ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    วันนี้ ครบรอบ ๙๙ ปี ชาตกาล หลวงปู่ชา สุภัทโท

    วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นวันครบรอบ ๙๙ ปี ชาตกาล (การเกิด) พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท ) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

    ขอน้อมกราบรำลึกถึงคุณธรรมสัมมาปฏิบัติของหลวงปู่ชา สุภัทโท เหนือเศียรเกล้า สาธุๆๆ

    -ครบรอบ-๙๙-ปี-ชาตกา.jpg
    1504244223_987_วันนี้-ครบรอบ-๙๙-ปี-ชาตกา.jpg
    1504244224_381_วันนี้-ครบรอบ-๙๙-ปี-ชาตกา.jpg
    1504244224_889_วันนี้-ครบรอบ-๙๙-ปี-ชาตกา.jpg
    1504244224_519_วันนี้-ครบรอบ-๙๙-ปี-ชาตกา.jpg
    1504244225_553_วันนี้-ครบรอบ-๙๙-ปี-ชาตกา.jpg
    1504244225_110_วันนี้-ครบรอบ-๙๙-ปี-ชาตกา.jpg
    1504244225_185_วันนี้-ครบรอบ-๙๙-ปี-ชาตกา.jpg
    วันนี้ ครบรอบ ๙๙ ปี ชาตกาล หลวงปู่ชา สุภัทโท

    วันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นวันครบรอบ ๙๙ ปี ชาตกาล (การเกิด) พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท ) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

    ขอน้อมกราบรำลึกถึงคุณธรรมสัมมาปฏิบัติของหลวงปู่ชา สุภัทโท เหนือเศียรเกล้า สาธุๆๆ

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    *** พระพุทธรูปที่ถ้ำพระภูวัว ฝีมือการปั้นของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร และ พระอาจารย์มหาทองสุข สุจิตโต ***

    ในปีพ.ศ. ๒๔๙๑ เมื่อออกพรรษา หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ได้พาภิกษุสามเณร เดินธุดงค์ไปวิเวกที่ภูวัว ในท้องที่อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย (ปัจจุบันเป็น จ.บึงกาฬ)

    เหตุที่จะไปพำนักเพื่อบำเพ็ญความเพียรบนภูวัว เริ่มจากท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี ได้นิมนต์พระอาจารย์ฝั้นไปในงานศพของพระอาจารย์อุ่น ที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เสร็จงานศพแล้ว พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ และท่านพระครูอุดมธรรมคุณ (พระอาจารย์ทองสุข สุจิตโต อดีตเจ้าอาวาส วัดป่าสุธาวาส จ.สกลนคร) ได้ปรึกษาหารือกันว่า จะไปทางไหนกันดี หรือจะแยกย้ายกันกลับวัด พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ก็ออกความเห็นว่า ไปวิเวกต่อแถว ๆ ภูลังกา หรือภูวัวก่อนดีกว่า ต่างก็เห็นดีด้วย ทั้งสามท่าน พร้อมด้วยภิกษุผู้เป็นศิษย์อีกบางรูป จึงพร้อมกันออกเดินทางจากอำเภอท่าอุเทนไปทางอำเภอบ้านแพง จนกระทั่งถึงภูลังกา ซึ่งเป็นที่พำนักของพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร

    เมื่อขึ้นไปพักอยู่กับพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร ได้ประมาณ ๗ – ๘ วัน พระอาจารย์ฝั้นได้พิจารณาเห็นความยากลำบากในการขึ้นลง เพราะเขาสูงมาก ลงมาบิณฑบาตไม่ได้ พวกญาติโยมต้องจัดเสบียงอาหารส่งขึ้นไปให้ลูกศิษย์ทำอาหารถวาย พระเณร ยิ่งมากรูปก็ยิ่งลำบากแก่ญาติโยมมากขึ้น จึงได้สอบถามพระอาจารย์วัง เกี่ยวกับภูวัว โดยปรารภว่า อยากจะไปวิเวกอยู่ที่นั่น พระอาจารย์วังก็บอกว่า ภูวัวเป็นที่วิเวกดีมาก เป็นป่าดงดิบเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด เช่น ช้าง เสือ ตลอดจนวัวกระทิง โดยเฉพาะอีเก้ง กับกวาง ลิงมีเป็นฝูง ๆ พระอาจารย์อ่อนกับพระอาจารย์ฝั้น และท่านพระครูอุดมธรรมคุณ (พระอาจารย์ทองสุข สุจิตโต) จึงได้ลงจากภูลังกา เดินทางต่อไปยังบ้านโพธิ์หมากแข้ง แล้วไปพักอยู่ในวัดร้างบริเวณป่าใกล้ ๆ บ้านโสกก่าม เมื่อถามญาติโยมถึงสถานที่อันเหมาะแก่การบำเพ็ญกัมมัฏฐานบนภูวัว พวกญาติโยมก็บอกว่ามีอยู่หลายแห่ง พระอาจารย์ฝั้นจึงให้นำขึ้นไป

    วันแรกที่ขึ้นภูวัว ได้ไปพักที่ “ก้อนน้ำอ้อย” ที่เรียกว่าก้อนน้ำอ้อยเพราะเป็นหินก้อนใหญ่ รูปร่างคล้ายงบน้ำอ้อย ตั้งอยู่บนหินใหญ่อีกก้อนหนึ่ง ใต้หินก้อนน้ำอ้อยเป็นที่หลบแดดหลบฝนได้สบายมาก เพราะด้านใต้ของหินเป็นเพิงออกมาโดยรอบคล้ายๆถ้ำ พระอาจารย์ทั้งสามพำนักอยู่ที่นี่หลายวัน ก็เห็นว่าเป็นสถานที่ไม่สงบนัก เพราะเป็นทางช้างผ่านขึ้นลงอยู่เป็นประจำ กลางคืนช้างจะขึ้นมาทั้งโขลง ส่งเสียงรบกวนสมาธิอยู่เสมอ โขลงหนึ่งนับร้อย ๆ เชือก ช้างไม่อาจใช้ทางอื่นได้ เพราะทางอื่นเป็นหน้าผาชันไปทั้งหมด ทั้งสามท่านจึงย้ายไปพักวิเวกที่ถ้ำพระ โดยให้พวกญาติโยมยกแคร่ขึ้นเป็นที่พัก

