ถ้านิพพาน แปลว่า ดับเย็น..มันมีนัยยะเหมือน-อสังขตธาตุ-เกิดไม่ปรากฏ รึไม่ครับ

ส่วนพวกที่เห็นขันธ์..เกิดๆดับๆ......คนพวกนี้ งดการขายครับ
เพราะ ขันธ์ มันไม่เกิดๆดับๆ.. มันเกิดมาแล้ว

ถ้าขันธ์ดับ ต้องดับเลยครับ..ขันธ์นะครับ ไม่ไช่ ความคิด

พวกนี้พวกหลงผิด..งดการขาย จะให้ราคาเท่าไรก็ไม่ขาย..งด

 

ขันธ์5..นี่แหละคือ..กามตัวแม่..จะดับเย็น..ยังไง พระที่ท่าน ฆ่าตัวเองตาย แบบครั้งพุทธกาลนะ..ท่านคิดยังไงนี่ น่าสนใจมาก ในการจะเข้าถึง นิพพาน..!

 

จากคำสอนของ พจ.นิพพานขณะมีชีวิตอยู่นี่..แทบไม่น่าเชื่อ..ใครค้น พุทธวจน ให้หน่อยครับ...
..ผมไม่อยากเชื่อเลย แต่งใหม่-แต่งเพิ่มเติม-รึไม่..ดูจากเหตุ..ปัจจัย การเกิดเท่ากับศูนย์เลย..นอกจาก "สะกดจิต" ตนเองให้นิพพานครับ..ยกเว้น องค์ พจ.ท่านเท่านั้น องค์อื่นๆนี่น่าสงสัยมาก ท่านจะอยู่กับโลกยังไง แบบไร้ สัญญา-สมมุติ.

 

ที่ฆ่าตัวตายน่ะ เพราะคิดว่าตนเองถึงนิพพานแล้ว อยู่ในสภาวะนั้น ทรงสภาวะนั้น อยู่ในฌาณ แล้วอยากตายในฌาณ...เลยให้คนฆ่าตนเองในขณะที่เข้าฌาณ..(อันนี้ผมก็ฟังท่านขุนพลเล่ามา) ตายในฌาณแล้วคิดว่าจะได้ไปนิพพาน

ในส่วนตัวผม ผมว่ายังไม่ถึงนิพพานหรอกครับ
เพราะ ถ้าอวิชชาดับได้จริง...ความไม่รู้ ในขันธ์ห้าดับจริง
เป็นการรู้จริงในขันธ์ห้า ได้จริง. ปัญญาย่อมเกิด..จะเข้าใจในคุณค่าของพระรัตนตรัย และคุณค่าของตนเอง และคุณค่าของคนอื่นที่เรารักและรักเรา..

 

นิพพานมีสองแบบไง แบบก่อนตาย กับแบบหลังตาย...
ความจริงก็แบบเดียวกัน คือ อวิชชาดับ
ก่อนตาย สามารถ ชำระสัญญาขันธ์ (อาหารของวิญญาณ) ที่เป็น อาสวะทั้งหลาย..ที่ไม่รู้ว่ามันมีอยู่..แต่มองไม่เห็นหรอก นอกจากมี..ป้ายยอกทางมากระทบ ให้แสดงตัว..แบบว่า ค่อยๆลอกออก จน หมดอาหารหมดสัญญาที่เป็นอาหาร ต่อมาก็ถึงมาลอกตัวตนที่ ตัววิญญาณ ตัวสุดท้าย..เมื่อ รู้ความจริงของวิญญาณขันธ์ มันถึงจะเข้าใจ และ ะวาง วิญญาณขันธ์ได้. เรียก จิตดับ..อวิชชาดับ ความไม่รู้หายไป เกิดวิชชา ปัญญรู้มาแทนที่
นี่คือตอนมีชีวิต...คือตายก่อนตาย(อวิชชาตาย)...นิพพานจิตก่อนตาย

รอจนวันที่กายตายจริง ก็คือ นิพพานธาตุตาม

 

ขันธ์ห้าไม่เกิดไม่ดับ

อย่ามาป่วน

+++ตัวแดงขายกล้วย
ไปไกลๆเลย

เฮีย!!

