ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร(ภาพประกอบเป็นรูปหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)

    ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    1511124163_627_พระอาจารย์วรงคต-วิริยธโ.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…โลกนี้ไม่มีใครรักเอ็งได้ทุกคนหรอก มันก็มีชอบไม่ชอบ เอ็งทำให้ทุกคนรักเอ็งได้ทั้งหมดไหมล่ะ ฉะนั้นเวลาที่โดนคนอื่นไม่ชอบ นินทาว่าร้าย เอ็งต้องดีใจ ที่เค้าสนใจเอ็ง ที่เค้าคิดถึงเอ็ง เมื่อไหร่ที่เค้าเลิกนินทาว่าร้าย ก็แสดงว่าหมดกรรมต่อกัน…”

    พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร(หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ)

    ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เคยกล่าวไว้ว่า….

    “” ….ไฟไหม้ข้างบ้าน เราก็ร้อนด้วย …””

    ภาพนี้ถูกถ่ายขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ ที่สำนักสงฆ์พรหมปัญโญ หรือวัดถ้ำเมืองนะ ลงหนังสือกายสิทธ์

    ….ของจริงเขาก็มีของไม่จริงแต่เขาสร้างด้วยศรัทธา ถ้าคุณมีศรัทธาพลังย่อมเกิดแก่คุณ ของที่มีไม่จริง ของจริงเขามี ถ้ายังไม่จริง ก็ยังไม่มี….

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    23621395_1541312035951294_8187376502415579677_n.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ภูติพระเจ้า – พุทธนิมิต โดยหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    “….หลวงปู่ท่านศึกษาเรื่องพลังงานของ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ถึงแม้ว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพานไปนานแล้ว ก็ยังมีพลังงานเหล่านี้อยู่ ส่วนในเรื่องข้อขัดแย้งระหว่างหลวงปู่กับอาจารย์ เฮง ไพรวัลย์ ซึ่งเป็นอาจารย์หลวงปู่สี วัดสะแก อาจารย์เฮงจะทำในด้านเกี่ยวกับพรหม คือจะเชื่อว่าพรหมยังมี แต่ในขณะเดียวกันจะถือว่า พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์พอเข้านิพพานแล้ว ก็สูญ ไม่มีตัว ไม่มีตน ไม่มีพลังเหลือ หลวงปู่จึงถามท่านว่า อาจารย์เคยไปพระปฐมเจดีย์แล้วเห็นพระธาตุเสด็จหรือเปล่า ท่านก็บอกว่าอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย คือสมัยที่เป็นเสือป่าตามเสด็จรัชกาลที่ ๖ เมื่อครั้งยังเป็นพระบรมโอรสาธิราช ในคืนนั้นพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าเสด็จ ออกจากพระปฐมเจดีย์ ระยะหนึ่งแล้วกลับมาโดยมีรัศมีสีเขียวเป็นลูกกลมเท่าผลส้มเกลี้ยง ซึ้งในครั้งนั้นรัชกาลที่ ๖ พร้อมทั้งข้าราชบริพารที่ตามเสด็จก็เห็นทั่วกัน พระองค์จึงมีพระราชหัตถเลขาไปถึงพระราชบิดา หรือพระพุทธเจ้าหลวง โดยทรงอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ว่า “อาจเกิดจากสารเรืองแสง แต่ทรงมีข้อสงสัยว่า น่าจะเกิดขึ้นหลังฝนตก แต่การเสด็จของพระธาตุนั้น เกิดในขณะที่ฟ้าโปร่ง ” รัชการที่ ๕ ได้มีพระราชหัตถเลขาตอบมาว่า ” ไม่ต้องสงสัยในเรื่องนี้ เพราะพระองค์พร้อมทั้งข้าราชบริพารได้เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของพุทธานุภาพ คือเป็นบารมีของบรมสารีริกธาตุนั่นเอง ” ตรงนี้อาจารย์เฮงก็บอกว่า ตนเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้น หลวงปู่จึงบอกว่า “ถ้าพระธาตุหรือพระบรมสารีริกธาตุ เคลื่อนที่ไปได้ก็แปลว่า จะต้องมีพลังงานขับเคลื่อน ซึ่งพลังและบารมีนี้ก็แสดงว่าไม่ได้สูญหายไปไหน ” หลวงปู่ยังกล่าวต่อว่า “กระดูกคนตายหลายร้อยหลายพันราย เห็นทิ้งกันเกลื่อนกลาดดาษดื่น ถ้าภูตพระเจ้าหมดไปแล้ว พระบรมธาตุจะเสด็จไปได้อย่างไร”อาจารย์เฮงนั่งเงียบ ไม่สามารถจะหาข้อโต้แย้งกับหลวงปู่ได้เพราะที่พระธาตุเสด็จ ก็เสด็จไปด้วยอำนาจของภูติเหล่านี้ คาถาภูติพระเจ้า พุทธะสัง วิหะรัตตัง ปุญยังวะทามิ….”

