ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “พระอัสสชิ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ ผู้เป็นอาจารย์องค์แรกของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ”

    (จากประวัติ “พุทธสาวก พุทธสาวิกา”)

    พระอัสสชิเถระ เป็นบุตรของพราหมณ์ในกรุงกบิลพัสดุ์ บิดาของท่านเป็นหนึ่งในพราหมณ์ ๘ คนที่ได้รับเชิญไปทำนายพระลักษณะ และขนานพระนามเจ้าชายสิทธัตถะ ครั้งเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช โกณฑัญญ ซึ่งเป็นผู้หนึ่งในจำนวนพราหมณ์ ๘ คนนั้น เชื่อว่าเจ้าชายสิทธัตถะจะได้ตรัสรู้แน่นอน จึงได้ชักชวนท่านอัสสชิพร้อมสหาย ไปเฝ้าปรนนิบัติขณะที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาอยู่ ณ อุรุเวลาเสนานิคม และเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา ท่านอัสสชิพร้อมด้วยสหายได้พากันหนีไปอยู่ที่ป่าอิสิปกตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ครั้นเจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว พระองค์ได้เสด็จไปโปรด โดยแสดงธรรมเทศนาชื่อว่า “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้ว ท่านอัสสชิได้ดวงตาเห็นธรรม และได้บวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์เช่นเดียวกับสหายทั้ง ๔ ในกลุ่มพระปัญจวคีย์

    หลังจากบรรลุพระอรหันต์แล้ว พระอัสสชิเถระได้เป็นหนึ่งในจำนวนพระสาวก ๖๐ รูป ที่พระพุทธเจ้าทรงส่งไปประกาศพระศาสนารุ่นแรก ในเช้าวันหนึ่ง ท่านได้ออกบิณฑบาตในเมืองราชคฤห์ อิริยาบถอันสงบสำรวมขณะเดินบิณฑบาตของท่าน ได้ก่อให้เกิดความประทับใจแก่ “อุปติสสะ”(พระสารีบุตร) ได้จึงเข้าไปนมัสการและเรียนธรรมะจากท่าน พระอัสสชิเถระออกตัวว่า ท่านบวชไม่นาน ไม่สามารถแสดงธรรมโดยพิสดารได้ อุปติสสะจึงกราบเรียนให้ท่านแสดงธรรมแต่โดยย่อ ท่านจึงแสดงธรรมโดยย่อว่า

    “ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้นและการดับแห่งธรรมเหล่านั้น”

    พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้อุปติสสะครั้งได้ฟังธรรมแล้วก็ได้ “ดวงตาเห็นธรรม” จึงรีบไปบอกแก่” โกลิตะ”(พระโมคัลลานะ)ผู้เป็นสหาย และครั้งโกลิตะฟังธรรมนั้นแล้ว ก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเช่นเดียวกัน จึงได้พากันออกบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า พระอัสสชิเถระไม่ปรากฏว่าท่านมีความเชี่ยวชาญด้านใดเป็นพิเศษ ท่านมีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย สมถะ ชอบอยู่สงบเพียงลำพัง มีบุคลิกน่าเลื่อมใส สำรวมอินทรีย์ การคู้การเหยียดซึ่งมือและเท้า การเหลียวดูเป็นไปอย่างสงบสำรวม น่าเลื่อมใสยิ่ง และไม่ปรากฏว่าพระอัสสชิเถระมีอายุพรรษาเท่าใด ท่านนิพพานไปเงียบ ๆ โดยไม่มีกล่าวถึงไว้ในคัมภีร์ไหนเลย

    คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง

    ๑. พระอัสสชิเถระมีบุคลิกภาพที่น่าเลื่อมใส สมถะ สำรวมระวังกิริยามารยาท ดังที่อุปติสสะได้พบเห็นท่านแล้วเกิดความรู้สึกประทับใจ น่าเลื่อมใส ซึ่งบุคลิกภาพเช่นนี้เป็นสื่อที่ชักจูงให้ผู้แสวงหาทางพ้นทุกข์ เข้ามาหา และมาสัมผัสรสพระธรรมเป็นอย่างดี บุคคลผู้สำรวมระวังรักษากิริยามารยาท ย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจและน่าเลื่อมใสของผู้อื่น

    ๒. พระอัสสชิเถระเป็นนักสอนศาสนาที่เชี่ยวชาญมิใช่น้อย การประกาศธรรม มิได้หมายความว่าจะต้องพูดเก่ง พูดได้ยืดยาว หากรู้จักพูด รู้จักสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รู้อุปนิสัยของผู้ฟังด้วยแล้ว แม้แสดงเพียงสังเขปก็สัมฤทธิ์ผล ดังท่านได้แสดงแก่อุปติสสมาณพนั้น

    ๓. พระอัสสชิเถระเป็นผู้มีคุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่ท่านทำไว้แก่พระพุทธศาสนา โดยได้เป็นผู้ชักชวนให้อุปติสสมาณพ และโกลิตะมาณพเข้ามาบวช ต่อมาท่านทั้งสองก็ได้เป็นพระอัครสาวกของพระพุทธเจ้าผู้เป็นกำลังสำคัญของพระพุทธศาสนา

    -พระอัสสชิ-หนึ่งใ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “สามเณรหัวดื้อ อดีตชาติของพระยามิลินท์”

    (คัดลอกมาจากหนังสือ “พุทธสาวก พุทธสาวิกา”)
    ประมวลประวัติพระเถระพระเถรี อุบาสกอุบาสิกาสมัยพุทธกาล เรียบเรียงโดยศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต

    วันนี้ขอเล่าประวัติ สามเณร “นิรนาม” รูปหนึ่ง มีชีวิตอยู่ก่อนพุทธกาลนี้ คือในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า กัสสปะ ว่าอย่างนั้น ความว่า ในอารามแห่งหนึ่ง มีภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่อาศัยอยู่ ภิกษุทั้งหลายถือ “วัตร” อย่างเคร่งครัด คือตื่นเช้าขึ้นมาก็จะจับไม้กวาดกวาดลานวัด ลานเจดีย์ เก็บขยะไปทิ้งอย่างพร้อมเพียงกัน วัดวาอารามสะอาดสะอ้านน่ารื่นรมย์ สมนาม “อาราม”

