ถ้าลูกเคยบวชให้พ่อแม่จะไม่มีวันตกนรกเลยหรือเปล่า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย theseng99, 28 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. theseng99

    theseng99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +487
    ถ้าลูกเคยบวชให้พ่อแม่จะไม่มีวันตกนรกเลยหรือเปล่า

    กรณีพ่อแม่ไม่ใช่คนจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตนะครับ เป็นคนปกติทั่วๆไปแต่ก็ไม่ได้รักษาศีล 5 ได้ มีฆ่าสัตว์ยุงมด ทำบ่อย พูดปดบ้าง ไม่ดื่มเหล้าไม่ผิดในกาม แล้วก็ทำบุญทั่วไป สังฆทาน สร้างวัด ทำบุญตามวันพระปกติ แต่ไม่ค่อยได้ทำบุญทุกวัน

    อยากรู้ว่าบุญบวช (ถ้าพระที่บวชตั้งใจปฏิบัติตลอดช่วงที่บวชถึงจะไม่กี่วัน) จะทำให้พ่อแม่ไม่มีวันตกนรกเลยหรือเปล่า เมื่อท่านเสียไป เพราะตามที่อ่านเข้าใจว่าบุญบวชไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ชาติพ่อแม่ก็ยังได้รับเสมอถ้าลูกบวชให้ และไม่จำเป็นต้องโมทนา
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เรื่องของบุญบวชกับเรื่องไม่ตกนรกทุกชาติไปเป็นไปไม่ได้หลอกครับ

    แต่รับรองได้ที่ว่าถ้าพ่อแม่คุณนึกถึงบุญบวชลูกชายในขณะจิตก่อนตายนี้ไม่ไปนรก แบบนี้พยากรณ์ได้ครับ....
    คือหลักของพระศาสนาคือเมื่อใกล้ตายจิตจับกุศลก็ไปในส่วนกุศลก่อน จิตจับอกุศลก็ไปอกุศลก่อน อย่างนี้ครับ....ขึ้นกับอาจิณกรรมของพ่อแม่คุณ....

    พ่อแม่คุณทำความดีมาตลอดชีวิต อาจิณกรรมด้านความดีก็มีมาก ทำชั่วผิดศีลมาตลอดชีวิต อาจิณกรรมด้านทำชั่วก็มีมาก มันก็ต้องไปตามจิตดวงสุดท้ายนั้นหละครับ ว่าจะจับอาจิณกรรมตัวใหนก่อนตาย....

    ที่ว่าอานิสงค์ได้ต่อไปมันก็ได้จริง คือได้ตามโอกาศที่จะส่งผลของบุญซึ่งขึ้นกับเจ้าตัวเป็นหลักครับ.....พูดง่ายๆถ้านับหลักลูกบวชแล้วพ้นนรกเสมอไป คนทำอนันตริยกรรมมาหรือคนทำชั่วมาตลอดชีวิต กลัวลงนรก แล้วให้ลูกไปบวชเพราะคิดว่าจะพ้นนรกไป เพราะคิกว่าจะหนีนรกได้ คงทำกันทั่วไป คงไม่มีนรกแล้ว อันนี้มันคนละเรื่องครับ มันเป็นไปไม่ได้.....

    แนะนำคุณนะ ถ้าอยากให้พ่อแม่คุณระลึกถึงบุญการบวชของคุณบ่อยๆ หมั่นทำรูปของคุณตอนบวชติดไว้หลายๆที่ของบ้าน ให้ท่านเห็นบ่อยๆ ให้ท่านจำได้ ให้ท่านระลึกถึงบุญ ให้ตอนท่านใกล้ตายให้เห็นภาพนั้น(อาจิณกรรม)...อย่างนี้พยากรณ์ได้ว่าท่านไปสุคติภูมิแน่.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2013
  3. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ทั้งบาปทั้งบุญใช้แล้วก็หมดไป
    มีแต่บารมีกับการละสังโยชน์ติดตัวไปตลอด
     
