ทริปเป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน-ช่องเขาขาด-ปราสาทเมืองสิงห์ ๑๑ ธ.ค. (ชมภาพหน้า ๕)

แจ้งสรุปความคืบหน้าของทริปธรรมทัศนาจร (๑๐)

...... เรียนสมาชิกร่วมเดินทางทุกท่านทราบ ขออนุญาตแจ้งความคืบหน้าเรื่อง ทริปธรรมทัศนาจร (๑๐) พิธีพุทธาภิเษก- เป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน-ช่องเขาขาด-ปราสาทเืมืองสิงห์ จ. กาญจนบุรี วันที่ ๑๑ ธ.ค. ๕๓ ให้ทุกท่านทราบโดยพร้อมเพรียงกัน ดังนี้

๑. การเดินทาง
รถบัสปรับอากาศ ๒ ชั้น จำนวน ๒ คัน
- ลับแล ๑ จำนวน ๕๒ คน
- ลับแล ๒ จำนวน ๕๔ คน (ผู้ใหญ่ ๕๐ คน ,เด็ก ๔ คน)

รวมสมาชิกร่วมเดินทาง ๑๐๖ คน

๒. วัน, เวลา/สถานที่ขึ้นรถ
วันศุกร์ ที่ ๑๐ ธ.ค.๕๓
จุดที่ ๑ เวลา ๒๔.๐๐ น. ปั๊มน้ำมัน ปตท.สนามเป้า
๐๐.๒๐ น. ตรวจสอบรายชื่อ ล้อหมุน

จุดที่ ๒ เวลา ๐๐.๓๐ น. ป้ายโดยสารรถประจำทาง ขสมก. หน้าห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง สาขาธนบุรี

จุดที่ ๓ ร้าน ๗/๑๑ เวลา ๐๐.๓๐ น. หน้าตลาดพุทธมณฑลสาย ๓

๓. การแต่งกาย
- ชุดขาว
- เสื้อยืดคอวี สีครีม สำหรับสมาชิกหรือตามอัธยาศัย

๔. อาหารและน้ำดื่ม
โรงทาน และตามอัธยาศัย

๕. กิจกรรมบุญในทริปนี้
- ร่วมถวายวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน สร้างพระชำระหนี้สงฆ์

๖. ยอดเงินรวมบุญ ณ วันที่ ๗ ธ.ค.๕๓ จำนวน ๒,๓๐๐ บาท
(อ้างอิงจากหน้าที่ ๑ คคห.ที่ ๒)

๗. ทั่วไป
- สมาชิกที่จะนำวัตถุมงคลไปเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก ขอให้บรรจุลงกล่องพร้อมเขียนชื่อและเบอร์โทรศัพท์ให้เรียบร้อย เมื่อไปถึงวัดขอให้นำวัตถุมงคลไปยังสถานที่ทำพิธีเพื่อติดต่อขอรับหมายเลขจากเจ้าหน้าที่
- สภาพเส้นทางจากพิพิธภัณฑ์ไปยังช่องเขาขาด เป็นเส้นทางเดินเท้า รองเท้าที่ใช้ขอให้เป็นรองเท้าที่กระชับ สวมใส่สบายคล่องตัว และไม่อนุญาตให้สมาชิกทุกท่านเดินเท้าต่อจากช่องเขาขาดไปถึงจุดสิ้นสุดที่สถานีหินตก เหตุผลเพราะข้อจำกัดของเวลาเนื่องจากเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติตามแนวเส้นทางรถไฟเก่าใช้เวลาเดินทางไป-กลับประมาณ ๔.๓๐ ชม.
- ช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ขอให้สมาชิกทุกท่านจัดเตรียมอุปกรณ์กันหนาว-กันแดด อาทิ เสื้อกันหนาว ,แว่นกันแดด ,ร่ม ,หมวก ฯลฯ โดยเฉพาะท่านที่พาบุตรเล็กไป ควรจัดเตรียมเสื้อผ้าหนา ๆ สำหรับให้สวมใส่ระหว่างเดินทาง

