ธนูไม้ไผ่ ไว้ใช้ยามจำเป็น (ทำไว้ซ้อมมือก่อน)

สองคนเนี่ยถ้าเจอกันจริง ๆ มีหวังได้ง้างคันธนูเป็นแน่ 555

 

ความ "เกรียน" ในการป่วนกระทู้ชาวบ้านของท่าน อาวุธใดๆ ก็เอาไม่อยู่หรอก...

ท่านว่า ไม่ข่มขู่ แต่โคตะระ "ยัดเยียด"...สมกับ หลักการโฆษณาชวนเชื่อจริงๆ

คุณอู่ทองครับ ถ้าเจอกันจริงๆ สงสัยมีชิงฆ่าพ่อแม่พี่น้องผองมิตร แล้วฆ่าตัวตาย ชิงหนีทั่น "กลวง" แน่ๆ ขืนปล่อยไว้ เดี๋ยวโดนเทศนาจน "คลั่ง" ตาม...

 

อะไรกันนี่นึกว่าจบไปแล้วเรื่องธนูเนี่ย แล้วมันจะเกี่ยวกับภัยพิบัติตรงไหนกัน จบเถอะครับ ปิดกระทู้นี้ได้แล้วมั้ง

 

เราจะบอกคุณ Jingjoknayork ผู้กำลังพัฒนาตน ว่า
โลกนี้แม้จะพัฒนาไปถึงไหนแล้วก็ตาม ก็หนีไม่พ้นไฟสามกองไปเลยได้

เป็นตรรกะของคนที่ยังไม่รู้วิธีพัฒนาตน เขามักจะกล่าวอ้าง ว่า "โลกเขาไปถึงกันแล้ว"
คำๆนี้อย่าไปจำใครเขามา สลัดทิ้งออกจากหัวไปได้เลย

แต่หากเชื่อเคารพนับถือพระพุทธเจ้า อย่างความหมายลายเซ็นต์
ที่คุณจิงโจ๊กผู้กำลังปลดอาวุธ ได้บอกไว้ในหน้ากระทู้ก่อน

นั่นแสดงว่าเราศรัทธาในคำสอนนั้นด้วย คำสอนชี้ทางให้ทวนกระแสโลกนะ
นั่นหมายถึง การไม่เอาจิตเอาใจไปจมปรักอยู่กับโลก แต่สามารถยืนอยู่บนโลกนี้ได้อย่างสง่า
เช่น โลกไปถึงไหน เราก็จะวิ่งตามมันไป เสมือนการวิ่งไล่จับเงา
หวังไว้ว่าจะเจอความจริง สุดท้ายก็ ทุกข์ แต่ไม่รู้จักความจริงเลย

และโดยไม่จำเป็นต้องอ้างว่า เป็นเพียง "คนธรรมดาๆคนหนึ่ง"
ใจที่เคารพศรัทธาพระพุทธเจ้า นั่นแสดงว่า คุณเป็นนักฆ่าที่ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ

ปลดอาวุธภายนอก สร้างอาวุธภายใน เห็นการเบียดเบียนเป็นโทษ
ลองพิจารณาดู หากคนทั้งโลกอ้างว่ามีไว้เพื่อป้องกันตัว
ต่างคนต่างมาเจอกัน ไม่ยอมกัน ก็เอาแต่ตั้งท่ามือเงื้อมง้างอาวุธใส่กัน เพื่อรอโอกาส
เสมือนกับกำลังก่อกองไฟน้อย เพื่อจุดให้ลุกลาม

ความเป็น ปกติ ของมนุษย์ จะหาค่าอะไรได้เล่า

เพราะเป็นการอ้างคำโต ของ กิเลส คือไฟ

หยุด!!!!...วางอาวุธลง เราล้อมไว้หมดแล้ว

เชื่อได้ว่า ความเป็นปกติของครอบครัว จะเป็นสุข เพราะเลิกวิ่งไล่จับเงา
ไม่เอาโลกมาเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิต แต่ให้ดูโลกเพื่อปรับเปลี่ยนชีวิต เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน


และไม่จำเป็น ต้อง งง!!! เลยว่ามันเกี่ยวกันยังไงกับภัยพิบัติ

 

...ล้าหลังก็ล้าหลังครับ แต่ให้บ้ายืนตัวเปล่าให้เขาปล้น ให้เขาฆ่า ไม่เอาด้วยหรอกครับ ทั่นกลวง...