    วันหนึ่งภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งกวาดลานวัดอยู่อย่างขะมักเขม้น เรียกสามเณรน้อยรูปหนึ่งมาสั่งว่า สามเณรเอาขยะไปทิ้งที สามเณรน้อยทำเป็นไม่ได้ยิน ภิกษุหนุ่มนึกว่าสามเณรไม่ได้ยินจริงๆ จึงเรียกตั้งสามครั้ง เจ้าสามเณรน้อยรูปนี้ก็แกล้งเอาหูทวนลมเสีย ภิกษุหนุ่มจึงเอาด้ามไม้กวาดตีสามเณรพร้อมคำรามว่า “มันดื้อจริงวะ เณรน้อยรูปนี้” บังคับให้เธอเอาขยะไปทิ้งจนได้

    สามเณรน้อยร้องไห้พลางขนขยะไปทิ้งพลาง แล้วตั้งความปรารถนา (อธิษฐาน) ดังๆ ว่า “ด้วยบุญคือการนำขยะไปทิ้งนี้ ตราบใดที่ข้าพเจ้ายังไม่บรรลุพระนิพพาน ไม่ว่าจะเกิดในชาติภพใด ก็ขอให้เป็นผู้มีศักดิ์ (อำนาจ) มากดุจแสงพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน” เมื่อทิ้งขยะเสร็จแล้ว จึงไปอาบน้ำยังแม่น้ำ เห็นคลื่นมันก่อตัวแล้วซัดเข้ามาฝั่งแล้วๆ เล่าๆ จึงตั้งความปรารถนาว่า “ตราบใดที่เรายังไม่บรรลุพระนิพพาน ไม่ว่าจะเกิดในชาติภพใด ขอให้มีปฏิภาณเฉียบคมไม่รู้หมดสิ้นดุจเกลียวคลื่นเหล่านี้”

    ฝ่ายภิกษุหนุ่มไปอาบน้ำเหมือนกัน ได้ยินสามเณรน้อยอธิษฐานดังนั้น ก็ยิ้มนึกในใจ (นึก “ในใจ” ทั้งนั้นแหละ “นอกใจ” ไม่มีดอก) ว่าเณรเปี๊ยกนี้ ทิ้งขยะก็เพราะเราใช้ให้ทำ ถ้ามีอานิสงส์จากการทิ้งขยะ เราควรจะได้ก่อน ว่าแล้วก็อธิษฐานดังๆ ว่า “ตราบใดที่ข้าพเจ้ายังไม่บรรลุพระนิพพาน ไม่ว่าจะเกิดในชาติภพใดขอให้มีปฏิภาณไม่รู้หมดรู้สิ้นดุจคลื่นเหล่านี้ และขอให้สามารถแก้ปัญหาทุกข้อที่สามเณรนี้จะพึงถาม”

    ทั้งสอง คือ ทั้งภิกษุหนึ่งและสามเณร ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏตลอดพุทธันดรหนึ่ง ตกมาถึงพุทธกาลนี้ สามเณรนิรนามนั้นมาเกิดเป็น พระยามิลินท์ (เป็นชาวกรีก นามว่า เมนานเดอร์) ภิกษุหนุ่มมาเกิดเป็นบุตรโสณุตตรพราหมณ์ แห่งหมู่บ้านกชังคละ เชิงเขาหิมาลัย เด็กน้อยมีนามว่า นาคเสน

    พราหมณ์ผู้เป็นพ่อเป็นพราหมณ์นับถือศาสนาฮินดู มิได้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ไม่เคยทำบุญในพระพุทธศาสนา แม้จะมีพระภิกษุรูปหนึ่งยืนที่หน้าบ้านของตน แกก็มิได้สนใจ รำคาญเข้าก็ไล่ตะเพิด พระท่านก็ไม่ว่าอะไร เช้าวันรุ่งขึ้นก็มายืนสงบหน้าบ้านแกอีก แกก็ไล่ไปเหมือนเดิม

    ถามว่า พระไปบิณฑบาต ไปยืนรอหน้าบ้านเขาได้หรือ ตอบว่า ธรรมเนียมโบราณสมัยพุทธกาลนั้น พระไปยืนหน้าบ้าน ถ้าเขามีอาหารและมีจิตศรัทธา ก็จะออกมาใส่บาตร ถ้าเขาไม่มีใส่ หรือไม่มีศรัทธาเขาก็จะบอกว่า “นิมนต์ไปข้างหน้าเถิด” แล้วพระท่านก็จะไปที่อื่น ธรรมเนียมไทยไม่เช่นนั้น ถ้าเห็นพระมายืนรอรับบิณฑบาตก็นินทาแล้ว “อะไรกัน ทำไมไม่เดินบิณฑบาต มายืนรอทำไม อย่างนี้ไม่ถูกต้อง” แม้ว่าจะไม่ถูกต้องตามวัฒนธรรมไทยก็ตาม แต่มิได้ผิดวัฒนธรรมของพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า

    ถามอีกว่า ทำไมพระเถระรูปนี้จึงทนทู่ซี้มายืนหน้าบ้านพราหมณ์คนนี้ตั้งนาน (ว่ากันว่าเป็นเวลา ๗ ปี) ตอบว่า เพราะท่านถูกทำ “พรหมทัณฑ์” คือในช่วงที่พระอรหันต์ทั้งหลายประชุม “วางแผน” เกี่ยวกับอนาคตพระพุทธศาสนานั้น ท่านรูปนี้มัวแต่เข้าฌานสมาบัติอยู่ ไม่ได้มาประชุมด้วยจึงถูกสงฆ์ลงโทษ ให้หาวิธีเอาเด็กน้อยนาคเสนมาบวชให้ได้ เพื่อจะได้เป็นกำลังพระพุทธศาสนา ปราบคนมิจฉาทิฐิที่เห็นผิดอย่างพระยามิลินท์ที่พูดถึงนี้

    วันหนึ่งท่านเดินกลับวัด สวนทางกับพราหมณ์โสณุตตระ พราหมณ์ถามท่านว่า สมณะ วันนี้ท่านไปบ้านข้าพเจ้าหรือไม่ เมื่อได้รับคำตอบว่า ไป จึงถามว่า “ได้อะไรบ้างไหม”

