ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…บุพเพนิวาสชาติปางก่อนเป็นสิ่งที่สนิทสนมกลมกลืนกันมา ไม่มีใครแยกได้เลย พอพบกันปั๊บมันเป็นของมันเอง นี่คือความเคยชิน เป็นมาอย่างนี้ จากนั้นมาอยู่ด้วยกันก็บำรุงกันในปัจจุบัน ด้วยความเห็นอกเห็นใจความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน ยิ่งมีความแน่นหนามีความอบอุ่นมากขึ้น ๆ

    ท่านจึงเทียบเหมือนกับว่าดอกบัว กอบัวที่ได้รับเปือกตมเปือกโคลนที่หล่อเลี้ยงแล้วมันก็มีความชื่นบานขึ้นไปโดยลำดับ อันนี้การมาอยู่ด้วยกันได้รับความซื่อสัตย์สุจริต ความฝากเป็นฝากตายต่อกัน ก็ต่างฝ่ายต่างเป็นเครื่องบำรุงน้ำใจซึ่งกันและกัน สนิทสนมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไป

    แปลในธรรม นี่ละที่ว่า ดอกบัวที่เกิดในโคลนตม โคลนตมแลหล่อเลี้ยงดอกบัวให้ชุ่มเย็น ใครที่มาเกิดด้วยกันในวงวัฏวนนี้ก็เหมือนเกิดในเปือกตม แล้วต่างคนต่างทำความดี ไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันแล้วก็เป็นอันเดียวกันไปเลย สุดท้ายก็ยกกันขึ้น อย่างพระนางพิมพา พระพุทธเจ้าเห็นไหมล่ะ เวลาออก ออกไม่มองหน้ามองหลัง ไม่ให้ทราบเลย เรียกว่าขโมยไปเลย เวลาขากลับมาก็เป็นอย่างนั้นเห็นไหมล่ะ…”

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…ให้เพ่งดูในเรื่องสังขารทั้งหมด ความปรุงความแต่ พิจารณาสังขาร ปัญญาคือความรอบรู้ในกองสังขาร จึงเรียกว่าปัญญา

    สิ่งใดเกิดขึ้นให้รู้มัน นั่งสมาธิเพ่งดู พอมันเคลื่อนจากที่หรือมันไหวปรุงขึ้นมา เราต้องบอกเลย นั่นคือตัวสังขาร

    บางทีนั่งไปมันปวดแข้งปวดขา นี่ตัวสังขารทั้งหมด สังขารา อนิจจา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง โลกนี้เป็นสังขารทั้งหมด สังขารความปรุงแต่ง แต่ปรุงขึ้นแล้วก็ดับไป

    เหตุนั้นท่านจึงให้รู้เท่าในกองสังขาร นี่แหละ ผู้มีปัญญาย่อมรอบรู้ในกองสังขาร สิงใดเกิดขึ้นให้รู้มันหมด ให้รู้เท่าในสังขาร ให้รู้เท่าวิญญาณ เป็นผู้มีปฏิสนธิ เป็นผู้ประกอบ เป็นผู้สัญญา สัญญาสังขาร วิญญาณเหล่านี้แหละรู้มันให้หมด ให้เห็นว่าไม่เที่ยงทั้งหมด สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นไม่ใช่ตนไม่ใช่ตัว เราก็เพ่งให้มันรู้อยู่อย่างนั้น…”

    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…รูปก็ดี นามก็ดีอยู่ใต้อำนาจของไตรลักษณ์เสียแล้ว เกิดขึ้นก็แปรปรวนและแตกสลายไป ดินแตกไปเป็นดิน น้ำแตกไปเป็นน้ำ ไฟแตกไปเป็นไฟ ลมแตกไปเป็นลม

    ที่เรียกรูปธาตุ รูปธรรม รูปขันธ์นี่เอง ส่วนนามธาตุ นามธรรม นามขันธ์ นามโลกก็ว่า ทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นแปรปรวนอีก ดับอีก หาระหว่างมิได้คืออยู่ใต้อำนาจไตรลักษณ์ดังกล่าวมานี้นั่นเอง

    พระบรมศาสดาสอนให้รู้ตามเป็นจริงให้หลุดพ้นตามเป็นจริงโดยไม่เหลือ

    พิจารณาตามความเป็นจริงนั้นอย่างไร ? คือไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา เขา สัตว์ บุคคลนั่นเองเรียกว่าสังขารสูญในเงื่อนสอง คือไม่ใช่เราและไม่ใช่ของเราและกองทุกข์ อ้ายกิเลสตัวหลงๆจะบัญญัติว่าเป็นเราเป็นเขาเป็นบุคคลก็หาเป็นจริงไปตามกิเลสไม่ จึงสอนให้รู้ตามเป็นจริงดังกล่าวแล้วนั้น…”

