องบินรบของฝ่ายพันธมิตรตกในซีเรียซักวัน และถ้าฝ่ายรัฐบาลซีเรียพูดว่า "Ooz! sorry ก็นึกว่าเป็นเครื่องบินรบของไอซิสนี่ครัช" ท่านโอบามาคงจะไม่ว่าไรนิ
    https://www.youtube.com/watch?v=27WL4DD-Daw
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    07/07/2559
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2016
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/u3-MLafWmxo" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    17 มีนาคม 2558 (ก่อนรัสเซียยกทัพเข้าไปในซีเรีย) กองทัพซีเรียสอยโดรน MQ-1B Predator ของสหรัฐตกในจังหวัดลาตะเกียด้วย SAM ขีปนาวุธภาคพื้น-สู่-อากาศ S-125 Neva/Pechora นาโต้เรียกว่า "SA-3 Goa"
    ------------------
    https://www.youtube.com/watch?v=u3-MLafWmxo
    https://theaviationist.com/2015/03/17/mq-1-shot-down-syria/
    https://en.wikipedia.org/wiki/General_Atomics_MQ-1_Predator
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    กองทัพซีเรียใช้เจ้าตัวนี้แหละ (SA-3) ในการสอยโดรนสังหาร MQ-1B Predator ของสหรัฐ นักล่ากลับถูกล่าซะเองนิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.4.JPG
      0.4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      65.8 KB
      เปิดดู:
      742
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช
    วังเครมลินออกแถลงการณ์ปูตินยกหูโทรศัทพ์ถึงโอบามา รัสเซียและสหรัฐจะเพิ่มความร่วมมือทางกองทัพในซีเรีย

    [​IMG]

