ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระธรรมเทศนา
    “อย่าอิจฉาเขาถ้าบุญเรายังไม่ถึง”

    พวกเราเกิดมาในโลก ทำไมคนนั้นเป็นเศรษฐี ทำไมคนนั้นจน มันมีที่มาที่ไปทั้งหมด

    พวกเราอย่าไปคิดอิจฉาคนอื่นเขา
    ที่เขารวยกว่าก็เพราะเขาได้ทำบุญ
    สร้างบุญสร้างกุศลมา มีแต่ให้มองตนเอง
    ว่าทำไมข้าพเจ้าจึงไม่รวย ทำไมข้าพเจ้าตัวดำ ตัวขาว ตัวสูง ตัวเตี้ย มันล้วนแล้วแต่เป็นอดีตกรรมทั้งนั้น อดีตกรรมส่งผล บางชาติอกุศลกรรมให้ผลก็ตกต่ำ

    บางทีบุญกุศลกรรมดีให้ผลก็สูงส่ง เป็นคนโชคดีหมดทุกอย่าง แต่ถ้าลืมตัวขึ้นมา ของที่เป็นอกุศลทำหมด จ้างฆ่าคนอื่นเพราะมีเงิน จ้างทำความชั่ว พอลืมตัวก็ดิ่งเหวเลย ภพถัดไปก็ลงดิ่งเหวอีก ตกนรกหมกไหม้ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน กว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้
    นี่คือหลักธรรมคำสอนของพุทธะ

    เพราะฉะนั้น พวกเรามองกัน ถึงจะอิจฉาในใจ แต่ก็ต้องมองอดีตด้วย กรรมของผู้กระทำนั้นไม่เหมือนกัน

    ทำไมพระพุทธเจ้าจึงได้เป็นพระพุทธเจ้า
    พระเทวทัตมองแต่ในปัจจุบัน ไม่มีญาณทัศนะว่าทำไมคนจึงนับถือเลื่อมใสพระพุทธเจ้า
    ไป ณ สถานที่ใดมีแต่คนยกย่องเชิดชูบูชา

    แต่ทำไมข้าพเจ้าก็เป็นลูกกษัตริย์เหมือนกัน
    คนไม่นับถือ ที่คนนับถือเลื่อมใสพระพุทธเจ้า
    ก็เพราะท่านบำเพ็ญมาถึงสี่อสงไขย กำไรแสนมหากัปป์ ตั้งความปรารถนาว่าขอให้ข้าพเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต

    ถึงท่านจะทำบุญเล็กทำบุญน้อยรักษาศีลภาวนา ดูแลปรนนิบัติพ่อแม่ อยู่ในสถานที่ใดก็ขอให้ข้าพเจ้าสำเร็จพระโพธิญาณ ได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต คือในใจของท่านดิ่งอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา

    นี้ก็เหมือนกัน พวกเราท่านทั้งหลาย มาเห็นแต่ในปัจจุบัน คนนั้นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
    ก็เพราะบุพกรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

    ทำไมพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ จึงได้เป็นพระอัครสาวก ทำไมพระอานนท์จึงได้เป็นพุทธอุปัฏฐาก ทำไมอนาถบิณฑิกะเศรษฐีจึงได้เป็นอุปัฏฐากฝ่ายฆราวาสผู้ชาย ทำไมนางวิสาขาจึงได้เป็นอุปัฏฐากฝ่ายฆราวาสผู้หญิง ล้วนแล้วแต่มีความเป็นมาเป็นไปทั้งหมด

    คือการตั้งความปรารถนาของสาวกแต่ละคนไม่เหมือนกัน คนเราเกิดมาจึงไม่เหมือนกัน

    กรรมเป็นเครื่องจำแนกให้สรรพสัตว์ทั้งหลายเกิดมาไม่เหมือนกัน

    เพราะฉะนั้น พวกเราให้ตั้งจิตตั้งใจ
    เกิดมาภพใดชาติใดขอให้ข้าพเจ้าเป็นคนดี
    ได้พบพระพุทธศาสนา ให้คบคนดี
    อย่าได้หลงทาง ขอให้ข้าพเจ้าได้สำเร็จมรรคสำเร็จผลในที่สุด ได้เป็นพระอริยบุคคล
    ไม่ขอมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร
    ให้ถึงพระนิพพานโดยเร็วด้วยเถิด

    ให้เราตั้งความปรารถนาอย่างนี้ในใจ อย่าไปตั้งความปรารถนาอย่างอื่นว่าขอให้ร่ำให้รวย
    ให้สวยให้งาม ให้มีความสุขมีลูกมีภรรยาว่าง่ายสอนง่าย นั่นเป็นความปรารถนาในวัฏสงสาร

    คือยังเวียนว่ายตายเกิด มันไม่มีที่สิ้นสุด
    ถึงจะมีลูกหลานอยู่ในโอวาท
    แต่ถ้ามีคนมาอิจฉา เราก็ดุเดือดใส่เขา
    ไปฆ่าแกงทำความชั่วตกนรกหมกไหม้

    กว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ ลูกหลานเราไปไหนหมด ตัวเองเวียนว่ายตายเกิดลุ่ม ๆ ดอน ๆ สูง ๆ ต่ำ ๆ ไม่มีที่สิ้นสุดในโลกวัฏสงสาร

    พวกเราเกิดมามีที่มาที่ไปทั้งหมด ให้พยายามประกอบคุณงามความดี ฝึกฝนจิตใจ

    อย่าถลำจนเกินไป ให้ใจเราสอนตัวเราเอง ถ้าปัจจุบันเราดี อนาคตก็ต้องดี

    หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
    พระธรรมเทศนา “อย่าอิจฉาเขาถ้าบุญเรายังไม่ถึง”
    แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๙

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ขอเชิญร่วมสมทบทุน สร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

    ขอเชิญร่วมสมทบทุน สร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน) โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาเป็นประธาน
    การก่อสร้างอาคาร การสร้างโรงพยาบาล เป็นมหาทาน เป็นประโยชน์ส่วนรวม แก่ชนทุกชาติทุกศาสนา มีบุญใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ การบริจาคนี้ขอใบอนุโมทนาหักภาษีได้ สามารถบริจาคที่

    – ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 982-6-07027-0
    – ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 285-5-75225-5
    – และ ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 503-298924-6

    ชื่อบัญชี “กองทุนหลวงพ่อกัณหา เพื่อสมทบสร้างอาคารสมเด็จพระเทพฯ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา”

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
    โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
    โทร 085-479-5045 หรือ 044-232-222

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่ข้อมูลนี้ ทุกๆท่าน

    -สร้าง.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระธรรมเทศนา
    “อย่าอิจฉาเขาถ้าบุญเรายังไม่ถึง”

