ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ักษาโรคด้วยสมาธิ

    วิธีนั่งสมาธิเพื่อรักษาโรคภายในภายนอก ก่อนอื่นหลังจากที่เราไหว้พระสวดมนต์เสร็จแล้ว ให้อธิษฐานจิตว่า

    “ขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงดลบันดาลให้โรคภัยไข้เจ็บของข้าพเจ้าหายไป ณ บัดนี้”

    แล้วก็มานึกในใจ พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้วก็นึกว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่จิตของเรา พระธรรมอยู่ที่จิตของเรา พระสงฆ์อยู่ที่จิตของเรา เราจะสำรวมเอาจิตอย่างเดียว แล้วก็นั่งขัดสมาธิ ตั้งกายให้ตรง ตั้งสติให้ดี สูดลมหายใจช้าๆ เบาๆ สัก ๔ – ๕ ครั้ง สูดเข้า-ปล่อยออก นับเป็น ๑ ครั้ง พอทำถึง ๕ ครั้งแล้ว ก็นั่งทำใจให้เฉยๆ อย่าไปตั้งใจคิดอะไร กำหนดสติรู้ใจของเราอยู่เฉยๆ ในช่วงนั้น ลมหายใจจะปรากฏในความรู้สึกของเรา ก็ดูลมหายใจเรื่อยไป อันนี้ถ้าเราทำได้ จิตสงบ จะมองเห็นลมหายใจขาว วิ่งออก วิ่งเข้า พอมองเห็นลมหายใจขาววิ่งออกวิ่งเข้า เราเป็นโรคภัยไข้เจ็บอยู่ที่ไหน จิตมันจะวิ่งไปที่ตรงนั้น ลมจะวิ่งตามไป เช่น เป็นแผลในกระเพาะ ลำไส้ พอลมหายใจขาวสะ อาดดีแล้ว มันจะวิ่งไปสู่จุดที่มันรู้สึกเจ็บนั่นแหละ พอจิตวิ่งไปตรงนั้น ลมก็ตามไป แล้วมันจะไปสัมผัสขึ้น สัมผัสลง อยู่ที่ตรงนั้น แล้วจะทำให้แผลในกระเพาะ หรือลำไส้หายได้

    อันนี้มีคนเขาทำหายมาหลายคนแล้ว อันนี้วิธีทำสมาธิรักษาโรค

    เมื่อจิตของเราไปรวมอยู่ที่ลมหายใจ มองเห็นลมหายใจวิ่ง ออก วิ่งเข้า ขาวเหมือนปุยนุ่น ปุยฝ้าย ในช่วงนั้นจิตสงบเป็นสมาธิ มันจะดึงดูดเอาพลังรอบข้างเข้าไปรวมอยู่ที่จุดนั้น เรียกว่า พลังจักรวาล พอหลังจากนั้น จิตเขาจะทำหน้าที่ของเขาเอง เราไม่ต้องไปบังคับเขา เราเจ็บที่ตรงไหน ปวดที่ตรงไหน ขัดข้องที่ตรงไหน เช่นอย่างเกิดความมึนตึงในสมอง ปวดศีรษะบ่อยๆ ตึงเครียด มันจะคลายเบาบางลง แล้วในที่สุดจะหายขาด บางคนไปทำเพียง ๓ วันก็หาย

    อันนี้คือวิธีทำสมาธิรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยตนเอง

    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    1530464655_651_รักษาโรคด้วยสมาธิ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    กราบเรียนหลวงปู่ไม ไปเทศน์ที่เชียงใหม่ ของพระอาจารย์เปลื่ยน ปัญญาปทีโป มีโยมถามเรื่อง เด็ก 13คนไหม ท่านว่ามีนะ เด็กๆเข้าออกเป็นประจำ แต่ไม่ได้คำนวณฟ้าฝนจะตก น้ำป่ามาเลยติด เด็ก ๆ ไม่เป็นไร เดียวก็ออกมา (ระหว่างทางสนามบินภูเก็ต )

    Cr. ปณิธิมงคล โสรัสจะ

    -ไปเท.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ขอเชิญชวนชาวไทยจงร่วมกันเจริญกรณียเมตตสูตร และศึกษาความหมายแห่งพระสูตรนั้นให้กระจ่างใจ เพื่อประมวลเป็นกำลังจิตอันถึงพร้อมด้วยเมตตาธรรมไม่มีประมาณ แผ่ไปอำนวยความสวัสดีของทุกชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวเถิด

    เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดประทานพระเมตตาธรรมปรารภ กรณีเหตุการณ์ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ความว่า

    “ในยามที่เพื่อนร่วมชาติจำนวน ๑๓ คนกำลังตกอยู่ในภาวะคับขัน ณ ถ้ำหลวง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้มีเจ้าหน้าที่ทหาร พลเรือน อาสาสมัครทุกฝ่าย ร่วมกับประชาชนจิตอาสา พร้อมด้วยชาวต่างประเทศผู้มีมิตรจิตมิตรใจ ระดมกันเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง แสดงถึงพลังสามัคคีแห่งคนไทย และน้ำใจมิตรในยามวิกฤต เป็นที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง

    เมื่อวันศุกร์ ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๑ สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงอาราธนาพระสงฆ์ให้นำพุทธศาสนิกชนแผ่เมตตาด้วยการเจริญกรณียเมตตสูตร ด้วยน้ำพระราชหฤทัยห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง อาตมภาพขอถวายอนุโมทนา และขออนุโมทนา อีกทั้งขอเชิญชวนชาวไทยจงร่วมกันเจริญกรณียเมตตสูตร และศึกษาความหมายแห่งพระสูตรนั้นให้กระจ่างใจ เพื่อประมวลเป็นกำลังจิตอันถึงพร้อมด้วยเมตตาธรรมไม่มีประมาณ แผ่ไปอำนวยความสวัสดีของทุกชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวเถิด

    ขออำนวยพรให้ผู้ประสบเหตุ และผู้ปฏิบัติหน้าที่เข้าช่วยเหลือทุกคนจงเจริญสวัสดิภาพ ประสบผลสำเร็จในภารกิจที่มุ่งหมายทุกประการ เทอญ.”

    ได้ข้อมูลและรูปภาพจากสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช

    .jpg
    1530508569_33_ขอเชิญชวนชาวไทยจงร่วมก.jpg
    1530508569_49_ขอเชิญชวนชาวไทยจงร่วมก.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ถาม – จะรู้ได้อย่างไรว่า ใครเคยเป็นอะไรมาแต่ชาติก่อน ๆ
    .
    ตอบ – อันนั้นมัน วิชชาจรณะสัมปันโน ต้องพร้อมด้วยวิชชาสาม มีปุพเพสันนิวาสานุสสติญาณ เหมือนครูอาจารย์มั่น ท่านศึกษาจนรุ้ดีว่า ท่านปรารถนาพุทธภูมิมานี่ได้กี่ภพกี่ชาติกี่อสงไขย หรือพระพุทธเจ้าได้พยากรณ์ไว้แล้ว สาวเข้าสาวเข้าก็ถึงวันที่ตั้งความสัตย์ ปรารถนาพุทธภูมิ แต่ที่ ตาย ๆ เกิด ๆ นี่ก็หลาย ตายก็เพราะกาม เกิดก็เพราะกาม ทุกข์ก็เพราะกาม สุขก็เพราะกาม
    .
    ท่านมองดูชั้นฟ้าท้องฟ้าจนจดพุทธภูมิ พุทโธ่ เราจะมาตายมาเกิดอย่างไม่มีกำหนดอีกแล้ว จากนั้นท่านก็เร่งความเพียร จนตีสองก็ได้วิชชาสอง คือ จุตูปปาตญาณ รู้ว่าสัตว์ภพนี้ ดับที่นี้ ไปเกิดที่โน้น ภพโน้น ดับที่โน้น ดับที่นี่ไปเกิดที่โน่น ดับที่โน่นไปเกิดที่นั่น อันนี้ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ วิชาชั้นสาม รุ้จักกิเลสของตนว่าสิ้นไปหมดไป กิเลสของกายวาจาสิ้นไปหมดไป กิเลสของใจเราสิ้นไปหมดไป เรามีกรรมเป็นอันขาด มีกรรมอันไม่งอกแล้ว จิตดวงหลังดับไปอยู่แล้ว อาศัยกำลังทั้งห้า คือกำลังศรัทธา กำลังความเพียร กำลังสติ กำลังสมาธิ กำลังปัญญา ให้รู้แจ้งชัชวาล เพื่อดับขันธปรินิพพาน เราไม่ยินดีจะก่อภพใหม่อีก ก็หมดเรื่องไป
    .
    ถาม – หลวงปู่มีอะไรเกี่ยวข้องกับใครบ้างไหม
    .
    ตอบ – นิมิตต่าง ๆ มันต้องศึกษา พอรู้เท่าแล้วก็วาง ๆ ๆ เข้าไปเล่นวนอยู่ก็เป็นธรรมเมาละ ประเทศชาตินี่ก็อาศัยคนมาก จะตั้งทางไหน ก็ตั้งอยู่กับความยุติธรรม จะตั้งทางไหน ก็หมั่นทำ ปฏิบัติไปเรื่อย ๆ มันเกิดอะไรเบียดเบียนละก็น้อมเข้ามาหาใจ ให้มันสงบก็สบายเท่านั้นแหละ ให้รู้อยู่กับปัจจุบันนี้แหละ มันจึงเป็นพุทโธ ธัมโม สังโฆ ทำอยู่แค่นี้ก็พอแล้ว ความเกิดแก่เจ็บตายมันเป็นกงจักร กงจักรมันบดสัตว์ ความเกิดแก่เจ็บตาย มันเป็นของจริงเมื่อเรายังมีภพมีชาติอยู่ เวลาหยุดพักผ่อนก็ให้ทำความสงบทันที ปฏิบัติที่ใจนี้ คนมันมาก พูดกับคนนี้ก็เป็นอย่างหนึ่ง กับคนโน้นก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง มันไม่ลงรอยกันสักที อายุสังขารของเรามันก็เต็มที่แล้ว วันคืนเดือนปีมันก็สิ้นไปหมดไป เราจะทำอะไรอยู่ก็ตามก็ต้องหมั่นทีจิตของเราไปเรื่อย ๆ เวลาธาตุทั้งสี่ ขันธ์ทั้งห้า จะพรากจากกัน ดินก็ไปเป็นดินของเก่า น้ำก็ไปเป็นน้ำของเก่า ไปมันก็ไปเป็นไฟของเก่า ลมก็ไปเป็นลมของเก่า อากาศธาตุมันก็วางไว้อย่างเก่านั่นแหละ เหลือแต่ใจ ดินก็ไม่ใช่ใจ น้ำก็ไม่ใช่ใจ ไฟก็ไม่ใช่ใจ ลมก็ไม่ใช่ใจ แต่เราก็อาศัยสิ่งเหล่านี้แหละ นี่มันก็เป็นสมบัติของบิดามารดา นะ กับ โม นี่แหละสมบัติ ของดี จะไปตั้งศีลก็อาศัยสมบัติของบิดามารดา ปู่ ย่า ตา ยาย นี่แหละ เวลาจะทำบุญสุนทานก็อาศัยสมบัติของบิดามารดาเป็นที่ตั้ง จะเล่าเรียนวิชาของโลกมันก็เอาสมบัติของบิดามารดานี่แหละเป็นที่ตั้ง
    .
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    คัดจากหนังสือ สุจิณฺโณรำลึก

    -จะรู้ได้อย่างไรว่า.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    โอวาทธรรม:☀หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ☀

    “กูไม่เคยยินดียินร้ายในลาภ ยศ สรรเสริญ เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นโลกธรรมที่ครอบงำเอาไว้เท่านั้น หามีความจีรังยั่งยืนเป็นแก่นสารไม่

    ไม่สมควรมายึดเป็นสรณะ เพราะโลกธรรมเหล่านั้น ถือได้ว่าเป็นเครื่องพันธนาการ เป็นเครื่องผูกมัด เป็นเครื่องสมมติ เหมือนกับละครฉากหนึ่งเท่านั้น

    ไม่ใช่ของแท้แน่นอน เป็นของอนิจจัง มีความไม่เที่ยงแท้ มีความทุกข์ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของเขา เป็นเครื่องอุปโลกน์ขึ้นมาเท่านั้น

    แต่คนทั่วไปคิดว่า เป็นเรื่องจริงจัง รู้ไม่ทันจึงตกเป็นทาสของมันให้เกิดกิเลส เพื่อเข่นฆ่ากัน เพื่ออำนาจสิ่งเล่านี้”

    ✴✴✴

    “ศาสนาพุทธนี้ไม่เสื่อมเป็นหรอกนะ ใครจะไปทำอะไร ยังไงก็ไม่รู้จักเสื่อม แต่ว่าคนมันเสื่อมจากศีลธรรมเฉยๆ ศาสนาไม่เสื่อม คนไหนทำคนนั้นเสื่อม คนไหนไม่ทำคนนั้นไม่เสื่อม ศาสนาพุทธนี้ยังแจ่มใสอยู่ คือ ใสไม่มัวหมอง ไม่ขุ่น ไม่มัวหมอง

    ศาสนาอยู่คงที่ แต่สภาวะจิตใจคนมันตกต่ำ มันทำให้จิตใจคนเศร้าหมอง ขุ่นมัว ไปต่างหาก ศาสนาพุทธ ไม่ได้ขุ่นมัวอะไร ยังคงใส สะอาดอยู่อย่างเก่า เหมือนเดิม นั่นแหละ”

    ✴✴✴

    ⭐ผู้โพสต์คัดลอกตัดตอนบางธรรมะบท
    เป็นธรรมะทานพื่อเทิดทูนระลึกถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์จาก⭐

    http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/79071.html

    1f342.png ผู้โพสต์ขอขอบคุณเจ้าของภาพและผู้จัดทำบทความและขออนุโมทนาบุญแด่ทุกท่านที่มีส่วนในธรรมะทานนี้ครับ 1f342.png .