    ถามไปอย่างนั้นเอง เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครใส่บาตรดอก แต่ผิดคาด พระเถระตอบเบาๆ ว่า “วันนี้อาตมาได้ โยม” ได้ยินดังนั้นก็หูร้อนทันทีรีบไปบ้านถามคนในบ้านด้วยความโกรธว่า “ใครให้ข้าวสมณะ” เมื่อทุกคนปฏิเสธว่ามิ “ได้ให้เลย” ก็ยิ่งโกรธกำลังสองคือโกรธสมณะ หาว่าพูดเท็จ พรุ่งนี้เถอะ ข้าจะจับผิดสมณะรูปนี้ให้ได้

    รุ่งเช้าขึ้นมา แกก็นั่งรอพระเถระแต่เช้า พอเห็นหน้าก็ต่อว่าหาว่าท่านโกหก เมื่อวานนี้ไม่มีใครให้อะไรท่านเลย ท่านกลับบอกว่าได้

    “อาตมาได้จริงๆ โยม” พระตอบสงบ

    “ได้อะไร”

    “ได้คำพูดไพเราะ เมื่อวานนี้ภรรยาของท่านกล่าวกับอาตมาว่า นิมนต์โปรดข้างหน้าเถิด ตลอด ๗ ปี อาตมาไม่ได้รับการต้อนรับด้วยไมตรีเลย มาเมื่อวานนี้ได้คำพูดอ่อนหวานว่า นิมนต์โปรดข้างหน้าเถิด อาตมาหมายเอาคำพูดนี้ อาตมาจึงบอกโยมว่าอาตมาได้”

    ฟังพระเถระอธิบาย พราหมณ์ก็อึ้ง นึกไม่ถึงว่าสมณศากยบุตรนั้นเป็นผู้มีจิตใจละเอียดอ่อนปานนั้น มีจิตใจกตัญญูรู้คุณอะไรปานนั้น เพียงแค่ได้คำพูดอ่อนหวานฉันไมตรีจิต ก็ยังซาบซึ้งว่าเป็นบุญคุณ จึงเกิดความเลื่อมใสนิมนต์ขึ้นไปฉันภัตตาหารที่บ้านเป็นประจำ แต่วันนั้นมาพระเถระก็กล่าวธรรมกถาวันละเล็กละน้อยโปรดโยมอุปัฏฐากของท่าน

    เด็กน้อยนาคเสน เห็นพระเถระนุ่งห่มแปลกๆ ก็เข้ามาซักถามทำไมนุ่งห่มอย่างนี้ ทำไมไม่ไว้ผมเหมือนคนอื่น พระเถระก็อธิบายให้ฟังว่าพระในพระพุทธศาสนาต้องครองเพศอย่างนี้ ถามว่าท่านรู้ไตรเพทไหม ท่านบอกว่าท่านรู้ เมื่อถามไถ่เรื่องราวของไตรเพท พระเถระก็ตอบได้หมด พอพระเถระถามบ้างก็ตอบไม่ได้ จึงอยากจะขอเรียนจากพระเถระ

    พระเถระว่า จะไม่สอนให้แก่คนที่ไม่ถือเพศอย่างเดียวกับตน เด็กน้อยนาคเสน อยากเรียนจากพระเถระ จึงตัดสินใจบวช ไปขออนุญาตพ่อแม่ไม่ได้รับอนุญาตในเบื้องต้น จึงประท้วงด้วยการอดอาหาร ยื่นคำขาดว่า ถ้าไม่ได้บวชก็ขออดอาหารตายดีกว่า

    พ่อแม่กลัวลูกตาย และคิดอีกทีว่า ลูกชายของตนเป็นคนใฝ่รู้มาก เมื่ออยากได้ความรู้แล้ว ไม่มีใครห้ามได้ เธอบวชเรียนได้ความรู้จากพระเถระแล้วก็คงสึกออกมา จึงอนุญาตให้ลูกชายบวช ลืมบอกไปว่า พระเถระที่เทียวไล้เทียวขื่อตลอดเวลา ๗ ปี กว่าจะได้เด็กน้อยนาคเสนมาเป็นศิษย์รูปนี้ นามว่า พระโรหนเถระ ท่านโรหนะได้ให้เด็กน้อยนาคเสนบวชเป็นสามเณร ขณะนั้นอายุเพียง ๗ ขวบ บวชแล้วก็ให้การศึกษาอบรมอย่างดี โดยให้เรียนอภิธรรมก่อน

    ว่ากันว่า อภิธรรม ๗ คัมภีร์ สามเณรน้อยนาคเสนใช้เวลา ๗ เดือนก็เรียนจบและมีความแตกฉานอย่างดีเยี่ยม เธอได้สาธยายให้พระอรหันต์ทั้งหลายฟังอย่างแม่ยำ ไม่ผิดพลาด เมื่ออายุครบบวชพระ ก็ได้รับอุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีพระโรหนะเป็นพระอุปัชฌายะ

    ตามประวัติดูเหมือนว่า นาคเสน ขณะยังเป็นสามเณรอยู่ได้ศึกษาเฉพาะอภิธรรม ต่อเมื่อบวชแล้วจึงถูกส่งไปศึกษาปิฎกอื่น (พระสูตรและพระวินัย) จากพระอัสสคุต และธัมมรักขิต จนเป็นผู้แตกฉานในพระไตรปิฎกอย่างหาผู้เปรียบปานได้ยาก

    ภายหลังถูกพระธัมมรักขิตเตือนว่า “อย่าเป็นเพียงเด็กเลี้ยงโค รับค่าจ้างเลี้ยงโคให้เขา แต่มิได้ดื่มรสน้ำนมโค” ความหมายก็คือ อย่าบำเพ็ญตนเป็นเพียงพหูสูต รู้หลักทฤษฎีเท่านั้น จงนำเอามาปฏิบัติจนได้รู้เห็นด้วยตนเองด้วย

    ท่านจึงคร่ำเคร่งบำเพ็ญสมาธิวิปัสสนาจนในที่สุดได้บรรลุพระอรหัตพร้อมทั้งปฏิสัมภิทา (ความแตกฉานใน ๔ ด้าน คือ แตกฉานในอรรถ ในธรรม ในภาษา และในปฏิภาณ)

    ในช่วงที่กล่าวถึงนี้ คู่ปรับเก่าในอดีตชาติ (พระยามิลินท์) ได้โต้วาทะหักล้างนักปราชญ์ต่างๆ จนไม่มีใครสู้ได้ต่างหลบหน้าไปหมด พระหนุ่มนาคเสนจึงได้เดินทางไปยังเมืองสาคละ เพื่อโต้วาทะกับพระยามิลินท์