    ถ้ำพระแห่งนี้ อยู่ในบริเวณริมห้วยบางบาด มีลานหินกว้างใหญ่ และมีที่สำหรับบำเพ็ญภาวนาอย่างเหมาะสม ร่มรื่นและสงบดีเป็นอันมาก แต่ถึงอย่างไรก็ยังห่างไกลจากหมู่บ้าน ลงไปบิณฑบาตไม่ได้ ต้องให้ลูกศิษย์ทำอาหารถวายทุกวัน โดยอาศัยญาติโยมบ้านนาตะไก้ บ้านโสกก่าม และบ้านดอนเสียด หมุนเวียนกันส่งเสบียงทุกวันพระ ถ้าวันไหนพระอาจารย์ฝั้นจะไม่ฉันจังหัน ท่านก็จะบอกให้ทำฉันกันเอง ท่านจะอดอาหารไปกี่วัน ท่านก็จะบอกล่วงหน้าให้ทราบ เพื่อความสะดวกในการจัดทำอยู่เสมอ

    จริงอย่างที่พระอาจารย์วังพูดไว้ บนภูวัวเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด น้ำท่าก็อุดมสมบูรณ์ดี ในห้วยบางบาดมีวังน้ำอยู่แห่งหนึ่ง น้ำลึกมากและมีจระเข้ตัวใหญ่ๆอาศัยอยู่หลายตัว กลางวันแดดร้อนจัด มันจะขึ้นจากถ้ำมานอนอ้าปากตากแดดอยู่เป็นประจำ แม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังมีจระเข้อาศัยอยู่ในวังน้ำแห่งนั้น แต่ขณะนี้มีหมู่บ้านใหม่ตั้งใกล้เข้าไปอีก ห่างจากถ้ำพระประมาณ ๖ – ๗ กิโลเมตร พระและเณรที่ไปพักวิเวกจึงพอเดินไปบิณฑบาตกันได้แล้ว

    พระอาจารย์ฝั้นพักวิเวกอยู่ที่ถ้ำพระบนภูวัวได้ประมาณ ๒ เดือนเศษ ท่านพระครูอุดมธรรมคุณ (พระอาจารย์ทองสุข สุจิตโต) ก็ออกความเห็นขึ้นว่า ควรจะทำอะไรไว้เป็นที่ระลึกในสถานที่นั้นสักอย่าง

    บังเอิญบนที่พักสูงขึ้นไปเป็นหน้าผา เหมาะสำหรับจะสร้างพระประธานไว้สักการบูชาเป็นอย่างยิ่ง พระอาจารย์ฝั้นจึงได้ตกลงสร้างพระพุทธรูปบนหน้าผาขึ้นด้วยวัสดุที่หาได้ง่าย ๆ เช่น มูลช้าง มูลวัว จึงแจ้งให้บรรดาญาติโยมบ้านดอนเสียด บ้านโสกก่าม และบ้านนาตะไก้ พร้อมด้วยบ้านอื่น ๆ ใกล้เคียงช่วยหาให้ สำหรับช่างปั้นนั้น พระอาจารย์ฝั้นกับพระครูอุดมธรรมคุณ มีฝีมือเยี่ยมอยู่แล้ว จึงไม่ต้องเสาะหา เมื่อได้ของพร้อมแล้วก็ลงมือทันที

    .jpg
    1504243866_233_พระพุทธรูปที่ถ้ำพระภู.jpg
    1504243867_132_พระพุทธรูปที่ถ้ำพระภู.jpg
    1504243867_562_พระพุทธรูปที่ถ้ำพระภู.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    /// น้ำตาไหลไม่หยุด!! สาวชาวโคลอมเบีย เห็นพระสังฆราชถึงกับตะลึงก้มลงกราบ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่หยุด ///

    มีเรื่องที่อ่านแล้ว ชวนซาบซึ้งสลับกันไปกับความปลื้มปิติไปพร้อมๆกัน กับเรื่องราวของสมเด็จพระสังฆราช ในเหตุการณ์ๆหนึ่ง

    เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2560 ที่ผ่านมา โดยในเฟสบุ๊ค Chachapon Jayaphorn โพสต์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงพระดำเนินมาที่ไพที(ชายคาชั้นบนต่อกับชายคาชั้นล่าง) จะเสด็จเข้าพระอุโบสถ เพื่อทรงปฎิบัติพระศาสนกิจ เผอิญมีฝรั่งสองคนมาเที่ยววัด กำลังก้มสวมรองเท้า เงยหน้ามาเห็น ก็ผงะ มองสมเด็จพระสังฆราชอย่างตะลึงๆ วางรองเท้าลง หมอบลงกับพื้น แล้วน้อมตัวเอาหน้าผากจรดพื้นในทำนองกราบ พร้อมประนมมือวางแนบพื้น

    เจ้าพระคุณสมเด็จแย้มพระสรวลแล้วมีพระปฎิสันถารด้วย “Where are you from?” (แปลเป็นไทยคือ คุณมาจากไหน) สตรีนั้น (นิ่งอึ้ง)

    (ทันใดนั้น เธอเริ่มน้ำตาไหล ไหลไม่หยุด แล้วลงกราบอีก) เจ้าพระคุณสมเด็จ ( มีพระบัญชามาที่เรา) “ด๊อกเตอร์ช่วยเจรจากับเขาที”

    (จึงถามประโยคเดิมกับเธอซ้ำๆอีกหน พอให้เธอรวบรวมสติได้) สตรีนั้น: ” I’m from Columbia” (แปลเป็นไทยคือ ฉันมาจากประเทศ โคลอมเบีย)

    เจ้าพระคุณสมเด็จ “Oh Columbia is very far away from here So,welcome to Thailand” (แปลเป็นไทยคือ ประเทศโคลอมเบียไกลจากที่นี่มาก ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทย)
    สตรีนั้น (กราบอีก ยังน้ำตาไหลไม่หยุด)

    ข้าพเจ้า(นั่งลงกระซิบบอกเธอ)”He is this tempel’s abbot and the Supreme Patriarch of Thailand” (แปลเป็นไทยคือ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ และ เป็นสมเด็จพระสังฆราชของไทย)

    สตรีนั้น “I know , I know,Ican feel it.”
    Oh…I don’t know why I’m crying…I don’t know why” (แปลเป็นไทยคือ ฉันรู้ ฉันรู้ ฉันสามารถรู้สึกได้ ฉันไม่รู้ทำไมฉันถึงร้องไห้ ฉันไม่รู้ทำไม)

    ข้าพเจ้า. “Perhaps you can “feel” . Right?” (แปลเป็นไทยคือ บางทีคุณสามารถรู้สึกได้ ถูกต้องไหม)
    สตรีนั้น ” Yes,I can feel.I can really feel it.” (แปลเป็นไทยคือ ใช่ ฉันสามารถรู้สึกได้จริงๆนะ)

