“หลวงพ่อครับ อยากจะทราบว่าการเข้านิโรธสมาบัตินี่ใครจะเป็นผู้ที่สามารถเข้าได้ครับ...?
สามารถเข้าได้ทุกคน ถ้าคนนั้นเคยได้อรูปฌานมาก่อนและก็เป็นพระอริยเจ้าขั้นพระอรหันต์
“ถ้าเป็นพวกสุกขวิปัสสโก เข้าได้ไหมครับ”
พวกสุกขวิปัสสโกเข้าไม่ได้ เขาใช้ผลสมาบัติ สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ นี่เข้าผลสมาบัติ
ถ้าหากว่าปฏิสัมภิทาญาน จึงเป็นนิโรธสมาบัติ แต่มันมีความสำคัญว่า ท่านได้สมาบัติ ๘ มาก่อนหรือปล่า ถ้ามีพื้นฐานมาจากสมาบัติ ๘ ก็เข้าได้เหมือนกันหมด
“แล้วอานิสงส์ของการถวายทานกับพระที่ออกนิโรธสมาบัติมีอานิสงส์มากไหมครับ...?
ถ้าเป็นคนจนอยู่ ก็เป็นมหาเศรษฐีในวันนั้น
" มีบุคคลตัวอย่างบ้างไหมครับ...? "
มี อย่างคนใช้ของนางวิสาขากำลังไถนาอยู่ พระที่ออกจากนิโรธสมาบัติท่านก็เดินไป พอดีภรรยาเอาข้าวมาส่งพอดี พอเห็นเข้าก็คิดว่า เราเป็นทาสเขานี่ ทรัพย์สินเราก็ไม่มี บุญอยากจะทำก็ทำไม่ได้ วันนี้พระมาบิณฑบาต ภรรยาก็เอาข้าวมาให้พอดี ก็อย่ากินมันเลยวะ แกไถนาอยู่คนเดียว ภรรยาก็เอาข้าวไปเผื่อคนเดียว แกก็ใส่บาตรหมด ความหิวมันเกิดขึ้นก็เพลีย เพลียมากท่านก็หลับไป
“พอตื่นขึ้นมาปรากฏว่าไถเป็นทองคำ” ซวยเลย ซวยมหาศาล ก้อนดินที่ไถไว้ก็เป็นทองคำ หมด ไปหยิบดูเป็นทองคำจริงๆ เลยเรียกเจ้านายมาดูเจ้านายก็เห็นเป็นทองคำจริงๆ เลยถามว่าเรื่องมันเป็นยังไง ท่านก็บอกว่าใส่บาตรพระ พระอะไรก็ไม่รู้แกไม่รู้จักนี่นะ แกก็ถามนายว่าจะทำยังไง นายก็บอกว่า ถ้าทรัพย์มันเกิดขึ้นกับแผ่นดินต้องถือว่าเป็นของหลวง แกจึงไปกราบทูลพระราชาทรงทราบ พระราชาก็ถามว่า ทองคำมีประมาณเท่าไร ควรจะเอาอะไรไปบรรทุกดี เขาก็บอกว่าเอาเกวียน ๕๐๐ เล่ม ก็พอ พระราชาส่งเกวียนไป ๕๐๐ เล่ม บรรทุกเอาทองคำมากองที่พระลานหลวงแล้วก็ป่าวประกาศใครมีทองคำเท่านี้บ้าง ปรากฏว่าหาคนมีทองคำเท่านั้นไม่ได้ เลยตั้งแกเป็นมหาเศรษฐี รวยใหญ่
“คนใช้ชื่ออะไรครับ...?”
ชื่อนายบุญ คนนี้เขาก็แปลกเหมือนกัน ท่านอยู่กับนางวิสาขา เป็นมหาเศรษฐีแล้วก็ไม่ยอมออกจากเรือน อยู่ที่นั่นแหละ บ้านนั้นก็มีแต่เศรษฐี ท่านเมณฑก ปู่ของนางวิสาขาก็เป็นมหาเศรษฐี พ่อนางวิสาขา แม่นางวิสาขา นางวิสาขา แล้วก็นายบุญผู้เป็นทาส ห้าเศรษฐีอยู่ในบ้านเดียวกัน เลยรวยใหญ่
“อย่างนี้พระท่านเจาะจงหรือเปล่าครับ...?”
