ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “ความพอเพียง กับรอยพระบาทในหลวง ร.๙”

    ความในใจ “ศรไกร แน่นศรีนิล” ช่างซ่อมฉลองพระบาท(ของในหลวง ร.๙) โดยได้สัมภาษณ์นายศรไกร แน่นศรีนิล หรือ ‘ช่างไก่’ ช่างนอกราชสำนัก ผู้ถวายงานซ่อมฉลองพระบาทมานานกว่า ๑๐ ปี

    “ผมไม่เคยเข้าเฝ้า ไม่เคยไปรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเลยสักครั้ง แต่การที่ได้มีโอกาสถวายรับใช้พระองค์ถือว่าเป็นสิ่งสูงสุดในชีวิต เหนือที่จะบรรยาย สำหรับลูกชาวนาคนหนึ่ง”

    “วันนั้นมีลูกค้ารายหนึ่งเดินประคองรองเท้าเข้ามาในร้าน พอวางรองเท้าลง ก็ก้มลงกราบ ผมเลยถามออกไปว่าเอาอะไรมาให้ผม ?

    ลูกค้ารายนั้น ซึ่งก็คือมหาดเล็ก ตอบกลับมาว่า ฉลองพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    โอ้โฮ ! ได้ยินเท่านั้นแหละครับ ผมขนลุกสู้ พูดอะไรไม่ถูก คิดในใจแต่เพียงว่า นี่เราจะเป็นคนโชคดีแล้วมั้ง ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้ซ่อมรองเท้าของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน”

    นายศรไกร แน่นศรีนิล หรือ ‘ช่างไก่’ ช่างนอกราชสำนัก ผู้ถวายงานซ่อมฉลองพระบาท เผยความรู้สึกนับตั้งแต่วันที่ได้ถวายงานซ่อมฉลองพระบาทคู่แรก ราวปลายปีพุทธศักราช ๒๕๔๕ พร้อมเล่าเหตุการณ์ย้อนอดีตให้ฟังอีกว่า

    “พอมหาดเล็กถามผมต่อว่า ซ่อมได้ไหม ผมรีบตอบทันทีว่าซ่อมได้ๆ แต่คงต้องใช้เวลานานหน่อย ทั้งที่จริงๆ ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวก็ซ่อมเสร็จ” ช่างไก่ สารภาพถึงเหตุที่ตอบไปเช่นนั้น เพราะอยากให้ฉลองพระบาทคู่นี้ อยู่ที่ร้านนานๆ นอกจากนี้ เขายังจำภาพฉลองพระบาทคู่แรกได้อย่างแม่นยำ

    “สภาพชำรุด บริเวณซับในหลุดลุ่ยทั้งหมด ถ้าเป็นคนมีเงิน เป็นเศรษฐีเขาทิ้งไปแล้ว ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่ในความคิดของผม พระองค์อาจทรงเห็นว่า หนังยังดีอยู่ก็เป็นได้” และเท่าที่สอบถามจากมหาดเล็กคราวๆ ก็บอกว่า เป็นฉลองพระบาทคู่โปรด ที่พระองค์ใช้ทรงดนตรี

    นับจากนั้นเป็นต้นมา ‘ช่างไก่’ ยังมีโอกาสได้ถวายงาน “ซ่อม” ฉลองพระบาทอีกหลายคู่ ทั้งฉลองพระบาทที่ใช้ในงานพระราชพิธี ฉลองพระบาทที่คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยงกัด รวมกันแล้วทั้งหมด ๖ คู่

    แต่ที่ทำให้ช่างไก่ ปราบปลื้มยิ่งไปกว่านั้นคือ การได้ตัดฉลองพระบาทถวาย

    “ผมไม่เคยเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครับ ก็ใช้วิธีตัดโดยวัดรอยพระบาทจากฉลองพระบาทที่ส่งมาซ่อม ซึ่งคู่แรกที่ถวายไปนั้น ผ่านไป ๒-๓ เดือนมหาดเล็กนำกลับมาที่ร้าน ผมตกใจมากเลยว่า มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ปรากฏว่าพระองค์ให้นำกลับมาติดกันลื่นแค่นั้น”

    ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมดีใจว่า พระองค์ทรงใช้งานจริง

    เขายังบอกต่อไปอีกว่า ที่ผ่านมาได้ตัดฉลองพระบาทถวายไปแล้วจำนวน ๑๑ คู่ด้วยกัน และในเดือนมกราคมปีหน้านี้จะนำถวายอีก ๒ คู่ แต่ฉลองพระบาทที่ตัดถวายในระยะหลัง จะเน้นเพื่อสุขภาพมากกว่า

    “ตอนนี้พระองค์ใส่แบบธรรมดาไม่ได้ ต้องเป็นรองเท้าสุขภาพ มีแผ่นรองประมาณนี้ครับ”

    ปัจจุบัน ‘ช่างไก่’ เป็นเจ้าของร้านซ่อมรองเท้า ก.เปรมศิลป์ บริเวณสี่แยกพิชัย เขตดุสิต กรุงเทพฯ และเมื่อธุรกิจแจ้งเกิด ยังสามารถขยายสาขาได้อีก บริเวณสี่แยกซังฮี้ โดยเขาให้เหตุผลว่า ที่กิจการรุ่งเรืองดีได้ถึงขนาดนี้ เป็นเพราะบารมีของในหลวง ทำให้ร้านซ่อมรองเท้าเล็กๆ กลายเป็นที่รู้จัก มีคนมาใช้บริการไม่ขาดสาย ประการสำคัญ สิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากพ่อของแผ่นดินก็คือ ‘ความพอเพียง’