๘. ผังที่นั่ง
เมื่อสมาชิกเดินทางถึงจุดนัดพบ ขอให้แจ้งชื่อ-หมายเลขรถ (ลับแล ๑ - ลับแล ๒) และแถวที่นั่งให้กับเจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบรายชื่อก่อนขึ้นรถ

หมายเหตุ
​

- สมาชิกท่านใดต้องการปรับเปลี่ยนที่นั่ง ขอให้ตกลงปรับเปลี่ยนกันเองและเป็นไปด้วยความสมัครใจของทั้ง ๒ ฝ่าย
- เสื้อยืดคอวี สีครีม สำหรับสวมใส่ไปวัดได้ในทุกกิจกรรมบุญ มอบให้เป็นที่ระลึกสำหรับสมาชิกที่ร่วมบุญเข้ากองทุนบึงลับแล ๑๐๐ บาท



ตัวอย่างเสื้อจากนายแบบ-นางแบบ

 

นับถอยหลังอีก ๑๗ ชม.
​

กับงานเป่ายันต์เกราะเพชร วัดท่าขนุน
​

​

สมาชิกทุกท่าน อย่าลืม!

คืนนี้ (๑๐ ธ.ค.) เวลา ๒๔.๐๐ น. เรามีนัดกันที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาสนามเป้าค่ะ

 

แจ้งสรุปจำนวนเิงินร่วมบุญในทริปธรรมทัศนาจร ๑๐

.... ขอแจ้งยอดเงินที่ชาวคณะและกัลยาณธรรมทุกท่าน ร่วมบริจาคทำบุญในทริปธรรมทัศนาจร ๑๐ พิธีพุทธาภิเษก เป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน-ช่องเขาขาด-ปราสาทเมืองสิงห์ จ. กาญจนบุรี เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบและอนุโมทนาบุญร่วมกัน ดังนี้

ร่วมถวายปัจจัยติดตั้งระบบไฟฟ้าใหม่ สร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ๓๖ องค์วัดท่าขนุน จำนวน ๖,๕๐๐ บาท



- กราบขอบพระคุณเว็บพลังจิต และเจ้าหน้าที่ที่ได้มอบพื้นที่สำหรับกิจกรรมบุญในครั้งนี้
- กราบขอบพระคุณเว็บวัดท่าขนุน (สะพานบุญ) และเจ้าหน้าที่ที่ได้มอบพื้นที่สำหรับกิจกรรมบุญในครั้งนี้
- กราบโมทนากัลยาณธรรมทุกท่านที่ได้ร่วมบุญ ร่วมโมทนาในครั้งนี้
- และขอขอบคุณสมาชิกทั้ง ๑๐๖ ท่านที่ไ่ด้ร่วมเดินทางสืบสานต่อกิจกรรมบุญกันตามวาระธรรมะจัดสรร

พบกันใหม่กับกิจกรรมบุญปี ๒๕๕๔ กับงานมุทิตาจิตพระสมุห์ปรินทร์ ธมฺมสรโณ (หลวงพี่เอก) วัดเขาแร่ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย วันเสาร์ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๔

โมทนาค่ะ

 

บันทึกการเดินทาง ตอน จุดเริ่มต้นของการเดินทาง

.....ว่างเว้นจากการบันทึกประสบการณ์การเดินทางในหลาย ๆ กิจกรรมบุญมาเสียนาน คราวนี้พอมีเวลาว่างจะขออนุญาตเล่าสู่กันฟัง เป็นการปิดท้ายกิจกรรมบุญประจำปี

ทริปนี้หัวใจสำคัญอยู่ที่ "เป่ายันต์เกราะเพชร" สมาชิกทุกท่านที่ร่วมเดินทางในทริปนี้มีตั้งแต่เคยมีประสบการณ์รับมาหลายรอบและไม่เคยมีประสบการณ์การรับเลย เพราะฉะนั้นคำถามจึงมีมามากมายถึงวิธีการ การเตรียมความพร้อม