    การโต้วาทะอันลือลั่นครั้งนั้น ได้บันทึกไว้ในหนังสือชื่อว่า มิลินทปัญหา อยากทราบไหวพริบปฏิภาณของพระหนุ่มอดีตสามเณรน้อยนามว่า นาคเสน ว่าเฉียบคมอย่างไร หาอ่านจากหนังสือเล่มนี้

    -สามเณรหัวดื้อ-อด.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “อย่าเที่ยวแบกคัมภีร์ ไปเจริญภาวนา”

    (คติธรรม หลวงปู่ชา สุภัทโท)

    นักปริยัติชอบสงสัย เช่น เวลานั่งสมาธิ ถ้าจิตสงบปั๊บ มันเป็นปฐมฌานแล้วกระมัง ชอบคิดอย่างนี้ พอนึกอย่างนี้จิตถอนเลย ถอนหมดเลย เดี๋ยวก็เป็นทุติยฌานแล้วกระมัง อย่าเอามาคิด พวกนี้มันไม่มีป้ายบอก มันคนละอย่าง ไม่มีป้ายบอกว่า นี่ทางเข้าวัดหนองป่าพง มิได้อ่านอย่างนั้น มันไม่บอก มีแต่พวกเกจิอาจารย์มาเขียนไว้ว่า ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน มาเขียนไว้ทางนอก ถ้าจิตเราเข้าไปสงบถึงขั้นนั้นแล้ว ไม่รู้จักหรอก รู้อยู่แต่ว่ามันไม่เหมือนปริยัติที่เราเรียน

    ถ้าผู้เรียนปริยัติแล้วชอบกำเข้าไปด้วย ชอบนั่งคอยสังเกตว่า เอ! เป็นอย่างไร มันเป็นปฐมฌานแล้วหรือยัง นี่มันถอนออกหมดแล้ว ไม่ได้ความ ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น เพราะมันอยาก พอตัณหาเกิดมันจะมีอะไร มันก็ถอนออกพร้อมกัน นี่แหละเราทั้งหลายต้องทิ้งความคิดความสงสัยให้หมด ให้เอาจิตกับกายวาจาล้วนๆ เข้าปฏิบัติ ดูอาการของจิัต อย่าแบกคัมภีร์เข้าไปด้วย ไม่มีคัมภีร์ในนั้น ขืนแบกเข้าไปมันเสียหมด เพราะในคัมภีร์ไม่มีสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง ผู้ที่เรียนมากๆ รู้มากๆ จึงไม่ค่อยสำเร็จ เพราะมาติดตรงนี้

    -อย่าเที่ยวแบกคัม.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างกุฏิปลอดเชื้อ หลวงปู่ลี กุสลธโร-วัดป่าภูผาแดง อุดรธานี

    สามารถโอนทำบุญได้ที่ ธนาคารไทย พาณิชย์
    สาขา ถนนทหาร (อุดรธานี)

    ชื่อบัญชี : พระวันชัย วิจิตโต / พระคำบ่อ พลพลาด/ พระอุดร จันได/ พระเคลือบ เวชบรรพต

    เลขที่บัญชี : 721-240014-5

    ได้ข้อมูล จาก ท่านสิริมณีกร อังศรา

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่ข่าวสารงานบุญนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg
    1530102127_781_ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างกุ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” ภพชาติของความเป็นมนุษย์เป็นภพชาติที่สำคัญยิ่ง ซ้ำยังมาเจอคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ยิ่งเป็นความสำคัญอันยิ่งใหญ่กับชีวิต แต่ถ้าเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ชีวิตนั้นจะเกิดมาเป็นหมื่นๆ แสนๆ ชาติก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย ”

    พระอาจารย์ชายแดน สีลสุทโธ
    วัดสามัคคีบุญญาราม อ.เมือง จ.ลำปาง

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “หมู่เฮามันบ่เห็นหยังแหลว
    เพราะกิเลสมันต็มหัวใจอยู่เด้
    เรื่องธรรมมันบ่โผล่เข้าจักเถือ
    มันบ่เกิดหยังแหลวนี่
    คิดเรื่องได๋กะมีแต่กิเลสตัณหาไปเบิ๊ด
    ความรักความชังอยู่หั่น
    ธรรมคือขันติความอดทนบ่มี
    หิริโอตัปปะบ่มี
    พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้เบิ้ด
    ต้องหาธรรมพระองค์เจ้าใส่ใจเจ้าของเบิ่งดู๊
    หยังสิแย้งได้ คั่นสิแย้งกะเดินบ่ตามทางเพิ่นแหลว
    เดินบ่ตามทางเพิ่นกะบ่ถืก ให้ฝึกเจ้าของ
    นั่งกะฝึก นอนกะฝึก คือจั่งหลวงปู่ฝั้นเพิ่นว่า
    นั่งกะวัด นอนกะวัด วัดใจเจ้าของ อยู่จั่งซั่นแล้ว
    เพิ่นสอนเข้าวัดเข้าวา ตั้งแต่ตัดเสื้อผ้ากะยังวัด
    คั่นบ่วัดมันบ่ถืก เพิ่นสอนปานนั้น”

    หลวงปู่ลี กุสลธโร 7/5/2537

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ๏ หลวงปู่มั่นปราบผีร่างยักษ์ที่ถ้ำสาริกา ๏

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เคยเล่าไว้ว่า ช่วงเวลาสามปีที่พักอยู่ในถ้ำสาริกานั้น ท่านได้ประสบเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย จนเป็นที่สะดุดและฝังใจตลอดมา

    เหตุการณ์หนึ่งในนั้นก็คือ เมื่อหลวงปู่มั่นเดินทางไปถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับถ้ำ ท่านได้วานให้ชาวบ้านไปส่งที่ถ้ำสาริกาเพราะไม่เคยไปและไม่รู้ทาง ชาวบ้านจึงเล่าเรื่องอาถรรพ์ต่างๆ ของถ้ำแห่งนั้นให้ท่านฟังว่า …

