ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    กำหนด “รู้”

    เมื่อเกิดเวทนา ก็ให้กำหนดเวทนา ให้”รู้” ให้ทัน,
    ถ้าไม่กำหนดเราก็ไม่”รู้” ไม่เห็น เหมือนคนตาบอด
    มาทางหู ไม่กำหนดทางหู ก็เหมือนคนหูหนวก
    มาทางจมูก ไม่กำหนดจมูก ก็เหมือนกับคนจมูกไม่รับกลิ่น
    ถ้ามาทางลิ้น ไม่กำหนดลิ้น ก็เหมือนกับลิ้นที่ไม่รับรสอะไร

    มันเป็นอย่างนั้น..จึงให้กำหนดจะเกิดทางทวารทั้ง ๖ นี้
    เกิดความรู้สึกอย่างไร…ก็ให้ “รู้” ตัวรู้..เป็นสำคัญ

    ~หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
    วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม
    (พ.ศ.2458-2546)

    Cr.ภาพ http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C-%E0%B9%82%E0%B8%86%E0%B8%AA%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B9%82%E0%B8%8D-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%82%E0%B8%87.356869/

    -รู้.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” ไม่มีอะไร ”
    พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่อง “ความไม่มีอะไร,ความไม่ได้อะไรจริงแท้แน่นอน” ไม่รู้จะไปอวดอะไร มีนั่นมีนี่อวดกัน ไม่รู้ได้อะไรจากมันอวดกัน

    ยิ่งฆราวาสอวดกันมีแต่กองทุกข์ ตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้
    ไม่รู้จะหามาอวดกันเพื่ออะไร

    สู้เราทำความพากความเพียรไม่ได้ ละวาง ไม่สะสม ไม่เพิ่มพูน
    สำรวม, ไม่ได้มันก็ยังดีกว่าส่งเสริมกิเลส สะสมความยึดมั่นถือมั่น

    ~ หลวงพ่อเพียร วิริโย
    วัดป่าหนองกอง จ.อุดรธานี
    (พ.ศ.2469-2552)

    Cr.https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3_%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A2

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “เป็นที่ไป”

    ป่าเปลี่ยว..เป็นที่ไปของฝูงเนื้อ
    กลางหาว..เป็นที่ไปของฝูงนก
    การสิ้นความกำหนัด..เป็นเป้าหมายของธรรมะ
    พระนิพพาน..เป็นที่ไปของพระอรหันต์

    ~ หลวงปู่ศรี มหาวีโร
    (พ.ศ.2460-2555)

    Cr.ภาพ http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%A3-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%87-%E0%B8%88-%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%94.250206/

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “รู้” เท่าทันสังขาร

    สังขาร คือความปรุงแต่ง มันคิดมันปรุงนั้นน่ะเรียก สังขาร
    เรียกว่า “จิตตสังขาร” มันปรุงไปโน้น..มันปรุงไปนี่ อยู่ไม่หยุดหย่อนเรียกว่า สังขาร ให้เรา “รู้” เท่าเรื่องสังขาร

    สังขาร นั่นแหละที่มันทำให้เราหลง
    ทำให้เราหมุนเวียน เกิด แก่ เจ็บ ตาย
    ดังนั้น ท่านจึงให้ตัดสังสารวัฏ

    วัฏฏะ คือ ความหมุนเวียน
    ความหมุนเวียนนั่นแหละ เรียกว่า “สังขาร”

    ตัดออก ไม่ให้มันหมุน ตัดกงกรรมมันเสีย มันจึงจะไม่หมุน
    ถ้ามันไม่หมุนแล้ว มันก็หยุด

    มันเป็นจิตเอกธรรม มันเป็นอันเดียวอยู่สบาย
    รู้แจ่มแจ้งอยู่ตลอดเวลา

    ~ หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล
    วัดป่าสันติกาวาส จ.อุดรธานี
    (พ.ศ.2459-2538)

    ภาพCr.
    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=42448

    -เท่าทันสังขาร.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “แยกใจ”

    ท่านว่า ความเจ็บไม่มีอยู่ที่ใจเรา
    ใจของเราไม่ใช่ความเจ็บ ความเจ็บไม่ใช่ใจเรานะ
    ใจของเรา..ต่างหาก,ความเจ็บ..ต่างหาก
    ใจของเรามีหน้าที่ “รู้” เท่านั้น

    เจ็บ “รู้”
    ปวด “รู้”
    ไม่เจ็บ ไม่ปวดก็ “รู้” นั่นใจของเรา

    น้อมเข้ามาอยู่ในความสงบจิตนั้น..เวทนาจะเข้าไม่ถึงใจเรานั้น
    ให้แยกออกจากกันแบบนี้ ไม่ว่ามันจะเจ็บ จะปวด
    เราก็พยายามแยกออก ให้รู้จักวิธีการแยกใจของเรา

    ~ หลวงปู่จันทร์ กมโล
    วัดป่าสันติกาวาส จ.อุดรธานี

    ภาพ Cr. www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=42448

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    กิเลสเกิดที่จิต
    นิพพานก็เกิดที่จิต
    กิเลสเป็นอกาลิโก
    ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็เป็นอกาลิโกเช่นกัน

    กิเลสไม่ตาย เราตาย
    ผลงานของกิเลสคือ ความทุกข์
    มรดกของกิเลสก็คือ ความทุกข์

    อยู่กับกิเลสอย่างหยาบเหมือนถูกภูเขาทับ
    อยู่กับกิเลสอย่างกลางเหมือนถูกเสี้ยนหนามตำ
    อยู่กับกิเลสอย่างละเอียดเหมือนผงเข้าตา

    -หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    ภาพ Cr.https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5_(%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7_%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%BA%E0%B8%9B%E0%B8%99%E0%B8%BA%E0%B9%82%E0%B8%99)

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    …ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วย ทาน~ศีล~เมตตา และกตัญญู ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดี เท่านั้น…”

    โอวาทธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -คือชี.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ชนะผู้อื่น เขาก็คับแค้นใจ เราก็ไม่สบายใจ ผู้อื่นชนะเรา เราก็คับแค้นใจ เขาก็ไม่สบายใจ แต่ถ้า “ชนะใจ” ได้แล้ว ทุกคนสบาย เขาก็สบาย เราก็สบาย นี่แหละคือวิถีของนักปราชญ์เป็นอย่างนี้ พวกเราส่วนใหญ่ที่ยังเป็นนักปราชญ์กันไม่ได้ เพราะเราต่อสู้กับอารมณ์ของเราไม่ได้ อารมณ์ของเรามักจะมีอําานาจครอบงำใจเรา.

    ธรรมะในศาลา
    วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๐

    PhraSuchart Abhijato
    วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี

    สามารถดาวน์โหลดพระธรรมะเทศนา
    ท่านพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต ได้ที่
    www.kammatthana.com
    www.PhraSuchart.com
    www.facebook.com/PhraAjarnSuchart

    -เขาก็คับแค้น.jpg
    ชนะผู้อื่น เขาก็คับแค้นใจ เราก็ไม่สบายใจ ผู้อื่นชนะเรา เราก็คับแค้นใจ เขาก็ไม่สบายใจ แต่ถ้า “ชนะใจ” ได้แล้ว ทุกคนสบาย เขาก็สบาย เราก็สบาย นี่แหละคือวิถีของนักปราชญ์เป็นอย่างนี้ พวกเราส่วนใหญ่ที่ยังเป็นนักปราชญ์กันไม่ได้ เพราะเราต่อสู้กับอารมณ์ของเราไม่ได้ อารมณ์ของเรามักจะมีอําานาจครอบงำใจเรา.