    “ดูท่าทางแล้ว ผมว่าในหลวงน่าจะมีความพอเพียงมากกว่าเราๆ เสียอีก เพราะขนาดรองเท้าเก่า ยังส่งมาซ่อมใช้ และตรงนี้ผมว่า หากคนไทยเดินตามรอยของพระองค์ท่าน เราน่าจะเป็นสุขกันมากกว่านี้ครับ” ช่างนอกราชสำนักรายนี้ทิ้งท้าย

    ฉลองพระบาททั้ง ๖ คู่ ที่ผ่านการซ่อมจากช่างนอกราชสำนัก ร้าน ก.เปรมศิลป์ โดยคู่กลาง แถวล่างสุด คือฉลองพระบาทที่ ‘คุณทองแดง’ สุนัขทรงเลี้ยงได้กัดแทะจนชำรุด

    รอยเท้าพ่อ : ‘ช่างไก่’ นำพื้นรองเท้าที่มีรอยพระบาท มาใส่กรอบบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล และเพื่อรำลึกว่าครั้งหนึ่งได้มีโอกาสถวายรับใช้เบื้องพระยุคลบาท

    (ขอขอบคุณข้อมูล :สำนักข่าวอิสรา)

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “การปฏิบัติธรรมของในหลวง ร.๙”

    (เทศนาธรรมโดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    ต่อไปนี้พ่อจะขอปรารภเรื่องของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเป็นบุคคลตัวอย่างที่มีความสามารถทั้งในด้านการปฏิบัติในเรื่องส่วนพระองค์ และในด้านปฏิบัติกับปวงชนชาวไทยทั้งหมดรวมทั้งปฏิบัติกับชาวต่างประเทศด้วย แม้แต่กระทั่งกับศัตรูพระองค์ก็ทรงเห็นว่าเป็นมิตร ไม่เคยคิดที่จะเป็นศัตรูกับใคร สิ่งที่มีความสำคัญที่สุดนั่นก็คือพระองค์ทรงช่วยประชาชนทรงช่วยชาวโลกด้วยและก็ทรงช่วยพระองค์เองได้ดีที่สุด

    ในด้านของธรรมะสำหรับวันนี้พ่อจะขอนำพระราชจริยาวัตรของ พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวที่ทรงประพฤติปฏิบัติให้ลูกรักทั้งหลายจะพึงรับทราบ รับทราบแล้วก็จงปฏิบัติตามด้วยเพราะว่าจะช่วยให้พวกเราดี ก่อนที่จะพูดถึงธรรมะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติได้ ก็จะขอย้อนไปถึงจริยาวัตรของพระองค์ พระราชจริยาวัตรของพระองค์นี่เราจะรู้ไม่ได้เลยว่า ทรงทำอะไรบ้าง วันทั้งวัน พระองค์ไม่มีเวลาว่าง บางวันมีพระราชภารกิจตั้งแต่เช้าจรดเย็น เวลาเย็นก็ต้องมานั่งปฏิบัติงาน รับแขกกลางคืนอีก กว่าจะทรงเซ็นหนังสือได้ก็ต้องใช้เวลา ๒๔ นาฬิกาผ่านไป

    เมื่อทรงเซ็นหนังสือแล้ว หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงเจริญพระกรรมฐาน วันที่พ่อเข้าไปพบกับพระองค์ พระองค์ตรัสว่าเวลานี้การฟังเทปรู้สึกว่า ฟังไม่ค่อยจบ นอนฟัง ฟังไป ฟังไป รู้สึกว่าหนักเข้า ความไม่ได้ยินในเทปรู้สึกว่า เคลิ้มหลับ แต่ว่าพอเทปดังแกร๊ก รู้สึกตัวตื่นขึ้น แล้วก็พลิกฟังใหม่อีกหน้าหนึ่ง คราวนี้ก็หลับไปเลย พระองค์ทรงติพระองค์เองว่า รู้สึกว่าไม่ดี แต่พ่อกลับทูลพระองค์ไปว่า นั่นเป็นความดี เพราะว่าถ้าหลับในระหว่างการฟังธรรม ชื่อว่าจิตฝังอยู่ในธรรมตลอดเวลา และการฟังค่อย ๆ เคลิ้มไปทีละน้อย ๆ พอเทปหมดหน้า รู้สึกเสียงดังแกร๊ก ก็แสดงว่านั่นไม่ได้หลับ แต่ทว่าจิตฟังธรรมเป็นฌานสมาบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟังไม่ได้ยินเสียงเลยนั่นเป็นฌาน ๔ ความจริงเรื่องนี้ดีมาก ฉะนั้นขอบรรดาลูกรักทุกคนจงปฏิบัติเยี่ยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จงอย่าอ้างว่าข้าพเจ้ามีงานมาก มีภารกิจมาก ไม่มีเวลาพักผ่อน ไม่มีโอกาสเอาจิตเข้าไปฝึกฝนธรรมะ

    การปฏิบัติธรรมะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ พระองค์ทรงปรารภให้พ่อฟังดูเหมือนว่าพระองค์ทรงเป็นบุคคลที่ไม่มีเวลาว่าง เวลาใดถ้ามีโอกาสว่างนิดหนึ่ง ก็ใช้เวลาฟังเทปบ้าง วินิจฉัยธรรมะบ้าง และในบางขณะที่พระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินไปรอบ ๆ พระราชฐานที่พัก พระองค์จะถือเวลา ว่าจะเดินสักกี่ชั่วโมง ถ้าเดิน ๑ ชั่วโมง เอาเทปสะพายไปด้วย แล้วก็ฟัง ๒ หน้า ถ้าเดิน ๒ ชั่วโมง ก็ฟัง ๔ หน้าเทป อย่างนี้รู้สึกว่าพอดี จริยาวัตรส่วนนี้ ขอบรรดาลูกรักควรจะฝึกฝนใจให้มาก พยายามปฏิบัติตามพระองค์ให้มาก เวลาบูชาพระ พระองค์ก็ทรงสมาธิ ทำสมาธิ และวิปัสสนาญาณในระยะนั้น เวลาที่เสด็จบรรทมก็ทรงฟังเทป เป็นอันว่าพระองค์จะไม่ยอมให้เวลาที่ว่างอยู่เสียเปล่าไปในด้านของความดี จะพยายามหาทางบีบบังคับอารมณ์จิตให้อยู่ในขอบเขตของความดี คือฟังเสียงธรรมะ ขณะใดที่จิตสนใจในธรรม พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า ขณะนั้นจิตย่อมว่างจากกิเลส ลูกต้องมีความขยันหมั่นเพียร มีความสนใจให้มาก เรียกกันว่าเป็นการปฏิบัติแบบเบา ๆ

    อีกประการหนึ่งการเจริญพระกรรมฐานของพระองค์อันดับแรก คงจะตั้งพระทัยมุ่งสมาธิเป็นฌานสมาบัติบทใดบทหนึ่ง และการที่พ่อไปพบกับพระองค์ตอนนั้นพระองค์ตรัสว่า การทำสมาธิเวลานี้ ไม่มุ่งหวังจุดใดจุดหนึ่งโดยเฉพาะ ปล่อยไปตามสบาย จะถึงไหนก็ใช้ได้ เป็นที่พอใจ จริยาแบบนี้ลูกรักเป็นจริยาที่ดีที่สุด เพราะพ่อเองก็เคยตกอยู่ในความหวั่นไหวมามากแล้วทำให้ยุ่งยากใจเพราะการบังคับจิตต้องการจะให้ได้ฌานชั้นนั้นได้ฌานชั้นนี้

    แต่ในที่สุดแทนที่มันจะดี มันก็กลับเลวสู้การปล่อยอารมณ์ใจสบายไม่ได้ การทรงสมาธิหรือพิจารณากรรมฐานในด้านสมถภาวนาหรือวิปัสสนาภาวนาอย่างใดอย่าง หนึ่งก็ดี ถ้าจิตเราปล่อยไปตามสบาย มันจะถึงฌานไหนก็ช่าง เมื่อถึงไหนพอใจแค่นั้น อย่างนี้ถูก อารมณ์ฌานและวิปัสสนาญาณที่เข้าถึงใจ จะมีการทรงตัวและในที่สุดก็จะสามารถตัดกิเลสสมุจเฉทปหาน คือตัดกิเลสได้อย่างเด็ดขาดกิเลสไม่กำเริบ เรียกว่ามีอารมณ์จิตเข้าถึงพระนิพพานได้แน่นอน วิธีปฏิบัติแบบนี้ลูกรักต้องพยายามปฏิบัติให้มาก คำว่ามากก็หมายความว่า การเว้นจากการงาน เมื่อยามว่าง ไม่ควรจะให้โอกาสปล่อยไป

    ฉะนั้นการปฏิบัติ ขอบรรดาลูกรักทั้งหลาย จงพยายามปฏิบัติเอาอย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลูกรักทั้งหลายจงจำไว้ว่า ความดีเกิดขึ้นกับเรามากคนเขาก็รักเรามาก แต่ถ้าความดีเกิดขึ้นกับเราน้อย คนเขาก็รักเราน้อย เมื่อคนรักน้อย คนเกลียดมาก เราก็มีความทุกข์กายทุกข์ใจมากกว่าความสุข เดินไปพบคนที่เรารัก หรือเขารักเรา เราก็ยิ้มแย้มแจ่มใสมีความชื่นบาน แต่ถ้าไปพบคนที่เกลียดเราเมื่อไร เมื่อนั้นแหละความกลุ้มใจ กำเริบใจมันก็เกิดขึ้น เราจะหาความสุขไม่ได้

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “ข้าวที่ถวายพระพุทธรูป โยมเอามากินได้ไหม”

    (วิสัชนาธรรมโดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    ผู้ถาม :- จัดอาหารไปเลี้ยงพระที่วัด และได้จัดอาหารถวายพระพุทธรูป ลาแล้วก็เอาให้ลูกกิน รวมทั้งครอบครัวด้วย เอามากินที่บ้าน จะมีบาปหรือไม่คะ?”

