ทำบุญอย่ายึดติด

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย gap, 6 เมษายน 2005.

  1. gap

    gap บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    บางคนมีความดีมากขนาดที่ยิ่งใหญ่เท่าภูเขาลูกหนึ่ง แต่บางคนรวมกันเป็นสิบหรือยี่สิบความดียังน้อยจนกระทั่งมองไม่เห็นเลยเพราะว่าอะไรที่แตกต่างกันรู้ใหม่เป็นคนทำบุญมาชั่วชีวิตแต่ไม่รู้ว่าที่เราทำบุญไปแล้ว ตกลงว่ามีบุญหรือไม่มีบุญกันแน่ อันที่จริงเราก็รู้ว่าเราทำบุญทำกุศล แต่หากจิตใจยึดติดผลบุญนั้นก็จะไม่งอกเงย ถ้าศิษย์ทำบุญห้าสิบสตางค์แต่จิตใจนั้นทำด้วยความบริสุทธิ์มีเงินอยู่เท่านี้ทำเท่านี้ ผลบุญนั้นจะยิ่งใหญ่ แต่หากว่าทำบุญด้วยเงินหนึ่งล้านบาทแต่จิตใจเฝ้าวกวนอยู่กับเงินหนึ่งล้านบาท คิดว่าเงินหนึ่งล้านจะกลับมาหาเราสองล้านบาท หรือคิดว่าทำบุญหวังผลอย่างให้ชาติหน้าเกิดมาเป็นอะไรบ้าง ถวายดอกไม้แล้วอยากจะสวย สร้างสะพานแล้วอยากให้ลูกหลานมั่นคง ถ้าคิดอย่างนี้แล้วจะไม่ได้กุศลใดๆ เลย ใช่หรือไม่ศิษย์รู้ทุกๆ คนเลย แต่ถามว่าเวลาทำบุญทำทานเกิดความยึดติดหรือเปล่า (เกิด) อาจารย์จะบอกให้ เป็นการยากที่จะห้ามจิตไม่ให้ยึดติดในกุศล บุญและผลกรรมต่างๆ แต่ก็ต้องทำไหม (ต้องทำ) เท่าที่ชีวิตนี้ทำบุญมาเหลืออะไรบ้าง
    ทำไมชาตินี้บางคนเกิดมาจึงมีวาสนาดีกว่าเรา ถ้าหากว่าสืบสาวไปถึงอดีตชาติที่เคยทำมาแล้ว เรานั้นก็อาจจะไม่แพ้เขา แต่ว่าถ้าพูดตามหลักเหตุผลของบุญและกรรมแล้วเราเกิดความยึดติดมากกว่าเขาชาตินี้ทำเท่าไรจึงไม่มีบุญกุศลสักที เหนื่อยก็เหนื่อยกว่าคนอื่นเขา แต่ทำเท่าไรก็ไม่มีงอกเงยสักที และไม่เห็นจะได้ใช้ คนอื่นใช้หมด ก็เป็นเพราะทำบุญแต่เราเกิดการยึดติด ฉะนั้น ในตอนนี้อาจารย์จึงอยากให้ทุกคนมาทำบุญโดยไม่ยึดติด ดีหรือไม่ บุญในที่นี้ไม่จำเป็นต้องทำด้วยเงินก็ได้ มีเงินน้อยเราก็ลงแรงให้มาก อย่างศิษย์มาที่นี่เป็นแม่ครัวทำกับข้าวได้เอาเงินมาสร้างไหม หากเราเอาเงินมาสร้างหนึ่งพันบาทแล้วกลับไป แต่ก็ไม่เหนื่อยใช่ไหม เป็นแม่ครัวมาลงแรงอาบเหงื่อต่างน้ำ ทำอาหารให้เรากินทุกมื้อ เขาเหนื่อยไหม ถามว่าจิตใจของคนที่เอาเงินมาสร้างแต่ยังยึดติดอยู่กับคนที่มาลงมือทำคนไหนมีกุศลมากกว่ากัน (คนที่ลงมือ) เพราะฉะนั้น หลังจากวันนี้กลับไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขดีหรือไม่ ให้เราเป็นคนที่มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ เราจะไปทำอะไรหลังจากนี้ หากเริ่มต้นด้วยใจที่บริสุทธิ์ ทุกอย่างก็จะเป็นกุศล ทำบุญอยากได้กุศลก็จะไม่ได้กุศลใดๆ ทั้งสิ้น