ปลดธนู แต่พกหน้าไม้ ปืนไรเฟิลแทนซิครับ...

ตัวเองยังรักษาไม่รอด จะเอาปัญญาที่ไหนไปรักษาธรรมมะ..

คนมาทำร้ายกันด้วย มีดปืน ไม่ใช่ พลังจิต เวทย์มนต์ไสยศาสตร์

ความจริงคือ เราต้องปกป้องตัวเอง จะให้นั่งสวดภาวนาเป็นเป้านิ่งยิงถูกหัวได้ห้าแต้มเหรอ ปญอ.สุดๆ หนีได้ ก็หนีได้ซักเท่าไหร่....

ไม่มีปัญญาปกป้องรักษาตัว หนีการไล่ล่าไม่สิ้นสุด นี่แหล่ะ ทุกข์แท้ๆ เลย

ว้าว !!! เพิ่งรู้ว่าตรูก็เจ๋งวุ้ย...

...มีแต่ความ "อ่อนแอ" ที่ดึงดูด "นักล่า"

อันนี้สิ นี่เป็นความจริง ถ้ามัวนั่งสวดภาวนา โดนฆ่าทิ้งอันดับแรกๆ แน่ งานจะได้ง่ายขึ้น จะปล้น ฆ่า ข่มขืนก็ง่ายดาย

ที่ ทั่นกลวง มัวมาบลาๆ ได้ เพราะมี ทหารผู้ถืออาวุธคอยปกป้องคุ้มครอง ไม่เคยสำเหนียกเลยเร๊อะ...คนเราหากไม่มีผู้ดูแลคุ้มครอง ก็ต้องหาอาวุธคุ้มครองตัวเอง เรื่องแค่นี้ดันคิดไม่ได้ เวง...

หุหุ...เอาเหอะ โลกสวยต่อไป

อยากให้ไปสอนอิสราเอล กะฮามาสเสียจริงๆ เล้ยยยย พับผ่า...

 

อ้าว...กระทู้ตก

นี่ไม่รู้สึกตัวเลยหรอ ที่ตอบกระทู้กันมาในหลายๆหน้า

การแสดงออกมันทำให้รู้ว่า ท่านไม่ใช่ผู้ที่จะเป็นชาวพุทธแท้

ขอโทษด้วยล่ะกัน ไม่มีเจตนาจะทำให้เถื่อน

แต่อาจเป็นเพราะ จิตท่านเสียคุณภาพ เป็นโรคถูกภัยพิบัติคุกคาม หรือความกดดันของสังคม มานานแล้ว

การกระตุ้นของต่อมภายในจึงทำงานผิดจุด หากถูกจุดคงไม่มีอาการเช่นนี้ จนกว่าจะรู้สึกตัว โน้นล่ะ

ขอด่าสักหน่อยเถอะ ไปล่ะ ขอบคุณครับ

ม้าที่ฝึกไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องเลี้ยง

 

555 วิริยะไร้กาลเทศะ...ขันติไม่มี...

ยังเที่ยวสั่งสอนคนโน้นคนนี้อีก...