    หลวงพ่อ :- “ชักสงสัยนะ ความจริงถวายพระพุทธรูปแล้ว อย่าเอามาดีกว่า เวลาที่วางไปแล้ว เรากล่าวเป็นสังฆทานนี่ ใช่ไหม…ทีหลังถวายพระพุทธรูปที่บ้านดีกว่าไม่มีเรื่องดี หรือว่าถ้าถวายพระพุทธรูปแล้ว ก็เก็บถวายพระในตอนเพล จะได้อานิสงส์อีก”

    ผู้ถาม :- “ที่บ้านหนูทำบุญบ้าน นิมนต์พระ ๙ องค์ แล้วถวายข้าวพระพุทธด้วย เสร็จแล้วก็เอามาทาน จะได้ไหมคะ…?”

    หลวงพ่อ :- “สาธุ…ทีหลังอย่าทำก็แล้วกันนะ”

    ผู้ถาม :- “ต้องชำระหนี้สงฆ์ใช่ไหมคะ…?”

    หลวงพ่อ :- “พระยายมท่านตอบว่า หมิ่นไป ท่านบอกว่า ควรจะถวายพระเอาไปวัด”

    ผู้ถาม :- “แล้วในเวลาเพลแล้วเล่าคะ…?”

    หลวงพ่อ :- “เพลแล้วก็เป็นเรื่องของพระไป ถ้าถวายพระแล้วท่านไม่เอา ก็ใช้ได้เลย”

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ันอัฏฐมีบูชา วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2562แรม ๘ ค่ำ เดือนหก(๖) ปีกุน
    ันอัฏฐมีบูชา
    ือวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 8 วัน) ถือเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือนวิสาขะ (เดือน 6 ของไทย)
    ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ นอกจากนั้น วันนี้เป็นวันคล้ายวันที่พระนางสิริมหามายา องค์พระพุทธมารดาสิ้นพระชนม์ (หลังประสูติ) และเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขตลอด 7 วัน (หลังตรัสรู้) อีกด้วย
    .
    ประวัติวันอัฏฐมีบูชา – เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จปรินิพพานไปแล้ว 7 วัน มัลละกษัตริย์แห่งเมืองกุสินารา พร้อมด้วยประชาชน และพระสงฆ์อันมีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน ได้พร้อมกันกระทำการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ แห่งเมืองกุสินารา เป็นวันหนึ่งที่ชาวพุทธต้องมีความโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะการสูญเสียแห่งพระพุทธสรีระ เมื่อวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งนิยมเรียกกันว่าวันอัฏฐมีนั้น เมื่อเวียนมาบรรจบแต่ละปี พุทธศาสนิกชนบางส่วนได้ประกอบพิธีบูชาขึ้น มีการเวียนเทียนเป็นต้น แต่ไม่ทั่วไปทั่วราชอาณาจักร
    .
    ประวัติพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในพุทธประวัติ – พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพมีขึ้นในวันที่ 8 หลังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานใต้ต้นสาละในราตรี 15 ค่ำ เดือน 6 โดยพวกเจ้ามัลลกษัตริย์จัดบูชาด้วยของหอม ดอกไม้ และเครื่องดนตรีทุกชนิด ที่มีอยู่ใน เมืองกุสินาราตลอด 7 วัน แล้วให้เจ้ามัลละระดับหัวหน้า 8 คน สรงเกล้า นุ่งห่มผ้าใหม่ อัญเชิญพระสรีระไปทางทิศตะวันออก ของพระนคร เพื่อถวาย พระเพลิง
    .
    พวกเจ้ามัลละถามถึงวิธีปฏิบัติพระสรีระกับพระอานนท์เถระ แล้วทำตามคำของพระเถระนั้นคือ ห่อพระสรีระด้วยผ้าใหม่แล้วซับด้วยสำลี แล้วใช้ผ้าใหม่ห่อทับอีก ทำเช่นนี้จนหมดผ้า 500 คู่ แล้วเชิญลงในรางเหล็กที่เติมด้วยน้ำมัน แล้วทำจิตกาธานด้วยดอกไม้จันทน์ และของหอมทุกชนิด จากนั้นอัญเชิญ พวกเจ้ามัลละระดับหัวหน้า 4 คน สระสรงเกล้า และนุ่งห่มผ้าใหม่ พยายามจุดไฟที่เชิงตะกอน แต่ก็ไม่อาจให้ไฟติดได้ จึงสอบถามสาเหตุ พระอนุรุทธะ พระเถระ แจ้งว่า “เพราะเทวดามีความประสงค์ให้รอพระมหากัสสปะ และภิกษุหมู่ใหญ่ 500 รูป ผู้กำลังเดินทางมาเพื่อถวายบังคมพระบาทเสียก่อน ไฟก็จะลุกไหม้” ก็เทวดา เหล่านั้น เคยเป็นโยมอุปัฏฐากของพระเถระ และพระสาวกผู้ใหญ่มาก่อน จึงไม่ยินดีที่ไม่เห็นพระมหากัสสปะอยู่ในพิธี และเมื่อภิกษุหมู่ 500 รูปโดยมีพระมหากัสสปะเป็นประธานเดินทางมาพร้อมกัน ณ ที่ถวายพระเพลิงแล้ว ไฟจึงลุกโชนขึ้นเองโดยไม่ต้องมีใครจุด
    .
    หลังจากที่พระเพลิงเผาซึ่งเผาไหม้พระพุทธสรีระดับมอดลงแล้ว บรรดากษัตริย์มัลละทั้งหลายจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด ใส่ลงในหีบทองแล้วนำไปรักษาไว้ภายในนครกุสินารา ส่วนเครื่องบริขารต่างๆ ของพระพุทธเจ้าได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐานตามที่ต่างๆ อาทิ ผ้าไตรจีวร อัญเชิญไปประดิษฐานที่แคว้นคันธาระ บาตรอัญเชิญไปประดิษฐานที่เมืองปาตลีบุตร เป็นต้น และเมื่อบรรดากษัตริย์จากแคว้นต่างๆ ได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพานที่นครกุสินารา จึงได้ส่งตัวแทนไปขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อนำกลับมาสักการะยังแคว้นของตนแต่ก็ถูกกษัตริย์มัลละปฏิเสธ จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งและเตรียมทำสงครามกัน แต่ในสุดเหตุการณ์ก็มิได้บานปลาย เนื่องจากโทณพราหมณ์ได้เข้ามาเป็นตัวกลางเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อยุติความขัดแย้งโดยเสนอให้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 8 ส่วนเท่าๆ กัน ซึ่งกษัตริย์แต่ละเมืองทรงสร้างเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตามเมืองต่างๆ ดังนี้
    ๑.กษัตริย์ลิจฉวี ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองเวสาลี
    ๒.กษัตริย์ศากยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองกบิลพัสดุ์
    ๓.กษัตริย์ถูลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองอัลลกัปปะ
    ๔.กษัตริย์โกลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองรามคาม
    ๕.มหาพราหมณ์ สร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองเวฏฐทีปกะ
    ๖.กษัตริย์มัลละแห่งเมืองปาวา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองปาวา
    ๗.พระเจ้าอชาตศัตรู ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองราชคฤห์
    ๘.มัลลกษัตริย์แห่งกุสินารา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองกุสินารา
    ๙.กษัตริย์เมืองโมริยะ ทรงสร้างสถูปบรรจุพระอังคาร (อังคารสถูป) ที่เมืองปิปผลิวัน
    ๑๐.โทณพราหมณ์ สร้างสถูปบรรจุทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุ ที่เมืองกุสินารา (ทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุแจก, คำว่า ตุมพะ แปลว่า ทะนาน, บางทีเรียกสถูปนี้ว่า ตุมพสถูป)
    สำหรับกรณีของกษัตริย์เมืองโมริยะนั้น ได้ส่งผู้แทนมาหลังจากที่โทณพราหมณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ทั้ง 8 เมืองไปแล้วจึงได้อัญเชิญพระอังคารไปแทน ส่วนโทณพราหมณ์ ก็ได้สร้างสถูปบรรจุทะนานที่ใช้สำหรับตวงพระบรมสารีริกธาตุสำหรับตนเอง และผู้คนได้สักการะดังที่ได้กล่าวไป
    .
    ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