    (แล้วเจ้าพระคุณเสด็จตรงไปแวะเยี่ยมประทานกำลังใจคณะผู้ปฎิบัติหน้าที่ชงชานำโดยพระมหาไมตรี Maitree Kongsaen
    เจ้าพระคุณสมเด็จ “How long have you been in Thailand?” (แปลเป็นไทยคือ คุณมาอยู่ในไทยนานเท่าไหร่แล้ว)
    สตรีนั้น “12 days” (12วัน)
    เจ้าพระคุณสมเด็จ “Where did you go before coming to Thailand?” (แปลเป็นไทยคือ คุณไปที่ไหนมาก่อนที่มาไทย)
    สตรีนั้น ” Cambodia , Vietnam,Laos” (กัมพูชา ,เวียดนาม,ลาว)
    เจ้าพระคุณสมเด็จ (ทรงพระสรวล)
    “Oh ! You do and ASEAN trip . Very good. Have a good time in Thailand” (แปลเป็นไทยคือ คุณท่องเที่ยวในอาเซียนนี่เอง ดีมากๆ ขอให้มีช่วงเวลาดีๆในไทย)

    จะว่าเป็นภาพอัศจรรย์อีกภาพหนึ่งในชีวิตเราก็ว่าได้ ภาพงาม ประณีต เยือกเย็น ละมุนละไม สื่อสัมผัสได้ด้วยภาษาใจอย่างประหลาด

    สตรีและบุรุษชาวโคลอมเบียสองคนนั้น แสดงอาการนอบน้อมอย่างสูง มีอาการปิติอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่เธอไม่เคยพบปะหรือรู้จักเจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราชมาก่อนเลย
    เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ข้าพเจ้าต้องบันทึกไว้ ก่อนจะเลือนไปจากความทรงจำ

    ___________________

    18 มิถุนายน 2560 เวลา16.00น.โดยประมาณ
    ขอบคุณข้อมูล : จากเฟสบุค Chachapon Jayaphorn
    ภาพ : จาก Suksan Roobun

    -สาวชาว.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระเดชพระคุณ หลวงปู่บุญมี โชติปาโล พระอริยะสงฆ์แห่งวัดสระประสานสุข บ้านนาเมือง ต.ไร่น้อย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พระผู้มีดำริและนำพาญาติโยมสร้างวิหารกลางน้ำเรือธรรมนาคราชไว้เป็นศาสนสถาน เป็นอนุสสติไว้คอยเตือนสติ “เรือนี้จะนำพาให้พ้นจากวัฏสงสารสู่พระนิพพาน”

    -หลวงปู่บุญ.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    มีชาวต่างชาติถามหลวงพ่อชา สุภัทโท ว่า ” ชีวิตพระ เป็นอย่างไร ? ”
    หลวงพ่อคิดว่าจะตอบตรงๆกับชาวต่างชาติอย่างไรก็ไม่เข้าใจแน่นอน เพราะเขายังไม่รู้จัก “พระ”
    หลวงพ่อชา จึงตอบอธิบายเชิงสอนภาษาธรรมะไปว่า ” ถึงปลาจะบอกว่าอยู่ในน้ำเป็นอย่างไร นกก็ไม่มีทางจะรู้ได้ ตราบใดที่นกยังไม่เป็นปลา ”

    -:- คติธรรม -:-
    พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    /// วัดสิรินธรวราราม (ภูพร้าว) อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ///

    วัดสิรินธรวราราม (ภูพร้าว) หรือที่นิยมเรียกกันว่า วัดเรืองแสง ตั้งอยู่ที่ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นวัดเก่าของหลวงปู่บุญมาก ฐิติปัญโญ เป็นสถานที่สำคัญที่พระบูรพาจารย์สายกรรมฐานหลายรูปได้มาพำนักจำพรรษาบำเพ็ญสมณธรรม นำพาพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา มาอบรมสมาธิภาวนา

    หลวงปู่บุญมาก ฐิติปัญโญ เป็นชาวลาว เกิดในแขวงจำปาสัก ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบ น่าเคารพเป็นยิ่งนัก ท่านเป็นผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์มาก พูดสิ่งใดกล่าวสิ่งนั้นสิ่งนั้นจะกลายเป็นจริงเสมอ

    หลวงปู่บุญมาก ฐิติปัญโญ บังเอิญได้ทราบข่าวจากพ่อค้าเรื่องครูบาอาจารย์ทางฝั่งไทย ว่ามีพระกรรมฐานอยู่ 3 รูป ที่สามารถเหยียบแผ่นดินสะเทือน และมีชื่อเสียงด้านวิปัสสนากรรมฐาน คือ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล , พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และ พระอาจารย์ทองรัตน์ กันตสีโล ท่านจึงเดินทางมาฝากตัวเพื่อขอศึกษาธรรม

    ในช่วงที่พระอาจารย์บุญมาก ฐิติปัญโญ เดินทางมาเผยแผ่ธรรมะทางฝั่งไทย ท่านได้มาพักปักกลดที่ภูพร้าวแห่งนี้ ในราวปี พ.ศ.2497 ถึง พ.ศ.2516 เมื่อก่อนธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ ธรรมชาติภูเขาลูกนี้พิเศษ แปลกไปจากภูเขาลูกอื่นๆ คือ มีหินคล้ายลูกมะพร้าวเต็มไปหมด ทุบออกมาจะมีฝุ่นหรือเม็ดหินใสแวววาวระยับคล้ายเพชรและพลอย ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ เอาไปรักษาโรค เรียก มะพร้าวฤๅษีทำเอาไว้ จึงเรียกภูเขาลูกนี้ว่า ภูพร้าว

    ท่านพระอาจารย์บุญมาก ได้มาขอบิณฑบาตสถานที่บนภูพร้าวแห่งนี้จากทางหน่วยทหารและทางราชการนายอำเภอพิบูลมังสารหารเพื่อสร้างเป็นวัด ในราวปี พ.ศ.2500 – 2514 ขณะกำลังมีการสำรวจระดับที่จะสร้างเขื่อนสิรินธร ทางหน่วยทหารและทางราชการอำเภอ จึงให้ตั้งชื่อวัดเป็น วัดสิรินธรวราราม

    ท่านพระอาจารย์บุญมาก ได้สร้างศาลาหลังหนึ่งไม่ใหญ่นัก พอเป็นที่พักรองรับญาติโยม ซึ่งได้หมดสภาพ และมีการสร้างศาลาใหม่แทนหลังเดิมที่เห็นอยู่นี้ เมื่อท่านพระอาจารย์บุญมาก ได้มาพำนักพักอาศัยพื้นที่แห่งนี้ในการปฏิบัติธรรม ท่านอธิฐานและรู้ด้วยญาณ ท่านได้พยากรณ์กับศิษย์ไว้ว่า “เธอคอยดูต่อไปในอนาคต จะมีผู้มีบุญจะมาบำเพ็ญบารมีของเขาให้เต็มบริบูรณ์ เขาจะมาสร้างสถานที่แห่งนี้ให้รุ่งเรือง จะมีพระสงฆ์ อุบาสกอุบาสิกาจำนวนมาก มาในสถานที่แห่งนี้ ปราชญ์บัณฑิตจะแวะมาพักอาศัยมิได้ขาด”