 

ผมก็เคย อยากตาย เหมือนกันครับ อยากตายเร็วๆเพื่อหนีโลกที่วุ่นวาย
เพื่อหนีกิเลสตัณหา อวิชชาในจิตคน ที่มีอยู่เต็มโลก แต่จะฆ่าตัวตายก็เป็นบาป
จนอาจารน์ท่านต้องชี้ว่า...รู้มาได้ขนาดนี้แล้ว จะไม่สร้างประโยชน์เพื่อตอบแทนคุณพระรัตนตรัยบ้างเลยหรือ .?
ไม่ห่วงลูกเมีย ญาติพี่น้องที่ เรารัก และที่รักเราบ้างเหรอ..?
รวมทั้งกัลยาณมิตรทั้งหลายที่เคยช่วยเรามา..

ผมถึงคิดได้ครับ.

 

อ้าว...นี่ ไม่ไช่คำพูดของท่านหรอกหรือ..?
ว่าเห็นขันธ์ มันเกิดๆดับๆ

 

อันนี้ ต้อง เผื่อใจ อะฮับ.

ฆรางาส กับ พระ หนทางสะดวกสะบาย
ต่างกัน

พระ ถ้าท่านเอาจรืงเอาจัง วื๊ดๆ วั๊บๆ
ได้บ่อยๆ

จะเหมือน ทีวี เปิดเครื่อง แล้ว จูนรับ
สัญญาน ปรับนิด ปรับหน่อย.จน
เจอคลื่นที่ใช่ ...มันจะผลิกเปน
ระบบ คอนเฟอรเรนท์ เช่น พระ
โมคคัลลากับ พระพุทธเจ้า (คน
ละเรื่องกับ คุยหลังไมค์ หรือมี กุ่มฝึ )

ฆราวาส ปรับแล้ว ปรับอีก เจอปั๊ป
ไม่มีการเช็ค ไม่มีการทวนสัญญาน
ก้มักเหมาเข่ง เลย จอ อิ ตอ จิต
กันง่าย

ไม่ก้วิตก กลัวตังค์หาย ก้ ไล่ตื๊บ
ทุกรูปทุกนาม

อนุศาสนานียปาฏิหารย์ จึง ควร
ออกจากลิ้นชัก ด้วยประการละ
ฉะนี้.....

 

ผมนึกว่า ท่านเป็นคนพูด เสียอีก ว่าขันธ์ทั้งห้าเกิดดับตลอดเวลา
นึกว่าท่านพูด

มีการขาด การสืบต่อ แบบเนืองๆด้วยนี่นา

อ้อ สงสัยมี ขาจอนตัวปลอม...มันพูด อิอิ
ขาจอนตัวจริง ไม่ได้พูด นะ

ขอโทษครับ ผมเข้าใจผิดครับ อิอิ

 

อ้อ...ท่านขาจอนตัวจริง จะแก้ตัวแทน ขาจอนตัวปลอมก็ได้ระครับ

พัก....โฆษณาครับ..

ดอกบัวแสงครับดอกบัวแสง ดอกละ 50 ล้านบาท ครับ ขายจำกัดแค่คนละดอก เท่านั้นนะครับ....ช้า หมด อด...นิพพานนะครับ..

สำหรับคนที่ บอกว่า กิจในอริยสัจมีกิจเดียว..ก็งดขายครับ..เพราะหลงผิด บิดเบือนคำสอน...พวกนี้งดขาย ให้ราคาเท่าไร ก็ไม่ขายครับ

 

นี้ค่ะ ท่านใครบรรลุธรรม พระสูตร.......