 

ขอแสดงความเห็นต่อวิวาทะของท่านทั้งสองหน่อยครับ ตอนแรกว่าจะอ่านเฉยๆแต่เห็นว่ายังไม่มีทีท่าว่าจะจบง่ายๆ

ก่อนอื่นผมขอบอกว่าผมมองและวิเคราะห์สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้(วิวาทะ)จากมุมมองและมิติของการสื่อสารระหว่างบุคคลสองคนนะครับ ไม่ได้มุ่งให้ความสนใจไปในเรื่องเนื้อหาที่ท่านกำลังถกกันแล้วไปตัดสินว่าใครผิดใครถุก เพราะผมเห็นว่าท่านทั้งสองกำลังพูดถึงเรื่องเดียวกันแต่จากจุดยืนที่ต่างกันดังนั้นมุมและภาพที่เห็นและรับรู้ก็ย่อมต่างกันส่งผลให้ทัศนคติการให้คุณค่าและการวางท่าทีต่อเรื่องเดียวกัน(ภัยพิบัติโดยเฉพาะการปฏิบัติตัวเพื่อรับมือ)ก็ย่อมต่างกันไปเป็นธรรมดา คนหนึ่งมองจากมุมของนักการศาสนา(หรือนักบวช)ที่ให้คุณค่าความสำคัญแก่ศีลไปจนถึงปรมัตถ์ธรรม ส่วนอีกคนมองจากมุมของปุถุชนคนทั่วไปหรือโลกียชนที่ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตัวในการจะเอาตัวรอดจริงๆที่ต้องยังชีพตามธรรมดาของสัตว์โลกทั้งหลาย การฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารยามจะเป็นจึงไม่ได้เป็นเรื่องผิดอะไร

ทั้งนี้ในทางพุทธศาสนาเอง(เท่าที่ผมเข้าใจนะครับ)ก็ได้แยกมิติของความเป็นจริงต่อสรรพสิ่งที่เรารับรู้ต่อโลกออกเป็น 2 มิติ คือ ปรมัตถ์สัจจะหรือความจริงอันสูงสุดที่สัมบูรณ์ไม่แปรเปลี่ยนไปตามใจผู้มอง เช่น กฏแห่งไตรลักษณ์ และ สมมติสัจจะหรือความจริงแบบโลกๆที่หมู่คนยอมรับร่วมกันและมีลักษณะที่แปรเปลี่ยนไปได้ตามกรอบแห่งประสบการณ์ของแต่ละคน เช่น ความสวยงาม ความอร่อยของอาหาร(แต่ละวัฒนธรรมก็มีค่านิยมในเรื่องนี้เป็นของตน) ไปจนถึงเรื่อง การฆ่าสัตว์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิดแม้แต่ในบางศาสนา และอาจเลยไปจนถึงเป็นค่านิยมแสดงออกถึงความเก่งกล้าสามารถ(เช่นเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในโลกตะวันตก)

ประเด็นของผมคือ ท่านทั้งสองกำลังทำการสื่อสารกันโดยที่อาจไม่ได้ตระหนักถึงความแตกต่างในเรื่องของจุดยืนและมุมมองที่แตกต่างกันที่มีอยู่ในตัวเองของแต่ละคน เปรียบเทียบได้กับการที่คนสองคนยืนมองรูปปั้นรูปหนึ่งจากคนละด้านคนละทิศทาง แม้สิ่งที่ถูกรู้จะเป็นสิ่งเดียวกันแต่ผลจากการรับรู้ในความรู้สึกของคนทั้งสองย่อมแตกต่างกันไปเป็นธรรมดา และจากปัจจัยนี้เองที่อาจทำให้ความไม่เข้าใจกันในการสื่อสารจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆขยายผลไปถึงการโจมตีตัวตนของกันและกัน ทำให้อีกฝ่ายดูต่ำต้อย นอกจากนี้ยังอาจพลอยให้ผู้เข้ามาอ่านพลอยได้รับความไม่สบายใจไปได้

พระพุทธองค์เอง(ตามที่ผมเคยได้อ่านเจอมาบ้าง) เมื่อต้องไปพบปะเผยแพร่สิ่งที่พระองค์ได้ค้นพบกับผู้ที่ต่างศาสนาลัทธิความเชื่อ ยังต้องมีความเคารพในสิ่งที่คนเหล่านั้นยึดถือไม่หักหาญหักล้างเอาด้วยทิฐิของตนแต่ฝ่ายเดียว แต่พยายามสั่งสอนให้สอดคล้องเชื่อมโยงกับทิฐิเดิมของเขาเหล่านั้นด้วยความเมตตากรุณา ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนได้ในที่สุด

