ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    โอวาทธรรมหลวงตาพวง สุขินทริโย

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -สุขิ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    การทำผิดเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ถ้าค้นพบความผิดแล้วแก้ไขและตั้งใจไม่ทำอีกเป็นซ้ำสอง น่ายกย่องนับถือยิ่งนัก

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…นิพพาน…”

    องค์สมเด็จพระบรมสุคต ตรัสว่า “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ไปถึงพระนิพพานแล้วไม่มีคำว่าเคลื่อน ไม่มีคำว่าตาย อยู่ที่พระนิพพานเป็นสุข ไม่แก่ ไม่ป่วย ไม่ตาย

    คำว่า “นิพพาน” ท่านผู้ฟัง มันเป็นเรื่องจำที่จะต้องคิด สำหรับนักศึกษาใหม่ๆ มักจะเคยฟังจากครูบาอาจารย์ทั้งหลายว่า พระนิพพานมีสภาพสูญ หมายความว่า สูญจากสภาวะทั้งหมดและจะไม่ปรากฏเป็นกาย โดยกล่าวอ้างกันว่า ถ้ายังมีการเกิดอยู่ตราบใด ความทุกข์ก็ยังมีอยู่ตราบนั้น ถ้าขณะใดความเกิดไม่ปรากฏ ขณะนั้นก็ชื่อว่าสิ้นทุกข์ ฉะนั้นท่านจึงหมายความว่า พระนิพพานนี่หมายถึงไม่เกิด ตามที่เรียนกันมาในหลักสูตรนักธรรมโท ครูอธิบายว่า “มีสภาพเหมือนควันไฟลอยขึ้นไปในอากาศ จะหาที่หมายที่ใดที่หนึ่งก็หาไม่”

    ความจริงคำอธิบายนี้ อาตมาเองหรือฉันเองก็ต้องขอประทานอภัยต่อครูผู้สอน ถึงอย่างไรท่านก็เป็นผู้มีพระคุณให้ความรู้เบื้องต้นแก่ฉัน แต่สำหรับคำอธิบายเข้าใจพลาดมาจากคำสอนของบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็ได้ เพราะว่าท่านเองเป็นผู้ยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพาน และอาจค้นคว้าตำรับตำราทั้งหลายเหล่านั้นไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ เมื่อฟังมาอย่างนั้นจะไปเหมาเอาว่าท่านทำผิดหรือว่าพูดผิดโดยเจตนาก็ทำมิได้ เพราะการพูดตามตำราก็ดี พูดตามครูบาอาจารย์สอนสืบเนื่องกันมาก็ดี ก็ถือว่าเป็นการพูดถูกตามที่ท่านรับฟังมา

    ฉะนั้นการกล่าวว่า พระนิพพานมีสภาพสูญ พระพุทธเจ้าจัดว่าเป็น อุจเฉททิฐิ คือเป็นมิจฉาทิฐิอย่างหนึ่ง เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ก็อยากจะพูดให้ฟังว่า พระนิพพานเป็นยังไง

    คำว่า “พระนิพพาน” นี่เป็นสภาพละเอียด เป็นทิพย์อันหนึ่ง สำหรับผู้ถึงพระนิพพานแล้วย่อมจะพูดอย่างนี้ คือว่า “พระนิพพานเป็นทิพย์ละเอียดที่สุด” คือนอกเหนือจากกามาวาจรสวรรค์ หรือพรหมโลก

    สำหรับกามาวาจรสวรรค์ หรือพรหมโลก อันเป็นส่วนฌาณโลกีย์ อันนี้ย่อมตกอยู่ในวิสัยของโลก เมื่อสิ้นวาสนาบารมีแล้ว ก็ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษยโลก หรือเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือลงนรก หรือเป็นเปรต อสุรกาย ตามอำนาจบุญบารมีที่เหลือของท่านนั้นๆ

    หากว่าท่านบำเพ็ญกุศลไว้น้อย ถ้าตายจากความเป็นมนุษย์ เพราะอำนาจสิ่งที่เป็นกุศลอุดหนุนในตอนต้น กุศลก็จะบันดาลให้ท่านไปเกิดเป็นเทวดาบ้าง ไปเกิดเป็นพรหมบ้าง เมื่ออำนาจกุศลนั้นสิ้นไปแล้วเหลือกรรมที่เป็นอกุศล ก็จะดึงดูดท่านทั้งหลายให้ตกลงในอบายภูมิ คือ เกิดในนรกบ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นอสุรกายบ้าง เป็นสัตว์เดรัจฉานหรือเป็นมนุษย์ เพราะสภาพการเกิดเป็นมนุษย์ย่อมทำทั้งความดีและความชั่ว ทั้งนี้ ยกเว้นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป

    เมื่อกล่าวถึงสภาวะของพระนิพพาน พระนิพพานท่านกล่าวว่า มีอำนาจนอกเหนือจากอำนาจของวัฏฏะคือความวน “วัฏฏะ” แขาแปลว่า “วน” มันวนไปวนมา เกิดเป็นมนุษย์แล้วก็เกิดเป็นเทวดา หรือเกิดเป็นสัตว์นรก หรือเกิดเป็นพรหม หรือเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน แล้วก็วนไปวนมาอย่างนี้ไม่สิ้นสุด เพราะยังตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลสและตัณหา

    เมื่อท่านผู้ใดมีอำนาจกิเลสตัณหาสิ้นไป หมายความว่า “ทำกิเลสและตัณหาสิ้นไป” เช่นพระอรหันต์ ท่านทั้งหลายเหล่านี้มีแดนเป็นที่เกิดที่เขาเรียกกันว่า นิพพาน นิพพานตัวนี้แปลว่า “สภาพดับ” คือ ดับอำนาจของความทุกข์ทั้งหมด อำนาจความทุกข์ที่มีเกิดขึ้นมาได้ก็เพราะอาศัยตัณหา ๓ ประการ คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา

    กามตัณหา มีสภาพอยากได้ สิ่งที่ไม่เคยมีอยากจะให้มีขึ้น

    ภวตัณหา สิ่งใดที่หามาได้แล้ว ก็อยากจะให้คงสภาพอยุ่อย่างนั้นไม่ให้เปลี่ยนแปลง

    วิภวตัณหา สภาพใดเมื่อเข้าถึงความเปลี่ยนแปลงหรือความทรุดโทรมกำลังจิตของบุคคลประเภทนั้นที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของวิภวตัณหา ก็อยากจะฝืนกฏของธรรมดา คือ เป็นคนแก่แล้วก็ไม่อยากแก่ ถึงเวลามันจะตายไม่อยากตาย หาทางป้องกันด้วยประการต่างๆ แม้จะรู้อยู่ว่าการป้องกันนั้นไม่ได้ผล

    เมื่อตัณหาทั้ง ๓ ประการนี้ไม่สามารถจะครอบงำจิตของท่านผุ้ใด ท่านผู้นั้นเรียกกันว่า “พระอรหันต์” แล้วก็พระอรหันต์นี่แหละเข้าถึงสภาพของพระนิพพาน พระนิพพานอยู่ที่ไหน ก็ตอบไม่ยากว่า “พระนิพพานอยุ่นอกสภาพของโลก” คำว่า “โลก” จะเป็นมนุษยโลก เทวโกล พรหมโลกก็ดี อันนี้ยังอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลสและตัณหา

    พระนิพพานมีดินแดนอีกอันหนึ่ง เป็นทิพย์ละเอียดกว่าพรหมโลก อยู่ไกลจากพรหมโลกขั้นสูงสุดไม่มากนัก เรียกว่าวัดโดยระยะของความเป็นทิพย์และดินแดนนั้นถ้าท่านผู้ใดไปแล้ว ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด ไม่วนไปวนมา มีสภาพอยู่แน่นอน หมายความว่าเกิดในที่นั้นแล้วไม่มีการตายอีก สภาพของการเกิดไม่มีขันธ์ ๕ อย่างมนุษย์ มีสภาพเป็นทิพย์อย่างเทวดา หรือพรหมแต่ละเอียดกว่านั้น ผ่องใสกว่านั้น สวยสดงดงามกว่านั้น มีความสุขอย่างเดียวไม่มีความทุกข์ ขึ้นชื่อว่าความขัดข้องนิดหนึ่งในอารมณ์ของจิตของท่านผู้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานไม่มี

    หากจะถามว่าจะรู้ได้ยังไง ตอบไม่ยาก จะรู้ได้ด้วยการปฏิบัติถึง ถ้าจะถามว่า ผู้พูดนี่ปฏิบัติถึงแล้วหรือยัง ก็ขอตอบได้อย่างไม่ยากว่า ถ้าปฏิบัติถึงเมื่อไรก็ถึงเมื่อนั้น ถ้ายังไม่ถึง มันก็ไม่ถึง แล้วเวลาพูดเอาหลักเกณฑ์มาจากไหน ก็หนึ่ง ได้มาจากพระที่เข้าถึงมรรคผล สอง ได้มาจากคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ปรากฏในพระไตรปิฏก ที่พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่า พระนิพพานมีสภาพไม่สูญ อย่างที่ท่านพระโมคคัลลาน์ ถามพระพุทธเจ้าว่า “พระนิพพานมีสภาพสูญใช่ไหม”

    พระองค์ตอบว่า “พระนิพพานกิเลสดับ ตัณหาดับ ดับกิเลส ตัณหาและขันธ์ ๕ ได้สิ้นเชิง”

    เมื่อกิเลสดับ ตัณหาดับ แล้วขันธ์ ๕ ก็ดับ อะไรมันเหลือ ถ้าฟังกันให้ดี คิดกันให้ดีแล้วจะต้องรู้ว่า “จิตมันยังเหลืออยู่ จิตมันไม่ดับ” ไอ้สภาพของจิต คือสิ่งที่เป็นทิพย์แท้ มันไม่ดับ มันเข้าไปสู่พระนิพพาน แล้วพระนิพพานมีตัวตนไหม ก็ต้องตอบว่ามีตัวเป็นทิพย์ ตัวละเอียด

    ถ้าใครอยากจะรู้พระนิพพานจริง ก็ขอให้ปฏิบัติอย่างนี้

    ปฏิบัติในศีลให้บริสุทธิ์ ทำสมาธิให้ตั้งมั่น เอากันอย่างดีที่สุดให้ถึง สมาบัติ ๘ เมื่อได้ฌาณสมาบัติ ๘ แล้ว ก็กลบัมาเจริญวิปัสสนาญาณให้แจ่มใสเมื่อได้วิปัสสนาญาณแจ่มใสแล้ว ชำระจิตให้เป็นทิพย์ เมื่อทำจิตให้เป็นทิพย์แล้ว ตอนนี้ละจะรู้สภาวะของนิพพานอย่างไม่สงสัย ทำจิตให้เป็นทิพย์สมารถเห็นผี เห็นเทวดาได้ เห็นพรหมโลกได้ เห็นสภาวะของอรูปพรหมได้ แล้วก็จะเห็นพระนิพพานได้

    ถ้าใครสงสัยเรื่องพระนิพพานให้ปฏิบัติอย่างนี้อย่ามัวเอาตำรามาเถียงกัน คนที่ใช้ตำรา อึกอักอะไรก็อ้างตำรา อย่างนี้ชื่อว่า คนนั้นไม่มีสมรรถภาพในตัวเอง คือไม่มีความสามารถในการปฏิบัติ พระพุทธเจ้ากล่าาว่า การปฏิบัติคือคุณความดีในพระพุทธศาสนาเป็นปัจจัตตัง เมื่อใครปฏิบัติถึงแล้วใครจะรู้เองเห็นเอง ความสุขมันจะเกิดขึ้น แม้แต่การปฏิบัติเข้าถึงพระพุทธศาสนาในขั้นเล็กๆ แค่มีศีลบริสุทธิ์ก็ยังรู้สึกว่าคุณความดีของพระพุทธสาสนาให้ผลเป็นสุข ถ้ามีสมาธิตั้งมั่นถึงฌาณสมาบัติ จะรู้จักความเยือกเย็นของจิต จะรู้ว่าจิตมีพลังมาก จิตมีอานุภาพมาก มีอารมณ์จิตสงบมาก มีความสบายยิ่งกว่าศีล เมื่อเข้าถึงขั้นวิปัสสนาญาณขั้นสูงสุด จะเห็นว่าโลกทั้งโลกไม่มีอะไรดี แต่ก็ไม่รำคาญชาวโลก เพราะรู้สภาพตามความเป็นจริง จิตของท่านผู้นี้ย่อมเข้าถึงความสุขอย่างละเอียดที่สุด

    เราอย่าเถียงกันด้วยการอ้างตำรา อย่าเถียงกันด้วยอำนาจยศฐาน์บรรดาศักดิ์ นี่มันเป็นเหตุของอบายภูมิทั้งสิ้น เพราะการยึดถือตำราก็ดี ถือขั้นอันดับในการเรียนก็ดี การถือยศถือศักดิ์ศรีก็ดี อันนี้มันเป็นโลกียวิสัย เขาเรียกว่า โลกธรรม เป็นกฏของโลก ไม่ใช่กฏของความเป็นพระอริยะ แล้วคนยังติดอยู่ในอำนาจของกิเลสและตัณหาจะมองเห็นอะไร ดวงตาสัตว์และบุคคลมีสภาพผ่องใส ถ้าดดนใครเขาเอาโคลนเข้ามาปิดหนาเลอะเทอะไม่สามารถจะมองอะไรเห็น สภาพของตาที่ไม่ผ่องใสจะไม่สมารถเห็นอะไรได้ ก็ไม่ต่างกับคนตาบอก แต่ประสาทจักษุยังดีอยู่ ถ้าสามารถลอกโคลนตมที่พอกนัยน์ตาออกมาได้หมดจดเมื่อใด เมื่อนั้นดวงตาก็แจ่มใส สามารถจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ตามประสงค์

    ข้อนี้อุปมาฉันใด จิตของคนก็เหมือนกัน จิตของคนที่ประกอบไปด้วยอำนาจของกิเลสตัณหาพอกพูน ย่อมมีสภาพเหมือนคนตาบอด

    รวมความว่า จะต้องรู้เองทำให้ถึงเองเท่านั้น จึงจัดว่าเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าจริง ๆ จึงจัดว่าเป็นพุทธศาสนิกชนจริงๆ คนใดถ้ายังเก่งเพียงแค่ตำรา ท่านว่าบุคคลประเภทนั้นก็เอาปูนวงหัวไว้ได้เลยว่า บุคคลประเภทนี้ยังเอาตัวไม่รอด ป่วยการกล่าวถึงไปใยถึงพระนิพพาน