    ธรรมะในศาลา
    วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๐

    PhraSuchart Abhijato
    วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี

    สามารถดาวน์โหลดพระธรรมะเทศนา
    ท่านพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต ได้ที่
    www.kammatthana.com
    www.PhraSuchart.com
    www.facebook.com/PhraAjarnSuchart

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    วันนี้วันที่ ๓๐ พฤษภาคม เป็นวันคล้ายวันมรณภาพหลวงปู่อุ่น อุตฺตโม พระอริยสงฆ์ผู้อุดมด้วยธรรม ครบรอบ ๓๗ ปี แห่งวัดป่าอุดมรัตนาราม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ใหญ่มั่น ภูริทตฺตเถร รูปหนึ่ง ซึ่งอุปนิสัยท่านเป็นพระพูดน้อย มีคำเทศนาน้อย และเป็นผู้มีนิสัยมักน้อยสันโดษ ไม่ใช้สิ่งของฟุ่มเฟือย ท่านได้สร้างสำนักปฏิบัติธรรมซึ่งครั้งหนึ่ง ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม และท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล เคยมาพำนักจำพรรษาอยู่ โดยได้ตั้งชื่อว่า วัดอุดมรัตนาราม เพื่อให้สอดคล้องกับฉายาของท่าน

    ๏ ชีวประวัติและข้อวัตรปฏิปทาหลวงปู่อุ่น อุตฺตโม พระอริยสงฆ์ผู้อุดมด้วยธรรม วัดป่าอุดมรัตนาราม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร

    ๏ ชาติภูมิ
    “พระครูบริบาลสังฆกิจ” หรือ “หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม” มีนามเดิมว่า อุ่น วงศ์วันดี เกิดเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๕๒ ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๔ ปีระกา ณ บ้านอากาศ ต.อากาศ อ.วานรนิวาส (ปัจจุบันเป็น อ.อากาศอำนวย) จ.สกลนคร โยมบิดาชื่อ นายอุปละ วงศ์วันดี โยมมารดาชื่อ นางบุดดี วงศ์วันดี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๗ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๗

    ๏ ชีวิตปฐมวัยและการศึกษาเบื้องต้น
    ชีวิตในวัยเด็ก ท่านเป็นคนมีสุขภาพร่างกายอ่อนแอ เลี้ยงยาก มักเจ็บป่วยอยู่เสมอๆ จนกระทั่งโยมบิดา-โยมมารดา กลัวว่าจะเลี้ยงไม่โต (คือไม่รอดชีวิต) พอถึงวันพระจะเอาท่านไปนั่งที่หมอน แล้วให้พี่ๆ ที่เป็นผู้หญิงทั้งหมดพากันมากราบ แล้วเอาเท้าของน้องชายลูบศีรษะ ต่อมาภายหลังเมื่อท่านอาพาธเป็นโรคปวดเท้า ท่านเคยปรารภว่า หรือจะเป็นเพราะบาปที่พวกพี่ๆ เคยเอาเท้าของท่านไปลูบศีรษะ

    เมื่ออายุได้ ๘-๙ ปี ท่านเกิดป่วยหนักนอนซมจนโยมบิดา-โยมมารดาคิดว่าคงจะไม่รอดแล้ว จึงเอานวนผ้าฝ้าย (สำลี) มาวางไว้ที่รูจมูกของท่านเพื่อจะดูว่าสำลียังไหวติงอยู่หรือไม่ หากยังไหวติงแสดงว่ายังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ และต่อมาได้พากันนำท่านไปฝากไว้กับญาครูทุม (พระอธิการทุม) เจ้าอาวาสวัดกลาง (ปัจจุบันชื่อวัดกลางพระแก้ว) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของท่านมากนัก (คนอีสานสมัยก่อนการแพทย์ยังไม่เจริญ เวลาเจ็บป่วยต้องอาศัยพระทำพิธีให้) หลังจากนั้นปรากฏว่า อาการป่วยของท่านหายวันหายคืนจนร่างกายแข็งแรงดังเดิม และได้เริ่มเรียนหนังสือกับญาครูทุม (พระอธิการทุม) ที่วัดกลาง (วัดกลางพระแก้ว) นั้น

    ๏ การบรรพชา
    เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๒ อายุ ๑๐ ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดกลาง ต.อากาศ อ.วานรนิวาส (ปัจจุบันเป็น อ.อากาศอำนวย) จ.สกลนคร โดยมีพระอธิการทุม เป็นพระอุปัชฌาย์
    หลังจากบวชเป็นสามเณรแล้ว ท่านได้หัดเรียนอักษรขอม อักษรธรรม พร้อมกับสามเณรแอ่น ครุฑอุทา (ต่อมาได้เป็นพระครูวิรุฬห์ธรรมานุวัตร นามเดิมคือ พระอธิการแอ่น จนฺทสาโร เจ้าคณะอำเภออากาศอำนวย วัดสระแก้วบ้านโคกไม้ล้ม ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) ตลอดถึงท่องบทสวดมนต์น้อย สวดมนต์กลาง สวดมนต์หลวง หลักคัมภีร์สัททาสังคหะตลอดถึงพระปาฏิโมกข์ จนมีความชำนาญ

    ๏ การอุปสมบท
    เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายมหานิกาย ณ พัทธสีมาวัดกลางแห่งเดิม โดยมี พระอธิการมี (ญาครูมี) ปญฺญาณสุโต เป็นพระอุปปัชฌาย์, พระครูวิรุฬห์นวกิจ (ผาง ฐิตสทฺโธ) วัดไตรภูมิ บ้านอากาศ เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระอธิการแก้ว วัดทุ่งบ้านอากาศ เป็นพระกรรมวาจารย์
    จากนั้นได้เดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักของพระอุปัชฌาย์ (ไม่ทราบว่าที่ไหน) จนสามารถสอบนักธรรมตรีได้ แต่ต่อมาได้ลาสิกขา แล้วไปฝากตัวเป็นศิษย์กับ ท่านพระอาจารย์สีลา อิสฺสโร ที่วัดอิสระธรรม บ้านวาใหญ่ ต.วาใหญ่ อ.วานรนิวาส (ปัจจุบันเป็น อ.อากาศอำนวย) จ.สกลนคร

    ๏ ญัตติเป็นธรรมยุติ
    ปี พ.ศ.๒๔๗๓ เมื่ออายุได้ ๒๑ ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุติกานิกาย ณ อุกกุกเขปสีมา (สิมน้ำ) ที่ท่าบ้านร้างกลางลำน้ำยาม โดยมี ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชเวที วัดโพธิสมภรณ์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ และ ท่านพระอาจารย์สีลา อิสฺสโร วัดอิสระธรรม จ.สกลนคร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “อุตฺตโม”

    เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านมาพำนักจำพรรษากับท่านพระอาจารย์สีลา อิสฺสโร เพื่อทำการศึกษาแนวทางการปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ตามแบบอย่างแนวทางของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต เป็นเวลา ๔ ปี ครั้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๗ ได้กราบนมัสการลาพระอาจารย์สีลา มาอยู่กับศึกษากับ ท่านพระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านสามผง ต.สามผง อ.ท่าอุเทน (ปัจจุบันเป็น อ.ศรีสงคราม) จ.นครพนม จำพรรษาติดต่อกันถึง ๓ ปี
    ขณะที่อยู่ที่บ้านสามผงนี้ ท่านได้ศึกษาบาลีไวยกรณ์และแปลธรรมบทด้วย เมื่อถึงฤดูแล้งก็ออกเที่ยวธุดงค์ไปอยู่ที่ภูค้อ เพื่อฝึกหัดอบรมจิตใจตนเองและได้เคยทดลองฉันเจด้วย วันหนึ่ง ขณะที่ท่านเดินจงกรมอยู่ที่วัดโพธิ์ชัยนั้น มีงูใหญ่มานอนขดชูคออยู่ที่หัวทางเดินจงกรมของท่าน เวลาท่านเดินไปถึงหัวทางเดินจงกรม งูนั้นก็จะโน้มหัวลงคล้ายกับเป็นอาการเคารพคารวะ ต่อมาก็เลื้อยหายไป

    คราวหนึ่งที่บ้านโยมคนหนึ่ง ที่บ้านสามผงนั้น ได้เกิดมีน้ำไหลซึมออกมาจากมุมเตาไฟ แล้วครอบครัวนั้นเกิดเจ็บป่วยกันทั้งครอบครัว เวลานั้นที่บ้านสามผงมีพระมหานิกายรูปหนึ่งมีคาถาอาคมแก่กล้า โยมคนนั้นจึงนิมนต์พระมหานิกายรูปนี้มาทำพิธี แต่น้ำก็ยังคงไหลซึมอยู่ จึงได้มานิมนต์หลวงปู่ไปสวดแผ่เมตตาให้ ปรากฏว่าน้ำที่เคยไหลซึมได้แห้งหายไป และทุกคนในครอบครัวนั้นก็หายจากการเจ็บป่วย ทำให้พระมหานิกายรูปนั้นกลัวว่าจะมีคนนับถือหลวงปู่มากกว่า และจะทำให้ลาภสักการะของท่านเสื่อมไป

    วันหนึ่งหลวงปู่ได้รับนิมนต์ให้ไปเทศน์ ๒ ธรรมาสน์กับพระมหานิกายรูปนี้ ปรากฏว่ามีตะขาบตัวใหญ่ไต่เข้ามาใต้ธรรมาสน์ที่หลวงปู่นั่ง ทำให้ท่านเป็นลมล้มลง ต้องพยาบาลกันอยู่นานจึงจะฟื้น นับแต่นั้นมาหลวงปู่ท่านจะมีอาการอาพาธปวดเท้า เท้าบวมขึ้นจนถึงปลีน่อง เป็นๆ หายๆ มาจนตลอดชีวิตของท่าน ท่านบอกว่ามันเป็นกรรมเก่าของท่านที่เคยกระทำต่อกันมาในชาติก่อนๆ ชาตินี้ท่านจะไม่ถือโทษโกรธเคืองพระมหานิกายรูปนี้ จะได้เป็นอโหสิกรรม สิ้นเวรสิ้นกรรมกันเสียที

    หลวงปู่ท่านได้ศึกษาอบรมทั้งด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระกับท่านพระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านสามผง จ.นครพนม เป็นเวลานานถึง ๓ พรรษา แล้วจึงกราบนมัสการลาท่านพระอาจารย์เกิ่ง กลับมาพำนักจำพรรษากับท่านพระอาจารย์สีลา อิสฺสโร ที่วัดอิสระธรรม จ.สกลนคร อีกครั้งหนึ่ง

    นับตั้งแต่วันที่ท่านอุปสมบทเข้ามาในคณะกัมมัฏฐานแล้ว ก็เพียรตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ไม่ยอมให้ความยินดีในอกุศลธรรมฝ่ายต่ำเข้าครอบงำ จนเป็นเหตุให้ล่วงละเมิดสิกขาบทน้อยใหญ่ ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เป็นผู้มีใจเด็ดเดี่ยวในการปฏิบัติกำจัดกิเลส เพื่อมุ่งหวังความหลุดพ้นอย่างแท้จริง อันเป็นผลมาจากการได้รับการอบรมและฝึกฝนทั้งทางด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระ จากท่านพระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก และท่านพระอาจารย์สีลา อิสฺสโร

    อีกทั้งต่อมาเมื่อ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต กลับจากการไปปฏิบัติธรรมในเขต จ.เชียงใหม่ ที่ยาวนานถึงกว่า ๑๐ ปี มาจำพรรษาในเขต จ.สกลนครแล้ว ท่านได้หาโอกาสไปนมัสการและศึกษาธรรมปฏิบัติจากท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต อยู่เสมอ โดยเฉพาะในระยะที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต มาพำนักจำพรรษาที่วัดป่าบ้านหนองผือ หรือวัดป่าภูริทัตตถิราวาส ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๘๘-๒๔๙๒ ซึ่งต้องบุกป่าฝ่าดงเข้าไปอย่างลำบาก โดยบางครั้งต้องใช้เกวียนเพราะท่านมักอาพาธด้วยเท้าบวม จึงเดินมากไม่ค่อยได้ (ทั้งนี้ในบางครั้งท่านได้พา หลวงปู่ผ่าน ปญฺญาปทีโป แห่งวัดป่าประทีปปุญญาราม บ้านเซือม ต.เซือม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร ไปด้วย ซึ่งเวลานั้นหลวงปู่ผ่านพึ่งบวชใหม่เป็นลูกศิษย์อยู่กับท่าน)

    ๏ ข้อวัตรปฏิปทา
    ท่านเป็นผู้พูดน้อย มีคำเทศนาน้อย และเป็นผู้มีนิสัยมักน้อยสันโดษ ไม่ใช้สิ่งของฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะในเรื่องผ้านุ่งผ้าห่ม ท่านจะอธิษฐานใช้เฉพาะผ้าที่จำเป็นเท่านั้น โดยท่านจะใช้สบง จีวร สังฆาฏิ ผ้าอาบน้ำ อย่างละผืน ส่วนอังสะ มี ๒ ผืน เท่านั้น ไม่ปรากฏว่าท่านใช้ผ้าอย่างฟุ่มเฟือยจนกลายเป็นอติเรกจีวรอย่างมากมาย ในส่วนของปัจจัย (คือเงิน) และลาภสักการะอื่น ท่านจะไม่รับไว้เป็นการส่วนตัว แต่จะให้คณะกรรมการของวัดเก็บไว้เป็นกองกลางของวัด ดังนั้นเมื่อท่านมรณภาพจึงไม่มีปัจจัยเป็นของส่วนตัวแม้แต่สักบาทเดียว ในการทำความเพียรของท่าน ถ้าเป็นวันพระหรือวันสำคัญทางศาสนา ท่านจะพาญาติโยมทำความเพียรตลอดคืน เรียกว่าให้สมาทานเนสัชชิกังคธุดงค์ คือไม่นอนตลอดคืน