    -ปริ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    วันนี้วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่หา สุภโร หรือหลวงปู่ไดโนเสาร์ เจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๙๓ ปี พระญาณวิสาลเถร หรือหลวงปู่หา สุภโร มีนามเดิมว่า หา เกิดในสกุล ภูบุตตะ เมื่อขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๘ ปีฉลู ตรงกับวัน ศุกร์ที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๘ ที่บ้านนาเชือก ตำบลเวอ (ปัจจุบันเป็นตำบลนาเชือก) อ.ยางตลาด(ปัจจุบันเป็นอำเภอเมือง) จังหวัดกาฬสินธ์ โยมบิดาชื่อ คุณปู่ สอ ภูบุตตะ โยมมารดาชื่อ คุณย่า บัวลา ภูบุตตะ มีพี่น้องรวมกัน ๗ ท่าน

    ท่านถือกำเนิดในตระกูล คหบดี ในหมู่บ้านนาเชือก ซึ่งอพยพมาจากจังหวัดอุบลราชธานี มีฝูงวัวกว่า ๒๐๐ ตัว มีที่นากว่า ๓๐๐ ไร่ โยมแม่เลี้ยงหม่อนกว่า ๑๐๐ กระด้ง ซึ่งถือว่ารวยที่สุดในแถบนั้น

    เมื่อท่านเป็นฆาราวาส ท่านช่วยพ่อแม่ทำงาน ทุกอย่างและที่สำคัญท่านเป็นนักมวย แต่ด้วยโยมพ่อท่านไม่ชอบที่ท่านเป็นนักมวยจึงยื่นคำขาดให้ท่านเลิกเป็นนักมวย ท่านจึงเบื่อหน่ายการครองเพศฆราวาส

    ท่านบรรพชา เมื่ออายุ ๑๙ ปี ที่วัดสุวรรณชัยศรี (ปัจจุบันนี้เป็นท่านาชาวบ้าน ในตำบลท่าเรือ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์) โดยมีหลวงปู่ลือ เป็นอุปัชฌาย์

    ท่านอุปสมบทเมื่ออายุ ๒๐ ปี ที่อุโบสถหลังเดิมและอุปัชฌาย์ องค์เดิม แต่เนื่องด้วย แต่ก่อนคณะธรรมยุติและคณะมหานิกาย ยังไม่แยกกันอย่างเป็นทางการและคณะสงฆ์ในสมัยนั้นยังทำสังฆกรรมร่วมกันอยู่ การอุปสมบทของท่านจึงเป็นการรวมสองนิกาย คือพระอุปัชฌาย์เป็นคณะมหานิกาย ส่วน พระกรรมวาจารย์ พระอุสาวนาจารย์เป็นธรรมยุติกนิกาย เมื่อท่านอุปสมบทแล้วจึงมีคำสั่งให้แยกคณะกันชัดเจนและแยกกันทำสังฆกรรม เป็นปัญหาที่หลวงปู่เพราะพระอาจารย์ท่าน(พระครูประสิทธิ์สมณญาณ)เป็นคณะธรรมยุติแต่พระอุปัชฌาย์ท่าน(หลวงปู่ลือ)เป็นคณะมหานิกาย ท่านจึงต้องญัตติเป็นคณะธรรมยุติอีกครั้งหนึ่ง

    ท่านญัตติเป็นภิกษุธรรมยุติกนิกาย ที่พัทธสีมาวัดสุวรรณชัยศรี ตำบลเว่อ อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อ วันที่ ๒๑ เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๐ เวลา ๑๓.๐๐ น. โดยมีพระครูประสิทธิ์สมณญาณ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่อ่อน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่สุข เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายาว่า “สุภโร” แปลว่า “บรรพชิตผู้เลี้ยงง่าย”

    เมื่อท่านยังเป็นนวกะ(ผู้บวชใหม่) ได้จำพรรษาที่วัดสุวรรณชัยศรี จนสอบไล่นักธรรมตรี โท เอกได้ และได้มีโอกาสไปศึกษาต่อที่วัดนรนาถสุทริการาม ได้มีโอกาสอุปฐากท่านเจ้าประคุณสมเด็จมหามุนีวงศ์(สนั่น จนฺทปชฺโชโต) ด้วยนิสัยใฝ่เรียนรู้ของท่าน ท่านจะเรียนบาลีประจำทุกวัน เมื่อเว้นว่างจากการเรียนบาลีแล้ว ท่านก็จะเดินทางด้วยเท้าเปล่า เพือ่ไปเรียนกรรมฐานจาก พระครูญาณวิริยะ วัดป่าสะแก เขตพระโขนง ปัจจุบันคือ พระธรรมมงคลญาณ (วิริยังค์ สิรินธโร) วัดธรรมมงคล และพระสุทธิธรรมรังสี (ลี ธมฺมธโร) วัดอโศกการาม สมุทรปราการ แต่ด้วยท่านเริ่มมีอาการดีซ่าน การเรียนการสอนทั้งปริยัติและปฏิบัติจึงได้ถูกยับยั้งไว้และเมื่ออาการมากขึ้นจนต้องไปนอนพักที่โรงพยาบาลสงฆ์ ถึง ๓ เดือน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย ท่านจึงทอดอาลัยในชีวิต ตั้งปารถนาขอใช้ชีวิตที่เหลือรับใช้การพระศาสนาสมเป็นผู้อุทิศตนต่อชาวโลกแล้ว จึงเดินทางกลับมาที่บ้านเกิด

    ในขณะนั้นท่านก็ได้รับการรักษาจากหมอพื้นบ้านและการอบรมทางใจ ปฏิบัติสมาธิกรรมฐานเข้าช่วยเหลือ จึงเป็นผลให้อาการของโรคทุเลาลงจนหายขาดในที่สุด เมื่อหายเป็นปกติแล้วท่านจึงออกเที่ยวปฏิบัติรุกขมูล หาความวิเวกทางกายและใจ ออกธุดงค์ไปยังภาคต่างๆในประเทศไทยและข้ามไปยังฝั่งลาว เข้ากัมพูชา จนเห็นผลทางจิตอันแน่นอนแล้วจึงกลับมาช่วยงานการพระศาสนา

    ในขณะที่ท่านออก ธุดงค์กรรมฐานนั้น ท่านได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพ่อแม่ครูบาอาจารย์พอประมวลได้ดังนี้ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร , หลวงปู่ขาว อนาลโย , หลวงปู่แดง ธมฺมรกฺขิตฺโต , พระสุทธิธรรมรังสี (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) หลวงปู้วิริยังค์ สิรินธโร เป็นต้น

