ถ้าเราพ้นจากทุกข์นี้ไปได้ เราจะบอกให้คนอื่นพ้นตาม

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นพณัฐ, 5 ธันวาคม 2012.

  1. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    [​IMG]

    พระพุทธเจ้าเป็นบุคคลเหนือโลกทั้ง ๓ พระองค์ทรงพร้อมด้วยลักษณะมหาบุรุษ (มหาปุริสลักษณะ)
    ไม่ใช่มนุษย์สามัญทั่วไป และทรงพร้อมด้วยวิชชา และจรณะ(วิชชา ๓ วิชชา ๘ และอภิญญา ๖, และจรณะ ๑๕)
    คือ เป็นมหาสัตว์ นั่นเอง แต่กว่าที่พระองค์จะทรงมีคุณสมบัติเหล่านี้ได้
    พระองค์ก็ไม่ได้ทรงรัก ทรงหลงไหล ทรงรู้ความเป็นพระพุทธเจ้าแต่อย่างใด
    แต่ก่อนนั้นนานมาแล้ว มีสัตว์โลกตนหนึ่ง (พระองค์เอง) ได้เห็นความทุกข์ และประสบทุกข์บนโลกทั้ง ๓ นี้
    ได้รับความลำบากนานาประการ รู้สึกอึดอัด อิดนาระอาใจ "อยากจะพ้นจากอัตตภาพที่เป็นอยู่นี้"
    จึงแสวงหาความพ้นทุกข์ เพื่อความหลุดพ้นและได้ตั้งใจไว้ว่า
    "ถ้าเราพ้นจากทุกข์นี้ไปได้ เราจะบอกให้คนอื่นพ้นตาม"
    หลังจากนั้น พระองค์ทรงทำผิดทางกาย วาจา ใจบ้าง ทรงทำความดีทางกาย วาจา ใจบ้าง
    คือ ทำดีบ้าง ทำชั่วบ้าง ได้ไปเกิดในอัตตภาพต่างๆ ในทุคติภพ คือ เปรต สัตว์นรก อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน
    ไปเกิดในสุขคติภาพบ้าง เป็นมนุษย์ เทวดา พรหม อรูปพรหมบ้าง แต่ก็ไม่พบทางพ้นทุกข์ได้จริง หรือพบความสุขที่ถาวรได้
    ต้องเวียนว่ายตายเกิดไปในภพน้อย ภพใหญ่ ในกำเนิดต่างๆ ทั้งสุข ทั้งทุกข์"จนปัญญาแก่กล้าขึ้น"(ปัญญาธิกะ)
    พอรู้ทางบุญ ทางบาป ทางเจริญ ทางเสื่อมแห่งชีวิต ว่าอะไรคือเหตุแห่งความสุข ควรที่จะปฏิบัติ
    รู้ว่า อะไรคือเหตุแห่งความทุกข์ ที่ควรละ เมื่อรู้อย่างนี้ สัตว์ (เริ่มเป็นมหาสัตว์) ตนนี้ เริ่มพยายาม (วิริยะ) และอดทน (ขันติ)
    ที่จะทำความดีทุกอย่างที่ตนรู้ได้ สัมผัสได้ และละความชั่วทุกอย่างที่ตนรู้ได้สัมผัสได้
    พูดง่ายๆ คือ เริ่มทำความดี จนเเก่กล้าขึ้น เป็นบารมีทั้ง 10
    ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี
    ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี


    [​IMG]

