ถ้าบุพการีทำให้เราจิตใจไม่สงบ จะทำอย่างไรดี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย suttharom, 6 กรกฎาคม 2011.

  1. suttharom

    suttharom สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +22
    ดิฉันมีเรื่องที่กลุ้มใจมากคะ ดิฉันเป็นคนชอบความสงบ ไม่ชอบสุงสิงกับคนที่ไม่เสมอกัน (ในทางธรรมะนะคะ คือ ศีลเสมอกัน ทานเสมอกัน) จึงมีสังคมค่อนข้า้งน้อย เพื่อนๆ ดิฉันจึงมีแต่กัลยาณมิตร แต่แม่ของดิฉัน เป็นคนปากไว พูดจาตรงไปตรงมา นึกจะด่าใครก็ด่าออกมาเลย ในสังคมไทยไม่ชอบคนที่พูดจาตรงไปตรงมา และทนคำวิจารณ์ต่างๆ ไม่ได้ นั่นเอง จึงทำให้ที่มาพูดคุยจึงไม่ค่อยแม่ของดิฉันสักเท่าไหร่นัก

    อย่าว่าแต่คนรอบข้างเลยคะ คนในครอบครัว คือตัวดิฉันยังไม่อยากที่จะอยู่ร่วมกับแม่ ดิฉันคิดอยู่ตลอดชีวิต และพยายามจะหนี แต่ด้วยเรื่องของกรรม ดิฉันจึงภาวนาขออธิษฐานว่า...ขอชดใช้ให้หมดกับมารดาผู้ให้กำเนิดในชาตินี้ และไม่ขอพบพาน แม้ในชาติต่อๆไป...

    ดิฉันทราบดีว่าเป็นการเนรคุณกับมารดา แต่พฤติกรรมที่ชอบด่าว่าดิฉันตอนนอนหลับ (แต่ไม่หลับนะคะ ได้ยินตลอดเวลา) ทำให้ดิฉันเบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ถ้ายังอยู่กับมารดา

    นอกจากนี้ แม่ ยังชอบนำเรื่องนอกบ้าน เป็นเรื่องที่ชาวบ้านชอบนินทาครอบครัว มาเล่าให้ดิฉันฟัง ทำให้ไม่สบายใจ รู้สึกจิตใจไม่สงบ และเป็นกังวัล
    ทั้งที่ดิฉันอยากจะสงบใจ ไม่รับรู้เรื่องใดๆ ที่ไม่เป็นสาระทั้งสิ้น เคยบอกกล่าวแล้ว แต่แม่ดิฉันก็ยังเป็นอยู่ คือ ชอบนำเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาให้เสมอๆ

    แม่ของดิฉัน มักจะไปวัดที่เลื่อมใส คือ 1 เดือนจะไปหนหรือสองหน แต่ไม่ได้ช่วยให้จิตใจของเขาสงบ ไม่สมกับการถือศีลของแม่เลย คือ งดรับประทานเนื้อสัตว์ในวันพระ ไม่เข้าถึงสัจธรรมทางศาสนา

    ที่เล่ามานี้ ดิฉันอาจกล่าวว่าบุพการีเพียงฝ่ายเดียว ดิฉันอาจจะทำตัวให้แม่ไม่สมหวังในเรื่องที่อยู่อาศัย ไม่สะดวกสบายเท่าที่ควร ดิฉันทำได้เพียงเท่านี้คะ มีกำลังแรง กำลังสมอง ที่จะเลี้ยงดูเขาได้เพียงเท่านี้จริงๆ ดิฉันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด แม่ไม่้ต้องรับผิดชอบอีกต่อไป

    ดิฉันอยากทราบว่าจะทำอย่างไรให้จิตใจสงบ เมื่อแม่ของตัวเอง นำแต่เรื่องเดือนร้อนใจ ทุกข์ใจ มาเล่าให้ฟังอยู่เสมอๆ ดิฉันไม่อยากหนีจากแม่ อยากชดใช้กรรม และเลี้ยงดูแ่ม่ ในชาตินี้ให้หมดไป

    ขอความกรุณาผู้ที่เจริญธรรม โปรดแนะนำดิฉันด้วย ให้พบกับทางสว่าง เพื่อที่จะมีชีวิตที่จะสู้ทนต่อไป จนหมดวาระด้วยเถิด
     
