ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี เสด็จออกพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา, สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ สิริวิบูลยราชกุมาร ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร
—-
Their Majesties King Vajiralongkorn and Queen Suthida of Thailand with Their Royal Highnesses Princess Bajrakitiyabha, Princess Sirivannavari, and Prince Dipangkorn Rasmijoti made a balcony appearance at Sutthai Sawan Prasat Throne Hall in the Grand Palace in Bangkok, Kingdom of Thailand.
—-

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท 6 พฤษภาคม 2562

“ข้าพเจ้าและพระราชินีรู้สึกยินดีและปลื้มใจมากที่ได้เห็นประชาชนทั้งหลายมีไมตรีจิตพร้อมเพรียงกันมาร่วมแสดงความปรารถนาดีในวาระบรมราชาภิเษกของข้าพเจ้าครั้งนี้ ความพร้อมเพรียงของท่านทั้งหลายผู้มาประชุมกัน ณ ที่นี้ เพื่ออวยชัยให้พรแก่ข้าพเจ้าด้วยน้ำใจไมตรีและความปรารถนาดีอย่างจริงใจนั้น เป็นที่จับตา จับใจ และทำให้ข้าพเจ้าอิ่มใจอย่างยิ่ง ขอให้ความพร้อมเพรียงของท่านทั้งหลายในการแสดงไมตรีจิตแก่ข้าพเจ้าครั้งนี้ จงเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทุกคน ทุกฝ่ายจะพร้อมกันบำเพ็ญกรณียกิจเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติของเราต่อไป ขอขอบใจในคำอำนวยพร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวในนามของทุกคน และขอสนองพรให้ทุกท่านมีความผาสุขสวัสดีพร้อมทั้งความสำเร็จในสิ่งอันพึงปรารถนาจงทั่วกัน”

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ














ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ สีหบัญชร ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท ให้ประชาชนเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒

ทรง พระ เจริญ

พระราชดำรัส

“ข้าพเจ้าและพระราชินีรู้สึกยินดีและปลื้มใจมากที่ได้เห็นประชาชนทั้งหลายมีไมตรีจิตพร้อมเพรียงกันมาร่วมแสดงความปรารถนาดีในวาระบรมราชาภิเษกของข้าพเจ้าครั้งนี้ ความพร้อมเพรียงของท่านทั้งหลายผู้มาประชุมกัน ณ ที่นี้ เพื่ออวยชัยให้พรแก่ข้าพเจ้าด้วยน้ำใจไมตรีและความปรารถนาดีอย่างจริงใจนั้น เป็นที่จับตา จับใจ และทำให้ข้าพเจ้าอิ่มใจอย่างยิ่ง ขอให้ความพร้อมเพรียงของท่านทั้งหลายในการแสดงไมตรีจิตแก่ข้าพเจ้าครั้งนี้ จงเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทุกคน ทุกฝ่ายจะพร้อมกันบำเพ็ญกรณียกิจเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติของเราต่อไป ขอขอบใจในคำอำนวยพร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวในนามของทุกคน และขอสนองพรให้ทุกท่านมีความผาสุขสวัสดีพร้อมทั้งความสำเร็จในสิ่งอันพึงปรารถนาจงทั่วกัน”

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท วันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

วันนี้(๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒) เวลา ๑๖.๕๙ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท หมู่พระที่นั่งในสวนศิวาลัย ในพระบรมมหาราชวัง พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ประชาชนชาวไทยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ โอกาสนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้ากระหม่อมกระหม่อมพระราชทานพระราชดำรัสความว่า “ข้าพเจ้าและพระราชินีรู้สึกยินดีและปลื้มใจมากที่ได้เห็นประชาชนทั้งหลายมีไมตรีจิตพร้อมเพรียงกันมาร่วมแสดงความปรารถนาดีในวาระบรมราชาภิเษกของข้าพเจ้าครั้งนี้ ความพร้อมเพรียงของท่านทั้งหลายผู้มาประชุมกัน ณ ที่นี้ เพื่ออวยชัยให้พรแก่ข้าพเจ้าด้วยน้ำใจไมตรีและความปรารถนาดีอย่างจริงใจนั้น เป็นที่จับตา จับใจ และทำให้ข้าพเจ้าอิ่มใจอย่างยิ่ง ขอให้ความพร้อมเพรียงของท่านทั้งหลายในการแสดงไมตรีจิตแก่ข้าพเจ้าครั้งนี้ จงเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทุกคน ทุกฝ่ายจะพร้อมกันบำเพ็ญกรณียกิจเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติของเราต่อไป ขอขอบใจในคำอำนวยพร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวในนามของทุกคน และขอสนองพรให้ทุกท่านมีความผาสุขสวัสดีพร้อมทั้งความสำเร็จในสิ่งอันพึงปรารถนาจงทั่วกัน” โอกาสนี้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร โดยเสด็จในการนี้ด้วย