สรุป ผมเห็นว่าเราน่าจะสื่อสารกันด้วยความเคารพในความแตกต่าง ถ้อยที ถ้อยอาศัย ไม่ก้าวร้าว หักหาญ รักษามารยาทอย่างวิญญูชน(คนธรรมดาสามัญที่รู้ผิดชอบชั่วดี)พึงกระทำต่อกันเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง(แม้ในทางวาจา)โดยไม่จำเป็นนะครับ เมื่อเราโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งเขาย่อมโต้ตอบเป็นธรรมดาของ โลกียชน
สุดท้ายฝากข้อคิดในการสื่อสารที่รู้มานิดนึงครับว่า "Hard on problem but soft on people" หนักไปทางเนื้อหาแต่ขออย่าโจมตีตัวตนของบุคคลกันเถอะนะครับ

หากล่วงเกินประการใด ผมต้องขออภัยด้วยนะครับ(f)

 

จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากโต้ตอบนะ เพราะจุดยืนของผม เค้าก็น่าจะทราบได้ ตั้งแต่ต้นๆ กระทู้ สมาชิกหลายท่านเข้ามาออกความเห็นกันตามปกติ

อยู่ดีๆ อ้ายคุณทั่น "กลวง" นี่ไม่รู้มาจากไหน ไล่ตราหน้าคนพูดถึงธนูว่าเป็นบาปกรรม ไม่เลิกลา คนเช่นนี้แหล่ะ ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อม เพราะความคลั่ง "ไร้กาลเทศะ"

สมาชิกหลายๆ ท่าน ยังหาธนู หน้าไม้ ไม่ได้ด้วยซ้ำ บางท่านแค่ถามเฉยๆ ก็ว่า บาปกรรมบ้าง เจตนาไม่ดีบ้าง...

ไหนๆ จะมา "เรื้อน" ก็ต้องเจอน้ำมันเครื่องอย่าง "ผม"...

เรื่องมันเลยไม่จบ...ออกจะเป็นการรบกวนสมาชิกท่านอื่นๆ ผมต้องขออภัยด้วย
แต่อย่างน้อย

ข้อแรก ให้เขาได้รู้ว่า เขาไม่ได้สูงส่งอย่างที่ตัวเองคิด อย่างน้อยๆ โพสต์หลังๆ ก็แสดงออกมาว่า ตัวจริงเขาเองก็ไม่ได้สูงส่งเลิศเลออย่างที่เห็น

ข้อสอง เว็บนี้ มีพวกแอบแฝงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ขอแค่จุดศรัทธาขึ้นมาได้ สร้างภาพให้ตัวเองดูดี สุดท้ายก็ขอบริจาค

ผมเองก็เหนื่อย แต่ถ้าหยุดก็แพ้พวกนี้...ผมยอมไม่ได้หรอกครับ...ได้กระชากหน้ากาก "เรื้อน" ใต้หน้ากาก "พระ" ได้ซักตัวก็ยังดี อิอิ

 

ที่นี้มีแอบแฟงขอบริจาคและขายของด้วยหรือนี้ ....เพิ่งรู้น่ะเนี๊ยะ....ตายละหากินแบบอื่นไม่เป็นแล้วเหรอจ๊ะ:cool:

เสียชาติเกิด...น่ะครับ

 

ผมเองก็เหนื่อยที่จะอ่านจริงๆ ที่ท่านนักบวชท่านว่ามาทุกอย่าง บอกตรงๆ ผมไม่เข้าใจหรอกครับ ท่านน่าจะไปสอนในห้องของการถือศีลภาวนามากกว่า แล้วการกระทำของท่านก็ดูเหมือนจะมุ่งเอาชนะ ซึ่งมันผิดวิสัยของผู้เจริญในธรรมนะครับ มันทำให้ขาดความน่าเชือถือ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ

 