    ประวัติการพบวิญญาณไดโนเสาร์ด้วยวิถีญาณสมาธิ

    ในขณะที่หลวงปู่หา สุภโร ท่านกำลังดำเนินการก่อสร้างวัดสั่งสอนผู้คนพุทธศาสนิกชน สอนปริยัติธรรมแก่พระภิกษุ-สามเณรบริหารการปกครองคณะสงฆ์อยู่นั้นท่านก็ไม่ทิ้งการปฏิบัติในทางการอบรมจิตทำสมาธิภาวนา เมื่อมีเวลาว่างท่านจะขึ้นบนยอดภูกุ้มข้าวกางกลดนั่งสมาธิครั้งละ ๑๕ วัน โดยไม่ฉันอาหารไม่เข้าห้องน้ำ อบรมจิตใจตนเองอย่างนี้โดยวิธีนี้เรียกว่าการเข้า “ปฏิสลี”มีเพียงบางวันที่สามเณรจะเอายาต้มไปส่งแต่ถ้าเห็นหลังปู่ไม่เปิดกลดก็จะกลับลงมาโดยไม่ได้ถวายยาต้มนั้น

    ในบางปีท่านฉันภัตตาหารเพียงวันเข้าพรรษาและวันออกพรรษาเท่านั้น ประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๔ ท่านได้พบนิมิตโอภาส คือพบแสงสว่างที่ใสมากเป็นแสงที่ท่านไม่เคยพบในโลกนี้สว่างไปทั่วโลกธาตุ สว่างทั้งจักรวาล มองทะลุภูเขา มองทะลุต้นไม้มองเห็นทุกอย่างอยากเห็นสิ่งใดก็เห็นไปหมด แล้วก็ปรากฏสัตว์ชนิดหนึ่ง คอยาว ตัวใหญ่กว่าช้างเท้าใหญ่เท่ากระบุง เดินไปเดินมาในบริเวณภูกุ้มข้าว กินยอดไม้ เล่นน้ำ และล้มลงตายขณะที่เห็นมีลักษณะเป็นเหมือนฟีมล์หนังกลางแปลงในสมัยก่อนพอสัตว์นั้นตายลงก็หมดม้วนพอดี เป็นอย่างนี้อยู่ ๒-๓ครั้ง

    ในปี พ.ศ.๒๕๓๖ และปี พ.ศ.๒๕๓๗ ก็มีลักษณะเดียวกัน ครั้งสุดท้าย พอเห็นจบแล้วก็มีเสียงมาบอกว่า จะมาขออยู่ด้วยเตรียมตัวไว้พรุ่งนี้จะมีฝนมาจากทิศอุดรห่าใหญ่ผมจะมากับฝน ครั้งล่าสุดท่านเข้าปฏิสลีได้เพียง ๓ วันเท่านั้น ท่านจึงเก็บบาตรและกลดลงจากยอดเขาสั่งให้พระเณรเก็บสิ่งของไปไว้บนกุฏิเวลาประมาณเที่ยงวันฝนก็เริ่มตั้งเคาและตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาหลวงปู่หา สุภโร ท่านได้กางร่มเดินออกมาตรวจบริเวณวัดขณะฝนตก ร่มที่กางโดนลมพัดจนหักและปลิวไปกับลมเหลือเพียงด้ามร่มเท่านั้น บริเวณทั้งหมดมืดไปหมดมองสิ่งใดไม่เห็นท่านจึงนั่งลงตรงที่เห็นสัตว์นั้นตายในนิมิต ฝนตกกว่า ๓ ชั่วโมงจึงเริ่มซา และหายไปในที่สุด จากฟ้าที่มืดก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นมาแผ่นดินที่เคยสูงโดนน้ำเซาะจนเห็นเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ หลายสิบชิ้นกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในบริเวณที่ท่านนั่ง ท่านก็สั่งให้คนเก็บกระดูกนั้นไว้และส่งข่าวไปยังนายอำเภอเพื่อมาตรวจสอบ ทางอำเภอจึงส่งข่าวไปยังศูนย์วิจัยไดโนเสาร์ที่อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เจ้าหน้าที่ก็ได้มาตรวจสอบปรากฏว่าเป็นไดโนเสาร์พันธ์กินพืชที่ใหญ่เก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่มีการค้นพบมา (ภายหลังให้ชื่อว่า อีสานโนซอรัสสิรินธรเน่)

    ต่อมามีการแจ้งว่าจะมีการจะขอทำการขุดค้นเพิ่มเติมจึงกราบเรียนถามองค์หลวงปู่เพื่อชี้จุดที่เห็นในนิมิตเพิ่มเติมท่านจึงได้ชี้ใต้ต้นไม้ทางทิศเหนือของวัดก็พบฟอสซิลไดโนเสาร์อีกหลายตัว(ปัจจุบันคือ“อาคารหลุมขุดค้นไดโนเสาร์พระญาณวิสาลเถร” เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ค้นพบครั้งแรก)อีกทั้งยังมีการรวบรวมฟอสซิลไดโนเสาร์จากทั่วสาระทิศมารวมที่วัดสักกะวันและก่อสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับสัตว์โลกล้านปีได้รับพระราชทานนามว่า“พิพิธภัณฑ์สิรินธร”

    คณะศิษย์ยานุศิษย์ ลูกหลาน จึงถวายฉายานามหลวงปู่ว่า“หลวงปู่ไดโนเสาร์” (แต่เดิมท่านชื่อพระหา ภายหลังได้รับถวายตำแหน่งพระฐานานุกรมในตำแหน่งพระสมุห์ชาวบ้านจึงให้ชื่อว่าพระอาจารย์สมุห์หาภายหลังเมื่อมีการถวายสัญญาบัตรพัดยศเป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูวิจิตรสหัสคุณชาวบ้านก็เรียกหลวงตาวิจิตร เมื่อท่านค้นพบไดโนเสาร์ชาวบ้านจึงนิยมเรียกท่านว่าหลวงตาวัดไดโนเสาร์ เมื่อเรียกบ่อยๆจึงเหลือแต่หลวงตากับไดโนเสาร์ แต่คณะศิษย์ในภายหลังไม่อาจเรียกท่านว่าหลวงตาได้(เพราะคำว่าหลวงตาคือคนที่มีครอบครัวแล้วมาอุปสมบท)จึงเรียกท่านว่าหลวงปู่ไดโนเสาร์จวบจนปัจจุบัน)

    ปัจจุบัน องค์หลวงปู่หา สุภโร มีอายุ ๙๓ ปี ยังดำเนินสมณธรรม โปรดศิษยานุศิษย์อยู่มิได้ขาด

    _/_ _/_ _/_

    -๒-กรกฎาคม-๒.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร้างโบสถ์กลางน้ำ อุทกสีมา ณ วัดศรีรัตนธรรมาราม

    ท่านสามารถทำบุญตามกำลังศรัทธาได้ โดยการโอนเงินเข้าบัญชี

    ธนาคารกรุงไทย
    สาขา สขุมวิท 64

    ชื่อบัญชี “วัดศรีรัตนธรรมาราม”

