ถ้าสวดมนต์โดยใจไม่ศรัทธาจะได้บุญไหมคะ?

แต่ก่อนสวดมนต์ทุกคืนก่อนนอน ไม่บทสั้นก็บทยาวแต่ไม่ให้ขาด ตอนสวดรู้สึกมีความสุขทราบซึ้งกับทำนองเนื้อหาที่แปลไปด้วย หลังๆเริ่มเฉยๆ สวดเหมือนอ่านออกเสียงให้จบๆไป ไม่มีอารมณ์ขนลุกมีความสุขแบบเดิม ประกอบกับช่วงนั้นมีพี่คนนึงแกชอบพุทธวน แกบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่สอนให้สวดงูๆปลาๆ แล้วเราก็เริ่มสวดน้อยลง จนเลิกสวดมาหลายเดือนแล้วค่ะ แต่สับสนว่าสวดมนต์มันจำเป็นหรือเปล่า แล้วถ้าสวดแบบท่องไปเฉยๆจะได้บุญไหมคะ? หรือเราควรเอาเวลาสวดมนต์ไปนั่งสมาธิแทน

 

แต่ก็มีประเด็นอยู่ว่า .. แล้วอยู่ๆ จะรอให้ศรัทธามาแต่ที่ไหน?

ดังนั้นก่อนที่จะอยากให้การสวดกลายเป็นบุญ
เราก็ต้องสวดและอ่านธรรมะจนกระทั้งเกิดศรัทธา นั้นล่ะครับ

แล้วเมื่อไรศรัทธามั่นขึ้นมาแล้ว การสวดจะยิ่งได้อานิสงส์มาก

ขอทวนอีกครั้งนะครับ .. แล้วถ้าไม่ทำอะไรเลย ศรัทธาจะมาจากที่ไหน

 

"หรือเราควรเอาเวลาสวดมนต์ไปนั่งสมาธิแทน"

ให้น้อมการสวดมนต์ให้เป็นสมาธิไปด้วยกัน

สวดมนต์กับนั่งสมาธิ สามารถเอื้อถึงกัน

ถ้าในจังหวะที่จิตเรายังไม่สงบ เราก็สวดมนต์ไปก่อน
แล้วพอจิตเริ่มสงบลงบ้างแล้ว เราก็เข้าสมาธิต่อไปเลย

การสวดมนต์ก็เป็นบุญได้ .. เราสวดเสร็จ เราก็อุทิศส่วนบุญให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย
หรือจะเฉพาะ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร ผู้มีบุญคุณแต่ชาติปางก่อน

ดังนั้น การสวดมนต์ที่มีความหมายและมีคุณค่าของเราเช่นนี้
ก็จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เรา ทำต่อไปได้เรื่อยๆ ครับ

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราไปหวังว่าสวดมนต์แล้วจะได้โน้นได้นี้ เช่น อยากให้ใจมันอิ่มเอิบ
แล้วบังเอิญว่าเราทำไปหลายวันแล้วมันไม่ได้ขึ้นมา .. เราจะอยากทำต่อเหรอ?

 

( แล้วถ้าไม่ทำอะไรเลย ศรัทธาจะมาจากที่ไหน ) ตอบ>> แต่ก่อนเคยมีใจอยากสวดค่ะ สวดไปก็มีความสุขไป

 

การสวดแล้วอุทิศให้สรรพสัตว์ ก็มีความสุข
สามารถสวดไปอุทิศไปก็ได้ จะได้มีความสุขในขณะสวดไปด้วยเลย

 

ดิฉันก็เป็นแบบคุณจขกท. นะคะ บางช่วงจิตใจจะไม่ผ่องใส เหมือนจิตตก แต่ไม่ใช่ขี้เกียจนะคะ เลยไม่สวด แต่ศีล๕รักษาทุกวันค่ะ บางท่านจะแนะนำว่าควรสวดทุกวันจิตใจเป็นยังไงก็ต้องสวด แต่ดิฉันคิดว่ามันเป็นการฝืนธรรมชาติของจิตใจอย่างหนึ่ง เพราะสาเหตุที่ไม่อยากสวด อาจเป็นเพราะร่างกายและจิตใจเหนื่อยกับการงาน หรือมีเรื่องอะไรในใจที่ยังไม่เคลียร์ก็ได้ค่ะ

ศรัทธาอาจเกิดจากการทำยุญในพระพุทธศาสนาหรือรักษาศีลก็ได้นะคะ การที่ไม่อยากสวดมนต์ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ศรัทธาค่ะ