    หลวงปู่หล้า เขมปัตโต

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -นามก็ดีอยู่ใต้.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “หลวงตามหาบัว ท่านเจริญอิทธบาท ๔ อธิษฐานจิตต่ออายุขัย จาก ๘๐ ปีเป็น ๙๘ ปี”

    (เรื่องเล่าโดย พระอาจารย์แบน ธนากโร)

    “ให้รีบไปกราบหลวงตามหาบัวเสียไวๆ
    ที่สุดเถิด เพราะหลวงตาท่านเข็นสังขาร
    (ต่ออายุ)มาให้นานถึง ๑๐ กว่าปีนี่แล้วน๊ะ”

    พระอาจารย์แบน วัดดอยธรรมเจดีย์ สกลนคร
    (กล่าวกับศิษย์ตอนหลวงตามหาบัวอายุได้ ๙๐ ปี)

    หมายเหตุ : เป็นที่ทราบกันวงพระป่ากรรมฐานว่า แท้จริงนั้น หลวงตามหาบัวท่านหมดอายุขัยตั้งแต่ตอนที่ท่านอายุได้ ๘๐ ปีแล้ว โดยช่วงนั้น หลวงตามหาบัวอาพาธหนักมาก(เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย) และสั่งให้เตรียมสร้างเมรุเพื่อปลงสังขารของท่านเองที่วัดป่าบ้านตาดไว้เรียบร้อยแล้วด้วย แต่พอดีช่วงนั้น พ.ศ.๒๕๔๐ ประเทศไทยกำลังประสพวิกฤติเศรษฐกิจอย่างหนัก ใกล้ล้มละลายเต็มที หลวงตามหาบัวสงสารลูกหลานไทยว่าจะถึงความพินาศวอดวายกันหมดทั้งชาติไปเสียเปล่า ท่านเลยต้องเจริญ”อิทธิบาทภาวนา” ต่ออายุองค์ท่านเอง ด้วยกำลังฌาณและอรหันตฤทธิ์ที่ทรงอานุภาพอย่างเยี่ยมยอด จนสามารถระงับยับยั้งอาการอาพาธ(มะเร็งขั้นสุดท้าย)ให้สงบราบคาบได้เหมือนปลิดทิ้ง อีกทั้งยังมีกำลังวังชาแข็งแกร่ง เหมือนมิได้เป็นอะไรมาก่อน ท่านออกบิณฑบาตทองคำและดอลล่าร์ เพื่อ”ช่วยชาติ”ให้พ้นจากหายนภัยจนประสพผลสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติสยาม โดยได้ทองคำเข้าคลังหลวงถึงกว่า ๑๓ ตัน และเงินดอลล่าร์อีก ๑๐ ล้านดอลล่าร์ ดังเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไปแล้วนั่นเอง

    -หลวงตามหาบัว-ท่า.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ุญมิได้วัดกันที่ค่าของทรัพย์สินเงินทอง
    แต่มันอยู่ที่กำลังใจนั่นแหละ
    ให้รักษาใจที่เป็นภาชนะรองรับเอาบุญ

    เรื่อง “ทำบุญเพียงสองสลึง ทำให้แผ่นดินไหว“

    (คติธรรม หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา)

    ๐ สอนวิธีทำบุญให้ได้อานิสงส์มาก

    ในอดีตกาลล่วงมาแล้ว สมัยองค์พระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนย์อยู่ มีพระยาเจ้าเมือง เมืองหนึ่ง มีใจศรัทธาปรารถนาจะถวายผ้ากฐินเป็นทาน จึงได้ป่าวประกาศไปทั่ว บ้านเมืองเพื่อเชิญชวนให้ชาวเมืองได้ร่วมทำบุญในครั้งนี้ ข่าวทราบถึงมหาเศรษฐีสองคนผัวเมีย มีเงินทองอยู่ ๘๘ โกฏิ เขาทั้งสองเกิดความศรัทธาปิติยินดีในกองบุญกฐินนั้น จึงตั้งใจที่จะร่วมถวายทาน ผ้ากฐิน ตกกลางคืนมาสองผัวเมียก็มาคิดว่า ตัวเรานี้มีข้าวของมากมายแต่ไม่มีอันใดเลย ที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตน มีแต่ใช้คนอื่นหามา มันจะ เกิดอานิสงส์แก่เรามากไหมหนอ เมื่อคิดอย่างนั้นผู้เป็นผัวจึงชวนเมียว่า พรุ่งนี้เช้าเราพากันไปเกี่ยวหญ้ามาขาย เอาเงินที่ได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงเรา ไปทำบุญ มันจักได้บุญมาก ผู้เป็นเมียจึงตอบตกลง พอรุ่งเช้าก็พากันถือเคียวเที่ยวเกี่ยวหญ้ากลางแดดร้อน ได้หญ้า มาสามมัด จึงเอามาสางเอามาล้างเเล้วมอบให้คนใช้นำไปขายให้คนเลี้ยงม้า ได้เงินมา สามสลึงจึงมอบให้คนใช้สลึงหนึ่ง ผัวเอาสลึงหนึ่ง เมียได้ สลึงหนึ่ง สองคนผัวเมีย ได้เงินสองสลึงแล้วจึงพากันนำเงินนั้นมาชำระล้าง ด้วยน้ำอบน้ำหอม ตั้งจิตอธิษฐานยกเงินขึ้นเหนือหัว แล้วตั้งสัจจะอธิษฐาน ด้วยความปิติยินดี แล้วคิดว่า นี่เเหละ! คือเงินที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา เราจะได้บุญมาก!

