ทิพจักขุญาณไม่ใช่ตาทิพย์นะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ตุ๊โต้ง, 23 ธันวาคม 2010.

  1. ตุ๊โต้ง

    ตุ๊โต้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +223
    เออที่ตั้งกระทู้นี้คือ ผมได้เจอในหนังสือที่หลวงพ่อฤาษีฯท่านสอนไว้ครับ
    ท่านว่า ทิพจักขุญาณนี่เป็นญาณสมาธิอย่างหนึ่งจะเรียกว่าเป็นผู้มีตาทิพย์น่ะไม่ถูกเพราะพวกที่มีตาทิพย์นี้ต้องเป็นพวกที่อยู่ในสภาวะทิพย์ กายเป็นทิพย์ มนุษย์อย่างเราๆท่านๆ ได้อย่างดีที่สุดก็ทิพจักขุญาณครับ
     
  2. ending

    ending เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +114
    ในความเข้าใจเรา ถ้าทิพจักขุญาณ นี่น่าจะเป็นแบบว่าเห็นภาพนิมิตเวลาหลับตา
    แต่ถ้าเป็นตาทิพย์นี่ลืมตาเนื้อดูได้เลย
     
  3. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ตามความเข้าใจ ทิพยจักษุ เหนือกว่า ตาทิพย์ อีก

    ตาทิพย์ อาจเห็นโน่น เห็นนี่ ที่เหนือวิสัยของตาเนื้อจะเห็นได้

    แต่ ทิพยจักษุ สามารถล่วงรู้การจุติและอุบัติของสัตว์ในสังสารวัฎ ซึ่งมีผลในแง่ของทางปัญญามากกว่า
     
  4. bestsu

    bestsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +617
    ผมว่ามันขึ้นอยู่กับ "นิยาม" ของแต่ละคนมากกว่า ว่ากิเลสของพวกคุณมันจะปรุงแต่งไปทางใด

    สำหรับผมแล้วมันเป็นการเล่นคำเฉยๆ ไม่ได้พิเศษ นี่กิเลสผมบอก
     
  5. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,091
    ใช้คำว่า ทิพยจักขุ นะครับ ในพระไตรปิฎกก็มีอยู่ พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสไว้

    เป็น ญาน หรือ ความรู้พิเศษ ฉะนั้น แต่ละคนก็จะมีกำลังใจไม่เท่ากัน

    กำลังในการรู้สิ่งต่างๆนั้น ก็ต่างกันด้วย

    ถ้าใช้คำว่า ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ ผู้ปฏิบัติดีย่อมเข้าใจได้เลยว่า ความรู้พิเศษ

    นั้น เป็นอย่างไร เป็นกิเลสหรือไม่นั้นอยู่ที่ใจของผู้ปฏิบัติเองครับ

    เพราะมีทั้ง โลกียะ และ โลกุตระ น่าจะเข้าใจกันไม่ยากครับ

    โมทนาครับ
     
  6. kontatip

    kontatip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +112
    อืมม

    อนุโมทนาครับ

    ญาณที่รู้ล่วงหน้า

    หรือว่ารู้สึกว่าจะเกิดขึ้นครับ
     
  7. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    อย่างญาณทัศนะก็เป็นการรู้ด้วยทิพยจักขุเหมือนกัน
     
  8. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า จุกษุมี ๓ อย่าง คือ

    ๑. มังสจักษุ หมายถึง ตาเนื้อ คือ ตาของมนุษย์ และ ตาของสัตว์ทั้งหลาย
    ๒. ทิพยจักษุ หมายถึง ตาทิพย์
    ๓. ปัญญาจักษุ หมายถึง ตาปัญญา


    ความเข้าใจของผมเอง

    ทิพยจักษุนั้นสามารถเห็นได้สองกรณี คือ

    ๑. เห็นได้ในขณะหลับตาเนื้อ เช่น ในสภาวะของสมาธิ
    ๒. เห็นได้ด้วยตาเนื้อนี้เลย (ซึ่งเกิดได้ในบางคนเท่านั้น เช่น คนที่ได้อภิญญา หรือ คนที่มีสมาธิละเอียดและจิตมีธุลีน้อย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2010
  9. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    มนุษย์อย่างเรามีทิพยจักษุไม่ได้หลอกครับ.....เพราะเรามีกายเป็นเนื้อ คือ ภูมิของมนุษย์.....ไม่ใช่ภูมิแห่งการที่มีกายเป็นทิพย์ เช่น เทวดา และ พรหม.....

    นอกจาก ทิพยจักษุญาณ คำว่า ญาณ แปลว่าการหยั่งรู้นะครับ....