  2. NOODEEKA

    NOODEEKA Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +51
    ฟังแล้วหดหู่ใจ ที่ตัวคุณเองกลับเป็นฝ่ายคิดและตำหนิผู้เป็นแม่ ทุกคนเกิดมา
    มีกรรมกำหนด ถ้าเปรียบเป็นหินเป็นกรวดบางก้อนก็ขัดเกลาให้เป็นเพชร เป็นพลอยได้
    บางก้อนก็จะเป็นกรวดเหมือนเดิม อยู่ที่บุญกุศลที่ทำมา การนำบิดามารดา
    เข้าถึงธรรมมะ หรือเข้าวัด ทำบุญ ถือเป็นเรื่องกตัญญู แต่คนเราเดือนหนึ่งทำบุญ
    แค่วันสองวันหรือสี่วันแล้วที่เหลือทำบาป คงไม่ได้ทำให้ชีวิตเป็นกุศลหรือมีกรรมดีมาหนุน
    ให้ดีขึ้นได้ ควรคิดการให้ธรรมทานแก่ผู้ที่ยังไม่คิด ไม่ทำ กรรมดี ดีกว่า อย่าคิด
    ถึงผลที่จะตามมา อย่าหวังว่าจะเป็นดังที่เราหวัง จงให้ในสิ่งที่ดี กับทุกคน ทุกชีวิต
    รอบข้างยิ่งเป็นบิดา มารดา ยิ่งต้องทำ พยายามให้ธรรมแก่ตนและผู้อื่นแล้วใจจะเป็นสุข
     
  3. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    ทำอินทรีย์สังวรนะ กำหนดรู้การกระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ โดยเฉพาะ
    ใจเฝ้าดูการปรุงแต่งต่อไปเป็นเวทนา คือสุข ทุกข์ ไม่สุข ไม่ทุกข์ จะติดความ
    สงบมากไม่ได้ เพราะเราไม่ได้อยู่ในสถานะที่เรียกกายวิเวก ยังต้องเจอผู้คน ให้
    ทำเป็นวิปัสสนา คือพอเราติดความสงบ พยายามสงบเราก็คาดหวังว่าจะไม่มีใคร
    รบกวน ตรงนี้เป็นอุปาทานนะคือความยึดมั่นในความสงบ ยึดมั่นในวิภาวตัณหา
    ความไม่อยากมี ไม่อยากเป็น เราต้องรู้ทันมัน ไม่คาดหวังว่ามันจะสงบนะ เพราะ
    คาดหวังนี่มันเป็นอกุศลจิต ส่งออกไปยิ่งไปเรียกวิบากอกุศลเข้ามา เราต้อง
    เมตตาส่งออกไป ทำอินทรีย์สังวร ติดสงบก็รู้ สุข ทุกข์ก็รู้ จิตเรามีโทสะเราก็ฝึก
    พวกวรรณกสิณควบคุมโทสะไปก็ได้ คือเราต้องทำตัวเราให้ดีก่อนนะเปลี่ยนตัว
    เองก่อนคนรอบข้างเขาจะเปลี่ยนตามเราเอง เราต้องมีจิตที่เป็นกุศล อยากได้ก็
    ไม่ตาม ไม่อยากได้ก็ไม่หนี แต่รู้ให้มันเป็นการปรุงแต่ง เมตตามากๆ
     
  4. mam7734

    mam7734 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +349
    ผู้ให้กำเนิด

    ขออนุญาต ตอบซึ่งดิฉันอาจไม่ใช่คนในสังคมเดียวกับคุณก็ได้
    เพราะไม่รู้ว่าคุณเอาอะไรเป็นตัววัด( ความเสมอกัน ) ดิฉันมีความรู้สึกแรกที่ได้อ่านกระทู้นี้คือ...สงสารแม่คุณมากเลย...ท่านไม่รู้ว่าความรัก..ความห่วงใย
    ที่ทำอยู่ทุกวันตั้งแต่คุณเกิด..จนถึงปัจจุบัน..มันทำให้คุณไม่ชอบมากจนไม่อยากอยู่ด้วย....
    คนที่มีธรรม+ศีล...เรื่องแบบนี้ควรทำไงดีละ.....สำหรับคุณเราไม่กล้าบอกถ้าเป็นเราสิ่งที่จะทำคือ....ปล่อยวาง....อารมณ์ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา
    แม่คือผู้ให้กำเนิด..จะดีจะร้ายก็แม่เรา....จะบ่นจะด่าก็นิ่งเฉยเสียดีกว่า..อย่า
    เอาจิตไปตามอารมณ์..(.คุณจะรู้สึกทุกข์มากมาย.)..คนเรามีสองด้านบวกกับลบ แม้แต่ตัวเราก็ยังไม่ดีพร้อม...แต่แม่ก็ยังรักและเลี้ยงดูเรามาจนโต...คุณเหมือนพี่สาวเรามาก..เขาเกลียดแม่..เขาเป็นโรคร้ายจนเกือบตาย..แม่คนเดียวเท่านั้น(แก่และมีโรคประจำตัว).. .ไปนอนเฝ้าใต้เตียงที่มีแต่เชื้อโรค.(ทุกวัน..ทุกคืน )..พี่เรารอดจากความตายมาได้...แต่สิ่งที่เขาไม่ได้คือ..สติ..พี่ยังคงเหมือนเดิม ไม่ชอบแม่...เราคิดว่าเป็นกรรมเก่าของทั้งสองคน...เราก็ให้แม่ปลง...ใช้คืนเขาไป...อย่าดุด่าพี่อีกมันจะเป็นกรรมตามพี่ไปทุกชาติ..ตอนนี้
    แม่หยุดบ้างแล้ว เราดีใจพี่สาวก็น้อยลง..คือฝ่ายไดก็ได้ยอมปล่อย..ก็จะค่อยๆดีขึ้นเองค่ะ...ลองใช้หลักธรรมที่คุณมีให้เป็นประโยชน์นะค่ะ

