ทำไมห้ามกราบรูปปั้น (หลวงพ่อเกษม)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย surer, 12 มีนาคม 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    จิตก่อนตายเกาะสิ่งใด ยึดมั่นสิ่งใด นั่นคือสถานที่เกิด ในสมัยพุทธกาลมีภิกษุรูปหนึ่งหลงใหลในจีวร แม้ป่วยหนักนุ่งห่มจีวรไม่ได้ ก็ยังหลงใหลลูบคลำจีวรนั้น หลังจากตายจิตยังไม่เข้าถึงพระรัตนตรัย(พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า) กลับไปเกิดเป็นตัวไรเกาะจีวรนั่นอยู่อีก ๗ วัน
     
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [๑๔๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้
    เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาท
    ให้ถึงพร้อมเถิด ฯ
    นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต ฯ
     
  3. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๐ หน้าที่ ๑๒๔/๒๖๑
    [๑๔๑] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์
    บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี
    ก็ข้อนี้ พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ
    ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็น ศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา
    ดูกรอานนท์ บัดนี้
    พวกภิกษุยัง เรียกกันและกันด้วยวาทะว่า อาวุโส ฉันใด โดยกาลล่วงไปแห่งเรา ไม่ควรเรียกกัน
    ฉันนั้น ภิกษุผู้แก่กว่า พึงเรียกภิกษุผู้อ่อนกว่า โดยชื่อหรือโคตร หรือโดยวาทะว่า อาวุโส แต่
    ภิกษุผู้อ่อนกว่าพึงเรียกภิกษุผู้แก่กว่าว่า ภันเต หรืออายัสมา ดูกรอานนท์ โดยล่วงไปแห่งเรา
    สงฆ์จำนงอยู่ ก็จงถอนสิกขาบทเล็กน้อยเสียบ้างได้ โดยล่วงไป แห่งเรา พึงลงพรหมทัณฑ์แก่
    ฉันนภิกษุ ท่านพระอานนท์กราบทูลถามว่า ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ ก็พรหมทัณฑ์เป็นไฉน
    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอานนท์ ฉันนภิกษุพึงพูดได้ตามที่ตนปรารถนา ภิกษุทั้งหลาย
    ไม่พึงว่า ไม่พึงกล่าว ไม่พึง สั่งสอน ฯ
     
  4. rnuir

    rnuir เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +218
    ถ้าจิตผูกพันกับสิ่งที่ไม่เที่ยง(ทุกอย่างที่เราสัมผัสได้ในธรรมชาติ) เมื่อสิ่งนั้นได้เปลี่ยนแปลงไป ถ้าเราไม่มีความเข้าใจในกฎการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ย่อมก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่าง อาจจะเป็นสุขหรือทุกข์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ไม่เที่ยงอีกเช่นกัน

    ขอเบี่ยงนอกประเดนสักนิดนึงเพื่อความเข้าใจ (นิดเดียวจริง)

    ทุกคนย่อมมีมาตรฐานการวัดถูกผิดเหมือนหรือต่างกันออกไป และมาตรฐานนั้นย่อมมีผลต่อจิตใจของผู้ๆนั้นด้วย อย่างเช่น

    ความรู้สึกของอากาศ 25 องศาของประเทศเมืองหนาว กับเมืองร้อนต่างกัน
    เมืองหนาว ว่า อุ่นสบาย เมืองร้อนว่าเย็นสบาย ทั้งๆที่อุณหภูมิเท่ากัน

    เทียบได้กับอุณหภูมิ 25องศา กับกิจกรรมหนึ่ง เช่น การไม่ไหว้พระพุทธรูป ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วย ฝ่ายนึงไม่เห็นด้วย เปรียบเหมือน ร้อน หนาว

    ที่ยกตัวอย่างมาอยากชี้ให้เห็นธรรมชาติของการเห็นต่างว่ามันทำงานอย่างไร มันขึ้นอยู่กับมาตรฐานของแต่ละคน เพื่อให้นำไปใช้เวลาเฝ้าดูเหตุการณ์อะไรสักอย่างนึงว่ามันเป็นเรื่องปรกติ เป็นการเตรียมจิตใจเพื่อจะมองสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

    กลับมาที่ประเดน
    ทำไม่ห้ามกราบรูปปั้น

    ตามคลิปที่ผมได้ดู ยังขาดความเข้าใจที่เป็นสากล
    ความเข้าใจที่เป็นสากลคือ ความเข้าใจในสิ่งเดียวที่สามารถใช้ได้กับทุกๆสิ่ง

