อยากทราบว่าทำบุญอย่างไร
ถึงจะให้ท่านเจ้ากรรมนายเวรของเรา
ได้รับ และให้เค้ายอมรับบุญที่เราทำให้ด้วย
เพราะหลวงปู่ทักว่าหลานเคยทำให้เค้าแล้ว
ใช่ไหม แต่เค้าทั้ง 2 ไม่ยอมรับนะ นั่นแสดงว่า
เค้ายังจองเวรจองกรรมกับเราอยู่
แล้วไม่รู้จะทำอย่างไรค่ะ ที่จะให้ท่านเจ้ากรรมนายเวร
ของเราอโหสิกรรมให้ และยอมรับผลบุญที่เราได้ทำให้
ต้องทำบุญวิธีไหน...ที่ท่านเจ้ากรรมนายเวรของเราจะยอมรับผลบุญที่เราทำให้
ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ponpon, 23 กุมภาพันธ์ 2006.
-
ต้องกรรมฐานนะครับ ผมคิดว่า....ถึงจะเอาอยู่
-
ปฏิบัติภาวนากรรมฐาน...ทำสมาธินะครับ...รับรองได้ผล...
-----------------------------------------------
ลองอ่านดูนะครับ...แล้วลองปฏิบัตดู...
วิธีสร้างบุญบารมี...ของสมเด็จพระญาณสังวร...
http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=19673
เว็บไซต์ประวัติและธรรมเทศนาหลวงปู่หลวง กตตฺปุญฺโญพระสุปฏิปันโนสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
http://members.thai.net/varanyo/pooluang.asp<O:p</O:p<O:p</O:p
สัพพาสวสังวรสูตร...สมเด็จพระญาณสังวร<O:p</O:p<O:p</O:p
http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=168329 -
เรื่องเจ้ากรรมนายเวรเป็นเรื่องsensitive นะครับ เพราะเราเองไม่รู้ว่าเราเคยไปกระทำอะไรให้ใครเจ็บชำน้ำใจหรือ หนักหนาถึงขั้นเสียชีวิตและทรมารยังไงบ้าง แนะนำว่าให้หมั่นทำบุญครับ อะไรก็ได้และทุกๆครั้งที่เราระลึกถึงแผ่เมตตา ขอการอโหสิกรรม เราจะต้องตั้งใจทำด้วยใจจริงๆนะครับ อย่าทำเหมือนที่หลายๆคนกรวดน้ำกันตามประเพนี ใครให้เทน้ำตอนพระท่านสวดก็ทำไปโดยไม่รู้ความหมาย ผมว่าอย่ากังวลเลยครับ ทำทุกอย่างด้วยใจยังไงเจ้ากรรมนายเวรต้องรับรู้แน่นอนครับ
-
อืม.... ถ้ายังงัย เขาก็ไม่ยอมรับ ไม่ยอมอโหสิกรรมให้สักที.....
พระพุทธเจ้า เป็นที่ เคารพ ของ ทั้ง 3 โลก .....
ต้องพึ่งพา บารมี พระพุทธเจ้า..
สร้างพระ ถวายพระพุทธรูปมากๆ ...
--- เขาไม่ยอมใคร แต่ อาจยอมพระพุทธรูป ก็ได้นะครับ ------- -
ดูที่ หมวดพลังจิต ลึกลับ เรื่อง ขนทรายเข้าวัด ของดีที่ถูกลืม
-
หลวงพ่อวัชระ เอกวัณโณ
เปิดโลกธรรม ลดแรงกรรม แก้ไขกรรมของสัตว์โลก
ด้วยพลังธาตุธรรม เมตตาบารมี
ณ วัดถ้ำแฝด ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
หลักการแก้ไขวิบากกรรม
เหตุแห่งกรรมนั้นไม่ใช่จะยุติกันได้ง่าย เพราะเหมือนคนสองคนมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันและทำร้ายห้ำหั่นกันโดย โลภะ โทสะ โมหะ ตั้งแต่ทำร้ายกันด้วยคำพูด ทำร้ายร่างกาย แม้ในที่สุดทำร้ายถึงแก่ชีวิต ดังนั้นผลของกรรมย่อมแตกต่างหนักเบาไม่เท่ากัน แม้ในทางโลกก็มีการตัดสินคดีและการลงโทษที่แตกต่างกันไปตามเจตนาและลักษณะการกระทำผิด
เหตุแห่งกรรมจะระงับลงได้นั้นย่อมมีสาเหตุที่สำคัญเพียง 2 ประการเท่านั้น
-กรรมนั้นให้ผลเต็มที่แล้วจึงยุติ ซึ่งแน่นอนในประการนี้ไม่มีผู้ใดปรารถนาที่จะรอให้ผลถึงที่สุดแล้วจึงยุติ
-มีการให้อโหสิกรรม ก่อนที่กรรมจะให้ผลเต็มที่