ไม่รู้ระบบเป็นอะไร ไม่เหมือนเดิม ไม่สามารถอ้างอิงหลายโพสของคนอื่นได้ พอออกจากอีกหน้าเพื่อไปนำข้อมูลคนอื่นมา ข้อมูลที่มีอยู่จะหายหมด ท่านเป็นหรือเปล่า ระบบการโพสลงไม่สามารถที่จะเชื่อมโยงได้เหมือนเดิมค่ะ สำหรับจิตยิ้ม

แต่....เอาเป็นว่า พระสูตร ....ตามหัวข้อกระทู้

นิพพานคือสิ่งที่บุคคลพึงรู้แจ้ง

“สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง
เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุด
มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้น มีอยู่;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ
ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ
ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่
ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ
นามรูป ย่อมดับสนิทไม่มีเศษเหลือ;
นามรูป ดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้
เพราะการดับสนิทของวิญญาณ; ดังนี้แล.
" "
ภิกษุ ท. ! สังขตลักษณะแห่งสังขตธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่.
สามอย่างอย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ :
๑. มีการเกิดปรากฏ (อุปฺปาโท ปญฺญายติ);
๒. มีการเสื่อมปรากฏ (วโย ปญฺญายติ) ;
๓. เมื่อตั้งอยู่ ก็มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ (ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติ).

ภิกษุ ท. ! สามอย่างเหล่านี้แล คือสังขตลักษณะแห่งสังขตธรรม.

ภิกษุ ท. ! อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่.
สามอย่างอย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ :
๑. ไม่ปรากฏมีการเกิด (น อุปฺปาโท ปญฺญายติ) ;
๒. ไม่ปรากฏมีการเสื่อม (น วโย ปญฺญายติ) ;
๓. เมื่อตั้งอยู่ ก็ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ
(น ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติ).

ภิกษุ ท. ! สามอย่างเหล่านี้แล คือ อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม.

อานนท์ ! ถ้าคนทั้งหลายจะพึงถามเธออย่างนี้ว่า "ท่าน

อานนท์ ! กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดี กฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น จากที่เป็นอยู่แล้วก็ดี ได้ถูกบัญญัติแล้ว จักถูกบัญญัติ และย่อมถูกบัญญัติอยู่ แก่ธรรมเหล่าไหนเล่า ?” ดังนี้.

อานนท์ ! เธอถูกถามอย่างนี้แล้ว จะตอบเขาว่าอย่างไร ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ถ้าคนทั้งหลายจะพึงถามข้าพระองค์เช่นนั้นแล้ว ข้าแต่พระองค์จะตอบแก่เขาอย่างนี้ว่า

‘ผู้มีอายุ ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณเหล่าใด ล่วงไปแล้ว ดับไปแล้ว แปรปรวนไปแล้ว ; กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดี กฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นจากที่เป็นอยู่แล้วก็ดี ได้ถูกบัญญัติแล้วแก่หมู่แห่งธรรมเหล่านั้น.

ผู้มีอายุ ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เหล่าใดยังไม่เกิด ยังไม่ปรากฏ ; กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดี กฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นจากที่เป็นอยู่แล้วก็ดี จักถูกบัญญัติแก่หมู่แห่งธรรมเหล่านั้น,

ผู้มีอายุ ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณเหล่าใด เป็นสิ่งเกิดอยู่แล้ว ปรากฏอยู่แล้ว ; กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดี กฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นจากที่เป็นอยู่แล้วก็ดี ย่อมถูกบัญญัติอยู่ แก่หมู่แห่งธรรมเหล่านั้น.’ดังนี้. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้าพระองค์ เมื่อถูกถามอย่างนั้น จะพึงตอบแก่เขาอย่างนี้.”
ถูกแล้ว

อานนท์ ! ถูกแล้ว อานนท์ ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เหล่าใด ล่วงไปแล้ว ดับไปแล้ว แปรปรวนไปแล้ว ; กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดี กฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นจากที่เป็นอยู่แล้วก็ดี ได้ถูกบัญญัติแล้ว แก่หมู่แห่งธรรมเหล่านั้น.

อานนท์ ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณเหล่าใด ยังไม่เกิด ยังไม่ปรากฏ ; กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดี กฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็น อย่างอื่นจากที่เป็นอยู่แล้วก็ดี จักถูกบัญญัติแก่หมู่แห่งธรรมเหล่านั้น.