    หากเป็นวันธรรมดาตอนหัวค่ำหลังจากทำวัตรเย็น ท่านจะพักผ่อนจำวัดเสียก่อน ครั้นพอถึงเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง ท่านจะลุกขึ้นมาทำความเพียร โดยการเดินจงกรม คืนไหนที่ฝนไม่ตกท่านจะเดินอยู่ข้างอุโบสถ ถ้าคืนไหนฝนตกท่านจะเดินที่ศาลา พอถึง ตี ๒ จะเปลี่ยนมานั่งสมาธิ, ตี ๓ จะพักผ่อนอีก, ตี ๔ ลุกขึ้นมานั่งสมาธิจนสว่าง แล้วล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวออกบิณฑบาต
    บางครั้งโรคปวดเท้าของท่านกำเริบขึ้นมาก็ออกบิณฑบาตไม่ได้ เดินจงกรมก็ไม่ได้ ต้องภาวนาด้วยการนั่งและนอนเท่านั้น หากจะเดินไปไหนมาไหนต้องอาศัยลูกศิษย์ช่วยพยุง การได้รับทุกขเวทนาจากอาพาธที่เป็นๆ หายๆ นี้ ทำให้ท่านได้อาศัยทุกขเวทนานี้มาพิจารณาเห็นความจริงของสังขารร่างกาย ว่าเป็นกองทุกข์ ไม่น่ายินดีลุ่มหลง นับว่าเป็นประโยชน์ต่อจิตใจของท่านมาก

    ยามเช้าเวลาไปบิณฑบาต ท่านมักไปไม่ไกล แล้วมากลับมารออยู่ที่วัด ส่วนพระเณรต้องเดินไปไกลประมาณ ๒-๓ กม. เมื่อกลับมาถึงวัดแล้ว พระเณรทุกรูปพร้อมกันทำวัตรเช้า ส่วนหลวงปู่ท่านจะทำเองต่างหาก เมื่อพระเณรทำวัตรเสร็จ กราบพระและกราบท่านแล้ว ญาติโยมจะนำอาหารมาประเคน แจกอาหารแล้วให้พร เมื่อฉันภัตตาหาร ล้างบาตร เช็ดบาตร เก็บสื่อสาดอาสนะปัดกวาดศาลาเสร็จแล้ว พระเณรพากันไปศึกษาพระปริยัติธรรม ส่วนหลวงปู่จะรับแขกอยู่ที่ศาลา จะมีญาติโยมมากราบนมัสการไม่ขาด
    ตอนบ่ายหากไม่มีญาติโยมมากราบ ท่านมักจะพาออกไปที่ลำน้ำยาม ถ้าเป็นหน้าฝนก็จะพาเก็บหน่อไม้ไผ่ป่า เก็บหมากผีพ้วน หมากกล้วยเห็น หมากค้อ หรือพายเรือขึ้นไปหาเก็บเห็ดที่ภูกระแต บ้านแพงน้อย เมื่อกลับมาก็นำสิ่งของเหล่านั้นไปส่งให้แม่ชีที่โรงครัว เพื่อจัดทำเป็นอาหารถวายพระเณรในวันรุ่งขึ้น
    เวลาค่ำจะตีระฆังให้พระเณรมารวมกันทำวัตรเย็น เสร็จแล้วเอาหนังสือวินัยมุข เล่ม ๑ เล่ม ๒ หรือหนังสือต้นบัญญัติมาอ่านให้พระเณรฟัง อบรมข้อวัตรปฏิบัติ จบแล้วแจกเทียนไของค์ละ ๒-๓ เล่ม เพื่อให้ไปจุดอ่านหนังสือ เพราะเวลานั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้เหมือนทุกวันนี้

    และเนื่องจากท่านเป็นพระอุปัชฌายะ เมื่อมีญาติโยมนำลูกหลานมาฝากให้บวช ท่านจะรับไว้และฝึกอบรมให้รู้จักการรักษาวินัย รู้จักการทำข้อวัตรกิจวัตรก่อน ไม่ได้บวชง่ายๆ ต้องอยู่สักเดือนหรือ ๒ เดือน เพื่อท่องขานนาคให้ได้เสียก่อนจึงจะได้บวช การท่องขานนาคก็จะต้องให้ถูกต้องตามอักขระฐานกรณ์อีกด้วย ซึ่งเป็นการทดสอบดูว่าผู้ที่มาบวชมีศรัทธาแน่วแน่แค่ไหน ถ้าศรัทธาไม่แน่วแน่มั่นคงก็จะลาสึกตั้งแต่ยังเป็นนาค

    ถ้าบวชเป็นเณร หลวงปู่ท่านจะรับภาระจัดหาเครื่องบริขารให้ ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ นอกจากผู้ที่จะมาบวชเป็นพระและมีญาติพี่น้องต้องการเป็นเจ้าภาพ จึงให้ทางญาติพี่น้องของผู้จะบวชเป็นผู้จัดการหาเครื่องบริขาร พระเณรที่มาบวชอยู่กับท่าน ท่านจะเอาใจใส่ดูแลแนะนำการปฏิบัติที่ถูกที่ควรไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ให้ความอบอุ่นเสมอภาคกันหมด ตลอดจนอนุเคราะห์สงเคราะห์ทั้งอามิสและธรรมะอย่างเสมอต้องเสมอปลาย ทำให้พระเณรรักและเคารพในเมตตาธรรมของท่านเป็นอย่างยิ่ง

    ๏ การมรณภาพ
    ในปี พ.ศ.๒๕๒๓ ท่านเริ่มอาพาธ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ต.พรรณา อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เมื่ออาการทุเลาจึงได้กลับวัด แต่ก็ยังไม่หายขาด จนถึงเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๓ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๗ หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม ถึงแก่มรณภาพลงในที่สุด เมื่อเวลา ๑๖.๓๐ น. ด้วยอาการสงบ สิริอายุรวม ๗๑ พรรษา ๕๐ เหลือไว้เพียงแต่คุณงามและคำสอนของหลวงปู่ ให้ลูกศิษย์ทุกคนจงทำแต่ความดี

    ภายหลังจากพระราชทานเพลิงศพแล้ว ในปี พ.ศ.๒๕๒๘ แม่ชีบุญฮี พรมเทพ ณ วัดอุดมรัตนาราม พบว่าอัฐิที่เก็บรักษาไว้บูชาด้วยความเคารพ ได้แปรสภาพเป็นพระธาตุ ๒ องค์ มีสัณฐานดังช้างสารหัก มีสีขาวดุจงาช้าง