    -----------
    มาดูการเดินหมากในเกมการเมืองระหว่างประเทศระหว่างรัสเซียกับสหรัฐบ้างนะครับ... วันที่ 6 ก.ค.59 RT news พาดหัวข่าวว่า "รัสเซียและสหรัฐตกลงร่วมกันด้านความร่วมมือทางทหารอย่างใกล้ชิดในซีเรีย หลังจากปูตินโทรหาโอบามา" (Russia and US agree on closer military cooperation in Syria, after Putin calls Obama) ส่วน Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "รัสเซียและสหรัฐกำหนดความร่วมมือทางทหารร่วมกัน" (Russia, US Set for Closer Military Cooperation)
    ข่าวนี้สื่อฯ รัสเซียเอามาจากแถลงการณ์จากเว็บไซต์ของทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ดังนั้นแอ็ดมินของแปลจากต้นฉบับแถลงการณ์ภาคภาษาอังกฤษนะครับ
    การสนทนากันทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีบารัค โอบามา
    ----------
    ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ได้มีการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐในความริเริ่มของรัสเซีย 6 กรกฏาคม 2559 21.00 น.
    ประธานาธิบดีของรัสเซียได้แจ้งให้ประธานาธิบดีของอเมริกัน ในฐานะประธานร่วม (Co-Chair) ของกลุ่มประเทศสมาชิก องค์กรเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป กรุงมินส์ก (OSCE Minsk Group) (รัสเซีย สหรัฐ และฝรั่งเศส) เกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพในภูมิภาค Nagorno-Karabakh และผลของการประชุมร่วมกันสามฝ่ายกับผู้นำประเทศอาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนีย ซึ่งได้แก่ปธน. lham Aliyev (แห่งอาเซอร์ไบจาน) และปธน. Serzh Sargsyan (แห่งอาร์เมเนีย) ในเมืองเซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา
    ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินเน้นย้ำว่า รัสเซียได้จัดให้มีการพูดคุยเพื่อช่วยให้สถานการณ์มีเสถียรภาพในเขตที่มีความขัดแย้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และกำหนดเงื่อนไขเพื่อความก้าวหน้าในกระบวนการสันติภาพ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ยกย่องความพยายามรัสเซีย และผู้นำทั้งหลายที่ได้ตกลงันที่จะเดินหน้าสร้างความร่วมมืออย่างจริงจังในกลุ่มประเทศสมาชิก Minsk OSCE Group เกี่ยวกับปัญหาที่สำคัญนี้
    ระหว่างการปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ได้เรียกร้องให้ปธน.บารัค โอบามาอำนวยความสะดวกในการแยกกองกำลังฝ่ายค้านสายกลางออกจากกลุ่มก่อการร้าย Jabhat al-Nusra และขบวนการก่อการร้ายอื่นๆ ที่ไม่ได้รับการคุ้มครองภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความพร้อมของตนเองอีกครั้งเพื่อกำหนดการประสานงานของปฏิบัติการทางทหารของอเมริกันและรัสเซียในซีเรีย และได้เน้นย้ำถึงความสำคัญที่จะให้มีการเจรจาเกี่ยวกับปัญหาซีเรียระหว่างซีเรียกับนานาประเทศอีกครั้ง ภายใต้การอุปถัมภ์ของยูเอ็นเพื่อให้บรรลุการแก้ไขปัญหาทางการเมือง
    ระหว่างการหารือกันเกี่ยวกับเรื่องยูเครนนั้น ประธานาธิบดีของรัสเซียได้ชี้ไปที่ความสำคัญของกรุงเคียฟในการสังเกตการณ์ข้อตกลงกรุงมินส์ก ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 อย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมทั้งการเริ่มกระบวนการเจราจาโดยตรงอย่างแท้จริงกับภูมิภาค Donetsk และภูมิภาค Lugansk การนิรโทษกรรม สถานพิเศษของ DPR และ LPR และการออกกฎหมายร่วมกันอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น
    ปูตินเน้นย้ำว่า ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะยุติปัญหาทางการเมือง และได้ย้ำถึงความจำเป็นในความพยายามที่จะจัดการกับการละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง และความสำคัญของการปฏิบัติตามข้อตกลงว่าด้วยการถอนอาวุธหนักและแยกฝ่ายที่ขัดแย้งออกจากกัน ซึ่งภารกิจพิเศษในการเฝ้าระวังขององค์กร OSCE ได้มีบทบาทที่สำคัญ
    - จบแถลงการณ์ -
    [ขอเสริมข้อมูลบางส่วนหน่อยนะครับ เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนียนั้นเคยลงข่าวมาแล้วหลายรอบ กรุงบากุ (อาเซอร์รี่) และกรุงเยเรวาน (อาร์เมเนียน) ได้เกิดความขัดแย้งกันขึ้นในปลายปี 1980s และถูกแช่แข็งไว้ในปี 1994 หลังจากการหยุดยิง แต่ความรุนแรงก็ประทุขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปูตินเชิญผู้นำของทั้งสองประเทศมาร่วมหารือกันที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
    ความขัดแย้งรอบใหม่ได้นำไปสู่การสู้รบกันระหว่างสองประเทศในภูมิภาค Nagorno-Karabakh ซึ่งเป็นไข่แดงในวงล้อมของอาเซอร์ไบจาน แต่ถูกฝั่งอาร์เมเนียยึดเอาไว้ เนื่องจากมีประชากรเชื้อสายอาร์เมเนียอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนั้นเป็นส่วนใหญ่
    ความขัดแย้งรอบใหม่เกิดขึ้นหลังจากที่รัสเซียกับตุรกีมีควมขัดแย้งกันเนื่องจากตุรกียิงเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียตกในซีเรีย และความตึงเครียดของทั้งฝ่ายก็ดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทางผู้นำของตุรกีก็เดินทางไปเยือนกรุงบากุ และบอกว่าพร้อมที่จะสนับสนุนกรุงบากุอย่างเต็มที่ จากนั้นก็มีเหตุการโป้งป้างบึ้มขึ้นมาระหว่างกองกำลังของฝ่ายโปร-อาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานในภูมิภาค Nagorno-Karabakh
    ขอพูดตรงๆ ว่าแอ็ดมินตั้งข้อสังเกตว่าตุรกีเป็นฝ่ายไปจุดไฟสงครามขึ้นในจุดนี้อีกครั้ง เนื่องจากไม่พอใจรัสเซีย และเพราะว่าอาร์เมเนียอยู่ฝ่ายรัสเซียกล่าวคือได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย และรัสเซียก็มีฐานทัพของตนเองอยู่ในอาร์เมเนียด้วย มีการติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 และเครื่องบินรบ MiG-29 ฮ.โจมตี และอาวุธหนักอื่นๆ ในฐานทัพของรัสเซียในอาร์เมเนียใกล้ชายแดนของตุรกีทางทิศตะวันออกด้วย
    เมื่อรัสเซียส่งกองทัพเข้าไปช่วยฝ่ายรัฐบาลซีเรียไล่เด็ดหัวพวกหัวรุนแรงและผู้ก่อการร้ายในซีเรีย รวมทั้งทิ้งระเบิดใส่ขบวนรถขนน้ำมันเถื่อนและรถขนอาวุธของพวกไอซิสในซีเรีย ยิ่งทำให้แอร์โดกันไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ทางแอร์โดกันก็เลยส่งสัญญาณให้ทางอาเซอร์ไบจานหาเรื่องอาร์เมเนียซึ่งเป็นพันธมิตรของรัสเซียซะเลย
    อ้อ… ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศอาเซอร์ไบจานเป็นมุสลิมนิกายชีอะห์ ข้อมูลเบื้องต้น (จากวิกิพีเดีย) บอกว่าเป็นชาวมุสลิม 90% ข้อมูลจากซีไอเอบอกว่า 91.6% จากศูนวิจัยใน Berkley บอกว่า 93.4% ในปี 2012 และจากสำนักวิจัย Pew Research Center บอกว่า 99.2% ในปี 2009 ในจำนวนประชากรที่เป็นชาวมุสลิมในอาเซอร์ไบจานนี้ มีชาวชีอะห์ 85% และซุนนี 15% ที่เหลือก็เป็นศาสนาอื่นเช่น Paganism, Christianity, Judaism และ Zoroastrianism