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

Today(6th May 2019) at 16.59, His Majesty the KING and Her Majesty the Queen accompanied by Her Royal Highness Princess Bajrakitiyabha Narendira Debayavadi, Her Royal Highness Princess Sirivannavari Nariratanarajakanya and His Royal Highness Prince Dipangkorn Rasmijoti Maha Vajirojtamangkun Sirivibulyarajakumar grants a grand audience to receive good wishes from all his subjects at the balcony of Sutthaisawan Prasat Throne Hall, the Siwalai Garden group in the Grand Palace, Bangkok.

Long Live the KING














ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

พระอริยสาวกที่เป็นพระอเสขบุคคล (อเสขะ=ผู้ไม่ต้องศึกษาเพราะศึกษาเสร็จแล้ว คือ พระอรหันต์) ท่านละความยินดียินร้ายในโลกธรรมทั้ง ๘ ได้ ส่วนพระเสขะบุคคลท่านยังละความยินดียินร้ายในโลกธรรมทั้ง ๘ ไม่ได้ เมื่อเวลาโลกธรรมทั้ง ๘ อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น เสขบุคคลกับปุถุชนนั้นจะต่างกันอย่างไร
.
ตามความเห็นของข้าพเจ้าว่า พระเสขบุคคลเวลาที่โลกธรรมทั้ง ๘ เกิดขึ้น สมัยที่ท่านมีสติสัมปชัญญะ กำหนดรู้โลกธรรมตามความเป็นจริง ความยินดียินร้ายในโลกธรรม ๘ ก็ไม่เกิดขึ้นในใจขึ้นได้ สมัยที่เผลอสติ เวลาที่โลกธรรมทั้ง ๘ อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ก็มีความยินดียินร้าย แต่ว่าคงน้อยแล้วก็ละได้ง่าย ไม่ครอบงำใจเหมือนปุถุชน เพราะท่านได้เห็นความจริงแล้ว (พระเสขะ=ผู้ยังต้องศึกษา คือพระโสดาบัน สกทาคา อนาคา)
.
นี่เป็นส่วนความเข้าใจ ถ้าต้องการจะรู้ให้แน่ ก็จงประพฤติปฏิบัติทำตนให้เป็นพระเสขบุคคลจึงจะรู้ได้ว่า อัธยาศัยใจคอของท่านเป็นอย่างไร ส่วนปุถุชนที่ยังไม่ถึงสรณะ ไม่มีศีลและศรัทธานั้น เวลาโลกธรรมทั้ง ๘ ฝ่ายข้างดี ๔ อย่างเกิดขึ้นก็กำหนัดยินดีหมกมุ่นพัวพันไปตามโลกธรรมนั้น หรือโลกธรรมฝ่ายข้างไม่ดี ๔ อย่างเกิดขึ้น ก็ยินร้ายไม่ชอบเศร้าโศกเดือดร้อน เพราะปุถุชนที่ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติก็ทำใจไม่แยบคาย ความยินดียินร้ายจึงเกิดขึ้น ครอบงำใจของปุถุชนนั้นได้

พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ประวัติท่านเล่า
.
ท่านฯ ว่า พออุปสมบทแล้ว ระยะแรกๆ นอนหลับฝันไป ปรากฏว่า ท่านฯ เองยังเป็นสามเณรอยู่ ยังไม่เป็นพระ นั่งภาวนาพอจิตรวมเป็นอุปจาระ ก็ปรากฏว่ายังเป็นสามเณรอยู่ ท่านฯ มาเฉลียวใจว่า เอ๊ะนี้เป็นเรื่องอะไร พิจารณาได้ความว่า ครองฝ้าสังฆาฏิชั้นเดียวเป็นผ้าดาม (เย็บเป็นดูกแบนๆ เรียกผ้าดาม) จึงไปกราบเรียนต่อพระผู้ใหญ่ ท่านก็ยอมรับ จัดหาสังฆาฏิ ๒ ชั้นให้ แล้วเข้าโบสถ์ทำทัฬหีกรรมใหม่ ทีนี้นอนหลับฝันว่า ได้เป็นพระโดยสมบูรณ์ ปรากฏว่า บนบ่าข้างซ้ายมีดาบสะพายอยู่ เท้าทั้ง ๒ มีรองเท้าพระชนิดคีบ ทำด้วยหนังสวมอยู่ พิจาณาได้ความว่า ดาบคือปัญญา รองเท้า คือ สมาธิ มีสมาธิมั่นคง มีปัญญาแก้ไขได้
.
ผู้เขียนกราบเรียนถามว่า “แค่สังฆาฏิชั้นเดียว ห้ามมรรคผลด้วยหรือ” ท่านฯ ว่า “เป็นวัตถุวิบัติ ขึ้นชื่อว่า วิบัติแล้ว ก็เป็นวิบัติวันยังค่ำ คืนยังรุ่งอยู่นั้น”
.
ท่านพระอาจารย์เล่าว่า คืนหนึ่งท่านนอนฝันไปว่า ได้ไปยืนบนขอนไม้ชาติที่ถูกตัดให้ล้มลงแล้วคืนหนึ่ง มองดูข้างปลาย ใบก็หล่นหมดแล้ว มองดูข้างตอคงตัดมานาน สูงประมาณ ๑ คืบ มีเปลือกผุผังบ้างแล้ว
.
ในขณะนั้นมีม้าตัวหนึ่ง มายืนเคียงข้างขอนไม้ชาตินั้น อย่าลืมว่าดาบและรองเท้าติดตัวเสมอ พอนึกอยากขี่ก็ขึ้นขี่หลังม้าเลย ม้าก็พาวิ่งข้ามทุ่งไปทางทิศตะวันออก มองเห็นแสงสะท้อนจากวัตถุชนิดหนึ่ง คล้ายกระจกบานใหญ่ รับแสงสะท้อนตากพระอาทิตย์ ม้าวิ่งเข้าสู่วัตถุนั้น
.
พอเข้ามาใกล้วัตถุนั้น คล้ายตู้พระไตรปิฎกไม่มีผิด ท่านลงจากหลังม้าคลำดูแต่ข้างนอก รู้ว่าเป็นตู้พระไตรปิฎกจริง แต่มิได้เปิดดู ม้าก็หายไป มองไปข้างหลังตู้พระไตริฎก มีแต่ป่าริมทุ่งรกชัฎแล้วก็ตื่นขึ้นมา
.
ภายหลังท่านมาพิจารณาว่าขอนชาตินั้นคือ อัตตภาพของท่าน ชาติแปลว่าความเกิด เราเกิดชาตินี้จะไม่ได้มาอาศัยขันธวิบาก คือ อัตตภาพนี้สิ้นภพสิ้นชาติ เพราะถูกบุคคลตัดให้ล้มลง ก็ยิ่งเชื่อมั่นว่า จะได้บรรลุธรรมวิเศษแน่ แต่ยังติดข้องอยู่ในโพธิญาณ เพราะได้ตั้งความปรารถนาไว้ ต่อหน้าพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า จึงตัดสินใจว่า ขอรวบรัดตัดตอนดีกว่า เพราะว่าพระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์แล้วยังมีเป็นอันมาก ที่ยังไม่ได้รับการพยากรณ์ก็ยังมีอีกมิใช่น้อย
.
ม้านั้นคือตบะคือความเพียร ไม่ได้เปิดตู้พระไตรปิฏก จึงไม่บรรลุสัมภิทาญาณ แต่สัมผัสแต่ตู้ จึงสามารถนำธรรมของพระพุทธเจ้า มาสั่งสอนศิษย์ และประชาขนได้
.
พระอาจารย์มั่น ภูริท้ตโต ที่มา รำลึกวันวาน เกร็ดประวัติ ปกิณกธรรมและพระธรรมเทศนา ท่านพระอาจาย์มั่น ภูริทตฺตเถร