    พระอาจารย์จี้กง
    พุทธสถานฮุ่ยจื้อ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
     
  2. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    อืมมมม...ใช่ ทำบุญอย่ายึดติด (ping-love

    กล่าวเรื่องบุญบาป นี้ก็ต้องอ้างอิง กรอบสัมพันธภาพ ก่อนนะ
    หมายความว่า การจะเกิดบุญหรือบาปโดยทั่วไปเกิดจากการมีสังคม การอยู่ร่วมกัน การมีปฎิสัมพันธ์ ซึ่งกันและกัน
    (rose)

    กรณีนี้เริ่มต้นที่การให้ทานที่เป็นวัตถุสิ่งของก่อน (rose)

    ลองสมมุติดูว่า มี คนคนหนึ่งเกิดในเมืองเล็ก ๆ ที่ร่ำรวยชื่อว่าเมือง 1 เมืองนี้ไม่มีคนจน ไม่มีขอทาน ไม่มีใครทุกข์เดือนร้อนอะไร เขาจะมีโอกาสทำทานอะไรไหม ถึงเขาอยากให้ทานอะไรสักอย่าง ก็ไม่มีใครต้องการ เพราะไม่มีใครขาดแคลน (eek)

    มาดูอีกเมืองหนึ่งชื่อว่าเมือง 2 มีความแตกต่างทางชนชั้นมากมา มีคนรวย มีจน ดังนั้น จึงการการบริจาคทานขึ้น โดยคนรวยบริจาคให้คนจน หมายความว่าอะไร คนเมืองแรกอาจไม่มีโอกาสให้ทาน ส่วนคนเมืองที่ 2 คนรวยมีโอกาสให้ทานคนจน (tm-love)

    คิดว่าเมืองไหนน่าอยู่กว่า ในแง่ของนักทำบุญถ้าคุณอยู่เมืองแรกคุณอาจไม่มีโอกาสให้ทาน แต่ถ้าคุณอยู่เมืองที่ 2 คุณมีโอกาสให้ทาน ถ้าคุณมีฐานะเหนือกว่าฝ่ายตรงข้าม ?
    การที่จะมีบุญหรือบาปเกิดได้ต้องมีการสัมพันธภาพ มีการติดต่อพบปะซึ่งกันและกัน และโอกาสในการทำ ดังนั้นเป็นเรื่องของการอ้างอิง ควมเกี่ยวพัน

    การทำบุญเป็นสิ่งที่ดี ควร/ต้อง ทำแต่ทำไปแล้วไม่ต้องไปคิดถึงมันมาก ไงซะ กฎแห่งกรรมก็ทำงานอยู่ดี ไม่ต้องไปห่วง ว่าจะได้บุญหรือไม่ (bb-flower
     
  3. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    เอาล่ะ มาต่อกันด้วย บริบท แห่งบุญกันอีก :)
    บางครั้งการทำบุญก็เป็นอันตรายได้ถ้ามองในมุมอีกมุมหนึ่ง (ping-love
    เคยอ่านหนังสือของ...น่าจะเป็น คาริล ยิบราล (ถ้าผิดก็ขออภัย) เคยกล่าวว่า
    การทำบุญให้ทานบางครั้งเหมือนทำบาป เพราะถ้าเราคิดดูดี ๆ การทำทานบางครั้งเป็นเหมือนกับว่าเราทำลายความมีเกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคนของคนผู้รับทานนั้น ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ หรือถูกบีบบังคับจริง ๆ ใครหน้าไหนอยากมารับทาน ใครหน้าไหนอยากให้คนอื่นสมเพชเวทนาตน ใครหน้าไหนอยากถูกทำให้รู้สึกว่าไม่สามารถทำอะไรกับชีวิตตนเองได้จนต้องให้ผู้อื่นมาช่วยเหลือ :(
    การให้ทานบางครั้งก็เป็นการทำลายความรู้สึก เกียรติยศ ความพึ่งพาตนเองได้ ของมนุษย์คนหนึ่งซึ่งพึ่งมี ให้แหลกรานลงไปด้วยความรู้สึกซึ่งเราได้อิ่มเอม รู้สึกดี ว่า ฉัน ได้ทำบุญ ฉัน นี่ช่างดีเสียนี่กระไร ฉัน เป็นผู้ทำให้เขารอด ถ้าไม่มี ฉัน เขาต้องอดตายแน่ ดังนั้น ฉัน นี่เป็นคนดีจริง ๆ (b-green)
    บางครั้งแบบนี้หาได้เรียกว่าทานไม่ มันคือการสนองกิเลสตัณหาตัวเองมากกว่าว่า ฉัน ต้องการเป็คนดี ฉัน เป็นคนทำบุญทำทาน ซึ่งถูกต้อง ซึ่งจะได้รับบุญ ซึ่งจะได้ผลตอบแทน โดยการได้ขึ้นสวรรค์หรือได้นิพพาน ฉัน นี่ช่างดีเสียกระไร (sing)
    จริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างนั้นหรือ (one-eye)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2005
  4. mooning