    ในบั้นปลายชีวิตของหลวงปู่บุญมาก ประเทศลาวเปลี่ยนแปลงการปกครอง ครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่ที่เคยปฏิบัติธรรมอยู่ในฝั่งลาวได้อพยพมาอยู่ฝั่งไทย มีแต่ท่านที่ไม่ยอมไปไหน แล้วก็น่าแปลกที่ทหารลาวก็ไม่กล้าจะทำอะไรท่าน เพราะกล่าวกันว่าท่านมีฤทธิ์อภิญญา การไปการมาในขณะนั้นก็ลำบากมากจนท่านมรณภาพที่วัดภูมะโรง จำปาสัก เมื่อปี พ.ศ.2524 มีศาสนวัตถุ และบุคคลที่ยังปรากฎอยู่เป็นหลักฐานทำให้พระพุทธศาสนายังคงอยู่ในดินแดนลาวมาจนถึงทุกวันนี้

    ครั้นต่อมา ด้วยความล่วงเลยไปตามกาลเวลาและความทุรกันดาร วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) แห่งนี้จึงทรุดโทรมลงเพราะขาดการบูรณะ หลวงพ่อสีทน กมโล จึงได้ขึ้นมาพัฒนาวัดภูพร้าวแห่งนี้ จนเจริญรุ่งเรือง เป็นจริงดังคำพยากรณ์ของหลวงปู่บุญมาก ฐิตปัญโญ อย่างน่าอัศจรรย์