อานนท์ ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณเหล่าใด เป็นสิ่งเกิดอยู่แล้ว ปรากฏอยู่แล้ว ; กฎแห่งความบังเกิดขึ้นก็ดี กฎแห่งความเสื่อมไปก็ดี กฎแห่งความเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นจากที่เป็นอยู่แล้วก็ดี ย่อมถูกบัญญัติอยู่ แก่หมู่แห่งธรรมเหล่านั้น.

อานนท์ ! เธอ เมื่อถูกถามอย่างนั้นแล้ว พึงตอบแก่เขาอย่างนี้เถิด.

"อริยสัจจากพระโอษฐ์ ๑ หน้า ๒๒๓-๒๒๔"""
" (บาลี) ขนฺธ. สํ. ๑๗/๔๗-๕๐/๘๑-๘๒. "
"(ไทย) ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๘-๓๙/๘๑-๘๒.

 

คนนี้งดการขายครับ

สงสัยเป็นเล่าปังตัวปลอมครับ

ว่าแต่ เล่าปังตัวจริง จะแก้ตัวแทนก็ได้นะครับ

 

หมายถึงพวก
ที่บอก ขันห้าไม่เกิดไม่ดับ ให้ไปไกลๆ
ก่อนที่หมีโคอาล่าจะกำเริบ
เฮ้อ

 

เข้าใจตรงกัน
แล้ว
ฝากพาจิตไปยิ้มที่อื่นด้วย

เสียบังยากาก หมด
เฮ้อ

 

มันเกิดมาแล้ว เป็นรูปนาม ชาติปัจจุบัน
มันดับลงได้.. ถ้าดับอวิชชาได้ในชาตินี้ ก็ดี

แต่ถ้าจะหมายถึง เห็นขันธ์ห้ามัน เกิดๆดับ ขาดๆ สืบๆ
แบบเนืองๆในปัจจุบันชาตินี่ล่ะก้อ มันตลกไงครับ

 

อ้าวก็ไล่มันเองสิ...ไปไหนใครก็เกลียดมัน มันไม่สน มันด้าน มันหนา
มีพระศรีวีสาม ติงต๊อง ที่เข้าข้างมัน จะพาไปปั้นดินให้เป็นอุกกาบาตอยู่นี่
ถามเล่าปังดิ

 

เอ้า.....พักโฆษณา...แป๊บ

ดอกบัวครับ ดอกบัวแสงแห่งนิพพาน ดอกละ 50 ล้านบาท จำกัดคนละดอก ช้าหมด อดนิพพาน...นะครับ

สำหรับพวกที่มีวิญญาณคือดวงตาของจิตวิญญาณขันธ์
และมีจิตผ่องใสที่แท้จริงซ่อนอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณขันธ์อีกที
มีแก่นของจิตวิญญาณด้วย...
พวกนี้ก็งดขายครับ เพราะโคตระโง่สุดจะบรรยาย
ให้ราคาเท่าไรก็ไม่ขายครับ

 

ถึงหัวลิง
เคยบอกไปแล้ว
ว่าเราคงเข้ากันไม่ได้ ...

แต่อันนี้ อนุโลม
พูดเรื่องวิทยาสาส
ถือว่าเป็นแค่วิสาสะ คุยไปตามมารยาท

นักวิทเขาว่า
แม้แต่รูป ย้ำรูป คือเซล (กล้วยอันเลกๆ)
จะถูกผลัดเปลี่ยนทุกๆเจ็ดปี
ดังนั้น
ลิงตอนนี้
กับลิงเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว
เป็นคนละตัวกัน

ติ๊ง

จบข่าวในวิทยราชสำนัก

ปล.เสร็จแล้ว
ก็เก้บดอกบัวแสงแล้วกลับกระทู้
สั่งโยกสิบ ไปเถอะ
ให้พูดบ่อยๆเดี๋ยวได้กินโคล่า

 

งั้นไปล่ะนะ...
ขี้เกียจ คุยกับ พวกตัวปลอม..
ขนาดผม ยังปลอมตัวเป็นลิงมา
ยังไงก็ พูดอะไรๆให้ชัดเจนหน่อยนะ ทตะได้ไม่อายลิง

ไปละ...ฟิ้ววว...ดุจเสียง