    ที่มาจากหนังสือพ่อสอนลูกหน้า (๒๙๔-๒๙๘)พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ….. ศิษย์ : หลวงตาครับ พลังงานที่หลวงตาถ่ายทอดให้นั้นจะติดตัวไปนานแค่ไหนครับ
    ….. หลวงตา : ตลอดชีวิต พลังภูติพระพุทธเจ้าในพระบรมสารีริกธาตุ
    ….. ศิษย์: พลังภูติพระพุทธเจ้ามีอยู่ในพระบรมสารีริกธาตุ จึงทำให้เสด็จไปไหนมาไหนได้เมื่อถึงวาระสมควร การใช้พระผงจักรพรรดิแผ่บุญ จะอัญเชิญน้อมนำพลังมาสงเคราะห์ปรับภพภูมิได้หรือไม่?
    ….. หลวงตา : คือ พลังงานของพระอรหันต์ ของพุทธะที่แล้วๆมา เป็นพลังงานที่รวมแล้ว เหมือนบัญชีที่ปิดแล้ว
    ….. ศิษย์ : แต่ก็ยังมีพลังอยู่
    ….. หลวงตา : มีอยู่ แต่ต้องใช้พลังงานของพระโพธิสัตว์เป็นตัวนำ ตัวดึง เป็นตัวเชื่อมน้อมเข้ามา คือท่านไม่มีกระแสในกาลข้างหน้า ตัดอดีต อนาคตแล้ว ไม่เหมือนกระแสของพระโพธิญาณ
    ….. ศิษย์ : อย่างพลังงานของพระธาตุพระสีวลี ถ้าจะนำมาใช้ในทางโชคลาภให้ได้ผลจริงๆต้องทำอย่างไรครับ ต้องดึงกระแสหรือจุดกระแสอย่างไร?
    ….. หลวงตา : กระแสพวกนี้มันอยู่ที่เรา เป็นกระแสเราเอง เหมือนกับเรามีเงินในบัญชี เราก็สามารถเบิกมาใช้ได้ ถ้าเราไม่มี เราก็เบิกอนาคตมาใช้ได้โดยการทำปัจจุบัน คุณไปยืมเงินธนาคารในปัจจุบันใช่ไหม มาใช้ในอนาคตหรือเปล่า การทำธุรกิจยืมเงินมาใช้ในอนาคตใช่หรือเปล่า ดังนั้นคุณต้องมีสัจจะ คุณต้องรู้ว่าคุณนำมาใช้อะไร ใช้เพื่ออะไร
    ….. ศิษย์ : ด้วยเหตุนี้ที่เขาบอกว่ากระแสของโพธิญาณจะโน้มนำพลังงานได้ง่ายด้วยสัจจะหรือปณิธานตรงนี้นี่เอง
    ….. หลวงตา : ใช่ กำลังมันมี ธุรกิจจะเป็นโลกหรือว่าธรรมก็ต้องใช้อดีตเหมือนกัน เพิ่มที่ปัจจุบันเพื่อเป็นอนาคต สังเกตครูบาอาจารย์ที่ท่านเกิดมา ท่านเกิดมาใช้บุญไหม เกิดมาก็ทำเลย เรายังต้องมาใช้ เบิกมาใช้อยู่แล้ว บางคนใช้แล้วไม่ได้ทำด้วย ทำธุรกิจอะไรไม่นานก็เจ๊งต่อให้เก่งขนาดไหน
    ….. ศิษย์ : คือต้องไม่ประมาท ต้องทำตลอดใช่ไหมครับ
    ….. หลวงตา : ใช่ เรารู้ไหมว่าอนาคตเราจะไปไหน
    ….. ศิษย์ : มันอยู่ที่ปัจจุบัน
    ….. หลวงตา : ถูก มันอยู่ที่ปัจจุบัน คุณวางอนาคตไว้ที่ปัจจุบัน จะไปไหน ตายแล้วไปไหน ชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ คุณอายุเท่าไร คุณตายแล้วไปไหน พูดถึงคนทุกวันนี้ส่วนมากคนเขาไม่ได้คุยกันเรื่องนี้กัน

    พระอาจารย์ วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า)
    หนังสือ….. หลวงตาสอนศิษย์

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -หลวงตาครับ-พลังงา.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ดีกับเด่นอยู่คู่กัน ดีให้คุณ ส่วนเด่นให้โทษ
    เราดีเขาดีด้วย เขาดีเราดีด้วย จึงดีจริง
    ดีคนเดียวเรียกเด่นดัง มักเป็นภัยแก่ตัว

    จงประจบคนด้วยงาน
    อย่าประจานความดีของใครให้มาเป็นความเก่งของตัว

    โอวาทธรรม:หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป

    -ดีใ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ขโณ โว มา อุปจฺจคา : อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์เลย

    วันพฤหัสบดี ที่ 4 มกราคม 2561 สมาชิกชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็น ในเวลา 16.00-17.00 น. ณ ห้องนิติธรรม ชั้น 4

    -โว-มา-อุปจฺจคา-อย่าปล.jpg
    1515073934_676_ขโณ-โว-มา-อุปจฺจคา-อย่าปล.jpg
    1515073934_972_ขโณ-โว-มา-อุปจฺจคา-อย่าปล.jpg
    1515073934_272_ขโณ-โว-มา-อุปจฺจคา-อย่าปล.jpg
    1515073935_11_ขโณ-โว-มา-อุปจฺจคา-อย่าปล.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “ที่เขาเขียนมาอ่านมาน่ะ มันเป็นความรู้ของเขา ไม่ใช่ความรู้ของเรา ความรู้ของเราต้องทำให้มันรู้เองเห็นเองขึ้นมา สัจธรรมมันอยู่ที่นี่”

    …หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ขอเชิญร่วมนมัสการ และรับฟังพระธรรมเทศนา พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ (ศิษย์ของหลวงปู่หลวง กตปุญโญ) วัดสามัคคีบุญญาราม (คีรีสุบรรพต) อ.เมือง จ.ลำปาง ในวันพุธ ที่ 17 มกราคม พ.ศ.2561 เวลา 17.00-19.30 น. ณ ศาลาธรรม (ศาลา 6 เหลี่ยม) บริเวณสนามหญ้าด้านข้างคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

    จัดโดย : ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

    ๏ กำหนดการ ๏

    -:- วันพุธ ที่ 17 มกราคม พ.ศ.2561 -:-

    เวลา 17.00 น. สวดมนต์ทำวัตรเย็น ณ ศาลาธรรม (ศาลา 6 เหลี่ยม) บริเวณสนามหญ้าด้านข้างคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี
    เวลา 17.45 น. ประธานฝ่ายฆราวาส จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ,ไหว้พระ , รับศีล , แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ โดย พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ วัดสามัคคีบุญญาราม (คีรีสุบรรพต) อ.เมือง จ.ลำปาง
    เวลา 18.45 น. ถามตอบปัญหาธรรมะ
    เวลา 19.00 น. พิธีทำวัตรขอขมา , ถวายจตุปัจจัยไทยทาน , รับพร/รับของที่ระลึก
    เวลา 19.30 น. เสร็จพิธี.