    _____________

    ขอขอบคุณ : ภาพสวยๆจาก คุณกตภัน แก้วสง่า

    -ภูพร้.jpg
    1504243265_558_วัดสิรินธรวราราม-ภูพร้.jpg
    1504243265_218_วัดสิรินธรวราราม-ภูพร้.jpg
    1504243265_727_วัดสิรินธรวราราม-ภูพร้.jpg
    1504243266_812_วัดสิรินธรวราราม-ภูพร้.jpg
    1504243266_377_วัดสิรินธรวราราม-ภูพร้.jpg
    1504243267_780_วัดสิรินธรวราราม-ภูพร้.jpg
    1504243267_9_วัดสิรินธรวราราม-ภูพร้.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “สมเด็จโต” เทศน์เรื่อง “พระอรหันต์” ยาวหน่อยแต่ซาบซึ้งมาก คราวหนึ่ง “สมเด็จโต” ได้รับนิมนต์ให้แสดงธรรม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จออกมาท่ามกลางเหล่าขุนนาง ครั้นพอพบหน้าท่าน เจ้าผู้ครองแผ่นดินก็ทรงสัพยอกว่า…
    “ท่านเจ้าคุณ เห็นเขาชมกันทั้งเมืองว่าท่านเทศน์ดีนักนี่ วันนี้ต้องขอพิสูจน์หน่อย”
    สมเด็จโตทรงทูลว่า “ผู้ที่ไม่เคยฟังในธรรม ครั้นเขาฟังธรรม และได้รู้เห็นในธรรมนี้แล้ว เขาก็ชมว่าดี ขอถวายพระพรมหาบพิตร”
    และวันนี้อาตมาจะมาเทศน์เรื่อง “พระอรหันต์อยู่ในบ้าน” ฝ่ายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเหล่าขุนนางต่างก็มีความสงสัย เพราะเคยได้ยินแต่ว่าพระอรหันต์ท่านจะอยู่ในถ้ำ – ในป่า – ในเขา ในที่เงียบสงัดหรือที่วัดวาอารามเท่านั้น แต่ทำไมสมเด็จโตจึงกล่าวว่าจะเทศนาเรื่อง “พระอรหันต์อยู่ในบ้าน”
    ในขณะที่ทุกคนพากันคิดสงสัยอยู่นั้น ฝ่ายสมเด็จโตทรงทราบด้วยญาณวิถีของทุกคน ท่านจึงขยายความต่อไปว่า…
    “จิตพระอรหันต์เป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านละจากความโลภ ความหลง ไม่ยินดียินร้ายในเรื่องใดๆทั้งสิ้น เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยม”
    “หากใครได้ทำบุญกับพระอรหันต์แล้วไซร้ ถือได้ว่าเป็นลาภอันประเสริฐที่สุด บุญที่ได้ทำกับท่านจะให้ผลในชาติปัจจุบันทันที ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า ทุกๆคนจึงมุ่งเสาะแสวงหาแต่พระอรหันต์ที่อยู่นอกบ้าน แต่ไม่เคยมองเห็นพระอรหันต์ที่อยู่ในบ้านเลย”
    ทุกๆคนที่นั่งฟังเทศนาอยู่ในที่แห่งนั้น ต่างทำสีหน้างุนงงไปตามกัน สมเด็จโตจึงเทศนาต่อไปว่า…
    “พระอรหันต์คือ พระผู้ประเสริฐ คนเราทั้งหลายพยายามค้นหาพระผู้ประเสริฐ เพียงหวังที่จะยึดท่าน เกาะผ้าเหลืองท่าน เกาะหลังของท่าน เพื่อให้ท่านพาไปสู่ความสุข แม้ว่าท่านจะอยู่ไกลสุดขอบฟ้า เราก็ยังอุตสาห์ดั้นด้นดิ้นรนไปหา เพียงหวังเพื่อยึดเหนี่ยวและบูชาท่าน”
    “แต่พระที่อยู่ภายในที่ใกล้ตัวที่สุดกลับมองข้าม มองไม่เห็นเหมือนใกล้เกลือแต่กลับไปกินด่าง อันน้ำใจของพ่อ – แม่ที่ให้ต่อลูก มีแต่ความบริสุทธิ์ ไม่คิดหวังสิ่งตอบแทนเช่นเดียวกับน้ำใจของพระอรหันต์ที่ให้ต่อมนุษย์ก็มีความบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน”
    “พ่อแม่จึงเปรียบเสมือนพระอรหันต์ของลูก ท่านมีน้ำใจบริสุทธิ์ต่อลูกมากมายนัก ท่านเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่อยู่ในท้อง ท่านทนทุกข์ทรมานแต่ท่านก็ไม่เคยปริปากบ่นสักนิด”
    “แม้ลูกเกิดมาแล้วพิกลพิการ หูหนวก ตาบอด ท่านก็ยังรัก ยังสงสาร เพราะท่านคิดเสมอว่านั้นคือสายเลือด ไม่เคยคิดรังเกียจและทอดทิ้ง แต่ท่านกลับจะเพิ่มความรักความสงสารมากยิ่งขึ้น”
    “ครั้นตอนที่เราเป็นเด็กเล็กๆก็ซุกซน รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เราเคยหยิก เคยข่วน ทุบ ตี เตะ ต่อย กัด หรือด่าทอพ่อแม่ต่างๆนานา เพราะความไร้เดียงสา ท่านก็ไม่เคยโกรธเคืองกลับยิ้มร่าชอบใจ เพิ่มความรักความเอ็นดูให้เสียอีก”
    “แม้เราจะเป็นผู้ใหญ่รู้ผิดชอบชั่วดี แต่บางครั้งด้วยความโกรธ ความหลง เราก็ยังทุบตีหรือด่าทอท่านอยู่ แทนที่ท่านจะโกรธหรือถือโทษเอาผิดต่อเรา ท่านกลับยอมนิ่งเฉย ยอมที่จะทนรับทุกข์เพียงฝ่ายเดียว ยอมเสียน้ำตา ยอมเป็นเครื่องรองรับมือ รับเท้าและปากของเรา”
    “สำหรับลูกแล้ว ท่านเสียสละให้ทุกอย่าง ท่านให้อภัยในการกระทำของเราเสมอ เพราะท่านกลัวเราจะมีบาปติดตัว จึงยอมที่จะทุกข์เสียเอง ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะรักเราและหวังดีต่อเราอย่างจริงจังและจริงใจเหมือนพ่อแม่”
    “ท่านเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เล็กจนเราเติบใหญ่ ทุ่มเทแรงกายแรงใจ และกำลังทรัพย์ให้แก่เราอย่างมากมาย จนไม่อาจประมาณค่าเป็นตัวเลขได้”
    “ในบางครั้งลูกหลงผิดเป็นคนชั่วด้วยอารมณ์แห่งโทสะ เป็นคนเมาขาดสติ ก่อกรรมทำเข็ญเป็นที่เดือดร้อนแก่ชาวบ้าน ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ในสายตาของท่านแล้ว เมื่อมีภัยสู่ลูกก็ยังปกป้องรักษา ช่วยเหลือลูกอย่างเต็มกำลังและสุดความสามารถยอมเสียทรัพย์สินและเงินมากมาย เพื่อให้ลูกได้พ้นผิด”
    “ถึงแม้ว่าในบางครั้งลูกต้องถูกจองจำหมดแล้วซึ่งอิสรภาพด้วยอาญาแห่งแผ่นดินก็คงมีแต่พ่อแม่เท่านั้นที่คอยหมั่นดูแลไปเยี่ยม คอยส่งน้ำส่งข้าวปลาอาหาร คอยให้กำลังใจแก่ลูก และรอนับเวลาที่ลูกจะกลับมาสู่อ้อมกอดอีกครั้งหนึ่ง”
    “น้ำใจที่มีต่อลูกเช่นนี้เปรียบเท่ากับน้ำใจของพระอรหันต์โดยแท้ พ่อแม่จึงเป็นพระอรหันต์ในบ้านของเราจริงๆ ทำไมพวกท่านจึงไม่คิดที่จะทำบุญกับพระอรหันต์ที่อยู่ในบ้านของท่านเล่า”
    “สำหรับลูก ถึงแม้พ่อแม่จะเป็นโจร เป็นคนชั่วในสายตาของบุคคลอื่น แต่สำหรับลูกแล้วท่านเสียสละได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง แม้แต่ชีวิตท่านก็สามารถเสียสละให้ลูกได้ พ่อแม่มีลูกนับ 10 คนเลี้ยงดูมาเติบใหญ่ แต่ลูก 10 คน กลับเลี้ยงดูพ่อแม่เพียง 2 คนไม่ได้ ชอบเกี่ยงกัน เพราะลูกเหล่านั้นกำลังลืมคำว่าพระคุณของพ่อแม่”
    “ยามที่พ่อแม่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เราควรที่จะเลี้ยงดูพ่อแม่โดยการซื้ออาหารการกิน ซื้อเสื้อผ้า พาท่านไปทำบุญทำทาน เข้าวัดเข้าวา อะไรก็ตามที่ทำแล้วให้ท่านมีความสุขก็ควรทำให้ท่าน และเลี้ยงดูจิตใจท่าน เชื่อฟังในโอวาทคำเตือนของท่าน”
    “คำพูดคำจาที่จะพูดกับท่านก็ต้องระมัดระวังเพราะคนแก่นั้นใจน้อย ต้องรักษาน้ำใจท่านไว้ด้วยคำพูดที่นิ่มหู ไม่ปล่อยทิ้งให้ท่านอยู่อย่างว้าเหว่ คอยเอาใจใส่ปรนนิบัติดูแลท่านอย่างใกล้ชิด”
    “แต่คนส่วนมากมักจะทำบุญให้พ่อแม่ เมื่อยามที่ท่านตายจากเราไปแล้ว นั่นคือการพลาดและเป็นการพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรา ซึ่งความจริงแล้วเราควรที่จะทำบุญให้กับพ่อแม่ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้กตัญญูกตเวที”
    “ขอให้สาธุชนทั้งหลายผู้มาได้ฟังธรรมในวันนี้จงกลับไปทำบุญกับพ่อแม่ผู้เป็นพระอรหันต์ในบ้าน การทำบุญแบบนี้จะได้อานิสงส์ทันตาเห็นในชาติปัจจุบัน”
    “พระอรหันต์ที่อยู่นอกบ้าน พวกท่านไม่อาจจะล่วงรู้ได้ว่าองค์ใดจริงหรือไม่จริง แต่ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด เป็นของจริงและบูชาได้อย่างแน่นอน ไม่เคยเห็นผู้ใดเลยที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่แล้วต้องพบกับความวิบัติ ไม่เคยมี มีแต่เจริญรุ่งเรือง ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟก็ไม่ไหม้ มีแต่ความสุข”
    “ขอให้ท่านทั้งหลายที่อยู่ในที่นี้ จงใช้สติและพิจารณาในเรื่องราวต่างๆที่อาตมาได้เทศนาให้ฟังในครั้งนี้ให้ดี แล้วประโยชน์และความสุขก็จะบังเกิดแก่ท่านทั้งหลาย อย่างทันตาเห็น”
    “เอวัง…ก็มีด้วยประการฉะนี้ ขอถวายพระพร”
    ฝ่ายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและข้าราชบริพาร ได้ฟังคำเทศนาของสมเด็จโตจบลง บ้างน้ำตาก็คลอเบ้า บ้างน้ำตาก็หลั่งไหลออกมาสุดที่จะกลั้นได้ ด้วยความรู้สึกรักสงสาร และคิดถึงพระคุณพ่อแม่ขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจอย่างที่ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย เจ้าผู้ครองแผ่นดินแห่งสยามประเทศ จึงตรัสด้วยพระสุรเสียงอันสั่นเครือว่า…
    “ท่านเจ้าคุณท่านเทศน์ได้จับใจยิ่งนัก และขอให้ทุกคนจงกลับไปทำบุญกับพ่อแม่ผู้เป็นพระอรหันต์เถิด”