ท่านก็ต้องดูก่อนว่า วันนี้เราไปบิณฑบาต เราจะไปทางไหน จะมีใครมาให้อาหาร ท่านต้องดูก่อนนะ ถ้าพระที่ท่านออกจากนิโรธสมาบัติอยู่ในป่าลึก เมื่อรู้คนแล้วท่านก็เหาะไป ถ้าเหาะไปแล้วรู้ว่าคนจะเห็น ท่านก็ลง ลงแล้วก็เดิน จะไม่ยอมเหาะ ถ้าใครถวายอาหารวันนั้นเฮงที่สุด
“ถ้าหากว่าถวายทานกับพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ ถ้าต้องการจะปรารถนานิพพานนี่ได้ไหมครับ...?
ถ้าเขาปรารถนานิพพานก็ได้ แต่ไม่ใช่ได้วันนั้น แต่โดยมากเขามีผล เพราะว่าเวลาเขาใส่บาตร เขามักจะอธิษฐานว่า ธรรมใดที่พระคุณเจ้าเห็นแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าเห็นธรรมนั้นด้วยเถิด แล้วพระท่านก็รับ เอวังโหตุ มีความหมายว่า เจ้าปราถนาสิ่งใดก็ขอให้ได้สิ่งนั้นสมความปรารถนา ถ้าปรารถนาโลกียทรัพย์มันก็ได้ ปรารถนาโลกุตตรทรัพย์มันก็ได้ อันนี้พระที่ท่านออกจากนิโรธสมาบัติคือพระอรหันต์ กำลังท่านเข้มมาก ฉะนั้นเขาต้องได้ แต่จะได้ชาตินี้นั้นหรือชาติต่อมาก็อีกเรื่องหนึ่งนะ
นิโรธ แปลว่า ดับ มันดับทุกขเวทนา เวลาเข้าต้องยึดพื้นฐานของสมาบัติ ๘ ก่อน คือรูปฌาน ๔ และอรูปฌาน ๔แล้วต่อไปนั้นก็ตัด มันตัดทุกขเวทนาทั้งหมดจึงเรียกว่า นิโรธ
การเข้านิโรธสมาบัตินี่ไม่ใช่ ๗ วัน ๑๕ วันเสมอไปนะ ถ้าหากว่าเขาไม่ต้องการทำงานต่อไป เขาอาจจะอธิษฐานอย่างนั้นจนสิ้นชีวิตก็ได้ คำว่าสิ้นชีวิตไม่ใช่หมายความว่าหิวตาย ไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าไม่หมดอายุขัยเขาห้ามไป เขาก็นั่งแบบเป็นสุข ถ้าหมดอายุขัยก็ตัดไปนิพพานเลย
“ ที่ต้องนั่ง ๗ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง เป็นกฏเกณฑ์ของพระที่เข้านิโรธสมาบัติใช่ไหมครับ...?
ที่ว่านั่งอยู่แค่ ๗ วัน ๑๕ วัน เพราะว่าร่างกายท่านต้องทำงาน ถ้าเกิน ๑๕ วัน ไปร่างกายมันขาดอาหาร ใช้งานไม่ไหว พอถอนออกมาแล้วก็ต้องซ่อมกันนาน ส่วนใหญ่แล้วท่านใช้เวลา ๗ วันมากกว่า ๑๕ วัน สบายๆ แต่ว่าถ้าเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ส่วนใหญ่ท่านอยู่ ๑๕ วัน ที่เรียกว่า “สุขวิหาร” สุขวิหารก็คือ “นิโรธสมาบัติ” พระพุทธเจ้าทรงพักผ่อนร่างกาย ท่านก็มีเวลาพักเหมือนกัน เวลาท่านเหนื่อยท่านก็พัก ๑๕ วัน ไม่พบใครเลยนะ
อ้างอิง : หนังสือ ธรรมปฏิบัติ ๒๗ หน้า๕-๘ รวบรวมคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) วัดจันทาราม (ท่าซุง)
https://www.facebook.com/groups/287049074816527/
ทำบุญกับพระที่เข้านิโรธสมาบัติ : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 3 เมษายน 2017.