    **************************

    สอบถามรายละเอียด โทร. 086-4017809 , 063-5082286

    -และรั.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เมื่อถึงวันละสังขารของหลวงปู่ชา สุภัทโท วันที่ 16 มกราคม ของทุกปี วัดหนองป่าพงจะจัดงานปฏิบัติธรรมประจำปี เพื่อเป็นอาจาริยบูชา โดยมีพระภิกษุสงฆ์และสามเณร ที่เป็นศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่ชาจากทั่วโลก รวมถึงญาติโยมที่มีความศรัทธาหลวงปู่ชา จะมารวมกันที่บริเวณเจดีย์พระโพธิญาณ สถานที่เก็บอัฐิของหลวงปู่ชา พิธีเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีการเดินประทักษิณารอบเจดีย์ พร้อมด้วยดอกไม้ธูปเทียน เพื่อเป็นการไหว้ครูและรำลึกถึงพระคุณของหลวงปู่ชา บุรพาจารย์ผู้ล่วงลับดับขันธ์นั่นเอง

    เมื่อถึงวันละสังขารพระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) ในวันที่ 16 มกราคมของทุกปี ทางวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จะมีการจัดงานปฏิบัติธรรมประจำปี ระหว่างวันที่ 12-17 มกราคม เพื่อเป็นอาจาริยบูชา และรำลึกถึงพระคุณของหลวงปู่ชา โดยมีพระภิกษุสงฆ์และสามเณรที่เป็นศิษยานุศิษย์จากทั่วโลก รวมถึงญาติโยมที่มีความศรัทธาในคำสอนของหลวงปู่ชา มาร่วมแสดงความเคารพหลวงปู่ชา ผู้เปรียบเสมือนพ่อแม่ครูอาจารย์ของศิษยานุศิษย์สายวัดหนองป่าพง

    เมื่อใกล้ถึงวันงาน บรรยากาศก็เริ่มคึกคักครับ ผู้คนจากทั่วสารทิศ ศิษยานุศิษย์เริ่มเข้ามาจับจองพื้นที่กางเต็นท์ กางมุ้ง ซึ่งทุกคนที่ร่วมปฏิบัติธรรมจะนุ่งขาวห่มขาว อยู่ในบริเวณป่าของวัดหนองป่าพง ให้บรรยากาศคล้ายกับการธุดงด์ของพระป่าสายปฏิบัติกรรมฐานไม่น้อยเลยครับ

    กิจกรรมในแต่ละวันจะเริ่มต้นที่เวลาประมาณ 02.45 น. เสียงสัญญาณระฆังดังขึ้น เพื่อปลุกญาติโยมให้ตื่นมาทำวัตรเช้าและนั่งสมาธิ จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปทำภารกิจส่วนตัวจนแล้วเสร็จ จากนั้นจะมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อเดินจงกรม เมื่อถึงเวลา 8 โมงเช้า ทุกคนจะมาพร้อมกันที่ธรรมศาลา เพื่อฟังธรรมและถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์และสามเณร

    ธรรมศาลาที่วัดหนองป่าพงแห่งนี้สร้างขึ้นอย่างเรียบง่าย ไม่หรูหรา ฟุ่มเฟือย เป็นเพียงโถงกว้างๆ ไม่มีประตู ไม่มีหน้าต่าง สร้างขึ้นตามแนวทางที่หลวงปู่ชาท่านได้วางไว้ครับ

    จากนั้นเวลาประมาณ 10.00 น. ญาติโยมจะมารวมกันที่หอฉัน เพื่อฟังโอวาท ฟังธรรม เสร็จแล้วกลับที่พักเพื่อทำธุระส่วนตัวและเดินจงกรม พอถึงมื้อเที่ยงก็จะแยกย้ายกันไปรับประทานอาหาร ซึ่งในแต่ละปีนั้นจะมีโรงทานทั้งจากชาวบ้าน คณะครู นักเรียน สถานศึกษา หน่วยงานราชการต่าง ในจังหวัดอุบลราชธานี และพื้นที่ต่างๆ ร่วมมือร่วมใจกันทำอาหารแจกจ่ายในโรงทาน จนกลายเป็นการบริจาคทานครั้งใหญ่ของทุกภาคส่วน

    ช่วงบ่ายเมื่อเสียงระฆังดังขึ้น จะเป็นสัญญาณที่บอกว่า เวลานี้พระภิกษุและสามเณรจะนั่งสมาธิรวมกันอยู่ที่พระอุโบสถ ส่วนญาติโยมจะนั่งสมาธิรวมกันอยู่ที่ธรรมศาลา เพื่อร่วมกันรับฟังธรรมเทศนาจากพระลูกศิษย์ ซึ่งได้รับความสนใจจากญาติโยมเป็นอย่างมากครับ โดยเฉพาะช่วงที่พระฝรั่งขึ้นเทศน์ ญาติโยมจะตั้งใจฟังเป็นพิเศษ เนื่องด้วยเนื้อหาธรรมและสำเนียงของพระฝรั่ง ผู้เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ชา ทำให้ต้องใช้สมาธิสูงในการฟังครับ ฟังแล้วก็ระลึกนึกถึงตามพระธรรมคำสอน แต่บางช่วงบางจังหวะก็มีหลุดขำพระท่านบ้าง ถือว่าผ่อนคลายดีไม่น้อยครับ

    ในช่วงบ่าย 3 โมงของวันที่ 12-15 มกราคม จะเป็นเวลาที่ปล่อยให้ญาติโยมแยกย้ายกันทำภารกิจส่วนตัว และพักผ่อนตามอัธยาศัย บ้างก็นั่งอ่านหนังสือ กวาดลานวัด นั่งสมาธิ สนทนาธรรมกัน ต่อมาเวลา 17.45 น. สัญญาณระฆังจะดังขึ้นอีกครั้ง เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ และฟังพระธรรมเทศนา ก่อนจะเข้านอนเวลาประมาณ 4 ทุ่ม

    ยกเว้นในวันที่ 16 มกราคม ซึ่งเป็นวันละสังขารของหลวงปู่ชา ในช่วงบ่ายจะมีพระภิกษุสงฆ์และสามเณรที่เป็นศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่ชาจากทั่วโลก รวมถึงญาติโยมที่มีความศรัทธาในคำสอนของหลวงปู่ชา จะมารวมกันอยู่ที่บริเวณเจดีย์พระโพธิญาณ สถานที่บรรจุอัฐิของหลวงปู่ชา พิธีเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยเดินประทักษิณรอบเจดีย์ 3 รอบ เพื่อเป็นการไหว้ครู และรำลึกถึงพระคุณของหลวงปู่ชา บุรพาจารย์ผู้ล่วงลับดับขันธ์นั่นเองครับ จากนั้นจะเป็นการแสดงพระธรรมเทศนาโดยพระลูกศิษย์ของหลวงปู่ชาตลอดทั้งคืน เรื่อยมาจนถึงเช้าของวันที่ 17 มกราคม