    -วันอาทิต.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “พระอาจารย์วังสิ้นสติไป ๒ วัน พบพระศรีอาริยเมตไตรยบนสวรรค์เพื่อบอกคาถาป้องกันภัยพิบัติ”

    (ปกิณกธรรม พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร)
    (ภูลังกา วัดถ้ำชัยมงคล จ.บึงกาฬ)

    คราวหนึ่งพระอาจารย์วังสิ้นสติไปเกือบ ๒ วัน จึงฟื้น เมื่อท่านลืมตาขึ้นมา ก็บอกให้สามเณรคำพันธ์รีบหากระดาษ ดินสอ มาเร็วๆ เดี๋ยวจะลืม เมื่อสามเณรคำพันธ์(หลวงปู่คำพันธ์ จันทูปโม) ได้กระดาษกับดินสอมาแล้ว ท่านก็สั่งให้จดตามที่ท่านบอกว่า

    “อุ อะ ยุ ยะ นะมะสัจเจ นะเมสัจจะ วะภะนะโม โหตุ”

    ภายหลังท่านได้เล่าให้สามเณรที่อยู่กับท่านฟังว่า

    ตอนที่ท่านสิ้นสติไปนั้น ได้มีผู้ชาย ๒ คน มารับท่านขึ้นไปบนสวรรค์ ได้ผ่านวิมานปราสาทสูงขึ้นไปเป็นชั้นๆ กลิ่นธูปเทียนหอม ตลบอบอวนเต็มไปหมด ผู้ชายทั้ง ๒ คน พาท่านไปที่ปราสาทหลังหนึ่ง เมื่อไปถึงก็พาเข้าไปในห้องโถงอันโอ่อ่า ได้พบกับเทวดาองค์หนึ่ง นั่งอยู่บนแท่นสูง และเชิญให้ พระอาจารย์วังนั่งบนอาสนะที่จัดเตรียมไว้ พร้อมกับแนะนำตัวว่า

    “เราคือพระศรีอาริยเมตไตรย เราให้บริวารไปรับท่านมาเพื่อจะบอกคาถาให้บทหนึ่ง หวังให้ท่านนำไปช่วยมนุษย์ เพราะในกาลข้างหน้า มนุษย์จะได้รับความเดือดร้อนจากภัยต่างๆ ท่านมีคาถาอะไรใช้บ้าง”