    mooning Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +30
    มันคือแรงจูงใจอย่างนึง
     
  5. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    มาต่อกันอีก :p

    การทำบุญทำทานก็แบ่งเป็นขั้น ๆ เอาเป็นว่าตี๊ต่าง เป็นสัก 3 ขั้นละกัน (ping)

    ขั้นแรกคือ ทั่ว ๆ ไปนี่แหละ เราควรต้องทำบุญเพราะเนื่องมาจากโลกเรายังไม่เท่าเทียมกัน ยังมีความทุกข์ การทำควรมาจากใจที่เมตตา กรุณา ต่อเพื่อนร่วมโลกทั้งคนและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ หรือควรทำเพื่อสร้างบารมี เพื่อเป็นรากฐานในการอยู่ในไตรภูมินี้ เพื่อที่เราไม่ต้องทุกข์ทรมานมากจนเกินไป (^)

    ขั้นแรกนี้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในสังคมทุกสังคม ทำได้ง่าย อะไรสลับซับซ้อน และที่ดีคือการทำมาจากใจที่บริสุทธิ์ ไม่หวังผลตอบแทน หรือ มีอะไรเคลือบแฝงอยู่ในใจ (b-flower)
     
  6. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    มาต่อด้วย การทำบุญในระดับที่สอง (y)

    เป็นการทำบุญของผู้บำเพ็ญตนเพื่อที่จะหลุดพ้นก็เหมือนกับการทำบุญขั้นแรก ก็ยังบริจาคทาน ทำงานเพื่อสังคมรูปแบบภายนอกเหมือนกัน (*) แต่ ภายในจะต่างกัน เพราะการทำบุญขั้นตอนนี้ต้องทำให้เป็นธรรมชาติ ห้ามคิดว่าฉันทำบุญ เพราะต้องทำโดยให้อัตตาน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย (f)

    ดังนั้นอาจารย์จะต้องสอนให้ศิษย์ว่าสิ่งที่ศิษย์ทำบุญนั้นไม่ใช่เพราะตัวศิษย์ทำ แต่ให้คิดว่าอาจารย์ใช้สอยให้ทำ (kiss)
    ดังนักบวชคริสต์ที่เราจะเคยได้เห็นว่าท่านทำดีอะไรให้ใครแล้วชาวบ้านขอบคุณท่าน ท่านก็จะกล่าวว่ามิใช่ตัวท่านหรอกมันเป็นประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า หรือ เพราะพระผู้เป็นเจ้าใช้ให้มาทำ

    การทำบุญขั้นสองเป็นการฝึกภายในมากกว่าภายนอก เพราะ ภายนอกก็ทำเหมือนขั้นแรกนั่นแหละ และขั้นสองนี้ใช้เวลาเพราะคนเราส่วนมาจะเคยชินกับความมีตัวตนสูง ขั้นนี้เป็นการขัดเกลาตัวเองเพื่อเตรียมไปสู่การบรรลุธรรม (b-green)
     