ช่วงขณะเปิดรับสมาชิกได้ประกาศแจ้งสมาชิกที่มีบุตรว่าสามารถนำไปร่วมรับยันต์ได้ ทำให้ทริปนี้มีเด็กร่วมเดินทางด้วยอีกหลายท่าน

วันแรกของการเดินทาง คือคืนวันศุกร์ที่ ๑๐ ธ.ค. สถานที่นัดพบคือปั๊มน้ำมัน ปตท. สนามเป้า ซึ่งเป็นที่น่ายินดีมากว่าทุกท่านล้วนเดินทางมาถึงก่อนเวลาทำให้สามารถตรวจสอบรายชื่อและส่งทุกท่านขึ้นรถได้ในเวลาไม่นาน เมื่อสมาชิกครบก็ได้เวลาล้อหมุนในเวลา ๐๐.๒๐ น. สถานที่ต่อไปคือแวะรับสมาชิกอีก ๓ ท่านที่หน้าห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี

ช่วงขณะที่รถเดินทางมาถึงหน้าสวนสัตว์ดุสิต มีการตั้งด่านตรวจเนื่องจากอยู่ในช่วงงานกิจกรรมวันพ่อ คนขับรถคันที่ ๑ ถูกเรียกลงไปตรวจทำให้เสียเวลาไปร่วม ๓๐ นาที ได้เวลาล้อหมุนกันใหม่ในเวลาเกือบ ๆ ๑ นาฬิกา

แวะรับคนตามจุดต่าง ๆ จนครบ ได้เวลาเดินทางไกลกันเสียที จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้ากันสู่วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี สภาำพเส้นทางในช่วงแรกเต็มไปด้วยปริมาณรถที่เดินทางออกจากกรุงเทพแต่ก็ไม่ถึงกับหนาแน่นจนเกินไปนัก เนื่องจากเราใช้เส้นทาง ถ.เพชรเกษมที่ำทำให้สามารถหลบปริมาณรถได้พอสมควร

แวะพักเข้าห้องน้ำตามปั๊มน้ำมันกันเป็นระยะจนเข้าถึงตัวเมืองกาญจนบุรี สภาพตัวเมืองเงียบ ไร้ผู้คน เมื่อเลี้ยวรถเข้าถึงเส้นทาง ๓๒๓ ที่จะไปไทรโยคถนนก็ไร้ซึ่งรถแล่นสวนทางมา นาน ๆ ถึงจะมีมาสักคันแต่ก็ถือว่าน้อย

แวะรับสมาชิกอีกหนึ่งท่านที่ขอขึ้นที่หน้าน้ำตกไทรโยคน้อย เส้นทางหลังจากนั้นคือ สภาพเมืองในหมอก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเมืองกาญจน์เนื่องจากเดินทางบ่อยจนรู้สภาพดีแล้ว ได้แต่บอกเตือนคนขับให้ขับด้วยความระมัดระวัง จนในที่สุดก็เดินทางถึงวัดท่าขนุนโดยสวัสดิภาพในเวลาประมาณ ๐๕.๐๐ น. ตามทีป่ระมาณการไว้ ได้แจ้งให้สมาชิกทุกท่านขึ้นไปบนศาลาเพื่อร่วมกันถวายพานมาลัย และเงินปัจจัยที่ได้ร่วมบุญกันก่อนที่จะให้ทุกท่านแยกย้ายกันไปตามอัธยาศัย

 

บันทึกการเดินทาง ตอน วัดท่าขนุน

พระพุทธเจติยคีรี วัดท่าขนุน

​

หลังจากถวายพานมาลัยและปัจจัยเสร็จ หญิงบอกให้ทุกท่านจับจองที่นั่งไว้ก่อนที่จะลงไปทำธุระส่วนตัว สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบริเวณวัด และรับประทานอาหารเช้ากันที่โรงทาน