    พระอาจารย์วังก็ได้ตอบท่านว่า

    กระผมมีคาถาแก้วสารพัดนึกอยู่บทหนึ่ง คือ

    “นะ มะ อะ ชะ อุรัง อังคุ มุนะ”

    พระศรีอาริยเมตไตรยก็กล่าวกับท่านพระอาจารย์วังว่า “คาถาเดิมของท่านมันยังไม่เต็มบท ให้เอาคาถานี้เพิ่มเข้าไป ท่านจะใช้คาถาอะไรก็ตาม อย่าลืมเอาคาถานี้ต่อท้ายทุกครั้ง”

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    วันหนึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่
    ไม่ว่าทรัพย์สินเงินทองคู่ครอง ครอบครัว
    ก็ต้องจากเราไปหมดมีแต่เพียงบุญ และ บาป
    เท่านั้นที่จะติดตัวเราไปตลอด อยู่ที่เราจะเลือกว่าจะนำบุญ หรือนำบาปติดตัวไปกับเราด้วย จงสร้างกรรมดี ละเว้นกรรมชั่ว
    แล้วหนทางข้างหน้าจะสว่างเสมอ สาธุ สาธุ สาธุ

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    :: การตัดสินของงู ::
    งูตัวหนึ่งเลื้อยเข้าไปในโรงไม้ มันไถลเลื้อยข้ามเลื่อยใบหนึ่ง มันเจ็บปวดมาก เลยหันหัวแว้งฉกกัดเลื่อย แต่กลับทำให้ปากมันมีแผลเหวอะโดยไม่ได้ยั้งคิด มันกลับเข้าใจว่า มันกำลังถูกจู่โจมโดยเลื่อย มันตัดสินใจ เลื้อยโอบรอบตัวเลื่อย แล้วจัดการรัดเจ้าเลื่อยอย่างเต็มกำลัง แต่สิ่งที่ได้ คือ มันกลับถูกเลื่อยฆ่ามันตายในที่สุด
    อย่าคิดว่าตัวเองแน่ แล้วใช้อารมณ์ เพราะบางปัญหา อารมณ์ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ บางทีอาจจะคิดว่าการบาดเจ็บเกิดจากคนอื่น แต่จริงๆ อาจจะเกิดจากจุดอ่อนตัวเอง
    :: ข้อคิด ::
    ในบางครั้ง เราตอบโต้ความโกรธ ด้วยการคิดทำร้ายคนๆนั้น แต่เราไม่ได้ฉุกคิดเลยว่า ในที่สุดแล้ว เรากลับกำลังทำร้ายตัวเองอยู่
    ในชีวิตจริง บางทีมันจะดีกว่า ถ้าเราไม่สนใจต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
    ไม่สนใจคนพวกนั้น ไม่สนใจพฤติกรรมเหล่านั้น แม้แต่คำพูดของพวกเขา
    ในบางครั้ง มันจะดีซะกว่า หากเราไม่โต้ตอบ เพราะมันอาจจะไม่ใช่แค่ ได้ผลลัพท์ที่เลวร้าย แต่อาจเป็นภัยที่ร้ายแรงขั้นถึงชีวิตกันเลยที่เดียว
    อย่าปล่อยให้ความโกรธครอบงำชีวิตคุณ แต่กลับเป็นความรัก ที่อยู่เหนือทุกสิ่ง
    จงยิ้มเข้าไว้ แผ่ความสุขในตัวคุณออกไป
    นี่คือ กฎของธรรมชาติ
    อาหารที่เรากิน จะถูกย่อยและถูกขับออกไปภายใน ๒๔ ชม. ไม่เช่นนั้น เราจะป่วย
    น้ำที่เรากิน เข้าสู่ภายในร่างกาย และจะถูกขับออกมา ในอีก 4ชม. ไม่เช่นนั้น เราจะไม่สบาย
    อากาศที่เราหายใจเข้าไป จะถูกดันออกมา ในเวลาแค่ 1 นาที ไม่เช่นนั้น เราก็จะตาย…
    แล้วนับประสาอะไรกับอารมณ์ที่ไม่น่าพิศมัยต่างๆ เช่น ความโกรธ ความอาฆาตพยาบาท ความอิจฉาริษยา ความหวั่นไหวในจิตใจทั้งหลาย แต่เรากลับเก็บสิ่งพวกนี้ไว้กับเรา เป็นแรมเดือนแรมปี
    หากอารมณ์แย่ๆทั้งหลายยังไม่ถูกกำจัดออกไปจากใจเรา มันก็จะกัดกร่อนจิตใจส่วนดี และทำให้ร่างกายนี้เจ็บป่วยตามไปด้วย
    การมีสติ กลับมารู้สึกตัว ถือเป็นวิธีที่ไวและให้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด ในการชนะอารมณ์ลบๆในจิตใจของเรา

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “ทาน ศีล ภาวนา มีความสำคัญเท่ากันหมด ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ถึงพระนิพพานไม่ได้”

    (วิสัชนาธรรมโดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    (คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง)
    (จากหนังสือ “หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม”)
    (ฉบับพิเศษ เล่ม ๑ หน้า ๓๗ – ๔๐)

    ผู้ถาม : “หลวงพ่อคะ หนูขอทราบอานิสงส์ของการรับศีล กับ การให้ทานค่ะ?”