  4. ผงธุลี

    ผงธุลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็นนะครับ ถึงจะเข้าใจ

    ประเด็นแรก ลูกบวช ไม่ว่าจะเป็นพระหรือสามเณร บิดามารดาได้บุญจากการบวชของลูก แม้จะมีชืวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม

    ประเด็นที่สอง บิดามารดาจะไม่ตกนรก หรือตกนรก ขึ้นอยู่กับจิตก่อนตายว่า มีจิตที่หมอง หรือมีจิตที่ใส

    เอากระทู้เก่าของคุณปาปิปผลิมาให้อ่าน โดย...พระราชวุฒาจารย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

    เรื่องจิตก่อนตายนั้น สำคัญมาก หากเวลาดับจิต หากจิต"ดี" ก็ได้ไปที่ "ดีๆ"
    หากจิต “หมอง” จิต “ร้าย” ก็จะไปสู่ “อบายภพ” ที่ร้อนร้ายในทันใด....ซึ่งจิตก่อนตายนี้ เป็นของไม่แน่นอน บังคับไม่ได้ แล้วแต่วาระ หรือกรรมจะพาให้เป็นไป....ด้วยเหตุนี้.... บางคน แม้เคยทำบุญมามากต่อมาก แต่ตายไปกลับไปตกนรกหน้าตาเฉย เพราะ"จิตหมอง"ก่อนตายก็มี
    บางคน แม้ชั่วแสนชั่ว แต่ตายไป กลับไปอยู่บนสวรรค์อย่างเหลือเชื่อ เพราะเกิด"จิตใส"ตอนดับจิต ก็เคยมีตัวอย่างมาแล้ว....
    กรณีทั้งสองแบบ ล้วนมีบันทึกไว้ในพระไตรปิฏกมาแล้วทั้งสิ้น
    แต่... สำหรับคนที่เคย"ฝึกจิต"มาก่อน วินาทีที่รู้ตัวว่า อย่างไรเสียจะต้องตายหรือดับจิตลงไปแน่ๆ หาก"ทำเป็น" ก็อาจพลิกจิตยกขึ้นสู่ภูมิสูง ไปสู่"สุคติ"หรือ"อริยะ" ไปสู่"สุคติภพ"หรือ"อริยภูมิ"สถานเดียวเลยก็ได้!!!

    สำหรับวิธีตกกระไดพลอยกระโจน (สู่สุคติภพหรืออริยภูมิ)
    ของพระราชวุฒาจารย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม สุรินทร์ ก็คือ…
    ปล่อยวางทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบัน
    อยู่กับความไม่มีไม่เป็น
    ว่าง สว่าง บริสุทธิ์
    หยุดการปรุงแต่ง
    หยุดการแสวงหา
    หยุดกิริยาจิต
    ไม่มีอะไรเลย
    ไม่ยึดถืออะไรสักอย่าง
    พระอริยเจ้ามีจิตไม่ส่งออกนอก
    จิตไม่หวั่นไหว จิตไม่กระเพื่อม
    มีสติอย่างสมบูรณ์เป็น วิหารธรรม
    มีสติอย่างสมบูรณ์ เป็นเครื่องอยู่