อาหารมื้อเช้าของหญิงประกอบไำปด้วย ข้าวไข่เจียวและแกงเขียวหวาน ส่วนท่านอื่น ๆ ก็ตามความชอบ อิ่มแล้วหญิงและน้อง ๆ ในกลุ่มประกอบไปด้วย ศาล เม้ง เบญจ เีทียน นิว ที่เคยร่วมทริปหนัก ๆ กันมาหลายครั้ง พร้อมใจกันเดินขึ้นเขาพระพุทธเจติยคีรีเพื่อไหว้พระและชมวิวยามเช้าของตลาด ทองผาภูมิ บันไดแค่ไม่กี่ขั้นกับสภาพที่เดินแบบสบาย ๆ ในวันนี้ มีความแตกต่างของกำลังกายของพวกเราจนเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหญิงที่กำลังตกลงไปมากทำให้คิดได้ว่านี่ละ "สังขาร" ความรู้สึกของตัวเองบอกว่าช่างแตกต่างกับตอนเดินเท้าเข้าป่าบึงลับแล สภาพเส้นทางไปบึงที่ต้องขึ้นเขา-ลงเขาหลายลูกช่างเดินสบายกว่านัก แต่ทำไมกับสถาพบันไดที่น่าจะเดินสบายกลับทำให้ลำบาก แต่ก็ได้แต่เพียงคิดไว้ในใจ ไม่กล้าพูดออกมาหรอก กลัวน้อง ๆ ทั้งหลายจะบอกว่า "ให้พี่หญิงปีนขึ้นทางหน้าผา" แทนก็จบกันพอดี ฮิ ฮิ ฮิ

ขึ้นไปถึงด้านบน กราบสักการะสมเด็จองค์ปฐม ร่วมกันปัดกวาดทำความสะอาด แล้วก็นั่งสมาธิ พักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนที่จะชมวิวยามเช้าที่สวยสดชื่น เต็มไปด้วยหมอกที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่รอบตัว มองลงมาเห็นวิววัดบริเวณศาลาไม้ที่วางผังได้อย่างลงตัว จนได้เวลาเกือบ ๗ นาฬิกาจึงได้เดินลงมาเพื่อร่วมพิธีพุทธาภิเษกและเป่ายันต์

ช่วงพุทธาภิเษกเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีการเช่นทุกครั้ง เสร็จจากพิธีพุทธาภิเษกก็ถึงช่วงเวลาพักก่อนที่จะเป่ายันต์ พระอาจารย์ท่านเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับยันต์เกราะเพชรให้ฟังมากมายจนได้เวลา ๑๐.๐๐ น.

รับยันต์นานมาก นานกว่าทุกครั้งที่เ่คยมา มารู้เหตุผลตอนพระอาจารย์ท่านบอกว่ารอบนี้มีคนใหม่มาเยอะเลยต้องใช้เวลาพอ สมควร ส่วนตัวเองครั้งนี้ก็อาการเดิมคือ หนักหัวและปวดเมื่อยเนื้อตัวรับเสร็จลุกเกือบไม่ขึ้นรู้ว่ายันต์เข้าตัว เหมือนทุกครั้ง แต่ไม่อยากทดสอบเนื่องจากเคยได้รับประสบการณ์จากยันต์เกราะเพชรด้วยตัวเองมา เต็ม ๆ แล้วจากการที่โดนรถชนเข้ากลางลำตัวเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาแต่ไม่เป็นอะไรเลย รถกันชนหลุดแต่ตัวเองไม่มีเลือดตกสักหยดมีแต่รอยเขียวช้ำดำม่วงบวมปูดทั้ง ๆ ที่สายตาคนนับสิบที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า น่าจะตายหรือคางเหลือง แถมรถชนวันพฤหัสบดีแต่วันเสาร์ยังไปเดินขึ้นเขาคิชฌกูฎต่อได้โดยหมอที่สั่ง ให้นอนพักดูอาการได้แต่บอกว่า มันจะระบมและทำให้ขาจะมีปัญหาและเจ็บเรื้อรัง