    “ถ้าพระไม่ดีจริงๆ ไปอยู่ไม่ได้ ต้องเจ็บป่วยสารพัดและตายกันแทบไม่มีเหลือรอดลงมา เพราะถ้ำแห่งนี้มี ‘ผีหลวง’ รูปร่างใหญ่และมีฤทธิ์มาก คอยรักษาอยู่ ผีตัวนี้ดุร้ายมาก ไม่เลือกพระเลือกเจ้า ถ้าใครเข้าไปอยู่ถ้ำนั้นจะต้องมีอันเป็นไปอย่างคาดไม่ถึง ยิ่งพระรูปใดที่อวดอ้างตัวเองว่าเก่ง มีวิชาอาคมขลัง และไม่กลัวผีแล้ว ผีตัวนั้นจะยิ่งชอบทดสอบ แล้วพระรูปนั้นก็ต้องเจ็บป่วยขึ้นมาอย่างกะทันหันและตายเร็วกว่าปกติที่ควรจะเป็น”

    เมื่อเล่าจบแล้ว ชาวบ้านก็พร้อมใจกันนิมนต์วิงวอน…ไม่อยากให้หลวงปู่มั่นขึ้นไปอยู่ในถ้ำ เพราะกลัวว่าท่านจะตายเหมือนพระรูปอื่นๆ

    หลังจากฟังชาวบ้านพูดจบแล้ว หลวงปู่มั่นก็บอกว่าท่านไม่กลัว และขอให้ชาวบ้านพาท่านขึ้นไปส่งที่ถ้ำ

    จนกระทั่งในคืนหนึ่ง หลังจากที่หลวงปู่มั่นจิตสงบเป็นสมาธิและสว่างออกไปนอกกายก็ปรากฏร่างดำใหญ่ของบุรุษผู้หนึ่ง สูงราวๆ สิบเมตร ถือตะบองเหล็กใหญ่เท่าขา ยาวประมาณสองวา เดินเข้ามาหาและบอกกับท่านว่า

    “จะทุบตีให้จมลงไปในดิน … ถ้าไม่หนีจะฆ่าให้ตาย!!” (ตะบองเหล็กนั้นตีช้างตัวใหญ่แค่ทีเดียว ช้างตัวนั้นจะต้องจมลงไปในดินแบบมิดเลยโดยไม่ต้องตีซ้ำอีก)

    หลวงปู่มั่นกำหนดจิตถามผีร่างยักษ์นั้นว่า

    “จะมาตีและฆ่าอาตมาทำไม? อาตมามีความผิดอะไรถึงจะต้องถูกตีถูกฆ่า? การมาอยู่ที่นี่มิได้มากดขี่ข่มเหงหรือเบียดเบียนใครให้เดือดร้อน!!”

    ผีร่างยักษ์บอกว่า เขาเป็นผู้มีอำนาจรักษาภูเขาลูกนี้อยู่นานแล้ว ไม่ยอมให้ใครมามีอำนาจเหนือตนเองไปได้ จะต้องกำจัดทันที

    หลวงปู่มั่นจึงถามผีร่างยักษ์ตนนั้นว่า

    “ถ้าท่านเป็นผู้มีอำนาจและเก่งจริงอย่างที่อวดอ้างแล้ว ท่านมีอำนาจเหนือกรรมและเหนือธรรมอันเป็นกฎใหญ่ปกครองมวลสัตว์ในสามโลกด้วยหรือเปล่า?”

    ผีร่างยักษ์ตอบว่า “เปล่า”

    หลวงปู่มั่นพูดต่ออีกว่า

    “พระพุทธเจ้าท่านสามารถปราบกิเลสที่คอยอวดอำนาจว่าตัวเองดี-ตัวเองเก่งอยู่ภายใน ส่วนท่านที่ว่าตัวเองเก่งนั้น…ได้คิดปราบกิเลสตัวนั้นให้หมดสิ้นไปบ้างหรือยัง?”

    ผีตอบว่า “ยังเลยท่าน”

    หลวงปู่มั่นพูดอีกว่า

    “ท่านว่าท่านเป็นผู้มีอำนาจอันใหญ่หลวงปกครองอยู่ในเขตเขาเหล่านี้ แต่อำนาจนั้นมีฤทธิ์เดชเหนือกรรมและเหนือธรรมไปได้ไหม? … ถ้าท่านมีอำนาจและมีฤทธิ์เหนือธรรมแล้ว ท่านก็ทุบตีหรือฆ่าอาตมาได้

    สำหรับอาตมาเองไม่กลัวความตาย แม้ท่านไม่ฆ่า อาตมาก็ยังจะต้องตายอยู่ดีเมื่อกาลของมันมาถึง เพราะโลกนี้เป็นที่อยู่ของมวลสัตว์ผู้เกิดมาแล้วต้องตายทั่วหน้ากัน แม้ตัวท่านเองที่กำลังอวดตัวว่าเก่งในอำนาจจนกลายเป็นผู้มืดบอดอยู่ขณะนี้ ท่านก็มิได้เก่งกว่าความตายและกฎแห่งกรรมที่ครอบงำสัตว์โลกไปได้”

    ระหว่างที่หลวงปู่มั่นกำลังเทศน์สั่งสอนผีร่างยักษ์ผ่านทางสมาธิอยู่นั้นปรากฏว่า ผีตนนั้นยืนตัวแข็งเหมือนตุ๊กตา ไม่กระดุกกระดิก ไม่ขยับเขยื้อนไปมาเลย ถ้าเป็นคนธรรมดาก็ทั้งกลัวทั้งอับอายจนตัวแข็งแทบลืมหายใจ แต่นี่เป็นอมนุษย์ก็เลยไม่รู้ว่าเขามีลมหายใจหรือไม่ แต่อาการทั้งหมดนั้นก็แสดงให้เห็นชัดว่า ผีตนนั้นทั้งกลัวทั้งอับอายหลวงปู่มั่นจนสุดที่จะอดกลั้นได้ แต่ก็สามารถอดกลั้นได้อย่างน่าชม

    เมื่อหลวงปู่มั่นแสดงธรรมจบลง ผีร่างยักษ์ก็ได้ทิ้งตะบองเหล็กลงจากบ่า และเนรมิตแปลงกายจากร่างของผีที่มีร่างกายดำใหญ่มาเป็นสุภาพบุรุษผู้อ่อนโยนด้วยมารยาทอัธยาศัย แสดงความเคารพและกล่าวคำขอโทษท่านด้วยความสำนึกในบาปอย่างจริงใจ