    สัตว์ตนนี้ไม่ทรงรู้หรอกว่า ที่ตนเองตั้งใจไว้ว่า
    "ถ้าเราพ้นจากทุกข์นี้ไปได้ เราจะบอกให้คนอื่นพ้นตาม" นั้น
    จะเป็นปฏิปทาของมหาสัตว์ และปฏิปทานี้ ถ้าสามารถทำสำเร็จได้
    จะได้เป็นศาสดา เป็นอาจารย์ เป็นครูของสัตว์โลกทั้งหลาย
    ด้วยเหตุนี้ สัตว์โลกทั้งหลายโดยมาก มีความปรารถนา
    "ความเป็นพระพุทธเจ้า" มากกว่า "การได้ช่วยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์"
    เพราะว่า สัตว์โลกที่จะพ้นทุกข์ได้นั้น ต้องมองเห็นความทุกข์ รังเกียจความทุกข์
    จึงจะนำตน และสัตว์โลกอื่นทั้งหลาย พ้นจากภพ ๓ นี้ไปได้
    ลำพังความปรารณา การได้เป็นพระพุทธเจ้า (สิ่งสมมุติ) คงไม่พอที่จะให้ให้สัตว์โลกนั้น นำพาตนเอง
    และสัตว์โลกอื่นให้พ้นทุกข์ตามได้สำเร็จ ถ้ายังไม่เห็นความทุกข์ในทั้ง๓ ภพ
    เพราะเหตุว่า
    "จิตใจทุกๆดวงของสัตว์ตนนั้น มุ่งหวังแต่การได้เป็นพระพุทธเจ้า" ไม่ได้ มุ่งหวัง "ที่จะช่วยสัตว์โลกอื่นให้พ้นภัย"

    [​IMG]

    สัตว์โลก ปรารถนาการได้เป็นพระพุทธเจ้านั้น มีมาก และจิตปรารถนาจะให้สัตว์โลกพ้นตามนั้น มีน้อย
    สัตว์โลก ปรารถนาการได้เป็นพระพุทธเจ้านั้น มีมาก ฉะนั้น การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้า จึงมีได้โดยยาก

    สัตว์โลก ปรารถนานำสัตว์โลกทั้งหลายพ้นจากความทุกข์นั้น มีน้อย ฉะนั้น การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้า จึงมีได้โดยยาก
    ถ้าสัตว์โลกใด ปรารถนานำสัตว์โลกทั้งหลายพ้นจากความทุกข์ มีสัจจะ มีความแน่วแน่
    การได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ใช่จุดมุ่งหมาย ไม่ใช่ปฏิปทาของสัตว์ตนนั้น

    สัตว์โลก ที่มีจิตคิดพ้นทุกข์ และนำสัตว์โลกทั้งหลายพ้นทุกข์ตาม
    เป็นเหตุให้ได้ผังการบำเพ็ญบารมีเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า แล้วสำเร็จเป็นเจ้าของศาสนา เป็นพระพุทธเจ้า มีน้อย
    สัตว์โลก ทีเห็นความอัศจรรย์ของพระพุทธเจ้า แล้วตั้งความปรารถนาจะขอบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า
    เป็นเหตุให้ได้ผังการบำเพ็ญบารมี เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า แล้วสำเร็จเป็นเจ้าของศาสนา เป็นพระพุทธเจ้า มีน้อย

    เพราะเหตุนี้เอง การอุบัติของพระพุทธเจ้า อันสัตว์โลก มีได้โดยยาก...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2012
  2. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    [​IMG]

    เป็นประเพณีของมหาสัตว์
    เมื่อได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใด พระองค์หนึ่ง มหาสัตว์นั้น
    ด้วยกำลังของบารมีที่ตนสั่งสมอบรมมา ย่อมทราบปฏิปทาของความหลุดพ้นได้เอง
    บารมีทั้ง ๑๐ ประการที่ทำมาจนเป็นนิสัยและสันดาน ก็จะบอกกับมหาสัตว์นั้นว่า :-