    พวกเราเกิดมาในโลก ทำไมคนนั้นเป็นเศรษฐี ทำไมคนนั้นจน มันมีที่มาที่ไปทั้งหมด

    พวกเราอย่าไปคิดอิจฉาคนอื่นเขา
    ที่เขารวยกว่าก็เพราะเขาได้ทำบุญ
    สร้างบุญสร้างกุศลมา มีแต่ให้มองตนเอง
    ว่าทำไมข้าพเจ้าจึงไม่รวย ทำไมข้าพเจ้าตัวดำ ตัวขาว ตัวสูง ตัวเตี้ย มันล้วนแล้วแต่เป็นอดีตกรรมทั้งนั้น อดีตกรรมส่งผล บางชาติอกุศลกรรมให้ผลก็ตกต่ำ

    บางทีบุญกุศลกรรมดีให้ผลก็สูงส่ง เป็นคนโชคดีหมดทุกอย่าง แต่ถ้าลืมตัวขึ้นมา ของที่เป็นอกุศลทำหมด จ้างฆ่าคนอื่นเพราะมีเงิน จ้างทำความชั่ว พอลืมตัวก็ดิ่งเหวเลย ภพถัดไปก็ลงดิ่งเหวอีก ตกนรกหมกไหม้ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน กว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้
    นี่คือหลักธรรมคำสอนของพุทธะ

    เพราะฉะนั้น พวกเรามองกัน ถึงจะอิจฉาในใจ แต่ก็ต้องมองอดีตด้วย กรรมของผู้กระทำนั้นไม่เหมือนกัน

    ทำไมพระพุทธเจ้าจึงได้เป็นพระพุทธเจ้า
    พระเทวทัตมองแต่ในปัจจุบัน ไม่มีญาณทัศนะว่าทำไมคนจึงนับถือเลื่อมใสพระพุทธเจ้า
    ไป ณ สถานที่ใดมีแต่คนยกย่องเชิดชูบูชา

    แต่ทำไมข้าพเจ้าก็เป็นลูกกษัตริย์เหมือนกัน
    คนไม่นับถือ ที่คนนับถือเลื่อมใสพระพุทธเจ้า
    ก็เพราะท่านบำเพ็ญมาถึงสี่อสงไขย กำไรแสนมหากัปป์ ตั้งความปรารถนาว่าขอให้ข้าพเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต

    ถึงท่านจะทำบุญเล็กทำบุญน้อยรักษาศีลภาวนา ดูแลปรนนิบัติพ่อแม่ อยู่ในสถานที่ใดก็ขอให้ข้าพเจ้าสำเร็จพระโพธิญาณ ได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต คือในใจของท่านดิ่งอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา

    นี้ก็เหมือนกัน พวกเราท่านทั้งหลาย มาเห็นแต่ในปัจจุบัน คนนั้นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
    ก็เพราะบุพกรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

    ทำไมพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ จึงได้เป็นพระอัครสาวก ทำไมพระอานนท์จึงได้เป็นพุทธอุปัฏฐาก ทำไมอนาถบิณฑิกะเศรษฐีจึงได้เป็นอุปัฏฐากฝ่ายฆราวาสผู้ชาย ทำไมนางวิสาขาจึงได้เป็นอุปัฏฐากฝ่ายฆราวาสผู้หญิง ล้วนแล้วแต่มีความเป็นมาเป็นไปทั้งหมด

    คือการตั้งความปรารถนาของสาวกแต่ละคนไม่เหมือนกัน คนเราเกิดมาจึงไม่เหมือนกัน

    กรรมเป็นเครื่องจำแนกให้สรรพสัตว์ทั้งหลายเกิดมาไม่เหมือนกัน

    เพราะฉะนั้น พวกเราให้ตั้งจิตตั้งใจ
    เกิดมาภพใดชาติใดขอให้ข้าพเจ้าเป็นคนดี
    ได้พบพระพุทธศาสนา ให้คบคนดี
    อย่าได้หลงทาง ขอให้ข้าพเจ้าได้สำเร็จมรรคสำเร็จผลในที่สุด ได้เป็นพระอริยบุคคล
    ไม่ขอมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร
    ให้ถึงพระนิพพานโดยเร็วด้วยเถิด

    ให้เราตั้งความปรารถนาอย่างนี้ในใจ อย่าไปตั้งความปรารถนาอย่างอื่นว่าขอให้ร่ำให้รวย
    ให้สวยให้งาม ให้มีความสุขมีลูกมีภรรยาว่าง่ายสอนง่าย นั่นเป็นความปรารถนาในวัฏสงสาร

    คือยังเวียนว่ายตายเกิด มันไม่มีที่สิ้นสุด
    ถึงจะมีลูกหลานอยู่ในโอวาท
    แต่ถ้ามีคนมาอิจฉา เราก็ดุเดือดใส่เขา
    ไปฆ่าแกงทำความชั่วตกนรกหมกไหม้

    กว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ ลูกหลานเราไปไหนหมด ตัวเองเวียนว่ายตายเกิดลุ่ม ๆ ดอน ๆ สูง ๆ ต่ำ ๆ ไม่มีที่สิ้นสุดในโลกวัฏสงสาร

    พวกเราเกิดมามีที่มาที่ไปทั้งหมด ให้พยายามประกอบคุณงามความดี ฝึกฝนจิตใจ

    อย่าถลำจนเกินไป ให้ใจเราสอนตัวเราเอง ถ้าปัจจุบันเราดี อนาคตก็ต้องดี

    หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
    พระธรรมเทศนา “อย่าอิจฉาเขาถ้าบุญเรายังไม่ถึง”
    แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๙

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “… เธอเคยเห็นฉันแสดงความอ่อนแอมั้ย
    เธอเคยเห็นฉันโกรธโวยวายขาดสติไหม
    เธอเคยเห็นฉันแสดงอาการเหลาะแหละไม่เด็ดเดี่ยวบ้างมั้ย

    เมื่อฉันไม่เคยทำ เธอก็อย่าทำ
    มันได้ชื่อว่าพ่อกับลูก นิสัยมันต้องเหมือนกันสิ
    เหมือนรับนิสัยครูอาจารย์แล้วต้องทำให้เหมือน
    เด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง อดทน และต้องพยายามฝึกตลอด
    พยายามอย่าตกเป็นทาสกิเลส
    ถึงแม้เราหนีไม่พ้น อย่างน้อยก็ให้มันเบา …”

    ธรรมะบางตอนจาก หนังสือ คำนำทำ ฉบับพิเศษ ผ้าป่าสามัคคี ๒๕๕๖ โดย หลวงพ่อเพชร วชิรมโน

    Cr:ธรรมคำสอนหลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “ตอบปัญหาข้อสงสัยเรื่องหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต”

    (วิสัชนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    (วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี)

    นับตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๑๕ เป็นต้นมา ได้มีสุภาพบุรุษสุภาพสตรีหลายท่านทั้งใกล้และไกล ทยอยกันมาถามปัญหาธรรมในแง่ต่าง ๆ ทั้งอุตส่าห์มาด้วยตัวเอง ทั้งมีจดหมายมาถามมิได้ขาด แทบตอบไม่หวาดไม่ไหว ต้นเรื่องมีสาเหตุสืบเนื่องมาจากหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๑๕ โดยท่านคึกฤทธิ์เป็นผู้เขียนขึ้น ความจริงท่านก็เขียนดีน่าฟังอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาที่ควรยุ่งเหยิงวุ่นวายถึงขนาดที่กำลังเป็นอยู่เวลานี้ เพื่อช่วยกันแบ่งเบาไปบ้าง จึงขอเรียนตอบด้วยการเล่าเรื่องท่านอาจารย์มั่นให้ฟัง ซึ่งบางเรื่องเห็นว่าเหมาะสมกับเหตุการณ์ที่กำลังเป็นอยู่

    เพียงเท่านี้ก็พอทำให้คิดและทราบได้ในหลักใจของชาวพุทธเราว่า ยังมีท่านที่ลังเลสงสัยธรรมทางพระพุทธศาสนา ทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติอยู่มาก จึงทำให้วิตกถึงปฏิเวธธรรมที่เป็นผลแสดงขึ้นในลักษณะต่าง ๆ กัน จากการปฏิบัติของท่านผู้บำเพ็ญอยู่ไม่น้อยว่า น่าจะเป็นธรรมสุดเอื้อมหมดหวังในสมัยปัจจุบัน เพราะความจริงใจในธรรมมีน้อย เนื่องจากถูกทุ่มเทไปทางอื่นเสียมาก มิได้คำนึงเหตุผลพอประมาณ จึงอดคิดเป็นห่วงมิได้ในเรื่องดังกล่าวมา

    เฉพาะองค์ท่านพระอาจารย์มั่นที่ผู้เขียนเทิดทูนสุดจิตสุดใจนั้น แม้ท่านจะถูกวิพากษ์วิจารณ์และตำหนิติชมในลักษณะยกขึ้นทุ่มลง หรือด้วยวิธีการใด ๆ จนไม่มีชิ้นส่วนอะไรติดต่อกัน และกลายเป็นผุยผงไปตามอากาศก็ตาม ผู้เขียนมิได้มีอะไรหวั่นวิตกไปด้วยท่านเลย แม้กิเลสจะแสนหนาแน่นภายในใจอยู่ขณะนี้ก็เถิด แต่ที่ไม่แน่ใจอยู่เวลานี้ คือความรู้ภายในของท่านพระอาจารย์มั่น ประเภทที่ลึกลับซับซ้อนเกินกว่าความคาดคิดด้นเดาของสามัญธรรมดาทั่วไป เฉพาะอย่างยิ่งผู้ครองพระไตรปิฎก แต่ไม่เคยสนใจมองดูหัวใจตนว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย มีแต่เที่ยวกวาดต้อนล่าธรรม ท่านที่รู้เห็นจากการปฏิบัติทางจิตตภาวนาในแง่ต่าง ๆ ไม่มีประมาณนั้น ให้เข้าสู่วงจำกัดคือพระไตรปิฎกโดยถ่ายเดียวนั่นแล ที่น่าเป็นห่วงมาก กลัวว่าอกจะแตกไปเสียก่อน ทั้งที่ธรรมท่านที่กำลังถูกกวาดต้อน ก็ยังไม่เข้าสู่จุดมุ่งหมายให้หมดสิ้นไปได้

    เมื่อมีเหตุอันควรกล่าวถึงองค์ท่านอาจารย์มั่นอีก ผู้เขียนก็จะกล่าวถึงความรู้ท่านที่ยังไม่เคยกล่าวเสียบ้าง เผื่อท่านที่มีความสามารถในทางนี้ จะได้ช่วยกวาดต้อนติชมไปตามนิสัย ซึ่งอาจเป็นการช่วยสังคายนากลั่นกรองธรรมเถื่อนให้หมดสิ้นไป เหลือไว้แต่ธรรมของจริงล้วน ๆ หากอยู่ในฐานะที่ควรเป็นได้ ลำพังผู้เขียนเพียงคนเดียวไม่อาจเห็นความผิดพลาดและความบกพร่องของท่านและของตนได้โดยทั่วถึง จึงขอเล่าเรื่องท่านแต่เพียงเอกเทศไว้ ณ ที่นี้บ้าง

    ท่านเคยเล่าให้สานุศิษย์ฟังในโอกาสต่าง ๆ กันอยู่เสมอมาว่า วันคืนหนึ่ง ๆ ธรรมประเภทต่าง ๆ ปรากฏขึ้นภายในใจท่านเสมอจนไม่อาจคณนา สิ่งไม่เคยคาดคิดว่าจะรู้เห็นก็รู้เห็นขึ้นมาเรื่อย ๆ จึงทำให้ท่านแน่ใจ หายสงสัยในธรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นในพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายหลังจากตรัสรู้และบรรลุธรรมแล้ว จนถึงกาลเสด็จปรินิพพาน ว่ามีมากต่อมาก ราวท้องฟ้ามหาสมุทรสุดจะประมาณได้ ธรรมที่เป็นพระวิสัยของพระพุทธเจ้าทรงรู้เห็นโดยเฉพาะ ไม่อยู่ในวิสัยของสาวกจะพึงรู้ได้ก็ดี ธรรมที่อยู่ในวิสัยของสาวกบางองค์อาจรู้ตามได้ แต่ไม่อาจแสดงให้แก่ใครรู้และเข้าใจได้ก็ดี ยังมีอีกมากมาย

    ท่านว่าธรรมที่ไม่ได้จารึกไว้ในพระบาลีแห่งพระไตรปิฎกนั้น เทียบกับน้ำในมหาสมุทร ส่วนธรรมที่มาในพระไตรปิฎกนั้น เทียบกับน้ำในตุ่มในไหเท่านั้นเอง จึงน่าเสียดายที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ผู้เชี่ยวชาญนิพพานไปแล้วตั้งหลายร้อยปี จึงมีผู้คิดได้และจารึกธรรมเหล่านั้นขึ้นสู่คัมภีร์ตามความสามารถของตน ซึ่งโดยมากการจารึกก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกนึกคิดของผู้จัดทำอีกเช่นกัน จึงไม่แน่ใจว่าจะได้ธรรมที่ถูกต้องแม่นยำถึงใจเสมอไป ไว้ต้อนรับอนุชนรุ่นหลังได้อ่านได้ชมเพียงไร เฉพาะความรู้สึกของผมเองว่าธรรมที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งฉายออกมาจากพระทัยที่บริสุทธิ์นั้น เป็นธรรมถึงใจสุดจะกล่าว เพราะเป็นธรรมที่ถึงเหตุถึงผลอยู่กับพระทัยที่บริสุทธิ์ล้วน ๆ แล้ว จึงเป็นธรรมที่อัศจรรย์และมีอานุภาพมากผิดธรรมดา ผู้รับจากพระโอษฐ์จึงมีทางบรรลุมรรคผลได้ง่าย และมีจำนวนมากมายเหลือจะพรรณนา บรรดาธรรมเหล่านั้น ไม่ว่าพระพุทธเจ้าและสาวกแสดงย่อมเห็นผลประจักษ์แก่ผู้รับฟังอย่างถึงใจ