    -เทศน์เรื่อง-พร.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ถาม : หลวงพ่อเคยเดินทางไปหลายประเทศทั่วโลก หลวงพ่อมองพุทธศาสนาในปัจจุบันเป็นอย่างไรครับ
    ตอบ : พระพุทธศาสนาก็เหมือนเดิม แต่ความเพลิดเพลินสะดวกสะบายทำให้คนประมาท พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของธรรมชาติ ใครจะว่าเสื่อมหรือเจริญมันเป็นเรื่องคำพูดของคน

    พระราชภาวนาวิกรม (หลวงปู่เลี่ยม ฐิตธัมโม) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

    -หลวงพ่อเคยเดินทางไ.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “ทีฆายุโก โหตุ สงฺฆราชา”

    ขอประทานถวายสักการะ เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เนื่องในมงคลสมัยพระชนมายุ ๙๐ พรรษา ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๐

    -โหตุ-สงฺฆราชา.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ตื่นนอนขึ้นมา อย่าลืมการไหว้พระ นึก “พุทโธ ธัมโม สังโฆ” อย่างน้อยให้ได้วันหนึ่งสิบหนก็ยังดีนะ เรียกว่าสิบหนยังดี ไอ้ผู้ที่ไม่ระลึกเสียเลย ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับ คนนี้ขาดทุนสูญดอก มีชีวิตอยู่ก็ไม่มีค่ามีราคาอะไร เพราะสิ่งที่มีค่ามีราคาไม่มีติดใจเลย มีแต่ความชั่วช้าลามกติดหัวใจของตัวเอง อย่างนั้นใช้ไม่ได้นะ

    ตั้งแต่ตื่นนอนมาจนกระทั่งถึงวันจะหลับ วันนี้เราทำความผิดความถูกประการใดบ้าง ผลนั้นจะติดตามเรา เราจะต้องคัดเลือกการกระทำของเราให้ดี นี่ผู้นับถือพุทธศาสนาต้องถือความประพฤติของตัวเองเป็นสำคัญ จึงขอให้ลูกหลานได้นำไปประพฤติปฏิบัติ

    -:- โอวาทธรรม -:-
    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี

    -อย่าลืมกา.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” ทำอะไรไว้ สิ่งนั้นย่อมส่งผล ดีชั่วอยู่กับบาปบุญที่เราทำ ภพภูมิชาติหน้า อยู่กับบาปบุญที่เราทำวันนี้ นี่คือสัจธรรม ”

    -:- หลวงปู่จันทร์ศรี -:-

    -สิ่งนั้นย่อม.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    /// หลวงปู่มั่น เทศน์โปรดวิญญาณสามเณรและพี่สาว ///

    ในช่วงที่ออกธุดงค์ในจังหวัดเชียงใหม่ หลายคืนที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ทำความเพียรอยู่ตลอดกลางคืน ยามดึกสงัดปรากฏเห็นสามเณรน้อยรูปหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่ง พากันเดินผ่านไปผ่านมาอยู่แถวบริเวณนั้นแทบทุกคืน ท่านนึกสงสัยว่าคนทั้งสองนี้เดินไปมาเพื่อประสงค์อะไร

    วันต่อมาท่านพระอาจารย์มั่นจึงถามถึงเหตุที่ต้องพากันมาเดินวกเวียนไปมาอยู่แถวนั้น ก็ได้คำตอบจากคนทั้งสองว่า เป็นห่วงและอาลัยในพระเจดีย์ที่สร้างยังไม่เสร็จ แต่ได้ตายไปเสียก่อน เพราะความห่วงใยนั้นจึงต้องวกเวียนไปมาอยู่ทำนองนี้นานแล้ว ส่วนสามเณรน้อยนั้นเป็นน้องชายของหญิงคนนั้น ทั้งสองคนได้ร่วมกำลังกันสร้างพระเจดีย์ ความที่ต่างคนต่างห่วงและอาลัยพระเจดีย์และเสียดายเวลาไม่รอคอยพอให้สร้างพระเจดีย์เสร็จก่อนแล้วค่อยตายไป จะไม่เป็นภาระผูกพันดังที่เป็นอยู่เวลานี้ แม้จะเป็นอยู่ในภพที่มีความห่วงใย แต่ก็มิได้มีความทุกข์ทรมานซึ่งควรจะเป็น เป็นแต่จะไปผุดไปเกิดที่ไหนก็ไม่อาจปลงใจลงได้เด็ดขาดเท่านั้น

    หลวงปู่มั่น จึงเทศน์ให้สติวิญญาณสองพี่น้อง ใจความว่า

    “ สิ่งที่ล่วงไปแล้วไม่ควรไปทำความผูกพัน เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง แม้จะทำความผูกพันและมั่นใจให้สิ่งนั้นกลับมาเป็นปัจจุบันก็เป็นไปไม่ได้ ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียวโดยความไม่สมหวังตลอดไป อนาคตที่ยังไม่มาถึงก็เป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน อดีตควรปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตก็ควรปล่อยไว้ตามกาลของมัน ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้ เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ไม่สุดวิสัย ”

    การสร้างพระเจดีย์ เราสร้างด้วยหวังบุญหวังกุศล ไม่ได้สร้างเพื่อหวังเอาก้อนอิฐ ก้อนหิน ปูนทราย ในองค์พระเจดีย์ติดตัวไปด้วย สิ่งที่เป็นสมบัติของเราในการสร้างพระเจดีย์ ก็คือบุญที่เราจะเอาติดตัวไปได้ เราไม่ได้เอาสิ่งก่อสร้าง วัตถุทานต่างๆ ที่สละแล้วนั้น เอาติดตัวไปด้วย เราเอาไปได้เฉพาะส่วนนามธรรม ที่เกิดจากการสละวัตถุทานเหล่านั้น นั่นคือตัวบุญกุศล

    เจ้าของผู้คิดเป็นกุศลเจตนาขึ้นมา ให้สำเร็จเป็นวัตถุไทยทานต่างๆ นั้นคือใจ ใจนี่แหละเป็นผู้ทรงบุญ ทรงกุศล ทรงมรรค ทรงผล ทรงสวรรค์ นิพพาน และใจนี่แล เป็นผู้ไปสู่สวรรค์นิพพาน นอกจากใจไม่มีอะไรไป