    อย่างที่เห็นในคลิปคือ พระพุทธรูปมีผลต่อความรู้สึกของผู้คน ถ้ามีเหตุการหนึ่งใดเกิดขึ้นกับพระพุทธรูปย่อมก่อให้เกิดความรู้สึกทุกข์ แต่หลวงพ่อเน้นไปด้านทุกข์และเน้นแค่พระพุทธรูป ไม่ให้ความหมายของด้านสุขและไม่ได้ให้ความหมายกับสิ่งอื่นๆด้วย สิ่งอื่นๆก็คือธรรมชาติทั้งหมด ผลคือคนที่ไม่เห็นด้วยก็เพราะเน้นแค่พระพุทธรูปไม่ได้ใหญ่ถึงขนาดธรรมชาติ ขนาดมันก็เลยไม่เท่ากับจุดประสงค์ของพุทธศาสนาที่ครอบคลุมถึงธรรมชาติทั้งหมด คนก็เลยเห็นว่าต่างกันกับพุทธศาสนา ที่จริงไม่ได้ต่างจากพุทธศาสนา แค่หลักความคิดเดียวกันแต่ต่างกันที่ขนาด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2012
  5. ลมสุริยะ

    ลมสุริยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +215
    แล้วมีพระสูตรไหนบอกว่าต้องเผา ต้องทำลายไหม?
    ก็มัวแต่ไปยึด ไปติด ว่าเป็นรูปหล่อ ปูนปั้น อยู่ไง ตายแล้วจะไปเกิดเป็นอะไร

    พระพุทธรูปไม่ใช่พระพุทธเจ้า แต่เป็นสิ่งที่ช่วยสื่อให้เข้าถึงพุทธานุภาพ และจิตตานุภาพของพระบรมศาสดา

    คิดว่าเค้ากราบปูนกราบทองเหลืองกันหรือ ??
     