ดังนั้นถ้าพิจารณากันจริง ๆ แล้วจะเห็นว่าวิธีการที่เหมาะสมที่สุด คือ การให้อโหสิกรรมต่อกัน ปัญหามีอยู่ว่า เราขออโหสิกรรมได้ แต่เจ้ากรรมนายเวรจะยอมรับหรือเปล่าเท่านั้น เพราะความอาฆาตพยาบาทมันมีมาก ก็จะทำให้เกิดเป็นมิจฉาทิฏฐิได้ คือไม่ยอมรับและให้อโหสิกรรมแน่นอน
บางคนกล่าวว่าสามารถตัดกรรมได้ ท่านว่าจริงหรือไม่? หากเป็นกรรมเบา ๆ การทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ก็อาจจะได้ผล คือบรรเทาลงไปหรือหมดไป พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ท่านยังหนีกรรมไม่พ้นเลย แล้วพวกเราปุถุชนคนกิเลสยังหนาจะพ้นได้อย่างไร ประเด็นนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่ใครเก่งถึงขนาดตัดกรรมของคนอื่นได้ กรรมตัวเองตัดได้หรือยัง ? ในที่นี้จึงไม่บังอาจใช้คำว่า "ตัดกรรม" แต่จะขอใช้คำว่า "แก้ไขวิบากกรรม" หมายถึงแก้ไขให้ดีขึ้นหรือหมดไป โดยอาศัยหลักธรรมขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักในการแก้ไข จึงมิใช่ไสยศาสตร์ดังเช่นที่บางคนคิด ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นขอให้ท่านติดตามศึกษาต่อไป
แนวทางสำหรับการแก้ไขวิบากกรรมให้เบาบางลงไป
คำแนะนำในการแก้กรรม
สำหรับท่านที่ผิดพลาดไปแล้ว ก็อยากขอแนะนำหนทางแก้ไข วิบากกรรม เหล่านั้นให้บรรเทาลงไปหรือหมดไปในที่สุด ใช้ได้กับ กรรม ทุกประเภท มีข้อแนะนำดังนี้
<TABLE id=AutoNumber6 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="6%">1.
</TD><TD align=justify width="78%">ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังติดตามให้ผลเราอยู่ทุกรูปแบบ เพื่อให้ดวงวิญญาณนั้นเห็นว่า เรามีความตั้งใจจริงและสำนึกในผลกรรมที่ได้กระทำลงไป เช่น การทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน ถวายพระพุทธรูป ถวายผ้าไตร ไถ่ชีวิตสัตว์ ฯล แล้วตั้งใจกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ในตัวของเราเท่านั้น แต่ท่านต้องเข้าใจเสียก่อนว่านี่เป็นเพียงทานกุศล เป็นกุศลเบื้องต้นที่ยังหยาบอยู่ซึ่งอาจจะไม่พอเพียงสำหรับการไถ่โทษฑัณฑ์ที่ได้กระทำผิดไว้กับเจ้ากรรมนายเวรตนนั้นก็ได้ </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE id=AutoNumber6 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="6%">2.
</TD><TD align=justify width="78%">การบวชพราหมณ์หรือการบวชพระ การถือศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ตามเพสภาวะ ส่วนจะเป็นการบวชกี่วันย่อมขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เมื่อบวชแล้วควรสวดมนต์ไหว้พระ ทำวัตรเช้า-เย็น เจริญสมาธิภาวนาให้มาก เพราะเป็นกุศลที่ละเอียดสูงกว่าการให้ทานข้างต้น เพราะการบวชชีพราหมณ์หรือการถือศีล 8 เป็นระดับของบุญที่สูงกว่าการให้ทาน นอกจากจะมีโอกาสทำวัตรเช้าเย็น ก็ยังได้นั่งสมาธิแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลที่เป็นทิพย์ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรอีกด้วย หรือ ถ้าเป็นกรรมหนักและเป็นผู้ชายก็อาจบวชพระ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรก็ยิ่งดีมาก</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE id=AutoNumber6 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="6%">3.