    จากนั้น สองคนผัวเมียมหาเศรษฐี จึงเดินทางไปที่บ้านของพระยาเจ้าเมือง พอไปถึงก็เดินเข้าไปในบ้าน ไปหยุดตรงที่เขาตั้งขัน รับบริจาคทานบุญกฐินไว้ เขาจึงพากันหย่อนเงินลง “แก๊ก แก๊ก” แล้วก็เดิน ออกไป พอพระยาเจ้าเมืองเห็นจึงเดินมาดูในขัน เห็นเงิน อยู่สองสลึง จึงเกิดโทสะโกรธขึ้นเป็นฟืนเป็นไฟ “ว่า ไอ้อี สองคนนี้ มันเป็นถึงมหาเศรษฐี มีข้าวของ ๘๘ โกฏิ มาตระหนี่ ดูถูกดูแคลนกู กูตั้งกองบุญกฐิน เอาเงินมาร่วมนิดเดียว จึง หยิบเงินขว้างทิ้งลงพื้นกระเด็นไปตกข้างกำแพง

    พอถึงเวลา พระยาเจ้าเมือง และบริวารชาวบ้านชาวเมืองจึงพากันแห่ผ้ากฐินเข้าไปสู่อาราม เพื่อจะถวายพระพุทธเจ้า ครานั้นแผ่นดินไหวสนั่นไปทั่ว บังเกิดต้น กัลปพฤกษ์งอกขึ้นตรงที่เงิน สองสลึงตกอยู่ พระยาเจ้าเมืองดีใจว่า กูนี้เป็นผู้มีบุญมาก ทำบุญกฐิน แผ่นดินพอไหว ต้นไม้กัลปพฤกษ์พองอก จึงวิ่งเข้าไปหมายจักหยิบเงินทองข้าวของที่ห้อยอยู่บนกิ่งกัลปพฤกษ์ แต่เข้าไปไม่ถึงเกิดร้อนขึ้นนัยตาแทบแตกใครก็เข้าไม่ถึงมีแต่สองคนผัวเมียมหาเศรษฐี เท่านั้นที่เข้าไปได้ และนำต้นกัลปพฤกษ์ มาวางบนฝ่ามือได้พอดี

    เมื่อนั้น องค์พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า “เหตุที่แผ่นดินไหว และต้นกัลปพฤกษ์งอกขึ้นนั้น มิใช่เพราะนาบุญของท่านพระยาเจ้าเมือง เป็นเพราะ อานิสงส์ของสองคนผัวเมียมหาเศรษฐี นั่นแหละ”

    คนเราอย่าได้นับประมาทลาสาดูถูกดูแคลนคนที่เขาทำบุญน้อยนิด เพราะเขาอาจจะแลกด้วยชีวิตถึงจะได้ เงินนั้นมาทำบุญเขาอาจจะได้อานิสงส์มากว่าเราที่มีเงินแสนเงินล้านอีกก็ได้

    ุญมิได้วัดกันที่ค่าของทรัพย์สินเงินทอง
    แต่มันอยู่ที่กำลังใจนั่นแหละ

    บางทีชาวไร่ชาวบ้านที่ยากจน นำเงินน้อยนิดที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของตนมาทำบุญ อาจจะได้อานิสงส์ มากกว่าคนรวยๆ ที่ได้เงินมาง่ายๆ เสียอีกเน้อ

    (เครดิตจากคุณ Niti Wattana)

    1527141738_279_บุญมิได้วัดกันที่ค่าขอ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…การเกิดมาเป็นคน เป็นมนุษย์ เหมือนเขาให้มาค้าขายหากประมาทอวดดี ไม่เชื่อผู้รู้ ก็ขาดทุนหากโชคร้ายเพราะประมาทเป็นเหตุก็ต้องล้มละลายกลับไปอยู่นรกใหม่ต้องใช้เวลาอีกนานแสนนาน กว่าจะได้กลับมาทำการค้าใหม่…”

    หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -เป็นมน.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    คำว่าตายแล้วสูญนั้นไม่มี มีแต่ตายแล้วเกิด ถ้าผู้สร้างคุณงามความดีแล้วก็เกิดในสถานที่ดีคติที่เหมาะสม ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ที่ดีเป็นสัมมาทิฏฐิ ไม่หลงศาสนา ไม่ลืมศาสนา ไม่ลืมอรรถลืมธรรม เป็นคนดีคือสร้างความดีเอาไว้ เวลาตายจากมนุษย์นี้ไปสวรรค์ก็ได้ บุญพาไปได้หมด คำว่า”บุญ”ไปสวรรค์ชั้นใดก็ได้ตามอำนาจแห่งบุญกรรมของเราที่สร้างไว้มากน้อย จนกระทั่งถึงพรหมโลกแล้วเตลิดถึงนิพพานพ้นจากทุกข์ไป เพราะอำนาจแห่งกรรมดีของเรานั่นแล ส่วนกรรมชั่วก็ส่งไปได้ในสถานที่ชั่วเหมือนกัน มีอำนาจส่งเช่นเดียวกันกับบุญมีอำนาจส่งคนให้ไปถึงที่สุดวิมุตติหลุดพ้น กรรมชั่วก็เอาให้จมลงดิ่งลงจนกระทั่งถึงกี่กัปกี่กัลป์ ก็ไม่พ้นจากความเป็นสัตว์นรกอยู่ในแดนนรก ให้ไฟนรกเผาอยู่ด้วยอำนาจแห่งกรรมของตนอยู่นั่นแล ไม่มีเวลาที่จะฟื้นขึ้นมาได้ง่าย ๆ นี่คือกรรมชั่วส่งสัตว์โลกผู้ทำความชั่ว

    เพราะฉะนั้นเราจงเป็นผู้กลัวบาป ให้ระมัดระวัง นี้เคยยกตัวอย่างให้พี่น้องทั้งหลายทราบ เราอยากจะให้พวกเราทั้งหลายนี้มีญาณหยั่งทราบ เหมือนพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ท่านผู้เชี่ยวชาญ แล้วเปิดโลกธาตุให้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นมาในประมาณสัก ๑๐ นาที คือ ๕ นาทีหนึ่ง เปิดโลกธาตุให้เรามีหูทิพย์ตาทิพย์ เหมือนพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่านมองเห็นสัตว์โลกอย่างนั้นเหมือนกัน ใน ๕ นาทีนั้นให้ดูตั้งแต่พื้นมนุษย์นี้ลงไปจนกระทั่งถึงแดนนรกเป็นมหันตทุกข์ เรียกว่านรกที่ต่ำสุด ได้รับความทุกข์ความทรมานมากที่สุดอายุยืนนานที่สุดขึ้นมาโดยลำดับลำดา

    พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม เมื่อ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๗

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ในที่สุด..

    ถึงจะเป็นลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์
    ที่เขาลือกันว่าเป็นพระอรหันต์ พระอริยเจ้า

    ในที่สุดแล้วความดีของท่านก็เป็น..
    ค ว า ม ดี ข อ ง ท่ า น

    ไม่ใช่ความดีของเรา

    ฉะนั้น ..การที่ได้เข้าใกล้อาจารย์เพียงอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอ ที่จะช่วยให้จิตใจเราสูงขึ้นมาได้ มันอยู่ที่เราเองแต่ละคน

    ท่านก็เป็นแต่ผู้ชี้บอก แต่ในที่สุดแล้วตัวเราเองต้องเป็น ผู้พายเรือทวนกระแส ครูบาอาจารย์ยกเอาเรือมาให้

    “..เราต้องเป็นผู้พายเรือ ท่านไม่พายให้เรา..”

    หลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร
    วัดป่า ปางกึ๊ด ต.อินทขิน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “บั้งไฟพญานาค”

    (วิสัชนาธรรมโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    โยม: อันนี้เขาส่งมาถามหลวงตา

    หลวงตา : ถามว่ายังไง ใครถามมา ชื่อ….ครับ

    หลวงตา : ผู้หญิงหรือผู้ชาย

    โยม : ผู้หญิงครับ

    หลวงตา : ถามเรื่องอะไรก็ไม่รู้ เราอ่านไม่คอยชัด ลองอ่านดูซิเป็นยังไง

    โยม : กราบเท้าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เคารพยิ่ง ขณะนี้สังคมไทยกำลังสับสนและถกเถียงกันเรื่องบั้งไฟพญานาค มีการสัมภาษณ์ คนลาวบอกว่าไม่มีใครดูบั้งไฟพญานาคเหมือนอย่างคนไทย

    นอกจากนั้นบริษัทแกรมมี่ยังทำภาพยนตร์เกี่ยวกับบั้งไฟพญานาค โดยเน้นที่บั้งไฟ ว่าพระลาวเป็นผู้ทำขึ้นมากกว่าข้อสันนิษฐานอย่างอื่น ข้าน้อยคิดว่าความเชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาค มีผลต่อความเชื่อในศาสนาพุทธเกี่ยวกับภพภูมิต่าง ๆ ที่ตาเนื้อมองไม่เห็น