  7. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    การทำบุญไม่ให้ยึดติด
    การยึดติดในบุญนั้นเป็นความโลภอย่างหนึ่ง คือโลภอยากได้บุญ เป็นต้น
    คนทำบุญแต่ละคนจะคิดไม่เหมือนกัน นานาจิตตัง
    บางคนทำบุญเพราะต้องการแลกมาเพื่อให้ได้บุญเพราะคิดว่าบุญนั้นจะทำให้ขึ้นสวรรค์ หรือเพื่อจะเกิดมาชาติหน้าจะได้ร่ำรวยป็นต้น แต่บางคนทำบุญเพื่อละความโลภ บ้างก็ทำบุญเพราะจิตศรัทธา เป็นต้น

    การทำบุญนั้นถ้าไม่หวังผลตอบแทนไม่ยึดติด ก็เป็นจาคะคือการบริจาค การให้ สละ ให้เพื่อให้ผู้อื่นมีความสุข เพื่อให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ เป็นต้น

    การทำบุญนั้นเราสามารถทำด้วยกาย , วาจา ,ใจ ได้ทั้ง๓ทาง โดยที่ไม่ต้องใช้แต่เพียงเงินทำอย่างเดียว
    การทำบุญด้วยกาย เช่น กำลังแรงกายของเราช่วยงานบุญต่างๆ ที่วัดหรือสาธารณะ เป็นต้น
    การทำบุญด้วยวาจา เช่น ช่วยบอก สอนคนอื่นให้รู้วิชาการต่างๆ เผยแผ่ธรรม สวดมนต์ พูดให้กำลังผู้อื่นให้คิดดีทำดี (ปิยวาจา) เป็นต้น
    การทำบุญด้วยใจ เช่น มีมุทิตากับผู้อื่น อนุโมทนาเมื่อผู้อื่นทำความดี คิดดี จิตเมตตา ใจเป็นบุญ การภาวนาเจริญกรรมฐาน เป็นต้น


    เป็นต้น
     
  8. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    แม่นแล้วฮับ (ping)

    ผมต้องทำบุญเยอะ ๆ ซะหน่อย เผื่อจะได้เกิดมาหล่อบ้าง (deejai)

    คุณ NUI ครับ อ่ะ...วันนี้เอาดาวมาฝาก (*) (*) (*)
     
  9. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    ง่ะ... อุตส่าห์เอาดาวมาฝาก คุณ NUI ไม่ยอมมารับเลย (b-cry)
     
  10. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    เอาล่ะ มาต่อด้วยการทำบุญขั้นที่ 3 (rose)

    หลังจากผ่านการฝึกจากขั้นที่ 2 จนสามารถละลายอัตตาให้หายไปได้แล้ว พร้อมกับผ่านการบำเพ็ญขั้นต่าง ๆ มาแล้ว การทำบุญขั้นที่ 3 เป็นการทำบุญของพุทธะ พระเจ้า เป็นสภาพที่แปลก ๆ หน่อย เป็นการทำบุญแต่ไม่ทำบุญ (b-uh)


    อธิบายได้คร่าว ๆ ก็คือสำหรับผู้บรรลุธรรม ท่านกลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว มีคุณสมบัติทุกชนิดในจักรวาลนี้อยู่ภายในของทาน ดูภายนอกนั้นต่างจากคนทั่วไป แต่ภายในแจ่มแจ้ง ตื่นแล้ว ต่างไปโดยสิ้นเชิง ท่านมีคุณลักษณะทุกอย่างแต่ท่านจะเลือกให้ปรากฏออกมาแต่ในคุณสมบัติที่ดีเท่านั้น (i)

    ดังนั้นการทำบุญของท่านตัวท่านเองก็ไม่รู้ตัวเป็นธรรมชาติและเป็นบุญที่ทรงอานุภาพที่สุด ดังเช่นจะสังเกตได้ว่าคัมภีร์โบราณมักกล่าวว่าการกราบไหว้ การบูชาพุทธ มีอานิสงค์มาก (แต่ก็ต้องเป็นพุทธที่มีชีวิตอยู่หรือพุทธในปัจจุบันนะ) (b-2love)
     