    ท่านจงยึดบารมีข้อที่ ๑ คือ "ทาน" การให้ นี้ บำเพ็ญให้มั่นก่อน
    "ท่านจงบำเพ็ญทานบารมีเถิด ถ้าท่านปรารถนาจะบรรลุโพธิญาณ
    ท่านเห็นยาจกทั้งชั้นต่ำ ปานกลางและชั้นสูงแล้ว
    จงให้ทานอย่าให้เหลือ ดังหม้อที่เขาคว่ำไว้ เปรียบเหมือนหม้อที่เต็มด้วยน้ำ
    ผู้ใดผู้หนึ่งจับคว่ำลงแล้ว น้ำย่อมไหลออกหมด ไม่ขังอยู่ในหม้อนั้น"

    ท่านจงยึดบารมีข้อที่ ๒ คือ "ศีล" ความเป็นปกติของสัตว์โลก ผู้เป็นธาตุธรรมของความดี นี้ บำเพ็ญให้มั่นก่อน
    "ท่านจงบำเพ็ญศีลบารมีเถิด ถ้าท่านปรารถนาจะ บรรลุโพธิญาณ ท่านจงบำเพ็ญศีลในภูมิ ๔ ให้บริบูรณ์
    จงรักษาศีล ในกาลทั้งปวง ดังจามรีรักษาขนหาง เปรียบเหมือนดังจามรี ย่อมรักษาขนหางอันติดในที่ไรๆ
    ยอมตายในที่นั้น ไม่ยอมทำขนหางให้ เสีย ฉะนั้น"

    ท่านจงยึดบารมีข้อที่ ๓ คือ "เนกขัมมะ " นี้ บำเพ็ญให้มั่นก่อน
    "ท่านจะบำเพ็ญเนกขัมมบารมีเถิด ถ้าท่าน ปรารถนาจะบรรลุโพธิญาณ ท่านจงเห็นภพทั้งปวงดังเรือนจำ
    ท่านจงมุ่งหน้าต่อเนกขัมมะ เพื่อหลุดพ้นไปจากภพ เปรียบเหมือนบุรุษที่ถูกขังในเรือนจำ
    ได้รับทุกข์มานาน ย่อมไม่ยังความยินดีให้เกิดใน เรือนจำนั้น แสวงหาความพ้นไป ฉะนั้น"

    ท่านจงยึดบารมีที่ ๔ คือ "ปัญญา" โลกุตตรปัญญา นี้ บำเพ็ญให้มั่นก่อน
    "ท่านจะบำเพ็ญปัญญาบารมีเถิด ถ้าท่านปรารถนาจะบรรลุโพธิญาณ ท่านได้สอบถามคนมีปัญญาตลอดกาลทั้งปวง
    บำเพ็ญปัญญาบารมีแล้ว จักบรรลุ สัมโพธิญาณได้ เปรียบเหมือนภิกษุ เมื่อเที่ยวภิกษา
    ไม่เว้นตระกูลต่ำ ปานกลางและสูงย่อมได้อาหารเครื่องเยียวยาอัตภาพ ฉะนั้น"

    ท่านจงยึดบารมีข้อที่ ๕ คือ "วิริยะ" ความเพียรพยายามที่จะทำความดีทุกอย่าง ละความชั่วทุกอย่าง
    ทำใจให้บริสุทธิ์ ผ่องใส นี้ บำเพ็ญให้มั่นก่อน "ท่านจงบำเพ็ญวิริยบารมีเถิด ถ้าท่านปรารถนาจะบรรลุโพธิญาณ
    ท่านประคองความเพียรให้มั่นไว้ทุกภพ บำเพ็ญวิริยบารมีแล้ว จักบรรลุสัมโพธิญาณได้
    เปรียบเหมือนสีหมฤคราช มีความเพียรไม่ ย่อหย่อนในที่นั่งที่ยืนและที่เดินประคองใจไว้ทุกเมื่อ ฉะนั้น"

    ท่านจงยึดบารมีข้อที่ ๖ คือ "ขันติ" ความอดทน นี้ บำเพ็ญให้มั่นก่อน
    "ท่านมีใจแน่วแน่ในขันตินั้น จักบรรลุสัมโพธิญาณได้ ท่านจง อดทนต่อคำยกย่องและคำดูหมิ่นทั้งปวง
    บำเพ็ญขันติบารมี เปรียบดังแผ่นดิน อดทนต่อสิ่งที่เขาทิ้งลงทุกอย่าง ทั้งสะอาดและไม่สะอาด
    ไม่แสดงความยินดียินร้ายฉะนั้นแล้ว จักบรรลุสัมโพธิญาณได้"

