ธรรมะคลายเครียด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย oatspace, 15 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. oatspace

    oatspace เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +339
    บทเทศนาตอนหนึ่งของท่านพระอาจารย์ พระมหาสมปองได้เทศน์ไว้ อ่านดูแล้วมีความฮา แต่แฝงไว้ด้วยข้อคิด

    ญาติโยมหลายท่านมักจะถามอาตมาว่า
    " ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่ในเพศบรรพชิตมามากกว่าครึ่งชีวิต มีโอกาสสัมผัสชีวิตฆราวาส
    ไม่มากนัก แล้วเอาข้อมูล วัตถุดิบหรือมุกมาจากไหนหนักหนา"


    อาตมาก็ตอบว่า หลักๆ เลยก็คือ การอ่าน นอกจากนั้นก็หนัง ละคร ที่ญาติโยมดูกันนั่นแหละ
    พอตอบออกไปอย่างนี้ โยมก็สวนกลับทันที
    " ไม่ผิดข้อห้ามหรือท่าน"
    อาตมาก็จะอธิบายไปว่า ดูเพื่อให้เท่าทันกิเลสจะได้สกัดมันถูก และที่สำคัญ หากอาตมาไม่รู้หรือไม่
    เข้าใจ ตลอดจนไม่เท่าทันเรื่องราวทางโลกและ จะมาบรรยายธรรมให้ญาติโยมรู้สึกอินกันได้อย่างไร

    ซึ่งนอกจากการอ่าน การดูและการฟังแล้ว หลายวัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นมุกฮา ก็ได้มาจากการพูดคุยกับ
    เหล่าโยมๆ นี่แหละ อย่างวันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา
    โยม: " พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองนะคะ"
    อาตมา: " หา อะไรนะ"
    โยม: " พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองค่ะ"
    อาตมา: " ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร"
    โยม: " อ๋อ ขอโทษค่ะ"
    หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า
    อาตมา: " เจริญพร"
    โยม: " ค่ะ เจริญพรเช่นกัน"
    แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วย

    ข้างต้นก็คือ สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม จนถือว่าเป็นเรื่อง
    ปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่น
    พอเข้ามาในกุฏิแล้ว เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที
    โยม: " ถวายสังฆทานค่ะ"
    พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู
    โยม: " ไม่ต้องค่ะ" โยมผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น
    โยม: " ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ"

    เธอพนมมือขึ้น ก่อนกล่าวว่า
    " อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ" ( ที่ถูกต้อง จะต้องเป็น ภิกขุ สังโฆ)

    พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา
    " คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะแม่งๆ นะหลวงพี่"

    อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า
    " คิกขุ แปลว่า น่ารัก สังโฆ แปลว่า สงฆ์ คิกขุสังโฆ ก็คือ แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก "
    เท่านั้นแหละ พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้งวันเลย

    แต่ก็มีบางกรณี ที่การพูดผิดของคุณโยมทำให้อาตมาแทบจะสำลัก
    อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา
    โยม: " หลวงพี่ขา ขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ"
    อาตมา: " ไปไหนล่ะโยม"
    โยม: " ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ"
    [​IMG]
    โห นิม นต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย อาตมาจึงบอกไปว่า ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้
    แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่ ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะโยม


    จากตัวอย่างที่อาตมาเล่าไว้ข้างต้น คุณโยมอาจจะเห็นเป็นเรื่องขบขัน
    แต่มันก็สะท้อนให้เห็นความห่างเหิน ระหว่างคนกับวัดได้ในระดับหนึ่ง
    ปัจจุบันนี้คนจะนึกถึงวัดในกรณีพิเศษเท่านั้น เช่นงานบวช งานศพ ต่างกับสมัยก่อนที่วัด
    เป็นศูนย์กลางของชุมชน
    ฆราวาสกับพระจึงสนทนากันไหลลื่น ไม่มีคำแปลกๆ หรือผิดที่ผิดทาง
    ออกมาให้พระสุดุ้งแต่อย่างใด ซึ่งถ้าพูดถึงศัพท์แสงที่แสลงใจแล้ว ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก
    เช่นมีอยู่ครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆ อยู่ ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา
    " แม่ๆ พระมาขอข้าว"
    " มาเยอะไหมลูก"
    " มา 2 อัน"

    โหเรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ

    ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟังอาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอนเด็กๆ ด้วย
    " ถ้าพระกิน เรียกว่า ฉัน"
    " พระนอน เรียกว่า จำวัด"
    (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้)
    " พระป่วย เรียกว่า อาพาธ"
    " พระตาย เรียกว่า มรณภาพ"
    (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ)
    " แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกว่าอะไรเอ่ย" คราวนี้อาตมาถามให้เด็กๆ ตอบบ้าง
    " เรียกคนมาดู"
     
  2. อิสวาร์ยาไรท์

    อิสวาร์ยาไรท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,608
    ค่าพลัง:
    +1,955
    आपका बहुत बहुत धन्यवाद
     

แชร์หน้านี้

Loading...