ที่นิพพานกิจอื่นที่จะพึงทำ ไม่มี
ในนิพพานที่พระพุทธเจ้าบอกว่าเมื่อทำกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำไม่มีอีก ตามบาลีว่าอย่างนั้นนะ หลวงพ่อก็เลยคิดแบบที่อิงธรรมะ คิดว่าเมื่อตัดกิเลสเสร็จแล้ว กิจที่จะพึงตัดส่วนอื่นไม่มี เราเข้าใจแค่นี้ ไม่ใช่เข้าใจคนเดียวนะ เสือกเทศน์ให้ชาวบ้านเข้าใจอย่างนั้นด้วย
ต่อมาหลายปีมาแล้วนะ ท่านพาไปนิพพานท่านบอกว่ากิจอื่นที่จะพึงทำในนิพพานไม่มี ก็ถามท่านว่า เมื่อมาถึงนิพพานแล้ว กิจในการตัดกิเลสยังมีอีกรึ ท่านบอกไม่ใช่ กิจการตัดกิเลสมันตัดมาแล้ว จึงเข้าเขตนิพพานได้ แต่ถึงนิพพานกิจอื่นที่จะพึงทำ ไม่มี หมายถึงว่า เทวดาก็ดี พรหมก็ดี หมอนวางตรงนี้ จะไปวางตรงโน้น ถ้าหากไม่เอามือหยิบ ก็เอาใจนึกว่าหมอนจงมาตั้งตรงนี้ เดินไปตรงนี้มันเป็นที่โล่ง อยากจะนั่ง ขอเดียงตั่งจงปรากฎตรงนี้ แล้วก็นั่ง ต้องนึกนะ
แต่ที่นิพพานเเม้แต่อารมณ์นึกก็ไม่มี ถ้าอะไรจะสมควรจะปรากฏเอง อย่างเดินไปกลางบริเวณอยากจะนั่ง พอนั่งปั๊บ ไม่รู้ตั่งมาจากไหน เราลุกขึ้นแล้วไม่ต้องเก็บเตียงเก็บตั่งแล้วก็หายไปแล้ว มันจะมาพอเหมาะพอดี
พระพุทธเจ้าท่านเลยอธิบายว่า ขึ้นชื่อว่ากิจอื่นไม่ต้องทำ มันเป็นอย่างนี้ อะไรก็ตามทุกอย่างไม่ต้องทำ ก็เลยมานึกตามคำท่านแนะนำก็ใช่ นิพ แปลว่าดับ ดับความรู้สึก ดับความเหน็ดเหนื่อย ดับความลำบาก มันไม่มีที่นั่นอีก คือว่าต้องเหนื่อยนี่ไม่มี อย่างนอนจะเอาหัวไปทางนี้ หมอนก็วิ่งมาทางนี้ จะวางเอาหัวไปทางโน้น หมอนก็วิ่งไปทางโน้น
ฉะนั้นที่แปลบาลีกันผิด ๆไม่ต้องเอาคนอื่น เอาหลวงพ่อเอง เข้าใจไม่ถูก คือความจริงมันมีเกินกว่าเราคิดว่าเป็นไปได้ ที่ท่านบอกว่าในเมื่อชำระจิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว กิจที่จะพึงทำไม่มีอีก เราก็ไปนั่งคิดว่า การตัดกิเลสไม่มีอีก เพราะมันตัดหมดแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องพูดให้ฟังซิ แต่ก็เข้าใจเพียงแค่นั้นแหละ
ต่อมาเมื่อพบความจริงเข้าจึงรู้ว่า กิจอื่นที่ต้องทำไม่มีอีก ไม่ใช่หมายถึงการตัดกิเลสอย่างเดียว หมายถึง ทุกอย่างที่ต้องทำ ไม่มี แม้แต่ใช้อารมณ์คิดว่าบ้านจงเป็นสีนี้เถอะ เตียงต้องตั้งตรงนี้ ตั่งจงตั้งตรงนี้ ขันวางตรงนี้ ไม่มี อะไรจะสมควรเป็นไปตามนั้นละ
(จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 100 กรกฏาคม 2532 หน้า 30)
ที่นิพพานกิจอื่นที่จะพึงทำ ไม่มี
ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 9 พฤศจิกายน 2019.