    ส่วนพระไตรปิฎกที่พวกเราศึกษาจดจำกันมานั้น มีใครบ้างได้บรรลุมรรคผลในขณะที่กำลังฟังและศึกษาอยู่ แต่มิได้ปฏิเสธว่าไม่มีผล เมื่อเป็นเช่นนี้ธรรมทั้งสองนั้น ธรรมใดเป็นธรรมที่มีคุณค่าและน้ำหนักมากกว่ากันเล่า? ลองพิจารณาดูซิพวกท่าน ถ้าว่าผมหาเรื่องป่าเถื่อนมาพูด สำหรับผมเองมีความรู้สึกอย่างนี้ และเชื่ออย่างเต็มใจว่า ธรรมจากพระโอษฐ์นั่นแล คือธรรมประเภทถอนรากถอนโคนกิเลสทุกประเภทได้อย่างถึงใจทันควัน ดังพระองค์ทรงใช้ถอดถอนกิเลสแก่มวลสัตว์มาแล้วจนสะเทือนโลกทั้งสาม ผมจึงไม่ประสงค์และส่งเสริมให้ท่านทั้งหลายเย่อหยิ่งทำตัวเป็นตัวบุ้งตัวหนอนคอยกัดแทะกระดาษแห่งคัมภีร์ใบลานอยู่เปล่า ๆ โดยไม่สนใจพิจารณาสัจธรรมอันประเสริฐที่มีอยู่กับตัว แต่มัวไปยึดธรรมที่ศึกษามาถ่ายเดียว ซึ่งเป็นสมบัติของพระพุทธเจ้ามาเป็นสมบัติของตนด้วยความเข้าใจผิด ว่าตนเรียนรู้และฉลาดพอตัวแล้ว ทั้งที่กิเลสยังกองเต็มหัวใจ ยิ่งกว่าภูเขาไฟมิได้ลดน้อยลงบ้างเลย จงพากันมีสติคอยระวังตัว อย่าให้เป็นคนประเภทใบลานเปล่า ๆ เรียนเปล่าและตายทิ้งเปล่า ไม่มีธรรมอันเป็นสมบัติของตัวอย่างแท้จริงติดตัวบ้างเลย

    การกล่าวทั้งนี้ผมมิได้กล่าวเพื่อประมาทธรรมของพระพุทธเจ้า ธรรมย่อมเป็นธรรม ทั้งธรรมในใจและธรรมนอกใจ คือธรรมในบาลีพระไตรปิฎก แต่ธรรมในพระทัยที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเอง พุทธบริษัทได้บรรลุมรรคผลต่อพระพักตร์ของพระองค์แต่ละครั้งมีจำนวนมาก ส่วนธรรมที่จารึกขึ้นสู่คัมภีร์ใบลานนั้นมีผลผิดกันอยู่มาก ดังที่ปรากฏในตำรา ฉะนั้นธรรมในพระทัยจึงเป็นธรรมที่บริสุทธิ์ล้วน ๆ แต่เมื่อพระองค์และพระสาวกซึ่งเป็นเจ้าของเสด็จเข้าสู่นิพพานแล้ว จึงมีผู้จารึกภายหลัง ซึ่งอาจแฝงไปด้วยความรู้ความเห็นของผู้จดจารึก อันเป็นเครื่องยังธรรมนั้น ๆ ให้ลดคุณภาพและความศักดิ์สิทธิ์ลงตามส่วน ใครก็ไม่อาจทราบได้

    นี่เป็นคำที่ท่านพระอาจารย์มั่นเคยพูดอยู่เสมอ กรุณาท่านที่สงสัยถามมาโดยทางจดหมาย วินิจฉัยตามที่เรียนมานี้ ส่วนที่นอกเหนือไปจากคำที่ท่านเคยพูดไว้ ผู้เขียนไม่อาจวินิจฉัยให้หายสงสัยได้ เพียงแต่ประคองร่างสืบชีวิตไปเป็นวัน ๆ ก็ยังหกล้มก้มกราบอยู่แล้ว จึงกรุณาเห็นใจและขออภัยมาก ๆ ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

    ส่วนท่านที่ถามมาตามหนังสือสยามรัฐตอนสุดท้ายว่า ที่หลวงพ่อมั่นท่านต่อสู้กับความโง่หลงงมงายของมนุษย์ ท่านได้ชัยชนะทำให้ใครได้ความฉลาดขึ้นหรือไม่? หรือว่าท่านตายเปล่า? สำหรับท่านผู้เขียนประวัติท่านมีความเห็นอย่างไรบ้าง? นั้น ถ้าพอมีสติระลึกตนได้อยู่บ้างว่ายังโง่ ยังหลงงมงายอยู่หรือไม่ หรือฉลาดจนถึงไหนแล้ว และเห็นว่าวิธีการที่ท่านดำเนินเป็นนิยยานิกธรรมอยู่บ้าง ธรรมนั้นและวิธีนั้นก็ควรจะทำคนโง่ให้ฉลาด และทำคนหลงให้รู้สึกตัวได้ ไม่ตายเปล่าแบบท่านอาจารย์มั่นซึ่งกำลังเป็นปัญหาอยู่เวลานี้ ไม่มีใครอาจแก้ให้ตกไปได้ ถ้าไม่แก้ที่ตนซึ่งกำลังเป็นปัญหาตัวใหญ่อยู่กับทุกคนว่า จะตายเปล่า หรือจะตายที่เต็มไปด้วยอะไรบ้างด้วยกัน ไม่มีข้อยกเว้น

    และท่านที่ถามอย่างกว้างขวาง แล้วมาสรุปความลงว่า การวิจารณ์ว่าเรื่องพระอรหันต์มาสนทนาธรรมและมาแสดงท่านิพพานต่าง ๆ กัน ให้ท่านอาจารย์มั่นดู มิได้มีในพระบาลีนั้นจริงไหม? การวิจารณ์เป็นความจริงหรือไม่? ถูกต้องหรือไม่? ท่านเป็นผู้เรียบเรียงจะวินิจฉัยว่าอย่างไร? ขอคำแนะนำด้วย