    สุดท้ายแห่งการสนทนาธรรม บุรุษผู้นั้นได้มีความเคารพเลื่อมใสในธรรมเป็นอย่างยิ่งและปฏิญาณตนถึงพระรัตนตรัย โดยให้หลวงปู่มั่นเป็นสรณะและเป็นองค์พยานด้วย พร้อมทั้งให้ความอารักขาแก่ท่านเป็นอย่างดี และขอนิมนต์ท่านให้พักอยู่ที่นี่ให้นานๆ เขาจะเป็นผู้คอยดูแลรักษาท่านทุกอิริยาบถ ไม่ให้มีอะไรมาเบียดเบียนหรือรังแกท่านได้เลย

    ความจริงแล้ว บุรุษผู้นี้มิใช่บุรุษลึกลับและมีร่างกายดำสูงใหญ่ดังที่ปรากฏตัวต่อหลวงปู่มั่น แต่เขาเป็นหัวหน้าแห่งรุกขเทวดาผู้มีบริวารมากมาย โดยอาศัยอยู่ในภูเขาและสถานที่ต่างๆ ซึ่งมีอาณาบริเวณกว้างขวางติดต่อกันหลายจังหวัด มีนครนายกเป็นต้น

    -หลวงปู่มั่นปราบผีร่าง.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “พระอรหันต์ปิโลติกะ ผู้นุ่งผ้าก้นขาด”

    วันนี้ขอนำเอาเรื่องราวสามเณรอดีตเด็กขอทานอนาถา มาเล่าสู่กันฟัง เด็กคนนี้ชื่อเดิมว่าอย่างไรไม่ทราบ แต่ชาวบ้านเขาเรียกท่านว่า “ไอ้ผ้าเก่าขาด” หรือ “ไอ้ตูดขาด” เพราะท่านนุ่งกางเกงผ้าเก่าขาดวิ่นอยู่ผืนเดียว ก็มีอยู่แค่นั้น วันๆ ก็ถือกะลาขอทานยังชีพ ได้อาหารการกินบ้าง อดบ้าง อดเสียส่วนมาก ท่านพระอานนทเถระไปบิณฑบาต พบเด็กคนนี้เข้า ก็เกิดความสงสารตามประสาพระชอบเลี้ยงเด็ก

    พระอานนท์เป็นคนรักเด็ก เห็นเด็กเร่ร่อนก็นึกสงสารแล้วเขาจะอดตาย จึงจับมาบวชและให้การศึกษาอบรมเป็นจำนวนมาก จนพระมหากัสสปะเถระท่านพูดกระเซ้าเวลาพบกัน ด้วยวาทะว่า “เจ้าเด็กน้อย” พระอานนท์ถามเด็กมอมแมมคนนี้ว่า เจ้าอยู่อย่างนี้ลำบากเหลือเกินเจ้าบวชจะไม่ดีกว่าหรือ

    เด็กน้อยถามว่า “ใครจะบวชให้ผมเล่าครับ”

    “ฉันเอง” พระอานนทเถระพูด แล้วนำเขาไปวิหารอาบน้ำให้ด้วยมือท่านเอง ขัดคราบไคลออกหมดจนสะอาดสะอ้านแล้วให้กรรมฐานแล้วให้บวชเป็นสามเณร พระเถระจับกางเกงขึ้นมาคลี่ดู ไม่เห็นว่าจะนำไปใช้อะไรได้ จึงเอาพาดกิ่งไม้ไว้

    สามเณรน้อยได้รับการฝึกฝนอบรมจากพระอานนท์ เมื่ออายุครบบวชก็ได้อุปสมบทจากภิกษุสงฆ์ มีปัจจัยสี่ใช้สอยไม่ขาดแคลน เมื่ออยู่ดีกินดีขึ้นฉวีวรรณก็ผุดผ่องอ้วนท้วน มีน้ำมีนวลขึ้นแล้วก็เกิด “ความกระสันอยากสึก” ขึ้นมาในจิต

    เมื่อ พระปิโลติกะ เธอเกิดความคิดอยากสึก เธอจึงกลับไปยังต้นไม้ต้นนั้น กางเกงตูดขาดยังอยู่ เธอจึงหยิบมันขึ้นมาตั้งใจจะนุ่งแล้วถือกะลาไปขอทานตามเดิม ทันใดนั้นเธอก็ชะงัก กล่าวสอนตนเองว่า “ไอ้โง่เอ๊ย เอ็งชักไม่มียางอายเสียเลย เอ็งบวชมาแล้ว มีเครื่องนุ่งห่มอย่างดี มีอาหารอย่างดีกิน แล้วยังอยากจะกลับมานุ่งผ้าเก่าขาดเที่ยวขอทานอีกหรือ”

    ให้โอวาทตนเองเสร็จ ก็นึกละอายใจ ตัดสินใจไม่สึก จะขอบวชอยู่ในพระศาสนาต่อไป จึงเอากางเกงตูดขาดแขวนกิ่งไม้ไว้เช่นเดิม ว่ากันว่าพระคุณเจ้า “กางเกงตูดขาด” เทียวไล้เทียวขื่อไปยังต้นไม้นั้นจับกางเกงตูดขาดลูบคลำไปมา พลางให้โอวาทเตือนสติตนเอง แล้วก็ตัดสินใจไม่สึก ทำอย่างนี้ถึงสามครั้งสามครา เวลาพระอื่นถามว่าไปไหนก็บอกว่า “ผมจะไปสำนักอาจารย์”

    สามสี่วันต่อมา เธอก็ได้บรรลุเป็นพระอรหัตน์ ไม่ไปๆ มาๆ อีกต่อไป ภิกษุทั้งหลายจึงถามท่านว่า “ผู้มีอายุ เดี๋ยวนี้ท่านไม่ไปสำนักอาจารย์หรือ ทางนี้เป็นทางเที่ยวไปของท่านมิใช่หรือ”

    เธอตอบว่า “ท่านทั้งหลาย เมื่อมีความเกี่ยวพันอยู่กับอาจารย์ ผมจึงไป แต่บัดนี้ผมตัดความเกี่ยวข้องกับอาจารย์หมดสิ้นแล้ว” เท่ากับบอกนัยว่าท่านได้บรรลุพระอรหัตน์แล้ว

    เหล่าภิกษุไม่พอใจ หาว่าท่านปิโลติกะ (พระกางเกงตูดขาด) อวดอ้างว่าบรรลุพระอรหัตน์ จึงพากันไปกราบทูลพระพุทธองค์ให้ทรงทราบ