    และต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๓๗ มีผู้ได้รับผงอังคารของท่านไว้บูชาคนหนึ่ง ได้พบว่าผงอังคารของท่านแปรสภาพเป็นพระธาตุ ๒ องค์ องค์หนึ่งกลมมัน มีสีเทาดำ เหมือนสีของผงอังคาร อีกองค์หนึ่งสีขาวขุ่น ซึ่งในครั้งแรกที่พบไม่แน่ใจว่าจะใช่ผงอังคารแปรเป็นพระธาตุหรือไม่ แต่เมื่อนำไปถวายให้ หลวงปู่คำตัน ฐิตธมฺโม แห่งวัดป่าดานศรีสำราญ ต.ศรีสำราญ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ พิจารณาแล้ว ท่านรับรองว่าเป็นพระธาตุของหลวงปู่อุ่นจริง จึงมีการจัดสร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์เพื่อบรรจุอัฐิธาตุและเก็บรักษาเครื่องบริขารของท่าน ตลอดจนประดิษฐานรูปเหมือน เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายได้กราบไว้สักการบูชา ระลึกถึงพระคุณและพระธรรมคำสอนของท่าน

    อ่านชีวประวัติ และปฏิปทาหลวงปู่อุ่น อุตฺตโม ได้ที่ลิงก์
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=9530

    ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    1504329130_366_วันนี้วันที่-๓๐-พฤษภาคม.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    วันนี้วันที่ ๓๐ พฤษภาคม เป็นวันคล้ายวันมรณภาพหลวงปู่ทา จารุธัมโม “พระอริยสงฆ์ผู้มีธรรมงามพร้อม” ครบ ๑๐ ปี องค์หลวงปู่ทา จารุธัมโม เมื่อสมัยวัยหนุ่มท่านเคยล้มป่วยปางตาย น้าชาย-หญิงของท่านสวดอ้อนวอนพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอให้ท่านหายป่วยและสัญญาว่าถ้าหายป่วยจะให้ท่านบวช จากนั้นก็ให้ท่านภาวนา พุทโธ จนหายเป็นปกติ ทำให้ท่านเชื่อมั่นในพุทธศาสนา ต่อมาหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มี ญาณมุนี พร้อมคณะ เดินทางธุดงค์กรรมฐานมาที่บ้านชีทวน หลวงปู่ทาฟังธรรมะจากหลวงปู่เสาร์ และหลวงปู่มี จึงตั้งจิตขอบวชไม่สึก หลวงปู่มี ญาณมุนี ท่านนำศิษย์ มีและหลวงปู่ทา จารุธัมโม ร่วมเดินทางมาธุดงค์ที่”ถ้ำมืด” หรือถ้ำซับมืด บ้านซับม่วง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และอยู่จำพรรษาที่ถ้ำซับมืด อย่างเรียบง่าย ถือสันโดษ สมถะ เปี่ยมล้นด้วยเมตตา “หลวงปู่ทา จารุธัมโม” ได้ละสังขาร วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๐ รวมสิริอายุ ๙๘ ปี ๖๕ พรรษา

    ธรรมะหลวงปู่ทา จารุธัมโม

    “.. สติตั้งอยู่ที่ใจ ดูอยู่ที่ใจ มองอยู่ที่ใจ เห็นอยู่ที่ใจ เพ่งอยู่ที่ใจ กำหนดอยู่ที่ใจ พิจารนาอยู่ที่ใจ อิริยาบท๔ ยืน เดิน นั่ง นอน สติอันเดียว ก็ไม่หลาย ..”

    “.. สังขารไม่เที่ยง หลีกเลี่ยงเสียให้พ้น อนันตาไม่มีตัวตน อย่ากังวลว่าร่างกาย ..”

    “จะทำมั้ยเล่า..ถ้าทำจริง ก็ได้จริง”

    “สติตั้งอยู่ที่ใจ ดูอยู่ที่ใจ รู้อยู่ที่ใจ”

    หลวงปู่ทา จารุธมฺโม ท่านเกิดในสกุล อารีวงศ์ ในวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๔ ปีระกา ตรงกับวันอังคารที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๒ ที่ตำบลคู่เมือง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ท่านเป็นบุตรของนายลี – นางเขียว อารีวงศ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๙ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๗ น้อง ๒ คนเสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก

    ตอนเป็นเด็กท่านไม่มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือ ต้องช่วยบิดา มารดา เลี้ยงน้อง เลี้ยงควาย บิดา มารดา ของท่านเกิดในตระกูลสัมมาทิฏฐิใสบาตรเข้าวัดฟังธรรมอยู่เป็นประจำ พอท่านอายุได้ ๕ ขวบ โยมมารดาของท่านเสียชีวิต หลังจากนั้นไม่นานนัก โยมบิดาก็เสียชีวิตตามไปอีกคน ท่านต้องเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก ลูกทั้ง ๗ คน ต้องแยกย้ายไปอาศัยอยู่กับญาติผู้ใหญ่ ส่วนท่านไปอยู่กับโยมน้าหญิง ซึ่งท่านเรียกว่า “แม่น้า” ที่อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันแยกเป็นจังหวัดยโสธร) โยมน้าไม่มีลูกจึงรับท่านเป็นบุตรบุญธรรม ให้การเลี้ยงดู ให้ความอบอุ่น เป็นอย่างดี ท่านได้ช่วยโยมน้าทำไร่ ปลูกอ้อย เลี้ยงควาย เมื่อว่างจากหน้าที่การงานทางบ้าน ท่านจะไปอยู่วัดรับใช้พระ

    พอท่านอายุได้ ๒๐ ปี ได้อุปสมบทที่ วัดใหญ่ชีทวน และได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดท่าชีทวน เป็นเวลา ๕ พรรษา แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่มีอาจารย์ผู้สอนอุบายธรรม ท่านจึงได้ลาสิกขาบทเพื่อมาช่วยงานทางบ้าน มีอยู่วันหนึ่ง ท่านและเพื่อนได้ไปตัดต้นชาติ ที่ราวป่าติดลำโดมใหญ่ เพื่อเอาไม้มาทำฮวงหีบอ้อย (เครื่องหีบอ้อย) เพื่อนแต่ละคนแสดงอาการคึกคะนอง และพูดจาไม่สุภาพ ส่วนท่านสำรวมระวังตัวอยู่เสมอ

    หลังจากนั้นไม่นาน เพื่อที่ไปตัดไม้ด้วยกันได้ล้มป่วยและเสียชีวิตไปทีละคนๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนท่านก็ล้มป่วย มีอาการหนักมาก นอนอยู่ที่ระเบียงบ้าน ฝนตกหนัก ฟ้าร้อง ท่านได้ยินเลย โยมแม่น้าได้พูดที่ข้างหูว่า จะตายจริงๆ หรือ และบอกให้ภาวนา “พุทโธ” ภาวนาไปสักระยะหนึ่ง จิตเริ่มสงบ หลังจากนั้น อาการไข้ได้ทุเลาลง และหายไปในที่สุด

    กาลต่อมาคณะพระธุดงส์กรรมฐานมี หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล เป็นหัวหน้าคณะ และมี หลวงปู่มี ญาณมุนี พร้อมคณะได้เดินทางผ่านบ้านชีทวน และปักกลดที่ป่าบ้านชีทวน เพื่อเดินทางต่อไปยังบ้านข่าโคม อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ชาวบ้านชีทวนพอทราบข่าวว่า คณะพระธุดงส์มาปักกลด ตกเย็นหลังจากเสร็จกิจการงานทางบ้าน ชาวบ้านชีทวนได้พากันออกไปฟังธรรม โยมพ่อน้า แม่น้า ก็ออกไปฟังธรรมกับเขา หลวงปู่ทา จารุธมฺโม ได้มีโอกาสติดตามไปด้วย คณะพระธุดงส์ได้ผลัดเปลี่ยนกันแสดงธรรม ท่านได้ฟังธรรมจาก หลวงปู่มี ญาณมุนี เกิดศรัทธาเลื่อมใส ตั้งใจว่า หากได้บวชจะบวชกับพระอาจารย์องค์น