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -พุทธนิมิต-โ.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…เมื่อสิ้นภัทรกัปนี้แล้ว จะไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้อีกเลยถึง”อสงไขยกัป…”

    “……ภควา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสเทศนาแก่พระสารีบุตรสืบต่อไปว่า ในกาลเมื่อพระพุทธศาสนา แห่งองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยเสื่อมสูญสิ้นแล้ว อันว่าประทีปแก้ว คือพระสัทธรรมนั้น ก็สูญสิ้น ฝูงสัตว์ทั้งหลายก็มืดมัวไม่รู้จักบาปและบุญ คุณและโทษ ประโยชน์และไม่ประโยชน์ ประการใด จนถึงไฟประลัยโลกล้างวินาศฉิบหายสิ้นทั้งแสนโกฏิจักรวาล เพลิงประลัยกัลป์เกิดขึ้นไหม้แผ่นดินภัทรกัปอันนี้ฉิบหายหมดแล้ว สิ้นกาลช้านาน จึงบังเกิดแผ่นดินใหม่ขึ้นมา มีมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายบังเกิดมีมาสำหรับแผ่นดิน ก็มีมาเสียเปล่า กัปป์แผ่นดินที่มีมาในเบื้องหน้านั้นเป็นสุญญกัปนับได้อสงไขยแผ่นดิน จะได้มีสมเด็จพระพุทธเจ้า ปัจเจกพุทธเจ้า และพระยาจักรผู้ประเสริฐบังเกิดมีมานั้นหามิได้ จึงมีนามว่าสุญญกัปป์ เกิดมีแต่มนุษย์ทั้งหลายหาบุณหาวาสนาบารมีมิได้ฯ เมื่อแผ่นดินเกิดขึ้นมา สูญเสียจากท่านผู้ทรงพระคุณแล้ว ฉิบหายไปด้วยไฟ ด้วยน้ำ ด้วยลม แล้วเกิดขึ้นใหม่อีกเล่าจนถ้วนอสงไขย แผ่นดินล่วงลับไปนับด้วยอสงไขยแผ่นดินแล้วฯ

    ในกาลนั้น บังเกิดแผ่นดินขึ้นมาใหม่เรียกชื่อว่ามัณฑกัปป์ พระพุทธเจ้าจักได้บังเกิด ๒ พระองค์ คือ – พระรามโพธิสัตว์ ๑ – พระเจ้าปเสนทิโกศล ๑….”

    ที่มา: ตำราอนาคตวงศ์

    เวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้าเลยยุคสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย
    ก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนานแสนนาน กว่าจะมีพระพุทธเจ้าพระองค์ใหม่มาตรัสรู้

    ศาสนาขององค์ปัจจุบันเองก็จักตั้งอยู่ ๕,๐๐๐ ปี ปัจจุบัน ก็กึ่งพุทธกาล กว่าแล้ว เวลาเหลือไม่มาก

    หลวงปู่ดู่(พรหมปัญโญ) ท่านสอนว่าให้เร่งปฎิบัติ ได้เกิดมาพบเจอพระพุทธศาสนาถือว่าโชคดีที่สุด

    ปฎิบัติภาวนากันไว้อย่างน้อยถ้าท่านไม่ได้ นิพพานในศาสนาองค์ปัจจุบัน กำหนดหลวงปู่เวลาปฎิบัติ ตายไปขอให้ได้ขึ้นพรหมหรือสวรรค์ก็ยังดีเพื่อที่จะได้ ทันศาสนายุคของ สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย อย่า่ลืมดูจิต ดูตัวจิตเราให้ลด โลภะ โมหะ โทสะ ด้วย หมั่นทำจิตใจให้ผ่องใส ทรงพรหมวิหารให้เป็นนิสัย

    ถ้าพลาดลงนรกนี้ ไม่ทัน ยุคของ สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยแน่ๆ เพราะถ้าได้ลงแล้วแค่ขุมแรกก็เป็นเวลานับได้หลายล้านปีโลกมนุษย์เลยละ

    เสริมความรู้ กัป กัลป์ และอสงไขย คือ…

    การนับกาลเวลามี ๒ แบบ คือ แบบที่นับเป็นตัวเลข ๑ ๒ ๓ …. เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เรียกว่านับเป็นตัวเลขสังขยา คือ ตัวเลขที่นับได้ ถ้ามากเกินจะนับไหวแล้ว ก็จะเปลี่ยนมานับโดยการอุปมา คือการเปรียบเทียบเอา