    เลขที่บัญชี 017-0-21596-2

    ท่านสามารถส่งหลักฐานการโอนเงิน ดังนี้

    ชำระเงินที่ธนาคารนำใบสลิปจากธนาคาร ส่งหลักฐานให้ชัดเจน

    มาที่ เจ้าหน้าที่ วัดศรีรัตนธรรมาราม

    หรือ

    โอนออนไลน์ ให้กรอกเบอร์ 091-787-9572 เพื่อแจ้งยอด และ ให้ บันทึกภาพ

    กรุณา แจ้ง รายละเอียด
    ชื่อ นามสกุล
    เบอร์โทร ที่อยู่
    (ในกรณีส่งไปรษณีย์)
    จำนวนหุ้น ยอดโอน
    มาให้ชัดเจน

    Line id: 0917879572

    ติดต่อสอบถาม :
    02-183-7351
    081-443-1907
    091-787-9572

    ได้ข้อมูลและรูปภาพจาก วัดศรีรัตนธรรมาราม

    .jpg
    1530526866_708_ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร.jpg
    1530526866_705_ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    วันนี้วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่แบน ธนากโร “พระอริยสงฆ์ผู้เป็นเสาหลักของพระกัมมัฏฐาน” เจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๙๐ ปี ขออาราธนาอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ขอองค์หลวงปู่แบน ธนากโร มีธาตุขันธ์แข็งแรงอยู่เป็นร่มโพธิธรรมสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาสืบนานเท่านานด้วยเทอญ…สาธุ

    “ขอให้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีธรรมอยู่ในใจ เมื่อมีธรรมเป็นเครื่องอยู่แล้ว จะอยู่ในโลกนี้ร่มเย็นเป็นสุข โลกนี้เร่าร้อน หากเรามีธรรมเป็นเครื่องอยู่แล้วก็อยู่เย็นสบาย หากมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีธรรมเข้าสู่ใจแล้ว ก็ไม่ต้องมีเครื่องเสริม เพราะธรรม มีดีอยู่ในธรรมเองแล้ว ไม่ต้องเอาอะไรมาเสริมมาแต่งเหมือนเวลากินข้าวนี้ ถ้าอิ่มแล้ว เราก็ไม่ต้องเอาอะไรมาเสริมเพิ่มเติมอีก ธรรม เป็นธรรมาธิปไตย เป็นของกลาง ไม่มีชั้นวรรณะ ธรรมไม่แบ่งผู้หญิง ไม่แบ่งผู้ชาย คนแก่ หรือเด็ก ธรรม ปฎิบัติได้เป็นของกลาง ธรรมนี้ใครทำมากก็ได้ผลมาก ทำน้อยก็ได้ผลน้อย ถ้าต้องการให้ผลมากก็ทำเหตุให้มาก หากทำน้อยธรรมนี้ก็ให้ผลน้อยตามเหตุ ธรรมนี้ให้ธรรมา ให้ธรรมาเข้าสู่ใจ เห็นมั้ยในหนังสือสวดมนต์ มีแต่ธรรมา ธรรมาพระทั่วประเทศไทยหรือพระต่างประเทศ ต่อให้ถ้ามีพระนอกโลกด้วยเอ้า พระทั้งหมดก็สวดธรรมา ไม่มีพระองค์ไหนสวดธรรมไป เพราะธรรมไป ไม่มีประโยชน์ ธรรมไปมุ่งแต่ภายนอกใจ ไม่เกิดประโยชน์มีแต่โทษ ธรรมานี่เข้าหาตัว ธรรมา ธรรมแล้วให้ผลเป็นสุข เย็นใจได้ ให้พวกเราธรรมาเข้าสู่ใจ ให้ธรรมเป็นเครื่องอยู่ ให้มีธรรมเต็มหัวใจนะ เอาหล่ะ พอ แยกย้ายได้..”

    หลวงปู่แบน ธนากโร ท่านเป็นพระมหาเถราจารย์ที่สำคัญรูปหนึ่งในยุคปัจจุบันนี้ ที่มีปฏิปทาเด็ดเดี่ยว มีข้อวัตรเคร่งครัด มีจริยวัตรงดงาม เป็นพระสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง หลวงปู่แบน ท่านให้ความสำคัญกับลูกศิษย์ทุกคนเสมอกันที่มากราบไหว้นมัสการท่าน สิ่งหนึ่งซึ่งหลวงพ่อท่านจะเมตตาสงเคราะห์กับบุคคลต่าง ๆ นั้นก็คือ “ธรรมะ” โดยท่านจะอบรมผู้ที่มากราบนมัสการท่าน และพระเณรที่อยู่ภายในวัดเป็นประจำ ส่วนวันพระนั้นท่านจะเมตตาอบรมเป็นพิเศษ ทางด้านจิตตภาวนา

    “..ความดี คือการบำเพ็ญทาน ความดี คือการรักษาศีล ความดี คือการบำเพ็ญจิตตภาวนา ให้รีบทำในขณะนี้ทีเดียว พระพุทธเจ้าทรงอุปมาไว้ เหมือนกับไฟไหม้ผมบนศีรษะให้รีบดับ ไม่ใช่ไหม้บ้านไหม้ช่องนะ ไหม้ผมบนศีรษะนี่ ต้องดับทันที การทำความดีก็ต้องรีบทำทันทีเหมือนกัน ทันทีทุกขณะ..” โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่แบน ธนากโร

    “พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร” หรือ “หลวงปู่แบน ธนากโร” แห่งวัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร มีนามเดิมว่า สุวรรณ กองจินดา เกิดเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๑ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะโรง ณ บ้านหนองบัว ต.หนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายเล็ก และนางหลิม กองจินดา ครอบครัวประกอบอาชีพทำสวนทำไร่

    ครั้นพอถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียนแล้ว โยมบิดา-โยมมารดาได้ส่งให้ท่านเข้าศึกษาในโรงเรียนประจำหมู่บ้าน จนจบประถมศึกษาปีที่ ๔ ครั้นจบการศึกษาแล้ว ท่านก็ได้ช่วยบิดามารดาทำสวนทำไร่ เพราะในเขตจังหวัดจันทบุรีนั้น อาชีหลักคือทำสวนเงาะ สวนทุเรียน

    เมื่ออายุ ๒๑ ปี หลวงปู่แบน ธนากโร ท่านได้เข้าไปศึกษาข้อวัตรปฏิบัติกับ หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ณ วัดทรายงาม อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้านของท่าน พอทราบถึงข้อวัตรปฏิบัติแล้ว หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ จึงได้นำท่านเข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ณ วัดเกาะตะเคียน ต.หนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี โดยมีพระอมรโมลี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูพิพัฒน์พิหารการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระเม้า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “ธนากโร” มีความหมายว่า ” ผู้สร้างทรัพย์อันเป็นประโยชน์ให้เกิดกับตน”