    ปธน. Ilham Aliyev ผู้นำคนปัจจุบันของอาเซอร์ไบจานก็เป็นชีอะห์ ดำรงค์ตำแหน่งตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา สืบทอดอำนาจจากนาย Heydar Aliyev ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นปธน.คนที่สามของประเทศนี้ตั้งแต่ปี 1993-2003 เคยเป็นสายลับ KGB ของโซเวียตในอาเซอร์ไบจานมาก่อนยศพลตรี (Major General)
    รัฐบาลและสื่อฯตะวันตกพยายามรวมทั้งบางคนบางกลุ่มที่ใช้สื่อฯโซเชียลมีเดียชี้นำว่า ความขัดแย้งในตะวันออกกลางเช่นในซีเรีย เยเมน เป็นความขัดแย้งระหว่างนิกายในศาสนาอิสลามด้วยกันเอง ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของการเมืองและการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองทั้งในประเทศและระหว่างประเทศล้วนๆ เพียงแต่การพยายามปลุกกระแสความขัดแย้งระหว่างนิกายขึ้นมานั้นเป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะใช้ในการขยายความขัดแย้งออกไปเท่านั้น
    ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเราพบการนำเสนอข่าวของสื่อฯกระแสหลักเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางมักจะเน้นไปมนทางความขัดแย้งระหว่างนิกาย (ซุนนี-ชีอะห์) ในศาสนาอิสลามอยู่เสมอ หากมองลงในรายละเอียดแล้ว จะพบว่าแนวคิดแบบนั้นมีความถูกต้องน้อยมาก เช่นตุรกีซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมนิกายชุนนี กลับทำสงครามกลางเมืองกับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเคิร์ดซึ่งส่วนมากเป็นชาวมุสลิมซุนนีและคริสเตียน ประชากรส่วนใหญ่ของซีเรียเป็นชาวชุนนี แต่ปธน.อัสซาดเป็นชีอะห์ ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศให้เป็นผู้นำของซีเรีย
    ตรุกี ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งทั้งสองประเทศนี้มีประชากรส่วนใหญ่เป็นซุนนีเช่นกัน และมีบทบาทในสงครามกลางเมืองในซีเรียด้วย รวมทั้งสหรัฐ และยุโรป ต่างก็สนับสนุนกบฏฝ่ายค้านหัวรุนแรงในการก่อสงครามในซีเรีย นาง Asma al-Assad สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของซีเรีย ภริยาของปธน.บาชาร์ อัล-อัสซาดเป็น "ซุนนี" อัสซาดเป็น "อัลละวีต์" (Alawite) นิกายย่อยของชีอะห์ ทั้งสองคนแต่งงานและมีลูกด้วยกันสามคน มีบางคนพยายามชี้นำว่า ปัญหาความขัดแย้งในซีเรียคือความขัดแย้งระหว่างซุนนีและชีอะห์ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แล้วนาง Asma al-Assad จะแต่งงานและมีลูกกับปธน.บาชาร์ อัล-อัสซาดได้อย่างไร?
    และถ้าปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางหรือกลุ่มประเทศที่นับถือนิกายที่แตกต่างกันในศาสนาอิสลามมากจากความแตกต่างทางนิกาย แล้วทำไมรัฐบาลตุรกี (ซุนนี) ภายใต้การนำของปธน.แอร์โดกันถึงได้เป็นพันธมิตรที่สำคัญกับอาเซอร์ไบจานที่เป็นชีอะห์หละ? หากเราเสพข่าวจากสื่อฯต่างๆ โดยไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของปัญหาความขัดแย้งอย่างแท้จริง โดยมองปัญหาในมิติเดียว สุดท้ายเราก็จะตกเป็นเหยื่อของฝ่ายที่ต้องการจะขยายความขัดแย้งออกไปไม่รู้จักจบสิ้น ที่พูดมานี้ก็เพราะว่าอยากเห็นสันติภาพเกิดขึ้นในโลกตะวันออกกลางและทั่วโลกอย่างแท้จริง ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น อาจจะไม่ถูกใจสำหรับบางคนบางกลุ่ม ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของพวกเขาเอง
    ส่วนเรื่องที่ปูตินโทรหาโอบามาเกี่ยวกับความร่วมมือทางทหารระหว่างสหรัฐกับรัสเซียนั้น จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ เมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐและอังกฤษได้แสดงท่าทีว่าต้องการที่จะร่วมมือกับรัสเซียในซีเรีย หลังจากที่รัสเซียแสดงท่าทีว่าจะเสริมกองกำลังทางทหาระชุดใหม่เข้าไปในซีเรียอีกรอบ ราวเดือนตุลาคมปีนี้โดยเรือบรรทุกเครื่องบินของรัสเซียซึ่งมีอยู่ลำเดียว
    และก่อนหน้านี้รัสเซียก็เคยเสนอให้มีความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียและพันธมิตรนำโดยสหัฐมาแล้ว แต่ฝ่ายสหรัฐกลับปฏิเสธ ต่อมาสหรัฐกลับบอกว่าอยากจะร่วมมือกับรัสเซีย หลังจากที่ตุรกีแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าอยากจะขอคืนดีกับรัสเซียอีกรอบ และพวกกบฏซีเรียก็เริ่มจะหันมาลงนามในข้อตกลงหยุดยิงกับฝ่ายรัฐบาลซีเรียเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ น่าจะเป็นสัญญาณที่ดี
    แต่โดยนิสัยของสหรัฐนั้น มักจะตีสองหน้าและเล่นไพ่สองมือหรือมากกว่าเสมอ ในขณะที่กบฏซีเรียบางส่วนเริ่มจะหันมาสงบศึกกับฝ่ายรัฐบาล สหรัฐซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของฝ่ายกบฏฝ่ายค้านซีเรียอย่างเป็นทางการก็ส่งองค์กรนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้) ออกมาขู่พวกกบฏด้วยการบอกว่า พวกกบฏซีเรียได้ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนประชาชนชาวซีเรียเป็นจำนวนมาก
    ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของแอมเนสตี้ในฐานะองค์กรเข้าข้างโจรเริ่มจะเหม็นโฉ่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่จู่ๆ แอมเนสตี้ก็งัดมุกนี้ออกมาเล่นเฉยเลย ทั้งๆ ที่พวกกบฏซีเรียก็เป็นลูกกระเป๋งของสหรัฐและพรรคพวกนั่นเอง สรุปว่าถ้าใครเริ่มแตกแถว หรือแสดงท่าทีไม่รับคำสั่งลูกพี่ใหญ่ สหรัฐก็จะเริ่มใช้มาตรการแบล็กเมล์ทันทันที ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้สหรัฐออกมาปกป้องลูกน้องของตัวเองผ่านสื่อฯกระแสหลักอยู่บ่อยๆ ว่ารัสเซียโจมตีทางอากาศใส่พวกกบฏฝ่ายค้านสายกลางซีเรียที่สรหัฐสนับสนุน
    แต่รัสเซียก็โต้กลับว่า อ้าว… ก็ได้เสนอให้ยุติการสู้รบ (หยุดยิง) และแนนำให้แยกตัวออกจากเขตอิทธิพลของพวกผู้ก่อการร้ายที่ยูเอ็นขึ้นบัญชีดีแล้วไง ถ้าบอกว่าเป็นคนละกลุ่มกับพวกผู้ก่อการร้ายแล้วทำไมถึงไม่หยุดยิงและไม่แยกออกมาหละ เมื่ออยากอยู่ที่นั่นและไม่ต้องการหยุดยิง แล้วจะมาโวยวายทำไม รัสเซียจึงเดินหน้าบึ้มพวกที่อ้างว่าเป็นพวกสายกลางแต่สุมหัวอยู่กับกองกำลังขบวนการก่อการร้ายต่อไป พอหละ... แอ็ดมินพูดมากกว่าแถลงการณ์อีกนะนี่ ฮ่าๆๆ - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    07/07/2559
    ----------
    https://www.rt.com/news/349715-putin-obama-syria-russia/
    Russia, US Set for Closer Military Cooperation
    Telephone conversation with US President Barack Obama • President of Russia
    https://en.wikipedia.org/wiki/Ilham_Aliyev
    https://en.wikipedia.org/wiki/Heydar_Aliyev
    https://en.wikipedia.org/wiki/Islam_in_Azerbaijan
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.4.JPG
      0.4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      48.5 KB
      เปิดดู:
      672
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช
    วังเครมลินออกแถลงการณ์ปูตินยกหูโทรศัทพ์ถึงโอบามา รัสเซียและสหรัฐจะเพิ่มความร่วมมือทางกองทัพในซีเรีย