    หลังจากนั้น ราว ๓ ปี ท่านได้กราบลา พ่อน้า แม่น้า ผู้เปรียบเสมือนบิดามารดาคนที่สองของท่าน เพื่อไปฝากตัวเป็นศิษย์ของ หลวงปู่มี ญาณมุนี ท่านได้เดินทางลงไปทำงานที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา ๑ เดือน แล้วจึงย้อนกลับมาหา หลวงปู่มี ญาณมุนี ฝากตัวเป็นศิษย์ ปรนนิบัติรับใช้ หลวงปู่มี ญาณมุนี อยู่ที่เสนาสนะป่าบ้านสูงเนิน ปัจจุบันคือ วัดป่าญาณโสภิตวนาราม

    ตลอดระยะเวลา ๓ ปี ท่านได้ทำกิจวัตร เหมือนพระทุกอย่าง ทำวัตรเช้า – เย็น ตกกลางคืนเดินจงกรมภาวนา ถึง ๖ ทุ่ม จึงขึ้นที่พัก เมื่อ หลวงปู่มี ญาณมุนี เห็นว่าท่านตั้งใจทำกิจวัตรมีกริยามารยาทเรียบร้อย สมควรที่จะบวชได้แล้ว จึงอนุญาตให้บวชได้

    ท่านได้อุปสมบทเมื่ออายุ ๓๔ ปี ในวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๕ เวลา ๑๑.๒๔ น. ณ อุโบสถวัดใหญ่สูงเนิน อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา โดยมี หลวงปู่มี ญาณมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เนียม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการถนอม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายา “จารุธมฺโม” แปลความหมายว่า “ผู้มีธรรมประดุจทอง”

    ด้วยความศรัทธาเลื่อมใสในองค์ หลวงปู่มี ญาณมุนี เป็นอย่างมาก ท่านได้ตั้งใจประพฤติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติตามคำอบรมสั่งสอนของ หลวงปู่มี ญาณมุนี ทุกประการ ท่านว่า ถ้าผู้ใดบวชมาอยู่กับ หลวงปู่มี ญาณมุนี แล้วไม่ตั้งใจ ประพฤติปฏิบัติ หลวงปู่มี ญาณมุนี จะขับออกจากสำนักทันที ท่านอยู่จำพรรษากับ หลวงปู่มี ญาณมุนี ที่เสนาสนะป่าบ้านสูงเนิน เป็นเวลาหลายปี พอออกพรรษาท่านก็เที่ยววิเวกไปตามที่ต่าง ๆ

    ท่านเล่าให้ฟังว่า ในชีวิตของท่าน ท่านกลับบ้านเกิดเพียง ๒ ครั้ง
    ครั้งที่ ๑ ไปเผาศพแม่ใหญ่ (ยายของท่าน)
    ครั้งที่ ๒ ไปเผาศพพี่ชาย

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ หลวงปู่มี ญาณมุนี หลวงพ่อทองพูล จิตปญฺโญ และ หลวงพ่อสุพีร์ สุสญฺญโม ได้ขึ้นไปวิเวกทางภาคเหนือ และอยู่จำพรรษาที่วัดดอยพระเกิ๊ด อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยให้ หลวงปู่ทา จารุธมฺโม อยู่ดูแลวัดป่าสูงเนิน เพื่อคุมงานก่อสร้างศาลาการเปรียญ ช่วงที่ หลวงปู่มี ญาณมุนี เที่ยววิเวกที่เชียงใหม่ หลวงปู่ทา จารุธมฺโม ท่านเข้าออกอยู่ระหว่างวัดป่าสูงเนินกับวัดป่าสระเพลง วัดป่าสระเพลงเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สัปปายะถูกจริตกับท่านมาก

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๖ หลวงปู่ทา จารุธมฺโม ได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำซับมืด ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นป่าดงดิบ ไข้มาเลเรียระบาดหนัก มีสัตว์ป่านานาชนิด เช่น เสือ เก้ง กวาง หมูป่า เป็นต้น พอออกพรรษาท่านได้กลับไปอยู่ที่วัดป่าสูงเนิน เพื่อเตรียมการฉลองศาลาการเปรียญ และท่านได้ขึ้นไปเชียงใหม่ เพื่อกราบนิมนต์ หลวงปู่มี ญาณมุนี ให้มาเป็นประธานฉลองศาลาการเปรียญที่วัดใหญ่สูงเนิน หลังจากจัดงานฉลองศาลาการเปรียญเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลวงปู่มี ญาณมุนี มีความประสงค์จะขึ้นไปเชียงใหม่อีกครั้ง โดยให้ หลวงปู่ทา จารุธมฺโม ติดตามไปด้วย

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ –๒๕๑๑ หลวงปู่มี ญาณมุนี หลวงปู่ทา จารุธมฺโม และ หลวงพ่อสุพีร์ สุสญฺญโม ได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดดอยพระเกิ๊ด อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงปู่ทา จารุธมฺโม ได้เล่าถึง หลวงปู่มี ญาณมุนี ว่าท่านมีเมตตาต่อท่านมาก ท่านว่าไม่ว่าผมไปอยู่ที่ไหน หลวงปู่มี ญาณมุนี จะให้ผมมาอยู่กุฏิใกล้ๆ ท่าน ท่านว่าเวลาเรียกหาจะได้ยิน ส่วนพระรูปอื่นให้แยกกันอยู่ห่างๆ กัน

    ท่านได้เล่าถึงอดีตกรรมของท่านว่า ในคราวที่ท่านไปบำเพ็ญเพียรภาวนาที่วัดป่าโคกมะกอก มีอยู่วันหนึ่งท่านเป็นไข้หนัก โยมมานิมนต์ไปสวดมาติกาบังสุกุล ขณะที่สวดมาติกา อาการไข้ก็หนักอยู่ พอกลับมาถึงกุฏิอาการไข้ก็ไม่ได้ทุเลาลง ท่านจึงนั่งสมาธิ ผินหน้าไปทางหน้าต่าง ภาวนาจนจิตสงบ เกิดนิมิตเห็นควายกับฮวงหีบอ้อย (เครื่องหีบอ้อย) จิตบอกว่า รู้แล้ว รู้แล้ว รู้แล้ว ท่านได้ลุกขึ้นอาเจียนที่หน้าต่าง หลังจากนั้น อาการไข้จึงค่อยทุเลาลง

    ท่านได้ย้อนรำลึก ถึงครั้งเป็นฆาราวาส ท่านเคยบังคับควายให้หีบอ้อย ควายพึ่งกินหญ้ามาใหม่ๆ มันไม่ยอมเดิน ท่านตีบังคับให้มันเดิน เมื่อบังคับมันมากๆ มันอวกหญ้าอ่อนที่เพิ่งกินเข้าไปออกมา ท่านเกิดความสลดสังเวชจึงเลิกบังคับมัน เพราะกรรมนี้เองปรากฏให้เห็นในนิมิต ทำให้ท่านเป็นโรคลม และอาเจียนเป็นประจำ