    หลวงพ่อ : “จำที่พระบอกในตอนท้ายได้ไหมล่ะ”
    “สีเลนะ สุคติง ยันติ” การรักษาศีลเป็นปัจจัยให้มีความสุข สุขทั้งชาตินี้ สุขทั้งชาติหน้านะ
    “สีเลนะ โภคสัมปทา” ถ้ามีศีลชาตินี้ทรัพย์สมบัติก็ไม่ฝึดเคือง ชาติหน้าก็มีทรัพย์สมบัติมาก
    “สีเลนะ นิพพุติง ยันติ” ศีลเป็นปัจจัยให้เข้าถึงนิพพานโดยง่าย นี่อานิสงส์ของศีลท่านว่าไว้อย่างนี้

    ส่วนการให้ทาน ท่านบอกว่า “ทานัง สัคคโส ปาณัง” ทานเป็นบันไดให้เกิดบนสวรรค์ การให้ทานมากก็ตามน้อยก็ตาม ผลของทานทำให้เกิดในสวรรค์ ถ้าหากพ้นจากสวรรค์มา แล้วมา เป็นคนก็ไม่ยากจนเข็ญใจ แต่ว่าจะรวยเท่าไรนั้นเป็นเขตของทานนะ ท่านเรียก “ปุญญักเขตตัง” เป็นเนื้อนาบุญ ถ้าเราให้ในเขตที่ความบริสุทธิ์มากเราก็รวยมาก ให้ในเขตที่มีความบริสุทธิ์น้อย เราก็มีทรัพย์สินน้อย แต่คำว่าอดตายไม่มีสำหรับคนให้ทาน”

    ผู้ถาม : “แล้ว ศีล กับ ทาน อย่างไหนจะอานิสงส์มากกว่าคะ”

    หลวงพ่อ : “อ้าว…มันคนละคนนี่หนู ต่างคนต่างแก่ต่างคนต่างกล้า ทานเขาก็ให้ผลไปอย่างหนี่ง ศีลก็ให้ผลมีกำลังอย่างหนึ่ง แต่ว่าทั้ง ๒ อย่างต้องร่วมกันนะ ถ้าแยกกันเมื่อไรก็พังเมื่อนั้นแหละ เรามีแต่ทานอย่างเดียว แต่บกพร่องในศีลทั้ง ๕ ข้อหรือข้อใดข้อหนึ่ง เราก็ตกนรก ต้องพ้นจากนรกมาก่อนแล้วจึงจะรวย ถ้าเรามีแต่ศีลอย่างเดียว ไม่มีทาน เกิดชาติหน้าอายุยืน หน้าตาสวย แต่อดตายเอาซิ เอาอย่างไหนล่ะ เอาไงดี…?”

    ผู้ถาม : “หมายความว่าต้องทำคู่กันใช่ไหมคะ…?”

    หลวงพ่อ : “ต้องคู่กันไปนะหนู หนูไม่มีข้าวกินมาที่นี่ได้ไหม…?” ร่างกายดี รูปร่างหน้าตาสวยเพราะ ศีลข้อที่ ๑ รักษาศีลข้อที่ ๒ ได้ ทรัพย์สินไม่เสียหายเพราะไฟ เพราะน้ำ เพราะโจร รักษาศีลข้อที่ ๓ ได้ คนที่อยู่ในปกครองว่าง่ายสอนง่าย พวกที่มีลูกดื้อหลานดื้อเพราะพลาดศีลข้อที่ ๓ ถ้าทรงศีลข้อที่ ๔ ได้ เป็นผู้ที่มีวาจาไพเราะ พูดแล้วคนอื่นชอบฟัง รักษาศึลข้อที่ ๕ ได้ ไม่เป็นโรคเส้นประสาท ไม่เป็นโรคบ้า แต่ว่าอด ไม่มีข้าวกินไหวไหม…? ดี ๕ อย่าง แต่ไม่มีอาหารจะกิน ไม่มีผ้าจะนุ่ง มันต้องคู่กันนะหนู จะว่าอย่างไหนสำคัญกว่ากันมันก็ไม่ควร ทาน ศีล ภาวนา เป็นบุญกิริยาวัตถุ และพระพุทธเจ้าตรัสว่า สิ่งที่เข้าถึงบุญกุศลก็คือ

    ๑. การให้ทาน
    ๒. การรักษาศีล
    ๓. เจริญภาวนา

    ภาวนานี่หมายถึง สมถภาวนา หรือ วิปัสสนาภาวนา คือใช้ปัญญาคิดอยู่

    ๐ ทาน นั้นเป็นปัจจัยตัดโลภะ ความโลภ
    เป็นก้าวหนึ่งที่จะถึงนิพพาน

    ๐ ศีล เป็นเหตุตัดโทสะ ความโกรธ
    เป็นก้าวที่สองที่จะทำให้ถึงพระนิพพาน

    ๐ ภาวนา เป็นตัวตัดกิเลสตัวสำคัญทั้งใหญ่และเล็กเป็นปัจจัยให้กิเลสหมดจริง เข้าถึงนิพพานแน่นอน