    เจ้าของกระทู้เข้าใจถูกแล้ว.....และการฝึกให้เกิดทิพย์จักษุญาณนี้เราสามารถทำได้ครับ.......ในบุคคลที่มีวาสนาบารมีที่จะทำได้นะครับ.......ในฝ่ายของผู้ที่ฝึกเตวิชโย ขึ้นไป.......ถ้าเป็นฝ่ายของสุขวิปัสโก.......เขาจะทำไม่ได้.....เขาจะมองเป็นสถาวะธรรมแทน......มันไม่เหมือนกันครับ....

    เรื่องของทิพยจักษุญาณ(จุตูปปาตญาณ)นี้มีในพระไตรครับ...

    หลายท่านตอบไว้ดีแล้ว โมทนาสาธุธรรมครับ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2010
  10. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    วิธีฝึกทิพยจักษุญาณ

    โดยหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    ความจริงวิชาทิพยจักษุญาณ นี้เป็นของไม่ยากอะไรเลย เป็นหลักสูตรที่เบาที่สุดในพระพุทธศาสนา พระเรียนนักธรรมตรีเรียกยากและเสียเวลามากกว่า หรือนักเรียนยากมากกว่า ทำกันไม่ได้ก็เห็นจะเป็นเพราะไม่สนใจ หรือสนใจเหมือนกัน แต่ไม่เอาจริง บางรายเอาจริงเหมือนกันแต่ไม่ทันถึงจริงก็เลิก บางรายเอาจริง ถึงจริงแล้ว มีอารมณ์เป็นทิพย์แล้ว แต่เหลิงเกินไปเลยไม่ได้ผล

    วิธีฝึกทิพยจักษุญาณในพระพุทธศาสนามีหลายแบบ แต่ละแบบก็มีอรรถเป็นอันเดียวกัน คือต้องกำหนดภาพ เรื่องกำหนดภาพนี้จะเว้นมิได้เพราะเป็นเครื่องพยุงจิตให้เข้าสู่ระดับสมาธิ จะขอแนะแบบง่าย ๆ ที่คนส่วนใหญ่ทำได้ คณะศิษย์รุ่นเก่าสมัยอยุธยาเขาทำกันได้มาก ใช้เวลาไม่นาน จะแนะให้ทราบ

    1. ตัดความยุ่งอารมณ์ออกเสียในขณะฝึก ควรใช้เวลาไม่นานเกินไปในระยะแรก อย่างมากไม่ควรเกิน 5 นาที ในขณะนั้นตัดกังวลให้หมด ไม่ว่าเรื่องของความรัก เรื่องที่ไม่พอใจ อารมณ์อื่นทั้งหลาย ความง่วง และความสงสัย ระงับให้หมด คิดอย่างเดียวคือคาถาภาวนา และลมหายใจเข้าออก

    2. ก่อนภาวนา กำหนดรูปพระหรือลูกแก้วอย่างใดอย่างหนึ่ง รูปพระที่เห็นนั้น จะเป็นพระสงฆ์หรือพระพุทธไม่ห้าม กำหนดเอาตามใจชอบ ถ้าจิตหันไปสนใจอารมณ์อื่น ต้องรีบระงับก่อนหลับตาดูรูปพระหรือลูกแก้วเสียให้จำได้ เมื่อหลับตาลงก็กำหนดจิตจำพระที่จำได้นั้นตลอดไป ถ้าเห็นว่าจิตจะเลอะเลือนก็ลืมตาดูใหม่ ทำอย่างนี้ตลอดไปจนกว่าจิตจะมีอารมณ์ชิน ไม่ว่าเวลาใด กำหนดจิตเห็นภาพพระนั้นแจ่มใสไม่หายไปจากจิต อยู่ได้นานพอสมควร

    3. ก่อนภาวนาหรือขณะภาวนา ต้องกำหนดรู้ลมสามฐานโดยสม่ำเสมอกัน คือหายใจเข้าลมกระทบจมูกแล้วมากระทบอก กระทบศูนย์เหนือสะดือนิดหน่อย ลมหายใจกระทบศูนย์อก และริมฝีปากบน ใครกำหนดรู้ได้สามฐาน อารมณ์จิตเป็นฌาน ถ้ารู้สามฐานไม่ได้ แม้ทำมาแล้วตั้งหลายแสนปี ก็ชื่อว่ายังปุถุชน คนที่นอกวงการของฌาน ถ้ากำหนดลมได้ครบสามฐาน ท่านเรียกกัลยาณชน หรือสาธุชนคือคนงานหรือคนดี ได้แก่ คนที่อารมณ์ว่างจากนิวรณ์ในบางคราวไม่ใช่ตลอดวัน เรื่องฐานลมนี้ ขอลดหย่อยผ่อนคลายไม่ได้ แต่ในระยะแรก จะกำหนดสามฐานไม่ได้เพราะจิตยังไม่ชิน ให้เริ่มจับฐานใดฐานหนึ่งตามถนัดก่อน ต่อเมื่อสมาธิสูงขึ้น มันจะกำหนดรู้ของมันเองทั้งสามฐานโดยไม่ต้องบังคับ