ดิฉันเคยสนิทกับรุ่นพี่ท่านนึงที่ศึกษาพุทธวจนอย่างเดียว สวดบทอื่นก้อไม่ได้ จะให้ดิฉันสวดแต่ของพุทธวจน แต่ดิฉันจริตชอบอิสระ จึงศึกษาหมด ชอบบทไหนควรสวดบทนั้นค่ะ เพื่อน้อมจิตใจให้เกิดศรัทธาได้ง่ายด้วย แต่ละคนจะรู้สึกพิเศษกับบทสวดแต่ละบทไม่เหมือนกัน ตอนนี้ดิฉันสวด บทอาการวัตตาสูตร แต่ไม่ได้สวดทุกวัน เพราะจิตใจไม่ค่อยพร้อมค่ะ ตอนแรกหมอบอกว่าเป็นไบโพลาร์ แต่ตอนหลังวินิจฉัยใหม่ว่าเป็นซึมเศร้าค่ะ

 

ยินดีด้วย อาการดีขึ้นแล้ว

 

จริงหรอคะ เพราะไบโพลาร์จะมี2อารมณ์สลับกันคือ ร่าเริงผิดปกติ กับ ซึมเศร้า แต่ถ้าเป็นซึมเศร้า คือซึมเศร้าอย่างเดียวนะคะ คือยังรักษาไม่ถึงปีหมอเลยกำลังเก็บข้อมูลเพื่อวินิจฉัยนะค่ะ ท่านเลยไม่ได้ฟันธงทีเดียวว่าเป็นอะไรแน่ ท่านจะถามบ่อยๆว่ามีหูแว่วมั้ย ถ้ามีจะเป็นโรคทางจิตร่วมด้วย ไม่ใช่เป็นแค่โรคทางอารมณ์อย่างเดียว

 

อืม

 

สวดมนต์ไปด้วย ทำสมาธิตอนเวลาสวดมนต์ไปด้วยครับ จขกท ได้ บุญ กุศลกรรม แน่นอน ครับ


จริงๆเราสวดมนต์ จิตเราไม่ได้ไปฟุ้งซ่านกับเรื่อง อกุศลกรรม ครับ มีสติอยู่กับบทสวดมนต์

ยกเว้นแต่ว่า ถ้าปากสวดไปแต่ในใจ คิดแต่เรื่องอกุศลกรรม ก็คือ บาป คิดเรื่อง อกุศลกรรม ก็ย่อมได้บาป ครับ ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่

ดังนั้นถามว่าได้บุญ หรือ ป่าว เวลาสวดมนต์ ก็ต้องถาม ใจ ตัวเองดู ว่าตอนที่สวดมนต์นั้น จิตใจ มโนกรรม เป็นบุญ หรือ เป็นบาป คิดเรื่อง อกุศลกรรม อยู่หรือไม่นั้นเอง

ส่วนเรื่องมี พี่คนนึง บอก ก็ต้องพิจารณาดูให้ดีๆ ว่า เค้าบอกแล้วสิ่งที่เค้าบอก จริง หรือ ไม่ นั้นเองครับ ต้องพิจารณาดูด้วยตัวเอง

ถ้าตามความเห็นผม จะสวดแบบไหนก็แล้วแต่ จะงู หรือ จะ ปลา ถ้าตอนที่สวด ไม่ได้คิด อกุศลกรรม ก็ย่อมได้บุญ กุศลกรรมอยู่แล้วครับ

.

 

การสวดมนต์ก็เพื่อให้จิตเป็นสมาธิ ห่างจากอกุศลจิต ตอนสวดทำจิตให้เป็นสมาธิอยู่กับบทสวด นั้นและครับได้บุญแล้ว ส่วนที่ท่องเป็นนกแก้วนกคุณทองแต่ใจฟุ้งซ่านไม่ได้บุญหรอกครับ.

 

สวดมนต์ก็เป็นการทำสมาธิ
กลับไปสวดเหมือนเดิม
ดูใจตัวเองว่าทำแบบไหนแล้วมีความสุขสงบร่มเย็น
อย่าไปฟังชาวบ้านเยอะ

 

ได้บุญแน่นอน แต่ได้มากได้น้อยขึ้นอยู่กับระดับสมาธิในขณะสวดมนต์

 

อันนี้เอานิสัยส่วนตัวตอบนะครับ ซื่งอาจเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีนักสำหรับผู้มีวินัย พอดีว่าอ่านที่ จขกท ถาม แล้ว รู้สึกว่า มันคล้าย ๆ ความรู้สึกของตัวเองและผมผ่านจุด ๆ นั้นมาแล้ว ก็เลยอยากตอบ

ผมไม่ได้สวดมนต์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะผมเชื่อว่าการสวดมนต์โดยไม่รู้ความหมายมันไม่ทำให้เราได้บุญสักเท่าไหร่ มาเรียนทีหลัง จาก พระโพิสัตว์ท่านหนึ่ง ก็ได้ความว่า การสวดมนต์แบบงู ๆ ปลา ๆ มันไร้ประโยชน์ผมก็ยิ่งไม่สวดอะไรเลยครับ