    วิธีทำ หยุดคิด อย่าส่งจิตออกนอก มีสติอย่างสมบูรณ์เป็นเครื่องอยู่

    ขอให้เจริญในธรรมกับทุกๆท่านครับ
     
  5. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    พ้นจากนรก พ้นจากอบายภูมิ ตั้งแต่ภูมิสัตว์เดรัจฉานลงไป.. ต้องปฏิบัติให้บรรลุพระโสดาบันครับ 1.ละวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ กฏแห่งกรรม บาป บุญ นรก สวรรค์ ต้อง 100 % เต็ม 2. ศีล 5 บริสุทธิ์ทุกขณะจิต ทุกวัน ทุกกาย วาจา ใจ ไม่ใช่ให้เป็นระเบียบข้อบังคับ แต่ใจเป็นศีล ศีลเป็นใจ ไม่งมงายพิธีกรรมแปลกๆนอกศาสนา ฤกษ์ยาม วัตถุเครื่องราง ต้องเชื่อในกฏแห่งกรรม 100% ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว 3. ละสักกายทิฐถิ คือ ความยึดมั่นในกาย นี่กายเรา กายเขา ของเรา ของเขา ต้องละให้ได้ นึกอยู่เสมอว่า กายนี้ไม่ใช่ของเรา มันต้องตายเป็นธรรมดา วัตถุ บ้าน รถ ยศฐา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมดา ไม่มั่นคงถาวร อย่างนี้ พิจารณากาย ลมหายใจ ให้จิตละนิวรณ์ จิตอยู่ที่กายตลอดให้ได้ ทุกขณะ.. ถ้าละสังโยชน์ 3 อย่างนี้ได้ จะบรรลุโสดาบัน คือไม่เกิดในอบายภูมิตั้งแต่สัตว์เดรัจฉานลงไป แน่นอน.. และจะเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ ก็จะบรรลุมรรคผลนิพพาน
     
  6. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส เจ้าสรกานิศากยะสิ้นพระชนม์ พระผู้มี
    พระภาคทรงพยากรณ์ท่านว่า เป็นพระโสดาบัน ... ดังได้ยินมา พวกเจ้าศากยะมากด้วยกัน
    มาประชุมพร้อมกันแล้ว ย่อมยกโทษติเตียนบ่นว่า น่าอัศจรรย์หนอ ท่านผู้เจริญ ไม่เคยมีมาแล้ว
    หนอ ท่านผู้เจริญ บัดนี้ ในที่นี้ ใครเล่าจักไม่เป็นพระโสดาบัน เพราะเจ้าสรกานิศากยะสิ้น
    พระชนม์แล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ท่านว่า เป็นพระโสดาบัน ... เจ้าสรกานิศากยะถึงความ
    เป็นผู้ทุรพลด้วยสิกขา เสวยน้ำจัณฑ์.


    [๑๕๒๙] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมหาบพิตร อุบาสกผู้ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม
    พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะตลอดกาลนาน อย่างไรจะพึงไปสู่วินิบาต ก็บุคคลเมื่อจะกล่าวให้ถูก
    พึงกล่าวอุบาสกนั้นว่า อุบาสกผู้ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะตลอดกาลนาน
    บุคคลเมื่อจะกล่าวให้ถูก พึงกล่าวเจ้าสรกานิศากยะว่า เจ้าสรกานิศากยะเป็นอุบาสกถึงพระพุทธเจ้า
    พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะตลอดกาลนาน อย่างไรจะพึงไปสู่วินิบาต.


    [๑๕๓๐] ดูกรมหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่
    หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... มีปัญญาร่าเริง เฉียบแหลม และ
    ประกอบด้วยวิมุติ เขาย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะ
    อาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ บุคคลแม้นี้พ้นจากนรก กำเนิด
    สัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต.


    [๑๕๓๑] ดูกรมหาบพิตร ก็บุคคลบางคนในโลกนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่
    หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... มีปัญญาร่าเริง เฉียบแหลม แต่ไม่
    ประกอบด้วยวิมุติ เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป เขาเกิดเป็นอุปปาติกะ จัก
    ปรินิพพานในภพที่เกิดนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา บุคคลแม้นี้ก็พ้นจากนรก กำเนิด
    สัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต.


    [๑๕๓๒] ดูกรมหาบพิตร ก็บุคคลบางคนในโลกนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่
    หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... ไม่มีปัญญาร่าเริง ไม่เฉียบแหลม
    และไม่ประกอบด้วยวิมุติ เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป (และ) เพราะราคะ โทสะ และโมหะ
    เบาบาง เขาได้เป็นพระสกทาคามี มาสู่โลกนี้อีกคราวเดียวเท่านั้น จะกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
    บุคคลแม้นี้ก็พ้นจากนรก ... อบาย ทุคติ วินิบาต.