แต่ขอโทษ ช่วงที่ไปคิชฌกูฎคงจะทำความรำคาญทางสายตาให้กับน้อง ๆ ทั้งหลายเป็นอันมากที่ช่างไม่เจียมสังขาร น้อง ๆ เลยจับขึ้นหลังแบกพาขึ้นเขาสบายไปทั้งไปและกลับ จนต้องขอบคุณในน้ำใจของน้องเอและน้องเต็นท์มาจนถึงทุกวันนี้ บันทึกการเดินทางกับความประทับใจในทริปคิชฌกูฎ

 

บันทึกการเดินทาง ตอน ช่องเขาขาด

<input class="button" value="X" id="lightboxbutton14" style="padding: 4px; background-color: black; color: white; width: 30px; border: 1px solid white; position: relative; top: 12px; left: -12px; font-weight: bold; cursor: pointer;" type="button"> ​

ภาพหมู่ชาวคณะ ณ ช่องเขาขาด

​

หลังเป่ายันต์เสร็จ หญิงแจ้งทุกคนว่า ๑๑.๓๐ น. เราจะเดินทางต่อไปยังพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด มีเรื่องขำขันเกิดขึ้นในตอนนี้ เนื่องจากสมาชิก ๒ ท่านในคันลับแล ๒ คือ พี่เดและพี่ป๊อบทราบว่าหญิงยังไม่ได้กินหอยทอดของโรงทานวัดศาลพันท้ายฯ พี่ ๆ เลยไปเข้าคิวต่อแถวรอรับหอยทอดมาให้หญิง (มาทราบภายหลังจากที่พี่ทั้งสองขึ้นรถได้แล้ว)

และในขณะที่ตรวจสอบความพร้อมของจำนวนคนของทั้ง ๒ คัน คันที่ ๑ ซึ่งหญิงเป็นผู้ดูแลอยู่สมาชิกครบ คันที่ ๒ ซึ่งให้พี่บุญเป็นผู้ดูแลปรากฎว่ามีสมาชิก ๓ ท่านขอเดินทางต่อไปสังขละบุรีไม่ได้กลับด้วย แต่ก็มีน้องดาและเพื่อน ๆ จะไปพุร้อนหินดาด ซึ่งหญิงก็ให้น้องนั่งรถคันลับแล ๒ ไปลงหน้าปากทางเข้าบ่อน้ำร้อนทำให้จำนวนคนที่หายไปกับจำนวนคนที่เพิ่มเข้ามาเท่ากัน และแล้วเหตุการณ์ตกรถจึงบังเกิดขึ้นทันควัน

รถบัสทั้ง ๒ คันแล่นตามกันจนถึงซุ้มประตูวัด กริ้งงงงงงง เสียงโทรศัพท์หญิงดังขึ้น "หญิง รถอยู่ที่ไหน" "อ๋อ! ออกมาถึหน้าประตูวัดแล้วค่ะพี่ มีอะไรหรือ" "พี่ยังอยู่ที่วัด ทำไมไม่รอพี่ด้วย" "แป๋ว รีบสังคนขับให้จอดทันควัน บอกว่าให้จอดรอริมถนน และบอกพี่ป๊อบว่า "พี่ขา พี่ช่วยกรุณาเดินมาที่หน้าวัดด้วยได้หรือไม่ หญิงให้รถจอดรออยู่ค่ะ"

