ถูกอุ้มไปฆ่า ทำไมต้องเฮี้ยนขนาดนี้

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ตรงแหน่ว, 22 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. ตรงแหน่ว

    ตรงแหน่ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +283
    เรื่องราวทำนองนี้ปรากฏเป็นข่าวให้เห็นกันเป็นประจำ..

    ผีมีจริงหรือไม่ จะเชื่อ-ไม่เชื่อ งมงายหรือเปล่า ไม่ใช่เรื่องนานาจิตตัง

    แต่นี่คือประสบการณ์ส่วนบุคคล ใครที่ไม่โดนกับตัวเอง ก็ยากที่จะเข้าใจ

    http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1456050817



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กุมภาพันธ์ 2016
  2. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    ไม่ได้เฮี้ยน ถ้าไม่บอกจะมีคนรู้และตามศพเจอสิ
     
  3. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ต้องโดนอุ้มไปฆ่าเองถึงจะเข้าใจ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ถ้าเรื่องทำนองนี้ โดยส่วนตัวไม่ได้มองว่าเฮี้ยนครับ
    เหตุผลนะครับ...
    โดยปกตินะครับ ถ้ากรณีถูกฆาตกรรมนั้น วิญญานแม้ออกจากร่างกาย
    แล้ว วันที่ ๑ และ ๒ เกือบทุกดวงจิตจะยังห่วงร่างกายตัวเองอยู่
    ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติครับสำหรับกรณีแบบนี้.ดวงวิญญานก็จะวน
    เวียนอยู่บริเวณศพตัวเองนั่นหละครับ..ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า
    ใครผ่านไปบริเวณนั้นจะไปเห็นเข้าได้แบบไม่ได้ตั้งใจ
    แต่ว่าดวงจิตไม่ได้มีเจตนาที่จะแสดงให้ใครเห็นครับ

    พอเข้าวันที่ ๓ และ ๔ ดวงจิตก็จะเริ่มชินกับการเข้าสู่โหมดการ
    ที่ตนเองไม่มีร่างกาย และในขณะเดียวกันก็จะเริ่มมีกำลังขึ้นมาบ้าง
    จนกระทั่งถึงวันที่ ๗ ก่อนที่จะเป็นไปตามกระแสบุญ(เย็น)
    หรือกระบาป(ร้อน)ครับ
    และสัญญาความจำได้ในจิต มักจะจำได้อยู่ ๒ ที่คือที่บ้านตนเอง
    กับสถานที่เกิดเหตุหรือที่เกี่ยวพันธ์เกี่ยวกับเหตุการตายของตัวเอง
    หรือไม่ก็บุคคลที่ตนเองมีความผูกพันธ์ด้วยอย่างใดอย่างหนึ่งครับ
    เพราะสถานที่นอกจากนี้ ดวงจิตจะไม่มีความสามารถไปไหนได้
    เพราะจิตจะมองไม่เห็น(เวลาเค้าไปเชิญดวงวิญญานจึงให้จุดธูป
    เพราะควันจากควันธูปจะเป็นเสมือนแสงส่องให้ดวงจิตเดินทางไปได้)
    และที่ไปที่บ่อนได้ หรือไปหาไปแสดงให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง
    รับรู้ได้ ไม่ว่าจะรับรู้ได้แบบไหนนั้น
    ก็เพราะกำลังที่เกิดจากความจำได้จากสัญญาสุดท้ายล้วนๆ
    หรือสัญญาความผูกพันธ์ที่อยู่ในจิตล้วนๆครับ...
    กรณีนี้น่าจะอยู่ถึงวันที่ ๗ พอดี กำลังจากกำลังจิตที่เริ่มคุ้นเคย
    จากระยะเวลาที่เสียชีวิตบวกกับสัญญาการจำสถานที่ได้
    ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังทำให้จิตค้างคาใจปล่อยวางไม่ได้
    บวกกับไปเจอบุคคลที่พอจะเข้าไปแทรกได้(คือคนที่กำลังสติทางธรรมอ่อน)
    จึงเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นได้...
    สำหรับส่วนตัวก็เลยมองว่า
    ไม่ได้มองว่าเฮี้ยนอะไรครับ..ถือว่าเป็นเรื่องปกติมากครับ
    สำหรับการตายในลักษณะแบบนี้ เรื่องทำนองอาจเกิดขึ้นเป็นปกติ
    แต่ว่าเราอาจขาดการสังเกตุ และไม่ได้เป็นข่าวเฉยๆครับ..
    ส่วนการทำบุญก็ต้องมากหน่อยครับ
    และต้องพยายามบอกให้ดวงจิตเค้าปล่อยวางด้วยครับ
    เพราะจะมีกระแสวิบากที่เป็นเหตุให้ตนเองถูกฆาตกรรม
    เข้ามาข้างอยู่ บุญที่ทำให้จะได้รับไม่เต็มจำนวน
    เช่น ทำไปร้อยอาจได้แค่สิบ. แต่จำนวนสิบๆที่ว่า
    ถ้ามากจนมากกว่ากระแสวิบาก ก็จะผลักกระแสวิบากกรรม
    ออกไปได้ แล้วเก้าสิบที่เหลือก็จะมารวมกันอีกครั้ง
    ตอนที่กระแสสิบมากจนผลักกระแสวิบากได้
    ซึ่งระยะเวลาตรงนี้ส่วนตัวไม่สามารถจะทราบได้
    เพราะว่าเหนือวิสัยของตนเอง แต่ทั่วไปให้เราสังเกตุ
    การเปลี่ยนแปลงทางกายภายของดวงจิต บวกกับ
    ความสามารถในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ
    ก็จะทำให้พอทราบการเปลียนแปลงของดวงวิญญาน
    นั้นได้พอสมควรครับ...