    ปัญหาเหล่านี้เข้าใจว่า ได้เรียนตอบลงในคำบอกเล่าของท่านพระอาจารย์มั่นซึ่งเขียนผ่านมาแล้ว ผู้เขียนมิใช่คนวิเศษวิโสเป็นคนใหญ่คนโต มีความรู้ความฉลาดเลื่องลือมาจากโลกไหน ก็เป็นคนสามัญธรรมดาที่มีกิเลสเต็มหัวใจเราดี ๆ นี่เอง ท่านผู้วิจารณ์และท่านผู้อ่านทั้งหลายก็เข้าใจว่า คงเป็นคนสามัญธรรมดาด้วยกัน ส่วนท่านพระอาจารย์มั่นซึ่งเป็นเจ้าของประวัตินั้น ท่านเป็นพระประเภทใด ผู้เขียนไม่กล้าอาจเอื้อมวิจารณ์ทำนายท่านได้ กลัวตกนรกทั้งเป็น ยังอาลัยเสียดายอยากอยู่ในโลกเหมือนคนทั่ว ๆ ไปอยู่

    การที่ความรู้ความเห็นของท่านพระอาจารย์มั่น จะมีในพระบาลีหรือไม่นั้น ถ้าพระไตรปิฎกมิได้ตั้งตัวเป็นกองปราบปรามผูกขาด ผู้ปฏิบัติก็มีสิทธิ์จะรู้ได้ในธรรมทั้งหลายตามวิสัยของตน ดังพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายทรงรู้เห็นมาก่อนพระไตรปิฎกยังไม่อุบัติ ถ้าธรรมเหล่านี้และท่านเหล่านี้จะพอเป็นความจริง เป็นความถูกต้องได้และเป็นสรณะของโลกได้ ก็เป็นมาก่อนพระบาลีแล้ว ถ้าปลอมก็ปลอมมาแล้วอย่างไม่มีปัญหา จึงขอให้ท่านวินิจฉัยเลือกเอาตามชอบใจว่า จะเอา พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ หรืออะไร ๆ ผ่านสายตาสัมผัสใจก็ สรณํ คจฺฉามิ ร่ำไปแบบกินไม่เลือก แต่เวลาเจอก้าง……..

    [​IMG]

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    หลวงพ่อไม่อยู่ ก็เหมือนกับหลวงพ่ออยู่ หลวงพ่อไม่อยู่จับไฟดูสิว่าร้อนไหม มันก็ร้อน หลวงพ่ออยู่จับไฟดูสิร้อนไหม ก็ร้อน เพราะฉะนั้น หลวงพ่ออยู่หรือไม่อยู่ พวกเราสร้างคุณงามความดี สั่งสมคุณงามความดีเหมือนเดิม

    หลวงพ่ออินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก
    ๒๗ กันยายน ๒๕๕๖

    -ก็เหมือน.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญบริจาคสมทบทุนสร้างอาคารอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน โรงพยาบาลหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด
    โดยได้รับเมตตาจากองค์หลวงปู่ทองอินทร์ กตปุญฺโญ แห่งวัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) ตำบลศรีสมเด็จ อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานดำเนินการสร้าง

    ร่วมบุญบริจาคได้ตามกำลังศรัทธาโดยตรงกับองค์หลวงปู่หรือโอนเงินร่วมบุญบริจาคเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย
    สาขา ร้อยเอ็ด
    เลขที่บัญชี 411-3-20336-9
    ชื่อบัญชี
    พระทองอินทร์ กตปุญโญ

    *ติดต่อสอบถาม
    โทร :043579073
    โทรสาร:043579073 ต่อ 118 (โรงพยาบาลหนองพอก)

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่ข้อมูลนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ลักษณะแห่งพระปรมัตถธรรม
    พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจันโท จันทร์)
    วัดบรมนิวาสวรวิหาร แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

    ตีพิมพ์ในวารสาร ธรรมจักษุ
    ปีที่ ๘๒ ฉบับที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๑

    ระเบียบแสดงธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อยังทรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น มักแสดงสังเวคกถา เพื่อให้เกิดความสลดใจได้ความสังเวชเลยก่อน แล้วจึงทรงแสดงทางปฏิบัติมีทาน ศลเป็นต้นไปให้ผู้ฟังเกิดความเลื่อมใส มีความอุตสาหะ ตั้งใจประพฤติปฏิบัติตาม ในสังเวคปริยายนั้น มักแสดง ชาติ ความเกิด ชรา ความแก่ พยาธิ ความเจ็บไข้ มรณะ ความตาย ๔ ประการนี้ว่าเป็นของครอบงำสัตว์อยู่ทั่วโลก โลกคือหมู่สัตว์ตกอยู่ในอำนาจ ไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงแก้ไขด้วยประการทั้งปวง ให้ผู้ฟังเกิดความสังเวชสลดใจเลยก่อน บางสมัยแสดงว่า รูปํ อนิจฺจํ รูปไม่เที่ยง เวทนา อนิจฺจา เวทนาความเสวยอารมณ์ สุข ทุกข์ อุเบกขา ไม่เที่ยง สญฺญา อนิจฺจา ความจำได้หมายรู้ ไม่เที่ยง สงฺขารา อนิจฺจา สังขารความคิดนึกตรึกตรองไมเที่ยง วิญฺญาณํ อนิจฺจํ ความรู้อารมณ์ไม่เที่ยง ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์สัตว์ทนได้ด้วยยาก ยํ ทุกฺขํ ตํ อนตํตา สิ่งใดไมเที่ยงเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตนของเรา อย่างนี้เป็นพระโอวาทอันแพร่หลายในพุทธศาสนา เป็นพหุลานุโยค คือมักแสดงโดยมาก เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความสังเวชสลดใจ แล้วจะได้แสวงหาสิ่งที่เที่ยงถาวร ควรตนจะยึดเอาเป็นที่พึ่งได้

    ส่วนทางให้เกิดความเลื่อมใสนั้น ดังทรงแสดงทาน การบริจาคให้สำเร็จผลแก่ทายกและปฏิคาหกอย่างนี้ ๆ ศีล ที่บุคคลมารักษาด้วยดีแล้ว จักอำนวยให้ได้รับความสุขอย่างนี้ ๆ ภาวนา ถ้าบุคคลทำให้เกิดให้มีในตนแล้ว จักอำนวยให้ได้รับความสุขอย่างนี้ และจักได้รับความอุ่นใจ เห็นว่าตนมีที่พึ่งอันมั่นคงถาวรอันตนได้แล้วดังนี้ หรือแสดงพระพุทธคุณพระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ซึ่งเป็นอัศจรรย์น่าเลื่อมใสด้วยอาการอย่างนี้ ถ้าน้อมพระคุณนั้น ๆ เข้ามาในตน คือกระทำให้พระคุณนั้นมามีขึ้นในตน จะได้รับผลคือความสุขสำราญเบิกบานใจ ด้วยอาการอย่างนี้ ๆ พึงเข้าใจวิธีทางเทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าไว้สำหรับใจของตนด้วยประการ ฉะนี้