    จดและจำในสิ่งดี..คิดในแง่ดีดี..เราเชื่อ..แม่รักคุณ..รักมากด้วยซิ

     
  5. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +36
    เชื่อว่าหลายๆคนก็มีปัญหาเดียวกันคะ ไม่ลองนึกดูว่าคุณแม่ก็มีพระคุณและข้อดีด้านใดด้านหนึ่ง เราเชื่อว่าไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่างๆก็ลองอ่านหนังสือธรรมะให้คุณแม่ฟังสิคะและถึงจุดไหนที่ตรงกับท่านก็อธิบาย นอกนั่นท่านจะทำอะไรไม่ดีกับใครที่ไหนก็ให้ปล่อยวางเสีย ถ้าเตือนแล้วไม่เชื่อก็ปล่อยวาง และดีกับท่านอย่างที่ลูกควรจะกตัญญูต่อพ่อแม่
     
  6. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,269
    ค่าพลัง:
    +2,136
    ต้องลดอัตตาของตัวเองลงครับ
     
  7. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,673
    ลองฝึกคิดดูว่า สักแต่ว่าได้ยิน ๆๆ ฟังแล้วก็ให้มันผ่านไป ถ้ามันไม่ใช่สาระอะไร ก็ไม่ต้องปรุงแต่ง และคล้อยตามไปกับสิ่งที่ได้ยิน ได้เห็น สัมผัส ฯลฯ

    คิดอย่างเดียวว่าแม่มีพระคุณกับเรามา ให้ชีวิตเรามา เราก็ตอบแทนท่านด้วยการฟังท่านพูด ให้ท่านสบายใจ

    แต่เราไม่จำเป็นต้องคิดตามท่าน ท่านอยากพูดอะไรพูด ส่วนเราก็อย่าคิดมาก ถ้าเราคิดปรุงแต่ง จะทำให้ไม่สบายใจเปล่าๆนะคะ

    คนเรา โดยมากมักจะเลือกอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบ พอใจ หรือรัก และหลีกหนีสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่พอใจ ไม่รัก แต่โดยความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราต้องวิ่งตามสิ่งต่างๆทั้งชอบและไม่ชอบ จะทำให้เราเหนื่อย และในบางครั้งก็ไม่สามารถสนองความต้องการของเราได้ ซึ่งก็จะทำให้เราเป็นทุกข์ ดังนั้น การที่เราได้อยู่กับสิ่งที่เราไม่ชอบ ถ้าเราสามารถสงบ ระงับ จากความบีบคั้นในใจได้ ก็จะเป็นหลักประกันได้ว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เราก็สงบได้ ..เพราะในความเป็นจริงแล้ว เราเลือกเกิดไม่ได้ ทุกอย่างดำเนินไปตามเหตุปัจจัย แต่เราเลือกที่จะอยู่อย่างสงบ และเป็นสุข(ใจ)ได้ ถ้าเราเข้าใจทุกสิ่งตามความเป็นจริง

    เป็นกำลังใจให้นะคะ
     
  8. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    เวลาหลับเอาใจจดจ่อกับลมหายใจ จะได้ไม่ต้องได้ยิน
    แล้วก็หลบ ๆ เอาบ้าง
    หน้าที่ในชาติปัจจุบันบกพร่องไปบ้างยังดีกว่าเอาบุญไปอธิษฐานแบบนั้น
    จะเป็นโทษหนัก
     
  9. honey_bee414

    honey_bee414 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,665
    จากที่เคยฟังคำบรรยายของคุณแม่ชี ท่านจะสอนเสมอค่ะ

    พ่อ-แม่แตะต้อง ล่วงเกินไม่ได้ค่ะ..


    พ่อให้หัวใจ แม่ให้เลือดเนื้อ น้ำเหลือง ร่างกาย...

    ถ้าเรายังไม่ใช่อภิชาติบุตร ทำยังไงท่านก็ยังเข้าทางธรรมไม่ได้ค่ะ...