    [​IMG]

    -----------
    มาดูการเดินหมากในเกมการเมืองระหว่างประเทศระหว่างรัสเซียกับสหรัฐบ้างนะครับ... วันที่ 6 ก.ค.59 RT news พาดหัวข่าวว่า "รัสเซียและสหรัฐตกลงร่วมกันด้านความร่วมมือทางทหารอย่างใกล้ชิดในซีเรีย หลังจากปูตินโทรหาโอบามา" (Russia and US agree on closer military cooperation in Syria, after Putin calls Obama) ส่วน Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "รัสเซียและสหรัฐกำหนดความร่วมมือทางทหารร่วมกัน" (Russia, US Set for Closer Military Cooperation)
    ข่าวนี้สื่อฯ รัสเซียเอามาจากแถลงการณ์จากเว็บไซต์ของทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ดังนั้นแอ็ดมินของแปลจากต้นฉบับแถลงการณ์ภาคภาษาอังกฤษนะครับ
    การสนทนากันทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีบารัค โอบามา
    ----------
    ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ได้มีการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐในความริเริ่มของรัสเซีย 6 กรกฏาคม 2559 21.00 น.
    ประธานาธิบดีของรัสเซียได้แจ้งให้ประธานาธิบดีของอเมริกัน ในฐานะประธานร่วม (Co-Chair) ของกลุ่มประเทศสมาชิก องค์กรเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป กรุงมินส์ก (OSCE Minsk Group) (รัสเซีย สหรัฐ และฝรั่งเศส) เกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพในภูมิภาค Nagorno-Karabakh และผลของการประชุมร่วมกันสามฝ่ายกับผู้นำประเทศอาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนีย ซึ่งได้แก่ปธน. lham Aliyev (แห่งอาเซอร์ไบจาน) และปธน. Serzh Sargsyan (แห่งอาร์เมเนีย) ในเมืองเซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา
    ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินเน้นย้ำว่า รัสเซียได้จัดให้มีการพูดคุยเพื่อช่วยให้สถานการณ์มีเสถียรภาพในเขตที่มีความขัดแย้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และกำหนดเงื่อนไขเพื่อความก้าวหน้าในกระบวนการสันติภาพ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ยกย่องความพยายามรัสเซีย และผู้นำทั้งหลายที่ได้ตกลงันที่จะเดินหน้าสร้างความร่วมมืออย่างจริงจังในกลุ่มประเทศสมาชิก Minsk OSCE Group เกี่ยวกับปัญหาที่สำคัญนี้
    ระหว่างการปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ได้เรียกร้องให้ปธน.บารัค โอบามาอำนวยความสะดวกในการแยกกองกำลังฝ่ายค้านสายกลางออกจากกลุ่มก่อการร้าย Jabhat al-Nusra และขบวนการก่อการร้ายอื่นๆ ที่ไม่ได้รับการคุ้มครองภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความพร้อมของตนเองอีกครั้งเพื่อกำหนดการประสานงานของปฏิบัติการทางทหารของอเมริกันและรัสเซียในซีเรีย และได้เน้นย้ำถึงความสำคัญที่จะให้มีการเจรจาเกี่ยวกับปัญหาซีเรียระหว่างซีเรียกับนานาประเทศอีกครั้ง ภายใต้การอุปถัมภ์ของยูเอ็นเพื่อให้บรรลุการแก้ไขปัญหาทางการเมือง
    ระหว่างการหารือกันเกี่ยวกับเรื่องยูเครนนั้น ประธานาธิบดีของรัสเซียได้ชี้ไปที่ความสำคัญของกรุงเคียฟในการสังเกตการณ์ข้อตกลงกรุงมินส์ก ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 อย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมทั้งการเริ่มกระบวนการเจราจาโดยตรงอย่างแท้จริงกับภูมิภาค Donetsk และภูมิภาค Lugansk การนิรโทษกรรม สถานพิเศษของ DPR และ LPR และการออกกฎหมายร่วมกันอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น
    ปูตินเน้นย้ำว่า ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะยุติปัญหาทางการเมือง และได้ย้ำถึงความจำเป็นในความพยายามที่จะจัดการกับการละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง และความสำคัญของการปฏิบัติตามข้อตกลงว่าด้วยการถอนอาวุธหนักและแยกฝ่ายที่ขัดแย้งออกจากกัน ซึ่งภารกิจพิเศษในการเฝ้าระวังขององค์กร OSCE ได้มีบทบาทที่สำคัญ
    - จบแถลงการณ์ -
    [ขอเสริมข้อมูลบางส่วนหน่อยนะครับ เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนียนั้นเคยลงข่าวมาแล้วหลายรอบ กรุงบากุ (อาเซอร์รี่) และกรุงเยเรวาน (อาร์เมเนียน) ได้เกิดความขัดแย้งกันขึ้นในปลายปี 1980s และถูกแช่แข็งไว้ในปี 1994 หลังจากการหยุดยิง แต่ความรุนแรงก็ประทุขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปูตินเชิญผู้นำของทั้งสองประเทศมาร่วมหารือกันที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
    ความขัดแย้งรอบใหม่ได้นำไปสู่การสู้รบกันระหว่างสองประเทศในภูมิภาค Nagorno-Karabakh ซึ่งเป็นไข่แดงในวงล้อมของอาเซอร์ไบจาน แต่ถูกฝั่งอาร์เมเนียยึดเอาไว้ เนื่องจากมีประชากรเชื้อสายอาร์เมเนียอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนั้นเป็นส่วนใหญ่
    ความขัดแย้งรอบใหม่เกิดขึ้นหลังจากที่รัสเซียกับตุรกีมีควมขัดแย้งกันเนื่องจากตุรกียิงเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียตกในซีเรีย และความตึงเครียดของทั้งฝ่ายก็ดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทางผู้นำของตุรกีก็เดินทางไปเยือนกรุงบากุ และบอกว่าพร้อมที่จะสนับสนุนกรุงบากุอย่างเต็มที่ จากนั้นก็มีเหตุการโป้งป้างบึ้มขึ้นมาระหว่างกองกำลังของฝ่ายโปร-อาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานในภูมิภาค Nagorno-Karabakh
    ขอพูดตรงๆ ว่าแอ็ดมินตั้งข้อสังเกตว่าตุรกีเป็นฝ่ายไปจุดไฟสงครามขึ้นในจุดนี้อีกครั้ง เนื่องจากไม่พอใจรัสเซีย และเพราะว่าอาร์เมเนียอยู่ฝ่ายรัสเซียกล่าวคือได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย และรัสเซียก็มีฐานทัพของตนเองอยู่ในอาร์เมเนียด้วย มีการติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 และเครื่องบินรบ MiG-29 ฮ.โจมตี และอาวุธหนักอื่นๆ ในฐานทัพของรัสเซียในอาร์เมเนียใกล้ชายแดนของตุรกีทางทิศตะวันออกด้วย
    เมื่อรัสเซียส่งกองทัพเข้าไปช่วยฝ่ายรัฐบาลซีเรียไล่เด็ดหัวพวกหัวรุนแรงและผู้ก่อการร้ายในซีเรีย รวมทั้งทิ้งระเบิดใส่ขบวนรถขนน้ำมันเถื่อนและรถขนอาวุธของพวกไอซิสในซีเรีย ยิ่งทำให้แอร์โดกันไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ทางแอร์โดกันก็เลยส่งสัญญาณให้ทางอาเซอร์ไบจานหาเรื่องอาร์เมเนียซึ่งเป็นพันธมิตรของรัสเซียซะเลย
    อ้อ… ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศอาเซอร์ไบจานเป็นมุสลิมนิกายชีอะห์ ข้อมูลเบื้องต้น (จากวิกิพีเดีย) บอกว่าเป็นชาวมุสลิม 90% ข้อมูลจากซีไอเอบอกว่า 91.6% จากศูนวิจัยใน Berkley บอกว่า 93.4% ในปี 2012 และจากสำนักวิจัย Pew Research Center บอกว่า 99.2% ในปี 2009 ในจำนวนประชากรที่เป็นชาวมุสลิมในอาเซอร์ไบจานนี้ มีชาวชีอะห์ 85% และซุนนี 15% ที่เหลือก็เป็นศาสนาอื่นเช่น Paganism, Christianity, Judaism และ Zoroastrianism
    ปธน. Ilham Aliyev ผู้นำคนปัจจุบันของอาเซอร์ไบจานก็เป็นชีอะห์ ดำรงค์ตำแหน่งตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา สืบทอดอำนาจจากนาย Heydar Aliyev ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นปธน.คนที่สามของประเทศนี้ตั้งแต่ปี 1993-2003 เคยเป็นสายลับ KGB ของโซเวียตในอาเซอร์ไบจานมาก่อนยศพลตรี (Major General)
    รัฐบาลและสื่อฯตะวันตกพยายามรวมทั้งบางคนบางกลุ่มที่ใช้สื่อฯโซเชียลมีเดียชี้นำว่า ความขัดแย้งในตะวันออกกลางเช่นในซีเรีย เยเมน เป็นความขัดแย้งระหว่างนิกายในศาสนาอิสลามด้วยกันเอง ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของการเมืองและการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองทั้งในประเทศและระหว่างประเทศล้วนๆ เพียงแต่การพยายามปลุกกระแสความขัดแย้งระหว่างนิกายขึ้นมานั้นเป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะใช้ในการขยายความขัดแย้งออกไปเท่านั้น
    ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเราพบการนำเสนอข่าวของสื่อฯกระแสหลักเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางมักจะเน้นไปมนทางความขัดแย้งระหว่างนิกาย (ซุนนี-ชีอะห์) ในศาสนาอิสลามอยู่เสมอ หากมองลงในรายละเอียดแล้ว จะพบว่าแนวคิดแบบนั้นมีความถูกต้องน้อยมาก เช่นตุรกีซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมนิกายชุนนี กลับทำสงครามกลางเมืองกับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเคิร์ดซึ่งส่วนมากเป็นชาวมุสลิมซุนนีและคริสเตียน ประชากรส่วนใหญ่ของซีเรียเป็นชาวชุนนี แต่ปธน.อัสซาดเป็นชีอะห์ ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศให้เป็นผู้นำของซีเรีย
    ตรุกี ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งทั้งสองประเทศนี้มีประชากรส่วนใหญ่เป็นซุนนีเช่นกัน และมีบทบาทในสงครามกลางเมืองในซีเรียด้วย รวมทั้งสหรัฐ และยุโรป ต่างก็สนับสนุนกบฏฝ่ายค้านหัวรุนแรงในการก่อสงครามในซีเรีย นาง Asma al-Assad สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของซีเรีย ภริยาของปธน.บาชาร์ อัล-อัสซาดเป็น "ซุนนี" อัสซาดเป็น "อัลละวีต์" (Alawite) นิกายย่อยของชีอะห์ ทั้งสองคนแต่งงานและมีลูกด้วยกันสามคน มีบางคนพยายามชี้นำว่า ปัญหาความขัดแย้งในซีเรียคือความขัดแย้งระหว่างซุนนีและชีอะห์ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แล้วนาง Asma al-Assad จะแต่งงานและมีลูกกับปธน.บาชาร์ อัล-อัสซาดได้อย่างไร?
    และถ้าปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางหรือกลุ่มประเทศที่นับถือนิกายที่แตกต่างกันในศาสนาอิสลามมากจากความแตกต่างทางนิกาย แล้วทำไมรัฐบาลตุรกี (ซุนนี) ภายใต้การนำของปธน.แอร์โดกันถึงได้เป็นพันธมิตรที่สำคัญกับอาเซอร์ไบจานที่เป็นชีอะห์หละ? หากเราเสพข่าวจากสื่อฯต่างๆ โดยไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของปัญหาความขัดแย้งอย่างแท้จริง โดยมองปัญหาในมิติเดียว สุดท้ายเราก็จะตกเป็นเหยื่อของฝ่ายที่ต้องการจะขยายความขัดแย้งออกไปไม่รู้จักจบสิ้น ที่พูดมานี้ก็เพราะว่าอยากเห็นสันติภาพเกิดขึ้นในโลกตะวันออกกลางและทั่วโลกอย่างแท้จริง ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น อาจจะไม่ถูกใจสำหรับบางคนบางกลุ่ม ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของพวกเขาเอง
    ส่วนเรื่องที่ปูตินโทรหาโอบามาเกี่ยวกับความร่วมมือทางทหารระหว่างสหรัฐกับรัสเซียนั้น จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ เมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐและอังกฤษได้แสดงท่าทีว่าต้องการที่จะร่วมมือกับรัสเซียในซีเรีย หลังจากที่รัสเซียแสดงท่าทีว่าจะเสริมกองกำลังทางทหาระชุดใหม่เข้าไปในซีเรียอีกรอบ ราวเดือนตุลาคมปีนี้โดยเรือบรรทุกเครื่องบินของรัสเซียซึ่งมีอยู่ลำเดียว
    และก่อนหน้านี้รัสเซียก็เคยเสนอให้มีความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียและพันธมิตรนำโดยสหัฐมาแล้ว แต่ฝ่ายสหรัฐกลับปฏิเสธ ต่อมาสหรัฐกลับบอกว่าอยากจะร่วมมือกับรัสเซีย หลังจากที่ตุรกีแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าอยากจะขอคืนดีกับรัสเซียอีกรอบ และพวกกบฏซีเรียก็เริ่มจะหันมาลงนามในข้อตกลงหยุดยิงกับฝ่ายรัฐบาลซีเรียเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ น่าจะเป็นสัญญาณที่ดี
    แต่โดยนิสัยของสหรัฐนั้น มักจะตีสองหน้าและเล่นไพ่สองมือหรือมากกว่าเสมอ ในขณะที่กบฏซีเรียบางส่วนเริ่มจะหันมาสงบศึกกับฝ่ายรัฐบาล สหรัฐซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของฝ่ายกบฏฝ่ายค้านซีเรียอย่างเป็นทางการก็ส่งองค์กรนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้) ออกมาขู่พวกกบฏด้วยการบอกว่า พวกกบฏซีเรียได้ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนประชาชนชาวซีเรียเป็นจำนวนมาก
    ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของแอมเนสตี้ในฐานะองค์กรเข้าข้างโจรเริ่มจะเหม็นโฉ่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่จู่ๆ แอมเนสตี้ก็งัดมุกนี้ออกมาเล่นเฉยเลย ทั้งๆ ที่พวกกบฏซีเรียก็เป็นลูกกระเป๋งของสหรัฐและพรรคพวกนั่นเอง สรุปว่าถ้าใครเริ่มแตกแถว หรือแสดงท่าทีไม่รับคำสั่งลูกพี่ใหญ่ สหรัฐก็จะเริ่มใช้มาตรการแบล็กเมล์ทันทันที ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้สหรัฐออกมาปกป้องลูกน้องของตัวเองผ่านสื่อฯกระแสหลักอยู่บ่อยๆ ว่ารัสเซียโจมตีทางอากาศใส่พวกกบฏฝ่ายค้านสายกลางซีเรียที่สรหัฐสนับสนุน
    แต่รัสเซียก็โต้กลับว่า อ้าว… ก็ได้เสนอให้ยุติการสู้รบ (หยุดยิง) และแนนำให้แยกตัวออกจากเขตอิทธิพลของพวกผู้ก่อการร้ายที่ยูเอ็นขึ้นบัญชีดีแล้วไง ถ้าบอกว่าเป็นคนละกลุ่มกับพวกผู้ก่อการร้ายแล้วทำไมถึงไม่หยุดยิงและไม่แยกออกมาหละ เมื่ออยากอยู่ที่นั่นและไม่ต้องการหยุดยิง แล้วจะมาโวยวายทำไม รัสเซียจึงเดินหน้าบึ้มพวกที่อ้างว่าเป็นพวกสายกลางแต่สุมหัวอยู่กับกองกำลังขบวนการก่อการร้ายต่อไป พอหละ... แอ็ดมินพูดมากกว่าแถลงการณ์อีกนะนี่ ฮ่าๆๆ - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    07/07/2559
    ----------
    https://www.rt.com/news/349715-putin-obama-syria-russia/
    Russia, US Set for Closer Military Cooperation
    Telephone conversation with US President Barack Obama • President of Russia
    https://en.wikipedia.org/wiki/Ilham_Aliyev
    https://en.wikipedia.org/wiki/Heydar_Aliyev
    https://en.wikipedia.org/wiki/Islam_in_Azerbaijan
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.6.jpg
      0.6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.4 KB
      เปิดดู:
      750
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ปอกเปลือก ทรราช