    ผู้เขียนเคยนึกหาคำตอบอยู่ในใจระหว่างที่ไปร่วมงานอาจาริยบูชาว่า แม้หลวงปู่ชาจะละสังขารไปนานกว่า 20 ปีแล้ว แต่เหตุผลอะไรที่ทำให้ “วัดหนองป่าพง” ยังเป็นปึกแผ่นมาได้ถึงทุกวันนี้ มีวัดสาขากว่า 300 วัดทั้งในและต่างประเทศ และจากการศึกษาหาข้อมูลก็พบว่า “พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ” ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ชา ได้เคยแสดงธรรมไว้ที่สวนโมกข์ เมื่อปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 ว่า

    ” … การที่วัดหนองป่าพงยังขยายตัวไปได้เรื่อยๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ใช่ความบังเอิญ เพราะพระอาจารย์ชาเป็นครูที่ให้ความสำคัญคณะสงฆ์และการสร้างชุมชนที่มั่นคงมาก ท่านจึงมีนโยบายให้ลูกศิษย์ลูกหาสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวม ด้วยศีล ด้วยธรรม และให้เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ จะถูกหรือผิดก็ไม่เป็นไร เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านจึงมีลูกศิษย์จำนวนมากที่มีความเชื่อมั่นและความสามารถในการทำงานเพื่อส่วนรวม … ”

    คำสอนหนึ่งของหลวงปู่ชาที่มอบให้ คือการที่พระภิกษุผู้เป็นลูกศิษย์จะเคารพกันตามอายุพรรษา นี่เป็นสิ่งที่พระภิกษุแห่งวัดหนองป่าพงทุกสาขาถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมาช้านาน แม้ว่าพระภิกษุสงฆ์ส่วนใหญ่จะปลีกวิเวกไปปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ หรือบ่อยครั้งที่ออกธุดงค์แสวงหาความวิเวกตามลำพังเป็นเวลามากน้อยแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พระภิกษุสายหลวงปู่ชาต่างยึดมั่นถือปฏิบัติกันมาโดยตลอดก็คือ “ความสามัคคีกันเป็นหมู่คณะ” ทำให้ไม่มีภิกษุรูปใดเก็บของกินของใช้เอาไว้เป็นส่วนตน หากจะฉันก็ต้องฉันพร้อมกัน วันละมื้อเดียว ฉันในบาตรใบเดียว แล้วจึงค่อยแยกย้ายไปบำเพ็ญเพียรตามลำพัง กระทั่งถึงเวลาที่กำหนด ก็ต้องมาทำหน้าที่ดูแลภายในวัดตามที่ได้รับมอบหมาย

    ความเป็นหนึ่งเดียวของพระสายวัดหนองป่าพง ยังเห็นได้จากการจัดประชุมคณะสงฆ์เป็นประจำทุกปีในวันที่ 16-17 มิถุนายน เนื่องเพราะวัดหนองป่าพงมีวัดสาขาและภิกษุสามเณรจำนวนมาก กระจัดกระจายไปบำเพ็ญสมณธรรมตามที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งเพื่อเป็นการทบทวนแนวปฏิบัติให้อยู่ในครรลองที่หลวงปู่ชาได้วางไว้ในการศึกษาและเผยแผ่พระธรรมไปในทิศทางเดียวกัน โดยประธานสงฆ์หรือเจ้าอาวาสวัดสาขาจะมาชุมนุมกันที่วัดหนองป่าพง ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นประจำทุกปีครับ

    พระครูสุธรรมประโชติ (คำผอง) ฐิตปุญโญ เจ้าอาวาสวัดป่าสันติธรรม จ.นครราชสีมา(วัดหนองป่าพงสาขาที่ 67) กล่าวกับ “ธรรมาภิวัตน์” ถึงความศรัทธาที่มีต่อคำสอนของหลวงปู่ชาว่า “… ศรัทธาในคำสอน ศรัทธาในหมู่สงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาที่รักษาไว้ซึ่งข้อวัตรปฏิบัติ กฎระเบียบของครูบาอาจารย์ เพราะวัดหนองป่าพงเราไม่ได้ไปเด่นดังเฉพาะองค์เดียว มีอะไรเราทำร่วมกัน จะสาขาไหนในประเทศต่างประเทศเหมือนกันหมด นี่คือที่โยมเขาศรัทธา แล้ววัดแต่ละสาขาไม่ใช่ว่าสาขานั้นทำอย่างนั้น สาขานี้ทำอย่างนี้ ไม่ใช่…”

    ขณะที่ “พระอาจารย์ปสันโน ภิกขุ” วัดป่าอภัยคีรี มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นวัดปฏิบัติในสายหลวงปู่ชาแห่งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวกับ “ธรรมาภิวัตน์” ถึงการปฏิบัติตามแนวทางของหลวงปู่ชาไว้ว่า

    “…ส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ วิธีดำเนินชีวิต เพราะว่าเราอาศัยรูปแบบของสงฆ์ และข้อวัตรระเบียบ การรักษาความเรียบร้อย คือมีหลักเกณฑ์ที่ควรปฏิบัติตาม เวลาอยู่ด้วยกันในหมู่สงฆ์ เราจะมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยเหลือเอื้อเฟื้อกัน คือจะเอาสิทธิความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ไม่ได้ คือต้องอยู่เป็นหมู่เป็นคณะ เรื่องนี้มันเป็นส่วนที่ช่วยสอนเรา ในการละกิเลส การสังเกตว่าสิ่งที่ทำให้เรารำคาญ หรือสิ่งที่ทำให้เราเยือกเย็นคืออะไรบ้าง เราศึกษาจากชีวิต …”

    ด้าน “พระอาจารย์เขมธัมโม” แห่งวัดป่าสันติธรรม เมืองวอริค ประเทศอังกฤษ ได้ให้สัมภาษณ์กับ “ธรรมาภิวัตน์” ถึงการปฏิบัติตนตามแนวทางที่หลวงปู่ชาท่านได้สร้างเอาไว้ว่า

    “… ท่านสร้างทุกอย่างและให้โอกาสที่ดีสำหรับทุกคนในการฝึกปฏิบัติ หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะเลือกอย่างไร ซึ่งเป็นแง่มุมหนึ่งของพุทธศาสนา และนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดอาตมา มันไม่ใช่บางสิ่งที่อาตมาต้องเชื่อ และมันเปิดรับสำหรับคำถามเสมอ จึงทำให้อาตมายกย่องและชื่นชมตลอดมา

    ที่วัดหนองป่าพงมีทุกอย่างที่ช่วยในการฝึกปฏิบัติ การแนะนำการฝึกสมาธิก็เข้าใจง่าย อาตมาชื่นชอบในทุกสิ่งที่นี่ เหตุผลที่อาตมากลับมาที่นี่ทุกปีเพื่อร่วมงาน เพราะอาตมายกย่องในสิ่งที่ท่านทำ เป็นต้นแบบที่ดี ให้โอกาสทุกคนในการพัฒนาตนเอง และอาตมาต้องการเป็นส่วนหนึ่งในสิ่งนี้

    มันไม่บ่อยมากนักที่คนมากมายจะมารวมตัวเพื่อทำความดีร่วมกัน คนหลายพันคนไปดูการแข่งขันฟุตบอล ซึ่งเต็มไปด้วยความโกรธ การโต้แย้ง ต้องการเอาชนะ ซึ่งทั้งหมดนี้มันคือ “กิเลส” แต่แทบจะไม่มีเลยสำหรับการรวมตัวกัน เพื่อกำจัดหรือทำลายกิเลส ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาอันแสนวิเศษ …”

    การรักษาพระวินัยอย่างมั่นคงเคร่งครัด ตามที่พระอาจารย์ชาได้สั่งสอนมา จะช่วยให้เกิดสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนั่นย่อมสะท้อนให้เห็นว่า แม้คณะสงฆ์วัดหนองป่าพงจะขยายเติบโต มีวัดสาขาเกิดขึ้นมากมายเพียงใดก็ตาม หากแม้นดำเนินการตามหลักการที่แข็งแกร่ง ยึดตามแนวทางที่แน่วแน่ ก็จะทำให้ “ธรรมะสายวัดหนองป่าพง” ที่เน้นการศึกษาและการปฏิบัติตามพระไตรปิฎก-พระธรรมวินัย จะยังคงยืนหยัดเคียงคู่พระพุทธศาสนาต่อไปได้ในอนาคต

    จากการสนทนาธรรมของผู้เขียนกับพระลูกศิษย์ของหลวงปู่ชาหลายต่อหลายรูป ซึ่งมีทั้งพระภิกษุชาวไทยและพระชาวต่างชาตินั้น ต่างกล่าวไปในทำนองเดียวกันถึงข้อวัตรปฏิบัติของหลวงปู่ชาว่า ท่านเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกศิษย์ มีแนวทางและจุดหมายที่มั่นคง คือการก้าวสู่นิพพาน

    “… ข้อวัตรปฏิบัติของหลวงพ่อชา ท่านเข้มแข็ง ท่านมุ่งหวังมักผลนิพพานอย่างแท้จริง ท่านมีกิจวัตรเดินจงกรม เน้นหนักในเรื่องเดิน แล้วก็สอนให้ลูกศิษย์เดินจงกรมให้มาก อยู่แบบเคร่งครัด แบบใส่ใจ แบบมุ่งหวังนิพพานอย่างแท้จริง ทำวัตรเช้าเย็น กรรมฐานเช้าเย็น มิได้ขาด หลวงพ่อชาพาทำอย่างเข้มแข็ง …” พระอาจารย์ไพฑูรย์ ขันติโก ซึ่งเป็นสามเณรรูปแรกของหลวงปู่ชา ให้สัมภาษณ์กับ “ธรรมาภิวัตน์”

    เป้าหมายสูงสุดของการศึกษา คือ การพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ครับ วัดหนองป่าพงย่อมถือได้ว่า เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีที่จะหล่อหลอมผู้คนให้เดินทางไปสู่เป้าหมายสูงสุดนั้น ตามแนวทางที่หลวงปู่ชาได้วางไว้ เห็นได้จากในแต่ละวันทางวัดหนองป่าพงแต่ละสาขา จะมีผู้เข้ามาศึกษาเรียนรู้และปฏิบัติธรรมเป็นประจำ และดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้ผู้ที่มาศึกษาธรรม มาฟังธรรม หรือแม้แต่จะก้าวเข้าสู่รสพระธรรม สามารถจะน้อมนำไปใช้ในชีวิต เพื่อให้พบความสุขสงบเย็นที่แท้จริงของชีวิต ซึ่งก็คือ การเดินตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า การเดินตามรอยพ่อแม่ครูอาจารย์ ซึ่งต่างมุ่งสู่หนทางเดียวกันคือ “การก้าวสู่นิพพาน” นั่นเอง

    หลวงปู่ชายังเป็นผู้วางแนวทางสอนธรรมะให้กับลูกศิษย์ลูกหาทั่วโลกได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการมุ่งไปที่ “ศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ชัดเจนว่า ศรัทธานั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล เพราะบุคคลเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง แม้สังขารของหลวงปู่ชาก็ตาม หรือของพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตาม ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปได้ด้วยกันทั้งนั้น

    ขณะที่เวลาผ่านมา 2557 ปีแล้ว ทว่าพุทธศาสนา หลักธรรมคำสอน และพระธรรมวินัย กลับยืนหยัดอยู่ได้ และหลวงปู่ชาก็เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่พุทธศาสนาออกไป เป็นวัดสาขาของวัดหนองป่าพงทั่วโลก อันเป็นคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ที่หลวงปู่ชาได้ละทิ้งไว้เป็น “มรดกธรรม” ให้แก่ลูกศิษย์ลูกหา

    __________________

    ข่าว : กานต์ จอมอินตา ผู้อํานวยการโครงการธรรมาภิวัตน์ สถานีโทรทัศน์ NEWS1
    ภาพ : คุณกตภัน แก้วสง่า

    .jpg
    1515117846_148_เมื่อถึงวันละสังขารของ.jpg
    1515117846_133_เมื่อถึงวันละสังขารของ.jpg
    1515117847_428_เมื่อถึงวันละสังขารของ.jpg
    1515117847_171_เมื่อถึงวันละสังขารของ.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ย้อนเหตุการณ์ “กลุ่มกันยายนทมิฬบุกกรุงเทพฯ”!! “หลวงปู่ฝั้น อาจารโร ” เห็นนิมิตเค้าลาง…จึงแผ่กระแสเมตตาจิตไปช่วย

    “…ย้อนไปเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ “หลวงปู่ฝั้น อาจาโร” ได้ขึ้นไปพำนักบนถ้ำขาม จังหวัดสกลนคร

    เช้าวันที่ ๒๘ หลังจากจังหันแล้ว หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ได้ประกาศแก่พระเณรที่ฉันอยู่บนศาลาว่า

    “ฉันแล้วให้รีบเข้าที่ ตั้งใจภาวนาให้เต็มที่ … วันนี้ทางกรุงเทพฯ มีเหตุการณ์!!”

    ซึ่งหลวงปู่ฝั้น อาจาโร เองก็เข้าที่ทำสมาธิภาวนาด้วยเพื่อแผ่เมตตาส่งไปทางกรุงเทพฯ

    พอถึงเวลาประมาณสี่ทุ่มคืนนั้นก็มีคนเดินทางมาจากจังหวัดอุดรธานีเพื่อขอเข้าพบหลวงปู่ฝั้น อาจาโร เขาแจ้งข่าวให้ท่านทราบว่า สมาชิกขบวนการกู้ชาติปาเลสไตน์ กลุ่มกันยายนทมิฬ (Black September) ได้บุกเข้ายึดสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยไว้ เกรงกันว่าจะเกิดเหตุนองเลือด จึงขอให้ท่านช่วยแก้ไขด้วย

    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร บอกกับคนผู้นั้นว่า ท่านทราบมาตั้งแต่เช้าแล้วจึงได้สั่งให้พระเณรช่วยกันภาวนา และตัวท่านเองก็ได้แผ่เมตตาไปให้แก่พวกก่อการร้ายอยู่ตลอดเวลาด้วย ท่านลงท้ายว่า

    “…ไม่มีอะไรน่าตกใจหรอก … พรุ่งนี้เช้าเขาก็ขึ้นเครื่องบินหนีไปเอง..”