    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=QJNQ60T2-nM&feature=related"]YouTube - ‪แม่ชีทศพร 013 - กรรมของการว่าแม่‬‏[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=AdHTP56A_ZY&feature=related"]YouTube - ‪ตู้ธรรม_001‬‏[/ame]



     
  10. isme404

    isme404 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +301
    ควรจะนำพาให้ท่านได้พบธรรมะที่แท้จริง เหมือนอย่างที่คุณเองก็กำลังค้นหาทางพ้นทุกข์ไม่ดีกว่าหรือค่ะ
     
  11. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    อย่า คิด ว่าจะเปลี่ยนอะไรได้ จะบังคับบัญชาอะไรได้ นั่นหมายความว่า ไม่มีอะไรเป็นตัวตนที่เที่ยง ไม่มีอะไรเป็นของเรา ตัณหา ภวตัณหาอยากให้เป็น วิภวตัณหาไม่อยากให้เป็น ถ้ายึดมั่นก็เป็นทุกข์ แบบคุณ(สมุทัย) คุณเห็นทุกข์ที่แท้แล้ว เป็นสิ่งเดียวกับที่พระศาสนาสอน อะไรในโลก(ขัณท์5) ก็ไม่ใช่ตัวตนของเรา คุณต้องมีดวงตาเห็นว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง ทุกข์เพราะ ยึดมั่น ถือ มั่น ลองละเอียดในการปฎิบัติธรรมหน่อยครับแล้วจะดีขึ้น แล้วที่ท่านสมาชิกทั้งหลายกล่าวมาถึงเรื่องความกตัญญู ลองทบทวนดูนะครับ
     
  12. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    น่าเห็นใจครับกับเรื่องที่เล่ามา ..

    หากคุณเป็นชาวพุทธที่แท้จริง ย่อมทราบเป็นแน่ว่า พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่า สิ่งทั้งปวงย่อมไหลมาแต่เหตุ ไม่มีอะไรเกิดเองได้โดยปราศจากเหตุ ทั้งไม่อาจเกิดได้ด้วยการเสกสร้างของเทพเจ้าใดๆได้..ดังนั้น ท่านจขกท ก็ย่อมประมาณได้ว่า การที่ตนต้องได้ประสบสิ่งอันไม่น่าปรารถนาคือการได้ฟังคำพูดของแม่นั้น ส่วนหนึ่งคือการที่ตนเคยทำเหตุไม่ดีทางวาจามาก่อน จะชาติใดก็ตามในอดีต ที่ตนเคยคะนองปาก ล่วงอกุศลกรรมทางวาจามาแล้ว บัดนี้วิบากนั้นกำลังส่งผลให้ได้เสวย..กรรมนั้นได้จัดสรรให้ได้เกิดมาในตระกูลที่มีผู้มีธาตุเดียวกันคือนิยมการใช้วาจาที่ไม่เหมาะควร..ท่านจขกท เมื่อทราบเหตุและผลเช่นนี้แล้ว ก็พึงวางใจไว้โดยแยบคายต่อไปว่า ก็เพราะตนนั่นเองแท้เทียว ทำบาปกรรมมาแล้ว บัดนี้ จะโทษใครที่ใหนเล่า?..พึงเพ่งลงที่ตน วางใจว่า บัดนี้เราจะสำรวมสังวรณ์ระวังวาจาของตนให้ยิ่งขึ้นไปอีก อกุศลวิบากนั้นย่อมยังทุกข์เดือดร้อนสาหัสมาสู่ตนเสมอ ยากที่จะรักษาใจมิให้หวั่นไหวได้จึงชนส่วนมาก ใช้วิบากอันเผ็ดร้อนนั้นทำบาปใหม่สั่งสมต่อไปอีกโดยไม่ยับยั้ง ...

    ท่านจขกท ควรแต่จะสงสารแม่ผู้กำลังทำบาปกรรมด้วยความไม่รู้ เพราะไม่มีโอกาสได้ฟังธรรมของ สัตตบุรุษ จึงขาดโยนิโสมนัสสิการในการใช้วาจา ทั้งอาศัยการสั่งสมอุปนิสัยแห่งมิจฉาวาจามาจนชำนาญจึงยากที่จะแก้ไข..

    สิ่งที่แม่ทำอยู่ ก็คล้ายคลึงหรือทำนองเดียวกับที่ที่ท่านจขกท เคยทำมาแล้วในกาลก่อน เพราะกรรมและผลย่อมสอดคล้องกันไม่แผกแยกเป็นอื่น แม่จะได้รับวิบากทำนองเดียวกันหรือคล้ายๆกับที่ท่านจขกท กำลังเผชิญอยู่ในบัดนี้..สำหรับท่านจขกท ท่านกำลังใช้ผลกรรม เมื่อใช้แล้ว ผลนั้นย่อมลดลงหรือหมดไป แต่แม่กำลังสร้างกรรมใหม่ เพื่อสะสมวิบากที่ไม่น่าปรารถนาไว้เป็นเสบียงในอัตภาพต่อๆไป ใครจะน่าสงสารกว่ากันเล่า?