    แล้วทั้งสามอย่างนี้จะถืออะไรสำคัญกว่ากันไม่ได้เลย ต้องถือว่าสำคัญเท่ากัน ถ้าเราขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง เราจะถึงพระนิพพานไม่ได้ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน อาหารการบริโภคมีความสำคัญในการครองชีพ ร่างกายเราจะทรงตัวได้เพราะศีล ถ้าเรามีแต่อาหาร แต่ไม่มีร่างกายก็ไม่เป็นประโยชน์ใช่ไหม

    เรามีร่างกายดี มีอาหารดี แต่ไร้ปัญญาก็เป็นเหยื่อของคนฉลาด เพราะตัววิปัสสนาญาณและตัวภาวนาเป็นตัวทำให้เกิดปัญญา รวมความว่า

    ๑. เรามีอาหาร
    ๒. มีร่างกาย
    ๓. มีปัญญา

    ทั้งสามอย่างนี้ต้องประกอบกัน หนูจะเลือกเอาอย่างไหนโดยเฉพาะล่ะ เอาแต่ปัญญาดี ไม่มีร่างกาย ไม่มีอาหารดีไหม…? แล้วก็มีร่างกาย ไม่มีอาหาร ไม่มีปัญญาดีไหม…? เอาสามอย่างเลย สบายๆ”

    (เครดิตเพจ : คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “ทาน ศีล ภาวนา เจริญให้มากทำให้ครบถ้วน”

    (คติธรรม สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๑๙)

    ตราบใดที่เราท่านทั้งหลายยังไม่ถึง “ฝั่งพระนิพพาน”
    ก็ต้องเก็บเล็กผสมน้อย โดยทำทุกๆ ทางเพื่อความไม่ประมาท โดยทำทั้งทาน ศีล และภาวนา สุดแต่โอกาสจะอำนวยให้ จะถือว่าการเจริญวิปัสสนาภาวนานั้นลงทุนน้อยที่สุด แต่ได้กำไรมากที่สุด ก็เลยทำแต่วิปัสสนาอย่างเดียว โดยไม่ยอมลงทุนทำบุญให้ทานใดๆ ไว้เลย (ภพชาติต่อไป)ก็เลยมีแต่ปัญญาอย่างเดียว ไม่มีอันจะกินจะใช้ ก็เห็นจะเจริญวิปัสสนาให้ถึงฝั่งพระนิพพานไปไม่ได้เหมือนกัน

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ในหลวงรัชกาลที่๙พระองค์ท่านทรงเคยดำริว่า
    ่านอยากสละราชสมบัติแล้วมาบวชอยู่บนเขานี้

    เรื่อง “ศาลาหลังนี้ทรงคุณค่า และมีความเป็นมา”

    (เทศนาโดย พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต)

    ที่วัดญาณฯ บนเขาจะมีศาลาหลังหนึ่ง ศาลาหลังนี้ “ในหลวง” (รัชกาลที่๙) ท่านก็ขึ้นมาสนทนาธรรมกับสมเด็จพระสังฆราช(สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) (เจริญ สุวฑฺฒโน) เมื่อปี ๒๕๒๖ สมเด็จพระสังฆราชฯท่านชอบปฏิบัติในป่าในเขา เมื่อก่อนไม่มีวัดญาณฯ ท่านก็จะไปปฏิบัติทางภาคอีสาน ไปอยู่กับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เช่น หลวงตามหาบัว พระอาจารย์ฝั้น พระอาจารย์วัน ท่านชอบไปวัดป่า ไปภาวนา แล้วพอท่านมาสร้างวัดญาณฯ ก็มีพระปฏิบัติมาสร้างกระต๊อบถวายให้ท่านอยู่บนเขานี้ ท่านก็ชอบ กระต๊อบเล็กๆไม่ใหญ่ เวลาที่ท่านมาทำภาระกิจที่วัดญาณฯ ตกตอนเย็นตอนค่ำท่านก็จะขึ้นมาปฏิบัติพักค้างแรมบนเขา ในหลวงท่านก็เคยมาเฝ้ามาสนทนาธรรม ท่านก็มารับเสด็จฯที่บนศาลาหลังนี้ ในหลวงท่านก็เลยดำริอนุญาตให้พระอยู่อาศัยบนนี้ได้ เพราะทรงประกาศเขตป่านี้ให้เป็นเขตอุทยาน เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามกฏหมายนี้เขาไม่ให้ใครขึ้นมาอยู่ ไม่ให้ใครมาใช้ประโยชน์ แต่เนื่องจากพระมาอยู่ก่อนที่จะประกาศเขต ท่านก็เลยอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ

    แล้วท่านเองก็เคยดำริว่า ท่านอยากจะ
    สละราชสมบัติแล้วมาบวชอยู่บนเขานี้

    ตอนที่ท่านครบอายุ๖๐ แต่เนื่องจากเหตุการณ์บ้านเมืองมันมีเรื่องราวอยู่เรื่อยๆ ท่านจึงไม่สามารถสละราชสมบัติได้ ท่านเคยปรารภเคยพูดถึงอยู่ ก็เลยมีการเตรียมสถานที่ทำถนน ลาดยางเอาไฟฟ้าขึ้นมาเตรียม

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...