    ถ้าคุณทั้งสองยินดีเฉพาะกุศลผลบุญ ที่ทำได้จากการสร้างพระเจดีย์ไปเท่านั้น ไม่มุ่งจะแบกหามพระเจดีย์ไปสวรรค์ นิพพานด้วย คุณทั้งสองก็ไปอย่างสุคโต หายห่วงไปนานแล้ว เพราะบุญเป็นเครื่องสนับสนุน บุญจึงไม่เปลี่ยนแปลงเป็นบาปตลอดกาล

    คุณทั้งสองสร้างบุญญาภิสมภารมา เพื่อยังตนไปสู่สุคติ แต่กลับมาติดกังวลในอิฐในปูนเพียงเท่านั้น จนเป็นอุปสรรคต่อทางเดินของตน ซึ่งทำให้เสียเวลาไปนาน

    ถ้าคุณทั้งสอง พยายามตัดความขัดข้องห่วงใยที่กำลังเป็นอยู่ ออกจากใจ ชั่วเวลาไม่นาน จะเป็นผู้หมดภาระผูกพัน คุณมีจิตมุ่งมั่นในภพใด จะสมหวังในภพนั้น เพราะแรงกุศลที่ได้พากันสร้างมาพร้อมอยู่แล้ว ”

    หลังจากนั้น หลวงปู่มั่น ก็สอนดวงวิญญาณสามเณรและพี่สาว ให้รักษาศีลห้า สอนอานิสงส์ของทาน ศีล ภาวนา และหลักธรรมอื่นๆ จนดวงวิญญาณคลายการยึดติด แล้วไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์พิภพ ในลำดับต่อมา

    -เทศน์โปรดว.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    .jpg

    ตามรอยเผยแผ่พระพุทธศาสนา สู่ดินแดนคริสตจักรอันศักดิ์สิทธิ์ ร่วมค้นหาความจริงและคลี่คลายทุกปมประเด็นและข้อสงสัยบนโลกออนไลน์ จริงหรือไม่ที่พุทธศาสนาหยั่งรากในอ…

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    วันนี้วันที่ ๒ กรกฎาคม เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่แบน ธนากโร “พระอริยสงฆ์ผู้เป็นเสาหลักของกัมมัฏฐาน” เจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๘๙ ปี หลวงปู่แบน ท่านเป็นพระมหาเถราจารย์ที่สำคัญรูปหนึ่งในยุคปัจจุบันนี้ ที่มีปฏิปทาเด็ดเดี่ยว มีข้อวัตรเคร่งครัด มีจริยวัตรงดงาม เป็นพระสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง หลวงปู่แบน ท่านให้ความสำคัญกับลูกศิษย์ทุกคนเสมอกันที่มากราบไหว้นมัสการท่าน สิ่งหนึ่งซึ่งหลวงพ่อท่านจะเมตตาสงเคราะห์กับบุคคลต่าง ๆ นั้นก็คือ “ธรรมะ” โดยท่านจะอบรมผู้ที่มากราบนมัสการท่าน และพระเณรที่อยู่ภายในวัดเป็นประจำ ส่วนวันพระนั้นท่านจะเมตตาอบรมเป็นพิเศษ ทางด้านจิตตภาวนา

    “..ความดี คือการบำเพ็ญทาน ความดี คือการรักษาศีล ความดี คือการบำเพ็ญจิตตภาวนา ให้รีบทำในขณะนี้ทีเดียว พระพุทธเจ้าทรงอุปมาไว้ เหมือนกับไฟไหม้ผมบนศีรษะให้รีบดับ ไม่ใช่ไหม้บ้านไหม้ช่องนะ ไหม้ผมบนศีรษะนี่ ต้องดับทันที การทำความดีก็ต้องรีบทำทันทีเหมือนกัน ทันทีทุกขณะ..” โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่แบน ธนากโร

    “พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร” หรือ “หลวงปู่แบน ธนากโร” แห่งวัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร มีนามเดิมว่า สุวรรณ กองจินดา เกิดเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๑ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะโรง ณ บ้านหนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายเล็ก และนางหลิม กองจินดา ครอบครัวประกอบอาชีพทำสวนทำไร่

    ครั้นพอถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียนแล้ว โยมบิดา-โยมมารดาได้ส่งให้ท่านเข้าศึกษาในโรงเรียนประจำหมู่บ้าน จนจบประถมศึกษาปีที่ ๔ ครั้นจบการศึกษาแล้ว ท่านก็ได้ช่วยบิดามารดาทำสวนทำไร่ เพราะในเขตจังหวัดจันทบุรีนั้น อาชีหลักคือทำสวนเงาะ สวนทุเรียน

    เมื่ออายุ ๒๑ ปี หลวงปู่แบน ธนากโร ท่านได้เข้าไปศึกษาข้อวัตรปฏิบัติกับ หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ณ วัดทรายงาม อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้านของท่าน พอทราบถึงข้อวัตรปฏิบัติแล้ว หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ จึงได้นำท่านเข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ณ วัดเกาะตะเคียน ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยมีพระอมรโมลี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูพิพัฒน์พิหารการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระเม้า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “ธนากโร” มีความหมายว่า ” ผู้สร้างทรัพย์อันเป็นประโยชน์ให้เกิดกับตน”

    ๏ อยู่ศึกษาธรรมกับหลวงปู่กงมา
    ภายหลังจากที่ท่านบวชบวชแล้วก็มาอยู่ปฏิบติธรรมกับ หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ที่วัดทรายงาม จังหวัดจันทบุรี และก็ได้ติดตามหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ มาอยู่ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร จนกระทั่งหลวงปู่กงมาได้มรณภาพลง ครั้นทำการถวายเพลิงศพของหลวงปู่กงมาแล้ว หลวงพ่อแบน ธนากโร ท่านก็ทำหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดดอยธรรมเจดีย์ต่อจากหลวงปู่กงมาผู้เป็นอาจารย์ รักษาข้อวัตรปฏิบัติอย่างเด็ดเดี่ยว รวมทั้งทำหน้าที่อบรมพระภิกษุสามเณร ญาติโยมที่มาขออยู่ปฏิบัติธรรม ให้มีศีลธรรมประจำใจ

    ๏ เป็นพระที่องค์พระมหากษัตริย์ให้ความเคารพ
    เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ จะเสด็จแปรพระราชฐานมาพักอยู่ที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร เพื่อออกเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตภาคอีสาน ทั้งสองพระองค์ และพระบรมวงศ์ จะเสด็จขึ้นไปกราบนมัสการหลวงพ่อแบน ธนากโร ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ และเยี่ยมเยียนประชาชนในแถบนั้นทุกครั้ง

