[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ใคร บ้างที่นอนหลับ "ฝัน" แล้วพอตื่นขึ้นมามองข้ามไปเลยไม่มีความฉงนสนเท่ห์ ไม่พยายามหาสาเหตุ หาเหตุผลมาตีความ หรือว่าตรงกันข้าม พอตื่นขึ้นมาบางคนอาจถึงขั้น ..วิ่งไปหาหนังสือเปิดทำนายเลยก็ได้ว่า "ฝันนั้นบ่งบอกถึงอะไร"[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]แม้ทุกวันนี้วิทยาศาสตร์นำคน ออกท่องอวกาศ การแพทย์สามารถเปลี่ยนหัวใจมนุษย์ แต่เรื่องราวของความฝันนั้น ก็ยังเปรียบเหมือนห้องมืดลงกลอนที่ไร้กุญแจไข ซ้ำยังอัดแน่นไปด้วยเรื่องลี้ลับ เดินขนาบมาพร้อมกับความเชื่อ แฝงไปด้วยเรื่องเหนือธรรมชาติ หรือยังเป็นเรื่องที่ไม่อาจหยั่งถึงในความอัศจรรย์ของกลไกทางสมองและร่างกาย ของมนุษย์[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ขอนำคุณเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน โดยนำผู้ศึกษาในสาขาต่างๆ มาเป็นผู้บอกเล่า[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ต้นเหตุแห่งความฝันตามคัมภีร์โบราณ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เริ่ม ต้นสั้นๆ จากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ได้แปล "ฝัน" ที่เป็นนาม คือ การเห็นเป็นเรื่องราวเมื่อหลับ แต่โดยปริยายหมายถึงการนึกเห็นในขณะตื่นอยู่ ซึ่งไม่อาจจะเป็นจริงได้[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]คำแปลอาจทำให้หลายคนแย้งเถียงในใจ เพราะฝันที่ไม่เป็นเรื่องเป็นราวก็มี หรือฝันที่ไม่ได้หลับก็อาจเป็นจริงได้[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]มา พูดถึงการทำนายฝัน คงจะกล่าวได้ว่าเป็นศาสตร์เร้นลับที่สืบทอดและใช้กันมาแต่โบราณกาล เมื่อเปิดอ่านในหนังสือทำนายฝันที่บรรจุเนื้อหาความฝันและคำทำนายไว้ รวมทั้งลอบดูเกจิหมอดูหลายคนที่รับพยากรณ์ดวงชะตาในทุกรูปแบบไม่เว้นแม้การ ทำนายฝัน พวกเขามักอธิบายต้นเหตุของความฝันไว้โดยยึดตามคัมภีร์โบราณซึ่งจำแนกลักษณะ ฝันออกเป็น 4 ประการ และหากติดตามต่อไปอีก ก็จะทราบว่ากฎ 4 ข้อนี้เกือบจะเป็นพื้นฐานของสารบบความฝันที่เกี่ยวพันโลดแล่นอยู่ในทุกวงการ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]"สุขี สิงห์บรบือ" หรือ "มหาแซม" แห่งเว็บมหาหมอดูดอทคอม ก็ยึดหลักพื้นฐานของความฝัน 4 ประการนี้ เริ่มจาก บุรพนิมิต เป็น ความฝันที่เกิดจากอำนาจกุศลจิตและอกุศลจิตของผู้ฝันเอง เป็นเรื่องราวของอดีตที่มาปรากฏในฝันบอกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลางร้ายหรือโชคลาภในอนาคต บางคนจะเรียกฝันประเภทนี้ว่าการระลึกชาติ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ประการที่ สอง จิตนิวรณ์ คือ ความฝันที่เกิดตามอารมณ์ผูกพัน หรือการฝักใฝ่จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งของผู้ฝัน