    เมื่อแม่ทำบาปกรรมอยู่ ท่านจขกท ก็ไม่ไปนรกเพราะบาปของแม่ แต่จะไปนรกก็เพราะตนเองทำบาปเท่านั้น ข้อที่ท่านจขกท อึดอัดขัดเคืองขุ่นใจนั้นย่อมเป็นสภาพของบาปคือโทสะที่กรุ่นในจิต พึงละเสีย เลิกเพ่งโทษจับผิดในการใช้วาจาของแม่ เห็นใจในข้อบกพร่องของแม่ หากได้ยินได้ฟังคำพูดที่ไม่ดีจากแม่ก็ลองอย่าเอา"เรา"เข้ารับ ให้คิดว่านั่นแม่พูดถึงคนอื่นอยู่ คำพูดนั้นเมื่อจบก็หมดกันไป แต่ใจของ"เรา"นั้นยังบันทึกแล้วนำมาคิดซ้ำๆซากๆอยู่ไม่รู้จบ จึงเดือดร้อน ..

    ท่านจขกท พยายามทำหน้าที่ของลูกที่ดีไปตามปกติ ยอมรับพฤติกรรมของแม่ เพราะใครอื่นที่จะคิดแก้ไขแม่ย่อมไม่อาจทำได้ นอกจากแม่คิดจะแก้ไขตน เมื่อแก้แม่ไม่ได้ก็แก้ที่ใจตนเอง ย่อมง่ายกว่าคิดแก้คนอื่น ไม่คาดหมายหรือหวังว่าใครอื่นจะต้องเป็นเช่นที่ตนต้องการ เพราะใครๆไม่อาจควบคุมบังคับบัญชาใครหรืออะไรๆได้ ทุกอย่างเกิดและเป็นไปด้วยเหตุปัจจัยเท่านั้น แม้แต่ตนก็ยังบังคับไม่ได้เลย ใยจึงคิดบังคับใครอื่นให้ได้ดังใจตนเล่า?คงเสียเวลาเปล่า..เอาเวลานั้นมาพิจารณาโทษของบาปอกุศลแม้เล็กน้อยดีกว่า จะได้ห้ามตนมิให้สร้างเรื่องเดือดร้อน แก่ตนทั้งในปัจจุบัน และในอัตภาพต่อไป..

    เมื่อจะสงเคราะห์ตนก็พึงประพฤติศีลให้มั่นคง พิจารณาเรื่องกรรมและผลให้มาก ย่อมได้ปัจจัยแห่งหิริโอตัปปะ ย่อมปลอดภัยจากเวรภัย เข้าถึงความสุขไม่เดือดร้อนใจ มีอานิสงค์คุ้มครองไปในภพหน้าอีกมาก เร่งศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง อันเป็นปัจจัยแก่ปัญญาสามารถแก้ทุกข์ของตนได้อย่างแท้จริงทั้งใน
    ปัจจุบัน และในอัตภาพต่อไป

    เมื่อไม่อาจสงเคราะห์แม่ด้วยข้อธรรม ก็พึงประพฤติตนด้วยธรรม อาจเป็นตัวอย่างให้แม่เกิดสำนึกในธรรมขึ้นมาได้ ลองดูครับ ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมเสมอ

    ขอให้พ้นทุกข์ไวๆครับ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2011
  13. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,312
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    ให้อภัยคุณเเม่เถอะครับคุณ suttharom เเล้วคุณจะสบายใจ ทุกคนไม่มีใครถูกไปหมด เเละผิดไปหมดครับ อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าไม่มีเเม่ เราจะไม่ได้เกิดมาในโลก ยังไงเเม่ก็เป็นผู้ที่มีพระคุณกับเรามากกว่าสิ่งอื่นใด สําหรับเรื่องของจิตไม่สงบนั้น ผมขอเเนะนําหนังสือ ชีวิตเป็นอย่างนี้ ใต้ comment ของผมให้คุณ suttharom download ไปอ่านให้จบครับ ลองอ่านดูครับ เเล้วจะรู้สึกดีขึ้น เเละมองเห็นทางสว่างมากขึ้น ขอฝากคลิปธรรมะื ทําอย่างไรให้ใจนิ่ง ให้คุณ suttharom ฟังด้วยครับ ลองอ่านเเละฟังให้จบดูครับ อนุโมทนาครับ

    ทำอย่างไรให้ใจนิ่ง - Buddhism Audio

    ทำอย่างไรให้ใจนิ่ง
    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1">
    Artist: พ.ญ. อมรา มลิลา
    <fieldset class="fieldset"> <legend>ไฟล์แนบข้อความ</legend> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="3"> <tbody><tr> <td width="20"><input id="play_8012" name="Music" value="attachment.php?attachmentid=8012" type="RADIO">ฟัง</td> <td>[​IMG]</td> <td>29 ทำอย่างไรให้ใจนิ่ง 19สค.46.mp3 (7.80 MB, 5552 views)</td></tr></tbody></table></fieldset>
     
  14. มณฑาสวรรค์

    มณฑาสวรรค์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2011
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +2
    ขออนุโมทนากับคำตอบของคุณ ddman ด้วยค่ะ ได้อ่านแล้วรู้สึกสบายใจและใจสงบขึ้นมาก เพราะมีปัญหาเช่นเดียวกับ จขกท..ค่ะ ต่อไปจะพยายามประพฤติและปฏิบัติตนในทางธรรมให้ดีขึ้นและจะเลิกรู้สึกไม่ดีกับแม่ค่ะ..
     