    แล้วตัวเลขแค่ไหนล่ะที่นับไม่ได้ เราจะนับกันสูงสุดแค่ไหน ตัวเลขที่กำหนดว่าไม่นับแล้ว เลิกนับแบบสังขยากันดีกว่า คือ ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๑๔๐ ตัว ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดที่นับกัน ถ้าเกินไปกว่านี้ พระพรหมก็เบือนหน้าหนีแล้ว จำนวนที่เกินจาก ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๑๔๐ ตัว จึงเรียกว่าเป็นจำนวน อสังขยา หรือ อสงไขยนั่นเอง

    กาลเวลาทางพุทธศาสนาที่พบเจอกันบ่อยๆ ก็คือ

    ๑. กัป
    ๒. อสงไขยปี
    ๓. รอบอสงไขย
    ๔. อันตรกัป
    ๕. อสงไขยกัป
    ๖. มหากัป
    ๗. อสงไขย
    ๘. พุทธันดร

    กัป

    ในความหมายแรก หมายถึงอายุกัป คือระยะเวลาที่เท่ากับอายุเฉลี่ยของมนุษย์ยุคนั้น ซึ่งผันแปรตั้งแต่ ๑๐ – อสงไขยปี สมัยพุทธกาล อายุกัปเท่ากับ ๑๐๐ ปี ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้บำเพ็ญอิทธิบาท ๔ สามารถมีอายุอยู่ได้ตลอดกัป ก็หมายถึงมีอายุอยู่ได้ ๑๐๐ ปี นั่นเอง และเนื่องจากตอนนี้อยู่ในช่วงอายุขาลง ทุก ๑๐๐ ปี อายุมนุษย์จะลดลง ๑ ปี ปัจจุปัน อายุกัปของเราจึงเหลืออยู่เพียง ๗๕ ปีเท่านั้น คำว่ากัป หรือกัปป์ หรือกัปปะ เป็นภาษาบาลี ส่วนภาษาสันสกฤติใช้คำว่า กัลป์ สรุปแล้ว กัป กับ กัลป์ ก็คือตัวเดียวกันนั่นเอง

    อสงไขยปี

    ก็คือ จำนวนปีที่ขึ้นต้นด้วย ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๑๔๐ ปีนั่นเอง ตัวเลขนี้เป็นอายุของมนุษย์ยุคสร้างโลก เมื่อโลกเกิดขึ้นใหม่ พระพรหมที่หมดอายุก็จุติมาอุบัติเป็นสัตว์โลกผู้มีจิตประภัสสร ลอยไปลอยมาในอากาศได้ มีอาหารเป็นทิพย์ มีศีลธรรมดีดุจพระพรหม อายุจึงยืนยาวถึงอสงไขยหนึ่ง

    รอบอสงไขย

    ต่อมามนุษย์เริ่มไปกินง้วนดินเข้า จิตก็เริ่มหยาบ กายก็เริ่มหยาบ กิเลสก็พอกหนา เหาะไม่ได้ กลายเป็นมนุษย์เดินดิน อายุก็ค่อยๆ ลดลง ทุก ๑๐๐ ปี ลดลง ๑ ปี จนเหลือแค่ ๑๐ ปี ยุคนั้นก็เป็นยุคมิคสัญญี มนุษย์ฆ่าฟันกันเหมือนผักปลา ศีลธรรมก็ไม่มี พอฆ่ากันตายเกือบหมดโลก พวกที่เหลือสังเวชใจ เริ่มรักษาศีลกันอีกครั้ง อายุก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ทุก ๑๐๐ ปี ก็เพิ่มขึ้น ๑ ปี จนกลับไปยืนยาวถึงอสงไขยปีอีกครั้ง เวลาทั้งหมดนี้ เรียกว่ารอบอสงไขย

    อันตรกัป

    ก็คือ ๑ รอบอสงไขยนั่นเอง

    อสงไขยกัป

    โลกนี้มีเกิดดับเป็นวัฏจักร รอบหนึ่งใช้เวลาทั้งสิ้น ๒๕๖ อันตรกัป คือ

    ๑ โลกกำลังถูกทำลาย อาจโดนไฟประลัยกัปเผา หรือน้ำประลัยกัปตกกระหน่ำ หรือลมประลัยกัปพัดทำลาย ทุกสรรพสิ่งจะถูกทำลายย่อยยับไม่มีเหลือเลย ทำลายตั้งแต่มหานรกขึ้นไปถึงพรหมอีกหลายชั้น ใช้เวลาทำลายทั้งสิ้น ๖๔ อันตรกัป หรือเรียกว่า ๑ อสงไขยกัป โดยมีชื่อเฉพาะว่า สังวัฏฏอสงไขยกัป