    ๏ การจําพรรษาของหลวงพ่อ

    สมัยหลวงปู่กงมาท่านยังอยู่ พ.ศ.๒๔๙๑ ปีนั้นเราก็บวช
    ปี พ.ศ.๒๔๙๑ บวชแล้วจําพรรษาปีแรกที่วัดทรายงาม จ.จันทบุรี

    พรรษาที่ ๑ มีพระจําพรรษาร่วมกัน ๙ องค์ ท่านอาจารย์เม้าเป็นหัวหน้าหมู่ ท่านเพิ่งออกมาจาก หลวงปู่มั่นปีแรก มีท่านอาจารย์เจี๊ยะ ท่านอาจารย์พรหม (หลานหลวงปู่ตื้อ ท่านพาไปเที่ยวธุดงค์ครั้งแรกด้วยกัน บั้นปลายชีวิตท่านก็มาอยู่สกลนคร ได้ดูแลอุปัฏฐากเรื่องการป่วยไข้ของท่านจนสิ้นชีวิต)

    พรรษาที่ ๒ จําพรรษากับเจ้าคุณวินัยบัณฑิต ที่วัดคิรีวิหาร จ.ตราด

    พรรษาที่ ๓ และ ๔ จําพรรษาวัดทรายงาม จ.จันทบุรี

    พรรษาที่ ๕ มาจําพรรษาที่วีดดอยธรรมเจดีย์นี้ พ.ศ.๒๔๙๕ เริ่มมาพักที่วัดดอยฯ อยู่เรื่อยๆ มา แต่คําว่าอยู่เรื่อยมานี้ ไม่ใช่ว่าอยู่ตลอดไป ออกพรรษาก็ไปข้างนอก และในบางปีจําพรรษาที่อื่น ออกพรรษาแล้วก็กลับมา พ.ศ.๒๔๙๕ ต้นๆ ปี ได้มาอาศัยอยู่กับครูบาอาจารย์ที่นี่ พระเณรระยะนั้นมีอยู่ ประมาณสัก ๖ องค์ ๗ องค์ ระหว่างนี้ล่ะ มีเณรอยู่สัก ๓ องค์ มีผ้าขาวบ้าง ๑ หรือ ๒ คน

    ๏ พักตามซอกหิน

    ทีแรกมาอยู่กัน จําพรรษาก็จําตามซอกหินบ้าง ตามใต้เพิงหินบ้าง ไม่มีการทํากุฏิอะไร ที่เป็นกุฏิก็เพียงแต่ว่ามีฟากมาปู แล้วก็มีไม้ไผ่มาสานเป็นตาๆ แต่ละตาห่างกัน ประมาณ ๑๐ เซนติเมตร แล้วก็เอาใบไม้มาสอดเป็นฝากั้น หลังคาก็เรียกว่ามีการมุงบ้าง เพราะเพิงหินเพิกหินมันไม่กว้าง ก็มุงซีกหนึ่งบ้าง มุงส่วนที่ฝนจะสาด นี่ อยู่กันอย่างนั้น ๒ ปี ๓ ปี

    ๏ เริ่มทํากุฏิ

    ปีที่ ๔ มีการทํากุฏิเพิ่มขึ้น ๔ หลัง ทํากุฏิสมัยนั้น ไม้ที่ตายแล้วในบริเวณนี้มีมาก ก็ไปให้ชาวบ้านเขาเลื่อย เลื่อยมาก็มาทําพื้น ทําฝา แต่ส่วนมากก็ใช้ฝาใบไม้ ส่วนหลังคานั้นก็ใช้หญ้าบ้าง เรียกว่าหญ้าคาหรือแฝกนี่ แล้วต่อมาก็เปลี่ยนเป็นหลังคามุงไม้ หลังคามุงไม้นี่ใช้ทน ถ้าหากว่าไม้ดีๆ ๒๐ ปีใช้ได้ หลังคามุงสังกะสีก็เริ่มมีต่อๆ กันมา การทําที่อยู่ที่อาศัยส่วนมากก็ทํากันเอง

    พูดถึงที่อยู่ที่อาศัย ถึงเดี๋ยวนี้ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก นี่คือพยายามระวังเรื่องการสร้างที่อยู่ที่อาศัยหรือกุฏิที่พัก พยายามจะยับยั้ง ทําเพียงแต่ว่าพอได้อยู่ ได้อาศัยกัน ปริมาณก็ไม่ให้มากเกินไป แล้วก็คําที่เรียกว่ามุ่งเพื่อความสวยงามไม่ให้มี

    ๏ การบิณฑบาต

    พูดถึงอาหารการขบฉัน ไปบิณฑบาตได้มายังไงก็ฉันกันอย่างนั้น อาหารที่ไปบิณฑบาตมาได้ บางทีเขาห่อพริก บางที่เขาห่อเกลือ พริกบางทีก็มีแต่พริก เกลือบางทีก็มีแต่เกลือ บางทีก็ตําพริกกับเกลือใส่กัน จําพวกหอมกระเทียมน้ำปลาไม่มีดอก คนทางนี้ระหว่างนั้นยังไม่รู้จักน้ำปลาด้วย ถ้าหากว่าน้ำปลาก็ปลาร้า กะปินี่ก็ยังไม่รู้จัก พูดถึงแกงๆ ของเขาก็นี่ล่ะ ฤดูหน่อไม้ก็แกงหน่อไม้ แกงเห็ด เดือน ๓ เดือน ๔ ก็แกงผักหวาน แกงหน่อไม้ แกงเห็ด ๓ อย่างอันนี้ล่ะเป็นอาหารหลัก ของชาวบ้านเขา

    ๏ การภาวนา

    สมัยก่อนการปฏิบัติ มักจะได้ผล มักจะได้อุบาย มีอุบาย มักจะได้เรื่องได้ราว มักจะมีเหตุมีผลมาเล่าสู่กันฟัง วันหนึ่งภาวนาเป็นอย่างไร วันนี้ภาวนาเป็นอย่างไร ได้ผลเป็นอย่างไร จิตใจสงบเป็นอย่างไร พิจารณาแยบคายเป็นอย่างไร พิจารณาร่างกาย เป็นอย่างไร มีเรื่องมาเล่ามาสนทนาสู่กันฟัง พระก็มีเรื่องสนทนามาเล่าให้พระให้อาจารย์ฟัง นี้ สมัยก่อนมันเป็นอย่างนี้

    จึงว่ายุคนี้สมัยนี้มันเปลี่ยนไป ความเจริญที่มาเกี่ยวข้องทางตาทางหูนี่ ความเจริญทางโลกที่กิเลสเขาสร้างขึ้นเพื่อที่จะเป็นเครื่องล่อคนโง่ เป็นเครื่องล่อผู้ปฏิบัติธรรม ที่มัวเมาให้ติดให้ข้องอยู่

    ๏ ความตื่นตัวในการประกอบความเพียร

    จึงว่าให้พากันเข้าใจ พอใจในการอดบ้างหิวบ้าง อย่าพอใจทําตัวเหมือนกับหมู อิ่มเท่าไหร่ยิ่งพอใจ แล้วก็นอน ครูบาอาจารย์ท่านชอบพูดถึงเสมอ อย่าพอใจในการทําตัวเหมือนหมู ให้ทําตัวเหมือนนกกระทาอยู่ในตุ้ม คืออยู่ในกรงนี่ หมูมันกินแล้ว มันนอน พอตื่นขึ้นมามันก็หากิน