    เรือดำน้ำไทย-จีน ความลึกของทะเลไทยและทะเลบอลติก

    [​IMG]

    -----------

    มีข้อมูลเสริมเกี่ยวกับมหากาพย์การจัดซื้อจัดหา "เรือดำน้ำ" ให้กับกองทัพเรือของไทย ในส่วของความลึกทะเลไทยและทะเลบอลติกรวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับเรือดำน้ำของต่างชาติที่ประจำการอยู่ในทะเลบอลติกมาเล่าสู่กันฟังนิดหน่อยนะครับ

    [​IMG]

    หลังจากที่ฝ่ายรัฐบาลไทยได้เปิดเผยว่าจะจัดซื้อเรือดำน้ำให้กับกองทัพเรือของราชอาณาจักรไทย ก็มีการแสดงความคิดเห็นทั้งจากนักวิชาการ นักวิชาเกิน ตามสื่อฯต่างๆ รวมทั้งในโซเชียลมีเดียวด้วย แบ่งออกเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้าน หนึ่งในเหตุผลหรือข้ออ้างของฝ่ายต่อต้านก็คือ "ทะเลไทยไม่ลึก จึงไม่เหมาะที่จะมีเรือดำน้ำ"

    [​IMG]

    ข้อมูลจากวิกิพีเดียบอกว่า อ่าวไทย (Gulf of Thailand) มีพื้นที่ 320,000 ตารางกิโลเมตร ความลึกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 58 เมตร (190 ฟุต) ส่วนที่ลึกที่สุด ลึก 85 เมตร (279 ฟุต)

    [​IMG]

    ข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างประเทศหลายแห่งรวมทั้งจากวิกิพีเดียเกี่ยวกับความลึกของทะเลบอลติก (Baltic Sea) บอกว่าความลึกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 55 เมตร (180 ฟุต) ส่วนที่ลึกที่สุดมีความลึกที่ 459 เมตร (1,506 ฟุต) และมีพื้นที่ประมาณ 377,000 ตารางกิโลเมตร