    ๒ จากนั้นทุกอย่างก็ว่างเปล่า มืดมิด ไม่มีอะไรเลย เป็นเวลาอีก ๖๔ อันตรกัป หรือเรียกว่า ๑ อสงไขยกัป โดยมีชื่อเรียกเฉพาะว่า สังวัฏฏฐายีอสงไขยกัป

    ๓ จากนั้นโลกก็จะเริ่มก่อตัวขึ้นมาใหม่ มีผืนน้ำ มีแผ่นดิน รวมเวลาอีก ๖๔ อันตรกัป หรือเรียกว่า ๑ อสงไขยกัป โดยมีชื่อเรียกเฉพาะว่า วิวัฏฏอสงไขยกัป

    ๔ จากนั้นโลกจึงมนุษย์และสัตว์อาศัยอยู่ได้ เป็นเวลาอีก ๖๔ อันตรกัป หรือเรียกว่า ๑ อสงไขยกัป โดยมีชื่อเรียกเฉพาะว่า วิวัฏฏฐายีอสงไขยกัป

    มหากัป

    คือเวลา ๑ รอบวัฏจักรการแตกดับของโลก หรือเท่ากับ ๒๕๖ อันตรกัป
    ๑ มหากัป อุปมาว่ามีพื้นที่ขนาดกว้าง ๑ โยชน์ ยาว ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ บรรจุเมล็ดพันธุ์ผักกาดไว้เต็ม ทุก ๑๐๐ ปีก็มาหยิบเมล็ดผักกาดออกเมล็ดหนึ่ง แม้จะหยิบเมล็ดผักกาดออกหมดแล้วก็ยังไม่นานเท่า ๑ มหากัป
    คำว่ามหากัป มักเรียกสั้นๆ ว่า กัป

    อสงไขย

    คงเคยได้ยินคำว่า ๔ อสงไขยกำไรแสนกัป คำว่าอสงไขยในที่นี้หมายถึงระยะยาวนานมาก นับเป็นจำนวนกัปแล้วยังนับไม่ได้ คือจำนวนกัปมากกว่า ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๑๔๐ ตัวเสียอีก ๔ อสงไขยกำไรแสนกัป ก็คือระยะเวลาที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีในช่วงปรมัตถ์ ก่อนจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน

    พุทธันดร

    คือระยะเวลาตั้งแต่พระพุทธเจ้าองค์หนึ่งตรัสรู้ จนกระทั่งถึงพระพุทธเจ้าองค์ต่อปมาตรัสรู้ เรียกว่า ๑ พุทธันดร พุทธันดรของพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ยาวไม่เท่ากัน ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันเราอยู่ในอันตรกัปที่ ๑๒ และพระศรีอาริยเมตไตรยจะมาตรัสรู้ในอันตรกัปที่ ๑๓ จากนั้นไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เลยนานถึงอสงไขยหนึ่ง ดังนั้น ๑ พุทธันดรของพระสมณโคดมพุทธเจ้าจึงยาวนานแค่ ๑ อันตรกัป ส่วน ๑ พุทธันดรของพระศรีอาริยเมตไตรยยาวนานถึงอสงไขยหนึ่ง

    ระยะเวลาช่างยาวนาน แต่สัตว์โลกก็ยังคงวนเวียนเวียนว่ายตายเกิด ชั่วกัปชั่วกัลป์ เมื่อใดพบพระธรรมแล้วจึงอย่าได้ประมาทพากันสั่งสมบุญบารมี ภาวนาปฎิบัติ เพื่อถึงซึ่งพระนิพพานโดยพลัน ออกจากวงจรแห่งความทุกข์ที่ไม่จบไม่สิ้นนี้เสียเทิอญ…

    ที่มา : ตำราอนาคตวงศ์ และโอวาทธรรมหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg
    1511105860_978_เมื่อสิ้นภัทรกัปนี้แล.jpg
    1511105861_741_เมื่อสิ้นภัทรกัปนี้แล.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ทุกข์เกิดจากสิ่งที่อยากได้ ดิ้นรนแสวงหา.เมื่อมีสุขก็เกิดจากทุกข์ที่เราดิ้นรนหามาได้ จึงมีทั้งทุกข์และสุขเป็นของคู่กัน…”

    โอวาทธรรมพระอาจารย์สุนทร ฐิติโก วัดป่าหลวงตามหาบัวธรรมเจดีย์(วัดป่าภูหินร้อยก้อน) จ.อุดรธานี

    ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    23622192_1541355159280315_2782702413082118629_n.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “บารมี ๑๐ ประการสำหรับพุทธสาวก”

    (โอวาทธรรม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    บารมี แปลว่า “เต็ม” ซึ่งหมายถึง “การทำให้กำลังใจเต็ม ทรงอยู่ในใจให้เต็มครบถ้วนบริบูรณ์ ไม่บกพร่องทั้ง ๑๐ ประการ”

    ๑. ทานบารมี จิตพร้อมในการให้ทานเป็นปกติ
    ๒. ศีลบารมี จิตพร้อมในการทรงศีลเป็นปกติ
    ๓. เนกขัมมะบารมี จิตพร้อมในการถือบวชเป็นปกติ ในที่นี้หมายถึงบวชใจ
    ๔. ปัญญาบารมี จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหารอุปาทานให้พังพินาศไป
    ๕. วิริยะบารมี มีความเพียรในทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ
    ๖. ขันติบารมี มีความอดทน อดกลั้นต่อสิ่งอันเป็นปฏิปักษ์
    ๗. สัจจะบารมี ทรงตัวไว้ว่าเราจะทำจริงทุกอย่างในด้านของการทำความดี ไม่มีคำไม่จริงสำหรับใจเรา
    ๘. อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ
    ๙. เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น
    ๑๐. อุเบกขาบารมี การวางเฉยในกาย เมื่อมันไม่ทรงตัว

    องค์สมเด็จพระสวัสดิโสภาคย์ได้แสดงกฎของการปลดทุกข์ คือ ปลดอารมณ์แห่งความทุกข์ สร้างอารมณ์ความสุขให้เกิดขึ้นกับใจ มีอยู่ ๑๐ อย่าง ด้วยกันตามที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น คำว่า “บารมี” นี่แปลว่า เต็ม เมื่อเต็มแล้วก็ต้องเต็มจริงๆ เป็นอันว่าถ้าบารมีทั้ง ๑๐ ประการนี้เต็มครบถ้วนบริบูรณ์ ที่เรียกว่า ปรมัตถบารมี สำหรับพระสาวกนะ ไม่ใช่อันดับขั้นพระพุทธเจ้า สำหรับขั้นพระสาวกนี้ใช้อารมณ์ต่ำ อารมณ์ไม่สูงนัก ไม่ใช่ขั้นพระพุทธเจ้า

    ถ้าหากว่าบารมีทั้ง ๑๐ ประการนี้เป็น ปรมัตถบารมี คำว่า ปรมัตถบารมี หมายความว่า มีอารมณ์ทรงสูงอย่างยิ่ง คำว่า อย่างยิ่งก็หมายความว่าไม่เคลื่อนไป อารมณ์ที่มีอาการตรงกันข้ามไม่เกิดขึ้นกับจิตใจของเรา

    ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างนี้ครบถ้วนบริบูรณ์ ทุกท่านก็เป็นพระอริยเจ้าขั้นพระอรหันตผล นี่เดิมทีเดียวเราก็สอนกันมา แนะนำกันมาในหลักการทั่วๆ ไป แต่จะเห็นว่ากว้างเกินไปในการปฏิบัติ และเวลานี้บรรดาท่านพุทธบริษัท มีทั้งภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ที่มีกำลังใจคือ บารมีแก่กล้านี้มีอยู่ หรือว่าบางท่านที่ยังอ่อนยังย่อหย่อน ก็จะได้มีความเข้าใจในการปฏิบัติ เพราะการปฏิบัติจริงๆ เพื่อมรรคเพื่อผล

    ถ้าขาดบารมีทั้ง ๑๐ ประการแล้ว ทำอย่างไรมันก็ไม่มีผล
    ถ้าผลที่จะมีกับกำลังใจก็ได้แค่ผลหลอกๆ คือ อุปาทาน
    คำว่าหลอกลวงนี่ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาไปโกหกมดเท็จใคร แต่ว่ากำลังใจมันไม่จริง ที่เรียกว่าหยุดได้จากความโลภ ความโกรธ ความหลง อาจจะหยุดไปเพราะอารมณ์สบายชั่วคราว แต่ทว่าข้างหน้าต่อไปคลายไปก็มีทุกข์ มีความโลภ ความโกรธ ความหลง หรืออาจจะหยุดได้ด้วยกำลังของฌาน เช่น ฌานโลกีย์ กำลังใจยังดีไม่พอ ก็เอากำลังเข้าไปกดความโลภ ความโกรธ ความหลง นี่ถ้าหากว่าจะตัดกันตรงๆ ก็ต้องมาพิจารณาขันธ์ ๕ ว่ามันเป็นทุกข์ ขันธ์ ๕ ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