แล้วตอนนี้เท่าที่ศึกษาดู ธนูมันไม่โอเคเท่าไหร่ครับ ทั้งความแรงและวิถี ช่วงสองวันมานี่นั่งดูเรื่อง

the walking dead มีตัวละครที่ใช้หน้าไม้ด้วย แล้วเท่าที่ศึกษาข้อมูลดูหน้าไม้ได้เปรียบเรื่องความแรง

และวิถีกระสุน และสามารถหาลูกได้ง่ายกว่า (ใช่เหล็กเส้นตัดเป็นท่อนๆแทนได้)

เสียอยู่อย่างเดียวคือตอนเหนี่ยวสายใช้แรงมากก และช้า ซึ่งธนูจะยิงได้เร็วกว่า

 

บังเอิญผมยากจนครับ แหะๆ (เพราะซื้อของใช้ตอนฉุกเฉิน บางอย่างเวิร์กมั่ง ไม่เวิร์กมั่ง)

พอดีคิดว่า ธนูน่าจะทำเองได้...เลยสนใจธนูครับ

แต่หน้าไม้ก็เห็นมีคลิปในยูทูปเหมือนกัน เป็นของชาวเขา กระเหรี่ยงเขาทำเอง เข้าใจว่า อาจจะไม่แรงเท่าแบบที่ซื้อเขา แต่ซ่อมแซมบำรุงรักษาได้ง่ายกว่า ยามฉุกเฉิน ถ้าทำเป็นก็สามารถทำเองได้

ทั้งธนูและหน้าไม้ ผมคิดว่า ถ้ามีกำลังซื้อได้ก็ซื้อ แต่ถ้าทำเองได้ก็ดีครับ เพราะสถานการณ์ไม่แน่ไม่นอน...

 

หน้าไม้มันมีห่วงเหล็กที่ปลายใช้เท้าเหยียบแล้วดึง แต่ถ้าใช้ยิงลูกเหล็ก/ลูกดอก จะต้องขึ้นลำดึงลวดสลิงค์ก่อนแล้วจึงดึงคันรั้งปล่อยลูกเหล้เข้ารางยิง ถ้าปล่อยลูกเหล็กก่อน จะรั้งลวดสลิงค์ไม่เข้าล็อค และในหลอดบรรจุลูกได้ประมาณ 6-8 ลูก ยิงติดต่อได้

 

แต่เอ้...หากพิจารณาดูแล้ว กระผมก็ไม่ได้มีแนวโน้ม ในการขอรับบริจาค หรือสร้างภาพให้ดูดีอะไรเลยนี่น่า

มีแต่ท่านเท่านั้น ที่พยายามสร้างภาพ ให้เราเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาลอะไรนั่น จนบางคนเข้าใจผิดว่าเป็นนักบวช

ต่างจากกระทู้แคมปิ้ง เป็นโอกาสต่อการเปิดท้าย ช่องทำกินเสียมากกว่า

ลองพิจารณาดูดีๆนะขอรับ

แต่ที่เข้ามาในกระทู้นี้ ก็ได้อาศัยเพียงเบี้ยตัวหนึ่ง ในการขับเคลื่อน

ต่อผู้เข้ามาอ่านสะดุดต่อม และพอใจในการที่จะรักษาศีล

พยายามตระหนักรักษาองค์แห่งศีล ปลดเขี้ยวเล็บ ธนู หอก ดาบ ให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นไป

ก็ถือว่าภาระกิจจบสิ้น เพราะได้เบี้ยหงาย เท่านั้นเอง :cool:

◎​

 

ก๊ากกกก "DIY" แปลว่า "Do it yourself ทำด้วยตัวเอง"

...Repeat after me "Do it yourself"

ผมขายของด้วยเหรอ ผมเจ้าของกระทู้ยังไม่รู้เรื่องเลย...

ตายละ อังกฤษขั้นประถมนะนั่น "กลวง" สมชื่อ ...หูย อนาถใจ...

ที่ต่อว่า "แคมป์ปิ้ง" เผื่อว่า ถ้าไม่มีเหตุฉุกเฉินก็เอาไปใช้ "แคมป์ปิ้ง" ได้

Ya know?