เพราะการทำอะไรสักอย่างไปเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่เข้าใจเลยว่าประโยชน์ของมันคืออะไรนั้น มันทำให้ผมเกิดความทุกข์มาก เขาว่าสวดมนต์ละเกิดสมาธิ ก็ไม่เห็นมันจะเกิดอะไรขึ้นกะผมเลย ผมก็เลยเลิกสวด (บางทีก็นึงเซ็งวิธีสอนให้ทำแล้วมารู้ทีหลังอย่างนี้ของบรรพยุรุษบ้านเราเสียจริง กว่าจะรู้ว่าทำไมเขาสอนแบบนี้ผมก็โง่อยู่ตั้งหลายสิบปี)

จนกระทั่งได้อ่านคำแปล และเรียนรู้ไปตามคำแปลของบทสวดนั้นด้วยตนเอง ก็เลยเกิดความซาบซึ้งตามบทสวดขึ้นมา และสามารถสวดมนต์ได้อย่างมีความสุข (แต่ผมเองก็ไม่สวดอยู่ดี เอาเวลาสวดมนต์ไปเรียนรู้เรืองอื่นดีกว่า)

ผมว่าการสวดมนต์ อย่างรู้ความหมาย และซาบซึ้งในความหมายไม่ใช่การสวดแบบงู ๆ ปลา ๆ หรอกครับ ถ้าเราเรียนรู้มากพอ บทสวดบางบทสามารถทำให้เราเข้าใจธรรมชาติอย่างกว้างขวางได้เลย ลองหาบทสวดใหม่ ๆ มาสวด ศึกษาและเรียนรู้ตามโดยละเอียดบ้างก็คงจะดีไม่น้อย

ผมยังมี ปัญญา ศรัทธา กับวิริยะ น้อยอยู่ ดังนั้นก็เลยมีวิธีการเรียนรู้ที่แปลก ๆ จากชาวบ้านชาวช่องหน่อย

แต่วิธีสร้างเสริมศรัทธาของผมมันก็มีครับ มันคือการ ลองคิดนอกกรอบ นอกรีตนอกรอยบ้าง แล้วกลับมาศึกษาตาม ปฏิบัติตาม จนบังเกิดผลนั่นแหละ เมื่อเห็นผลจริง ความเชื่อในพระพุทธองค์มันก็จะตามมาของมันเอง อันไหนยังไม่เชื่อหรือว่าคิดไม่ตรงกับพระองค์ก็จะเก็บไว้ก่อน ค่อยไปพิจารณาทดลองทำจนรู้ตาม หรือรู้เองได้ทีหลัง เป็นวิธีที่ออกจะเสียงนรกหน่อย แต่ก็ช่วยให้เกิดความรู้ความเข้าใจได้อย่างกว้างขวางพอสมควร

 

เราทั้งหลายเข้าใจผิดว่าสมาธิคือนั่งสมาธิ
แต่หาได้น้อยที่
การทำทุกอย่างในชีวิตให้เป็นสมาธิและอยู่ในจิตปัจุบันเป็นยังใง
การเดิน
ยืน
นั่ง
นอน
ทำกิจวัตร
ทุกอย่างคือสมาธิได้
ยิ่งสวดมนต์ในสมาธิมือจับหนังสือ ตาดู หูฟัง ปากออกเสียงทุกอย่างคือสมาธิได้หมดเลย
สวดออกเสียงดังฟังชัดจิตจับอยู่ในเสียงสวดมนต์นั้นคือสสาธิ
อานิสงฆ์ในการสวดมนต์ให้ผลในทันทีที่จิตท่านศรัทธา
เสียงกัองกัมปนาทจากอานิสงฆ์การสวดมนต์ด้วยจิตมีศรัทธานั้น
มีจริงนะ
ข้าพเจ้าลองมาแล้วเจ้าอื่นสู้ไม่ได้เลย
เสียงนี้เรียกลูกค้าได้เจ้าอื่นแทรกไม่ได้สู้ไม่เท่าแพ้ไปเลย
สนุกกับการปฎิบัติธรรมและรับอานิสงแห่งบุญกันคะ

 

ทำทั้งทีเอาให้ได้ดีไปเลยคะ
เอามาฝากคะ

 

เหนือคำว่าศรัทธาคือปัญญา

จะเรียกศรัทธาได้มากมาย เพราะอาศัยปัญญา

เมื่อปัญญาเกิด สรรพสิ่งดีงามย่อมเกิดตามมา

ให้หมั่นปลูกปัญญา ครับสาธุ

 

อย่าสวดเลยครับ สวดไป ตังค์ในกระเป๋าก็เพิ่มขึ้นหรอกครับ