    นี่ขันธ์ ๕ เป็นทุกข์เพราะอะไร เพราะว่าเราขาด ทานบารมี ขาดศีลบารมี ขาดเนกขัมมะบารมี ขาดปัญญาบารมี ขาดวิริยะบารมี ขาดขันติบารมี ขาดสัจจะบารมี ขาดอธิษฐานบารมี ขาดเมตตาบารมี ขาดอุเบกขาบารมี และที่พูดวันนี้อาจจะมีหลายท่านจะตอบว่า บารมีทั้งหลายเหล่านี้มีครบถ้วนแล้ว

    แต่ก็อย่าลืมว่าบารมีนี้จัดเป็น ๓ ชั้น คือ

    ๑. บารมีต้น เรามีทานมีศีลเหมือนกัน แต่ว่าทาน ศีลมันบกพร่อง มันไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ ถ้าหากว่าบารมีอันดับที่ ๒ ที่เรียกว่า
    ๒. อุปบารมี ทาน ศีล ของเราดีครบถ้วนแต่จิตใจยังไม่สะอาดพอ ยังไม่รักพระนิพพาน ถ้าหากว่าเป็น
    ๓. ปรมัตถบารมี แล้ว ไม่มีการหวังผลใดๆ ในโลกีย์วิสัย จะเป็นชาตินี้หรือว่าชาติหน้าก็ตามที กำลังใจของเราไม่มีการเกาะ การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพระนิพพานโดยเฉพาะ ทำด้วยจิตบริสุทธิ์

    คัดย่อ จากหนังสือบารมี ๑๐
    หนังสือ เร่งรัดการปฏิบัติ และหนังสือศิวโมกข์ ๔
    ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    -บารมี-๑๐-ประการส.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ถ้าเราไปคบคนที่ไม่ดี
    คนพาล มันก็จะไปไม่ดี
    แต่ถ้าเราคบคนที่ดี มันก็จะไปดี
    มันก็จะค่อยๆไปด้วยกันได้
    ฉันใดก็ดี คบคนเช่นไร
    ก็จะเป็นเช่นคนนั้นแหละ

    -:- พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป -:-
    วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    การขบฉัน ก็ฉันหนเดียว ฉันในบาตร บิณฑบาตมาฉัน ตามมีตามได้ ฉันจังหันไม่มากอย่าง ฉันแต่พอดี แต่เพิ่นฉันได้มาก การทรมานดัดสันดานของตน การเน้นหนักในการภาวนาโดยเฉพาะการเดินจงกรม เพิ่นถือไว้เป็นข้อปฏิบัติหลักใหญ่ อันนี้หลวงปู่ลาด คนบ้านบากหลวงตาเสี่ยวของเพิ่นครูอาจารย์เสาร์ (กนฺตสีโล) เล่าให้ฟัง แม้หลวงพ่อออก (หลวงพ่อกา) ก็เล่าอย่างเดียวกัน

    เคยถามหลวงพ่อ (หลวงพ่อกา ธมฺมรโต) “ หลวงพ่อเพิ่นครูอาจารย์เสาร์(กนฺตสีโล) กับเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) หลักปฏิบัติบัติภาวนาของเพิ่นพากันทำมาอย่างไร หรือสอนไว้อย่างไร หลวงพ่อพอจะจำได้ไหมครับ ”
    หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า…

    “ เพิ่นสอนให้ภาวนา พุทโธ – พุทโธ แต่ก่อนเจริญภาวนาทุกครั้ง เพิ่นว่าให้ไหว้พระสวดมนต์
    อรหํ…
    พุทฺธํ…
    อิติปิโส… กาเยนะ…
    สฺวากฺขาโต… กาเยนะ…
    สุปฏิปนฺโน… กาเยนะ…
    อหํสุขิโต…
    สพฺเพสตฺตา…