    ในวันก่อนได้แสดงประเภทแห่งพระวินัยพอเป็นทางเข้าใจของพุทธบริษัทไว้แล้ว วันนี้จะแสดงพระปรมัตถ์คือพระอภิธรรมปิฎก ยกมาแต่พอเป็นอุทาหรณ์เพื่อให้พุทธบริษัทรู้จักปรมัตถธรรมซึ่งมีอยู่ในพระคัมภีร์ หรือมีอยู่ในตนว่ามีลักษณะอาการอย่างนี้ ๆ

    ในคัมภีร์อภิธรรมสังคิณีซึ่งเป็นเบื้องต้นแห่งพระอภิธรรมปิฎก ยก กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพฺยากตา ธมฺมา ขึ้นเป็นหลัก แล้วจึงแจกออกไปเป็นชั้น ๆ ให้พระโยคาพจรกุลบุตรพึงกำหนดคำที่ว่า ธรรม นั้นเป็นชื่อของสภาวะอันหนึ่ง มีอันเดียว ที่มากนั้นมากด้วยอาการที่เรียกว่า คุณธรรม คือเป็นคุณของธรรมเหมือนตัวอย่างกุศล อกุศล อัพยากฤต ไม่ใช่ตัวธรรม เป็นคุณของธรรม หรือจะว่าเป็นลักษณะ เป็นอาการ เป็นกิริยาของธรรมก็ได้ จะพูดแต่เพียงว่าอาการ ให้พึงเข้าใจกันเหมือนอย่างคำที่ว่าขันธ์ก็มีนัยอย่างเดียวกัน เป็นชื่อแห่งสภาวะอันหนึ่งมีอันเดียวเท่านั้น ยกเอารูป เวทนา สัญญา สังขารวิญญาณ มาสวมเข้า จึงเป็นขันธ์ ๕ รูป เวทนาสัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ชื่อว่า คุณธรรม ถ้าเอาไปสวมใส่ธรรม ก็ชื่อว่า รูปธรรม เวทนาธรรม สัญญาธรรม สังขารธรรม วิญญาณธรรม ถ้าเอาไปสวมใส่ขันธ์ ก็ชื่อว่า รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ย่นลงให้สั้นก็คือรูป ๑ นาม ๑ เรียกว่า นามรูป นามรูปก็เป็นอาการของธรรม ถ้าเอาไปสวมใส่ธรรมก็ชื่อว่า รูปธรรม นามธรรม

    ต่อนี้จักแจกรูปธรรม นามธรรมให้กว้างออกไป ส่วนรูปธรรมคงไว้เป็น ๑ ส่วนนามธรรมแจกออกเป็น ๔ คือ เวทนา ๑ สัญญา ๑ สังขาร ๑ วิญญาณ ๑.

    ต่อนี้จักกระจายรูปนามนั้นให้กว้างออกไปอีก รูปหนึ่งนั้นแหละ แจกออกตามอาการเป็นรูป ๒๘ คือเป็น
    มหาภูตรูป ๔ ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ลม

    อุปาทายรูป คือ รูปที่อาศัยมหาภูตรูปอีก ๒๔ จัดเป็น ปสาทรูป ๕ โคจรรูป ๔ ภาวรูป ๒ ทหยรูป ๑ ชีวิตรูป ๑ อาหารรูป ๑ วิญญัติรูป ๒ วิการรูป ๔ ลักขณรูป ๔ รวมเป็น ๒๔

    แจกนามทั้ง ๔ นั้นให้มากออกไป

    แจกเวทนาเป็น ๕ คือ สุข ทุกข์ โสมนัส โทมนัส อุเบกขา อาศัยทวาร ๕ คือ เกิดแต่จักขุทวาร โสตทวาร ฆานทวาร ชิวหาทวาร กายทวารทวารละ ๕ ๆ เป็นเวทนา ๒๕

    แจกสัญญาเป็น ๖ คือหมายอารมณ์ ๖ รูป เสียง กลิ่นรส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์

    แจกสังขารเป็น ๕๒ คืออัญญสมานาเจตสิก ๑๓ โสภณเจตสิก ๒๕ อกุศลเจตสิก ๑๔

    แจกวิญญาณออกเป็น ๑๒๑ คือ กามาวจรจิต ๕๓ รูปาวจรจิต ๓๒ อรูปาวจรจิ ต ๑๒ โลกุตตรจิต ๒๔ รวมเป็น ๑๒๑ เรียกว่าจิต คือวิญญาณนั่นเอง

    ยกมาแสดงพอเป็นอุทาหรณ์ เพื่อจะได้เข้าใจอภิธรรมปิฎก ที่ท่านแสดงว่าเป็นปรมัตถธรรม ตัดใจความให้สั้น ธรรมที่พุทธบริษัทประพฤติตามอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นปรมัตถ์ทั้งนั้น ในคัมภีร์อภิธรรมท่านไม่ได้ยกขึ้นสู่ปุคคลาธิษฐาน ท่านแสดงเป็นโครงกลาง ๆ ไว้เท่านั้น ธรรมเหล่านั้นเป็นของละเอียด สุขม แสดงเป็นธัมมาธิษฐาน เหมือนอย่าง

    สติปัฏฐานทั้ง ๔ คือ กาย ๑ เวทนา ๑ จิต ๑ ธรรม ๑

    สัมมัปปธาน ๔ เพียรกำจัดบาปที่ยังไม่มีไม่ให้มีขึ้น ๑ เพียรกำจัดบาปที่มีอยู่แล้วให้หมดไป ๑ เพียรบำรุงบุญที่ยังไม่เคยมีให้มีขึ้น ๑ เพียรบำรุงบุญที่มีอยู่แล้วให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้น ๑.

    อิทธิบาท ๔ ฉันทะ ความพอใจ ๑ วิริยะ ความเพียรกล้า ๑ จิตตะ ความตั้งใจมั่น ๑ วิมังสา ความตรวจตรอง ๑ ผู้ประสงค์จะให้ธรรมประเภทใดสำเร็จ ต้องใช้อิทธิบาททั้ง ๔ นี้เป็นกำลัง

    อินทรีย์ ๕ คือ ศรัทธา ๑ วิริยะ ๑ สติ ๑ สมาธิ ๑ ปัญญา ๑ คือบำรุงให้เป็นใหญ่ ชื่อว่า อินทรีย์พละ ๕

    โพชฌงค์ ๗ คือ สติ ๑ ธัมมวิจยะ ๑ วิริยะ ๑ ปีติ ๑ ปัสสัทธิ ๑ สมาธิ ๑ อุเบกขา ๑ ทำให้สามัคคีพรักพร้อมกันขึ้น ชื่อว่า โพชฌงค์

    อัฏฐังคิกมรรค ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ ๑ สัมมาสังกัปโป ๑ สัมมาวาจา ๑ สัมมากัมมันโต ๑ สัมมาอาชีโว ๑ สัมมาวายาโม ๑ สัมมาสติ ๑ สัมมาสมาธิ ๑ ชื่อว่าอริยมรรค