    นกกระทาไม่เป็นอย่างนั้น ถึงกรงมันจะดีและอาหารน้ำสะดวกสบาย แต่นกกระทา หาช่องที่จะออกจากกรงนั้นเสมอ เรียกว่ากระโดดไปเต้นมา กระโดดไปเต้นมาอยู่ในตุ้ม อยู่ในกรงนั้นเพื่อหาช่องออกนี่ ตามธรรมดาตุ้มหรือกรงนั้น มันจะต้องมีช่องเล็ก ช่องน้อย มันพยายามที่จะเอาจะงอยปากนั้นออกอยู่เสมอ ให้ทําตัวเหมือนนกกระทา อย่าทําตัวเหมือนหมู พอใจนอนอยู่ในคอก พอใจนอนอยู่ในห้องขัง อันนี้ท่านเทศน์ให้ฟังอยู่เสมอ ก็เรียกว่าเป็นธรรมเทศนาธรรมดา แต่ถ้าหากเรามาพิจารณาแล้วนี่ เราก็ต้องแก้เราอย่าให้เป็นหมู ผลของการที่เราแก้เราได้นี่ มีประโยชน์ในการปฏิบัติของเราอย่างมากมายที่เดียว

    ๏ เครื่องใช้ไม้สอย

    พูดถึงเครื่องใช้ไม้สอย เครื่องใช้ไม้สอยแต่ก่อน บางทีแก้วทั้งวัดนับกันจริงๆ จะมีไม่ถึงลูกนี่ ส่วนมากบางทีก็ใช้กะลามะพร้าวกัน บางองค์ท่านก็ทําเป็นหูเจาะรู เอาไม้ทําเป็นหูหิว เรียกว่ามีหูข้างๆ อะไรอย่างนั้น บางทีก็ใช้บั้งไม้ไผ่อะไรเหล่านี้

    กระโถนส่วนมากเป็นกระโถนดินหรือว่าบั้งไม้ไผ่มาทําเป็นกระโถนกัน กระโถนเคลือบอย่างนี้มีแต่ของท่านอาจารย์จริงๆ ข้างบนโบสถ์นี่ ท่านใช้กระโถนอะลูมิเนียมเก่าๆ เป็นประจํา ข้างล่างที่ศาลานั้น ก็มีกระโถนเคลือบอันหนึ่งสําหรับท่านอาจารย์ ลูกศิษย์ลูกหาส่วนมากก็กระโถนดิน ดินก็ไม่ใช่ดินเผาอย่างที่ว่าสะอาดสะอ้านหรือว่าแข็งแกร่งเหมือนกับเดี๋ยวนี้ นอกจากนี้ก็ใช้กระบั้งไม้ไผ่บ้าง กระบอกไม้ไผ่ ไม้ไผ่สีสุก ไม้ไผ่บ้านนี่ล่ะมาตัดเข้า ใช้กันอยู่อย่างนั้น

    ออกไปจําพรรษาทางอื่นอยู่ ๓ ปี เมื่อพรรษาที่ ๑๒ กลับไปจําพรรษาที่จันทบุรี ออกพรรษาแล้ว หลวงปู่กงมาท่านก็ไปรับมา

    พรรษาที่ ๑๓ ไปจําพรรษาที่นครพนม ออกพรรษาท่านก็ไปรับ

    พรรษาที่ ๑๔ นี่หลวงปู่กงมา ท่านก็มรณภาพ ครั้นทำการถวายเพลิงศพของหลวงปู่กงมาแล้ว หลังจากนั้น เราก็มาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่นี้เรื่อยมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เรียกว่าอยู่กับหมู่คณะ อยู่กันไปเหมือนกับเด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่ แต่ที่นี้อาศัยที่เราเป็นคนที่รักข้อปฏิบัติ เป็นคนที่เห็นคุณค่าของข้อปฏิบัติอย่างเท่าชีวิตจิตใจทีเดียว อันนี้จึงมีความสําคัญ อันนี้เป็นหลักที่ทําให้มีความมั่นคงเสมอต้นเสมอปลายมา และก็ได้รับความสะดวกสบายมาตลอด

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลวงตาบ้านตาด (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี)นี่ท่านสงเคราะห์มาตลอด เมื่อท่านอาจารย์กงมาล่วงใหม่ๆ ท่านก็มาเยี่ยมแล้วก็บอกว่า “ท่านอยู่ที่นี้แหละนะ ไม่ต้องไปที่อื่น ผมมาที่นี่ทีไรไม่เคยรู้สึกว่ามีความจืดจางในใจ มันมีความรู้สึกเบิกบานชุ่มชื่นอยู่เสมอ”

    เราก็อยู่เรื่อยๆ มา จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ไม่คิดจะไปอยู่ที่ไหน เพราะรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังมีความสะดวกสบายภายในจิตในใจอยู่ แล้วศรัทธาญาติโยมที่มาเกี่ยวข้องก็เป็นศรัทธาที่นับถือท่านอาจารย์กงมามาก่อน ก็ให้การดูแลอุปัฏฐากอุปถัมภ์ มาตลอด ตราบจนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ หลวงตาท่านยังคงเมตตาเกื้อหนุนให้ความอบอุ่นห่วงใยเสมอมา มิได้ขาด ทําให้เรามีกําลังใจ และระลึกถึงพระคุณท่าน ล้นเกล้าล้นใจ

    ๏ เป็นพระที่องค์พระมหากษัตริย์ให้ความเคารพ

    เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ จะเสด็จแปรพระราชฐานมาพักอยู่ที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร เพื่อออกเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตภาคอีสาน ทั้งสองพระองค์ และพระบรมวงศ์ จะเสด็จขึ้นไปกราบนมัสการหลวงพ่อแบน ธนากโร ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ และเยี่ยมเยียนประชาชนในแถบนั้นทุกครั้ง

    ๏ เป็นเสาหลักพระกรรมฐาน

    ท่านเป็นเสาหลักพระกรรมฐานในเขตภาคอีสาน และภาคอื่นๆ ซึ่งพอถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา เป็นต้น คณะลูกศิษย์ทั้งพระและฆราวาสนั้นจะมาจากที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเขตจังหวัดสกลนคร, นครพนม, มุกดาหาร, อุดรธานี, เลย, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, สุรินทร์ ฯลฯ จะพากันมาลงอุโบสถสามัคคีกันที่วัดดอยธรรมเจดีย์ และรับฟังธรรมโอวาท คติเตือนใจ รวมทั้งข้อธรรมอื่นๆ ในด้านการปฏิบัติจิตตภาวนาจากหลวงพ่อแบน ธนากโร และท่านก็จะให้กำลังจิตกำลังใจ ไม่ให้ท้อถอย ให้ต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย คือกิเลส ให้ยึดมั่นในหลักพระธรรมวินัย รวมทั้งให้พากันตั้งอกตั้งใจรักษาข้อวัตรปฏิบัติ และปฏิปทาที่ครูบาอาจารย์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ท่านพาดำเนินมา