    [๑๕๓๓] ดูกรมหาบพิตร ก็บุคคลบางคนในโลกนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอัน
    ไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... ไม่มีปัญญาร่าเริง ไม่เฉียบแหลม
    และไม่ประกอบด้วยวิมุติ เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป เขาได้เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำ
    เป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า บุคคลแม้นี้ก็พ้นจากนรก ... อบาย ทุคติ วินิบาต.


    [๑๕๓๔] ดูกรมหาบพิตร ก็บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่ประกอบด้วยความเลื่อมใสอัน
    ไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... ไม่มีปัญญาร่าเริง ไม่เฉียบแหลม
    และไม่ประกอบด้วยวิมุติ แต่ว่าเขามีธรรมเหล่านี้ คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์
    สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ ธรรมทั้งหลาย ที่พระตถาคตประกาศแล้ว ย่อมทนซึ่งการเพ่งด้วยปัญญา
    ของเขา (ยิ่ง) กว่าประมาณ บุคคลแม้นี้ก็ไม่ไปสู่นรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย
    ทุคติ วินิบาต.


    [๑๕๓๕] ดูกรมหาบพิตร ก็บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่ประกอบด้วยความเลื่อมใสอัน
    ไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... ไม่มีปัญญาร่าเริง ไม่เฉียบแหลม
    และไม่ประกอบด้วยวิมุติ แต่ว่าเขามีธรรมเหล่านี้ คือ สัทธินทรีย์ ฯลฯ ปัญญินทรีย์ และเขา
    มีศรัทธา มีความรักในพระตถาคตพอประมาณ บุคคลแม้นี้ก็ไม่ไปสู่นรก ... อบาย ทุคติ วินิบาต.

    [๑๕๓๖] ดูกรมหาบพิตร ถ้าแม้ต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ พึงรู้ทั่วถึงสุภาษิตทุพภาษิตไซร้
    อาตมภาพก็พึงพยากรณ์ต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ว่า เป็นพระโสดาบัน
    ... จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า จะป่วย
    กล่าวไปไยถึงเจ้าสรกานิศากยะ เจ้าสรกานิศากยะ สมาทานสิกขาในเวลาสิ้นพระชนม์ ขอถวายพระพร.

    จบ สูตรที่ ๔
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๙
    (จะมีสักกี่คนที่ฟังคำ ตถาคต ถ้าฟังจะไม่ยากเลย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2013
  7. พระ ธรรมะ

    พระ ธรรมะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2013
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +416
    ความเป็นไปได้ก้คือ การบวชตั้งใจปฏิบัติมีอานิสงส์มากอุทิศให้พ่อแม่ก้เป็นกุศลใหญ่ ส่วนการที่จะพ้นนรกมิได้อยู่ตรงนั้นนะ คนที่มั่นใจว่าพ้นจากนรกโดยไม่ต้องสงสัยคือพระโสดาบันขึ้นไปเท่านั้น คือว่าอย่าคิดว่างั้นการทำบุญจะทำไปเพื่ออะไรนะ เรื่องนรกสวรรค์มันเป็นเรื่องของสภาวะจิตน่ะ แบบว่าตอนตายนึกถึงอะไรครั้งสุดท้าย (นึกถึงบุญขึ้นสวรรค์-นึกถึงบาปก้ตกนรกทันที)ฉะนั้นผู้ฝึกจิตจึงได้เปรียบส่วนผู้ที่ทำบุญก้ให้หมั่นระรึกถึงบุญที่ตนทำไว้อยู่เนืองๆ สุขคติก้เป็นที่ปรารถนาได้ พระพุทธเจ้าจึงสอนเรื่องทุกข์และความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ไง ส่วนธรรมอื่นๆที่บัญญัติไว้ก้เป็นเครื่องอาศัย
     

แชร์หน้านี้

Loading...