    ธรรมทั้งหลายเหล่านี้มีมาในคัมภีร์พระอภิธรรมทั้งนั้น แสดงเป็นกลาง ๆเรียกว่าธัมมาธิษฐาน เป็นปรมัตถธรรมทั้งสิ้น ถ้ายกขึ้นสู่ปุคคลาธิษฐานเป็นพระสูตรทั้งสิ้น

    จะยกปรมัตถ์ขึ้นสู่ปุคคลาธิษฐานให้เห็นเป็นพระสูตรเป็นตัวอย่าง เหมือนสติปัฏฐาน ๔ กาย ๑ เวทนา ๑ จิต ๑ ธรรม ๑ แสดงไว้เป็นกลาง ๆ อย่างนี้เป็นปรมัตถธรรม ถ้ายกขึ้นสู่บุคคลเป็นพระสูตร ชื่อว่า สติปัฏฐานสูตร

    ยกขึ้นสู่บุคคลคือยกขึ้นสู่กายของเรานี้ คำที่ว่ากายนั้น หมายที่ประชุมธาตุดิน น้ำไฟ ลม ได้แก่สกลกายของเรานี้ ในอาการ ๓๒ มีเกสา โลมา เป็นต้น ถึง มัตถลุงคัง แยกเป็นดิน ๒๐ แยกเป็นน้ำ ๑๒ เพิ่มไฟลมเข้าอีก แยกเป็นไฟ ๔ แยกเป็นลม ๖ ชื่อว่า กาโย

    ยกเวทนาขึ้นสู่บุคคล คือสกลกายนี้ ชื่อว่า เวทนา คือ มีสุขอย่างหนึ่ง มีทุกข์อย่างหนึ่ง มีไม่ทุกข์ไม่สุขอย่างหนึ่งประจำอยู่ที่สกลกายนี้เสมอ กายนี้จึงชื่อว่าเวทนา

    ยกจิตขึ้นสู่บุคคล คำที่ว่า จิตนั้น ก็คือใจของเราที่รู้คิดรู้นึก รู้สกลกายอวัยวะนี้เอง ชื่อว่า จิต

    ยกธรรมขึ้นสู่บุคคล ธรรมนั้นได้แก่ธรรมดา เขาเป็นอยู่อย่างนั้น เหมือนความประพฤติดี ความประพฤติชั่ว ดีชั่วเป็นตัวธรรมดา ถ้าบุคคลประพฤติดีก็เป็นบุญ ถ้าประพฤติชั่วก็เป็นบาปบุญ บาป ก็เป็นธรรมดา ยกธรรมขึ้นสู่บุคคลเป็นปุคคลาธิษฐาน พึงเข้าใจความอย่างนี้

    จะยกธรรมประจำกายขึ้นมาแสดงอีกส่วนหนึ่ง กาย เวทนา จิต ธรรม รวมกันเข้าชื่อว่าบุคคล ยกสติขึ้นสู่กาย ขึ้นสู่เวทนา ขึ้นสู่จิต ขึ้นสู่ธรรม ชื่อว่ายกขึ้นสู่บุคคล เป็นปุคคลาธิษฐานอย่างนี้เป็นตัวอย่าง ชื่อว่าพระสูตร

    รวมเนื้อความให้สั้นเข้า พึงสำเหนียกให้ตั้งใจว่า พระธรรม คือ พระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์ มีอยู่ในสกลกายของเรานี้ครบทุกประเภท คือ ห่อกายของเรานี้มิดชิดทีเดียว จึงเป็นปริยัติธรรม เราต้องจำทรงท่องบ่น คือให้รู้ไว้ว่า นี้พระสูตร นี้พระวินัย นี้พระปรมัตถ์ เมื่อเข้าใจแล้วก็เป็นปริยัติธรรมภายในขึ้น พระปริยัติเป็นเหตุส่องทางให้เราปฏิบัติ คือให้ดำเนินตามพระวินัยนั้นเอง ส่วนพระวินัยนั้นได้แสดงมามากแล้ว ไม่ใช่อื่น ได้แก่ศีล สมาธิ ปัญญานั้นเอง

    ศีล สมาธิ ปัญญาเป็นองค์อริยมรรค มรรคเป็นเครื่องประหารกิเลส กิเลสนั้นที่เป็นรากเป็นมูลก็คือโลภะ โทสะ โมหะ เหลือนั้นกิ่งก้านสาขาของมูล ๓ นี้เอง เมื่อบำเพ็ญกองศีลให้มีขึ้นจนเป็นสีลขันธ์ คือสกลกายนี้เรียกว่าขันธ์ เมื่อสกลกายนี้ทรงศีลไว้ ก็ชื่อว่าสีลขันธ์ให้เป็นอธิศีลคือเป็นศีลอย่างสูง เป็นอริยกันตศีล มีอำนาจปราบโลภะ โทสะ โมหะส่วนหยาบ ที่เผล็ดออกมาทางกาย ทางวาจา ให้หมดอำนาจ ไม่สามารถจะงอกงามขึ้นได้ แล้วตั้งใจบำรุงสมาธิให้เป็นสมาธิขันธ์ คือให้รู้สึกว่าขันธ์อันนี้ทรงไว้ซึ่งสมาธิจนเป็นอัปปนาจิต ชื่อว่าอธิจิต มีอำนาจปราบโลภะ โทสะ โมหะที่เป็นกิเลสอย่างกลาง เกี่ยวเกาะอยู่กับจิตมีกามฉันท์เป็นต้น ให้หมดอำนาจไม่สามารถจะงอกงามขึ้นได้ แล้วตั้งใจบำรุงกองปัญญาให้เป็นปัญญาขันธ์ คือให้รู้สึกว่าขันธ์อันนี้ทรงไว้ซึ่งปัญญาคือ วุฏฐานคามินีวิปัสสนาปัญญา เป็นปัญญาชำแรกกิเลสอย่างละเอียดคือตัว อวิชชานุสัย เรียกว่า อธิปัญญา มีอำนาจปราบอนุสัยสังกิเลสให้หมดอำนาจไป

    ส่วนปฏิเวธธรรมเป็นผลของปฏิบัติธรรมผู้บำเพ็ญกองศีลเต็มที่ กิเลสซึ่งเป็นข้าศึกของศีลดับไป ก็รู้สึกได้รับผลคือความสุขสำราญใจเป็นปฏิเวธธรรมในชั้นศีล เมื่อได้บำเพ็ญกองสมาธิให้เต็มที่ กิเลสที่เป็นข้าศึกของสมาธิดับไป ผู้ปฏิบัติก็รู้สึกได้รับผลคือความเย็นใจ เป็นปฏิเวธธรรมในชั้นสมาธิ เมื่อบำเพ็ญกองปัญญา ให้เต็มที่ กิเลสซึ่งเป็นข้าศึกของปัญญาก็ดับไป ผู้ปฏิบัติก็รู้สึกได้รับผลคือความสิ้นสงสัยในกิเลส ได้รับความสำราญบานใจ เป็นปฏิเวธธรรมในชั้นปัญญา