    รวมทั้งเรื่องตายแล้วเกิด และเรื่องกฎแห่งกรรม จึงขอให้พ่อแม่ครูบาอาจารย์โปรดกรุณาตอบเรื่องบั้งไฟพญานาค เพื่อให้เป็นหลักฐานแก่คนทั้งโลกได้ยินในครั้งนี้ด้วย ด้วยจิตคารวะ

    หลวงตา : อันนี้เราก็เคยอธิบายมาแล้วตั้งแต่ยังไม่ถามปัญหานี้ขึ้นมา เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องตายแล้วสูญ นี่เราเทศน์แทบทุกวันละมัง อันนี้มันล้วนแล้วตั้งแต่เรื่องของกิเลสหลอกสัตว์โลกที่เป็นนักเกิดตายด้วยกัน ไม่มีใครด้อยกว่ากัน การเกิดการตายนี้เป็นนัก นักเกิดนักตายมาทั่วหน้ากันหมด จำนวนการเกิดของตัวเองแต่ละคน ๆ นี้มีจำนวนเท่าไร ๆ นับมา เกิดมากี่กัปกี่กัลป์นับไม่ได้เลยด้วยกัน

    แต่กิเลสหูหนวกตาบอดมันก็มาบีบหูบีบตาคนเราซึ่งเป็นนักเกิดนักตายด้วยตัวเองนั้นแหละ ให้เชื่อตามมันว่า ตายแล้วสูญ นี่คือความโกหกของกิเลส ฝั่งของกิเลสว่าตายแล้วสูญจากใจดวงเดียวกัน

    ส่วนฝั่งของธรรมนั้นตายแล้วเกิดตลอดกัปตลอดกัลป์มา แล้วยังจะต้องตายแล้วเกิดต่อไปอีกถ้าเชื้อแห่งความเกิดยังไม่สิ้นซากจากจิตใจ แล้วความเกิดจะเกิดต่อไปตลอด ไม่มีต้นมีปลายเช่นเดียวกัน นี้คือหลักความจริงแห่งธรรม

    กิเลสมันไม่ได้พิสูจน์อะไรมันหลอกเอาเลย ว่าตายแล้วสูญ ๆ ลบล้างพวกเราที่เป็นนักเกิดนักตายตลอดสัตว์ทั้งหลายทั่วหน้ากันหมด ไม่มีงดเว้นว่าใครตายแล้วยังอยู่ไม่สูญ มีแต่ตายแล้วสูญ

    นี้เป็นโวหารของกิเลสหลอกลวงต้มตุ๋น หรือลูบหน้าปิดตาของสัตว์โลกให้เชื่อตามมันว่าตายแล้วสูญ นี่คือฝั่งของกิเลส ทีนี้ฝั่งของธรรม คำว่าฝั่ง ใจนี้เทียบเหมือนกับแม่น้ำลำคลอง

    ฝั่งทางนี้เป็นฝั่งกิเลสลบล้างอรรถธรรมความจริงทั้งหลาย ฝั่งข้างนี้เป็นฝั่งของธรรม ลบล้างตัวจอมปลอมคือกิเลสที่มันหลอกลวงโลกมาตลอดเวลาให้หายซากไป ทรงไว้แต่ความจริงล้วน ๆ เท่านั้น

    ทีนี้ฝั่งของกิเลส สัตว์โลกทั้งหลายที่ตายเกลื่อนมานี้นับกัปนับกัลป์ไม่ได้ แล้วยังจะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกนับไม่ได้อีกเหมือนกัน กิเลสมันก็ลบล้างว่าตายแล้วสูญ นี่คือฝั่งของกิเลสตัวหลอกลวงสัตว์โลก ทีนี้ฝั่งของธรรมตายแล้วเกิด เพราะเหตุไร ทำไมถึงว่าตายแล้วเกิด กิเลสทำไมถึงว่าตายแล้วสูญ

    สูญเพราะเหตุไร กิเลสไม่มีเหตุผลว่าสูญเฉย ๆ สูญเพราะเหตุไรตอบไม่ได้ แต่ธรรมนี้ว่า ตายแล้วเกิด เกิดเพราะเหตุไรธรรมนี้พิสูจน์ได้เลย คืออวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา ฝังอยู่ในหัวใจสัตว์ ให้พาไปเกิดไปตายอยู่ตลอดมา ทีนี้เวลาธรรมนี้ชะล้างสิ่งปิดบังทั้งหลายให้สัตว์ทั้งหลายหลงงมงายว่า ตายแล้วสูญนี้ออกตามหลักความจริงว่าตายแล้วเกิดด้วยธรรม คือให้สะอาดสะอ้านภายในจิตใจ