แล้วที่ว่าเป็นศูนย์กลางจักรวาลเนี่ย ถามหน่อย ถ้าไม่ฟังเหตุผลของคนอื่น

เอาแต่เหตุผลของตัวเอง เขาเรียกว่าอะไร ท่านบอกว่าไม่ได้สร้างภาพ อาจจะใช่ แต่ทั่น "กลวง" ทำตัวเป็นศูนย์กลางจักรวาล เลยล่ะ ไอ้วิธีสร้างศรัทธา แล้วหาตังค์ ทำไมผมจะมองไม่ออก ตัวอย่างเว็บนี้มี ได้ลงดราม่าไปละ...

...อย่างที่ท่าน eenn112 ว่า ไม่น่าใช่ผู้เจริญในศีลธรรม เพราะตอนนี้เบียดเบียนคนอื่นด้วยตัวอักษร ไว้ท่านอยู่ขุมไหน เข้าฝันมาบอกแล้วกัน

"ธนูทวยของทั่น" เอาไปรักษาตน ไม่ให้เบียดเบียนคนอื่นดีกว่านะ....ถ้าเป็นผู้ทรงศีลจริง คงไม่มา "ด่า" คนอื่นแล้วล่ะ 555

ท่องไว้นะ

"DIY = Do - It - Yourself อัตตาหิ อัตโน นาโถ"

"ทั่นกลวงผู้เสแสร้งสั่งสอนธรรมช่างอนาถา"

 

ตรงนี้ไม่รู้ว่ากำลังกล่าวถึงใคร

แต่ที่ตั้งแง่ไว้ว่า ใช้วิธีการเรียกศรัทธา แล้วหาตังค์

จะบอกว่า คิดผิดคิดใหม่เนาะ

เพราะไม่ใช่เรา

 

แน่เหรอ...เอะอะ อ้างธรรมตลอด โดนผมจับแก้ผ้าล่อนจ้อน เลยอาย..ตามล้างตามเช็ดผม

อ้อ ท่องได้หรือยัง เอาคำว่า "Do" ก่อนก็ได้นะ ยากนะ แต่ทั่นกลวงคงทำได้ เดี๋ยวปรบมือเป็นรางวัลนะ....

 

ผมก็จนครับ หนี้สินมากมาย ตอนแรกเลยที่สนใจเรื่องนี้ ที่บ้านไม่เห็นด้วยเลย แต่พอเห็นว่าเราตั้งใจทำจริงๆ ก็เลยปล่อย จนตอนนี้เก็บสะสมเสบียงได้บางส่วน สะสมขวดน้ำพลาสติก เตรียมไว้สำรองน้ำ เตรียมปลูกพืชผักที่กินได้ แล้วก็เลยเริ่มมองหาสิ่งที่จะเอาไว้ป้องกันตัวได้ เลยคิดถึงธนูไม้ไผ่ครับ แต่พอลองทำมาจริงๆมันยังไม่โอเค เลยว่าจะลองทำหน้าไม้ดูบ้าง แต่ถ้าพอมีเงินก็จะหาซื้อไว้สักอัน ราคาก็ราวๆ 3 - 4000

 

นี่หากไม่เรียกว่า วัวสันหลังหวะ จะให้เรียกว่าอะไรดี

แสดงให้เห็นได้ชัดแล้วว่า คุณJingjoknayork เคยจับสมาชิกไปลงดราม่า

ลดความน่าเชื่อถือของท่านผู้อื่น ต้องการที่จะดิสเครดิต สร้างความอับอาย

ทีนี้ พอกระผมเข้ามาในกระทู้ ก็เลยสันหลังหวะ คิดว่าเป็นท่านผู้นั้น

เอาแล้วไงเล่า.....ระวังบริเวณที่ท่านอาศัยอยู่ แผ่นดินจะไหวโดยไม่รู้ตัวเน้อ

เราจะบอกว่า มันคนละเจตนากันเลย น่าขันมากขอรับที่เข้าใจผิด