รวมไปถึงเรื่องที่พบเห็นแล้วจดจำไว้ไม่ลืมเลือน[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เทพ สังหรณ์ เป็นความฝันที่เกิดขึ้นจากเทวดาบันดาล เพื่อสำแดงแจ้งเหตุการณ์ล่วงหน้า เน้นเรื่องมงคล แต่ถ้าเป็นฝันร้ายเรื่องร้ายก็เป็นเหมือนการตักเตือนผู้ฝันให้ระวังและ ป้องกันภัย[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]สุดท้ายเป็น ธาตุโขภะ เป็นความฝันที่เกิดเพราะธาตุพิการ คือ กายไม่ปกติ กินมาก นอนมาก ท้องอืดท้องเฟ้อ ธาตุไม่ย่อย เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวลานอนหลับไม่สนิท ความฝันลักษณะนี้ถูกแยกส่วนออกมาเป็น ฝันที่ไร้สาระไม่มีมูลความจริง ไม่ให้ประโยชน์ ซึ่งโดยมากจะเป็นความฝันไม่ค่อยดี[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]พกท้ายคัมภีร์ยังทำนายไปถึงวันและเวลาของฝันอีกด้วย[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]มี คำอธิบายวันฝันว่า ฝันวันไหนจะส่งผลถึงผู้ใด เช่น ฝันคืนวันอังคาร ดีร้ายของความฝันจะตกอยู่กับพ่อแม่พี่น้องของผู้ฝันเอง ส่วนเวลาฝันจะบ่งบอกถึง อาการและจิตใจของผู้ฝัน และกำหนดคำทำนายฝันว่าจะเป็นเท็จจริงในทางดีหรือทางร้าย[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ที่ แปลกแยกออกมา คือ หลับฝันในตอนกลางวัน กลับถูกบันทึกไว้ว่า ไม่ต้องหลงเชื่อ และถ้าฝันร้ายหรือฝันไม่เป็นมงคล ยังมีคาถากำกับไว้ให้ท่องหรือภาวนา เพื่อให้บรรเทาหรือกลับทางให้ฝันที่ทำนายว่าร้ายกลายเป็นเรื่องดี[/FONT]
ความฝัน ภาคนักบำบัดด้วยพลังหิน
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif] "จุฑามาศ ณ สงขลา" ผู้ที่ได้รับการยอมรับจากแวดวงว่าเชี่ยวชาญเรื่องไพ่ทาโรต์ การเยียวยาจิตใจด้วยพลังหิน และเธอยังศึกษามาเกี่ยวกับเรื่องความฝันด้วย[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เธอ เริ่มเรื่องต้นเหตุแห่งความฝันตามตำรับคัมภีร์โบราณที่กล่าวมาในข้างต้น แต่การศึกษาของเธอด้านการบำบัดจิตใจ เธอจึงให้คำอธิบายใหม่ว่า "ความฝัน คือ การทำงานร่วมกับจิตใต้สำนึก ...การตีความฝัน เป็นทางเลือกของการบำบัด เพราะเป็นวิธีการวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับจิตใจ ตีความจากจิต เยียวยาจิตวิญญาณ อย่างเช่น คนป่วยหนัก ต้องรื้อฟื้นจิตวิญญาณขึ้นมาใหม่ และมันเกี่ยวเนื่องกับความฝัน ...แต่การศึกษาความฝัน ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครสอนกัน เพราะไม่มีหมอดูศึกษากันอย่างจริงจังกันถึงขั้นรับทำนายฝันอย่างเดียว แค่นำมาเป็นข้อย่อยในการทำนาย"[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]จุฑามาศเล่าว่า ฝันทั่วๆ ไปจะเกิดจากจิตที่ฟุ้งซ่าน ไม่มีอะไรแน่ชัด จะมีบางคนที่ฝันแม่นเป็นจริงทุกครั้ง แต่ต้องเป็นคนฝึกสมาธิและมีจิตใจแน่วแน่ ส่วนคนฝันซ้ำเรื่องเดียวกัน เกิดจากจิตใต้สำนึกของคนที่รู้สึกผิด