</TD><TD align=justify width="78%">เจริญสมาธิภาวนา แม้เราจะไม่มีเวลาไปบวชถือศีลที่วัดก็ตาม เราก็ควรจะทำบ้านให้เป็นวัด ด้วยการสวดมนต์และเจริญสมาธิภาวนาให้เป็นนิจ เพราะบุญจากการเจริญสมาธิภาวนา เป็นกุศลที่ละเอียดมากและสูงที่สุด ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของทุกดวงจิดดวงวิญญาณ เพราะผู้มีกายทิพย์หรือกายละเอียดย่อมอยากได้บุญที่ละเอียดเช่นกัน อีกประการหนึ่ง จะเป็นการคลายขันธ์หรือปรับปรุงธาตุขันธ์ให้ผ่อนคลายระงับ เบญจขันธ์อันประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ กรรมเล็ก กรรมน้อย จะถูกขับผ่อนคลายออกจากขันธ์ได้บางส่วน ทำให้ดีขึ้นและเกิดปิติสุขตามมา พยายามให้จิตแน่วแน่มั่นคง จนจิตดิ่งวูบจนเกิดความสงบและสุขในใจ แล้วแผ่เมตตาให้ดวงจิตดวงวิญญาณนั้นมาอนุโมทนา และให้เป็นอโหสิกรรมต่อกัน เพราะองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้กล่าวว่า หากเราทำจิตให้นิ่งสงบได้เพียงช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ย่อมสามารถปิดอบายภูมิได้ คือ ทำความดีหนีความชั่ว ดังนั้นแม้ไม่อาจจะไปบวชชีพราหมณ์ได้ ก็อยู่ปฏิบัติเอาเองที่บ้านก็ได้ แต่ขอให้ทำจริงเท่านั้น
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE id=AutoNumber6 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="6%">4.
</TD><TD align=justify width="78%">การขออโหสิกรรม หรือ การให้อภัยทาน ในบรรดาทานทั้งหลายอันประกอบด้วย วัตถุทาน ธรรมทานและอภัยทาน ถือว่าอภัยทานเป็นทานในระดับปรมัตถทานบารมี หากมีการให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน กรรมนั้นย่อมเป็นโมฆะ หลุดพ้นจากบ่วงกรรมนั้นทันที ดังนั้นหากเจ้ากรรมนายเวรใดปรากฏตนต่อหน้าในขณะนั้น ก็พึงประกาศขออโหสิกรรมกันทันที หากแม้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอม กรรมนั้นก็ย่อมดำเนินการส่งผลต่อไป สุดแท้แต่ลักษณะแห่งกรรมที่กระทำกันมา ดังนั้น ทุกครั้งที่ทำบุญแล้วให้กรวดน้ำแผ่เมตตา ระบุถึงเจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ในตัวข้าพเจ้า หรือ ที่ติดตามข้าพเจ้า ให้มาอนุโมทนาในส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าอุทิศให้นี้ และกรรมอันใดที่ได้กระทำไปโดย เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อเป็นการแสดงความตั้งใจที่จะอุทิศให้แก่เขาจริง ๆ และด้วยความสำนึกผิด</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE id=AutoNumber6 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="6%">5.
</TD><TD align=justify width="78%">ขอร้องไกล่เกลี่ย เมื่อทำทุกอย่างที่แนะนำแล้ว เหตุการณ์รอบ ๆ ตัว หรือ สุขภาพการเจ็บป่วยไม่ดีขึ้น ก็ต้องหาคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยให้ ดังนั้น -
ขอบคุณคำแนะนำจากพี่ๆ นะคะ
หนูจะเอาไปปฏิบัติตามค่ะ
เพียงแต่หวังว่าชาตินี้ขอให้ท่านเจ้ากรรมนายเวร
ที่อยู่รอบๆ ตัวหนู ขอให้ท่านได้อโหสิกรรม
เพี่อเราจะได้ไม่ผูกเวรผูกกรรมซึ่งกันและกันต่อ
ไปอีกในภพหน้า... -
เช่นกันนะครับ...
ขอท่านได้โปรดอดโทษ
และอโหสิกรรมให้แก่คนชั่ว คนโง่ และคนเลวผู้นี้ด้วย.... -
กรรมใดที่ใครเคยได้ทำไว้กับเรานับแต่ชาติ
แรกจนถึงชาติปัจจุบันเราขออโหสิกรรมให้กับผู้นั้น
ไม่คิดติดใจ และจองเวรอะไรเลย