    และประเภทถ้าเฮี้ยนต้องเป็นประเภท
    ทำให้ใครเห็นก็ได้โดยเจตนาครับ
    จะด้วยเหตุอะไรก็ตาม ประเภทตาต่อตา ฟันต่อฟัน
    แม้เราหลบตา ก็ยังทำให้เห็นได้...
    หรือดึงชิ้นส่วนต่างๆที่เราสวมใส่ หรือ ใช้งานอยู่ได้
    หรือชิ้นส่วนต่างๆรอบตัวเราได้ครับ..
    เช่น ดึงเสื้อ หมวก ฯลฯ ประมาณนี้ครับ..
     
  5. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ถ้าฆ่าคนแล้วโดนผีกลับมาล้างแค้นได้ โลกเราคงไม่ต้องมีกฏหมายหรือตำรวจ
     
  6. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ที่จริงก็ไม่ควรจะมี
     
  7. สังฆะ

    สังฆะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +35
    จิตรึผีรึวิญญาณหรือจะเรียกอะไรก็ตามเมื่อไม่มีรูปก็จะเหลือแต่นาม นามรึผีเรียกผีก็แล้วกันจะได้ง่ายดี ผีมันไม่มีอายตนะมันไม่สามารถรับรึบันทึกข้อมูลได้มันไม่มีอุปกรณ์ แต่มันยังเหลือคือสัญญาที่บันทึกไว้ก่อนกายแตก. มันสามารถระลึกได้ตามกำลังภวังคจิตที่ปรุ่งแต่ง ตามที่มันบันทึก. การจะสื่อกับใครคนนั้นต้องเคยมีสัญญาต่อกันมาก่อนจึงสามารถสื่อกันได้มันเหมือนคลื่นนั้นแหละ. คนเราจะเห็นผีได้ไม่จำต้องใช้ตาอย่างเดียวอาจจะใช้จมูก. หูรึกายผัสสะได้ถึงพลังที่ส่งมา. ผีเมื่อไม่มีรูปก่อนตายเค้าจะแค้นรึอาฆาตคนที่ทำลายรูปเค้าเค้าจะพยายามทุกวิถีทางที่จะเอาคืนให้ได้อาจจะมาบอกคนที่เคยมีสัญญาต่อกันแต่เค้าพูดไม่ได้เค้าได้แค่ส่งจิตหากคนรับไม่เคยฝึกฝนสมาธิจนจิตละเอียดระดับหนึ่งจะรับไม่ได้อย่างมากก็แค่มาสื่อพอให้รู้ได้ก็แค่นั้น. ธรรมชาติของจิตมีพลังงานที่เรียกว่าพลังจิตนั้นแหละแต่มันติดรูปพลังนี้จึงอ่อนกำลังลงยิ่งถ้าไม่เคยฝึกฝนเรื่องสมาธิพลังจิตที่ว่าก็แทบไม่มีเลยเมื่อละจากรุปไปแล้วจิตจึงต้องรวบรวมกำลังเท่าที่มีเพื่อแสดงหรือสื่อให้กับสิ่งที่เค้าเคยมีสัญญาร่วมกันอาจจะรับรู้ได้รึไม่ได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง ผีจะไม่สามารถใช้พลังตนได้เลยหากไม่สะสมพลังเหล่านั้นไว้ส่วนผีที่มีพลังงานมากๆเนื่องจากเค้าสะสมรึฝึกพลังมาก่อนตามสัญญาเดิมที่มี นี่คือผี ไม่ว่าจะเป็นสัมภเวสีรึเปรตรึเทวดารึเจ้าป่าเจ้าเขารึพรหมรึเทพก็คือผีหมดเพราะมันไม่มีรุปก็เหมือนคนนั้นแหละไม่ว่าจะจนจะรวยจะเป็นราชารึอะไรก็ตามรวมๆแล้วก็คือคน. เข้าใจไหมครับ
    ไม่ใช่เค้าถูกฆ่าถึงเฮียนแม้อุบัติเหตุก็เฮียนได้รึเป็นโรคตายก็เฮียนได้เหมือนกัน. ยกเว้นผู้ที่เป็นอริยบุคคลตั้งแต่โสดาบันขึ้นไปเค้าฝึกตายมาก่อนเวลาตายจริงเค้าจึงยอมรับมันได้จึงมีสุขคติเป็นที่ไป. ส่วนคนธรรมดาไม่เคยฝึกตายมาก่อนย่อมหลงตามสัญญาสุดท้ายส่งผลให้ภวังคจิตทำงานนำเกิดตามแต่บุญแต่บาปที่ทำมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2016

แชร์หน้านี้

Loading...