มีบาดแผลทางอารมณ์ และค่อนข้างจะเป็นฝันร้าย"[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]"ฝันมันบอกอะไรได้บ้างใน ตอนนี้ มันเหมือนวิเคราะห์ดวงชะตา มันช่วยทำให้เรารู้อะไรล่วงหน้า ช่วยในการทำนาย และเป็นลางบอกเหตุได้ เช่น ฝันที่เป็นลางสังหรณ์ จะทำให้เรารู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้น มาแล้ว ยิ่งบางคนเชื่อในความเหลื่อมซ้อนของมิติ เช่น ไปสถานที่บางแห่งแล้วรู้สึกว่าเคยมาแล้ว คุยกับบางคนแล้วรู้ว่าเคยคุยแบบนี้มาแล้ว เขาจะเชื่อในความฝัน ...แต่ถ้าฝันแล้ววิตกกังวล จิตกระสับกระส่าย ไม่นิ่ง ไม่หยุดนิ่งที่จะแก้ไข ฝันก็ไม่มีความหมาย เพราะส่วนใหญ่ฝันลางบอกเหตุมีเอาไว้ให้แก้ไข ให้เตรียมใจ เตรียมพร้อมที่จะยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ...ถ้าใจเรานิ่งเมื่อไหร่ หรือฝึกสมาธิ ฝันเราจะชัดเจนขึ้น สามารถกำหนดความฝันว่าจะให้ฝันเรื่องอะไรหรือบังคับให้ฝันต่อเนื่องได้ ฝันจะแม่นขึ้นด้วย"[/FONT]
ความฝัน จากภาคนักจิตวิทยา
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif] "ต้องเข้าใจก่อนว่า ฝันมันมีประโยชน์อย่างไร" คือความต้องการแรกที่ "นายแพทย์ สุจริต สุวรรณชีพ" ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิตยกขึ้นมาเป็นประโยคนำ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ที่ ปรึกษาด้านจิตวิทยาอธิบายต่อว่า ถ้าคนไม่ฝันจะตกอยู่ในภาวะกดดัน เพราะความฝันทำให้คนหลับต่อได้ โดยเลือกจะตื่นเป็นเฉพาะกรณี เช่น ฟ้าร้องไม่ตื่น แต่นำไปฝันแทน ลูกร้องถึงตื่น ส่วนที่สองคือความฝันที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ คือ คนเราฝันเพื่อให้ความหวัง สนองความต้องการในชีวิตประจำวันที่ไม่สำเร็จ ซึ่งเป็นการทำให้จิตใจผ่อนคลายได้ส่วนหนึ่ง สรุปแล้ว ฝันเป็นกลไกทางจิต เพื่อช่วยลดความตึงเครียดในขณะที่กำลังตื่น[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เล่าต่อ หลังจากนั้น จิตแพทย์นำเราเข้าสู่ต้นเหตุแห่งการฝันตามหลักการทางจิตเวช โดยแบ่งต้นเหตุของความฝันออกเป็น 3 ส่วน และหากตัดเรื่องเทวดาเรื่องเหนือธรรมชาติออกก็ยังมีสาระบางส่วนคล้ายคลึงกับ คัมภีร์ฝันของคนในสมัยก่อน[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ต้นเหตุที่หนึ่ง เป็นฝันที่มาจากความเจ็บปวดของร่างกาย และฝันโดยมีสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นตัวกระตุ้น เช่น ฝันว่าปวดปัสสาวะ ฝันจากทีวีที่เปิดทิ้งไว้ เสียงฬาร้อง เสียงฝน เสียงแตรรถ สองคือ ฝันต่อจากเรื่องค้างคาในชีวิตประจำวันที่ยังทำไม่จบ ยังตัดสินใจไม่ได้ ยังไม่ประสบความสำเร็จสมหวัง และข้อท้ายสุด คือ ฝันอันเนื่องมาจากเรื่องที่เจ็บช้ำ ฝังใจ บีบคั้น เสียหาย และถูกกดไว้ให้ลืมมาตั้งแต่ในอดีต[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]นายแพทย์สุจริต