    หนังสือพิมพ์ลงข่าวเหตุการณ์ดังกล่าว
    ผลสุดท้าย เหตุการณ์ก็ได้เป็นไปตรงตามนั้น!! พวกกันยายนทมิฬยอมถอนกำลังออกไปโดยสงบ … เพราะเหตุใดไม่มีใครทราบ (นอกเหนือไปจากเหตุผลด้านการเจรจา)

    แต่อย่างน้อย คำพูดของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ก็ย่อมทำให้เกิดความสงบขึ้นในใจของผู้ที่ได้ยินได้ฟัง ซึ่งความสงบแห่งจิตใจย่อมเป็นสิ่งที่มีค่าเสมอในยามที่เกิดวิกฤตการณ์

    และนั่นก็ถือว่า หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ได้ทำประโยชน์สำคัญต่อบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่งในบั้นปลายแห่งชีวิตของท่าน …

    คัดลอกมาจากบางตอนชีวประวัติและปฏิปทาท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร

    ขอให้ทุกทุกท่านเจริญในธรรม

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -กลุ่มกัน.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “..๓ พระนิยตโพธิสัตว์…”
    พระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จาก”พระพุทธเจ้าแล้วว่า ท่านจะมาเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆ ไป

    “…๓ พระนิยตโพธิสัตว์…” พระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว

    (๑) ครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เคยพบและสนทนาธรรมกับ “พระครูบาศรีวิชัย” หลังจากที่พระครูบาศรีวิชัยถูกอธิกรณ์แล้ว หลวงปู่มั่นเคยออกปากชวนพระครูบาศรีวิชัยออกมาปฏิบัติกัมมัฏฐานด้วยกัน แต่พระครูบาศรีวิชัยปฏิเสธ โดยกล่าวว่าท่านได้บำเพ็ญบารมีมาทางพระโพธิสัตว์ และได้รับการพยากรณ์แล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต่อมาพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) สนใจใคร่รู้ถึงภูมิธรรมและปฏิปทาตามวิถีทางที่พระครูบาศรีวิชัยดำเนินอยู่ จึงได้สอบถามหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งท่านได้กราบเรียนพระเดชพระคุณให้ทราบว่า…

    “…พระศรีวิชัยองค์นี้เป็นพระโพธสัตว์ ปรารถนาพระโพธิญาณ ขณะนี้กำลังบำเพ็ญเพียรสร้างสมบารมีอยู่ ซึ่งต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกนาน จนกว่าการสั่งสมบารมีธรรมจะบริบูรณ์ จะมาตรัสรู้เป็นองค์ที่ ๑๐ พระสุมังคโลพุทธเจ้า นับจากพระศรีอาริยเมตไตรโยองค์ที่ ๑…”

    ที่มา : ธรรมประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม(วัดหนองน่อง) อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    (๒) หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ

    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เป็น “พระนิยตโพธิสัตว์” ท่านปรารถนาพระโพธิญาณ และได้รับการพยากรณ์แล้ว ท่านได้รู้เห็นจิตใจของตนในส่วนลึกอย่างละเอียดว่า ได้เคยอธิษฐานตั้งความปรารถนาและได้รับการพยากรณ์แล้ว ในช่วงธุดงค์ไป อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ กับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร โดยเมื่อครั้งเป็นสามเณรนั้น หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม ผู้เป็นอาจารย์ ท่านได้กล่าวไว้ว่า…

    (หลวงปู่จาม) “…ได้เคยอธิษฐานตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าไว้แล้วในอดีตชาติและได้รับการพุทธพยากรณ์แล้ว ไม่สามารถถอนออกได้ จึงจะต้องบำเพ็ญบารมีเพิ่มขึ้น จะต้องเกิดตายอีกหลายชาติ จนกว่าบารมีจะเต็ม และถึงระยะเวลาที่จะต้องลงมาอีกเพื่อการจะเป็นพระพุทธเจ้า ที่จะต้องมาโปรดสัตว์ที่โลกกำลังร้อนระอุ ซึ่งเป็นระยะเวลาอีกนานเท่าใดไม่สามารถจะประมาณได้

    การสั่งสมอุปนิสัยบุญบารมีในแนวทางของความเป็นพุทธภูมิและได้รับการพุทธพยากรณ์แล้วนั้น ก็เป็นเรื่องเฉพาะตน การจะบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นใครก็เป็นเรื่องเฉพาะของการเป็นใครคนนั้น กรณีบำเพ็ญสาวกบารมีก็จะเป็นสาวก บำเพ็ญอัครสาวกบารมีก็จะเป็นอัครสาวก บำเพ็ญปัจเจกบารมีก็เป็นปัจเจกพุทธเจ้า ถ้าบำเพ็ญพุทธบารมีก็ต้องเป็นพระพุทธเจ้า…”

    ที่มา : ธรรมประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม(วัดหนองน่อง) อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    (๓) พระเทพวิสุทธิญาณ (หลวงปู่ไพบูลย์ สุมังคโล)

    หลวงปู่ไพบูลย์ สุมังคโล ท่านเป็นพระมหาโพธิสัตว์ผู้สร้างบารมีจาก “ศรัทธาธิกะ” ที่หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร, หลวงปู่แว่น ธนปาโล, หลวงปู่หลวง กตปุญโญ, หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร, หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร และพระอาจารย์เด่น นันทิโย รับรอง

    จากหนังสือประวัติของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม…หลวงปู่ชอบท่านบอกว่า “หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีในพระศาสนา นอกนั้นเป็นเพียงคนอื่นคิดเหมาเอา ไม่ใช่ธรรมแท้”

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านยกเรื่องอดีตชาติของท่านกับหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล ให้ฟังว่า “ในสมัยพระพุทธเจ้ากะกุสันโธ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านเกิดเป็นอาจารย์ฤาษี อยู่ที่เมืองยอน ประเทศพม่า ท่านบอกในชาตินั้นเราได้ฌานสมาบัติ ๘ เหาะเหินเดินอากาศได้ ในชาติที่ท่านเกิดเป็นอาจารย์ฤาษี ที่เมืองยอน ประเทศพม่า ท่านมีลูกศิษย์ฤาษีที่ได้มาบวชพบกันในศาสนาพระพุทธเจ้าสมณโคดมองค์ปัจจุบัน มี ท่านพ่อลี ธัมมธโร, หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ, หลวงปู่จาม มหาปุญโญ, หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร, หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล และครูบากล้วย พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท ฯลฯ

    ในส่วนของหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล นั้น หลวงปู่ชอบ ฐานสโม บอกหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล ท่านได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้ากะกุสันโธรับรองความเป็นพระมหาโพธิสัตว์ให้กับท่าน ในชาติที่ท่านเกิดเป็นฤาษี ที่เมืองยอน ประเทศพม่า หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านบอกภัทรกัปป์หน้าจะมีพระพุทธเจ้า ๑๐ พระองค์ หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล ท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๘ ในอนาคตนับจากพระศรีอาริยเมตไตรโยเป็นองค์ที่ ๑…”

    ในธรรมะประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ชาติที่เกิดเป็นเทพบุตรฤาษีโพธิสัตว์ได้หนีจากนางฟ้านางสวรรค์ มาบำเพ็ญเพียรเป็นเทพบุตรฤาษีอยู่ผานกเค้า ภูกระดึง จ.เลย ท่านพ่อลี ธัมมธโร ได้ไปพบปะเจอ และสนทนาธรรมกัน ชาติก่อนั้นเกิดเป็นหัวหน้าชาวบ้านอยู่ผาบิ้ง วังสะพุง จ.เลย อุปถากพระอุบาลี(เอทัตคะผู้เลิศทางพระวินัย) อยู่ ๔ พรรษา จนท่านละสังขารที่นั้น จากนั้นตายจากมนุษย์มาเกิดเป็นเทวดา หนีนางฟ้านางสวรรค์มาบำเพ็ญอยู่ผานกเค้า ต่อไปจะได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๘ พระพุทธเจ้าเตยยะ นับจากพระศรีอาริยเมตไตรโยองค์ที่ ๑…”

    ธรรมประวัติบางส่วนของพระนิยตโพธิสัตว์ พระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่าน

    -พระนิยตโพธิสัตว์.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…คนเราเกิดมาไม่เห็นมีอะไรดี มีดีอยู่อย่างเดียว คือ สวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติภาวนาคือ มองทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็นของชั่วคราว มีแต่ปัญหามีแต่ทุกข์ แล้วก็เสื่อม พังสลายไปในที่สุด…”

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…นักกรรมฐานจริงๆมันต้องพูดน้อย พูดในสิ่งที่ดี กินก็พอดี นอนก็พอดี…”

    หลวงตา : ท่านถึงบอกว่า นักกรรมฐานจริงๆน่ะ มันต้องพูดน้อย ไม่ใช่ไม่พูดเลยนะ พูดน้อยพูดในสิ่งที่ดี พูดในสิ่งที่เพลิดเพลิน

    สวดมนต์เยอะๆ กินก็พอดี ไม่ใช่น้อยไม่ใช่มาก เอาพอดี นอนก็พอดี ไม่ใช่นอนอุตุนอนทั้งวันอะไรพวกเนี้ย นั่นก็ไม่ใช่ พูดถึง

    ใช้อริยาบทที่เรามีอยู่เนี่ย เราจะได้ร่างกายแข็งแรง หมั่นเดิน มั่ง เดินไปเดินมามั่ง นั่งมั่ง นอนมั่ง ยืนมั่ง เน่ี่ยฝ่ึกไปเนี่ย สถานที่ก็ดี
    อยู่แล้ว พลังงานก็ดี อาหารก็ดี พร้อมนะฮะ พร้อมที่จะทำเนี่ย ถ้าใครใช้โอกาส เวลา สถานที่ ภพชาติที่เราอยู่ได้นะ หลวงตาว่า

    ใช้เวลาไม่เกินสี่ห้าปี ต้องได้ ไม่ได้อะไรต้องได้ ไม่ได้ไม่มี ฮะ บางคนมาอยู่เป็นปีนะ หลายปี น่าสงสารนะฮะ ชีวิตไม่มีอะไร

    ท่านว่า ไม่มีอะไร ที่เอ็งมาฝึกได้อย่างงี้เนี่ยท่านโมทนาสาธุด้วย เอ็งหนีจากโลกมาได้เนี่ยโมทนาสาธุด้วย เพราะโลกทุกวันเนี้ย

    เอ็งเคยเกิดมาแล้ว ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ เอ็งเคยใหญ่ เคยรวย เคยสวย เคยหล่อ เคยอะไรเยอะแยะไปหมดเลย มันก็ของเก่า ท่านว่าของเก่าๆน่ะ ชาติปัจจุบันนี้ก็ต้องฝึกๆไปตามใจ ไม่ใช่ ฝึกไปตามกรรม ฝึกไปตามใจ คือ เวลาใกล้จะเปลี่ยนร่าง อยากจะไป
    ไหนก็ได้ อยากไม่เกิดก็ได้ อยากไปพรหมก็ได้ เป็นเทวดาก็ได้ อยากเกิดเลยก็ได้นี่คือเกิดตามใจ โดยการฝึกฝนทุกวันเนี่ย

    เอ็งอย่าไปยินดียินร้ายกับมนุษย์ ในยุคปัจจุบันนี้เลยท่านว่า มันก็เวียนว่ายตายเกิดเหมือนเอ็งนั่นแหละ ยังไงให้มันเจอกันอยู่แล้วท่านบอก เพราะฉะนั้นถ้าเราหมั่นคิดบ่อยๆ ท่านว่าถ้าเอ็ง ไม่ฝึกไม่ได้ เอ็งจะฝึกหรือไม่ฝึกเอ็งก็ตาย นั่นแหละไหนๆก็มาแล้วก็ฝึกซะ ค่อยๆฝึก ค่อยๆฝึกไป เพราะฉะนั้นในศาสตร์หลวงพ่อนี่ ถึงจะ
    ไม่ยินดียินร้ายกะใคร มาก็ได้ไม่มาก็ได้

    สวดก็ดีไม่สวดก็ดี เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะอนุรักษ์ธาตุขันธ์ ชะลอความแก่ โรคมีน้อยเอ็งก็หมั่นห่างจากอารมณ์ทางโลก

    โดยเฉพาะอารมณ์ที่ไม่ดี ความเคยชินที่ไม่ดี ที่เอ็งเคยบันทึกไว้ในอดีตน่ะ มาหยุดซะท่านว่า หยุดให้มันอยู่แค่นั้นน่ะ อย่าให้มัน
    เพิ่ม เพิ่มในกรรมฐานนี่แหละท่านว่า จิตอยู่กับจักรพรรดิ อยู่กับไตรสรณคมน์ อยู่กับพระอยู่กับท่าน อยู่กับบุญ มีชีวิตอยู่กับบุญนั่นแหละ คุ้นกับความสงบท่านว่า แล้วมันก็จะพบกับความสุข

    หลวงตาม้า พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร : ถามตอบปัญหาธรรม
    ณ วัดพุทธพรหมปัญโญ(ดู่)อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    วันอังคารที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg
    1515134124_779_นักกรรมฐานจริงๆมันต้อ.jpg
    1515134124_178_นักกรรมฐานจริงๆมันต้อ.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “ ร่างกายนี้มันคือยอด อกตัญญู ”

    บำรุงบำเรอมันป่านใด ก็บ่ยอมอยู่กับเฮา
    เวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ก็หายูก หายา มารักษาให้หาย ให้เซา
    บัดหาย บัดเซาแล้ว ก็บ่อยู่กับเฮา บอกกะบ่ได้ สอนกะบ่ได้
    มันก็เจ็บ ก็ป่วย ก็ฮ้อน ก็หนาว ก็หิว ก็อยาก
    ต้องหาสิ่งมาบำรุงบำเรอ ให้หายหิว หายอยาก
    ให้หายฮ้อน หายหนาว

    แต่ก็บังคับบ่ได้ บอกบ่ได้ บอกบ่ให้เจ็บ ก็เจ็บ ก็ป่วย ห้ามบ่ได้ บอกบ่ได้

    ให้พากันตั้งอกตั้งใจทำคุณงามความดี
    ให้เป็นคนมีปัญญา เอาร่างกายนี้ล่ะ ทำบุญ ทำทาน
    สวดมนต์ไหว้พระ ภาวนา พอจะจากร่างกายอันนี้ไปแล้ว
    จะได้มีที่พึ่งที่อาศัยไปในภายภาคหน้า

    โอวาทธรรมองค์หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล ต.โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -อก.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...