ลงไปบอกคันลับแล ๒ ว่า มีสมาชิกไม่ได้ขึ้นรถ ๒ คน แต่ไม่เป็นไรใ้ห้ขับล่วงหน้าไปเติมน้ำมันก่อนที่ปั๊มเชลล์อีกสักครู่จะตามไป แล้วก็ลงไปยืนรอรับพี่ ๆ ทั้งสองที่หน้าซุ้ม แต่พี่ ๆ เล่นใช้วิธีลัดนั่งรถกัลยาณธรรมท่านอื่นมาลงที่รถ พอหญิงตามขึ้นรถมาได้ พี่เดบอกว่า ตั้งใจไปเข้าแถวเอาหอยทอดมาให้กิน แต่พอเดินถือถาดหอยทอดมาเห็นรถกำลังออก เรียกแล้วก็ไม่ยอมหยุดโมโหว่าไม่รอ เลยทิ้งไปหมด แหม! คุณพี่เจ้าขา ถ้าหญิงรู้ก่อนสักนิด รับรองว่าหญิงจะรีบสั่งให้รถหยุดเลยทันที ฮิ ฮิ ฮิ

ช่วงนั่งรถ แจกพระแจกของให้กับสมาชิกทุกท่านเสร็จ หลายท่านก็เริ่มเกิดอาการหนังตาสามัคคี แต่ฝันไปเถอะว่าถ้ามากับหญิงแล้วจะสามารถหลับได้ง่าย ๆ หญิงถามทุกคนว่า มีซีดีงานเข้านิโรธกรรมครูบาวิฑูรย์จะดูหรือไม่คะ จริง ๆ ก่อนถามก็เกรงใจทุกคนเพราะรู้ว่าเหนื่อยและเพลียกับการเดินทางกันมาทั้งคืนแล้วอยากให้พัก แต่รู้ว่าเส้นทางจากวัดท่าขนุนไปยังช่องเขาขาดใช้เวลาเดินทางไม่นานหลับยังไม่ทันสนิทก็ถึง หลายท่านตอบรับเลยได้นั่งดูกันไป

ถึงช่องเขาขาดพาทุกคนเข้าไปชมภาพยนตร์ และภาพจำลองเส้นทางตามสถานีต่าง ๆ ในพิพิธภัณฑ์ พร้อมทั้งชมวีดีโอประวัติของการสร้างทางรถไฟสายมรณะก่อนที่จะบอกทุกคนว่าหลังจากภาพยนตร์จบ เราจะเดินเท้ากันเพียง ๑ สถานี คือจากสถานีพิพิธภัณฑ์ไปยังสถานีช่องเขาขาด ไม่อนุญาตให้เดินเท้าต่อไปจนถึงสถานีหินตก เนื่องจากเส้นทางไกลเรามีเวลาจำกัด สมาชิกท่านใดไปไม่ไหวให้นั่งรอที่พิพิธภัณฑ์หรือที่รถ ส่วนท่านใดไปไหวใ้ห้เกาะกลุ่มเดินกันไป

เส้นทางเดินในช่วงไปเราไปตามเส้นทางที่ได้รับการปรับปรุงไว้จนเดินสบาย จนถึงจุดที่เป็นช่องเขาขาด ร่วมกันถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกและตามอัธยาศัย ก่อนที่หญิงจะบอกหลายท่านว่า มีเส้นทางเก่า (ลัด) ให้เดินกลับแต่ต้องเดินขึ้นบันไดไต่ไปตามเขา หลายท่านยินดีที่จะทดสอบการเดินไปตามเส้นทางนั้นในที่สุดก็กลับมาถึงรถด้วยอาการสะบักสะบอมกันทุกคน ได้ยินคำชมแว่ว ๆ มาว่า ทริปพี่หญิงโหด ๕๕๕

 

บันทึกการเดินทาง ตอน ปราสาทเมืองสิงห์

<table id="lightbox2" style="position: absolute; left: 406.5px; top: 5883px; z-index: 11; display: none;" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>

<input class="button" value="X" id="lightboxbutton2" style="padding: 4px; background-color: black; color: white; width: 30px; border: 1px solid white; position: relative; top: 12px; left: -12px; font-weight: bold; cursor: pointer;" type="button"> ​