    เพิ่นว่าต้องทำวัตรเสียก่อน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ให้จืดจางไปได้ เมื่อเข้าที่แล้วตั้งสติให้มั่น ปล่อยอารมณ์เครื่องยุ่งภายนอกให้หมด สู่ปัจจุบันรู้อยู่กับพุท – โธ เมื่อกาย วาจาสำรวมแล้ว เหลือแต่สำนึกในใจ ให้บริกรรม ว่า
    พุทฺโธ เม นาโถ
    ธมฺโม เม นาโถ
    สงฺโฆ เม นาโถ
    พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ ๓ จบ แล้วก็ให้กำหนดลมหายใจเข้า – ออก พร้อมภาวนา พุท – โธ, พุท – โธ, พุท – โธ แล้วให้เหลือรู้เฉพาะลมหายใจเข้ากับพุท, ลมหายใจออก โธ, กำหนดรู้ภาวนาไปเรื่อย ๆ กำหนดจิตไปเรื่อย ๆ ไม่ปล่อยอารมณ์คือ ไม่ทิ้งผู้รู้ไปกับความคิดนึก ไม่กังวล หรือเล่นหลงอยู่กับจังหวะ ลมหายใจเข้าออก ให้ปล่อยไปตามธรรมชาติธรรมดาของการหายใจ
    ภาวนายังไม่เป็น อย่าไปทิ้ง พุท – โธ เพราะ พุท – โธ เป็นกิริยาของใจ กำหนดภาวนาไป เอาเป็นเอาตายเป็นเกณฑ์วัด อย่าเอาความอยากเข้าไปวัด เพราะการเจริญภาวนาก็เพื่อให้เป็นไปได้ในความสงบนิ่ง กิริยาจิตตั้ง เมื่อเป็นความสงบนิ่งภายในจิตใจแล้ว คำบริกรรม พุท – โธ ก็จะจางจนหายไป

    เมื่อบริกรรมหายไป ก็ให้รู้ว่าหายไป รู้อยู่อย่างนั้นหล่ะ ที่รู้ว่าตัวของเรารู้ตัวอยู่ ตั้งผู้รู้ได้ แม้ลมหายใจก็ละเอียดตาม ผู้รู้แนบแน่นเท่าใดลมหายใจก็ละเอียดตามเท่านั้น จากนั้นก็ให้ประคับประคองจิตที่สงบนิ่งอยู่อย่างนั้น จะสงบได้นานเท่าใดก็ตาม ให้มีผู้รู้ว่าสงบอยู่ นิ่งรู้อยู่ เรียกว่าจิตทรงสมาธิ จิตตั้ง จิตเป็นหนึ่งกับลมหายใจ กายเบาจิตเบา กายอิ่มจิตอิ่ม

    ให้ปฏิบัติอย่างนี้ก่อนในเบื้องต้นจนชำนิชำนาญ เข้าที่แล้วจิตเข้าถึงความสงบได้ เมื่อชำนาญแล้วจึงให้ใช้ปัญญาหาความรู้ ก็ย้อนกลับไปตรวจตราดูร่างกายรูปอันเน่าเหม็นผุพังไม่สวยไม่งาม พิจารณากาย พิจารณาธาตุ หรือหากเมื่อใดที่จิตของเราไม่เป็นสมาธิ ภาวนาอยู่แต่ไม่สงบคอยแต่จะฟุ้งซ่าน บริกรรม พุทโธแล้วก็แล้ว จับพุทโธก็ไม่อยู่ จับลมหายใจก็ไม่ได้ ให้ยกอาการของรูปกายนี้ ขึ้นพิจารณาเลยก็ได้ กายคตาสติ ให้พิจารณาจนละเอียดถี่ถ้วน พิจารณาย้ำไปย้อนมา ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น แยกส่วนพิจารณา รูปส่วนพิจารณาดูจากนอกเข้าไปในจากในออกมานอก เพราะใจไม่สงบก็ให้อยู่กับกรรมฐาน จนกว่าจะสงบได้ปัญญา ให้ตั้งใจภาวนาให้ได้ทุกวันอย่าให้ขาด…

    ธรรมประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ : วัยติดตนต้นธรรม

    ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่ธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ก็ฉันหนเดียว-ฉั.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    จิตคือพุทธะ

    สัมมาสัมโพธิ เป็นชื่อของการเห็นแจ้งชัดว่าไม่มีธรรมใดเลยที่ไม่เป็นโมฆะ ถ้าเราเข้าใจความจริงข้อนี้แล้ว ของหลอกลวงทั้งหลายจะมีประโยชน์อะไรแก่เรา

    ปรัชญา คือการรู้แจ้ง ความรู้แจ้ง คือจิตต้นกำเนิดดั้งเดิม ซึ่งปราศจากรูป ถ้าเราสามารถทำความเข้าใจได้ว่า ผู้กระทำและสิ่งที่ถูกกระทำ คือจิตและวัตถุเป็นสิ่งๆ เดียวกัน นั่นแหละ จะนำเราไปสู่ความเข้าใจอันลึกซึ้ง และลึกลับเหนือคำพูดและโดยความเข้าใจอันนี้เอง พวกเราจะได้ลืมตาต่อสัจธรรมที่แท้จริงด้วยตัวเราเอง