ยกตัวอย่างการวิเคราะห์ฝันตามทฤษฎี ซิกมันด์ ฟรอยด์ ด้วยว่า รูปแบบของความฝันจะผันแปรเปลี่ยนไปเป็นสัญลักษณ์บางอย่าง[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]"ความ ฝันเป็นความคิดต่อเนื่องจากขณะที่เราตื่น เพื่อคิดให้มันจบให้มันสมหวังในความฝัน ฝันละเมอ ฝันดังไปหน่อย ก็เป็นเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจเหมือนกัน... ฝันว่าเข้าสอบไม่ทัน ขาดนั่นขาดนี่ เปิดข้อสอบมาแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง แสดงว่าช่วงนั้นมีความกดดันมาก เวลาที่เรามีความกดดันเราจะหวนไปฝันเรื่องที่เคยอยู่ในสถานการณ์กดดันในอดีต อย่างผู้ชายฝันว่ารถหายซ้ำๆ ปรากฏว่าเมื่อก่อนขับรถไปรับส่งแฟนทุกวัน แต่พอเลิกราก็รู้สึกเสียใจฝังใจ พอเกิดความไม่สบายใจเจ็บช้ำเมื่อไหร่ก็ฝันว่ารถหาย แล้วจะไม่ได้คืนอีก ...ความกลัวที่ฝังใจ ไม่ว่าจะเป็นการถูกทำร้ายมาในอดีต ถูกข่มขืน หรือเกิดความสูญเสีย ฝันร้ายก็จะออกมาว่าถูกสัตว์ร้ายขย่มขู่ไล่ล่าอยู่เรื่อยๆ ...ฝันเห็นงู แล้วจะได้คู่ ตามจิตวิเคราะห์ งูเป็นสัญลักษณ์ของอวัยวะเพศชาย แต่ฝันตรงๆ ไม่ได้มันน่าเกลียดไป จึงเบี่ยงเบน ไม่ฝันให้ตรงไปตรงมา และออกมาเป็นรูปแบบสัญลักษณ์"[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่า "คนเราฝันกันทุกคืน แต่มีช่วงนิดเดียวเท่านั้นที่จะจำฝันได้คือก่อนตื่น และการฝันก็เป็นอาการที่บ่งบอกว่า คุณกำลังหลับไม่สนิท เพราะหากหลับลึกจริงๆ แล้วจะจำฝันไม่ได้"[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif] ทางด้าน จิตแพทย์ของโรงพยาบาลกรุงเทพ "ผศ.ดร.นพ. ประกอบ ผู้วิบูลย์สุข" เขาเริ่มเรื่องของความฝันในทางวิทยาศาสตร์ว่า ปกติทุกคืนที่คนนอนหลับ จะฝันเป็นรอบๆ ช่วงละประมาณ 5 – 6 ครั้งต่อคืน ทุกๆ 90 นาทีจะมีการฝัน โดยแบ่งการนอนออกเป็นระดับตื้น ระดับลึก การฝัน และเป็นวัฏจักรหมุนเวียนต่อไปเรื่อยๆ เขาบอกว่า แต่จะมีเพียงฝันที่กระแทกอารมณ์เท่านั้นที่จะอยู่ในความทรงจำไปถึงตอนเช้า ส่วนยานอนหลับ ยากล่อมประสาททางเภสัชวิทยา จะทำให้เวลาของการฝันสั้นลง และทำให้คนรู้สึกว่าหลับสนิทขึ้น[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]"จริงๆ เราไม่รู้มากนักว่าทำไมคนเราถึงฝัน แต่ฝันเป็นช่วงสำคัญในการย่อยข้อมูล หรือจัดเก็บข้อมูลของความทรงจำที่เกิดขึ้นในเวลากลางวันให้เป็นระบบ ...ส่วนความฝันในทางจิตวิทยามันเกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ไม่เชื่อมโยงกันเลย มันเกิดขึ้นโดยเอาเรื่องแพะมาชนแกะ ถ้าคนฝันในลักษณะที่ตื่นอยู่เราจะเรียกว่า เสียสติ เพราะไม่อยู่ในโลกแห่งความจริง ไร้เหตุผลและความเป็นไปได้ คนโรคจิตจะเป็นแบบนี้"[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ส่วนอีกมุมหนึ่งของจิตวิเคราะห์ จิตแพทย์ประกอบ บอกว่า "ความฝันเป็นสิ่งที่โผล่ออกมาจิตใต้สำนึก ในเวลาที่จิตสำนึกอ่อนแรง"[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]"เรา มีความทรงจำฝังลึกในอดีตอย่างไร บางทีเมื่อจิตใจอ่อนแอ ไม่สามารถจัดเก็บความฝันได้ มันก็จะโผล่ออกมา สิ่งที่เจอบ่อยๆ คือ เป็นความขัดแย้งในจิตใจ ที่มิอาจจะโต้ตอบได้ ภาพที่เห็นจะบ่งบอกสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง ภาพที่มีในฝันจะบ่งบอกได้ว่าภาพใดหมายถึงอะไร ...ความฝันบางทีหาสาเหตุทางจิตใจไม่ได้ แต่กลับบ่งบอกถึงภาวะความเจ็บป่วยทางร่างกาย กรณีตัวอย่างเช่น คนไข้รายหนึ่งฝันซ้ำๆ ว่าเจ็บหลังมานาน หลังจากนั้น 6 เดือนตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตรงจุดที่ฝันพอดี หรือ คนไข้ฝันซ้ำซากว่ามีแมลงอะไรมาไต่ที่แขน ต่อมา 2 ปีให้หลังพบว่าเป็นมะเร็งผิวหนังตรงจุดที่ฝัน เราจึงพบว่าบางทีความฝันมันบอกโรคได้เหมือนกัน ...ส่วนฝันซ้ำๆ ทั่วไป ถ้าเอาด้านจิตวิเคราะห์มาอธิบาย คือ ความขัดข้องความขัดแย้งมันยังไม่ถูกแก้ไข เพราะฉะนั้นมันเลยได้แต่ฝันๆๆ" เขาเล่า [/FONT]
ฝันติดชาร์ต
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ส่วน ฝันเรื่องใดเป็นที่นิยม และทายได้แม่น จิตแพทย์บอกเสียงเดียวกันว่า ที่ต้องเคยฝันกันทุกคน คือ "ฝันว่าปวดฉี่" ทว่าฝันอื่นๆ พวกเขาอธิบายตามสภาวการณ์ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ของแต่ละคนมากกว่า คือ ฝันอะไรก็ได้ที่ตีความไปถึงความวิตกกังวลที่ทุกคนล้วนต้องประสบ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ส่วน จุฑามาศ เธอแจกแจงว่ามีฝันอันใดบ้างที่คนนิยมฝันกันบ่อย และมักจะเป็นจริง ได้แก่ ฝันว่าขับรถ จะได้อะไรดีๆ ตามมา ฝันว่าได้เพชรพลอย จะได้ข้าวของสวยงามมีค่า หรือ ฝันเห็นคนที่ตายไปแล้ว ฝันว่าผมร่วง ทำของแตก หรือฝันว่าหลงทางไปในที่ไกลๆ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ถามถึงฝันที่ ใบ้หวยบ้าง เพราะคงเป็นฝันที่คนมากมายต้องการฝันก่อนวันหวยออก มหาแซมกล่าวถึงภารกิจนี้ว่า ความฝันที่จะเป็นจริงหรือเกิดขึ้นจริงๆ เป็นความฝันที่ในวันเสาร์ ส่วนที่ตีเป็นเลขนั้นก็ใช้หลักทั่วๆ ไป เช่น ฝันเห็นช้าง เป็นเลข 9 เป็นต้น[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ทางจุฑามาศ เธอคิดว่า "คนชอบฝันแล้วเอาไปตีความเป็นเลขหวย คือ การเตรียมตัว เตรียมจิตตัวเองให้ฝัน แม่นไม่แม่นต้องพิสูจน์กันเอาเอง"[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]จาก ความคิดของเธอจะเห็นความเหมือนกับจิตแพทย์ทั้งสองนาย คือ "...ฝันเป็นตัวเลข คนใบ้หวยเข้าไปนอนแป๊บเดียวออกมาบอกหวย คนทำเป็นอาชีพทำได้ มันเหมือนเป็นการสะกดจิตตัวเอง ต้องทำบ่อยๆ ใช้การฝึกฝน จริงไม่จริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ พระบางองค์รู้จิตใจผู้อื่น หรือมีญาณหยั่งรู้ล่วงหน้า ก็น่าจะมีจริง แต่มันไม่ใช่กิจของสงฆ์ บอกไปก็จะมีแต่ทำให้ศีลเสื่อม ญาณเสื่อม เพราะไปเพิ่มกิเลสให้ผู้คนเปล่าๆ อย่างบางคนฝึกสมาธิและมีความสามารถพิเศษ ก็อาจจะล่วงรู้ได้เหมือนกัน เราบอกว่าไม่เชื่อก็ไม่ได้ หรือถ้าเชื่อก็พิสูจน์ไม่ได้"[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ภาพฝันขาวดำหรือสี่สี[/FONT]