    ท่านได้เร่งความเพียรอย่างหนัก ที่วัดป่าสระเพลง ถึงเนสัชชิกไม่นอนตลอด ๗ วัน ขณะนั่งสมาธิได้ยินเสียงเหมือนมีใครมาเทศน์อยู่ข้างหลัง เทศน์เรื่อง อริยสัจจ์ ๔ ประมาณ ๑–๒ ชั่วโมง เป็นธรรมะอันลึกซึ้ง ซึ่งท่านไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ท่านจึงนึกถึงคำพูดของ หลวงปู่มี ญาณมุนี ที่เคยกล่าวกับท่านว่า “ให้ภาวนาจนถึงขั้นพระพุทธเจ้ามาเทศน์ให้ฟัง นั่นถึงจะดี” ดังนั้น หลวงปู่ทา จารุธมฺโม ท่านเป็นผู้สืบทอดข้อวัตรปฏิบัติ ปฏิปทา จาก หลวงปู่มี ญาณมุนี ได้มากที่สุด อาจจะพูดได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวก็ว่าได้

    ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ หลวงปู่มี ญาณมุนี ได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำซับมืด โดยมี หลวงปู่ปู่ทา จารุธมฺโม และ หลวงพ่อสุพีร์ สุสญฺญโม ติดตามมาอยู่ด้วย ตั้งแต่นั้นมา หลวงปู่ปู่ทา จารุธมฺโม ท่านก็ไม่เคยไปจำพรรษาที่ไหนอีกเลย

    ถึงแม้หลังจาก หลวงปู่มี ญาณมุนี จะได้มรณภาพไปแล้วก็ตาม ท่านก็ได้อยู่จำพรรษากับ หลวงพ่อสุพีร์ สุสญฺญโม อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ด้วยการทำให้ดู เป็นอยู่ให้เห็น ฉันน้อย นอนน้อย ปฏิบัติให้มาก ท่านครองสมณเพศ อย่างเรียบง่านสมถะ ถือสันโดษ เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใส ของพระภิกษุ สามเณร ตลอดจนสาธุชนทั่วไป รวมทั้งมีพระกรรมฐาน ทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต ได้มาอยู่ร่วมกับท่าน ปฏิบัติตามธรรมวินัย อยู่ร่วมกันอย่างเย็นใจตลอดมา

    ตลอดระยะเวลา ๔–๕ ปี ก่อนท่านมรณภาพ การอาพาธก็บ่อยขึ้น แต่ท่านก็ไม่พึงปรารถนาที่จะไปหาหมอ หรือเข้าพักรักษาที่โรงพยาบาลแต่อย่างใดเลย มีอนุโลมบ้างตามคำขอของลูกศิษย์ในบางครั้ง ท่านพูดเสมอว่า หมอเข้าก็รักษาตามหน้าที่ของเขา เราก็ดู เราก็รู้ของเราอยู่เสมอ แม้อาพาธจะรุมเร้า ท่านยังรักษาปฏิปทา ปฏิบัติศาสนกิจได้เป็นอย่างดี เมตตาต่อลูกศิษย์อย่างไม่มีประมาณ

    ท่านพูดเสมอว่าท่านจะตายที่นี่ (กฏิของท่าน) ต่อมาเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๐ ท่านได้ละสังขารด้วยอาการสงบ ที่กุฏิอันเป็นที่พักประจำของท่าน เข้าสมาธิแบบสงบนิ่ง ไม่มีอาการขึ้นลงทางธาตุขันธ์ ตรงกับเวลา ๒๑.๓๙ น. รวมสิริอายุ ๙๘ ปี พรรษา ๖๕

    ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่พระโอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -๓๐-พฤษภาคม.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เขารัก เขาชัง ช่างเขา แต่เราต้องทำความดี
    วิธีสร้างความดีที่ง่ายที่สุดคือ “หยุด”
    .
    หลวงปู่ขาว อนาลโย

    ..กราบขอบพระคุณเจ้าของภาพและธรรมบรรยายค่ะ..

    -เขาชัง-ช่างเขา-แต.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    วันนี้วันที่ ๑ มิถุนายน เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่เผย วิริโย “สมณะผู้มีความพากเพียรเป็นที่ตั้ง” เจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๘๖ ปี ลูกหลานขออาราธนาอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ขอให้หลวงปู่เผย วิริโย มีธาตุขันธ์แข็งแรงอยู่เป็นร่มโพธิธรรมสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาสืบนานเท่านานเทอญ

    กรรมอันใดที่ลูกหลานเคยประมาทพลาดพลั้งไปด้วยกายวาจาใจ ขอหลวงปู่ โปรดงดโทษล่วงเกินเหล่านั้นด้วยเทอญ

    ธรรมอันใดที่องค์หลวงปู่ได้รู้แจ้งเห็นจริง ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบไว้แล้ว ลูกหลานขออนุโมทนาบุญขอให้ได้มีส่วนแห่งบุญและธรรมนั้นๆ และได้มีโอกาสได้รู้ธรรมเห็นธรรมนั้นด้วยเทอญ

    ขอเชิญร่วมงานมุทิตาสักการะ ๘๖ ปี บูชาคุณหลวงปู่เผย วิริโย ณ วัดถ้ำผาปู่ ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย

    กำหนดการ
    วันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๐
    เวลา ๑๙.๐๐ น. พระภิกษุสงฆ์สวดเจริญพุทธมนต์
    เวลา ๒๐.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนา

    วันอาทิตย์ที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๐
    เวลา ๐๗.๐๐ น. พระภิกษุสงฆ์ออกรับบิณฑบาต
    เวลา ๐๘.๐๐ น. ถวายภัตตาหารพระภิกษุสงฆ์
    เป็นเสร็จพิธี

    ท่านพระอาจารย์อำนวย กันตจาโร วัดป่าท่าสวย จ.เลย ได้เปิดโรงทานจัดถวายภัตตาหารและกาแฟสดถวายพ่อแม่ครูอาจารย์และพระสงฆ์ ตลอดจนอุบาสก อุบาสิกา ที่มาร่วมงานบุญมุทิตาสักการะฯ ในครั้งนี้ ท่านผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบุญโรงทานได้โดยโอนเข้าบัญชี ธนาคารไทยพานิชย์ ชื่อบัญชี พระอำนวย พร้องเพ็ง บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ ๕๒๘-๒๔๕-๑๕๖๔ โรงทานมีในวันที่ ๓-๔ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลย ขออนุโมทนาบุญท่านผู้มีกุศลเจตนากับทุกท่านนะครับ

    หลวงปู่เผย วิริโย ท่านถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๔ ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะแม ที่จ.เลย ท่านเป็นบุตรของนายจุ่น ดวงศรี กับนางฟอง ดวงศรี มีพี่น้องทั้งหมด ๗ คน หวงปู่เผย เป็นลูกคนสุดท้อง ท่านมีอาชีพเป็นชาวไร่ มีนิสัยจิตใจฝักใฝ่ในการปฏิบัติธรรมอยู่ไม่น้อย วันหนึ่งท่านได้เดินทางไปฟังธรรมของหลวงปู่คำดี ปภาโส ก่อให้เกิดศรัทธา ภายหลังจึงมาถือเป็นผ้าขาว ศึกษาข้อวัตร กิจวัตร และท่องบทขานนาค จนคล่องแล้ว จึงได้บวชเป็นพระภิกษุในเวลาต่อมา

