-
"ต้องครบบริบูรณ์"
อันว่าการให้ทานนั้นทำง่าย
ใครๆก็ทำได้
คนดีทำได้
คนไม่ดีก็ทำได้
หากแต่การให้ทานของคนดีที่ได้บุญนั้น
ต้องให้ทานโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของศีล
ผู้ให้ก็ควรจะมีศีลประกอบอยู่ก่อน
ผู้มีศีล ย่อมปราศจากความเบียดเบียนผู้อื่น
ประกอบความเมตตาแก่จิตใจอยู่
การให้ทานด้วยเมตตา การให้ด้วยความเสียสละ
จะส่งผลให้เกิดกุศล เป็นบุญ และบังเกิดอานิสงส์ในทางดี
แต่การให้ทานของคนขาดศีลนั้นไม่มีเมตตา
ชีวิตที่เบียดเบียนผู้อื่น ยากจะมีความสุข
เพราะเฝ้าคิดระแวงระวังผู้อื่นจะกระทำเช่นเดียวกันสู่ตนเอง
ให้ทานโดยหาความสุข ความอิ่มเอิบใจ ไม่ได้
กุศลผลบุญนั้นไม่มี อานิสงส์ก็ไม่มี
ให้ทานไป ก็เหมือนไม่ได้ให้
และบุคคลทุศีล ย่อมได้รับอานิสงส์แห่งการทุศีล
คือ ชีวิตหาความสงบสุข หาความไว้ใจ หาความซื่อสัตว์
ทั้งจากตนเอง และบุคคลรอบตัว ได้ยาก
ดังนั้นแล้ว การให้ทาน
จึงยังไม่แน่ว่าจะทำให้รอดพ้นจากอบายภูมิได้
ศีล เป็นสิ่งที่ควรจะรักษา
ศีล เป็นธรรมที่บุคคลทั่วไปกระทำได้ยาก
แม้บุคคลมากมายจะให้ทานเป็นนิจ
แต่ในหมู่นั้นจะมีสักเท่าใดที่รักษาศีล
และผู้ที่มีศีลแต่ไม่รู้จักให้ ( ทาน )
ผู้มีศีลที่ไม่รู้จักการเอื้อเฝื้อ
ก็ย่อมรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ได้ยาก
เพราะมีความตระหนี่ ยังเห็นแก่ความสุขส่วนตนอยู่
ยังมีความอยากได้ ยังมีความหลงในลาภ
มักเกิดมีความหงุดหงิดไม่พอใจต่อบุคคลรอบข้างอยู่เสมอ
มีศีลแต่กลับหาความสุขทางใจมิได้
ผู้รู้จักให้ รู้จักเสียสละ ย่อมรู้จักอภัย
บุคคลผู้ให้เป็นนิจ ไม่มักโกรธใคร
เป็นประโยชน์กับการรักษาศีล
ทำศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์
ด้วยความไม่อาฆาต
ด้วยความไม่พยาบาต
บุคคลดังกล่าวรักษาศีลแล้วมีความสุข
ทั้งทางกาย และจิตใจ
บังเกิดบุญทางใจและอานิสงส์ภายนอก
มีกัลยาณมิตรเข้าหามาก
และเดินห่างจากวิถีคนพาล
คนพาลจะไม่คบค้าสมาคมกับบุคคลผู้มีศีลเลย
เหตุนี้แล ผู้รู้จักให้และรักษาศีลโดยพร้อม
จึงห่างไกลจากมิตรชั่ว
และได้สนทนาธรรมจากบัณฑิต
นำไปสู่การพัฒนาตนเอง
แต่กระนั้นเลย
การรักษาศีลให้ดี ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์
ก็ยังไม่แน่ว่าจะพ้นจากอบายภูมิได้
ทั้งให้ทานก็ดี รักษาศีลก็ดี
ทำไม ถึงยังไม่แน่นอน
ทำไมถึงยังมีโอกาสลงอบาย
ปัจจัยนั้นเป็นไฉน...