    พระพุทธเจ้าเมื่อทรงสดับคำกล่าวหาของภิกษุทั้งหลายแล้ว จึงตรัสว่าถูกแล้ว ภิกษุทั้งหลาย บุตรของเราเมื่อมีความเกี่ยวข้องอยู่ จึงไปสำนักอาจารย์ บัดนี้เธอได้ตัดความเกี่ยวข้องนั้นแล้ว เธอได้บรรลุพระอรหัตแล้ว

    จากนั้นพระพุทธองค์ ได้ตรัสคาถาดังต่อไปนี้

    “คนที่หักห้ามใจจากความคิดอกุศลด้วยหิริ มีน้อยคนในโลกผู้ที่ไม่เห็นแก่นอน ตื่นอยู่เสมอ เหมือนมีม้าดีคอยหลบแส้ของสารถีหาได้ยาก เธอทั้งหลายจงพากเพียร มีความสังเวชสลดใจในความบกพร่องของตนเองแล้วเร่งพัฒนาตน เหมือนม้าดี ถูกเขาหวดด้วยแส้แล้วเร่งฝีเท้าขึ้นฉะนั้น เธอทั้งหลายจงศรัทธา เชื่อมั่นในสิ่งที่ดี มีศีลพระพฤติดีงาม มีวิริยะความพากเพียร มีสมาธิความตั้งใจมั่น และพรั่งพร้อมด้วยการวินิจฉัยธรรม มีความรู้และความประพฤติดี มีสติมั่นคง ปฏิบัติตนได้ดังนี้ จักละทุกข์ได้ไม่น้อยเลย”

    “พระกางเกงตูดขาด” อดีตเด็กขอทานอนาถามีหิริหักห้ามความคิดอกุศล มีความเพียร พยายามแก้ไขตนเอง สอนตนเองอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดท่านก็ได้บรรลุเป้าหมายสูงสุดแห่งพรหมจรรย์ กางเกงตูดขาดตัวนั้น ได้เป็น “อาจารย์” ของท่าน คือเป็นเครื่องเตือนสติให้ท่านมีฉันทะอยู่ในพระศาสนาจนได้เป็นพระอรหันต์ด้วยประการนี้
    _____________________________________

    (คัดมาจากหนังสือ “พุทธสาวก พุทธสาวิกา”)
    ประมวลประวัติพระเถระพระเถรี อุบาสกอุบาสิกาสมัยพุทธกาล เรียบเรียงโดย ศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต

    -พระอรหันต์ปิโลติ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    โอวาทธรรมคำสอนวันพระ : 1f538.png หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม 1f538.png

    คัดตัดตอนบางส่วนเป็นธรรมทานจาก

    ✨”ตอบคำถามเกี่ยวกับนิมิตต่างๆ”✨

    ๒๗-๖-๒๕๖๑



    หลวงปู่ตื้อท่านว่า

    นิมิตมีหลายแบบ

    นิมิตนะดีก็มีมาก

    นิมิตหลงก็มีมาก

    มันจะดีหรือจะหลอกนั้น

    ผู้ภาวนาเป็นมันจะรู้เองหรอก

    คนที่ถูกนิมิตหลอก

    ก็เพราะภาวนาไม่เป็น

    มันหลงทางนะ

    ก็ถ้านิมิตมันหลอกคนเอาไปกินจริง

    พระพุทธเจ้า พระสาวกเจ้า

    ครูอาจารย์ก็คงเหลือแต่กระดูกเท่านั้นซี

    คนฉลาดมีปัญญานิมิตหลอกไม่ได้หรอก

    คนโง่ นั่งเซ่อไม่ลืมหูลืมตาต่างหาก

    ที่นิมิตพาไปบ้าบอกเสียสตินะ

    ก็สติมันเสียแต่แรกแล้วนะ คนเช่นนั้นนะ

    หลวงปู่ตื้อท่านให้ข้อคิดแก่อาตมาดังนี้

    เรื่องสมาธิ เรื่องนิมิต ถ้าหากได้ภาวนาอยู่เสมอๆ

    ไม่มีตัวอยากจนเกินไป

    อยากรู้อยากเห็นนะ

    เป็นกิเลสตัวใหญ่ทีเดียวแหละ!!!





    ผู้โพสต์พิมพ์คัดตัดตอนบางส่วน

    ลง facebook จาก

    “โครงการหนังสือบูรพาจารย์เล่ม ๒ หน้า ๑๔๕-๑๔๖

    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม พระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ในยุคปัจจุบัน

    วัดป่าอรัญญวิเวก จังหวัดนครพนม

    ผู้เรียบเรียง / รศ.ดร ปฐม-รศ.ภัทรา นิคมานนท์
    ผู้บันทึก/บอกเล่า พระโสภณวิสุทธิคุณ (บุญเพ็ง กปฺปโก)

    ขอขอบคุณผู้มีส่วนเผยแพร่
    เจ้าของรูปประกอบในธรรม
    และผู้กด Like กดแชร์ ทุกท่าน

    ้าพเจ้าผู้โพสต์ขออนุโมทนาบุญอานิสงส์
    ันไพศาลนี้จงมีแด่ทุกท่านที่ได้สดับอ่านและเผยแพร่ครับ

    1f537.png 1f537.png

    -ห.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ันพระ”

    ผู้ที่หวังจะภาวนาให้มันได้ผลจริงๆ อย่าไปทำความระแวงสงสัยใดๆทั้งสิ้น จะภาวนา พุทโธ ก็ตั้งใจให้แน่วแน่ ภาวนา พุทโธ พุทโธ ยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน
    ดื่ม ทำ พูด คิด พุทโธ ตลอดเวลาได้..

    ไม่ต้องเลือก ขออภัย แม้แต่เข้าห้องน้ำ ก็ยังภาวนาพุท
    โธได้ ไม่เป็นบาปเป็นกรรมอะไรทั้งสิ้น

    ภาวนาจนกระทั้งจิตมันสงบสว่างไสว ทำด้วยความจริงใจ แล้วความสงบสมาธิจะเกิดขึ้น สมถะเป็นสิ่งจำเป็น ที่เราจะต้องเอาให้ได้

    เพราะมันเป็นพื้นฐานให้เกิดปัญญา อย่าไปกลัวว่าจิต มันจะติดความสงบ ติดสมถะ..