  6. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    เมื่อไรที่เกิดการ วิวาทะ เรื่องของ พระองค์นี้ ผมจะแจ้งลบทุกประการนะครับ เพื่อรักษาความสงบไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2012
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๓๓ หน้าที่ ๑๒๔/๔๐๘
    ว่าด้วยบุพจริยาของพระวักกลิเถระ
    [๑๒๒] สมเด็จพระผู้นำมีพระนามไม่ทราม มีพระคุณนับไม่ได้พระนามว่า
    ปทุมุตระ เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้ พระนามว่า
    ปทุมุตระ ก็เพราะมีพระพักตร์เหมือนดอกปทุม มีพระฉวีวรรณ
    งาม ไม่มีมลทิน เหมือนดอกปทุม ไม่เปื้อนด้วยโลก เหมือน
    ดอกปทุมไม่เปื้อนด้วยน้ำ ฉะนั้น เป็นนักปราชญ์ มีพระอินทรีย์
    ดังใบปทุมและน่ารักเหมือนดอกปทุม ทั้งมีพระโอฐ มีกลิ่น
    อุดม เหมือนกลิ่นในกลีบของดอกปทุม เพราะฉะนั้น พระองค์
    จึงทรงพระนามว่า ปทุมุตระ พระองค์เป็นผู้เจริญกว่าโลก
    ไม่ทรงถือพระองค์ เปรียบเสมือนเป็นนัยน์ตาให้คนตาบอด มีพระ
    อิริยาบถสงบ เป็นที่ฝังพระคุณ เป็นที่รองรับกรุณาและมติถึงใน
    ครั้งไหนๆ พระมหาวีรเจ้าพระองค์นั้น ก็เป็นผู้อันพรหมอสูรและ
    เทวดาบูชา สูงสุดกว่าชนในท่ามกลางหมู่ชนที่เกลื่อนกล่นไปทั้ง
    เทวดาและมนุษย์ เมื่อจะยังบริษัททั้งปวงให้ยินดีด้วยพระสำเนียง
    อันเสนาะ และด้วยพระธรรมเทศนาอันเพราะพริ้ง จึงได้ชมสาวก
    ของพระองค์ว่า ภิกษุอื่นที่พ้นกิเลสด้วยศรัทธา มีมติดี ขวนขวาย
    ในการดูเรา เช่นกับวักกลิภิกษุนี้ ไม่มีเลย ครั้งนั้น เราเป็นบุตร
    ของพราณ์ในพระนครหงสวดี ได้สดับพระพุทธภาษิตนั้น จึง
    ชอบฐานันดรนั้น ครั้งนั้น เราได้นิมนต์พระตถาคตผู้ปราศจาก
    มลทินพระองค์นั้น พร้อมด้วยพระสาวก ให้เสวยตลอด ๗ วัน
    แล้วให้ครองผ้า เราหมอบศีรษะลงแล้วจมลงในสาครคืออนันตคุณ
    ของพระศาสดาพระองค์นั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยปีติ ได้กราบทูล
    ดังนี้ว่า ข้าแต่พระมหามุนี ขอให้พระองค์ได้เป็นเช่นกับภิกษุผู้
    สัทธาธิมุติ ที่พระองค์ตรัสชมเชยว่า เลิศกว่าภิกษุผู้มีศรัทธาใน
    พระศาสนานี้เถิด เมื่อเรากราบทูลดังนี้แล้ว พระมหามุนีผู้มี
    ความเพียรใหญ่ มีพระทรรศนะมิได้มีเครื่องกีดกัน ได้ตรัสพระ
    ดำรัสนี้ในท่ามกลางบริษัทว่า จงดูมาณพผู้นี้ ผู้นุ่งผ้าเนื้อเกลี้ยง
    สีเหลือง มีอวัยวะอันบุญสร้างสมให้คล้ายทองคำ ดูดดื่มตา
    และใจของหมู่ชนในอนาคตกาล มาณพผู้นี้จักได้เป็นพระสาวก
    ของพระโคดมผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย
    ฝ่ายสัทธาธิมุติ เขาเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตามจักเป็นผู้เว้นจาก
    ความเดือดร้อนทั้งปวง รวบรวมโภคทรัพย์ทุกอย่าง มีความสุข
    ท่องเที่ยวไป ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ พระศาสดามีนามชื่อว่าโคดม
    ทรงสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก
    มาณพผู้นี้จักเป็นธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น จักเป็น
    โอรสอันธรรมเนรมิต จักเป็นสาวกของพระศาสดามีนามชื่อว่า
    วักกลิ เพราะผลกรรมที่เหลือนั้น และเพราะตั้งเจตน์จำนงไว้ เรา
    ละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรามีความสุขในที่ทุก
    สถาน ท่องเที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่ ได้เกิดในสกุลหนึ่งใน
    พระนครสาวัตถี มารดาของเราถูกภัยปีศาจคุกคาม มีใจหวาดกลัว
    จึงให้เราผู้ละเอียดอ่อนเหมือนเนยข้น นุ่มนิ่มเหมือนใบไม้อ่อนๆ
    ซึ่งยังนอนหงาย ให้นอนลงแทบบาทมูลของพระผู้แสวงหาคุณอัน
    ยิ่งใหญ่ กราบทูลว่า ข้าแต่พระโลกนาถ หม่อมฉันขอถวาย
    ทารกนี้แด่พระองค์ ข้าแต่พระโลกนายก ขอพระองค์จงทรงเป็นที่
    พึ่งของเขาด้วยเถิด ครั้งนั้น สมเด็จพระมุนีผู้เป็นที่พึ่งของหมู่สัตว์
    ผู้หวาดกลัว พระองค์ได้ทรงรับเราด้วยฝ่าพระหัตถ์อันอ่อนนุ่ม มี
    ตาข่ายอันท่านกำหนดด้วยจักร จำเดิมแต่นั้นมา เราก็เป็นผู้ถูก
    รักษาโดยพระพุทธเจ้า จึงเป็นผู้พ้นจากความป่วยไข้ทุกอย่าง อยู่
    โดยสุขสำราญ เราเว้นจากพระสุคตเสียเพียงครู่เดียวก็กระสัน พอ
    อายุได้ ๗ ขวบ เราก็ออกบวชเป็นบรรพชิต เราเป็นผู้ไม่อิ่มด้วย
    การดูพระรูปอันประเสริฐ เกิดพระบารมีทุกอย่าง มีดวงตาสีเขียว
    ล้วน เกลื่อนกล่นไปด้วยวรรณสันฐานอันงดงาม ครั้งนั้น พระพิชิต
    มารทรงทราบว่า เรายินดีในพระพุทธรูป จึงได้ตรัสสอนเราว่า
    อย่าเลยวักกลิ ประโยชน์อะไรในรูปที่น่าเกลียดซึ่งชนพาลชอบเล่า
    ก็บัณฑิตใดเห็นสัทธรรม บัณฑิตนั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ไม่เห็นสัทธรรม
    ถึงจะเห็นเราก็ชื่อว่าไม่เห็น กายมีโทษไม่สิ้นสุด เปรียบเสมอด้วย
    ต้นไม้มีพิษ เป็นที่อยู่ของโรคทุกอย่าง ล้วนเป็นที่ประชุมของทุกข์
    เพราะฉะนั้น ท่านจงเบื่อหน่ายในรูป พิจารณาเห็นความเกิดขึ้น
    และความเสื่อมไปแห่งขันธ์ทั้งหลาย จักถึงที่สุดแห่งสรรพกิเลสได้
    โดยง่าย
    เราอันสมเด็จพระโลกนายกผู้แสวงหาประโยชน์พระองค์
    นั้น ทรงพร่ำสอนอย่างนี้ ได้ขึ้นภูเขาคิชฌกูฏ เพ่งดูอยู่ที่ซอกเขา
    พระพิชิตมารผู้มหามุนีประทับยืนอยู่ที่เชิงเขา เมื่อจะทรงปลอบโยน
    เรา ได้ตรัสเรียกว่า วักกลิ เราได้ฟังพระดำรัสนั้นเข้าก็เบิกบาน
    ครั้งนั้น เราวิ่งลงไปที่เงื้อมเขาสูงหลายร้อยชั่วบุรุษ แต่ถึงแผ่นดิน
    ได้โดยสะดวกทีเดียว ด้วยพุทธานุภาพ พระผู้มีพระภาคทรงแสดง
    พระธรรมเทศนา คือ ความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปแห่งขันธ์
    ทั้งหลายอีก เรารู้ธรรมนั้นทั่วถึงแล้ว จึงได้บรรลุอรหัต ครั้งนั้น
    พระผู้มีพระภาคผู้มีพระปรีชาใหญ่ ทรงทำที่สุดแห่งจรณะ ทรง
    ประกาศในท่ามกลางมหาบุรุษว่า เราเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายฝ่าย
    สัทธาธิมุติ ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วย
    กรรมนั้นเราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา เราเผากิเลส
    ทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนา เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
    ทราบว่า ท่านพระวักกลิเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
    จบ วักกลิเถราปทาน.
     