    ชำระล้างจิตใจเข้าไปเรื่อย ๆ เฉพาะอย่างยิ่งด้วยจิตตภาวนา อันนี้เห็นชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างอื่นพิสูจน์ได้ยาก และพิสูจน์ไม่เห็นไม่มีทาง แต่เรื่องจิตตภาวนาออกจากหลักพุทธศาสนาของเราด้วยแล้วร้อยทั้งร้อย พิสูจน์เข้าไปจะไปเห็นตัวจริง ตัวที่เป็นเงาติดอยู่ในจิต พาให้สัตว์เกิดสัตว์ตายได้แก่ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา เป็นต้น

    นี้แลตัวแทรกอยู่ในตัวจิต เป็นเงาอยู่ในตัวจิต แต่ทำลายตัวจิต หมุนตัวจิตให้เกิดให้ตายไม่มีเวลายับยั้งหรือหยุดยั้งได้เลย คือตัวนี้เอง เวลาภาวนาเข้าไป นี่เราพูดให้นักภาวนาได้พิสูจน์ด้วยว่า อยากจะเห็นเรื่องนี้ให้ภาวนา ทำจิตใจให้มีความสงบเย็น

    ใจของเราวุ่นวายส่ายแส่ มีแต่กิเลสผลักดันออกไปให้คิด ให้ปรุงฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไม่มีวันเข็ดหลาบอิ่มพอ หมุนอยู่อย่างนั้นตลอดไป นี้คือฝั่งของกิเลสลากสัตว์โลกให้เป็นเพื่อความลุ่มหลงตลอดไป

    ทีนี้ทำจิตที่มันวุ่นวายทั้งหลายนี้ให้เข้าสู่ความสงบ เอ้า ความสงบเราจะเอาอะไรมาเป็นเครื่องกำกับใจของเราก็ได้ เช่น อย่างทางพุทธศาสนานี้ การที่จะนำคำบริกรรมมาเป็นที่เกาะที่ยึดของจิตนี้มีมากต่อมาก เช่น ท่านว่ากรรมฐาน ๔๐ ห้องมีได้ทั้งนั้น

    แต่เราจริตนิสัยชอบในบทใด เช่น ที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้เป็นจำนวนมากก็คือว่า พุทโธบ้าง ธัมโมบ้าง สังโฆบ้าง อานาปานสติบ้างหรือว่ามรณัสสติ เป็นคำบริกรรมติดอยู่กับใจ นึกบริกรรม หรือว่าเราตาย ๆ อย่างนี้ก็ได้

    หรือมรณัสสติว่าความตาย ๆ อยู่กับเราทุกคนอย่างนี้ก็ได้ ให้มีสติกำกับดูอยู่ในนั้น จิตของเราจะค่อยสงบลง ๆ พอจิตสงบลงแล้วเราจะเริ่มเห็นรากฐานของใจที่ตัวเงามันพาให้เกิดให้ตายคือ อวิชชา เราจะเริ่มเห็นเป็นลำดับลำดา

    จิตใจมีความสว่างไสวขึ้นเท่าไรก็ยิ่งจะเห็น ทั้งตัวของเราทั้งเงาที่เป็นภัยต่อเราอีกเป็นลำดับ จนกระทั่งพิจารณาชำระซักฟอกหมดเงาของกิเลสได้แก่ อวิชฺชายเตฺวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ เรื่อยไปเลย

    ทีนี้เมื่ออวิชชาดับภายในจิตใจแล้ว สังขาร วิญญาณ นาม รูป ดับหมด นี้แลเข้าถึงจิตที่ตัวตายแล้วเกิด ตายแล้วสูญ รู้ตัวนี้ แต่เวลาจิตได้เข้าถึงนี้แล้วเรียกว่า คำว่าตายแล้วเกิด ตายแล้วสูญหมดปัญหาไปเลย เหลือแต่ธรรมธาตุล้วน ๆ ปรากฏอยู่ภายในจิตใจ นี่ไม่มีเกิดไม่มีตาย

    ธรรมชาติที่เลิศเลอคือธรรมชาตินี้ ที่กิเลสมันต้มมันตุ๋น มันตีเสียแหลกว่าตายแล้วสูญ ๆ ไสสัตว์ให้ไปเกิดนรกอเวจี ที่ไหน ๆ เกิดหมดตายหมด ได้รับความทุกข์เพราะกิเลสหลอกด้วยกันทั้งนั้น

    ทีนี้พอกิเลสตัวนี้ตายแล้ว เรื่องตายแล้วสูญมันก็ไม่มี เพราะมันไม่เคยมี กิเลสหาเรื่องเฉย ๆ มีแต่ตายแล้วเกิด เมื่อชำระตัวตายแล้วเกิดนี้ออกหมดแล้ว ถึงความบริสุทธิ์เต็มที่แล้ว ทุกขํ นตฺถิ อชาตสฺส ทุกข์ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่เกิด ไม่เกิดก็ไม่ตายอันเดียวกัน แล้วจะมีทุกข์มาจากไหน นี่พูดถึงเรื่องอะไรที่ถามปัญหานี่ลืมแล้วนะ อย่างนั้นนะ