    สัจธรรมที่แท้จริงของเรานั้น ไม่ได้หายไปจากเรา แม้ในขณะที่เรากำลังหลงผิดอยู่ด้วยอวิชชา และไม่ได้รับกลับมา ในขณะที่เรามีการตรัสรู้ มันเป็นธรรมชาติแห่งภูตัตถตา ในธรรมชาตินี้ไม่มีทั้งอวิชชา ไม่มีทั้งสัมมาทิฐิ มันเต็มอยู่ในความว่าง เป็นเนื้อหาอันแท้จริงของจิตหนึ่งนั้น เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว อารมณ์ต่างๆ ที่จิตของเราได้สร้างขึ้น ทั้งฝ่ายนามธรรมและฝ่ายรูปธรรม จะเป็นสิ่งซึ่งอยู่ภายนอกความว่างนั้นได้อย่างไร

    โดยหลักมูลฐานแล้ว ความว่างนั้นเป็นสิ่งซึ่งปราศจากมิติต่างๆ แห่งการกินเนื้อที่ คือปราศจากกิเลส ปราศจากกรรม ปราศจากอวิชชา และปราศจากสัมมาทิฏฐิ พวกเราต้องทำความเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งว่า โดยแท้จริงแล้ว ไม่มีอะไรเลย ไม่มีมนุษย์สามัญ ไม่มีพุทธทั้งหลาย เพราะว่าในความว่างนั้น ไม่มีอะไรบรรจุอยู่แม้เท่าเส้นขนที่เล็กที่สุด อันเป็นสิ่งซึ่งสามารถจะมองเห็นได้โดยทางมิติ หรือกฎแห่งการกินเนื้อที่เลย มันไม่ต้องอาศัยอะไร และไม่ติดเนื่องอยู่กับสิ่งใด มันเป็นความงามที่ไร้ตำหนิ เป็นสิ่งซึ่งอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง และเป็นสิ่งสูงสุดที่ไม่มีอะไรสร้างขึ้น มันเป็นเพชรพลอยที่อยู่เหนือการตีค่าทั้งปวงเสียจริงๆ เราต้อง แยกรูปถอด ด้วยวิชชามรรคจิต เหตุต้องละ ผลต้องละ ใช้หนี้ก็หมด พ้นเหตุเกิด

    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

    ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ผู้เห็นโลกเป็นของวุ่นวายนั่นแล คือผู้มีบุญ เห็นโทษของโลกมากเพียงไร ยิ่งเป็นผู้มีบุญมาก วาสนามากเพียงนั้น บุญวาสนาอยู่ตรงนี้ไม่อยู่ที่อื่น…”

    โอวาทธรรมองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

    ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ภาวนามัย : บุญสำเร็จด้วยการภาวนา

    วันจันทร์ ที่ 20 พฤศจิกายน 2560 สมาชิกชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็น-นั่งสมาธิภาวนา ในเวลา 16.00-17.00 น. ณ ห้องนิติธรรม ชั้น 4

    -บุญสำเร็จด้วย.jpg
    1511182591_399_ภาวนามัย-บุญสำเร็จด้วย.jpg
    1511182591_623_ภาวนามัย-บุญสำเร็จด้วย.jpg
    1511182591_68_ภาวนามัย-บุญสำเร็จด้วย.jpg
    1511182591_977_ภาวนามัย-บุญสำเร็จด้วย.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “ ทุกข์มีเพราะยึด
    ทุกข์ยืดเพราะอยาก
    ทุกข์มากเพราะพลอย
    ทุกข์น้อยเพราะหยุด
    ทุกข์หลุดเพราะปล่อย ”

    “ เรียนตรง ตรงลงไปที่ตัวทุกข์
    ดูให้ถูกกรรมวิธี กี่กระสวน
    สกัดกั้นการปรุงแต่งแห่งกระบวน
    จิตปั่นป่วน สงบได้ทุกข์หายไป ”

    -:- หลวงปู่เลี่ยม ฐิตธัมโม -:-
    วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ….พระพุทธรูปไม่เคยปฎิเสธใคร ดีเลว ท่านรับกราบไหว้หมด
    ตัวเราทำไมจะเก่งกว่าพระพุทธเจ้าไปได้ ผู้คนมาหาต้องการอะไรเราก็ให้ โดยเฉพาะธรรมปฎิบัติ…

    มหาปุญโญวาท หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ

    ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่ธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ….ความสงบในใจตนนี้
    เป็นความสงบท่ีดีท่ีสุด
    ………………………..
    รู้การดับทุกข์ในตนของตน
    เป็นสุดยอดความรู้ตน….

    มหาปุญโญวาท หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ

    ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่ธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ภาพพ่อแม่ครูจารย์พระอริยะบุคคลสายพระป่ากรรมฐาน คณะธรรมยุติกนิกาย…”

    ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่ธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...