  11. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    อธิบายเพิ่มเติมอีกหน่อย สภาพการทำบุญขั้นนี้ กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ผู้บรรลุธรรมไปที่ไหน คิดถึงใคร สิ่งที่เกี่ยวพันกับท่านจะได้รับผลสะเทือน ไม่มากก็น้อย ท่านย่างเท้าไปที่ใดที่นั้นจะเกิดบุญญานิสงค์ ท่านพูดกับใคร ชายตามองใคร ผู้นั้นจะมีวาสนาผูกพันธ์กับท่าน ท่านเปรียบดังดวงอาทิตย์ส่องแสงแก่โลกมีประโยชน์กับโลก แต่ดวงอาทิตย์ก็ไม่เคยคิดว่ามีบุญคุณกับโลกเพราะทุกอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นสัจจะธรรม :p (แต่ย้ำอีกครั้งต้องเป็นผู้บรรลุธรรมในปัจจุบันเท่านั้นจึงเกิดผลสะเทือนระดับนี้ได้)
    (bb-flower

    ดังนั้นการได้พบพุทธที่มีชีวิตอยู่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยาย ชีวิตเราจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คงเหมือนที่นักแต่งนิยายฝรั่งเรื่องอะไรจำไม่ได้ ที่กล่าวว่า
     
  12. Golf_Kung

    Golf_Kung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +146
    ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะบารมี ปัญญาบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี
     
  13. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +142
     
  14. นาซิกาบู

    นาซิกาบู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ดิชั้นทำบุญก็ทำด้วยใจ ไม่คิดหวังสิ่งใดตอบแทน โดยเฉพาะกับเด็กๆที่ยากไร้
     
  15. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    อืมมมม....ตอนแรกต้องอย่าลืมว่าลูกเจี๊ยบน่ะ มีสิทธิ์เลือกมังกรที่นับถือด้วยนะ (b-ng)

    ในสถานะแบบนี้เอาเป็นว่ามา 2 กรณี (^)

    กรณีแรกเป็นเรื่องภายในไตรภูมิ คือมังกรมันก็มีทั้งจริง เก๊ ดี เก่ง สวย ขี้เหร่ ฯลฯ มีหลายตัวให้เลือกในกรณีนี้ทั้งมังกรและลูกเจี๊ยบยังไม่หลุดพ้น คือ อยู่ในไตรภูมิทั้งคู่ ถ้ามังกรยำลูกเจี๊ยบ แล้วลูกเจี๊ยบยังพอใจอยู่กับมังกรตัวนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เป็นความยินยอมของลูกเจี๊ยบเอง ที่ลูกเจี๊ยบยอมอยู่ ยอมฟัง อาจมีเหตุผลของมัน เพราะ มังกรตัวนี้สวย มีเสน่ห์ หรืออะไรก็ช่าง แต่ตัวมังกรไม่ได้ใส่ใจลูกเจี๊ยบ ไม่สนใจจะสอน จะให้ความรู้ ไม่เห็นอยู่ในสายตา กรณีนี้เป็นปัญหาของลูกเจี๊ยบเอง เข้าทำนองว่า รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก หรือ เพื่อเธอฉันทนได้ทุกอย่าง อ่ะนะ นั่นมันก็เป็นปัญหาของลูกเจี๊ยบเองไม่ใช่มังกร (smile)
     
  16. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +142
    มึงงงง กูถามมึงว่าจะทำยังไง เสือกเอาเรื่องของกูมาลงในเน็ต... เออ เออ เรื่องของกูก็เรื่องของกูก็ด้ายฟะ เออ เออ ตกลงกูต้องไม่ยอมใช่ม๊ายยยย...
    (b-angry)
     
  17. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433

    ฮ่าๆๆ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกสหาย (b-smile)


    คือก็อย่างที่บอกอ่ะนะ เรื่องนี้กรณีแรกเป็นเรื่องที่อยู่ในไตรภูมิ ทั้งมังกรและลูกเจี๊ยบยังไม่หลุดพ้น
    แต่สหายต้องไม่ลืมว่า ต่างฝ่ายต่างมีธรรมชาติของพุทธะ การบังคับพุทธะย่อมเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิงทั้งสองฝ่าย ดังนั้นทางเลือกจริง ๆ จึงไม่อาจ Control ได้โดยฝ่ายได้ฝ่ายหนึ่ง มันก็เป็นไปได้ว่าถ้าลูกเจี๊ยบหวังจะให้มังกรเห็นค่าของตนก็อาจต้องใช้เวลาซึ่งไม่รู้ว่านานเท่าไรหรืออาจจะไม่มีทางก็ได้ เป็นไปได้หมด เพราะการมีความเกี่ยวพันกันในไตรภูมิต้องมีเหตุ มีปัจจัยจึงจะเกิดผล โดยมากแล้วจะผูกพันกันได้ต้องอาศัยใจ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตน ไม่มีใครสามารถล่วงล้ำอำเภอใจใครได้
    (kiss)