    4. รักษาศีลให้บริสุทธิ์ เอาศีล 5 พอแล้ว ไม่ต้องถึงอุโบสถ เพราะจะลำบากเกินไป

    5. มีเมตาปราณี ทรงพรหมวิหาร 4 อยู่ปกติ ใหม่ ๆ พรหมวิหาร 4 อดรั่วไหลไม่ได้ ต้องถือเป็นเรื่องธรรมดา ค่อยปรับปรุง ค่อย ๆ ควบคุม ไม่ช้าจิตจะทรงพรหมวิหาร 4 เป็นปกติ เมื่อทรงพรหมวิหาร 4 ได้แล้ว ศีลก็ค่อยบริสุทธิ์เอง สมาธิก็ทรงฌานได้ตลอดเวลา แม้แต่ขณะคุยกับเพื่อนก็สามารถเข้าฌานได้โดยฉับพลัน

    เรื่องอื่นนอกจากนี้ไม่มี ถ้าสงสัยอะไรก็ถามหนังสือคู่มือพระกรรมฐาน คาถาภาวนาให้มาแล้วค่อย ๆ ภาวนา { นะมะพะธะ : ผู้พิมพ์ } ทำเอาดี ไม่ใช่ทำเอาเวลา วันแรก ๆ ไม่ต้องมาก เอาพอสบาย สบายนานก็นั่งนาน สบายไม่นานก็เลิกเร็ว กำหนดให้เห็นภาพ รู้ลมหายใจ รู้คาถาภาวนาพร้อม ๆ กันไป อย่าละอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นอันขาด อย่าเว้นแม้แต่ 1 วัน วันไหนเหนื่อยมากเพลียมาก ร่างกายไม่ดีไม่ต้องนั่ง นอนหรือเดินก็ได้ตามต้องการ แต่อารมณ์คอยจับภาพกำหนดลม รู้คำภาวนาตลอดเวลาที่ปฏิบัติ ถ้าเห็นว่าอารมณ์จะทนรับไม่ไหวก็เลิก ปล่อยให้คิดไปตามสบาย เมื่อเห็นว่า เมื่อกำหนดจับภาพนั้นมีอารมณ์คล้ายภาพปรากฎแก่ใจอย่างผ่องใส ก็ลองใช้จิตให้เป็นประโยชน์ คือกำหนดรู้ ทิพยจักษุญาณ ไม่ใช่ตาทิพย์ คำว่า ญาณ แปลว่า รู้ ทิพยจักษุญาณก็คือรู้ทางใจคล้ายตาทิพย์ มันเป็นอารมณ์รู้เกิดที่ใจ ไม่ใช่ที่ลูกตา นักปฏิบัติมักจะเข้าพลาดตรงนี้



    (จากหนังสือ จดหมายจากหลวงพ่อ)
     
  11. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,312
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    กระทู้นี้น่าสนใจดีครับ ตกลงทิพจักขุญาณนี่คือยังไงครับ ? อ่านเเล้วยังงงๆ เอาอย่างนี้เเล้วกัน ทิพจักขุญาณกับตาทิพย์นี่ตกลงไม่ใช่สิ่งเดียวกันใช่ไหมครับ ? ถ้าไม่ใช่ ทิพจักขุญาณหรือตาทิพย์เหนือกว่าครับ ? ผมหมายถึงว่า ทิพจักขุญาณกับตาทิพย์นั้น อะไรที่อยู่ขั้นที่สูงกว่า ?

    ขอถามต่อครับ

    1. คนที่มักจะเห็นวิญญาณ ผี หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยตาเปล่าในขณะที่ลืมตาอยู่ คือเห็นด้วยตาเปล่าจริงๆ ไม่ใใช่นิมิต ในกรณีนี้ถือว่า คนผู้นั้นมีทิพจักขุญาณหรือตาทิพย์ครับ ?

    2. คนที่นั่งสมาธิเเล้วสามารถถอดจิตไปดูสวรรค์ นรกได้นี่ถือว่า มีทิพจักขุญาณหรือตาทิพย์ครับ ?

    3. คนที่เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า เห็นอดีตชาติของตนเอง อันนี้ถือว่า มีทิพจักขุญาณหรือตาทิพย์ครับ ?