  15. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    หยุด...ตำหนิกรรมของบุคคล
    อย่า...ปรามาสบุพการี
    ยอม..รับความจริง
    ทำ...คุณแก่ท่านฯตามกำลัง
    ผิด..พลาดพลั้งไป ตั้งใจขอขมา...
    อีก..ไม่นาน ผลของกรรมบรรเทาเบาบางลง กุศลย่อมส่งผล...
     
  16. aoyleo

    aoyleo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +99
    ขออนุโมทนากับข้อความข้างต้นนี้ค่ะ โดนใจมาก ดิฉันอาจจะไม่ใช่กัลยานิมิตรแต่ขออนุญาติ ตอบด้วยค่ะ บางครั้งความไม่ชอบ หรือชอบ ก็อาจจะบดบังความรักของแม่ไป ดิฉันก็เคยมีความรู้สึกแบบนั้นกับแม่ตอนเป็นเด็กเมื่อโดนแม่ต่อว่าทำให้ไม่พอใจ แต่สุดท้ายคนที่อยู่เคียงข้างตอนเจ็บป่่วย ไม่สบายใจ คือทุกๆปัญหา แม่จะอยู่เคียงข้างเสมอ ฉันไม่เคยเห็นใครดีกว่าพ่อกับแม่เลย ดิฉันเคยโกหกแม่ครั้งนึง อยากไปเที่ยวน้ำตกกับเพื่อน ดิฉันหกล้มที่น้ำตก เป็นแค่แผลถลอกนิดเดียว แต่รักษาไม่หายสักที แผลนั้นก็เริ่มแหวะออก ใหญ่ขึ้น จนฉันไปสารภาพกับแม่ว่าโกหกไปเที่ยว ท่านไม่ได้ว่าอะไรมีแต่หัวเราะ(ปกติท่านจะด่า) แล้วบอกแต่ว่าอย่าโกหกแม่อีก ให้ขอดีๆ แค่นั้นแม่ก็ถุยน้ำลายใส่แผล หายเลยค่ะ(ยาวิเศษ) แม่ดิฉันก็เป็นคนจู้จี้ขี้บ่น เอาแต่ใจ แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในโลกในสายตาของฉัน ฉันมีความสุขที่ได้ทำเพื่อเค้า และฉันคิดเสมอว่าถ้าไม่มีท่านฉันคงไม่ได้เกิดมาเป็นคน ได้เจอธรรมะของพระพุทธเจ้า
    เป็นกำลังใจให้นะค่ะ ลูกส่วนมากมักจะเจอปัญหานี้กับพ่อแม่ทั้งนั้นไม่เข้าใจกันบ้างสาระพัด ทำใจ รับฟัง เปิดใจ





     
  17. pasit_99

    pasit_99 การเวียนว่ายตายเกิดนั้นน่ากลัว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,667
    ค่าพลัง:
    +3,459
    จะสงบหรือไม่ มันอยู่ที่ใจคุณเอง ไม่เกี่ยวกับแม่ หรือใคร หรืออะไรทั้งสิ้น
     
  18. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,091
    บุพการีนะครับ เราพูดหวานๆ เพราะๆ อ่อนน้อมถ่อมตนนะครับ ไม่ว่ายัง

    ไม่มีเหตุผลอะไร จะเหนือกว่า บุญคุณท่านที่เลี้ยงเรามา ท่านเป็นแค่คนแก่ธรรมดา

    ที่รักเราครับ ขอขมาท่านนะครับ แล้วค่อยๆคิดพูดคุย ใช้เวลาไปเรือยๆ สักวัน

    ท่านก็จะดีขึ้น

    แต่ถ้าเราทำตัวเราให้ดีกว่าท่าน หรือ ดีก่อนไม่ได้ เช่นรำคาญ ไม่สงบ ก็อย่าไปว่าท่านเลย

    เราก็ทำตัวทำใจได้แย่ยิ่งกว่าครับ เป็นคนอกตัญญูครับ

    โมทนาครับ
     
  19. Hnuymax

    Hnuymax สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +3
    ร่วมอนุโมทนา และเห็นด้วยกับความเห็นของคุณ ddman ครับ ..

    .............