จิตแพทย์ทั้งสองรายยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า สีในฝันบ่งบอกถึงสติปัญญา
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เขา ทั้งสองกล่าวว่า บุคคลส่วนใหญ่จะฝันเป็นภาพขาวดำ โดยไม่มีเหตุผลเพราะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เป็น แต่ถ้าบุคคลใดฝันเป็นภาพสี มีการยืนยันทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า มีแนวโน้มว่าจะมีไอคิวสูงกว่า ฉลาดกว่า มีจินตนาการสูงกว่า เพราะคนเหล่านี้จึงจะสามารถสร้างหยิบเลือกสีสันมาประกอบอยู่ในภาพฝันได้ ซึ่งไม่นับว่ากำลังฝันในเรื่องที่ต้องมีการระบุสีอยู่แล้ว ยิ่งถ้าฝันเป็นสี พร้อมทั้งรับได้ถึงรูป รส กลิ่น เสียง ไอคิวยิ่งจะบวกขึ้นไปอีกโข[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ความพยายามของการพิสูจน์ แปล ทำนาย วิเคราะห์ ในความหมายของความฝันทั้งมวล คงจะพอสรุปในด้านดีได้ว่า ความฝันคือประตูไปสู่จิตใต้สำนึก เพื่อให้คนเราค้นหาสาเหตุทางร่างกาย จิตใจ จิตสำนึก ไปถึงจิตใต้สำนึกที่เป็นปัญหาอักเสบอยู่โดยเราไม่รู้ตัวหรือไม่เคยสังเกตมา ก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อให้เราเข้าใจตัวเอง และเข้าใจในจิตใจของตัวเองได้มากขึ้น รวมไปถึง ความฝันยังเป็นสัญญาณให้เราดูแลตัวเองและเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ชีวิต อย่างรอบคอบ[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]จิตแพทย์กล่าวว่า ความร้ายแรงของความฝันร้าย อาจส่งผลกระทบไปถึงความเจ็บปวดของจิตใจ ทำให้ไม่เป็นอันทำงาน ไม่กล้าหลับไม่กล้านอน หรือทำให้คนกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ แต่ก็ได้ให้ข้อคิดทิ้งท้ายไว้เช่นกันสำหรับผู้ที่วิตกในเรื่องของความฝันว่า "ฝันไม่ทำร้ายเรา เท่ากับความคิดที่เราทำร้ายตัวเอง"[/FONT]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ในภาคหมอดู มหาแซม ยกทางธรรมเข้าข่ม "พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "คนที่ฝันร้าย คือฝันเห็นสิ่งต่างๆ ที่น่ากลัวน่าหวาดเสียวนั้น ก็เป็นเพราะเหตุที่ไม่มีสติสัมปชัญญะในเวลานอนหลับ แต่ผู้ที่มีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งหลับแล้ว ก็จะฝันแต่สิ่งที่ดีเสมอ ไม่ฝันถึงสิ่งชั่วร้ายหรือน่าหวาดกลัวเลย" "ความฝันดีย่อมเกิดจากจิตใจที่สงบ...ถ้าเราอยากฝันดี ก็ควรตั้งใจดี มีจิตเมตตาแก่คนทุกคน ก่อนจะถึงเวลาหลับ"[/FONT]
Click to expand...