    ท่านจงยึดบารมีข้อที่ ๗ คือ "สัจจะ" ความจริงใจ นี้ บำเพ็ญให้มั่นก่อน
    "ท่านมีใจแน่วแน่ในสัจจะนั้น จักบรรลุสัมโพธิญาณได้ ดาวประกายพฤกษ์ เป็นดาวนพเคราะห์
    ประจำอยู่ในมนุษย์โลกทั้งเทวโลก ไม่หลีกไป จากทางเดิน ทุกสมัยฤดูหรือปี ฉันใด
    แม้ท่านก็ฉันนั้น อย่าหลีก ไปจากแนวในสัจจะ บำเพ็ญสัจจบารมีแล้วจักบรรลุสัมโพธิญาณได้"

    ท่านจงยึดบารมีข้อที่ ๘ คือ "อธิษฐาน" ความตั้งใจไว้ว่าจะทำปฏิปทานี้ นี้บำเพ็ญให้มั่นก่อน
    "ท่านไม่หวั่นในอธิษฐานบารมีนั้น จักบรรลุสัมโพธิญาณได้ ท่านจงเป็นผู้ไม่หวั่นไหวในการอธิษฐาน
    ในการทั้งปวง บำเพ็ญ อธิษฐานบารมี เปรียบเหมือนภูเขาหินไม่หวั่นไหว ตั้งมั่น ไม่สะท้านสะเทือน
    เพราะลมจัด คงอยู่ในที่เดิม ฉะนั้นแล้ว จักบรรลุ สัมโพธิญาณได้"

    ท่านจงยึดบารมีข้อที่ ๙ คือ "เมตตา" ความปรารถนาให้สัตว์โลกพ้นจากความทุกข์นี้ บำเพ็ญให้มั่นก่อน
    "ท่านจงเป็นผู้ไม่มีใครเสมอด้วยเมตตา ถ้าท่านปรารถนาจะบรรลุสัมโพธิญาณ
    ท่านจงเจริญเมตตาให้เสมอกัน ทั้งในสัตว์ที่มีประโยชน์ และไม่มีประโยชน์ บำเพ็ญเมตตาบารมี
    เปรียบเหมือนน้ำย่อมแผ่ความเย็น ชำระล้างมลทินธุลี เสมอทั้งในคนดีและคนชั่ว ฉะนั้นแล้วจักบรรลุสัมโพธิญาณได้"

    ท่านจงยึดบารมีข้อที่ ๑๐ คือ "อุเบกขา" การปล่อยและวางใจ นี้ บำเพ็ญให้มั่นก่อน
    "ท่านเป็นผู้มีอุเบกขามั่นคงดังตราชั่ง จักบรรลุโพธิญาณได้ ท่านจงมีใจเที่ยงตรงดังตราชั่งในสุขและทุกข์ในกาลทุกเมื่อ
    บำเพ็ญอุเบกขาบารมี เปรียบเหมือนแผ่นดินย่อมวางเฉย สิ่งที่เขาทิ้งลงทั้งที่ไม่สะอาดและสะอาด
    ทั้งสองอย่าง เว้นจากความโกรธและความยินดี ฉะนั้นแล้ว จักบรรลุสัมโพธิญาณได้"

    ขอขอบพระคุณสำหรับบทความดี ๆ ที่ท่าน Pal bh ได้นำมาลงไว้เป็นธรรมทานด้วยนะครับ
    และขอให้ท่านทั้งหลายเจริญในธรรมยิ่งขึ้นไป สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2012
  3. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    การปรารถนาพุทธภูมิ เพื่อช่วยเหลือทุกสรรพสิ่งให้พ้นทุกข์อย่างบริบูรณ์
     