    ซึ่งในช่วงเทศกาลต่างๆ นั้น พระภิกษุที่มารวมกันลงอุโบสถนั้น มีประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ รูป ส่วนฆราวาสก็ประมาณ ๙๐๐-๑,๕๐๐ คน ในวันปวารณาเข้าพรรษานั้น องค์หลวงพ่อแบนท่านก็จะแจกวัตถุสิ่งของต่างๆ หลายอย่างให้แก่วัดที่มาร่วมลงอุโบสถสามัคคี เช่น น้ำตาล โกโก้ กาแฟ ร่ม ฯลฯ เพื่อมอบให้แก่ทางวัดได้ใช้สอยร่วมกัน และก็จะแจกถุงยังชีพให้แก่พระภิกษุสามเณร มีสบู่ ยาสีฟัน ยารักษาโรค ยากันยุง น้ำยาซักผ้า เป็นต้น

    เรื่องการสงเคราะห์หมู่คณะพระเณร ญาติโยมนี้ ท่านจะทำอยู่เป็นประจำ ไม่ใช่แต่เฉพาะวันสำคัญเท่านั้น ท่านจะพาลูกศิษย์ไปแจกผ้าห่ม เสื้อผ้า ข้าวปลา อาหารแห้ง ยารักษาโรค เครื่องอุปโภค บริโภคต่างๆ ให้แก่ประชาชน ในเขตอำเภอภูพาน อำเภอเต่างอย อำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร อำเภอดงหลวง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม และทั่วทั้งภาคอีสาน รวมไปถึงภาคเหนือ และภาคอื่นๆ เป็นต้น

    ส่วนการสงเคราะห์ตามวัดนั้น ท่านจะออกไปตรวจตราและเยี่ยมเยียนตามวัดวาต่างๆ เพื่อให้กำลังจิตกำลังใจในการเจริญจิตตภาวนา พร้อมทั้งนำเครื่องอุปโภค บริโภค มีน้ำตาล น้ำปลา มาม่า ปลากระป๋อง ฯลฯ ไปถวายให้วัดนั้นๆ หากเป็นฤดูกาลหน้าผลไม้ เช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด ออกผลผลิต ท่านก็จะจำนำไปแจกจ่ายให้ตามวัดครูบาอาจารย์กรรมฐานต่าง ๆ รวมทั้งวัดอื่น ๆ ด้วย

    ๏ สร้างโรงพยาบาล

    หลวงปู่แบน ธนากโร ท่านได้เมตตาสงเคราะห์คนหมู่มาก ทั้งพระและฆราวาส อย่างหาประมาณมิได้ องค์ท่านได้เมตตาสร้างตึกร่มฟ้า ให้แก่โรงพยาบาลจังหวัดสกลนคร พร้อมทั้งถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ และสร้างตึกร่มฉัตร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตึกทั้งสองหลังนี้ เป็นตึกห้องพิเศษ วีไอพี มีอุปกรณ์ทันสมัยครบครันสมบูรณ์แบบ

    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๘ องค์ท่านได้สร้าง ‘โรงพยาบาลพระอาจารย์แบน ธนากโร’ ที่อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวาระที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๕ รอบ ๖๐ พรรษา

    ๏ สร้างสำนักปฏิบัติธรรม

    หลวงปู่แบน ธนากโร นอกจากองค์ท่านจะเมตตาสงเคราะห์แก่ประชาชนทั่วไปแล้ว ท่านยังได้เมตตาสร้างวัดเพื่อเป็นสำนักปฏิบัติธรรมกรรมฐานเจริญรอยตามพระบูรพาจารย์ มีหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต และหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ เป็นอาทิ ให้พระภิกษุสามเณรได้มีที่อยู่ศึกษาข้อวัตร ปฏิบัติธรรม เพื่อรักษาป่าไม้ ต้นน้ำลำธาร รักษาสัตว์ป่า และรักษาธรรมชาติเอาไว้ ซึ่งนับวันจะถูกบุคคลต่างๆ ทำลายลงไป

    วัดที่องค์ท่านได้เมตตาสร้างนั้นมีอยู่หลายแห่งด้วยกัน ดังนี้

    ๑. วัดป่าภูผาผึ้ง ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร

    ๒. วัดป่าค้อน้อย บ้านค้อน้อย ตำบลค้อใหญ่ อำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร

    ๓. วัดป่าวังเพิ่ม-พระภาวนา ตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

    ๔. วัดทุ่งกระบิน-พระภาวนา อำเภอเขาคิฌชกูฏ จังหวัดจันทบุรี

    ๕.สวนป่าริมธาร อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร

    ปัจจุบันนี้ หลวงปู่แบน ธนากโร ท่านได้พำนักอยู่ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ ตำบลตองโขบ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร วัดสวนป่าริมธาร อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหารบ้าง หรือในบางครั้งท่านก็จะไปพักสั่งสอนศีลธรรมอยู่ที่วัดป่าวังเพิ่ม-พระภาวนา อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และวัดทุ่งกระบิน-พระภาวนา ในจังหวัดจันทบุรี

    _/_ _/_ _/_

    1530530827_344_วันนี้วันที่-๒-กรกฎาคม-๒.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร้างโบสถ์กลางน้ำ อุทกสีมา ณ วัดศรีรัตนธรรมาราม

    ท่านสามารถทำบุญตามกำลังศรัทธาได้ โดยการโอนเงินเข้าบัญชี

    ธนาคารกรุงไทย
    สาขา สขุมวิท 64

    ชื่อบัญชี “วัดศรีรัตนธรรมาราม”

    เลขที่บัญชี 017-0-21596-2

    ท่านสามารถส่งหลักฐานการโอนเงิน ดังนี้

    ชำระเงินที่ธนาคารนำใบสลิปจากธนาคาร ส่งหลักฐานให้ชัดเจน

    มาที่ เจ้าหน้าที่ วัดศรีรัตนธรรมาราม

    หรือ

    โอนออนไลน์ ให้กรอกเบอร์ 091-787-9572 เพื่อแจ้งยอด และ ให้ บันทึกภาพ

    กรุณา แจ้ง รายละเอียด
    ชื่อ นามสกุล
    เบอร์โทร ที่อยู่
    (ในกรณีส่งไปรษณีย์)
    จำนวนหุ้น ยอดโอน
    มาให้ชัดเจน

    Line id: 0917879572

    ติดต่อสอบถาม :
    02-183-7351
    081-443-1907
    091-787-9572

    ได้ข้อมูลและรูปภาพจาก วัดศรีรัตนธรรมาราม

    1530556027_208_ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร.jpg
    1530556027_239_ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร.jpg
    1530556027_379_ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...