    โยม : บั้งไฟพญานาคครับ

    หลวงตา : อย่าเอามายุ่งบั้งไฟพญานาคนั่น ให้พูดถึงนี้ ที่มันพันหัวใจเราอยู่เดี๋ยวนี้มันอะไร บั้งไฟพญานาคไม่ไปหาพัน เราไปพันมันต่างหาก

    โยม : เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด

    หลวงตา : เออ นี่ละ ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย ธรรมพิสูจน์อย่างนี้ แล้วจะเห็นตายแล้วไม่สูญ อมตะไม่ตายด้วย มีเท่านั้น มีอะไรอีกล่ะ

    โยม : ตกลงว่ามีบั้งไฟพญานาคจริง หรือว่าคนไทยถูกคนลาวหลอก คือหนังสือพิมพ์และไอ ที วี เขาไปทำสกู๊ปข่าวว่า ที่ไปดูบั้งไฟกันเป็นแสน ๆ เป็น ๕-๖ ปีมานี้ ที่ทำเนี่ย

    เขาว่าคนไทยนี้โง่ คือคล้าย ๆ กับคนไทยโง่เพราะฝั่งลาวไม่มีใครดูกัน เป็นทหารลาวเขายิงปืนส่องแสง ยิงปืนนำวิถีค่ะ ฉลองเทศกาลพญานาค แล้วคนไทยก็ฉลองเทศกาลออกพรรษา ไอ ที วี เขาทำข่าวว่า คนไทยที่ไปดูนั้นคล้าย ๆ กับเป็นคนโง่งมงายเจ้าค่ะ ทีนี้สังคมไทยก็ถกเถียงกันมาตั้งแต่งานบั้งไฟ จนบัดนี้หนังสือพิมพ์ยังเถียงกันอยู่

    หลวงตา : เราจะตัดสินนะ ทางลาวว่าคนไทยเราโง่ใช่ไหม ที่ไปดูบั้งไฟนะ ถ้าคนลาวไม่ไปดู คนลาวโง่ที่สุดเลยเข้าใจไหม เอาตรงนี้เลย เอาตรงนี้ละซิ ทำไมเขาดูกันทั้งประเทศเมืองไทย ทำไมไม่ดูถ้าไม่โง่เกินไป ก็มีเท่านั้นแหละ

    โยม เขาบอกว่าทหารลาวยิงปืนเจ้าค่ะ

    หลวงตา: นี่หมัดหยอกเล่น เข้าใจไหม ไอ้เรื่องโง่มันโง่ด้วยกันทุกคน ฉลาดด้วยกันทุกคนนั่นแหละ เข้าใจไหม แต่เรื่องบั้งไฟมันมีหมัดรับหมัดต่อย ก็ต่อยกันไปอย่างนั้น

    ไม่พูดละเรื่องนี้ช่างมันเถอะ มันมีอยู่ทั่วไป ไปหาดูวับ ๆ แวม ๆ อยู่ตามริมแม่น้ำโขง ฟาดขึ้นฟ้าดูพระอาทิตย์ ถ้าไม่กลัวตาแตกดูทั้งวันก็ได้ มันยากอะไร ไปหาเกาในที่ไม่คัน อุ๊ย.ยังไงกัน

    เอาจุดมันสำคัญ ๆ นี่ ที่เทศน์วันนี้เป็นคติเข้าใจไหม ตายแล้วเกิดตายแล้วสูญ พิสูจน์จิตดวงนี้ จ้าขึ้นมาแล้วคำว่าตายแล้วเกิดตายแล้วสูญหายทันทีเลย เหลือตั้งแต่ธรรมอันเลิศเลอ คือธรรมธาตุของจิตดวงนี้บริสุทธิ์แล้ว ไม่มีคำว่าเกิดว่าตายเข้าไปแทรกเลย นั่น ธรรมตัดสิน ตัดสินอย่างนี้แหละ ก็มีเท่านั้นแหละ
    _________________________________________

    หมายเหตุ : เรื่องอจินไตยนั้น ไม่ควรคิดตาม เพราะเป็นปัจจัตตัง รู้เห็นได้เฉพาะผู้ปฏิบัติถึงเท่านั้น ถ้าท่านบอกว่ามีจริง คนก็จะหลงไปเป็นจริงเป็นจังกับพญานาค ฝังจิตฝังใจชวนคนอื่นไปร่วมฝังจิตฝังใจ ก็จะไปยกเอาพญานาคเป็นสรณะ มันจะเสียมากกว่าได้ ไม่เกิดประโยชน์ ถ้าบอกว่าไม่มีจริง ก็จะพากันไม่เชื่อเรื่องเกิดเรื่องตาย พาลว่าคำสอนในพระพุทธประวัติเรื่องเล่าต่างๆที่ผ่านมาเป็นเรื่องโกหกไปเสีย ไปหลงเชื่อว่า ตายแล้วสูญ อีกเป็นสำคัญ