  8. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พจนานุกรม
    ไทย-อังกฤษ,ไทย-ไทย, อังกฤษ-ไทย และ พุทธศาสนา

    อย่า [ AUX ] do not
    [ English ]don't; never [ Sample] เวลาซื้อของอย่าเชื่อผู้ขาย ร้อยทั้งร้อยเขาต้องบอกว่าของเขาดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ [ Def ] คำประกอบกริยาบอกความห้ามหรือไม่ยอมให้ทำการต่างๆ

    อย่า
    [หฺย่า] ว. คําประกอบกริยาบอกความห้ามหรือไม่ยอมให้ ทําการต่าง ๆ.

    อย่า
    [หฺย่า] ว. คําประกอบกริยาบอกความห้ามหรือไม่ยอมให้ ทําการต่าง ๆ.
     
  9. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=9YVy5GJZEGs&feature=related]จิตก่อนตาย - YouTube[/ame]
     
  10. สิบหก

    สิบหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    680
    ค่าพลัง:
    +603
    สรุป สุภาษิตสำนวนไทย
    ฆ่าช้างเอางา : หมายความว่า ลงทุนลงแรงเพื่อทำลายของหรือสิ่งสำคัญใหญ่ ๆ โต ๆ เพียงเพื่อต้องการจะได้ของสำคัญชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่สมกับค่าของ ๆ ที่ถูกทำลายลงไป เช่นทำลายชีวิตคน เพื่อต้องการทรัพย์สิน หรือของมีค่าเล็กน้อยของคนผู้นั้นมาเป็นประโยชน์ของตน โดยไม่คิดว่าชีวิตของผู้นั้นมีค่ากว่าทรัพย์สินก้อนนั้น หรือเป็นการไม่สมควรเพราะผิดกฎหมายร้ายแรง เช่นนี้ก็เรียกว่า " ฆ่าช้างเอางา " ได้เช่นเดียวกัน.
    ปิ้งปลาประชดแมว : สำนวนนี้ ต่อท้ายกับสำนวนที่ว่า " หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว " หมายความว่า การทำประชดหรือทำแดกดันที่กลับเป็นผลร้ายแก่ตนเอง เพราะธรรมดาแมวชอบกินปลา ถ้ายิ่งปิ้งปลาให้แมวกินแบบประชดมาก ๆ แมวก็ยิ่งชอบ แต่ตัวคนทำประชดจะต้องเสียผลมากขึ้น.
     