    รบกวนท่านผู้รู้ช่วยเเนะนําหน่อยครับ ผมอยากเข้าใจเเบบถูกต้องครับ ไม่อยากเข้าใจผิดๆ ขอบคุณมากครับทุกท่าน อนุโมทนาเเละเจริญในธรรมครับ
     
  12. goddance

    goddance Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +85
    ทิพจักขุญาณ กับ ตาทิพย์ คนละอย่างกัน

    ตาทิพย์ คือ ตาเราหน่ะเห็นอะไรที่เป็นทิพย์ได้ เช่น เทวดา ผี หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับที่ตาคุณเห็น มือเราจริงๆ นั่นละ บางทีไม่ต้องฝึก ถ้าเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยากให้เห็น คุณก็เห็นได้ ปกติพวกที่เป็นทิพย์จะมีตานี้อยู่แล้ว

    เรื่องนี้ ผมเองก็ไม่รู้มาก เพราะไม่มีอาจารย์ท่านใด สอนมากนัก แต่ส่วนตัว ผมคิดว่า ขึ้นกับระดับของความเป็นทิพย์ของจิตเราด้วยนะ เพราะเคยได้ยินว่า เทวดาในระดับต่ำกว่า จะไม่สามารถเห็นเทวดาที่ระดับสูงกว่าได้ ถ้าท่านไม่อยากให้เห็น หรือ ผีระดับต่ำกว่า ไม่อาจจะเห็นเทวดาได้


    ทิพจักขุญาณ คือ ความรู้สึกเสมือนดังตาทิพย์ (ญาณ = ความรู้) เช่น ถ้าคุณจะนึกถึงเพื่อนคุณ คุณก็นึกภาพเพื่อนคุณได้ในใจ ... ทีนี้ ทิพจักขุญาณ คุณก็จะนึกในสิ่งที่คุณปรารถนาออกได้ในใจ โดยที่ตาจริงๆ ไม่ได้เห็น

    ชัดหรือไม่ชัด ขึ้นกับว่า ในขณะนั้น คุณฝึกทรงสมาธิได้ถึงระดับไหน มั่นคงแค่ไหน
    ถูกต้องหรือไม่ ขึ้นกับว่า ในขณะนั้น คุณตัดอุปทาน,ความยึดมั่น,กิเลสได้แค่ไหน

    ถ้าคล่องจริงๆ ไม่ต้องนั่งหลับตาอย่างเดียว จะเดิน นั่งนอน กินข้าวหรืออะไรก็ใช้ได้

    ----------------------------------------------------------------------
    ถ้าเอากายเนื้อตัวเองจริงๆ ไปสวรรค์ได้ นรกได้ ไปไหนก็ได้ คือ อิทธิวิธี เป็นความสามารถอย่างนึง ในอภิญญา 6


    พวกถอดจิตได้ นั่นเป็น นั่นเป็น ส่วนหนึ่งของอภิญญาเหมือนกัน เรียกว่า มโนมยิทธิ (หรือ ฤทธิ์ทางใจ) ไปที่ต่างๆ ได้ด้วยจิต ไม่ได้เอากายไป

    ----------------------------------------------------------------------

    1. คนที่มักจะเห็นวิญญาณ ผี หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยตาเปล่าในขณะที่ลืมตาอยู่ คือเห็นด้วยตาเปล่าจริงๆ ไม่ใช่นิมิต ในกรณีนี้ถือว่า คนผู้นั้นมีทิพจักขุญาณหรือตาทิพย์ครับ ?
    - ตาทิพย์ บางที วิญญาณ ผี หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านก็สงเคราะห์ให้เห็นได้

    2. คนที่นั่งสมาธิเเล้วสามารถถอดจิตไปดูสวรรค์ นรกได้นี่ถือว่า มีทิพจักขุญาณหรือตาทิพย์ครับ ?
    - มโนมยิทธิ หรือ ฤทธิ์ทางใจ


    3. คนที่เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า เห็นอดีตชาติของตนเอง อันนี้ถือว่า มีทิพจักขุญาณหรือตาทิพย์ครับ ?
    - ทิพจักขุญาณ
     
  13. ตุ๊โต้ง

    ตุ๊โต้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +223
    (ตัวแดง) ผมไม่ได้หลับตาอะไรทั้งนั้นเคยเห็นวิญญาณของวัวตัวขาวแต่ยืน2ขาอย่างคนมันเดินออกมาจากตัวพ่อผมที่กำลังนั่งคิดเลขอยู่(เข้าใจว่าน่าจะเป็นวัวที่พ่อเคยสั่งเขาฆ่า)
    อีกวันกำลังจะล้มตัวลงนอนที่เตียงเห็นผีหน้ากระโหลกใส่ชุดผ้าคลุมเดินเข้ามาใกล้แล้วก็เดินหนีไปผมก็เชื่อครับคิดว่าเขาอยากให้เราเห็นเราจึงเห็น
    แต่เวลาฝึกมโนมยิทธิผมไม่ค่อยเห็นนางฟ้าบริวารของเทพเทวดา องค์ที่ผมได้เจอจะเห็นก็แต่ที่เป็นบุพการีในอดีต
     

แชร์หน้านี้

Loading...