    ขอให้จิตมันมีสิ่งที่ติดเอาไว้ก่อน โดยหลักความเป็นจริงแล้ว สมาธิ คือสมถะ

    ไม่มีสมาธิก็ไม่มีฌาณ ไม่มีฌาณก็ไม่มีญาณ ไม่มีญาณก็ไม่มีปัญญา ไม่มีปัญญาก็ไม่มีวิปัสสนา ไม่มีวิปัสสนาก็ไม่มีวิชชาความรู้แจ้งเห็นจริง.
    …………..
    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย..

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “ทุกอย่าง..เกิดที่เหตุ
    ทุกอย่าง…เกิดที่กรรม”

    โอวาทธรรม:องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
    วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
    ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๑

    -เกิดที่เหตุ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “พระมหาโมคคัลลานะ สอนนางวิมลาหญิงโสเภณีที่มายั่วยวน จนบรรลุเป็นพระอรหันต์”

    (จากประวัติ พระมหาโมคคัลลานะ)

    วันหนึ่ง “พระมหาโมคคัลลานะ” ออกรับบิณฑบาตอยู่ในเมืองเวสาลี มีหญิงสาวโสเภณีนางหนึ่งหน้าตางดงาม เธอชื่อ “วิมลา” เมื่อเห็นพระโมคคัลลานะแล้วจิตเกิดปฏิพัทธ์ จึงเดินติดตามพระเถระไปถึงที่อยู่ เมื่อเห็นพระเถระอยู่รูปเดียว จึงได้โอกาสเข้าไปพูดจาและแสดงท่าทางอาการยั่วยวน พระเถระไม่หวั่นไหวและรู้ทันความประสงค์ จึงกล่าวเตือนหญิงโสเภณีวิมลาจนเธอได้สติว่า

    กระท่อม ก็คือ ร่างกาย มีกระดูกเป็นโครงสร้าง อันฉาบทาด้วยเนื้อ ร้อยรัดด้วยเส้นเอ็น เต็มไปด้วยของไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็น น่าเกลียด คนทั่วไปพากันยึดถือ แต่สำหรับอาตมาเป็นของน่ารังเกียจ ร่างกายของเธอไม่ต่างอะไรกับถุงใส่อุจจาระ มีหนังหุ้มห่อปกปิดไว้เหมือนนางปีศาจ มีผื่นขึ้นที่หน้าอก มีช่อง ๙ ช่องให้สิ่งสกปรกไหลออกอยู่เป็นนิตย์ ภิกษุอย่างอาตมาย่อมไม่เหลียวแลร่างกายเธอ เหมือนชายหนุ่มผู้รักความสะอาดย่อมหลบหลีกอุจจาระปัสสาวะเสียให้ไกล สำหรับคนทั่วไป หากเขาได้เข้าใจร่างกายของเธออย่างที่อาตมาเข้าใจ ต่างก็จะพากันหลีกไกล คล้ายชายหนุ่มผู้รักความสะอาดเห็นหลุมอุจจาระที่ฝนตกใส่ ย่อมหลบหลีกเสียไกล อากาศ คือ ความว่างเปล่า ใครก็ตามที่หวังจะเอาขมิ้นหรือน้ำย้อมอย่างอื่นไปย้อมอากาศ ย่อมเหนื่อยเปล่า จิตของอาตมาว่างเปล่าเหมือนกับอากาศ มั่นคงอยู่ภายในฉะนั้น เธออย่ามาหวังความรักจากจิตที่ว่างเปล่านี้เลย เพราะจะพบแต่ความปวดร้าวเช่นเดียวกับแมลงบินเข้ากองไฟ

    เมื่อนางวิมลาได้ฟังพระมหาโมคคัลลานะตำหนิแล้ว ก็เกิดสังเวชใจละอายและกลัวบาป ในขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาหาเหตุผลตามที่พระเถระกล่าว ก็ทำให้เกิดศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เธอจึงประกาศตนเป็นอุบาสิกาเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ทั้งเลิกประกอบอาชีพโสเภณีนับตั้งแต่นั้นมาต่อมา เมื่อนางวิมลาอายุย่างเข้าใกล้วัยชรา เธอก็ได้สละทรัพย์สมบัติทั้งหมดแล้วออกบวชเป็นพระภิกษุณี ไม่นานเธอก็บรรลุเป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในบวรพระพุทธศาสนา

    วันหนึ่งพระวิมลาภิกษุณีได้มานั่งปฏิบัติธรรมที่โคนต้นไม้ ท่านได้บรรลุทุติยฌาน ท่านอาศัยทุติยฌานนั้นเองเป็นฐานเจริญวิปัสสนาจนกระทั่งได้บรรลุอรหัตผล หลังจากพระเถรีท่านบรรลุอรหัตผลแล้ว ได้พิจารณาดูข้อปฏิบัติของตนแล้วกล่าวถ้อยคำแสดงความรู้สึกว่า

    เมื่อก่อน เรามัวเมาอยู่กับชื่อเสียง รูปร่าง ความงาม และบริวาร เราเองเคยหยิ่งทะนงอยู่กับความสาว จึงได้ดูถูกหญิงอื่นทั้งหมด เมื่อก่อนเราตกแต่งร่างกายนี้ให้สวยงาม ด้วยการเสริมสวยต่างๆ เช่น ย้อมผิว ประทินผิวด้วยเครื่องหอมต่างๆ และเกล้าผม เป็นต้น อันทำให้เหล่าคนโง่พร่ำเพ้อหา ครั้นแล้วก็มายืนดักผู้ชายอยู่ที่ประตูสำนักหญิงแพศยา เช่นเดียวกับนายพรานดักบ่วงล่อเนื้อฉะนั้น ณ ที่นั้น เราทำให้พวกผู้ชายได้เห็นเครื่องประดับทั้งหลายทั้งในที่ลับและในที่เปิดเผย ได้แสดงมายาเย้ายวนต่างๆ เชิญชวนชายให้ยินดีในกาม แต่มาวันนี้ เรากลับโกนศีรษะ ครองผ้าเย็บซ้อนกันเดินบิณฑบาต แล้วมานั่งเข้าณานที่ไม่มีวิตกอยู่โคนต้นไม้ บัดนี้กิเลสเครื่องผูกรัดทั้งของทิพย์และของมนุษย์ เราละได้เด็ดขาดหมดแล้ว เราขจัดกิเลสที่หมักหมมได้หมดจึงสงบเย็น

    1530175456_906_เรื่อง-พระมหาโมคคัลลานะ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...