  11. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หน้าที่ ๖๘/๒๘๘
    [๑๕๓] อริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรมเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่างเป็นไฉน ดูกร
    คฤหบดี อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธ
    เจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ
    ถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก
    ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระ
    ธรรม ดังนี้ย่อมประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มี
    พระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อม
    เข้ามา อันวิญญูพึงรู้เฉพาะตน
    ดังนี้ ย่อมประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์
    ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรง เป็นผู้ปฏิบัติเป็นธรรม
    เป็นผู้ปฏิบัติสมควร คือคู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นี่พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็น
    ผู้ควรของคำนับ เป็นผู้ควรของต้อนรับ เป็นผู้ควรของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็นนาบุญ
    ของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ ย่อมประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าปรารถนา อันไม่ขาด
    ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญอันตัณหาและทิฐิไม่ครอบงำได้
    เป็นไปเพื่อสมาธิ อริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรมเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่างนี้ ฯ
     
  12. moddang

    moddang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,464
    ค่าพลัง:
    +5,423
    ด้วยเหตุนี้ผมเข้าใจคำสอนของหลวงปู่พุทธอิสระแล้ว

    บทโศลกแห่งพุทธะอิสระ 2

    ลูกรัก...จงใช้สมมุติ ยอมรับสมมุติ เคารพสมมุติ ให้เกียรติในสมมุติ สุดท้ายจงอย่ายึดติดในสิ่งที่เป็นสมมุติ นี่คือ วิมุตติธรรม
     
  13. rnuir

    rnuir เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +218


    ขอโทษที่ไม่ได้ขยายความทำให้เข้าใจผิด

    ผมเห็นด้วยกับพระเกษมตรงแนวความคิดที่

    ถ้าจิตผูกพันกับสิ่งที่ไม่เที่ยง(ทุกอย่างที่เราสัมผัสได้ในธรรมชาติ) เมื่อสิ่งนั้นได้เปลี่ยนแปลงไป ถ้าเราไม่มีความเข้าใจในกฎการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ย่อมก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่าง อาจจะเป็นสุขหรือทุกข์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ไม่เที่ยงอีกเช่นกัน

    แต่ส่วนการไม่ไหว้หรือทำลายหรืออะไร ผมไม่สนใจครับ

    ส่วนประโยคที่
    พระพุทธรูปมีผลต่อความรู้สึกของผู้คน ถ้ามีเหตุการหนึ่งใดเกิดขึ้นกับพระพุทธรูปย่อมก่อให้เกิดความรู้สึกทุกข์

    แต่ถ้าเป็นทุกข์เพราะว่าเห็นว่ามีใครมาทำอะไรพระพุทธรูป โดยที่ผู้นั้นคิดว่า เป็นปูนเป็นทองเหลือง หรือเครื่องที่ละลึกถึงคำสอน เป็นเครื่องละลึกถึงองค์ศาสดา ผมว่าสองกลุ่มนี้ได้เหมือนกันครับ คือ ความทุกข์ ผมจึงคิดว่าไม่ต่างกัน ประโยคข้างบนผมก็คิดว่ามันยังถูกต้องอยู่ครับ
     
  14. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    กราบ กราบ กราบ หลวงพุทธะอิสระ
     
  15. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    อุรุเวลา ยังไม่ยอมหยุดทำความชั่วอีก คราวที่แล้วตัดต่อพุทธพจน์ บิดเบือนเอาคำพูดของตัวเองมาอ้างว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ เตือนแล้วก็ไม่ฟัง ไม่ยอมรับความผิดจนต้องปิดกระทู้หนีเพื่อฝังกลบไม่ให้คนทราบ วันนี้ก็ยังเอาอีก เห็นแต่เรื่องภายนอก แต่เรื่องในตนกลับไม่รู้ ธรรมะถ้าใช้ให้ถูกก็มีคุณมหันต์ แต่ถ้าใช้ผิดก็โทษอนันต์ อ่านพระไตรปิฎกเพื่อเอามาสนองมิจฉาทิษฐิในตน มันย่อมเปล่าประโยชน์ มีแต่ทำลายตนเองให้พินาศ
     
  16. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมเลื่อมใสในพระตรันตรัย อันได้แก่ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า รักษาศีลแปดไม่ขาดไม่ทะลุ ท่าน ถิ่นธรรม ผู้เป็นคนดีมีศีลห้าไม่ขาดไม่ทะลุแล้วหรือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2012
  17. ลมสุริยะ

    ลมสุริยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +215
    พูดง่าย ทำยาก
    การกระทำ ฟ้องเจตนา
    ปกปักรักษา หรือจ้องทำลาย
     
  18. โง่มาเกิด

    โง่มาเกิด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    เอาศีลข่มกันระวังตัว มานะด้วยเน้อ
     
  19. rubian

    rubian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +483
    เฮ้อ เชื่อผม วางอุเบกขาเถอะครับ
     
  20. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,962
    ค่าพลัง:
    +356
    อนุ


    อนุโมทนา สาธุ ครับ:cool::cool::cool::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...