    ชี้ชัดไปฝั่งใดก็มีแต่เรื่องชี้โพรงให้กระรอกโง่จอมเซ่อ ไม่เกิดประโยชน์อันใด เพราะคนที่ถามปัญหา ไม่ได้มีความต้องการจะหาทางหลุดพ้นกิเลส แต่ชอบฤทธิ์ชอบเดชเสียมากกว่า จะพาลเสียเวลปฏิบัติทั้งของตนเองและผู้อื่น ปล่อยให้มันกำกวมแล้วไปตีปริศนากันเอง ตามแต่สติปัญญาและจริตนิสัยวาสนาของแต่ละท่านที่มีต่างๆกัน หลวงตาท่านว่าอย่างนั้น

    -บั้งไฟพญานาค.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    1f3fb.png คำว่า”พระพุทธศาสนา”นั้น
    ไม่มีทางเสื่อมจากโลกจากจักรวาล
    ไม่ว่าในกาลไหนๆ
    คนต่างหากที่ทำตนให้เสื่อม
    จากพระพุทธศาสนา

    โอวาทธรรม:หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…พรหมจรรย์เบื้องต้นของพระพุทธศาสนา คือพระโสดาบัน…”

    ๑. ไม่เสียดายอยากถือศาสดาอื่นนอกจากพระพุทธเจ้า และพระธรรมคำสอนขององค์ท่าน และอริยสาวกขององค์ท่าน อริยสาวกขององค์ท่านเบื้องต้นนั้นไม่นิยมว่าภิกษุสามเณรและชั้นวรรณะใด ๆ

    ๒. ไม่เสียดายอยากล่วงละเมิดศีล ๕

    ๓. ไม่เสียดายอยากล่วงอบายมุขทุกประเภท

    ๔. ไม่เสียดายอยากจะถือฤกษ์ดียามดีพร้อมทั้งไสยศาสตร์ต่าง ๆ เช่น อยู่ยงคงกระพัน เป็นต้น

    ๕. ไม่เสียดายอยากค้าขายเครื่องประหาร ค้าขายมนุษย์ ค้าขายสัตว์เป็นและเนื้อสัตว์ที่ตัวฆ่าเพื่อเป็นอาหาร ค้าขายน้ำเมา ค้าขายยาพิษ การค้าขาย ๕ อย่างนี้ไม่เสียดายอยากค้าขายเลย

    ๖. ไม่เสียดายอยากจะผูกเวรกับท่านผู้ใด โกรธอยู่แต่ไม่ถึงกับผูกเวร แปลว่าโกรธแบบเบา ถ้าหากว่ามีผู้มาทำให้ผิดใจ จนถึงร้องไห้หรือน้ำตาออกก็ตกลงในใจว่า “ถ้าเคยทำเขาแต่ชาติก่อน ผลของกรรมตามมาก็ให้แล้วก้นไปซะ ข้าพเจ้าจะไม่จองเวรเลย ถ้าเขามาก่อใหม่ในชาตินี้ก็ให้แล้วกันไปซะ จะไม่จองเวรใด ๆ ” ดังนี้เป็นต้น

    เมื่อตกลงใจขนาดนี้ ดังกล่าวมาแล้วแต่ต้นก็ปิดประตูนรกแล้ว เพราะไม่มีนรกอยู่ในที่ใจ ปิดประตูเปรตอีกด้วย ปิดประตูสัตว์ดิรัจฉานอีกด้วย ก็มีคติเป็น ๒ ในอนาคตคือ “ไม่มนุษย์ก็สวรรค์” เท่านั้น

    ซ้ำเข้าไปอีกว่า “สิ่งใดไม่เสียดายอยากล่วงละเมิด สิ่งนั้นก็ไม่ลำบากหัวใจเลย” นี่คือพรหมจรรย์เบื้องต้นของพระพุทธศาสนา คือพระโสดาบันเราดี ๆ นี้เอง ไม่นิยมชั้นวรรณะและเพศวัยใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าหากว่าเปิดประตูใจถึงพระโสดาบันแล้ว เรียกว่า “ดวงตาปัญญาเห็นธรรม” เป็นทุนแล้ว เรียกว่า โลกุตตระทุน เป็นทรัพย์ภายใน ทรัพย์ภายนอกหากดึงดูดไปเอง และก็เปิดประตูสกทาคามีไปเองในตัวด้วย จะเร็วหรือช้าก็ไม่ถอยหลังด้วยดังกล่าวแล้วนั้น…”

    หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    … การด่าว่าพระ เป็นกรรมหนัก อย่าตามแห่ไปด่า
    พระ เพราะเราไม่รู้จริง ตายแล้วลงอเวจีมหานรก
    ไม่คุ้ม เอาเวลาไปปฏิบัตธรรมกับพระที่เสื่อมใสจะ
    จะดีกว่า …

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    -เป็นกรรมห.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...