ก็อันว่าทั้งชีวิต แม้จะกระทำแต่ความดี
ไม่ว่าจะจากการให้ทานก็ดี
ไม่ว่าจะจากการรักษาศีลก็ดี
ถึงแม้จะได้บุญมากน้อย
นั่นก็เป็นความสุขในขณะนั้นๆ
เราไม่พึงกำหนดลักษณะและรูปแบบการตายของตนได้
บุคคลทั้งหลายพึงหวังการตายอย่างสงบ
แต่ก็อาจได้พบพานกับความตายที่ทุกข์ทรมาน
บุคคลที่คิดดีทำดีรักษาศีลมาตลอดชีวิต
ก็ยังมิอาจควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกได้ดังใจ
แม้จะระงับความโกรธด้วยเมตตาได้บ้าง
แต่ความทุกข์จากความเสื่อม
ความทุกข์จากการสูญเสียสิ่งของ
หรือบุคคลอันเป็นที่รักนั้น
เป็นทุกข์ที่อดรนทนได้ยาก
อันจะนำไปสู่ความอึดอัดเศร้าโศกเสียใจในที่สุด
และยิ่งเมื่อเป็นความตายของตนเองมาเยือนด้วยแล้ว
บุคคลผู้ไม่เคยฝึกจิต ไม่ผ่านการอบรมให้มีสติมาเลย
คงจะต้องผจญอยู่กับความกลัว ความห่วงหา
เพราะยังมีความยึดมั่นต่อสิ่งที่ตนเองมี
ธรรมที่ไม่ควรยึดมั่น อันได้แก่
บุคคล สัตว์ สิ่งของ ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นต้น
จิตสุดท้ายที่มีสภาพยึดมั่น ไม่อยากสูญเสียธรรมดังกล่าว
ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการมีทุคติเป็นที่หมาย
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้
หลายท่านคงเข้าใจและรู้ชัดแล้วว่า
บุคคลทั้งหลาย
มิควรจบลงแค่การรู้จักให้
มิควรจบลงแค่การรู้จักรักษาศีล
มิควรจบลงแค่การรู้จักให้ทานและรักษาศีล
แต่สิ่งที่จำเป็นที่สุด ที่ต้องรู้จักนั้น ก็คือ
"การภาวนา"
การภาวนาคือ การอบรมจิตให้รู้จักโลก ( ธรรม )
อบรมจิตให้เข้าใจและยอมรับความเป็นไปของโลก ( ธรรม )
อันมีความ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตาย
ไม่เพียงสิ่งมีชีวิต แม้วัตถุธาตุทั้งหลายก็เหมือนกัน
มีความเกิดปรากฏ และพบความเสื่อม ในที่สุดก็สลาย
ในความเป็นมนุษย์ มีชีวิต จบที่ความตาย
การภาวนาเพื่อให้พร้อมต่อความตาย
ความพยายามที่จะเรียนรู้ความตาย
ฝึกจิตให้รู้เท่าทันความตาย ไม่กลัวที่จะตาย
บุคคลผู้ให้ทานไว้ดีแล้ว และยังเป็นผู้รักษาศีลไว้ดีด้วย
ย่อมผ่านการอบรมจิตภาวนาให้พ้นจากความกลัวตายได้ไม่ยากเย็น
เพราะบุคคลดังกล่าว เชื่อมั่นในความดี
เชื่อมั่นว่าความดีที่กระทำมาย่อมนำตนไปสู่สุคติ
เมื่อละความกลัวตายเสียได้
ก็เข้าถึงสุคติในเบื้องต่ำ และอย่างสูง คือ "
นิพพาน"
ด้วยเหตุนี้
บุคคลทั้งหลายควรพึงเจริญกุศลธรรม 3 อย่าง
ไม่จำเพาะเอาแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง
เพราะธรรมทั้ง 3 เกื้อหนุนกัน เป็นปัจจัยต่อกัน
ดั่งจิ๊กซอว์สามส่วน ต่อกันเป็นวงกลม
หากขาดส่วนใดส่วนนึงไป
จะเป็นวงกลมที่บริบูรณ์ มิได้
การให้ทานที่ขาดศีล
มหาโจรก็ทำได้ ขโมยของมาให้ทานก็ทำได้ จะหาความเมตตา ความรู้จักเสียสละ ความรู้จักอภัย ได้อย่างไร
การรักษาศีลที่ขาดการให้
ไม่รู้จักอดทน ไม่รู้จักอภัย เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ยังหาความสุขจากศีลมิได้
การภาวนาที่ขาดศีล จะทำใจให้นิ่งสงบอดทนต่อแรงกระตุ้นจากภาพมายาแห่งจิตได้ยาก ฟุ้งซ่าน หงุดหงิด สมาธิจึงไม่เกิด ภาวนามิเป็นผล
อยากมีสุคติเป็นที่หมาย เร่งความเพียรใน "ทาน ศีล ภาวนา" เถิด
...วิริยะ
โสดาปัตติผล...