<table style="border: 1px solid white; background-color: black;" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr valign="middle"> <td colspan="2" style="text-align: center;" id="lightboxholder" align="center" valign="middle"> </td> </tr> <tr class="lightboxtextrow"> <td class="smallfont" style="padding: 4px; background-color: black; color: white;">DSC07790.JPG (1 of 4)</td> <td class="smallfont" style="padding: 4px; background-color: black; color: white; text-align: right;">13-12-2010 06:52 PM</td> </tr> <tr> <td style="background-color: black; color: white;" colspan="2" align="center"> <input class="button" value="Last" id="lightboxprevbutton2" style="padding: 4px; background-color: black; color: white; border: 1px solid white; position: relative; top: 12px; font-weight: bold; cursor: pointer;" type="button"> <input class="button" value="Next" id="lightboxnextbutton2" style="padding: 4px; background-color: black; color: white; border: 1px solid white; position: relative; top: 12px; font-weight: bold; cursor: pointer;" type="button"> </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table>

​

ภาพหมู่ชาวคณะ ณ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์
​

ขึ้นรถได้หลายคนเริ่มพักสายตา รวมถึงหญิงเพราะรู้ว่ามีเวลาเพียงพอ รถ ๒ คันขับตามกันมาเป็นงูกินหางจนเข้าสู่อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ในเวลาที่กำหนด ก่อนถึงทางเข้าหญิงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานว่า เดินทางใกล้ถึงแล้วเพื่อให้เจ้าหน้าที่วิทยากรได้มีเวลาเตรียมตัว

ลงจากรถได้สั่งให้ทุกคนเข้าห้องน้ำและรอบริเวณลานจอดรถ หญิงเดินไปแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าทางคณะมาถึงและพร้อมแล้ว เจ้าหน้าที่ได้พาเิดินชมโบราณสถานต่าง ๆ ในบริเวณอุทยาน นำแผนผัง รูปถ่ายและบรรยายถึงประวัติความเป็นมาของปราสาทเมืองสิงห์ ตั้งแต่การก่อสร้างและรายละเอียดในแต่ละจุดของตัวซุ้มปราสาทต่าง ๆ ซึ่งต้องขอขอบคุณ "คุณจินตนา สีมาลา" เจ้าหน้าที่วิทยากรอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์เป็นอย่างสูง ที่สละเวลาเป็นวิทยากรบรรยายให้ชาวคณะทุกคนได้รับความรู้และตอบข้อซักถามสงสัยได้อย่างเต็มที่

เสร็จจากปราสาทเมืองสิงห์ ชาวคณะแวะพักกินข้าวเย็นและซื้อของฝากที่ร้านแก้วเป็นเวลา ๑ ชม. ก่อนที่เดินทางกลับกรุงเทพฯ แวะส่งสมาชิกหลายท่านลงตามเส้นทางและส่งทุกคนลงจากรถจนหมดในจุดหมายปลายทางสุดท้ายคือปั๊มน้ำมัน ปตท.สนามเป้าในเวลาประมาณ ๒๐.๐๐ น. เป็นอันจบกิจกรรมบุญอีกหนึ่งกิจกรรมอย่างสมบูรณ์

บุญกุศลอันใดที่ชาวคณะทุกท่านได้ร่วมบุญ ร่วมสร้าง ร่วมกระทำในทริปนี้ รวมถึงอีกหลายท่านที่ไม่ได้ไปแต่ส่งใจร่วมมาโดยตลอด ขอให้อานิสงส์ผลบุญนี้เป็นพลังให้สมาชิกเว็บพลังจิต เว็บวัดท่าขนุนและเว็บสะพานบุญทุกท่าน ประสบแด่ความสุข ความเจริญ ความคล่องตัวทั้งในทางโลกและทางธรรม จนกว่าตราบท้าวเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ สาธุ


หมายเหตุ
ขอบคุณภาพประกอบจากกล้องคุณเธียรไท-คุณรัตนภูมินทร์