    สิ่งใดเกิดแต่เหตุ สิ่งนั้นย่อมดับไปด้วยเหตุแห่งสิ่งนั้น
    บัณฑิตไม่พึงเพ่งโทษผู้อื่น แต่จะเพ่งโทษแห่งตน
    และจะเร่งแก้ไขในข้อผิดพลาดของตนเอง
    เปลี่ยนคนอื่นนั้นแสนยาก สู้เปลี่ยนตนเองดีกว่า

    ผมกับแม่ (ขออนุญาตินำประสบการณ์ของตนเองมาเล่าสู่กันฟังน่ะครับ)
    เป็นที่รู้กันดีในหมู่เพื่อนฝูงครับ ว่าผมกับแม่นั้น ไม่ค่อยชอบพอกันเท่าไหร่
    ไปไหนก็จะทะเลาะ เถียงกันทุกที ด้วยความที่ตัวเองนั้น
    มีนิสัยไม่ยอมใคร เป็นคนหัวดื้อ ไม่ฟังเหตุผลของผู้อื่น ถือตนปเ็นใหญ่
    ขนาดบุพพการีของตนเอง ยังถือดี ไม่ฟัง เถียงคำไม่ตกฟาก

    และเวลาก็ผ่านเลยมาหลายปี ผมกับแม่ ก็แทบไม่เคยคุยดีๆกันเลย
    บางครั้งแม่อยากคุยด้วย ผมก็ไม่คุย บางครั้งผมอยากคุยด้วย แม่ก็ไม่คุย
    เป็นอย่างนี้มาตลอด หาเวลา ปรับความเข้าใจกันไม่ได้สักที
    แต่แล้วเมื่อผมได้ค้นพบตัวตนของตนเองว่า เป็นเช่นไร
    สืบสาวไปถึงเหตุแห่งหารเกิดทุกข์นั้น ผมถึงเข้าใจกระจ่างขึ้นมา
    และเลิกเถียงแม่ในที่สุด

    ตอนเด็กๆ ผมเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย พูดอะไรก็ฟังหมด
    แม่บอกว่าผมน่ารัก นิสัยดี เป็นเด็กที่อบอุ่น ทั่วไป
    แต่เหตุการณ์เหล่านั้นก็ต้องเปลี่ยนไป เพียงเพราะ "ความผิดหวัง"
    วันนั้นเป็นวันบวขสามเณร ตอนนั้นผมอายุ 11 ปี
    เพิ่งออกจากครอบครัวเป็นครั้งแรก ด้วยความรู้สึกของเด็ก
    วันนั้นทางพิธี จะต้องให้พ่อแม่ มาถวายมอบผ้าบวชให้

    ผมรอ รอ อย่างมีความหวังว่า เดี๋ยวแม่เราก็ต้องมา...
    แถวแรกผ่านไป พ่อแม่ของเพื่อนๆ คนอื่นๆ เขาก็มากัน
    ทั้งจากต่างจังหวัดแสนไกล เขาก็ยังมากัน .....
    รอ .... เดี๋ยวแม่เราก็มา บ้านอยู่แค่นี้เอง บอกไว้แล้วด้วย
    แถวที่สองผ่านไป .... แม่ของเพื่อน หันมายิ้มให้ ปเ็นเชิงถามว่า
    มองอะไรอยู่หรือหนู .... ผมเริ่มน้ำตาคลอ ....

    และสุดท้าย ก็มาถึงแถวของผม ..... ไม่มี ครอบครัว หรือคนรู้จักใดๆ ทั้งสิ้น
    ตอนนั้นรู้สึกเหมือนเป็นเด็กน้อยตัวคนเดียว ที่ถูกทิ้งให้ร่องลอย
    อยู่กลางมหาสมุทร.. ไม่มีอีกแล้ว คำว่าครอบครัว ...
    หายไปหมดแล้ว ความรัก ที่เคยมีให้ ...
    ตอนนั้น น้ำตาไหลอกมา พยาม บังคับเต็มที่ แต่ก็ไม่เป็นผล

    แม่ของเพื่อนข้างๆ จึงมาถวายผ้าไตรให้ ... ผมจึงรับไว้ด้วยน้ำตา
    และสบถอยู่ในใจว่า ..... จบแล้วชีวิตรัก ความผูกพันธ์ในครอบครัว
    แม่ผมมาถึง ตอนที่ฉันเพล ตอนนั้น ผมควรจะดีใจจนเนื้อเต้น ...
    แต่กลับเปล่าเลย ผมนิ่งเฉย เหมือนคนหมดอะไรตายอยาก ..
    ไม่รู้สึกดีใจเลย ที่เห็นพ่อแม่ตนเอง ....

    และหลังจากนั้นมาผมก็กลายเป็นเด็กมีปัญหา
    ว่านอนสอนยาก พูดเถียงคำไม่ตกฟาก
    ทำให้แม่ร้องไห้เสียใจอยู่แทบทุกวัน
    จนนึกรู้สึกแย่ ที่ต้องเกิดมาเป็นลูกของครอบครัวนี้
    เคยที่จะนึดไม่ขอเกิดร่วม ... แต่อกุศลกรรมยังไม่แรงพอ
    จึงได้เพียงคิดแบบผิวๆ แล้วก็ปล่อยผ่านไป ...