  4. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ทางเดินสายละวางนี้ เป็นทางเดินที่ทวนกระแสของโลก เป็นทางเดินที่สวนทางกับผู้อื่น ทั้งหมดในโลก

    เราเป็นผู้เดินบนเส้นทางสายนี้ ผู้ใดอยากจะเดินตาม ก็ตามเรามาได้เลย
     
  5. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ไม่ว่าจะต้องทุกข์ทนอีกสักกี่หมื่นกี่พันกี่ร้อยชาติ ก้จะเดินตามแนวทางนี้ไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะเห็นความทุกข์แห่งการเกิดนั้นอยู่ก็ตาม เพียงเพื่อจะทำให้สัตว์อื่น ผู้อื่นได้พ้นไปจากความทุกข์ระทมอันไม่มีที่สุดนี้ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
     
  6. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    [​IMG]

    พระพุทธเจ้ามีพระคุณต่อเราอย่างไร?
    พระคุณของพระพุทธเจ้านั้นมากมายมหาศาล ท่านคือผู้ชี้ทางให้แก่สัตว์โลก
    ที่ตาบอดมืดมัวไปด้วยกิเลศ ต้องเวียนว่ายตายเกิดไปตามกรรม
    หากจะพรรณนาถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า อันไม่มีประมาณนั้น แม้จะพรรณนาไปสักหมื่นปี
    คุณที่พรรณนานั้นก็เทียบได้แค่กับลมอากาศที่นกกระพือปีกเท่านั้น
    หากแต่ยังมีลมอากาศไปอีกไม่มีประมาณ อันเทียบได้ว่าพุทธคุณของพระพุทธองค์นั้นมากมาย
    ยากจะหยั่งได้ว่ามหาศาลเพียงใด หากจะกล่าวโดยรวม พระคุณของพระพุทธเจ้านั้นยังมี

    "ปัญญาธิคุณ" พระองค์มีปัญญาคุณแก่เรา เพราะว่า
    พระองค์ทรงสั่งสอนมนุษย์ให้รู้จักบาป บุญ คุณ โทษ ชี้ ทางสว่างให้เรา
    ให้ทุกคนใช้ปัญญาในการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง ชอบธรรม ใช้ปัญญาตาม
    มรรคมีองค์ 8 อันเป็นแนวทางที่พระองค์ ชี้แนวทางให้เราปฏิบัติตาม คือ

    - สัมมาทิฏฐิ คือ ปัญญาเห็นชอบ หมายถึง การปฏิบัติอย่างเหมาะสมตามความเป็นจริงด้วยปัญญา
    - สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริชอบ หมายถึง การใช้สมองความคิดพิจารณาแต่ในทางกุศลหรือความดีงาม
    - สัมมาวาจา คือ เจรจาชอบ หมายถึง การพูดต้องสุภาพ แต่ในสิ่งที่สร้างสรรค์ดีงาม
    - สัมมากัมมันตะ คือ การประพฤติดีงาม ทางกายหรือกิจกรรมทางกายทั้งปวง
    - สัมมาอาชีวะ คือ การทำมาหากินอย่างสุจริตชน ไม่คดโกง เอาเปรียบคนอื่น ๆ
    - สัมมาวายามะ คือ ความอุตสาหะพยายาม ประกอบความเพียรในการกุศลกรรม
    - สัมมาสติ คือ การไม่ปล่อยให้เกิดความพลั้งเผลอ จิตเลื่อนลอย ดำรงอยู่ด้วยความรู้ตัวอยู่เป็นปกติ
    - สัมมาสมาธิ คือ การฝึกจิตให้ตั้งมั่น สงบ สงัด จากกิเลส นิวรณ์อยู่เป็นปกติ
    และทรงสอนให้มนุษย์มี เมตตา กรุณา ต่อกัน ไม่เบียดเบียนกันและกัน
    อยู่ด้วยกันอย่างมีความสงบสุข รู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน

    "บริสุทธิคุณ" พระองค์มีศีลธรรมที่บริสุทธิ์ บริสุทธิด้วย กายบริสุทธิ วาจาบริสุทธิ และใจบริสุทธิ
    มีจิตใจที่หวังดีต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคน ประสงค์ให้ทุกคนพ้นทุกข์ มีสุข
    พระองค์เป็นพระอรหันต์ ปราศจากกิเลส มลทินเป็นเครื่องเศร้าหมองแห่งใจ คือ
    โลภะ ความโลภ โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง ฉะนั้นพระองค์จึงเป็นผู้บริสุทธิ อย่างแท้จริง

    "มหากรุณาธิคุณ" พระองค์มีพระมหากรุณาต่อทุกคน ไม่เลือกชั้น วรรณะ เป็นพระมหากรุณาที่ยิ่งใหญ่
    ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้พ้นเสียจากบ่วงคือความทุกข์ ที่ทุกคนยึดมั่นถือมั่นถือมั่นว่าเป็นของตนเอง
    แต่จริงๆแล้วทุกสิ่งเป็นสิ่งสมมุติ ไม่เที่ยงแท้แน่นอน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป เป็นธรรมดา
    พระองค์ทรงสอนมนุษย์ทุกคนให้เห็นสัจธรรมชีวิต จุดประสงค์หลักของพระองค์ คือ
    การพาสัตว์โลกให้พ้นจากวัฎฎะสงสาร คือการเวียนว่ายตายเกิด เข้าสู่นิพพาน คือ
    การดับเสียซึ่งกิเลส โลภ โกรธ หลง ทั้งมวล และจะไม่ทุกข์อีกต่อไป จะไม่กลับมาเกิดอีกต่อไป
    เพราะการเกิดใหม่ เป็นทุกข์

    พระองค์ทรงสอนมนุษย์ทั้งหลายตลอด 45 พรรษา
    ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อมวลมนุษย์ทั้งมวล
    เพื่อให้มนุษย์พ้นทุกข์ และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสงบ
    นั่นคือคุณของพระองค์ที่พวกเราควรสรรเสริญอย่างยิ่ง...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    [​IMG]


    คาถาเชื่อมจิตกับพระโพธิสัตว์ทุกองค์

    ตั้งเครื่องสักการะขึ้นมา
    (คำว่าเครื่องสักการะนั้นอาจเป็นธูปเทียนหรือดอกไม้หรือพวงมาลัยหรือน้ำหนึ่งแก้วก็ได้
    ถ้าไม่มีอะไรเลย ให้เอาดวงจิตที่อ่อนน้อมเป็นเครื่องสักการะ ขอเพียงให้ทำด้วยความเคารพ เอาใจเป็นใหญ่)

    จากนั้นอธิษฐานดังนี้...

    เครื่องสักการะนี้ ข้าพเจ้าขอประดิษฐาน เพื่อถวายเป็นเกียรติแก่ พระโพธิสัตว์ทุกองค์และบริวารทั้งปวง
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์และบริวาร
    พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์และบริวาร พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์และบริวาร
    (อาจเพิ่มพระโพธิสัตว์ที่เราเคารพเป็นพิเศษไปอีกได้ตามสะดวกและตามศรัทธา เช่นหลวงปู่ทวดวัดช้างไห้และบริวาร
    หลวงพ่อปานวัดบางนมโคและบริวาร ครูบาศรีวิชัยและบริวารเป็นต้น ก็ได้)

    บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาในอดีตชาติก็ดีปัจจุบันชาติก็ดี ที่จะให้ผลแก่ข้าพเจ้าเพียงไร
    ข้าพเจ้าขออุทิศกุศลนั้น ให้แก่พระโพธิสัตว์ทุกองค์และบริวารทั้งปวง จงทุกประการเทอญ
    อนึ่งบุญใดที่พระโพธิสัตว์ทุกองค์และบริวารทั้งปวง ได้บำเพ็ญมาทุกภพทุกชาติ ข้าพเจ้าขอกราบอนุโมทนา
    ขอให้ข้าพเจ้า จงมีส่วนแห่งบุญนั้น ทุกประการ ขออุทิศบุญจากการอนุโมทนานี้
    ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรและเทวดาที่รักษาข้าพเจ้า ขอป่าวประกาศคุณงามความดีของท่าน
    ไปตลอดหมื่นโลกธาตุ แสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล จิตวิญญาณทุกดวง ทุกเทวสมาคม ทุกเทวสภา
    จงรับรู้รับทราบ คุณงามความดี ที่ท่านได้ทำแล้ว จงทุกประการเทอญ
    สิ่งใดข้าพเจ้า ได้เคยล่วงเกินท่านทั้งหลาย ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
    ข้าพเจ้าขอกราบแทบเท้าขอขมา ขอท่านจงโปรดเมตตา ยกโทษอโหสิกรรม ให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ
    สิ่งใดที่ท่านได้เคยล่วงเกินข้าพเจ้า มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี
    ข้าพเจ้าขอปวารณาให้เป็นอโหสิกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น
    ข้าพเจ้าขออุทิศกุศล ไปกับกระแสเมตตาจิต ของพระโพธิสัตว์ทุกองค์และบริวารทั้งปวง
    สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงทั้งหมื่นโลกธาตุแสนโกฏิจักรวาลอนันตจักรวาล จงมีส่วนแห่งกุศล
    ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาจงทุกประการเทอญ ข้าพเจ้าขอพรว่า
    เมื่อใดที่ข้าพเจ้า อุทิศกุศล แผ่เมตตา และอธิษฐานจิต ขอให้ศักดิสิทธิ์มีฤิทธิ์
    คล้ายประหนึ่งว่า ท่านทั้งหลายได้โปรดเมตตาบันดาลให้เป็นไปด้วยเทอญ...


    การเชื่อมจิตกับพระโพธิสัตว์ทุกองค์และบริวารทั้งปวง หมายถึง
    เราได้ทำการผูกมิตรกับท่านผู้ที่อยู่ในสายการสร้างบารมีทั้งหมดทั้งสิ้นเลย
    ฉะนั้น คาถาเชื่อมจิตกับพระโพธิสัตว์ทุกองค์นี้ ถ้าใครใช้ทุกวันจะทำให้ผู้นั้นมี
    จิตพิเศษกว่าคนธรรมดาทั่วไป เวลาอธิษฐานอะไร ถ้าไม่ผิดทำนองคลองธรรม
    จะสัมฤทธิ์ผลง่ายกว่าคนทั้งหลาย เวลาประกอบกิจการอันเป็นกุศล
    ที่อยู่ในขอบข่ายการสร้างบารมีก็จะสำเร็จง่าย
    เพราะพระโพธิสัตว์ทุกองค์และบริวารทั้งปวงจะมาช่วย

    จาก หลวงพ่อชุมพล
    (ขอขอบพระคุณ ท่าน Webmaster - buddhapoom.com)


    คาถาบทนี้ อาจมีประโยชน์แก่ท่านผู้ปรารถนาพุทธภูมินะครับ
    และขออนุโมทนา แก่ท่านทั้งหลาย มา ณ ที่นี้ด้วยครับ สาธุ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _1_~1.JPG
      _1_~1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      39.5 KB
      เปิดดู:
      199
  8. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ขันธ์5มันทุกข์ อย่าให์จิตไปยึดขันธ์ ฝึกสติให้ว่องไวตามรู้จิตที่โคจรไปยึดโน่นนั่น
     
  9. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    อ่านแค่โปรยหัวข้อ น้ำตาจะไหล
     

แชร์หน้านี้

Loading...