    นั่นแหละเรื่องในไตรภูมิล้วนแต่เป็นเหตุผล กรณีแรกนี้ ยอมหรือไม่ ไม่ใช่คำตอบของทั้งสองฝ่าย ที่ต้องตกลงกัน แต่ต่างฝ่ายต่างมีเอกเทศในการตัดสินใจต่างหากอ่ะนะ สหาย ดังนั้นสมการที่ไม่อ้างอิงซึ่งกันและกัน อาจไม่สามารถหาตัวแปรร่วมกันได้ หรือ ถ้าจะได้ก็ต้องปรับสภาพเสียใหม่ ดังนั้นมังกรและลูกเจี๊ยบต่างมีสิทธิ์เต็มร้อยในการตัดสินใจ
    [b-nurse]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2005
  18. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    เอาล่ะ มาต่อในกรณีที่ 2 (ping-love
    แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามังกรหรืออาจารย์ที่เราพบนั้นเป็นผู้ที่หลุดพ้นจริง ๆ หรือไม่
    โดยทั่ว ๆ ไปก็อาจแบ่งได้ 2 อย่างคือ อย่างแรกถ้าเรามีวาสนาผูกพันธ์กับอาจารย์ท่านนั้นมากเราจะเชื่อเราจะไม่สงสัยใด ๆ ในตัวท่านเลย นี่เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจะข้ามไปละกัน
    ({)
    มาอีกกรณี อย่างหลังถ้าเราใหม่อยากจะหลุดพ้นจริง ๆ ไม่ค่อยมีวาสนาผูกพันธ์กับพุทธมากนัก ก็ให้ดูว่าท่านปฎิบัติตัวอย่างไร มีศีล มีสัตย์ไหม และที่สำคัญก็คือ ท่านต้องสามารถถ่ายทอดธรรมวิถีให้ได้ แน่นอน การหลุดพ้นเป็นเรื่องการบำเพ็ญ มีวิธีที่แน่นอนในการหลุดพ้น เราบำเพ็ญไปสักระยะก็สามารถเปรียบเทียบได้กับคัมภีร์ ตำรา พระสูตรต่าง ๆ ที่คนบำเพ็ญเขียนบันทึกไว้ ถ้าเราพัฒนานความหมายของพระสูตรต่าง ๆ เราจะเข้าใจ คำพูดประโยคต่าง ๆ ทางธรรมมีความหมายลึกซึ้ง การเข้าถึงได้ต้องอยู่ในระดับปัญญาเดียวกับผู้ที่บำเพ็ญถึงขั้นที่เขียนนั้นจึงจะเข้าใจ ไม่ใช่คนทั่วไปก็อ่านเข้าใจความหมายที่แท้จริง ๆ ได้ คนทั่วไปอ่านก็จะเข้าใจตามคำแปลของภาษาซึ่งจริง ๆ แล้วต่างไปโดยสิ้นเชิงกับความหมายที่แท้จริง โลกจึงวุ่นวายเพราะเหตุนี้ เพราะการตีความการเถียงกัน ในเรื่องที่ยังไม่สามารถจะเข้าใจหรือรู้แจ้งได้ :(
    ตัวอย่างก็ ในไบเบิ้ลมีกล่าวว่า เจ้าหว่านพืชชนิดใดก็จะได้ผลของพืชชนิดนั้น ทางพุทธจะกล่าวว่า ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ก็เป็นการพูดถึงเรื่องเดียวกันคือกฎแห่งกรรมนั่นเอง ถ้ายิ่งบำเพ็ญยิ่งจะแจ้ง ยิ่งมีปัญญาก็อนุมานว่าเรามาถูกทางหรืออาจารย์เราเป็นพุทธจริง ๆ
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการลงมือปฏิบัติเป็นสำคัญอ่ะนะ (b-flower)
     
