ทำทานอย่างไรให้เกิดผลแห่งทานสูงสุด
"ทานที่เปี่ยมด้วยองค์แห่งทานครบ" จึงเป็นทานที่มีอานิสงส์สูง
ความอยากร่ำรวย สบายกายสบายใจนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการ เพราะเป็นความต้องการพื้นฐาน หากกายสบายแล้ว ไม่ทุกข์ร้อน ไม่อดอยากก็เป็นบาทฐานให้ละในกิเลสกองอื่นๆ ได้ง่ายกว่า คนที่ยังต้องทนทุกข์ทางกาย ต้องอดอยากขัดสน เพราะเขาเหล่านั้นต้องพยายามดิ้นรนให้ชีวิตรอด แม้บางทีต้องยอมทำสิ่งไม่ดีเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นความยากจน จนกลายเป็นการสั่งสมความโลภ ความชั่วร้ายในจิต ทำให้ตกลงไปในกองทุกข์อีก
พระสีวลีมหาเถระเป็นตัวอย่างที่ดีในการทำมหาทาน จนทำให้ท่านกลายเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็น พระเถระที่มีลาภสักการะมาก
ชาติที่ท่านได้พบกับพระพุทธเจ้าครั้งแรกคือ ในสมัยพระพุทธเจ้าปทุมุตตระ ท่านเกิดเป็นพระราชาในนครชื่อหงสาวดี ท่านได้ไปฟังธรรมกับพระพุทธเจ้า ทรงเห็นพระพุทธเจ้าปทุมุตตระประกาศยกย่องให้พระสุทัสสนะ พระเถระในยุคนั้นให้เป็นพระเอตทัคคะผุ้มีลาภมาก ท่านจึงเกิดความเลื่อมใส ปรารถนาจะมีตำแหน่งนั้นบ้าง จึงได้นิมนต์พระพุทธเจ้าปทุมุตตระไปฉันภัตตาหารและถวายมหาทานถึง 7 วัน
ต่อมาในชาติที่พระพุทธเจ้าวิปัสสีเป็นองค์พระศาสดา ท่านเกิดเป้นชายหนุ่มอาศัยในหมู่บ้าน นครพันธุมดี อาชีพรับจ้าง เป็นคนที่มีความขยันขันแข็งอย่างยิ่ง
ครั้งนั้นพระพุทธเจ้าวิปัสสีเสด็จมานครพันธุมดี โดยพระเจ้าพันธุมดี ทรงออกอุบายจะทำทานแข่งกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนของพระองค์ได้หันมาสนใจการทำทาน ฝ่ายประชาชนกับฝ่ายกษัตริย์จึงพยายามแข่งขันจัดเครื่องมหาทานให้ครบ
แต่ขาดเพียงรวงผึ้งสดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้เหล่าชาวเมืองช่วยกันหารวงผึ้งสดแต่ก็หาไม่ได้เลย จึงให้คนช่วยกันไปยืนเฝ้าที่ปากประตูพระนครคอยถามซื้อรวงผึ้งสดจากใครก็ได้โดยไม่เกี่ยงราคา
ชายผู้ขยันขันแข็งได้ตัดรวงผึ้งสดที่หาได้ยากยิ่งเดินเข้ามาในพระนครพอดี พอมีการถามราคาซื้อ ก็เสนอราคาให้ 1 กหาปณะ
ชายหนุ่มแปลกใจว่า รวงผึ้งนี้จึงถูกเสนอซื้อด้วยราคาสูง 1 กหาปณะ (4บาท) ต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ จึงไม่ขายให้
เหล่าชาวเมืองก้ขอซื้อเพิ่มด้วยราคาสูงไปเรื่อยๆ จนราคาสุงถึง 1 พันกหาปณะ ทำให้ชายหนุ่มยิ่งแปลกใจว่าชาวเมืองจึงอยากได้รวงผึ้งสดนี้นักหนา จึงถามให้ทราบความ
พอทราบว่าเขาจะนำรวงผึ้งนี้ไปถวายมหาทาน ถิอเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ จึงเอารวงผึ้งไปทำอาหารโดย ซื้อเครื่องเทศ 5 อย่าง ป่นเป็นผงละเอียด ใช้น้ำส้มจากนมส้มและคั้นน้ำผึ้งคลุกให้เข้ากันไปถวายต่อพระวิปัสสีพุทธเจ้าด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
ด้วยบุญแห่งการถวายทานนั้นเองที่ส่งผลให้ท่านกลายมเป็น "พระสีวลีมหาเถระ" (ผู้ดับทุกข์และคลายกังวล) นั่นเอง
การทำบุญด้วยทานสิ่งสำคัญที่เป็นองค์แห่งทานที่อานิสงส์ยิ่งใหญ่ก็คือ
1. วัตถุทานที่ได้มาได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ดังเช่นรวงผึ้งของพระสีวลี วัตถุทานจึงไม่จำเป็นต้องเป็นของราคาแพงแต่อย่างใด ขอให้หามาได้ด้วยความบริสุทธิืกายและใจก็เพียงพอแล้ว
2. เจตนาแห่งทานที่ได้ทำ เช่นท่านสีวลีปรารถนาให้พระพุทธเจ้าได้รับทานนั้นเพื่อเจตนารมย์ของชาวเมืองจะได้สมบูรณ์
3. ผุ้รับทานนั้นเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ คือ พระพุทธเจ้าและเหล่าพระสาวก
4. อาการแห่งการให้นั้นให้โดยความเคารพอย่างสูงสุด คือให้ด้วยมือของตนด้วยอาการสำรวมเลื่อมใส
การให้ทานจะได้อานิสงส์มาก เกื้อกูลประโยชน์มากจึงต้องประกอบด้วยองค์แห่งทาน 4 ประการนี้ หากท่านได้ประกอบองค์แห่งทานเหล่านี้ครบแล้ว ผลที่พึงได้ก็จะเป็นไปตามองค์แห่งทานที่ท่านได้กระทำทานนั้นทุกประการ
การให้ทานเป็นการให้เพื่อสละออกซึ่งความโลภ เพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น ยิ่งให้จึงเหมือนยิ่งได้รับกลับคืนมา นั่นคือความสบายใจ ความละได้ซึ่งความตระหนี หากต้องการพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ ก้ลองทดสอบได้ด้วยตัวของท่านเอง
โมทนาสาธุ
*******
ธ.ธรรมรักษ์
ทำทานอย่างไรให้เกิดผลแห่งทานสูงสุด
ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ไม่มีเพศ, 25 มกราคม 2017.