อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ กล่าวในหัวข้อ “ธรรมะง่ายๆ ไม่ได้ยากเลย” ในโครงการ เรายกวัด มาไว้ที่ เซเว่นฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ได้ศึกษาคำสอนธรรมะมาทุกลัทธิ แต่ไม่ได้บทสรุปของชีวิต เพราะยากและมีจำนวนมาก ก่อนจะบรรลุธรรมได้ ซึ่งอ่านแล้วค่อนข้างสับสน จึงทำให้คิดได้ว่าต้องกลับไปมองเรื่องธรรมชาติของ “ตัวตน” แทน
เช่น เราเกิดมาทำไม? ทำไมลำบาก? ทำไมชีวิตถึงยุ่งยาก? ทั้งหมดนี้จึงเกิดมาเป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าสอนหนทางความพ้นทุกข์ หนทางเดียวก็จบแล้ว ไม่ต้องอ่านพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าสอนให้เราอยู่โลกนี้อย่างเข้าใจ ธรรมชาติของการเกิด แก่ เจ็บ และตาย
ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นทุกข์ เพราะเราไม่ใช่นักบวช เราเป็นฆราวาสอาจทุกข์ยิ่งกว่าเดิมอีก ซึ่งวิธีคิดง่ายๆ ของการพ้นจากทุกข์ คือค้นหาในเรื่อง “สติ” คำเดียวพอแล้ว ก็จะไม่ทุกข์และมีความสำเร็จ เลี้ยงดู ตัวเองได้ เพื่อนำไปสู่การเข้าใจ “ธรรมชาติของตัวเอง” นั่นเอง
“คนเราเกิดมามีการสั่งสมสันดานจนเป็นคนนั้นๆ เช่น เกิดมาก็มีสันดานของตัวเอง ซึ่งทุกคนล้วนมีสันดานและตายไปกับสันดานนั้น ถือว่าไม่บรรลุธรรม เพราะไม่มีเปลี่ยนแปลงและไม่มีธรรมในใจ”
เฉลิมชัยกล่าวพร้อมอธิบายเสริมว่า แม้จะนั่งสวดมนต์ นั่งหลับตา รู้แต่บทสวด บทท่อง หลับตา แต่ไม่รู้จักคำว่า “ปัญญา” ก็หลุดพ้นทุกข์ ไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องย่อสิ่งที่พระพุทธเจ้าพูดให้น้อยที่สุด และปฏิบัติหรือทำแต่สิ่งดี สร้างการเปลี่ยนแปลงให้มากที่สุดแทน การบรรลุธรรม คือ การที่เราต้องรู้การเปลี่ยนแปลงตัวเรา รู้ธรรมชาติในใจ พัฒนาปัญญา กำหนดรู้สติ นั่นคือการมีธรรมในใจ
มนุษย์เรานั้นมีสันดาน 2 อย่าง ได้แก่ สิ่งที่ดีที่สุดในภพชาติ และสิ่งที่ไม่ดีที่ติดตัวมา แต่จะทำอย่างให้สิ่งที่ไม่ดีหลุดไป เพื่อย่นเวลาไปสู่การนิพพาน เพื่อลบล้างบาปและกิเลสนั้น แต่ทุกคนมีอัตตาจึงมองไม่เห็น และพยายามมองไม่เห็นด้วย จึงต้องฆ่าตัวตนของเราก่อน
โดยจะต้องลืมตาและฆ่า ในการกำจัดความอยากลงไปหรือไม่ตั้งความหวังกับคนอื่นมากเกินไป และการเข้าใจผู้อื่น ผ่านการเข้าใจธรรมชาติของผู้อื่น โดยการ “ฆ่าตัวเอง” ให้ได้ก่อน ซึ่งตนใช้ชีวิตตามความเป็นจริงในทุกภาวะ ก็จะนำเราไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้น อีกทั้งการนั่งสมาธิแล้วชนะ แต่เรานั่งสมาธิจะหาทางชนะได้ยาก ยกเว้นนักบวช ตนจึงเลือกลืมตาแล้วชนะแทน ในการตรวจสอบและจัดการตัวเอง
นอกจากนี้ เราต้องรู้จักจัดการตัวเองในการดำเนินชีวิต เพื่อพัฒนาธรรมะของตัวเองให้สูงขึ้น เช่น นอนหัวค่ำ อย่างน้อยๆ สุขภาพจะดีขึ้น ร่างกายของเราจะได้พักผ่อน ส่วนตัวตื่นตอนตีสองแล้วรู้สึกสดชื่น แล้วมานั่งสมาธิ เมื่อลืมตาเจอโลก จึงหลับตาเพื่อเจอธรรม เกิดความสงบให้ใจ ก่อนจะไปอาบน้ำแล้วทำงาน ตั้งแต่ตี 3 ถึง ตี 5 ครึ่ง แล้วไปออกกำลังกายเพื่อยิงธนู เพราะการยิงธนูเป็นธรรมะ ผ่านจิตและการบริหารร่างกายผ่านกล้ามเนื้อแขน เป็นวิธีการที่ตนชอบที่สุด ได้สมาธิผ่านการ ยิงธนู และต้อนรับมิตรสหายตอน 6 โมงเช้า ความสุขจึงมาจากใจเป็นสุข อยู่กับความโล่งและเข้าใจโลก
อย่างไรก็ตาม ความตายเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ ความตายเป็นความงดงาม คนเรียนธรรมะต้องรู้จักความตาย แบบที่ท่านพุทธทาสภิกขุพูด จงตายซะก่อนที่จะตาย จงตายให้เรียบร้อยก่อนความตายจริงจะมา เราต้องชนะมันให้ได้ และวิปัสสนาของตนคือ การวิเคราะห์และจัดการความคิดของตัวเอง ข้อคิดธรรมะง่ายๆ ของศิลปินแห่งชาติ ที่ได้ให้ไว้ในเวทีเรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ
สำหรับผู้ที่สนใจข้อคิดดีๆ แบบนี้ ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.cpall.co.th
ขอขอบคุณที่มา
https://www.khaosod.co.th/amulets/news_1614950
ธรรมะง่ายๆ ศิลปินแห่งชาติ “เฉลิมชัยโฆษิตพิพัฒน์”
ในห้อง 'บันเทิงและศิลปวัฒนธรรม' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 26 กันยายน 2018.