    การแสดงปรมัตถธรรมไว้เป็นหลัก แล้วขยายออกมาเป็นพระสูตร พระวินัย ย่นลงเป็นปริยัติธรรม ส่องความถึงปฏิบัติธรรม ปฏิบัติธรรมส่องความถึงปฏิเวธธรรมไว้เพียงเท่านี้ พอเป็นเค้าทางแก่โยคาพจรกุลบุตรผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เพื่อจะได้ตรวจตรองดำเนินตาม จะได้ไม่เป็นคนงมงาย ปฏิบัติอย่าให้เสียหลักพระปริยัติธรรม ให้ตรวจตรองจับเอาอาหารแห่งพระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์ พระปริยัติ พระปฏิบัติ พระปฏิเวธ ให้ชัดใจทั้งภายนอกและภายใน เมื่อฟังพระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์ภายนอก ให้เอาพระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์ภายในออกฟัง นอกมีเท่าใด ในก็มีเท่านั้น

    พระธรรมที่แสดงมานี้ล้วนเป็น สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม คือเป็นพระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเทศนาดีแล้ว คือไพเราะในเบื้องต้นคือศีล ไพเราะในท่ามกลางคือสมาธิ ไพเราะในที่สุดคือปัญญา และเป็น สนฺทิฏฺฐิโก ผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นด้วยตนเอง และเป็น อกาลิโก ผู้ปฏิบัติไม่ต้องอ้างกาลอ้างเวลา เพราะพระธรรมมีอยู่ทุกเมื่อ และเป็น เอหิปสฺสิโก ผู้ปฏิบัติอาจท้าทายร้องเรียกให้ผู้อื่นมาดูได้เพราะเป็นของมีจริง และเป็น โอปนยิโก ผู้ปฏิบัติอาจน้อมเข้าสู่ตน คือให้มีขึ้นในตนได้ และเป็น ปจฺจตฺตํ ผู้รู้ทั้งหลายคือผู้ปฏิบัติจะพึงรู้แจ้งจำเพาะที่ตน ไม่ต้องเป็นกังวลไปถามผู้อื่น

    เมื่อพุทธบริษัทได้สดับธรรมปริยายดังแสดงมานี้ พึงมนสิการแล้วตั้งใจประพฤติปฏิบัติตาม ก็จักมีแต่ความเจริญงอกงาม ในศาสนธรรมคำสั่งสอน ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกทิพาราตรีกาล

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “เทวดา มาฟ้องหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต”

    (เทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    ท่านอาจารย์มั่น โอ๊ย พิสดารมากนะ เรื่องอย่างนี้พิสดารมากทีเดียว แต่ท่านทำเหมือนไม่รู้นะ เวลาพูดไปสัมผัส อะไรอย่างนี้ละ พอไปสัมผัสเรื่องราวท่านจึงแยกออกมาพูดแล้วผ่านไปเลย ถ้าไม่สัมผัสท่านก็ไม่พูด อันนี้ก็มีเรื่องสัมผัสท่านก็พูดให้ฟัง เรื่องหูทิพย์ตาทิพย์อย่างที่ว่า พวกเทพทั้งหลายเขามาฟ้องร้อง ท่านตอนเขามาฟังเทศน์ท่าน เขามากราบเรียนท่าน ภาษาเราว่ากราบเรียนท่าน ธรรมดาก็เรียกว่ามาฟ้องท่าน ว่ามานี้เห็นแต่พระท่านนอนหลับครอก ๆ แครก ๆ ท่านนอนไม่มีมารยาท นั่นเห็นไหมไปกราบเรียนท่าน คือพวกเทพไปกราบเรียนท่าน พระท่านนอนไม่มีมารยาท นอนหลับครอก ๆ แครก ๆ ทิ้งเนื้อทิ้งตัวบ้างอะไรบ้าง เวลาเขาไปฟ้องท่าน

    ทีนี้เวลาท่านแก้เทวดาท่านไม่ได้ยกโทษพระนะ อ๋อ ก็คนหลับ ใครหลับก็ครอก ๆ แครก ๆ จะว่าไง ถ้าไม่หลับจะไปครอก ๆ แครก ๆ ทิ้งเนื้อทิ้งตัวยังไงคนมีสติสตัง จะว่าอะไรถึงพวกเทพก็เอาเถอะ เหมือนกันนั่นแหละ ขึ้นชื่อว่ากิเลสมีอยู่ ย่อมมีพลั้งมีเผลอมีเสียมีหายเหมือนกันนั่นแหละ จะไปตำหนิอะไร แต่กับพระ ดูเราที่มันครอก ๆ แครก ๆ แบบไหนแบบเทพนั่นน่ะ มันสมเกียรติของเทพไหม ท่านซัดเอาตรงนั้นนะ เขาก็หมอบเลย พอเขาไปแล้วท่านก็เตือนพระ แน่ะอย่างนั้นนะ คือเวลาเขาตำหนิพระ ท่านจะไปช่วยเป็นกำลัง เขาตีพระท่านไม่ตี ท่านยกพระไว้ตีพวกเทวดา พอเทวดาไปแล้วกลับมาตีพระ นั่นเห็นไหมปราชญ์ท่านพูดให้ กระทบกระเทือนที่ไหน เสียหายที่ไหน ทีนี้เวลาท่านออกมาท่านก็เตือนพระ เวลาหลับนอนก็ให้รักษามารยาท เมื่อคืนนี้พวกเทวดาทั้งหลายเขามาฟ้องว่า พระนอนหลับครอก ๆ แครก ๆ ทิ้งเนื้อทิ้งตัว แล้วเป็นยังไงพระเรา นอนหลับตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกนั่นเหรอ ไม่ได้ตั้งหน้าทำความพากความเพียร เหรอ จึงให้เทวดาเขามาดู ความไม่ดีของเรา ถ้าหากว่าจะนอนก็ให้ระมัดระวัง

    จากนั้นมาท่านเตือนนะ ว่าวันนี้เทวดาจะมา บอกเตือนพระ เพราะพระอยู่กับท่านไม่หลายองค์นี่นะ ไม่ได้เหมือนอย่างที่ว่าจุ้นจ้าน ๆ มีแต่พระหูหนวกตาบอดอย่างนี้นะ ท่านเตือน วันนี้พวกเทพจะมานะ เวลาเท่านั้น ถ้าจะหลับนอนก่อนนั้นก็ให้หลับนอนเสีย ถ้ายังไม่หลับนอนก็ให้รอไปจนกระทั่งเทวดาทั้งหลาย มาเยี่ยมเราผ่านไปเรียบร้อยแล้วค่อยนอน นั่นท่านเตือนพระเห็นไหมล่ะ นี่ละจอมปราชญ์เตือนกันในวงภายใน พระก็ต้องได้ระมัดระวัง

    -เทวดา-มาฟ้องหลวง.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...