    ๏ เป็นเสาหลักพระกรรมฐาน
    ท่านเป็นเสาหลักพระกรรมฐานในเขตภาคอีสาน และภาคอื่นๆ ซึ่งพอถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา เป็นต้น คณะลูกศิษย์ทั้งพระและฆราวาสนั้นจะมาจากที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเขตจังหวัดสกลนคร, นครพนม, มุกดาหาร, อุดรธานี, เลย, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, สุรินทร์ ฯลฯ จะพากันมาลงอุโบสถสามัคคีกันที่วัดดอยธรรมเจดีย์ และรับฟังธรรมโอวาท คติเตือนใจ รวมทั้งข้อธรรมอื่นๆ ในด้านการปฏิบัติจิตตภาวนาจากหลวงพ่อแบน ธนากโร และท่านก็จะให้กำลังจิตกำลังใจ ไม่ให้ท้อถอย ให้ต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย คือกิเลส ให้ยึดมั่นในหลักพระธรรมวินัย รวมทั้งให้พากันตั้งอกตั้งใจรักษาข้อวัตรปฏิบัติ และปฏิปทาที่ครูบาอาจารย์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ท่านพาดำเนินมา

    ซึ่งในช่วงเทศกาลต่างๆ นั้น พระภิกษุที่มารวมกันลงอุโบสถนั้น มีประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ รูป ส่วนฆราวาสก็ประมาณ ๙๐๐-๑,๕๐๐ คน ในวันปวารณาเข้าพรรษานั้น องค์หลวงพ่อแบนท่านก็จะแจกวัตถุสิ่งของต่างๆ หลายอย่างให้แก่วัดที่มาร่วมลงอุโบสถสามัคคี เช่น น้ำตาล โกโก้ กาแฟ ร่ม ฯลฯ เพื่อมอบให้แก่ทางวัดได้ใช้สอยร่วมกัน และก็จะแจกถุงยังชีพให้แก่พระภิกษุสามเณร มีสบู่ ยาสีฟัน ยารักษาโรค ยากันยุง น้ำยาซักผ้า เป็นต้น

    เรื่องการสงเคราะห์หมู่คณะพระเณร ญาติโยมนี้ ท่านจะทำอยู่เป็นประจำ ไม่ใช่แต่เฉพาะวันสำคัญเท่านั้น ท่านจะพาลูกศิษย์ไปแจกผ้าห่ม เสื้อผ้า ข้าวปลา อาหารแห้ง ยารักษาโรค เครื่องอุปโภค บริโภคต่างๆ ให้แก่ประชาชน ในเขตอำเภอภูพาน อำเภอเต่างอย อำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร อำเภอดงหลวง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม และทั่วทั้งภาคอีสาน รวมไปถึงภาคเหนือ และภาคอื่นๆ เป็นต้น

    ส่วนการสงเคราะห์ตามวัดนั้น ท่านจะออกไปตรวจตราและเยี่ยมเยียนตามวัดวาต่างๆ เพื่อให้กำลังจิตกำลังใจในการเจริญจิตตภาวนา พร้อมทั้งนำเครื่องอุปโภค บริโภค มีน้ำตาล น้ำปลา มาม่า ปลากระป๋อง ฯลฯ ไปถวายให้วัดนั้นๆ หากเป็นฤดูกาลหน้าผลไม้ เช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด ออกผลผลิต ท่านก็จะจำนำไปแจกจ่ายให้ตามวัดครูบาอาจารย์กรรมฐานต่าง ๆ รวมทั้งวัดอื่น ๆ ด้วย

    ๏ สร้างโรงพยาบาล
    หลวงปู่แบน ธนากโร ท่านได้เมตตาสงเคราะห์คนหมู่มาก ทั้งพระและฆราวาส อย่างหาประมาณมิได้ องค์ท่านได้เมตตาสร้างตึกร่มฟ้า ให้แก่โรงพยาบาลจังหวัดสกลนคร พร้อมทั้งถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ และสร้างตึกร่มฉัตร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตึกทั้งสองหลังนี้ เป็นตึกห้องพิเศษ วีไอพี มีอุปกรณ์ทันสมัยครบครันสมบูรณ์แบบ

    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๘ องค์ท่านได้สร้าง ‘โรงพยาบาลพระอาจารย์แบน ธนากโร’ ที่อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวาระที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๕ รอบ ๖๐ พรรษา

    ๏ สร้างสำนักปฏิบัติธรรม
    หลวงปู่แบน ธนากโร นอกจากองค์ท่านจะเมตตาสงเคราะห์แก่ประชาชนทั่วไปแล้ว ท่านยังได้เมตตาสร้างวัดเพื่อเป็นสำนักปฏิบัติธรรมกรรมฐานเจริญรอยตามพระบูรพาจารย์ มีหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต และหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ เป็นอาทิ ให้พระภิกษุสามเณรได้มีที่อยู่ศึกษาข้อวัตร ปฏิบัติธรรม เพื่อรักษาป่าไม้ ต้นน้ำลำธาร รักษาสัตว์ป่า และรักษาธรรมชาติเอาไว้ ซึ่งนับวันจะถูกบุคคลต่างๆ ทำลายลงไป

    วัดที่องค์ท่านได้เมตตาสร้างนั้นมีอยู่หลายแห่งด้วยกัน ดังนี้

    ๑. วัดป่าภูผาผึ้ง ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร

    ๒. วัดป่าค้อน้อย บ้านค้อน้อย ตำบลค้อใหญ่ อำเภอกุดบาก จังหวัดมุกดาหาร

    ๓. วัดป่าวังเพิ่ม-พระภาวนา ตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

    ๔. วัดทุ่งกระบิน-พระภาวนา อำเภอเขาคิฌชกูฏ จังหวัดจันทบุรี

    ๕.สวนป่าริมธาร อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร

    ปัจจุบันนี้ หลวงปู่แบน ธนากโร ท่านได้พำนักอยู่ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ ตำบลตองโขบ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร วัดสวนป่าริมธาร อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหารบ้าง หรือในบางครั้งท่านก็จะไปพักสั่งสอนศีลธรรมอยู่ที่วัดป่าวังเพิ่ม-พระภาวนา อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และวัดทุ่งกระบิน-พระภาวนา ในจังหวัดจันทบุรี

    _/_ _/_ _/_

    -๒-กรกฎาคม-เ.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    แจ้งข่าวศิษยานุศิษย์ !!!

    หลวงปู่สิงห์ ธัมมสาโร วัดสีหะลำดวน ต.ระแงง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ “พระผู้มีพลังจิตแก่กล้า” (ทายาทธรรมของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล และ ท่านพ่อลี ธัมมธโร) ได้ละสังขารแล้ววันนี้ ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 2 กรกฎาคม 2560 เวลาประมาณเที่ยงวัน สิริอายุ 88 ปี ( 33 พรรษา เฉพาะพรรษาที่ญัติติเป็นธรรมยุติ)

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...