    [​IMG]

    ฝ่ายที่สนับสนุนบอกว่าก็ในเมื่อทะบอลติกก็มีความลึกโดยเฉลี่ยพอๆ กันกับความลึกโดยเฉลี่ยของทะเลไทย ดังนั้นการอ้างเรื่องความลึกของทะเลไทยว่าไม่เหมาะที่จะมีเรือดำน้ำจึงฟังดูไม่สมเหตุสมผล เพราะว่าในทะเลบอลติกก็มีเรือดำน้ำของหลายประเทศประจำการอยู่เป็นจำนวนมาก (ซึ่งจะกล่าวถึงในภายหลัง)

    [​IMG]

    ฝ่ายที่ค้านก็อ้างว่า ก็ทะเลบอลติกลึกสุดถึง 459 เมตรนี่ ของไทยลึกสุดเพียง 85 เมตรเอง งั้นมาดูว่าจุดที่ลึกที่สุดของทะเลบอกติกนั้นมันอยู่ตรงไหน ข้อมูลจากแผนที่ทะเลบอลติกในวิกิพีเดียบอกว่าจุดที่ลึกถึง 459 เมตรนั้นอยู่ที่ Landsortdjupet (Landsort Deep) อยู่ฝั่งสวีเดน ฝั่งที่ลึกโดยเฉลี่ย 50 กว่าเมตรหรือน้อยกว่าจะเป็นฝั่งรัสเซีย โปแลนด์ และเยอรมัน

    ประเทศที่มีชายฝั่งติดกับทะเลบอลติกได้แก่ เดนมาร์ก เยอรมัน โปแลนด์ สวีเดน รัสเซีย ลิทัวเนีย ลัตเวีย เอสโตเนีย และฟินแลนด์ ประเทศที่มีเรือดำน้ำประจำการอยู่ในทะเลบอลติกก็คือ รัสเซีย เยอรมัน โปแลนด์ และสวีเดน

    ฝ่ายต่อต้านนี่จะมีอยู่สองกลุ่ม คือกลุ่มที่ต่อต้านอย่างเด็ดขาดยังไงก็ไม่เห็นด้วยที่ไทยจะมีเรือดำน้ำ (อย่างน้อยก็ในสมัยของรัฐบาลคสช.) ยกเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาอ้าง แต่สุดท้ายก็ถูกโต้กลับได้หมด กลุ่มที่สองเป็นพวกโปร-ตะวันตก ต่อต้านจีน เชียร์ให้ซื้อของตะวันตกแทน ตอนแรกพวกนี้จะเล่นมุกความลึกของทะเลไทย หลังจากที่มีคนยกเรื่องความลึกของทะเลบอลติกมาเปรียบเทียบ ก็เปลี่ยนมุกมาเป็นเรื่องขนาดของเรือดำน้ำแทน อ้างว่าถ้าไทยจะมีเรือดำน้ำให้ได้จริงๆ งั้นก็ควรจะเป็นขนาดเล็กระวางขับน้ำที่ประมาณ 500 ตันน่าจะเพียงพอ ซึ่งเหมาะกับทะเลไทย (เขาว่างั้นนะ) ไอ้เรือดำน้ำที่ว่ามีระวางขับน้ำ 500 ตันนี้ก็มีแต่ Type 206A รุ่นเก่าของเยอรมันที่ปลดประจำการแล้วเท่านั้น ซึ่งได้เสนอขายให้ไทยจำนวน 6 ลำในราคา 7,700 ล้านบาท ก็เข้าทางเยอรมันอีก

    + เรือดำน้ำเยอรมันในทะเลบอลติก
    ------------
    เรือดำน้ำ Type 206A ของเยอรมันแบบพลังงานดีเซล-ไฟฟ้าเคยประจำการอยู่ในทะเลบอลติก 6 ลำ ตอนนี้ปลดประจำการไปแล้ว 4 ลำ เหลือ 2 ลำมีระวางขับน้ำขณะอยู่ที่ผิวน้ำ 450 ตัน และขณะดำน้ำ 498 ตัน ไม่มีระบบ AIP กำลังหาเหยื่อมาซื้อของเก่าอยู่ หมายมั่นปั้นมือว่าไทยจะหลงฮุบเหยื่อ แต่ก็ชวด

    ต่อมาเยอรมันได้ร่วมมือกับอิตาลีพัฒนาเรือดำน้ำขึ้นมาใหม่ Type 212 ต่อมาเปลี่ยนเป็น Type 212A มีระวางขับน้ำที่ผิวน้ำที่ 1,450 ตัน ขณะดำที่ 1,830 ตน มีระบบ AIP โดยพัฒนามาจาก Tyep 209 เพื่อนำไปแทน Type 206A ในทะเลบอลติก มีกำหนดสร้างทั้งหมด 12 สร้างเสร็จแล้ว 10 ลำ เข้าประจำการ 7 ลำ เป็นเรือดำน้ำขนาดกลางประเภทดีเซล-ไฟฟ้า

    เมื่อเร็วนี้ (30 มิ.ย.59) Sputnik news รายงานว่า เยอรมันและโปแลนด์ได้ทำข้อตกลงร่วมกัน (MOU)เป็นครั้งประวัติศาสตร์โดยการรวมกองเรือดำน้ำของทั้งสองประเทศเข้าด้วยกัน หนึ่งในเหตุผลของฝั่งโปแลนด์ที่ต้องการรวมกองเรือดำน้ำของตนเองเข้ากับเยอรมันก็คือเพื่อเชื่อมต่อศูนย์ควบคุมปฏิบัติการ (joint operational control center) และระบบควบคุมการส่งสัญญาณ (broadcast control system) เข้ากับของเยอรมัน

    + เรือดำน้ำโปแลนด์ในทะเลบอลติก
    ------------
    คราวนี้มาดูฝั่งโปแลนด์บ้าง ข้อมูลเบื้องต้น (จากวิกิพีเดีย) บอกว่าปัจจุบันนี้กองทัพเรือของโปแลนด์มีเรือดำน้ำประจำการอยู่ทั้งหมด 5 ลำ ใช้พลังงานดีเซล-ไฟฟ้า รุ่น Kilo class (ของรัสเซีย) 1 ลำ และพลังงานดีเซล-ไฟฟ้า Kobben-clas (ของนอร์เวย์) 4 ลำ

    เจ้า ORP Orzeł (291) ซึ่งซื้อมาจากรัสเซีย Project 877E (Kilo-class) มีระวางขับน้ำเหนือผิวน้ำ 2,460 ตัน ขณะดำน้ำที่ 3,180 ตัน ความยาว 72.6 เมตร กว้าง 12.8 เมตร สูง 14.5 เมตร ส่วนอีก 4 ลำซึ่งเป็นรุ่น Kobben class ที่ซื้อมาจากนอร์เวย์นั้นเป็นเรือขนาดเล็ก ระวางขับน้ำเหนือผิวน้ำที่ 435 ตัน ขณะดำน้ำที่ 485 ตัน ยาว 45.2 เมตร กว้าง 4.9 เมตร สูง 4.7 เมตร (ในอดีต "ฟินแลนด์" ก็เคยมีเรือดำน้ำขนาดเล็กอยู่ 4 ลำ ปัจจุบันนี้ไม่มีแล้ว) (ต่อมารัสเซียพัฒนา Project 877E เป็น Project 636 สำหรับกองเรือทะเลดำและส่งออก รุ่นล่าสุดมี AIP ด้วย)