    หลวงปู่เผย เล่าว่า.. “ก็คิดดูแล้วว่าความเป็นอยู่ของเราเป็นคนอาภัพตั้งแต่เด็ก เกือบแล้วเกือบไม่ได้มาเป็นอย่างนี้ มันก็คิดอยู่เหมือนกันว่า ถ้าหลวงปู่คำดี ปภาโส ไม่ได้มาโปรดแล้ว ไม่รู้จะเป็นอย่างไร บังเอิญมีสิ่งดลบันดาลให้ท่านมา ความจริงเรื่องทำสมาธิมีความตั้งใจตั้งแต่เป็นโยมมาแล้ว ตั้งแต่ไปทำไร่ที่ภูเขา ก็ได้นิมิตต่าง ๆ มาเหมือนกัน โดยมันเกิดขึ้นมาเอง พอได้ยินได้ฟังเทศน์ของหลวงปู่คำดี ปภาโส ท่านก็เกิดศรัทธา แต่นิสัยคนพาลก็มีอยู่ นิสัยเดิม ๆ ก็มีอยู่ ตั้งแต่อดีตชาติก็มี แต่ก็ไม่ได้เอามาคิด เราดูปัจจุบันนี้ ดูผลการกระทำในปัจจุบันเท่านั้น เอาอันนี้มาตัดบท..”

    ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๙ เวลา ๑๔.๐๕ น. ณ วัดศรีสุทธาวาส ต.เมือง จ.เลย โดยมีพระอดิสัยคุณาธาร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พรหมมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาทางพุทธศาสนาว่า “วิริโย” อันมีความหมายว่า “ผู้มีความพากเพียร”

    เมื่อบวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านก็เคร่งครัดตามคำสั่งคำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ ไม่เคยดันทุรัง ดื้อรั้น เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน คอยรับใช้อุปัฏฐากหลวงปู่คำดี ปภาโส ตั้งแต่วันบวช จนถึงวันที่หลวงปู่คำดี ปภาโส นิพพาน ท่านมีความเคารพศรัทธาต่อองค์หลวงปู่คำดี ปภาโส มาก ถือเอาปฏิปทาของหลวงปู่คำดี ปภาโสเป็นแบบอย่าง ท่านมีอุปนิสัยสันโดษ ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก สนใจแต่การทำความสงบภายในจิตใจของท่านเองเท่านั้น

    “..คนทุกวันนี้ ไม่รู้จักหลบจักหลีก หาแต่สมบัติภายนอก ไม่ยอมหาสมบัติภายใน มาใส่จิตใส่ใจของตนเอง..” โอวาทธรรมหลวงปู่เผย วิริโย

    ๑ มิถุนายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -๑-มิถุนายน.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    หลักการมีอยู่ว่า
    ศีลอบรมสมาธิ
    สมาธิอบรมปัญญา
    ปัญญาอบรมจิต
    ถ้าความรู้หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดมาถี่ยิบเท่าไร จิตดวงนี้
    ยิ่งใสสะอาดยิ่งขึ้นเท่านั้น มีพลังแรงกล้าขึ้นเท่านั้น

    ที่มา หนังสือ ธรรมปฏิบัติและตอบปัญหาการปฏิบัติธรรม โดยพระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) หน้า ๒๒๖

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐมพุทธเจ้า

    ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “ไม่พึงกล่าวธรรมเพื่อต้องการทรัพย์”

    บรรพชิตไม่ควรพยายามในบาปกรรมทั่วไป
    ไม่ควรเป็นคนใช้ของผู้อื่น
    ไม่ควรอาศัยผู้อื่นเป็นอยู่
    ไม่ควรแสดงธรรมเพื่อประโยชน์แต่ทรัพย์นั้นๆ ฯ

    ที่มา พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ ปฏิสัลลานสูตรที่ ๒

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาท เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐

    “สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนเราทั้งหลายไว้ว่า “ปญฺญา โลกสฺมึ ปชฺโชโต” ความว่า “ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก” แม้ปัญญาในทางโลกมีความสำคัญ แต่ปัญญาที่มีความสำคัญยิ่งกว่า คือ ปัญญาในทางธรรมอันเกิดจากการอบรมจิตภาวนา จนเกิดความสามารถหยั่งรู้สภาพความเป็นจริงของชีวิต เป็นปัญญาที่ทำให้เกิดการดับทุกข์ ทำให้ชีวิตหลุดพ้นจากการเวียนอยู่ในกองทุกข์ ประเสริฐยิงกว่าประดิษฐกรรมใดๆ ในทางโลก”

    1504327574_368_สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ่วยกันสร้างเจดีย์ของ_หลวงปู่หลุย_จันทสาโร

    หลวงปู่สำลี สุทธจิตโต วัดถ้ำคูหาวารี อ.วังสะพุง จ.เลย
    (ศิษย์อุปัฏฐากองค์ท่านหลวงปู่หลุย จันทสาโร)

    ท่านถูกกลุ่มมิจฉาชีพมาหลอกท่านเรื่องจะช่วยสร้างพระเจดีย์จันทสาโรนุสรณ์ โดยให้ท่านไปเบิกเงินที่ท่านเก็บรวบรวมไว้จากกิจนิมนต์ 170,000 บาท เอาไปหมด

    (ซึ่งตอนนี้ท่านก็อาพาธเพลียไม่มีแรง แต่ท่านออกรับกิจนิมนต์เพื่อต้องการปัจจัยมาทำพระเจดีย์ฯ ให้สำเร็จ)

    จึงขออนุญาตบอกบุญญาติธรรม กัลยาณมิตร มาช่วยหลวงปู่กันนะครับ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบุญได้ที่

    ธนาคารกรุงไทย สาขาวังสะพุง
    ชื่อบัญชี วัดถ้ำคูหาวารี
    เลขที่ 981-4-47750-8 ออมทรัพย์

    ขออนุโมทนาบุญมา ณ โอกาสนี้อย่างยิ่งนะครับ — ที่ วัดถ้ำคูหาวารี บ้านซำนกจิบ ตำบลโคกขมิ้น อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

    (ข้อมูลจากคุณ Niti Wattana)

    _.jpg
    1504327455_478_ช่วยกันสร้างเจดีย์ของ_.jpg
    1504327455_894_ช่วยกันสร้างเจดีย์ของ_.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    นรก_สวรรค์_พรหมโลก_นิพพาน
    เราเองเป็นผู้สร้างกรุยหมายหนทางไป

    • มหันตทุกข์ในมหาอเวจีนรก เราต่างเป็นผู้สร้างทางไป
    • ความสุขอันเป็นทิพย์ในสวรรค์ เราก็เป็นผู้สร้างทางไป
    • บรมสุขอันสูงสุดไร้ทุกข์ในพระนิพพาน เราคือผู้สร้างทางไป

    _สวรรค์_พรหมโลก_นิพพา.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...