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

“…พระอาจารย์เป็นพระป่า เราก็เป็นคนป่าเหมือนกัน…”
หลวงพ่ออินทร์ถวาย เล่าถึงทูลกระหม่อมฟ้าหญิงจุฬาภรณ์
.
.
…เมื่อหลวงตามรณภาพแล้ว ทูลกระหม่อมก็ไปวัดป่าบ้านตาดทุกเสาร์ – อาทิตย์ “…มีครั้งหนึ่ง ทูลกระหม่อมขึ้นไปแล้วหาพระรูปไหนเทศน์ไม่ได้ คณะสงฆ์ก็เลยบอกว่า ให้หลวงพ่ออินทร์เทศน์ เราก็คิด จะไปเทศน์ได้ยังไง ต่อหน้าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน เราก็เป็นพระป่าพระดง แต่ตอนนั้น นิมนต์พระเถระที่ไหนก็ติดนิมนต์มาไม่ได้ และถ้าไม่มีใครเทศน์ก็ดูไม่ดีนัn เขาเลยให้อาตมาเทศน์ก็เทศน์ เขาก็อาราธนาฟ้าหญิงทรงมานั่งฟังเทศน์ตอนน้ัน…”
.
ในการเทศน์ พระอาจารย์อินทร์ถวาย กล่าวว่า ก่อนอื่นอาตมภาพขออภัยในทูลกระหม่อม เป็นอย่างมาก และขออภัยพี่น้องประชาชนทุกหมูเหล่าที่มาฟังธรรมเทศนาในวันนี้ คือ คณะกรรมการเขานิมนต์พระมาแสดงธรรม เป็นช่วงๆ แต่วันนี้นิมนต์พระไม่ได้ ก็เลยนิมนต์อาตมาแทน แต่อาตมาไม่สันทัดในภาษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งราชาศัพท์ เพราะอาตมาเป็นพระป่าพระดง
.
สมัยบวชเป็นเณรก็บวชกับหลวงปู่หล้า เขมปัตโต วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) จ มุกดาหารตั้งแต่อายุ 11 – 12 ปี แล้วก็อยู่เป็นเณรกับหลวงปู่หล้า 8 ปี พอครบบวช อาตมาก็บวชเป็นพระ ที่ภูจ้อก้อ แล้วก็ไม่ได้เรียนนักธรรมตรี โท เอก พอออกจากหลวงปู่หล้า ก็ไปอยู่กับหลวงปู่จาม ซึ่งเป็นหลวงอาของอาตมา ออกจากหลวงอาก็ไป จำพรรษากับหลวงปู่แหวนที่เชียงใหม่ แล้วก็กลับลงมาจำพรรษากับหลวงปู่จาม มหาปุญโญ วัดป่าวิเวก วัฒนาราม อ.คำชะอี จ.มุnดาหาร เป็นพรรษาที่ 4 พอพรรษาที่ 5 ก็มาจำพรรษาที่วัดป่าหลวงตาตั้งแต่ พ.ศ. 2512 ถึง พ.ศ 2525 เป็นเวลา 14 ปีที่อยู่วัดป่าบ้านตาดแห่งนี้
.
เพราะฉะนั้น อาตมภาพเป็นพระป่า จะใช้ราชาศัพท์น้ัน คงจะไม่ราบรื่นในการพูด เพราะฉะนั้น อาตมาขออภัยในทูลกระหม่อม ขอใช้ภาษาสุภาพ จากนั้นอาตมาก็หลับตาเทศน์เลย…”
.
.
“…เทศน์เสร็จก็ถามท่านว่า มีอะไรจะแสดงความคิดเห็น ทูลกระหม่อมท่านก็ว่า ‘…..พระอาจารย์เป็นพระป่า เราก็เป็นคนป่าเหมือนกัน แต่เป็นป่าคนละทางกัน…..’ ท่านก็คงว่า ธรรมะของท่านยังเป็นป่าอยู่ กระมัง แต่อาตมาเป็นป่า ยังไง คือ ไม่ถนัดทางภาษาราชาศัพท์ใช่ไหม จากนั้นท่านก็ถวายจตุปัจจัยกัณฑ์เทศน์ แล้วก็เลยได้สนทนากับท่าน ท่านว่า ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงตา แล้วจะไปวัดท่านนะ
.
นั่นเป็นครั้งแรกทึ่ทูลกระหม่อมท่านพูดกับผู้ว่าราชการจังหวัด และข้าราชการทหาร จากนั้นท่านก็ไปเยี่ยมอาตมาที่วัดป่านาคำน้อย จังหวัดอุดรธานี เราก็จัดที่พัก เดี๋ยวนี้มีที่ประทับของทูลกระหม่อมฟ้าหญิงอยู่ที่วัดป่านาคำน้อย…”
.
ตั้งแต่หลวงตามหาบัวมรณภาพไป ทูลกระหม่อมฟ้าหญิงเล็กเสด็จฯ ไปวัดป่านาคำน้อยบ้าง พระอาจารย์อินทร์ถวายเล่าว่าเสด็จไปประมาณ 8 คร้ัง สองปีมานี้เริมห่างไป พระองค์ท่านเสด็จต่างประเทศบ่อย วันคล้ายวันประสูติพระองค์ ในวันที่ 4 กรกฎาคม อาตมาก็มาสองสามครั้งแล้ว
.
“…เหมือนกับท่านเป็นลูกของพ่อ เราก็เป็นลูกของพ่อ ก็เหมือนเป็นพี่ๆ น้องๆ ก็เหมือนกับพระองค์เป็นญาติผู้ไหญ่ของเรา เราก็ให้ความเคารพนับถือ ทูลกระหม่อมท่านเคารพหลวงตา ท่านเคารพด้วยชีวิตจิตใจจริงๆ ทุกครั้งที่ท่านเสด็จไปวัด ก็ตรัสถึงหลวงตาตลอดว่า ถ้าไม่มีหลวงตา ท่านไม่มีวันนี้ ท่านบอกว่า ก่อนหน้าที่จะได้พบหลวงตา ทั้งชีวิตจิตใจมันหมดทุกอย่าง หมดอาลัย พอหลวงตาไปเทศน์ให้กาลังใจ มีกำลังใจเข้มแข็งขึ้น
.
บางทีลูกสาวของฟ้าหญิงเล็กบอกว่า ใครพูดอะไรไม่ถูกมันปรี๊ด ขึ้นมาเลย ทูลกระหม่อม ท่านก็บอกว่า เมือก่อนท่านก็เป็นเหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นแล้ว แม่รู้ว่าอันไหนเหตุ อันไหนผล อันไหนควรไม่ควรอย่างไร แม่รูจักการยับยั้งแล้ว เพราะฉะน้ัน ลูกต้องศึกษาไปเรื่อยๆ นะ ธรรมะ…”