    + เรือดำน้ำรัสเซียในทะเลบอลติก
    ------------
    ปัจจุบันนี้กองเรือทะเลบอลติกของรัสเซียมีเรือดำน้ำประจำการอยู่ 2 ลำ คือ Vyborg (หมายเลข B-227) (Project 877 Kilo class) ประจำการตั้งแต่ปี 1982 จนถึงปัจจุบัน ส่วนอีกลำคือ B-806 (Project 877EKM Paltus) รุ่นนี้เป็นรุ่นส่งออก รุ่นเดียวกับของโปแลนด์ ขายให้อิหร่าน จีน อินเดีย โรมาเนีย และอัลจีเลีย แต่รัสเซียก็นำไปประจำการในทะเลบอลติกด้วย

    ชายฝั่งทะเลบอลติกฝั่งเอสโตนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย คาลินินการ์ด (รัสเซีย) โปแลนด์ และเยอรมันจะมีความลึกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 50 กว่าเมตร เฉพาะที่คาลินินการ์ดของรัสเซียนั้นมีความลึกระหว่าง 40 ถึง 100 กว่าเมตร ยิ่งมาทางฝั่งเยอรมันก็ยิ่งตื้นมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนมากจะลึกประมาณ 10 กว่าถึง 40 กว่าเมตรเท่านั้น น่านน้ำของโปแลนด์เองก็อยู่ 50 กว่าเมตร แต่บางประเทศในทะเลบอลติกกลับมีเรือดำน้ำที่มีระวางขับน้ำตั้งแต่ 3,000 ตันขึ้นไป

    + เรือดำน้ำไทย S26T จากจีน
    ------------
    คราวนี้มาดูสเปคของเรือดำน้ำจีนที่จะผลิตให้ไทยรุ่น S26T ชั้นหยวน (Yuan class) กันบ้างนะครับ ชื่ออย่างเป็นทางการของเรือดำน้ำรุ่นนี้ก็คือ Type 039A/Type 041 เป็นเรือดำน้ำประเภทโจมตีหรือ เพชรฆาตนักล่า (SSK - hunter-killer submarine) ระวางขับน้ำอยู่ที่ 2,600 ตัน เวอร์ชั่น S20 ที่จีนต่อให้ปากีสถาน ระวางขับน้ำผิวน้ำที่ 1,850 ตัน ใต้น้ำ 2,300 ตัน ดำน้ำลึก 300 เมตร (จีนเคยทดลองดำได้ลึกถึง 400 เมตร) แสดงว่าของไทยอาจจะใหญ่กว่าของปากีสถานเล็กน้อย มีระบบ AIP มีทั้งตอปิโด ขีปนาวุธต่อต้านเรือรบ พัฒนามาจาก Kilo class ของรัสเซียและจีนซื้อลิขสิทธิ์ระบบ AIP มาจากสวีเดน 100% เป็นลูกผสมระหว่างรัสเซีย-สวีเดน-จีน ก็ว่าได้

    กลับไปที่คำถามในตอนต้นที่ว่า แล้วเรือดำน้ำเหมาะสำหรับทะเลไทยไหม? คำตอบก็คือ "เหมาะ" และใช้ได้ คำถามต่อมาก็คือ เรือดำน้ำระดับกลางขนาดระวางขับน้ำที่ 2,600 ตันนี้เหมาะสำหรับความลึกของทะเลไทยไหม? ก็ในเมื่อเรือดำน้ำของรัสเซียและโปแลนด์ที่มีระหว่างขับน้ำสูงกว่านี้ก็ยังสามารถใช้งานในทะเลบอลติกที่มีความเฉลี่ยใกล้เคียงหรือตื้นกว่าทะเลไทยด้วยซ้ำยังสามารถใช้งานได้เลย แล้วทำไมของไทยจะใช้ไม่ได้หละ?

    คำคัดค้านต่อมาจากฝ่ายโปร-ตะวันตกก็คือ ไม่อยากได้ของจีน คลั่งตะวันตก อยากได้ของมือสองขึ้นสนิมจากเยอรมันหนะ ได้ตั้ง 6 ลำและราคาถูกกว่าของจีนด้วย ราคามันต่างกันตั้ง 4.6 เท่าเชียวนะ คิดว่าจะได้ของดีระดับไหนเชียว? และจะใช้งานต่อไปได้อีกกี่ปี ที่สำคัญพอมีปัญหาแล้วมีอะไรเป็นเครื่องรับประกันว่าเยอรมันจะยังสนับสนุนอะไหล่และอุปกรณ์อื่นๆ ต่อไป คิดหรือว่าฝั่งตะวันตกเขาจะไม่เล่นตุกติกในภายหลัง ดูอย่างกรณีของเรือบรรทุกเครื่องบิน Mistral ที่รัสเซียสั่งให้ฝรั่งเศสต่อให้แต่พอต่อเรือเสร็จแล้วกลับไม่ยอมส่งมอบให้รัสเซียเฉยเลย และกรณีที่อิตาลีขู่อียิปต์ว่าจะไม่ส่งมอบอะไหล่ของเครื่องบินรบ F-16 ให้ก็ได้ พอถูกสหรัฐกดดันประเทศเหล่านั้นก็ต้องทำตามที่สหรัฐต้องการ

    แต่ถ้าเปรียบเทียบ S26T (Type 039A/Type 041) กับ Type 206A หัวทุยสนิมเขลอะปะผุของเยอรมันแล้ว งานนี้ Yuan class กินขาดทั้งความสวยงานในด้านรูปทรงและความทันสมัย ที่สำคัญ ป้ายแดงถอดด้ามนะครัช

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    07/07/2559
    ----------
    https://en.wikipedia.org/wiki/Gulf_of_Thailand
    https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_active_Russian_Navy_ships#Attack_submarines_.28SSN.29
    https://en.wikipedia.org/wiki/Baltic_Fleet
    Project 877 Paltus Kilo-class Submarine
    https://en.wikipedia.org/wiki/Kilo-class_submarine
    Map - Baltic Sea Bathymetry Database - v0.9.3
    Oceans and Seas
    Submarine Matters: Does Thailand Need Submarines At All?
    https://en.wikipedia.org/wiki/Baltic_Sea
    https://en.wikipedia.org/wiki/Type_039A_submarine
    https://en.wikipedia.org/wiki/Polish_Navy
    https://en.wikipedia.org/wiki/Kobben-class_submarine
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.4.JPG
      0.4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      42.1 KB
      เปิดดู:
      548
    • 0.5.JPG
      0.5.JPG
      ขนาดไฟล์:
      38.6 KB
      เปิดดู:
      542
    • 0.6.jpg
      0.6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      136.2 KB
      เปิดดู:
      559
    • 0.7.jpg
      0.7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.4 KB
      เปิดดู:
      608
    • 0.8.jpg
      0.8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.9 KB
      เปิดดู:
      97
    • 1.JPG
      1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.2 KB
      เปิดดู:
      627
    • 2.JPG
      2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      37.2 KB
      เปิดดู:
      1,028
    • 3.JPG
      3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      49.9 KB
      เปิดดู:
      94
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    การทูตและการทหาร Military & Diplomat

    KGB กำลังจะกลับมา ?