    เวลาผ่านไปร่วม 6 ปี ได้มีโอกาส ไปปฏิบัติธรรม...
    เพราะแม่นี่แหละ ที่พาผมไป และสิ่งที่ได้รับจากการปฏิบัติครั้งนั้น
    เป็นสิ่งที่เกิดคุ้ม สำหรับชีวิตผมจริงๆ

    ผมตระหนักถึงสาเหตุของสิ่งที่เป็นมาทุกวันนี้ ว่ามีเหตุมาจากสิ่งใด
    ผมเข้าไปแก้ที่เหตุ ปรับความเข้าใจกับแม่
    แม่บอกว่า "วันนั้นแม่รีบแล้ว แต่พอติดธุระ และแม่ไม่ได้มาคนเดียว แม่ไม่ได้ขับรถมาเอง มาทำเต็มที่แล่้ว"
    ผมก็บอกแม่ว่า "แม่รู้ไหม ว่าผมเสียใจขนาดไหน"
    ผมไม่ฟังเหตุผลแม่ในตอนนั้น... เอาแต่ตัวเองลูกเดียว

    พอได้นึกย้อยถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ผมรู้สึกผิด
    รู้สึกผิด ที่รู้สึกไม่ดีกับแม่
    รู้สึกผิด ที่ทำให้แม่เสียใจมาตลอด
    รู้สึกผิด ที่ไม่เคยเลย ที่จะรับฟัง คำอธิบายของแม่
    รู้สึกผิดมาตลอด... พอระลึกได้ จิตจึงปล่อยวาง ...

    หลังกลับจากปฏิบัติธรรม ผมเหมือนกลายเป็นคนละคน...
    ผมเลิกเถียงแม่ พูดจามีเหตุมีผล ไม่เอาอารมณ์เป็นใหญ่เหมือนแต่ก่อน
    แม่ก็ยังประหลาดใจกับผม ว่าเป็นอะไร ติดอารมณ์หรือ ?
    ผมก็บอกว่า "เปล่า แม่ดูเอาเองละกัน"
    แล้วผมก็ไม่พูดอะไร

    พอได้กลับมาบ้าน ดำรงชีวิตแบบเดิม เหมือนทุกวัน
    คือทุกเช้า แม่จะตื่นมา แล้วก็ สั่งนู้น สอนนี้ ตามประสาท่าน
    และเมื่อก่อน ผมจะไม่ฟัง และจะเถียงคอเป็นเอ็น
    แต่ครั้งนี้ ผมนิ่ง เงียบ และฟัง หันกลับมาดูอารมณ์ของตนเอง
    ว่ารู้สึกอย่างไร ..... พิจาณาธรรม ที่ได้รับรู้มา ที่ว่า

    "เปลี่ยนคนอื่นนั้นยาก สู้เปลี่ยนตนเองดีกว่า"
    ผมรู้สึกว่า ทำไมแม่ไม่เปลี่ยนเลย ยังพูดบ่นเหมือนเดิม
    นั้นเป็นความคิด แต่ไม่ได้พูดออกมา ..
    ผมได้แต่ทำใจ ยอมรับความจริงข้างตน

    เบา สบาย แม่พูดมา ผมนิ่งฟัง คิดตาม แต่ไม่นำพาให้ปวดหัว
    พิจารณษธรรมทั้งหลาย ที่พุทธองค์ทรงสอนไว้ ตามจริง
    จิตก็สบาย เดี๋ยวนี้ ผมสบายกว่าเมื่อก่อนเยอะ

    พ่อแม่ ยังไงก็ยังเป็นพ่อแม่ของเรา ถึงท่านจะดีจะเลวสักแค่ไหน
    ท่านก็เป็นผู้ที่มีบุญคุณที่สุดของเรา ...
    พิจารณาตามจริง ปล่อยวาง ท่านไม่เปลี่ยน เราเปลี่ยนเอง
    เท่านี้ ความสุขก็จะเกิดมีในใจของท่านแล้วครับ ...

    ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง
    เพียงเพื่อบอกเล่า อาจจะเป็นแนวทางในการนำไปพิจารณาต่อยอด
    หรือนำไปเป็นบทเรียนอย่างไร ก็สุดแท้แต่ท่านผู้อ่านน่ะครับ
    พิจารณาตามความเป็นจริง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ปล่อยวาง


    .................

    ขอให้มีความสุขในชีวิตน่ะครับ
     
  20. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    แนะนำให้ไปพบจิตแพทย์ครับ คุณน่าจะมีปัญหาทางสุขภาพจิต
     

แชร์หน้านี้

Loading...