  19. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    อืมมม...มาว่ากันเรื่องอาจารย์อีกนิด (b-ng)
    เราจะเห็นว่าโลกเรามีอาจรย์หรือครูมากมาย ซึ่งในทางธรรมก็เช่นกัน ในไตรภูมินี้มีอันดับชั้นให้บรรลุได้มากมาย ใครไปถึงตรงไหนก็แล้วแต่การบำเพ็ญของใครของมัน และก็มีครูอยู่ในหลายอันดับชั้น เช่น ครูที่บรรลุถึงโลกทิพย์ บรรลุถึงโลกของเหตุผล(ศิวะ) บรรลุถึงโลกชั้นพรหม จวบจนครูที่อยู่เหนือไตรภูมิ แน่นอน ถ้าเราร่ำเรียนจนถึงอันดับชั้นของอาจารย์ที่สอนเราแล้ว (*)
    เราจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ หยุดอยู่ที่อันดับชั้นนั้นหรือไปต่อ แน่นอนถ้าอยากหลุดพ้นจริงก็ต้องไปต่อ ถ้าเราไปต่อก็ต้องไปหาอาจารย์ที่อยู่ในระดับสูงึ้น นี่เป็นเรื่องธรรมดา เช่นเดียวกับเราจบประถม ก็ต้องไปเรียนมัธยม เราคงไม่อยู่ที่ระดับประถมต่อไปหรอก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เคารพครูประถมของเราแล้ว เราก็ยังคงต้องเคารพท่านเพราะท่านสอนเราจนจบประถม (f)
    ดังนั้น อย่าไปยึดติดอาจารย์มากมาย ยิ่งยึดติดยิ่งยุ่ง จะเป็นเรื่องเป็นราวให้เถียง ทะเลาะกันไม่จบสิ้น อาจารย์ฉันดี อาจารย์เธอไม่ดี หนักเข้าถึงขั้นทำลายกัน ผิดวัตถุประสงค์การบำเพ็ญไปหมด โลกวุ่นวายเพราะอย่างนี้ :'(
    แต่จะว่าไปก็ไม่แปลก ระบบของมายาก็ทำงานอย่างนี้อยู่แล้ว ผู้ครองไตรภูมิท่านมีหน้าที่กักสรรพสัตว์ไว้ในไตรภูมิการออกไปข้างนอกหาทำได้ง่ายไม่ จะดียิ่งถ้าเราเรียนรู้การทำงานของท่านมายา
    (bb-flower
     
  20. sao-wanee

    sao-wanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +124
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ไม่รู้อะไรเลยจะดีกว่าเปล่าค่ะ...เหอๆ มานยาวมาก ๆๆๆๆ
    อ่านแล้วปวดตา เหอ ๆแต่อ่านรวมแล้ว ๆ ดีค่ะ
    เห็นคนอื่นเค้าทำเยอะกว่า ก็ควรอนุโมทนาบุญด้วยก็สบายใจได้เช่นกัน..
    ทุกวินาทีสามารถเป็นบุญเป็นกุศลได้ทั้งนั้น แล้วแต่คนกระทำนะ หายใจเข้าก็นึกถึงความตาย หายใจออกก็ถึงความตาย ไม่ใช่หายใจเข้า ก็กินเหล้าที่ไหน หายใจออก กินเหล้าร้านไหนดี เหอๆ แค่ก็ได้แหละ บุญ
    คนเรา จะทำบุญจะเล็กจะใหญ่ อยู่ที่ใจ จะทำบุญสงเคราะห์ทางโลก หรือ ทางธรรม ต้องกระทำด้วยใจที่ใส ๆ ด้วยทรัพย์ที่บริสุทธิ์ จากอาชีพสัมมาอาชีวะ
    ถึงแม้มาจากอาชีพมิจฉาชีวะ ก็ได้แต่น้อย เพราะทรัพย์ที่ได้มาจากการเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์หรือสัตว์ เมื่อรวม ๆ แล้วใจที่ทำใส ๆ ทั้งสามขั้นตอนทั้งก่อนทำ ระหว่างทำ หลังทำ ก็ถือว่า ครบองค์ประชุม
    แต่รู้เพียงว่า ทำแล้วสบายใจ ทำแล้วอยากทำอีก มีมากก็จะทำมาก มีน้อยก็จะทำน้อย...ทุกอนุวินาทีที่หายใจเข้าออกก็เฮ้อ! อยากทำบุญ อันนี้ผิดวิสัยคนเปล่าค่ะ
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...