จากคำให้สัมภาษณ์ของหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสฺสโก
วัดป่านาคำน้อย จ.อุดรธานี งานวันครบรอบ 100 ปีชาตกาล
หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน วันที่ 12 สิงหาคม 2557



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

15.40 // รัฐบาลถวายสดุดีในหลวงและพระราชวงศ์ ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ และทรงเป็นต้นแบบของการรักษาสมบัติชาติ

พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถวายสดุดีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยเฉพาะการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องทรงฉลองพระองค์ครุยที่ทั้งหนักและหนา ประทับบนพระที่นั่งที่แคบและโคลงไปมาตลอดหลายชั่วโมง เช่นเดียวกับพระขัตติยะมานะของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ที่ทรงร่วมขบวนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน

“นายกฯ กล่าวว่า แม้ดูเหมือนระยะทางจะไม่ไกล แต่การเดินเท้าต้องใช้เวลาและความอดทน พระองค์ท่านและทุก ๆ พระองค์มิได้ทรงทำเพื่อพระองค์เอง แต่ทรงธำรงไว้ซึ่งโบราณราชประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่อดีต ทรงแสดงพระองค์เป็นต้นแบบของการรักษาคุณค่าของขนบธรรมเนียมที่มีอารยะและมีเอกลักษณ์ที่งดงามของโลก โดยสถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นสถาบันหลักและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ”

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังชื่นชมและขอบคุณข้าราชบริพาร เจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร ประชาชน จิตอาสาทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันอุทิศทั้งกำลังกายและใจ เพื่อให้พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตั้งแต่ขั้นตอนของพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์มาจนถึงการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารคสำเร็จลุล่วง สง่างาม และสมพระเกียรติ



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น