    [​IMG]

    นอกเหนือจากการจัดตั้ง National Guard ที่มีกำลังพล 300,000 นายบัญชาการโดยพลเอก Viktor Zolotov คนสนิทของปูตินขึ้นตรงต่อประธานาธิบดีแล้ว ตอนนี้รัสเซียกำลังมีแนวคิดจะรวมหน่วยสืบราชการลับต่างๆเช่น FSB , SVR และ FSO เข้าด้วยกันเป็นองค์กรขนาดใหญ่ทำนองเดียวกับ KGB ในอดีตด้วย

    แฟนเพจหลายท่านอาจไม่ทราบว่า KGB ถูกยุบไปนานแล้วตั้งแต่ก่อนสหภาพโซเวียตจะล่มสลาย เพราะพยายามทำรัฐประหารโค่นล้มกอร์บาชอฟแต่ไม่สำเร็จ นับแต่นั้นจนถึงตลอดยุคเยลท์ซิน KGB ก็ถูกซอยออกเป็นหน่วยงานย่อยๆหลายหน่วยงานคือ FSB , SVR , FSO , FAPSI และ Border Guards การยุบ KGB ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของฝ่ายลิเบอรัลที่อยากใกล้ชิดตะวันตกเพราะ KGB ถือเป็นกลุ่มอำนาจสำคัญที่ต่อต้านตะวันตก

    เมื่อปูตินเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกได้พยายามเพิ่มความเข้มแข็งให้หน่วยสืบราชการลับอีกครั้ง โดยในปี 2003 ได้รวม FAPSI และ Border Guards เข้ากับ FSB ซึ่งปูตินเคยเป็นผู้อำนวยการมาก่อน แต่ก็หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ไม่มีการรวมกับ SVR หรือ FSO แต่อย่างใดนอกจากแก้ปัญหาภารกิจที่ทับซ้อนกันบางส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หน่วยสืบราชการลับเป็นเพียงหน่วยงานเดียวในขณะนั้นที่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความเข้มแข็งให้รัสเซียและต่อต้านตะวันตกรวมถึงหุ่นเชิดลิเบอรัลด้วย

    หลังจากการเผชิญหน้ากับตะวันตกรุนแรงมากขึ้นเมื่อไครเมียรวมกับรัสเซีย ตามด้วยสงครามในดอนบาส และปฏิบัติการในซีเรีย รัสเซียจึงมีแนวคิดจะรวม FSB , SVR และ FSO เข้าด้วยกันเป็นองค์กรชื่อ MGB (กระทรวงความมั่นคงของรัฐ) ซึ่ง MGB คือชื่อเดิมของ KGB นั่นเอง

    เป้าหมายหลักของการจัดตั้ง National Guard และในอนาคตอาจตั้ง MGB ด้วยก็เพื่อรับมือกับแนวที่ห้าและแนวที่หกที่ตะวันตกอาจใช้บ่อนทำลายรัสเซีย

    สำหรับแฟนเพจที่สงสัย แนวที่ห้าคือกลุ่มคนที่เป็นสายลับหรือทำงานให้ฝ่ายศัตรู ในกรณีของรัสเซียก็คือกลุ่มการเมืองที่มีแนวคิดลิเบอรัลนิยมตะวันตก เป็นต้น ส่วนแนวที่หก คำนี้อาจไม่ค่อยคุ้นเคยกันหมายถึงนักการเมืองระดับสูงหรือผู้มีิอำนาจที่มีทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ในประเทศศัตรู (กรณีนี้คือประเทศตะวันตก) และมีโอกาสจะทรยศประเทศเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง นักการเมืองของรัสเซียหลายคนแม้แต่สมาชิกสภาดูมาบางส่วนด้วยก็เข้าข่ายเป็นแนวที่หกซึ่งอาจทรยศปูตินและสนับสนุนการจลาจลทำนองเดียวกับที่จัตุรัสไมดันในยูเครนได้โดยเฉพาะช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในอีก 1-2 ปีข้างหน้า (ถ้าจำกันได้ ผมเคยนำข่าวคะแนนนิยมนักการเมืองในรัสเซียมาลงจะเห็นว่าคะแนนนิยมของสภาดูมาต่ำมาก)

    สวัสดี

    07.07.2016

    อ้างอิง
    Is the KGB Coming Back?
    Is the KGB Coming Back?

    ภาพประกอบจาก Wikipedia เป็นภาพสัญลักษณ์ของ KGB
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.4.JPG
      0.4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      16.9 KB
      เปิดดู:
      498
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,130
    ค่าพลัง:
    +97,152
    การทูตและการทหาร Military & Diplomat

    ปูตินเตือนอันตรายของระบบ "ป้องกัน" ขีปนาวุธที่สหรัฐฯติดตั้งในยุโรป

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/8PgSX-WD96Q" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    พรุ่งนี้จะมีการประชุม NATO Summit ที่กรุง Warsaw ของโปแลนด์ (วันที่ 8-9 กรกฎาคม) เชื่อว่าหนึ่งในเรื่องที่ NATO จะหารือกันคือการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธที่โปแลนด์หลังจากสหรัฐฯพึ่งเปิดใช้งานระบบป้องกันขีปนาวุธที่โรมาเนียไปเมื่อไม่นานนี้ ผมเลยนำคลิปส่วนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์นักข่าวของปูตินในการประชุมเศรษฐกิจที่เมือง St.Petersburg เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับผลกระทบของระบบป้องกันขีปนาวุธที่สหรัฐฯติดตั้งในยุโรปมาให้ชมกันอีกครั้ง

    ปูตินบอกว่าภัยคุกคามจากอิหร่านที่ NATO มักใช้เป็นข้ออ้างนั้นไม่มีอยู่จริง เท่ากับว่า NATO โกหกรัสเซียอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้ระบบป้องกันขีปนาวุธดังกล่าว (ที่โรมาเนีย) ก็เปิดใช้งานและได้รับการติดตั้งขีปนาวุธแล้วซึ่งแคปซูลที่ใช้ยิงขีปนาวุธนั้นเป็นแคปซูลชนิดเดียวกับที่ใช้ยิง Tomahawk (เรดาร์ก็ใช้ระบบเดียวกัน) เท่ากับว่าระบบ "ป้องกัน" ขีปนาวุธนั้นสามารถใช้ "โจมตี" เป้าหมายในระยะ 500 กิโลเมตรได้ด้วย ในอนาคตสหรัฐฯจะพัฒนาให้มีระยะยิงเพิ่มเป็น 1,000 กิโลเมตรและไกลขึ้นอีก เมื่อถึงตอนนั้นก็จะเป็นอันตรายต่อดุลอำนาจทางนิวเคลียร์ รัสเซียรู้กำหนดแน่นอนว่าระบบดังกล่าวจะพัฒนาเสร็จสิ้นเมื่อไหร่และ NATO ก็รู้ว่ารัสเซียรู้ ปัญหาคือสื่อมวลชนที่เชื่อนิทานหลอกเด็กของ NATO แล้วไปรายงานข่าวให้คนทั่วไปเชื่อตามนั้นด้วย คนทั่วไปจึงไม่รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามาซึ่งนั่นทำให้ปูตินกังวล ทำไมคนทั่วไปจึงไม่รู้สึกว่าโลกกำลังมุ่งไปในทิศทางที่หวนกลับไม่ได้ ในเมื่อทุกคนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปูตินก็ไม่รู้จะสื่อสารไปถึงทุกคนอย่างไรแล้ว

    ป.ล.ในวงเล็บคือข้อมูลที่ผมเพิ่มเติมจากคำพูดของปูตินอีกที
     

แชร์หน้านี้

Loading...